Show Posts
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1471
news & activity / นมแพะ ดีจี-3 แอดวานซ์ อีกหนึ่งทางเลือก เพื่อเติมเต็มพัฒนาการของลูกรัก
« on: September 12, 2010, 10:49:48 AM »
บริษัท แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ นมแพะดีจี-3 แอดวานซ์ สูตร3 สำหรับเด็กอายุ ขวบปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว ผลิตและนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ เพราะนมแพะมีระบบคัดหลั่งคล้ายคลึงกับนมแม่ (Aprocrine secretion) จึงอุดมด้วยสารอาหารที่ใกล้เคียงกับนมแม่ อาทิ นิวคลีโอไทด์, ARA, โพลีเอมีนส์, ทอรีน, โคลีนและวิตามินอื่นๆ อีกมากมาย สามารถย่อยได้ดีกว่านมวัวและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดี เป็นที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียและยุโรป โดยโด้รับสัญลักษณ์คุณภาพ “ใบเฟิร์น” แห่งนิวซีแลนด์ ราคาจำหน่ายกระป๋องละ 372 บาทสำหรับขนาด 400g และ 720 บาทสำหรับขนาด 800g วางจำหน่ายที่โมเดิรน์เทรด อาทิ เทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, ท็อปส์, บิ๊กซี, และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ได้แก่ เดอะมอลล์, แมคโคร, จัสโก้, ฟู้ดแลนด์ และร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dgsmartmom.com
1472
news & activity / ประกาศการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น
« on: September 12, 2010, 10:48:21 AM »
ประกาศการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น
กรุงเทพฯ – เพื่อความสะดวกสำหรับผู้มีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่นในประเทศไทย ทางบริษัท วีเอฟเอส โกลบอล ผู้ดำเนินการจัดการบริการด้านกงสุลให้กับสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเริ่มบริการด้านกงสุลโดยมีการรับคำร้องขอวีซ่าพร้อมรับชำระค่าธรรมเนียม และจัดส่งหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลทั่วไปได้ที่เคาน์เตอร์ยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี (อำเภอศรีราชา) พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครราชสีมา และพิษณุโลก โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ศกนี้ เป็นต้นไป อนึ่ง บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางการทูต หนังสือเดินทางข้าราชการ และบุคคลที่ต้องการขอวีซ่าในกรณีฉุกเฉินที่มีเหตุผลทางมนุษยธรรม ยังต้องดำเนินการขอวีซ่าโดยตรงกับสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ
การที่ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านทางที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด สามารถลดขั้นตอนการเดินทางเข้ามายื่นด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ และเมื่อขั้นตอนการพิจารณาได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ยื่นคำร้องสามารถเลือกที่จะรับหนังสือเดินทางคืนได้ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 น. – 16.30 น. หรือจะให้จัดส่งไปยังบ้านท่าน โดยค่าใช้จ่ายการจัดส่ง ทาง วีเอฟเอส จะเป็นผู้รับผิดชอบ
โดยทั่วไปแล้ว การขอวีซ่า จะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอย่างน้อย 7-8 วัน ทำการ นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องจนถึงได้รับหนังสือเดินทางคืน บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการเฉพาะการรับยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินผลของวีซ่าแต่อย่างใด ทางสถานทูตญี่ปุนประจำประเทศไทย ยังคงเป็นผู้พิจารณาผลของการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท และระยะเวลาของการพิจารณาวีซ่านั้น จะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี
หากท่านต้องการสอบถามขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น สามารถโทรติดต่อได้ที่ (02) 632-1541 หรือทางอีเมล์ info.jpth@vfshelpline.com, หรือทางเว็บไซต์ www.jp-vfsglobal-th.com.
บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านกงสุลที่ใหญ่ที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุด ในปัจจุบัน วีเอฟเอส โกลบอล ได้เปิดดำเนินการให้บริการอย่างเป็นทางการกับสถานทูต 31 แห่ง โดยมีศูนย์รับยื่นวีซ่ามากกว่า 350 แห่ง ใน 47 ประเทศทั่วโลก และได้ดำเนินการเกี่ยวกับการรับยื่นวีซ่าให้กับผู้ยื่นวีซ่ามากกว่า 7.5 ล้านคนในแต่ละปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.vfsglobal.com
วีเอฟเอส (ไทยแลนด์) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2005 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยุ่ ณ กรุงเทพฯ ปัจจุบันให้บริการทางด้านกงสุลให้กับสถานทูต 7 แห่ง ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย อังกฤษ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ค
กรุงเทพฯ – เพื่อความสะดวกสำหรับผู้มีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่นในประเทศไทย ทางบริษัท วีเอฟเอส โกลบอล ผู้ดำเนินการจัดการบริการด้านกงสุลให้กับสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเริ่มบริการด้านกงสุลโดยมีการรับคำร้องขอวีซ่าพร้อมรับชำระค่าธรรมเนียม และจัดส่งหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลทั่วไปได้ที่เคาน์เตอร์ยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี (อำเภอศรีราชา) พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครราชสีมา และพิษณุโลก โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ศกนี้ เป็นต้นไป อนึ่ง บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางการทูต หนังสือเดินทางข้าราชการ และบุคคลที่ต้องการขอวีซ่าในกรณีฉุกเฉินที่มีเหตุผลทางมนุษยธรรม ยังต้องดำเนินการขอวีซ่าโดยตรงกับสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ
การที่ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านทางที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด สามารถลดขั้นตอนการเดินทางเข้ามายื่นด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ และเมื่อขั้นตอนการพิจารณาได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ยื่นคำร้องสามารถเลือกที่จะรับหนังสือเดินทางคืนได้ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 น. – 16.30 น. หรือจะให้จัดส่งไปยังบ้านท่าน โดยค่าใช้จ่ายการจัดส่ง ทาง วีเอฟเอส จะเป็นผู้รับผิดชอบ
โดยทั่วไปแล้ว การขอวีซ่า จะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอย่างน้อย 7-8 วัน ทำการ นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องจนถึงได้รับหนังสือเดินทางคืน บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการเฉพาะการรับยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินผลของวีซ่าแต่อย่างใด ทางสถานทูตญี่ปุนประจำประเทศไทย ยังคงเป็นผู้พิจารณาผลของการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท และระยะเวลาของการพิจารณาวีซ่านั้น จะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี
หากท่านต้องการสอบถามขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น สามารถโทรติดต่อได้ที่ (02) 632-1541 หรือทางอีเมล์ info.jpth@vfshelpline.com, หรือทางเว็บไซต์ www.jp-vfsglobal-th.com.
บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านกงสุลที่ใหญ่ที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุด ในปัจจุบัน วีเอฟเอส โกลบอล ได้เปิดดำเนินการให้บริการอย่างเป็นทางการกับสถานทูต 31 แห่ง โดยมีศูนย์รับยื่นวีซ่ามากกว่า 350 แห่ง ใน 47 ประเทศทั่วโลก และได้ดำเนินการเกี่ยวกับการรับยื่นวีซ่าให้กับผู้ยื่นวีซ่ามากกว่า 7.5 ล้านคนในแต่ละปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.vfsglobal.com
วีเอฟเอส (ไทยแลนด์) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2005 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยุ่ ณ กรุงเทพฯ ปัจจุบันให้บริการทางด้านกงสุลให้กับสถานทูต 7 แห่ง ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย อังกฤษ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ค
1473
news & activity / KTAMปันผลกองทุนKTLF0.50บาทต่อหน่วย
« on: September 12, 2010, 10:47:24 AM »
KTAMปันผลกองทุนKTLF0.50บาทต่อหน่วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2553 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 20 กันยายน 2553 และจะทำการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 27 กันยายน 2553
โดยกองทุนดังกล่าว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด เป็นกองทุนที่ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน 15% ของเงินได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน KTLF ซึ่งคำนวณตามมาตรฐาน AIMC สิ้นสุด ณ วันที่ 10 กันยายน 2553 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 20.52% เทียบกับ Benchmark คือ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 20.36% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 29.08% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 28.26% ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ 33.30% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 33.09 % ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 31.70% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 31.50%
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่น สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนประเภท RMF /LTF ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2553 และถือครองหน่วยลงทุน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 จะได้รับของสมนาคุณเป็นหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ มูลค่าสูงสุดถึง 13,000 บาท และหากเข้าร่วมโครงการ Wealth Plus โดยหักบัญชีเงินฝาก หรือตัดผ่านบัตรเครดิตเป็นรายเดือน โดยมียอดบัญชีรวม ตั้งแต่ 30,000 บาท ขึ้นไป รับเพิ่มกระเป๋าเอนกประสงค์ นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมออกบูธในงาน Emporium Asset & Wealth Management Expo ระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน 2553 ที่ห้างสรรพสินค้า Emporium ชั้น 1 โดยผู้ลงทุนที่ซื้อกองทุน RMF/LTF ในงานจะได้รับเพิ่ม Gife Vocher Emporium มูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ส่วนกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการ ลงทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับ Gife Vocher Emporium มูลค่า 100 บาท รวมสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดซื้อหน่วยลงทุนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน6 ( KTSIV6M6 ) ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2553 โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ33% ลงทุนในเงินฝาก 23.50% และตั๋วแลกเงิน 43.50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.70% ต่อปี และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2553 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 20 กันยายน 2553 และจะทำการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 27 กันยายน 2553
โดยกองทุนดังกล่าว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด เป็นกองทุนที่ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน 15% ของเงินได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน KTLF ซึ่งคำนวณตามมาตรฐาน AIMC สิ้นสุด ณ วันที่ 10 กันยายน 2553 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 20.52% เทียบกับ Benchmark คือ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 20.36% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 29.08% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 28.26% ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ 33.30% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 33.09 % ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 31.70% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 31.50%
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่น สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนประเภท RMF /LTF ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2553 และถือครองหน่วยลงทุน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 จะได้รับของสมนาคุณเป็นหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ มูลค่าสูงสุดถึง 13,000 บาท และหากเข้าร่วมโครงการ Wealth Plus โดยหักบัญชีเงินฝาก หรือตัดผ่านบัตรเครดิตเป็นรายเดือน โดยมียอดบัญชีรวม ตั้งแต่ 30,000 บาท ขึ้นไป รับเพิ่มกระเป๋าเอนกประสงค์ นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมออกบูธในงาน Emporium Asset & Wealth Management Expo ระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน 2553 ที่ห้างสรรพสินค้า Emporium ชั้น 1 โดยผู้ลงทุนที่ซื้อกองทุน RMF/LTF ในงานจะได้รับเพิ่ม Gife Vocher Emporium มูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ส่วนกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการ ลงทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับ Gife Vocher Emporium มูลค่า 100 บาท รวมสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดซื้อหน่วยลงทุนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน6 ( KTSIV6M6 ) ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2553 โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ33% ลงทุนในเงินฝาก 23.50% และตั๋วแลกเงิน 43.50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.70% ต่อปี และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
1474
news & activity / KTAMบุกแดนหมีขาว
« on: September 12, 2010, 10:45:17 AM »
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าว เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย รัสเซีย ฟิกซ์อินคัม 1 ระหว่างวันที่ 22 - 28 กันยายน 2553 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุ 2 ปี 7 เดือน จ่ายผลตอบแทนคืนทุก 3 เดือน เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.50 %ต่อปี พร้อมจัดโปรโมชั่น ลงทุน 500,000 บาท ขึ้นไป รับตุ๊กตาหมีขาว โดยมีนายสมชัย บุญนำศิริ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ นำทีมผู้บริหารแถลงข่าว เมื่อวานนี้ ที่ รร.แกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ
1475
news & activity / The 2010 Velatura Collection.จ้าวแห่งเรือใบ กับจ้าวแห่งนาฬิกาจับเวลาทางน้ำ
« on: September 12, 2010, 10:44:17 AM »
ศิลปะของการรังสรรค์นวัตกรรมแห่งเครื่องบอกเวลาสำหรับผู้หลงไหลกีฬาทางน้ำนั้น นอกจากการพัฒนาในด้านประสิทธิภาพของเรือนเวลาแล้ว คุณภาพและรูปลักษณ์ของนาฬิกาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ตั้งแต่ปี 2007 “ไซโก” ผู้นำการรังสรรค์นวัตกรรมแห่งเครื่องบอกเวลาจากประเทศญี่ปุ่นได้ให้กำเนิดนาฬิกาสปอร์ตจ้าวแห่งมหาสมุทรอย่าง Velatura “เวฬาทูร่า” โดยเน้นดีไซน์ในแบบฉบับโมเดิร์นสปอร์ต ประกอบกับการพัฒนาคุณสมบัติความแข็งแกร่งเพื่อความสนุกในทุกความท้าทาย ซึ่งต่อมา Velatura “เวฬาทูร่า” ได้รับเลือกให้เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่ใช้ในมหกรรมเรือใบระดับโลกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2007 ในการแข่งขัน “The International 49er Class Association” ซึ่งการแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาจ้าวแห่งเรือใบโอลิมปิก โดยเรือที่ใช้ในการแข่งขันนั้นมีความเร็วถึง 25 น็อต ซึ่งเร็วกว่าความเร็วลมปกติโดย The 49 er นี้ เป็นการแข่งขันเรือใบที่มีชื่อเสียงและเติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเรือเข้าร่วมแข่งขันที่ไม่เคยต่ำกว่า 62 ลำ จาก 26 ชาติทั่วโลก บนน่านน้ำสีฟ้าอมเขียวอันเป็นสัญลักษณ์อันงดงามของ เกาะบาฮามาส และสำหรับในปี 2010 นี้ เวฬาทูร่า ได้มีการพัฒนารูปลักษณ์สปอร์ตที่สวยงามขึ้น อีกทั้งยังผสานกับคุณสมบัติสุดทันสมัยอย่างโครโนกราฟ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีภายในที่เป็นสัญลักษณ์ของจ้าวแห่งนาฬิกาจับเวลาด้วยระบบ คิเนติก ไดเร็ค ไดรฟ์ (Kinetic Direct Drive) ลงตัวกับสายยางสีดำที่มีความโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์
1476
news & activity / ไซโก จัดแคมเปญพิเศษ ช้อปถูกใจ ลุ้นโชค ยั้ย…ใหญ่ กับไซโก
« on: September 12, 2010, 10:43:18 AM »
บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำการรังสรรค์นวัตกรรมแห่งเครื่องบอกเวลาจากประเทศญี่ปุ่น จัดแคมแปญ “ ช้อปถูกใจ ลุ้นโชคยั้ย …ใหญ่ กับไซโก” ตอบแทนลูกค้า เพียงท่านช้อปนาฬิกา ไซโก (Seiko), อัลบา (Alba) หรือ ไซโก คล็อค (Seiko Clock) ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศที่ร่วมรายการ รับสิทธิ์ลุ้นชิงรางวัลเพียบ อาทิ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู้ปปี้ ไอ, โทรศัพท์มือถือ แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 8520, โทรศัพท์มือมือ ซัมซุง แคนดี้ และเครื่องดูดฝุ่นแอลจี โดยส่งคูปองชิงโชคมาร่วมสนุก ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2553 ที่ตู้ปณ. 8 ปณฝ.มักกะสัน กรุงเทพฯ 10402 ยิ่งซื้อมากก็ยิ่งมีสิทธิ์มาก...
1477
news & activity / เอชทีซี-ดีแทค เอาใจขาโจ๋ ส่ง HTC Smart แพ็คเกจคู่ราคาโดนๆแถมเล่นเน็ตฟรีกับแฮปปี้
« on: September 12, 2010, 10:42:37 AM »
เอชทีซี-ดีแทค เอาใจขาโจ๋ ส่ง HTC Smart แพ็คเกจคู่ราคาโดนๆแถมเล่นเน็ตฟรีกับแฮปปี้ เดือนละ 100 เมกฯ นาน 3 เดือน
ในภาพ: นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด (ขวา) และนายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) (ซ้าย) ร่วมส่งโปรโมชั่นเอาใจวัยรุ่น ผู้ชื่นชอบการท่องเน็ต ติดแช็ตและอัพเดทกับเพื่อนบนเฟซบุ๊ค ด้วย HTC Smart Buddy Pack ซื้อ HTC Smart แพ็คเกจคู่วันนี้ ในราคาเพียงคู่ละ 9,900 บาท พร้อมผ่อน 0% นาน 10 เดือน (เฉพาะบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2553 พิเศษ! สำหรับลูกค้า Happy รับเพิ่มฟรี แพ็คเกจอินเทอร์เน็ตจาก Happy internet เดือนละ 100 เมกะไบต์ นาน 3 เดือน โดยผู้ซื้อ HTC Smart สามารถแจ้งขอเปิดใช้บริการแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตดังกล่าวได้ ทาง dtac call center โทร. 1678
HTC Smart มือถือหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 2.8” ที่โดดเด่นด้วยยูสเซอร์อินเทอร์เฟซลิขสิทธิ์เฉพาะ HTC SenseTM ให้คุณปรับแต่งหน้าจอ ได้ตามสไตล์คุณมากถึง 7 หน้า พร้อมแอพพลิเคชั่น Friendstream ที่ให้คุณเกาะติดทุกการอัพเดทจากเพื่อนในหลากหลายสังคมออนไลน์ในที่เดียว พร้อมวิทยุ FM และรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ EDGE/GPRS/3G มีให้เลือก 3 สี ขาว ดำ ชมพู สนนราคาคู่ละ 9,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
1478
news & activity / KTAMเปิดม่านเหล็กลงทุนตราสารหนี้รัสเซีย
« on: September 12, 2010, 10:41:59 AM »
KTAMเปิดม่านเหล็กลงทุนตราสารหนี้รัสเซีย อายุ2ปี7เดือนชูยิลด์3.50%ต่อปีขาย22-28ก.ย.นี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย รัสเซีย ฟิกซ์อินคัม 1 ( KTRF1) ระหว่างวันที่ 22-28 กันยายน 2553 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุ 2 ปี 7 เดือน จ่ายผลตอบแทนคืนอัตโนมัติทุก 3 เดือน มูลค่าเงินลงทุนขึ้นต่ำ10,000 บาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตรารสารทางการเงินที่รัฐบาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ หรือภาคเอกชนของประเทศรัสเซีย เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมุลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด
โดยจุดเด่นของกองทุนนี้ คือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศรัสเซีย ที่มีฐานะการคลัง และการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ผู้กู้เป็นสถาบันการเงินหรือกิจการ ซึ่งภาครัฐของประเทศรัสเซียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ( Government related firms ) โดยกองทุนจะลงทุนผ่านตราสารประเภท Loan Participation Note สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเครืองมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมของกิจการในรัสเซียเพื่อใช้ระดมเงินทุนจากต่างประเทศ และตราสารที่ลงทุนได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับผู้กู้เหล่านี้ และระดับเดียวกับประเทศรัสเซียที่ BBB โดย S&P
ตราสารที่กองทุนจะลงทุน ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบไปด้วย 1) SBERRU โดยมี SB Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และ SBERBANK เป็นผู้กู้ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์เก่าแก่แห่งแรกในรัสเซีย และเป็นสถาบันการเงินใหญ่อันดับหนึ่งของรัสเซีย โดยธนาคารกลางแห่งรัสเซียถือหุ้น 60.30 % 2) ลงทุนใน GAZPRU โดยมี Gaz Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และ GAZPROM เป็นผู้กู้ ซึ่งก่อตั้งในปี 1993 ภายใต้กฎหมายพิเศษแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อโอนธุรกิจพลังงานให้ดำเนินการในรูปแบบเอกชน ปัจจุบันภาครัฐยังคงถือหุ้น 50.002 % เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพลังงานครบวงจรโลก ครอบครองทรัพยากรก๊าซธรรมชาติคิดเป็น17% ของแหล่งสำรองในโลกนี้ และคิดเป็น 70% ของแหล่งสำรองในประเทศรัสเซีย 3) ลงทุนใน RSHB โดยมี RSHB Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และ Aussian Agricultural Bank เป็นผู้กู้ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเชิงนโยบาย( Policy Bank ) ถือหุ้น 100 % โดยธนาคารกลางรัสเซีย เป็นธนาคารที่ให้การสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการอำนวยสินเชื่อแก่ภาคเกษตรกรรมของประเทศรัสเซีย และเป็นสถาบันการเงินที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ 4) ลงทุนใน BKMOSC โดยมี KUZNETSI Capital เป็นผู้ออกตราสาร และBank of Moscow เป็นผู้กู้ ซึ่งในปัจจุบัน City of Moscow ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม 62.2% ได้รับการสนับสนุนจาก City of Moscow ทั้งในด้านการเงิน และการรักษาสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ5 ของประเทศ และ 5) ลงทุนใน VTB โดยมี VTB Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และVTB Bank เป็นผู้กู้ ซึ่งก่อตั้งโดยภาครัฐ เพื่อให้การสนับสนุนกิจการสัญชาติรัสเซียในการให้บริการธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ปัจจุบันภาครัฐถือหุ้น 85.5 % ถือเป็นธนาคารรัฐวิสาหกิจ และเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ครบวงจร ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.50 %ต่อปี และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน การลงทุนในกองทุนนี้นับว่า เป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า การฝากเงินหรือลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศไทย
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า จุดแข็งของประเทศรัสเซียคือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรสูง และยังมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกมาก จากที่รัสเซียมีทรัพยากรธรรมชาติมาก ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ดี นอกจากนั้น รัสเซียยังมีความเข้มแข็งทางการคลัง และการเงินระหว่างประเทศสูงอีกด้วย หนี้สาธารณะของรัสเซียอยู่ในระดับต่ำเพียง 8% ของGDP เท่านั้น ขณะที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลกและยังมี Sovereign wealth fund ที่มีขนาดใหญ่เป็นแหล่งทุนสำรองที่สามารถนำมาใช้ได้ในยามจำเป็น ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของรัสเซียต่ำ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย รัสเซีย ฟิกซ์อินคัม 1 ( KTRF1) ระหว่างวันที่ 22-28 กันยายน 2553 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุ 2 ปี 7 เดือน จ่ายผลตอบแทนคืนอัตโนมัติทุก 3 เดือน มูลค่าเงินลงทุนขึ้นต่ำ10,000 บาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตรารสารทางการเงินที่รัฐบาล องค์การ หน่วยงานของรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ หรือภาคเอกชนของประเทศรัสเซีย เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมุลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ทั่วไป ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด
โดยจุดเด่นของกองทุนนี้ คือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศรัสเซีย ที่มีฐานะการคลัง และการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่ผู้กู้เป็นสถาบันการเงินหรือกิจการ ซึ่งภาครัฐของประเทศรัสเซียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ( Government related firms ) โดยกองทุนจะลงทุนผ่านตราสารประเภท Loan Participation Note สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเครืองมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมของกิจการในรัสเซียเพื่อใช้ระดมเงินทุนจากต่างประเทศ และตราสารที่ลงทุนได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกับผู้กู้เหล่านี้ และระดับเดียวกับประเทศรัสเซียที่ BBB โดย S&P
ตราสารที่กองทุนจะลงทุน ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 20% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบไปด้วย 1) SBERRU โดยมี SB Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และ SBERBANK เป็นผู้กู้ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์เก่าแก่แห่งแรกในรัสเซีย และเป็นสถาบันการเงินใหญ่อันดับหนึ่งของรัสเซีย โดยธนาคารกลางแห่งรัสเซียถือหุ้น 60.30 % 2) ลงทุนใน GAZPRU โดยมี Gaz Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และ GAZPROM เป็นผู้กู้ ซึ่งก่อตั้งในปี 1993 ภายใต้กฎหมายพิเศษแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อโอนธุรกิจพลังงานให้ดำเนินการในรูปแบบเอกชน ปัจจุบันภาครัฐยังคงถือหุ้น 50.002 % เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพลังงานครบวงจรโลก ครอบครองทรัพยากรก๊าซธรรมชาติคิดเป็น17% ของแหล่งสำรองในโลกนี้ และคิดเป็น 70% ของแหล่งสำรองในประเทศรัสเซีย 3) ลงทุนใน RSHB โดยมี RSHB Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และ Aussian Agricultural Bank เป็นผู้กู้ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเชิงนโยบาย( Policy Bank ) ถือหุ้น 100 % โดยธนาคารกลางรัสเซีย เป็นธนาคารที่ให้การสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการอำนวยสินเชื่อแก่ภาคเกษตรกรรมของประเทศรัสเซีย และเป็นสถาบันการเงินที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ 4) ลงทุนใน BKMOSC โดยมี KUZNETSI Capital เป็นผู้ออกตราสาร และBank of Moscow เป็นผู้กู้ ซึ่งในปัจจุบัน City of Moscow ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม 62.2% ได้รับการสนับสนุนจาก City of Moscow ทั้งในด้านการเงิน และการรักษาสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคาร ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ5 ของประเทศ และ 5) ลงทุนใน VTB โดยมี VTB Capital SA เป็นผู้ออกตราสาร และVTB Bank เป็นผู้กู้ ซึ่งก่อตั้งโดยภาครัฐ เพื่อให้การสนับสนุนกิจการสัญชาติรัสเซียในการให้บริการธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ปัจจุบันภาครัฐถือหุ้น 85.5 % ถือเป็นธนาคารรัฐวิสาหกิจ และเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ครบวงจร ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.50 %ต่อปี และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน การลงทุนในกองทุนนี้นับว่า เป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า การฝากเงินหรือลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศไทย
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า จุดแข็งของประเทศรัสเซียคือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรสูง และยังมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกมาก จากที่รัสเซียมีทรัพยากรธรรมชาติมาก ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ดี นอกจากนั้น รัสเซียยังมีความเข้มแข็งทางการคลัง และการเงินระหว่างประเทศสูงอีกด้วย หนี้สาธารณะของรัสเซียอยู่ในระดับต่ำเพียง 8% ของGDP เท่านั้น ขณะที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลกและยังมี Sovereign wealth fund ที่มีขนาดใหญ่เป็นแหล่งทุนสำรองที่สามารถนำมาใช้ได้ในยามจำเป็น ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของรัสเซียต่ำ
1479
news & activity / ซิป้า จัดสัมนาโครงการ “SIPA Game Contest & Award 2010”
« on: September 12, 2010, 10:41:28 AM »
นายปริญญา กระจ่างวิมล (ยืนคนที่ 7 แถวกลางจากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) SIPA เป็นประธานเปิดงานสัมมนาในโครงการ SIPA Game Contest & Award 2010 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาเกม พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมไทยให้มีศักยภาพแข่งขันในระดับสากล โดยมี ดร.สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัยกุล (ยืนคนที่ 9 แถวกลางจากขวา) รองผู้อำนายการส่งเสริมพัฒนาธรุกิจ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) SIPA เป็นวิทยากรบรรยายให้กับผู้ผ่านเข้ารอบ ได้แก่ นักพัฒนาเกมอิสระ นักศึกษา บุคลทั่วไป และผู้ประกอบธุรกิจเกม เข้าร่วมฟังสัมมนา ณ ห้องแพล็ตตินั่ม ชั้น 3 โรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียวฟอร์จูน ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเร็วๆ นี้
1480
news & activity / บ้านผึ้งน้อย ฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก
« on: September 12, 2010, 10:41:00 AM »
PlanToys® ขอแนะนำ ของเล่น บ้านผึ้งน้อย สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป บ้านผึ้งน้อยจะช่วยการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กผ่านการควบคุมนิ้วมือ อุ้งมือและข้อมือ รวมทั้งส่งเสริมการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือ และตา ซึ่งการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเรียน เช่น การวาดรูป การเขียน และการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันของเด็ก เพราะบ้านผึ้งน้อยสามารถเล่นต่อเป็นบล็อกรังผึ้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เด็ก ๆ จะเล่นคีบจับคู่สีของตัวผึ้ง และรังผึ้งโดยใช้นิ้วมือ หรือไม้คีบ นอกจากนี้ บ้านผึ้งน้อย ยังช่วยส่งเสริมให้เด็กมีสมาธิจดจ่อ และสนับสนุนพัฒนาการด้านสังคมด้วยการเล่นร่วมกับเด็กอื่นได้อย่างดีเยี่ยม
ของเล่น บ้านผึ้งน้อย มีวางจำหน่ายแล้วที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาชิดลม, ลาดพร้าว,บางนา, ปิ่นเกล้า, ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน, แปลนทอยส์ช้อป สาธรซอย 10 และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไป หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-236-9410 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.plantoys.com
1481
news & activity / วังทอง กรุ๊ป..ใจปล้ำ จัดโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม
« on: September 12, 2010, 10:40:26 AM »
ขยันจัดโปรโมชั่นเอาใจลูกค้าซะจริงจริ๊ง...สำหรับผู้บริหารคนเก่ง “คุณปราโมทย์ เจษฎาวรางกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วังทองกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ล่าสุดประกาศอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายไตรมาส 3 แบบ ลด-แลก-แจก-แถม สมนาคุณแก่ลูกค้าแบบใจถึงใจ โดยลูกค้าสามารถกำหนดได้เอง มีให้เลือก 3 สเปเชียล คือ 1. สเปเชียล ฟรี (Special Fee) คือ ฟรี ค่าทำสัญญา, ฟรีเงินดาวน์, ฟรี ค่าโอน+จดจำนอง, ฟรีค่าบริการสาธารณะ, ฟรีค่าประกันมิเตอร์น้ำ+ไฟ 2. สเปเชียล พรีเมียม (Special Premium) คือ ฟรี เฟอร์นิเจอร์ชุดใหญ่, ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า / แอร์, ฟรี สัญญาณกันขโมย, ฟรี ปั้มน้ำ+แท้งค์น้ำ, ฟรี จัดสวนสวย และ 3. สเปเชียล ดิสเคาน์ (Special Discount) คือ พิเศษ ดอกเบี้ย 0 % และพิเศษ รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท
ว้าว...โปรโมชั่นดีๆแบบนี้ ช้าหมดอดนะคะ ถึงแค่สิ้นเดือนกันยายน 2553 นี้นะค่ะ..
1482
news & activity / ใหม่...LE’SASHA สุดยอดไดร์ถนอมผม เลอซาช่า นาโน ซิลเวอร์ แพตตินั่ม ทัวร์มาลีน
« on: September 12, 2010, 10:39:46 AM »
ใครอยากผมสวย เริ่ด เชิดสุด ๆ ต้องนี่เลย ไดร์ถนอมเส้นผม เลอซ่าช่า นาโน ซิลเวอร์ แพลตตินั่ม ทัวร์มาลีน ( Nano Silver Platinum Tourmaline Hair Dryer) ล้ำด้วยดีไซน์สวยทันสมัย กับพลังงานนาโน ซิลเวอร์ ให้ลมเป่าสะอาด เส้นผมดูดีมีสุขภาพและพลังทัวร์มาลีน ลดกระแสไฟฟ้าสถิตย์บนเส้นผม ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อน เพิ่มความเงางามให้เส้นผมคุณโดยฉเพาะ สามารถปรับความแรงลม และความร้อนได้ 6 ฟังชั่นด้วยกำลังไฟ 1,800 วัตต์ ขั้วสายไฟแบบยืดหยุ่นทนทาน ช่วยให้สาว ๆอินเทรนด์อย่างพวกเราสามารถดุแลเส้นผมให้สวยมีน้ำหนักอยู่ทรงได้นานตลอดทั้งวัน
เป็นเจ้าของ เลอซ่าช่า นาโน ซิลเวอร์ แพลตตินั่ม ทัวร์มาลีน ได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป เพียง 3,490 บาทเท่านั้น หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร 02 736 0303
1483
news & activity / พิธีเปิด..ศึกฟุตบอลแคนนอนยูลีก 2010
« on: September 12, 2010, 10:39:07 AM »
คุณกฤษฎา หุตะเศรณี ประธานกรรมการ บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ร่วมงานพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอล & เชียร์แคนนอนยูลีก 2010 ครั้งที่ 14 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ อัครราชกุมารี โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้สนับสนุนหลักของกิจกรรม ณ สนาม ม .รัตนบัณฑิต เมื่อเร็ว ๆนี้ ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอล แคนนอน ยูลีก ได้ทาง www.canon-uleague.com
1484
news & activity / เฮลธ์ อิมแพค เชิญชวนเยาวชนปลูกป่าชายเลน
« on: September 12, 2010, 10:38:25 AM »
บริษัท เฮลธ์ อิมแพค จะจัดกิจกรรม “เยาวชนปลูกป่าชายเลน กับ โซลูแคล” โดยเชิญชวนเยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย – ระดับอุดมศึกษา ชั้นปีที่ 1 สมัครเข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ ปลูกป่า ชายเลน เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนจากกลุ่มวิทยากร ล่องเรือสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมง ในวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553 นี้ ณ ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม ทั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้เยาวชนที่สนใจ สมัครเข้าร่วมกิจกรรม โดยสามารถส่งอีเมล์รายละเอียดส่วนตัว ได้แก่ ชื่อนามสกุล อายุ เพศ และสถานศึกษา พร้อมเหตุผลที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ และแนบภาพถ่าย มาที่ mkt@grouphi.com ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2553 นี้
1485
news & activity / LHK ผนึก MORY รุกสเตนเลสครบวงจรดันมาร์เก็ตแชร์ออโต้เม็ททอลโต 20%
« on: September 12, 2010, 10:37:40 AM »
LHK ผนึก MORY รุกสเตนเลสครบวงจรดันมาร์เก็ตแชร์ออโต้เม็ททอลโต 20%
บมจ.โลหะกิจเม็ททอล รุกธุรกิจสเตนเลสครบวงจร หลังดึง Mory Industries Inc., Japan เป็นพันธมิตรร่วมทุนสำเร็จ ขายหุ้นในออโต้เม็ททอลให้ 40% รวมมูลค่า 58.80 ล้านบาท มั่นใจพันธมิตรญี่ปุ่นช่วยขยายฐานลูกค้าอุตฯยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ทั้งในและต่างประเทศ ลั่นหลังผนึก Mory ธุรกิจแกร่งขึ้น หนุนมาร์เก็ตแชร์ออโต้เม็ททอลปี 2554 โต 20%
นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) LHK ผู้ดำเนินธุรกิจแปรสภาพผลิตภัณฑ์สเตนเลสครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ขายหุ้นในบริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด (AMT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ให้กับ Mory Industries Inc., Japan จำนวน 560,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 105 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 58.80 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ LHK ในบริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด เหลือ 60% ซึ่งปัจจุบัน AMT มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 140 ล้านบาท
ทั้งนี้ขั้นตอนการขายหุ้นดังกล่าว บริษัทได้ว่าจ้าง Deloitte Touche Tohmatsu Jaiyos Advisory Co., Ltd.เป็นผู้ประเมินราคาอ้างอิงในการซื้อขาย และได้รับการพิจารณาอนุมัติเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินลงทุน และเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
สำหรับสาเหตุที่เลือก Mory Industries Inc., Japan เข้ามาเป็นพันธมิตรเนื่องจากเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในธุรกิจสเตนเลสแบบครบวงจรในญี่ปุ่นมานานถึง 81 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อสเตนเลสสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ทำให้ Mory ได้รับความไว้วางใจในด้านคุณภาพจากลูกค้าสำคัญในกลุ่มยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ Mory ยังมีความมั่นใจแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
“การร่วมทุนครั้งนี้จะส่งผลดีอย่างมากต่อธุรกิจยานยนต์เพราะกลุ่มลูกค้ายานยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นหรือบริษัทที่ต้องการความมั่นใจของมาตรฐานระบบการผลิต ดังนั้นการดึง Mory เข้ามา จะยิ่งช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้นด้วย จากเดิมที่ Mory เป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค” นายประสาน กล่าว
นายประสาน กล่าวอีกว่า บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจของ LHK นับจากนี้เป็นต้นไปจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเปิดประตูไปสู่ธุรกิจสเตนเลสสตีลครบวงจรทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งมีโอกาสที่จะขยายตลาดใหม่ ๆ ไปยังภูมิภาคเอเชียและอื่นๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มธุรกิจท่อสเตนเลสทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซด์ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมฯ โดยบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของ AMT โดยการสนับสนุนของ Mory จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ในปีหน้า เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มลูกค้ายานยนต์ที่ตั้งโรงงานอยู่ในไทย และกำลังจะมาตั้งโรงงานในไทยเริ่มติดต่อผ่าน Mory มาบ้างแล้ว โดยเฉพาะการส่งท่อสเตนเลสให้กับรถยนต์ และมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะออกสู่ตลาดในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 (เม.ย.2553-มี.ค.2554) บริษัทคงเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นจากธุรกิจยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนธุรกิจก่อสร้างคอมพิวเตอร์และอื่น ๆ คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
-------------------------------------------------------------------
บมจ.โลหะกิจเม็ททอล รุกธุรกิจสเตนเลสครบวงจร หลังดึง Mory Industries Inc., Japan เป็นพันธมิตรร่วมทุนสำเร็จ ขายหุ้นในออโต้เม็ททอลให้ 40% รวมมูลค่า 58.80 ล้านบาท มั่นใจพันธมิตรญี่ปุ่นช่วยขยายฐานลูกค้าอุตฯยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ทั้งในและต่างประเทศ ลั่นหลังผนึก Mory ธุรกิจแกร่งขึ้น หนุนมาร์เก็ตแชร์ออโต้เม็ททอลปี 2554 โต 20%
นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) LHK ผู้ดำเนินธุรกิจแปรสภาพผลิตภัณฑ์สเตนเลสครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ขายหุ้นในบริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด (AMT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ให้กับ Mory Industries Inc., Japan จำนวน 560,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 105 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 58.80 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ LHK ในบริษัท ออโต้ เม็ททอล จำกัด เหลือ 60% ซึ่งปัจจุบัน AMT มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 140 ล้านบาท
ทั้งนี้ขั้นตอนการขายหุ้นดังกล่าว บริษัทได้ว่าจ้าง Deloitte Touche Tohmatsu Jaiyos Advisory Co., Ltd.เป็นผู้ประเมินราคาอ้างอิงในการซื้อขาย และได้รับการพิจารณาอนุมัติเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินลงทุน และเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
สำหรับสาเหตุที่เลือก Mory Industries Inc., Japan เข้ามาเป็นพันธมิตรเนื่องจากเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในธุรกิจสเตนเลสแบบครบวงจรในญี่ปุ่นมานานถึง 81 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อสเตนเลสสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ทำให้ Mory ได้รับความไว้วางใจในด้านคุณภาพจากลูกค้าสำคัญในกลุ่มยานยนต์ และมอเตอร์ไซด์ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ Mory ยังมีความมั่นใจแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
“การร่วมทุนครั้งนี้จะส่งผลดีอย่างมากต่อธุรกิจยานยนต์เพราะกลุ่มลูกค้ายานยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทญี่ปุ่นหรือบริษัทที่ต้องการความมั่นใจของมาตรฐานระบบการผลิต ดังนั้นการดึง Mory เข้ามา จะยิ่งช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้นด้วย จากเดิมที่ Mory เป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค” นายประสาน กล่าว
นายประสาน กล่าวอีกว่า บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจของ LHK นับจากนี้เป็นต้นไปจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเปิดประตูไปสู่ธุรกิจสเตนเลสสตีลครบวงจรทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งมีโอกาสที่จะขยายตลาดใหม่ ๆ ไปยังภูมิภาคเอเชียและอื่นๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ แนวโน้มธุรกิจท่อสเตนเลสทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซด์ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมฯ โดยบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของ AMT โดยการสนับสนุนของ Mory จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ในปีหน้า เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มลูกค้ายานยนต์ที่ตั้งโรงงานอยู่ในไทย และกำลังจะมาตั้งโรงงานในไทยเริ่มติดต่อผ่าน Mory มาบ้างแล้ว โดยเฉพาะการส่งท่อสเตนเลสให้กับรถยนต์ และมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะออกสู่ตลาดในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 (เม.ย.2553-มี.ค.2554) บริษัทคงเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปี 2554 จะเพิ่มขึ้นจากธุรกิจยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนธุรกิจก่อสร้างคอมพิวเตอร์และอื่น ๆ คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
-------------------------------------------------------------------