Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - wmt

Pages: 1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 155
2116
อินเตอร์เน็ตคาเฟ่สายพันธุ์ใหม่ใส่ใจชุมชน ใส่ใจซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์

                

                กรุงเทพฯ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553 – หนึ่งในเรื่องดีๆ และน่ายกย่องที่เกิดขึ้นกับ     เฉลิมพงค์ ดวงปัดศรี เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ จี-ยูนิต คือธุรกิจที่กำลังตั้งไข่ของเขาทั้งมีกำไรและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ไปพร้อมๆ กัน           

            “ร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ของเราและอาจจะร้านอื่นๆ ด้วย เป็นส่วนสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในละแวกนั้น” เฉลิมพงษ์กล่าว “ที่ผ่านมามีข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่มาโดยตลอด แต่ร้านเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนน้อย ความจริงคือร้านของเราและร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก มีส่วนช่วยให้คนไทยได้เชื่อมต่อกับโลกกว้าง พร้อมๆ กับเป็นการทำมาหาเลี้ยงชีพไปด้วย ผมคิดว่าเจ้าของร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ส่วนมาก ทำธุรกิจนี้เพราะมีใจรักในบรรยากาศแบบคาเฟ่ ที่ผู้คนมารวมตัวเพื่อแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน”             

            อินเตอร์เน็ต คาเฟ่เริ่มแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 90 และอีกไม่นานนักก็มีการเปิดให้บริการร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ขึ้นในประเทศไทย ปัจจุบันคาดว่ามีอยู่ราว 10,000 แห่ง  ทั่วประเทศ บางแห่งให้บริการด้วยคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ล่าสุด เช่น ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 2010 เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการสร้างงานเอกสารที่สวยงาม ดูเป็นมืออาชีพ เพื่อใช้ในการศึกษาหรือการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่บางแห่งให้บริการด้วยคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์รุ่นเก่า ซึ่งบ่อยครั้งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ที่ใช้งานได้ไม่ดีเท่าซอฟต์แวร์แท้และมีโอกาสติดไวรัสได้ง่าย

            อย่างไรก็ดี ยังมีร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเจ้าของบริหารงานอย่างมืออาชีพเต็มรูปแบบดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้ เฉลิมพงค์เปิดร้านจี-ยูนิตขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2552 ด้วยเงินเก็บจำนวน    ไม่มากนัก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ของเขาได้เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการจำนวน 48 เครื่อง ซึ่งทั้งหมดใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องเท่านั้น และมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านวันละมากกว่า 100 คน เฉลิมพงค์กล่าวว่า ทางร้านได้เข้าร่วมในโครงการ Get-it-right ซึ่งเป็นโครงการสำหรับร้านอินเตอร์เน็ต จากบริษัทไมโครซอฟท์ เพื่อให้สามารถซื้อซอฟต์แวร์แท้ทั้ง Windows และ Office มาใช้ได้ครบทุกเครื่อง สำหรับเครื่องที่มีลิขสิทธิ์ไม่ถูกต้องมาก่อน

            อย่างไรก็ดี ความตั้งใจจริงที่จะใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องนั้นเกิดจากความ       ต้องการของเฉลิมพงค์เองที่จะดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องเหมาะสม

            “มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เราให้ความสำคัญกับการใช้ซอฟต์แวร์แท้” เฉลิมพงค์กล่าว “ความสบายใจไม่ต้องกล้วว่าจะถูกจับและถูกฟ้องร้องก็เป็นเหตุผลข้อหนึ่ง แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือการใช้ซอฟต์แวร์แท้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรกระทำ ซอฟต์แวร์เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเรา หลักคิดของเราก็คือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ”   

            ผลพลอยได้จากการใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง คือการให้บริการเป็นไปอย่างราบรื่น ระยะเวลาที่เครื่องไม่สามารถให้บริการได้เนื่องจากเกิดปัญหาด้านเทคนิคมีน้อยมาก การติดไวรัสและปัญหาด้านความปลอดภัยของระบบอื่นๆ ก็ลดลง นอกจากนี้ เฉลิมพงค์ยังกล่าวว่า การสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญของไมโครซอฟท์ได้ตลอดเวลานั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง   

            ข้อดีที่สุดของการเลือกใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้ในร้าน คือลูกค้ารับรู้ได้ถึงความแตกต่าง        สุมณทิพย์ อ้นสำราญ ผู้ดำเนินกิจการร้านซี. เค. เน็ตมาร์ท อินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ซึ่งมีอยู่สองสาขาในอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยสาขาหนึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ 41 เครื่อง และอีกสาขาหนึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ 48 เครื่อง บอกเอาไว้อย่างนั้น ลูกค้าที่มาใช้บริการร้านของสุมณทิพย์มีทั้งนักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท ตลอดจนข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่เธอซื้อซอฟต์แวร์แท้มาใช้ เธอได้รับคำชมมากมายและลูกค้าบอกกันปากต่อปากถึงคุณภาพของการบริการ ทำให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามาที่ร้าน แม้ว่าเงินลงทุนในเบื้องต้นจะสูงอยู่สักหน่อยแต่สุมณทิพย์บอกว่าเธอได้ทุนคืนอย่างรวดเร็ว

            “การใช้ซอฟต์แวร์แท้ เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องและเป็นมิตรกับชุมชน” เธอกล่าว “การที่ร้านปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายเป็นการแสดงให้ผู้ปกครองและชุมชน    เห็นว่าอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ เป็นสถานที่ๆ เหมาะสมสำหรับเยาวชน ที่ผ่านมามีการพูดกันมากว่าอินเตอร์เน็ต คาเฟ่เป็นสถานที่ๆ ไม่ดีสำหรับเด็ก แต่นั่นไม่จริงเลย

            เยาวชนไม่เพียงแต่มาที่ร้านเพื่อเล่มเกมส์เท่านั้น แต่ยังใช้บริการเฟสบุ๊กเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์ เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และรวมกลุ่มกันเล่นเกมส์ “สิ่งเหล่านี้เป็นการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ทั้งสิ้น อินเตอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในยุคนี้ เด็กๆ จึงจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ให้ถ่องแท้และใช้งานมันให้เป็น”  สุมณทิพย์กล่าว

            ทั้งเฉลิมพงค์และสุมณทิพย์เล่าว่า พวกเขาเห็นตัวอย่างชัดเจนว่าอินเตอร์เน็ตมีส่วนช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร “มีขุมทรัพย์ความรู้มากมายมหาศาลอยู่ที่นั่น” สุมณทิพย์กล่าว “ลูกค้าบางคนที่มาใช้บริการที่ร้านค้นหาข้อมูลปัญหาด้านสุขภาพของพ่อแม่ เพื่อพยายามหาหนทางรักษาที่ดีที่สุด หรือไม่ก็ค้นหาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาอื่นๆ อินเตอร์เน็ตและร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อันจะนำมาสู่การตัดสินใจที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น”

            สำหรับผู้ที่กำลังพยายามก่อร่างสร้างธุรกิจใหม่ ร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ เปรียบเสมือนสำนักงาน นับเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากการทำงานที่บ้าน ร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ที่ใช้ซอฟต์แวร์แท้เป็นที่ถูกใจลูกค้ากลุ่นนี้เป็นพิเศษ 

            “สังคมและการทำงานกำลังเปลี่ยนไปสู่รูปแบบที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตการทำงานเป็นอย่างมาก เราเห็นเจ้าของกิจการรุ่นใหม่หลายต่อหลายคนที่เริ่มต้นธุรกิจของตนจากร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ โดยเข้ามาหาข้อมูล ปรึกษาหารือแผนการดำเนินงานกับเพื่อนฝูง บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่จะเจริญเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจที่มั่นคงในอนาคต” คุณสิทธิชัย ตันติแสงอรุณ หัวหน้าฝ่ายผู้ดูแลตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว “เจ้าของกิจการเหล่านี้ชื่นชอบในคุณสมบัติใหม่ๆ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยที่เหนือกว่าซึ่งซอฟต์แวร์แท้เท่านั้นที่จะมอบให้ได้”

 

            ไม่ว่าจะให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มไหน ทั้งเจ้าของร้านจี-ยูนิตและร้านซี. เค. เน็ตมาร์ท          เห็นตรงกันว่า การใช้ซอฟต์แวร์แท้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นแต่ยังตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อีกด้วย

 

            “ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อหาซอฟต์แวร์แท้มาใช้ในร้านนั้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า” เฉลิมพงค์กล่าว “เราไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เวลาที่ต้องเสียไปกับการแก้ปัญหาด้านเทคนิคต่างๆ ลดลง ดังนั้นโอกาสที่จะมีผู้ใช้บริการเต็มทุกเครื่องก็เพิ่มมากขึ้น การเลือกใช้แต่ซอฟต์แวร์แท้นับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยทำมา” 

 

 

ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์

บริษัท ไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นที่ช่วย
เสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 บริษัทฯ เสนอซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกที่ใช้งานง่ายและ
เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้คนไทย ตลอดจนแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจพัฒนาโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการ
อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับได้ตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คไปจนถึงเครื่องขนาดใหญ่ระดับเมนเฟรม เพื่อให้
สอดคล้องกับการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศไทย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) http://www.microsoft.com/thailand

ไมโครซอฟท์เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ไมโครซอฟท์ คอร์ป ประเทศสหรัฐอเมริกา และ/หรือ ประเทศอื่นๆ ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึงในเอกสารชุดนี้อาจจะเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของนั้นๆ

หมายเหตุ: หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครซอฟท์ สามารถดูได้ที่ http://www.microsoft.com/presspass/ ในส่วนของหน้าข้อมูลบริษัท

2117
กรุงไทยพานิชประกันภัย จับมือ Bupa สนับสนุนโครงการบัตร “KTB Shop Smart Blue Diamond”


 
          นายกีรติ พานิชชีวะ (คนที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด และ Mr. Andrew Wong (คนที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ Bupa ร่วมถ่ายภาพภายหลังการลงนามในสัญญาการให้บริการด้านการรักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุโดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าในสถานพยาบาลมาตราฐานสูงสุดในเครือข่าย Bupa กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ในโครงการบัตร KTB Shop Smart Blue Diamond ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งสมัครได้แล้ววันนี้ ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ

2118
Deferred Demand: พลังแฝง...แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

ช่วงต้นปี สำนักวิจัยส่วนใหญ่ต่างมีมุมมองคล้ายๆ กันว่าเศรษฐกิจไทยที่ทรุดตัว -2.2% เมื่อปีก่อน จะกลับมาฟื้นตัวได้ในอัตราค่อนข้างต่ำเพียง 3-4% ในปีนี้ โดยยังคงมีแรงฉุดจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่รอวันปะทุ...  ระยะครึ่งปีแรก สถานการณ์ส่วนใหญ่เป็นไปดังคาด  โดยเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวนและเปราะบาง แม้ภาคการส่งออกไทยจะขยายตัวสูงโดยได้อานิสงส์จากการกลับมาเร่งสะสมสต๊อคของภาคการผลิตทั่วโลก  ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์จลาจลทางการเมืองกลางกรุงครั้งรุนแรงช่วงเมษายน-พฤษภาคม ยิ่งบีบคั้นให้สภาพจิตใจคนไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติตกต่ำถึงขีดสุด อันเป็นสภาวะอันเลวร้ายเกินกว่าความคาดหมายที่มีมาก่อนหน้านี้...  ความเคลื่อนไหวของปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆ ในระยะนั้น ไม่มีสิ่งบ่งบอกใดๆ ที่ให้ความมั่นใจได้ว่า เศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสกลับคืนสู่สภาวะปกติ  อย่างไรก็ตาม เพียงช่วงเวลาอันสั้นหลังเหตุการณ์จลาจลยุติลงหมาดๆ เครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ทยอยเปิดเผยกลับสะท้อนภาพที่ดีกว่าที่เคยคาดไว้เดิมมาก (รูปที่ 1) คู่ขนานไปกับการปรับเพิ่มประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยของสำนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศอย่างถี่ยิบ ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งปีแรกเติบโตสูงในอัตรากว่า 10% และคาดกันว่าทั้งปีอาจขยายตัวสูงถึง 6-8% โดยจัดว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย  ...สิ่งที่เกิดขึ้นให้ภาพที่แตกต่างแบบหักมุมในความรู้สึกของคนทั่วไป ระหว่างสภาวะอันเลวร้ายในช่วงความขัดแย้งทางการเมืองที่เข้าสู่จุดวิกฤต กับตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจที่ดีจนน่าประหลาดใจ.... คำถามสำคัญก็คือ พลังที่ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตสูงมาจากไหน?... และพลังดังกล่าวจะส่งผลหนุนเนื่องยาวนานเพียงใด?...

หากไล่เลียงกันจริงๆ จะพบว่ามีหลากหลายปัจจัยที่มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยพุ่งทะยานเกินคาด โดยตัวเลขการเติบโตที่สูงในครึ่งปีแรกเห็นได้ชัดว่าเกิดจากการส่งออกที่พุ่งขึ้น (+37%) ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผนวกกับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของทางการและการกลับมาสะสมสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจ (Inventory restocking) ตลอดทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการเปรียบเทียบกับฐานการเติบโตที่ต่ำผิดปกติในช่วงครึ่งแรกของปีก่อนค่อนข้างมาก นอกจากนี้ โดยพื้นฐานที่ผ่านมาถือได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีสถานะที่แข็งแกร่ง (resilience) อันเป็นผลจากการปฏิรูปภาคเศรษฐกิจและการเงินที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยนี้นับเป็นทุนสำคัญในการต้านทานผลกระทบจากภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและนอกประเทศ
               
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของฝ่ายวิจัย พลังแฝงอีกประการที่กำลังมีผลในการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างสำคัญ คือโอกาสที่อุปสงค์หรือความต้องการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่มีการสะสมอยู่มากจะกลับมาเร่งตัวขึ้นหลังจากที่เคยชะลอตัวมาหลายปี (Deferred demand) ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศต่ำผิดปกติเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเอเชีย (รูปที่ 2) โดยมีแรงฉุดจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งอุปสงค์ที่อั้นอยู่นี้พร้อมที่จะแปลงเป็นการบริโภคจริง (Actual demand) ได้เมื่อใดก็ตามที่ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น รูปธรรมที่ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น อาจดูได้จากกรณีการฟื้นตัวของตลาดสินค้าคงทน (Durable goods) เช่น ตลาดรถยนต์และตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในประเทศ ที่ขยายตัวเร่งขึ้นนับจากต้นปีหลังแผ่วมาหลายปี

สำหรับการจลาจลทางการเมืองในไตรมาสที่สอง ซึ่งถือเป็นวิกฤตสังคมครั้งร้ายแรงที่น่าจะใช้เวลาเนิ่นนานในการเยียวยาผลกระทบ แต่ทว่าเหตุการณ์กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม กล่าวคือ พลันที่การจลาจลสงบลง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจกลับฟื้นตัวและมีการเร่งจับจ่ายใช้สอยเร็วเกินคาด  เหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเกิดจากการที่ผู้บริโภคเริ่มคลายความกังวล หลังพบว่าปัญหาการเมืองส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในขอบเขตค่อนข้างจำกัด อันอาจสะท้อนถึงความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยในการต้านทานต่อวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้ดีพอสมควร   ทั้งนี้ การจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นโดยมีแรงเสริมจากกำลังซื้อที่มีอยู่มาก อัตราการว่างงานต่ำ มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และสุขภาพของภาคการเงินไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดีจะช่วยเกื้อหนุนการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และช่วยชดเชยแรงขับเคลื่อนจากภาคส่งออกที่มีแนวโน้มแผ่วลงบ้างตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกนับจากช่วงท้ายของปี 2553 ส่วนผลจากเศรษฐกิจไทยที่โตสูงมากในปีนี้อาจทำให้ตัวเลขอัตราเติบโตปีหน้าชะลอตัวลง (Base effect)   

ฝ่ายวิจัยคาดว่าพลังการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่มีอยู่มากและมีโอกาสเร่งตัวขึ้น  จะมีส่วนสำคัญช่วยพลิกฟื้นให้เศรษฐกิจไทยโตสูง 6.2-7.2% ในปีนี้ และขับเคลื่อนให้โตต่อเนื่อง 3.5-4.5% ในปีถัดไป (รูปที่ 3) อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญที่จะทำให้ความต้องการใช้จ่ายในประเทศยังมีแรงส่ง (Momentum) หนุนเนื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ นั่นคือ ความเชื่อมั่นต้องไม่สะดุดหรือถูกกระทบอย่างรุนแรงจากทั้งปัจจัยด้านเสถียรภาพการเมืองภายในและความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก

ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 851,575 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 578 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร  www.krungsri.com

2119
ชวนหนุ่มใหญ่ไฟแรง...เตะฟุตบอล 7 คน ชิงถ้วย “S-ONE Cup 2010”

หนุ่มใหญ่ไฟแรง ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล ฟังทางนี้...สนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งแรกของเมืองไทย S-ONE (เอส-วัน) เปิดรับสมัครแข่งขันฟุตบอล 7 คน อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป “เอส-วัน คัพ 2010” ชิงเงินรางวัลกว่า 20,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ โดยกำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2553 เริ่มทำการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2553

ทีมใดที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล หรือสมัครได้ที่สนามฟุตบอลเอส-วัน ถนนบางนา-ตราด กม.4 โทร 02-746-7433 หรือ www.s-one.in.th...รีบสมัครกันหน่อยนะ เพราะงานนี้เขารับเพียง 16 ทีมเท่านั้น !!!

2120



ฉลองครบรอบ 40 ปีนาฬิกาควอซต์เรือนแรกของโลกทั้งที คุณภูริช มหาดำรงค์กุล บอสใหญ่แห่งค่ายนาฬิกาญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่อย่าง “ไซโก” เลยเตรียมปล่อยหมัดเด็ดลิมิเต็ด 7 รุ่น โดยเฉพาะทายาทตำนานปฐมบทของเรือนเวลาควอตซ์อย่าง The SEIKO Quartz “Astron 40th Anniversary Commemorative Edition”   ที่มีความเที่ยงตรงสูงถึง ±10 วินาที/ ปี เอ็กซ์คลูซีพเพียง 200 เรือนทั่วโลก และได้โควต้านำเข้าไทยเพียง 5 เรือนเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสุดยอด Limited of Limited เลยทีเดียว แค่นั้นยังไม่พอ “ไซโก” ยังส่งสปอร์ตวอทช์ที่ออกตัวแรงแซงโค้งตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดตัวก็มียอดจองกว่า 3 เท่าตัว อย่าง “Sportura Limited Editon 2010” มาโชว์ในงาน CENTRAL INTERNATIONAL WATCH FAIR 2010 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลมอีกด้วย อย่าช้า!   เตรียมตัวต้อนรับเรือนเวลาคุณภาพควรค่าแก่การจับจอง ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน – 6 ตุลาคมเท่านั้น! งานนี้    มาช้าอดยล...หมดแล้วหมดเลย! 

2121
“คลินิกดีสปายน์” ขยายสาขาบริการจัดปรับโครงสร้างกระดูกสันหลังเปิดตัว “ดีสปายน์ สุขุมวิท 24” เจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ





คลินิกดีสปายน์ ผู้ดำเนินธุรกิจ คลินิกกายภาพบำบัดดีสปายน์ ศูนย์ตรวจสุขภาพ และการจัดปรับโครงสร้างกระดูกสันหลัง กับศาสตร์แห่งไคโรแพรคติก ศิลปะแห่งธรรมชาติบำบัด ที่เปิดให้บริการมากว่า 14 ปี ล่าสุดทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท เปิดตัวสาขาใหม่ล่าสุด “ดีสปายน์ สุขุมวิท 24” พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่พร้อมจะดูแล และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างกระดูกสันหลัง และโปรแกรมตรวจสุขภาพแบบครบวงจร ล่าสุดกับโปรโมชั่นพิเศษ โปรแกรมกำจัดอาการปวด - ชา ที่เกิดขึ้นในร่างกาย ปกติตรวจรักษาครั้งละ 2,500 บาท พิเศษสุดตรวจรักษาจำนวน 4 ครั้งเหลือเพียง 4,500 เท่านั้น สิ้นสุด 15 กันยายน 2553 นี้

คุณบัณลักข ถิรมงคล ประธานกรรมการบริหาร คลินิกดีสปายน์ เปิดเผยว่า คลินิกกายภาพบำบัดดีสปายน์ ได้ขยายสาขาการให้บริการด้านการตรวจสุขภาพ และการจัดปรับโครงสร้างกระดูกสันหลังแห่งใหม่บริเวณชั้น 2 อาคารพรีเมียร์คอนโด ซอยสุขุมวิท 24 (ประมาณ 100 เมตร ตรงข้ามทางเข้าด้านข้างศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม) ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสม เพราะอยู่ใกล้อาคารสำนักงาน และสถานที่พักอาศัยที่เต็มไปด้วยกลุ่มลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติ  มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบายต่อการมาใช้บริการ โดยก่อนหน้านี้ คลินิกกายภาพบำบัดดีสปายน์ ได้เปิดให้บริการมาแล้ว 4 สาขาด้วยกัน คือที่บริเวณ ซอยสุขุมวิท 39, ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ), ถนนเพลินจิต และสาขาที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งแต่ละสาขาต่างได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีโดยแบ่งเป็นสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 70 % และช่าวต่างชาติ 30 % ซึ่งการเลือกทำเลบริเวณซอยสุขุมวิท 24 เป็นสาขาใหม่ล่าสุด เนื่องจากต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น โดยใช้งบประมาณในการตกแต่งไปราว 10 ล้านบาท 

“จุดเริ่มต้นของคลินิกดีสปายน์ เกิดจากตัวเองเคยประสบปัญหาด้านสุขภาพ คือมีอาการปวดไมเกรนเป็นประจำ และมีอาการชาตามมือ - เท้าอยู่ตลอด ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และพยายามรักษาตัวอยู่นานแต่ก็ไม่ดีขึ้น แต่พอมีคนมาแนะนำให้รู้จักกับการตรวจสุขภาพ และการจัดปรับกระดูกสันหลังแบบ   ไคโรแพรคติกในต่างประเทศ เพื่อหาจุดเหลื่อมหรือการเคลื่อนของกระดูกสันหลัง เป็นวิธีธรรมชาติบำบัด โดยปราศจากการใช้ยา ก็เริ่มมีอาการที่ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ อีกทั้งยังสังเกตุได้ถึงโครงสร้างของตัวเองที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น หลังจากนั้นจึงแนะนำให้คนในครอบครัวที่มีปัญหาเหมือนตนเอง ได้ลองทำบ้าง ซึ่งก็ได้ผลดีมาก ทุกคนมีสุขภาพ และโครงสร้างร่างกายที่ดีขึ้น ทำให้ตัวเองรู้สึกศรัทธาในศาสตร์แห่งไคโรแพรคติกเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจที่จะลงทุน และศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อนำศาสตร์แห่งไคโรแพรคติก มาเปิดบริการในประเทศไทยบ้าง จนเป็นที่มาของการเปิดคลินิกดีสปายน์ โดยนับเวลาถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 14 ปีแล้ว” คุณบัณลักข กล่าว

สำหรับจุดเด่นของคลินิกดีสปายน์ จะเป็นเรื่องของการจัดโปรแกรมการตรวจสุขภาพที่ครบวงจร อาทิ โปรแกรมดูแลรักษาหมอนรองกระดูกด้วยเครื่อง SDR, โปรแกรมการจัดโครงสร้างของร่างกาย, โปรแกรมกำจัดอาการปวด หรือชาที่เกิดขึ้นในร่างกาย, โปรแกรมล้างพิษด้วยรังสีอินฟาเรต หรือโปรแกรมการเพิ่มพลังงานในกรับร่างกายเป็นต้น อีกทั้งยังมีในเรื่องของการบริการที่แตกต่างจากที่อื่น คือจะไม่ใช่แค่การรักษาในปัญหาสุขภาพของลูกค้าเพียงอย่างเดียว ทีมงานนักกายภาพบำบัดทุกท่านจะมีการอบรมในเรื่องของการให้ความรู้กับลูกค้าด้วย และการอธิบายกับลูกค้าให้เข้าใจในระบบการทำงานต่าง ๆ ของระบบในร่างกายที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาของลูกค้าในแต่ละจุด และพาเข้าไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ จนถึงขั้นตอนของการบำบัด ซึ่งนำโดย ดร.ทอม สมิธ ไคโรแพรคเตอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับใบประกอบโรคศิลปะ จากกองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในอันดับต้น ๆ และได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในวงการไคโรแพรคติกปัจจุบันนี้

คลินิกดีสปายน์ สุขุมวิท 24 เปิดทำการแล้ว บริเวณชั้น 2 อาคารพรีเมียร์คอนโด ซอยสุขุมวิท 24 (ประมาณ 100 เมตร ตรงข้ามทางเข้าด้านข้างศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม) พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษกับโปรแกรมกำจัดอาการปวด - ชา ที่เกิดขึ้นในร่างการ ปกติตรวจรักษาครั้งละ 2,500 บาท พิเศษสุดตรวจรักษาจำนวน 4 ครั้งเหลือเพียง 4,500 เท่านั้น สิ้นสุด 15 กันยายน 2553 นี้ ลูกค้าทุกท่านที่สนใจเชิญมาสัมผัส ดีสปายน์กับศาสตร์แห่งไคโรแพรคติก ศิลปะแห่งธรรมชาติบำบัดได้แล้ววันนี้ 

สำหรับการเปิดตัวคลินิกดีสปายน์ สาขาสุขุมวิท 24 ในครั้งนี้  ได้รับเกียรติจาก มล.สราลีย์ กิติยากร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ อาทิ คุณมยุรา เศวตศิลา, คุณวิภาวี คอมันตร์, คุณกรกนก ยงสกุล, คุณนาขวัญ รายนานนท์, คุณชัชฎา ก้องธรนินทร์, คุณฉัตรทิพย์ จันทร์เลิศฟ้า, คุณลภาภิดา หล่อกิติยะกุล, คุณฐิตินันท์     เกียรติไพบูลย์, คุณวินีต์ รายนานนท์, คุณลินดา ศิลปสว่าง, คุณแคนดี้ ถาวรมาศ, คุณศศินันท์ โลจายะ,  คุณบุษกร ชมแสงจันทร์ เป็นต้น โดยมีพิธีกรรับเชิญ  คุณน้ำผึ้ง ณัฐริกา ธรรมปรีดา และมีการบรรยายปฐกถาพิเศษจาก นายแพทย์ เทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการกองแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

2122


กลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและสนับสนุนทางการเงิน  เพื่อเดินหน้าธุรกิจ 3G

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสานสัมพันธ์พันธมิตรธุรกิจ  ลงนามแต่งตั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและสนับสนุนทางการเงินเพื่อเทคโนโลยี 3G เตรียมความพร้อมด้านการเงินกลุ่มทรูให้แข็งแกร่ง รวมทั้งธนาคารจะร่วมมือกับสถาบันการเงินอื่นๆ ในการให้การสนับสนุนเงินทุนในครั้งนี้   

ดร.วิชิต     สุรพงษ์ชัย   ประธานกรรมการบริหาร  ธนาคารไทยพาณิชย์  จำกิด  (มหาชน) เปิดเผยว่า “เป็นความภาคภูมิใจของธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแบบครบวงจรกับกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ธนาคารเห็นว่าโครงการ 3G จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และเราเชื่อมั่นในศักยภาพกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น และกลุ่มผู้บริหารที่จะผลักดันโครงการ 3G ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำของธุรกิจ โทรคมนาคมของประเทศ ที่ผ่านมาธนาคารได้ทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัททรูอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้และเข้าใจความต้องการและยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจของลูกค้า การได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อมั่นในศักยภาพของกันและกัน ธนาคารเชื่อมั่นว่าด้วยวิสัยทัศน์ ความพร้อมและศักยภาพเชิงธุรกิจของกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น เมื่อผสานกับโครงสร้างและแผนการเงินที่เหมาะสมจะเป็นอีกก้าวที่สำคัญทั้งของกลุ่มบริษัททรู    คอร์ปอเรชั่นและธนาคาร”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า   “ กลุ่มทรูรู้สึกยินดีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สถาบันการเงินชั้นนำของไทยที่ได้รับความเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับจาก องค์กร ทั่วโลก ให้ความไว้วางใจเป็นที่ปรึกษาการเงินในการระดมทุนในเทคโนโลยี 3G ของกลุ่มทรูบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมเอกชนไทย เพื่อเสริมศักยภาพด้านการเงินให้แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจและนำเทคโนโลยี 3G มาพัฒนาต่อยอด   สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนชาวไทย พร้อมผลักดันสังคมไทยให้ก้าวสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ เพราะเทคโนโลยี 3G เป็นมากกว่ามือถือ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์การสื่อสารที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่มีส่วนสำคัญในการกระจายโอกาสให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศสามารถเข้าถึงความรู้ ข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ   ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน  ตลอดจนมีส่วนช่วยพัฒนาธุรกิจการสื่อสาร โทรคมนาคมของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล พร้อมแข่งขันกับต่างชาติ  เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ” 

2123
“ทีแมท โฟร์อินส์” ผนึก “เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์” ทุ่ม 10 ล้าน เปิดตัวลิฟต์สุญญากาศครั้งแรกในประเทศไทย

 

         
          “ทีแมท โฟร์อินส์” ผนึก “เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์” เปิดตัว “ลิฟต์สุญญากาศ” สุดยอดนวัตกรรมใหม่แห่งโลกอนาคตตัวแรกในเมืองไทย ทุ่ม 10-15 ล้านบาท บุกตลาดลิฟต์ลูกค้าระดับบนที่มีมูลค่าบ้าน 10 ล้านบาทขึ้น และกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ทำงานด้วยระบบลม และระบบของหลักการธรรมชาติ ทำให้ลิฟท์ลงจอดอย่างนิ่มนวล มีความปลอดภัยสูง และสะดวกในการติดตั้ง ใช้พื้นที่น้อยที่สุดแค่ 75 ซ.ม. เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดไม่ต้องขุดบ่อลิฟท์ หรือทำปล่อง ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้และปีหน้า 50 เครื่อง หรือประมาณ 100 ล้านบาทในปีแรก

          นายสุพจน์ ชุติพัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีแมท โฟร์อินส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท TMAT 4INS นี้ ก่อตั้งมาจากชื่อย่อของบริษัทแม่คือ Thai Mahal Advance Technology และ 4INS ย่อมาจาก Interior Intend Innovation Intelligent โดยมีธุรกิจหลักที่ค่อนข้างมั่นคงแล้วคือ นำเข้าเครื่องจักร และเครื่องทดสอบยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา, สวิสเซอร์แลนด์, อินเดีย โดยที่กลุ่มเป้าหมายคือโรงงานยาและองค์การเภสัชกรรม รวมทั้งเครื่องสำอางด้วย และเนื่องจากที่ว่าบริษัทต้องการจะติดลิฟต์อยู่แล้วเพราะเวลาที่ผู้ใหญ่มาเยี่ยมบริษัทจะขึ้นลงบันไดของอาคารแบบ 4 ชั้น ลำบาก และไม่สามารถติดลิฟท์แบบสี่เหลี่ยมทั่วๆไปได้ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ จึงเกิดแนวคิดในการนำเข้าลิฟต์สุญญากาศมาใช้งานเองและทำตลาดในประเทศไทยด้วย โดยได้ร่วมมือกับบริษัท เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมลิฟท์ครบวงจร ด้วยทีมงานที่มีประสบการ์ณกว่า 20 ปีในการติดตั้งลิฟท์ มารับผิดชอบทางด้านผู้แทนขายลิฟท์สุญญากาศ ติดตั้ง และให้บริการหลังการขาย และซ่อมฉุกเฉิน

          ลิฟต์สุญญากาศชนิดนี้เป็นของใหม่มากสำหรับเมืองไทยหรือแม้แต่ในเอเชียด้วยกัน แต่ในต่างประเทศเช่นยุโรปและอเมริกามีมาเกือบ 10 ปีได้แล้ว ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองไมอามี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ระบบลมหรือ Vacuum ในการดูดห้องโดยสารขึ้นมา ซึ่งข้อดีของระบบนี้คือ เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะใช้พื้นที่น้อยที่สุดแค่ 75 เซนติเมตร มากสุด 134 เซนติเมตร โดยวีลแชร์สามารถเข้าได้ และไม่ต้องยุ่งกับโครงสร้างของบ้าน เพราะไม่จำเป็นต้องมีหลุมลิฟต์หรือบ่อลิฟต์ และมีห้องเครื่องแค่ 26 เซนติเมตรเท่านั้น และลิฟต์ระบบนี้มีความปลอดภัยสูงเพราะเมื่อเกิดไฟฟ้าขัดข้อง ลิฟต์จะลงมาที่ชั้นล่างเสมอ และยังสามารถติดตั้งได้แล้วเสร็จภายใน 2 วันเท่านั้น รวมถึงการประหยัดค่าไฟ เพราะใช้ไฟเฉพาะขาขึ้นเท่านั้น และการบำรุงรักษาต่ำมาก แค่เปลี่ยนซีลข้างบนห้องโดยสารทุกการขึ้นลง 15,000 ครั้ง หรือประมาณ 3 ปี

          นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบัน ลูกค้าเริ่มที่จะมีความคิดที่จะติดลิฟต์บ้านมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากการมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น หัวเข่า ดังนั้นถึงแม้จะเป็นการขึ้นลงบันไดแค่ไม่กี่ขั้น แต่ก็ลำบากกับผู้สูงอายุมาก แต่ในตอนนี้ติดปัญหาที่ว่า บ้านสร้างเสร็จแล้วหรือพื้นที่ไม่พอ ทำให้ไม่สามารถติดลิฟต์ได้ แต่ตอนนี้ลิฟต์สุญญากาศจะช่วยตอบโจทย์นี้ให้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะใช้พื้นที่น้อยในการติดตั้ง ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับโครงสร้างของบ้าน อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงาม เปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้อีกด้วย และในต่างประเทศมีการติดตั้งลิฟต์สุญญากาศแล้วกว่า 4,000 ตัว ภายในระยะเวลา 8 ปีเท่านั้น และในเอเชียมีประเทศมาเลเซีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น, จีน ที่ติดตั้งมาแล้ว

          สำหรับกลุ่มเป้าหมายของลิฟต์สุญญากาศ บริษัทฯจะเน้นบ้านหรือโฮมออฟฟิต ที่มีลักษณะอาคารเป็นแบบ 2-4 ชั้น และส่วนใหญ่ลูกค้าที่สนใจจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือต้องการซื้อให้พ่อหรือแม่ และกลุ่มที่อาศัยในเพ้นเฮ้าส์แบบสองชั้น ก็ต้องการลิฟท์ชนิดนี้เพื่อเพิ่มความโก้หรูและสะดวกสบายยิ่งขึ้น สำหรับลูกค้าตอนนี้เราอยู่ในช่วงเริ่มเปิดตลาดและมีลูกค้าสั่งมาแล้ว 3 ราย ตอนนี้อยู่ระหว่างการจัดส่งจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ในช่วงแรกบริษัทฯ จะเน้นหนักไปในการใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ของลิฟต์สุญญากาศ ให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้งบประมาณในการประชาสัมพันธ์ราว 10 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 50 ตัว ในปี 2554 หรือประมาณ 100 ล้านบาท

          ทางด้าน นายรัชกฤต ถาวรธนิตกุล บริษัท เอดี ฮีโร่ ชไนเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้ง และบำรุงรักษาลิฟท์โดยสารภายในบ้าน และลิฟท์ขนาดเล็กมากว่า 20 ปี ด้วยทีมงานวิศวกรติดตั้งที่มีประสบการณ์สูง ทั้งระบบไฟฟ้าควบคุม โครงสร้าง และเครื่องกล ทำให้เราเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมลิฟท์ ครบวงจร และยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านลิฟท์จากต่าง ประเทศคอยประสานและให้คำแนะนำต่างๆ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า จะได้ รับบริการและการออกแบบที่ดีเยี่ยมที่สุดจากเรามาโดยตลอด และในปัจจุบันกลุ่มลิฟต์บ้าน หรือ homelift ยังมีอัตราการเติบโตที่สูง และกลุ่มลูกค้าที่มีบ้านแล้วแต่มีความต้องการลิฟต์อีกจำนวนมาก เราจึงร่วมมือกับ บริษัท ทีแมท โฟร์อินส์ จำกัด ในการนำเข้า และทำตลาดลิฟต์สุญญากาศในประเทศไทย   
       
          สำหรับตลาดลิฟต์ในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ลิฟท์อาคารสูงเช่นโรงแรม คอนโดหรู ห้างสรรพสินค้า, 2.ลิฟท์อาคารไม่เกิน 10 ชั้น เช่น อพาร์ทเม้นท์ อาคารสำนักงาน และ 3. ลิฟท์ภายในบ้าน(HOMELIFT) ส่วนมากไม่เกิน 4 ชั้น ซึ่งแนวโน้มการเติบโตเมื่อเทียบกันใน 3 กลุ่มนี้ ลิฟต์โดยสารภายในบ้านจะมีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุด และสามารถดีไซน์ได้ตามผู้ซื้อ ตามใจชอบ ความหลากหลายก็จะมารวมกันอยู่ในลิฟท์ประเภทดังกล่าว

          นายรัชกฤต กล่าวต่อว่า ความน่าสนใจของลิฟต์ สุญญากาศ จุดแรกคือ ระบบ สุญญากาศ ระบบลมและระบบของหลักการธรรมชาติ ทำให้ลิฟท์ลงจอดอย่างนิ่มนวล และปลอดภัยสูงสุด จุดที่สอง คือ การดูแลรักษาและการเปลี่ยนอะไหล่ ง่ายต่อการดูแลและไม่มีอะไหล่สิ้นเปลืองเหมือนกับลิฟต์อื่นๆ ลดค่าใช้จ่ายในการดูแล = ศูนย์ และเหมาะสำหรับบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว เนื่องจากไม่ได้เผื่อปล่องไว้ เนื่องจากพื้นที่ของลิฟต์สุญญากาศ ใช้พื้นที่น้อยมาก มี 2 รุ่น 97 เซนติเมตร และ 135 เซนติเมตร และน้ำหนักเบามาก และที่สำคัญเป็นทรงกลมใส 360 องศา ลิฟต์บ้านปกติ ไม่มีบริษัทไหนสร้างลิฟต์กลม ดังนั้นหากลูกค้าต้องการมุมมอง รอบทิศทาง ต้องเลือกทันที

          สำหรับราคาลิฟต์สุญญากาศ แพงกว่าลิฟต์ บ้านกระจก ประมาณ 8% แต่เมื่อดูจากค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมกันแล้วเช่นค่าอะไหล่และค่าบริการรายปีค่าไฟฟ้า, ค่าก่อสร้าง คิดว่าราคาลิฟต์ทั้งสองแบบนี้ราคาไม่ต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า และค่าใช้จ่ายระยะยาว ลิฟต์สุญญากาศ มีเปลี่ยนอะไหล่ตัวเดียว คือ SEAL ระยะอยู่กับการใช้งาน ผมประมาณอยู่ที่ 5 ปีเปลี่ยน 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 50,000 บาท เป็นราคาจากอเมริกา แต่ในช่วงนี้ กำลังเจรจาให้ทางประเทศไทยผลิต SEAL เองลดค่าใช้จ่ายขึ้นให้กับลูกค้า ซึ่งได้การตอบรับที่ดีราคาจะอยู่ประมาณ 25,000 บาท

          นายรัชกฤต กล่าวปิดท้ายถึงระบบการทำงานของลิฟต์สุญญากาศว่า “การใช้ลิฟต์ เมื่อผู้โดยสารเข้าไปในห้องโดยสารแล้ว กดลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ ระบบคอลโทรลเลอร์จะสั่งการทำงานของ VACUUM MOTOR ทำงานทันทีเมื่อเกิดสุญญากาศแล้วลิฟท์จะเคลื่อนด้วยความเร็วสม่ำเสมอประมาณ 9 เมตร/นาที เมื่อถึงชั้นที่เรากดไว้ ระบบลิฟต์จะเคลื่อนเลยตำแหน่งชั้นเพื่อการคำนวณระยะของเซ็นต์เซอร์และทำการเปิดช่องเพื่อให้ระบบที่เป็นสุญญากาศคลายตัวลงหรือเรียกง่ายๆว่าทำให้ระบบกลับสู่สภาวะปกติ ลิฟต์ก็จะค่อยๆเคลื่อนลงมาตำแหน่งที่ตรงชั้นนั้นและระบบเบรคอิเลคโตรแมคานิคทำงาน พร้อมกันระบบก็จะสับล็อคประตูออกเพื่อให้ผู้โดยสารออก ส่วนการทำงานขาลง เมื่อผู้โดยสารกดลิฟต์ลง ระบบไฟฟ้าหลักไม่ทำงานแต่จะสั่งให้ช่อง VACUUM เปิดออกให้มีอากาศออกไป และระบบจะไหลลงช้าช้าโดยน้ำหนักของลิฟต์และผู้โดยสาร และในหลอดสุญญากาศด้านล่างจะเกิดความกดอากาศมีแรงต้านอากาศทำให้ลิฟต์เคลื่อนลงมาอย่างช้า ๆ และนิ่มนวลโดยไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยในเวลาไฟดับ ก็จะลงมายังชั้น 1 ได้แบบนิ่มนวล”

2124


สตาร์บัคส์ ต้อนรับสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ กับผลิตภัณฑ์คอลเล็คชั่นล่าสุด สำหรับแฟนพันธุ์แท้สตาร์บัคส์
 
          สตาร์บัคส์ แนะนำผลิตภัณฑ์คอลเล็คชั่นล่าสุด กับสินค้าดีไซน์สุดเก๋ที่แฝงกลิ่นอายชนเผ่าอัฟริกัน ที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในขณะนี้ เอาใจแฟนพันธุ์แท้สตาร์บัคส์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟสุดเท่ ทัมเบลอร์ดีไซน์เก๋ไก๋ กระเป๋าผ้าฝ้ายสุดชิค ตลอดจนเมล็ดกาแฟสุดพิเศษจากทวีปแอฟริกา นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ ยังร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปีกับการกลับมาอีกครั้งของขนมไหว้พระจันทร์ยอดนิยมหลากรสที่พร้อมให้ทุกคนเลือกลิ้มลอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

          แก้วกาแฟ “ลีฟเล็ท” (Leaflet Mug) ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 380 บาท
          แก้วกาแฟเพ้นท์มือเนื้อดี สีฟ้าสดใส พร้อมเคลือบเงาสวยงาม สำหรับแฟนๆนักสะสม
          แก้วกาแฟ “ซับมารีน” (Submarine Mug) ขนาด 8 ออนซ์ ราคา 340 บาท
          แก้วกาแฟลวดลายกราฟฟิกสัตว์น้ำใต้ทะเลน่ารัก สำหรับนักสะสมที่หลงใหลโลกใต้ท้องทะเล
          แก้ว “รีไซเคิล” (Recycled Glass) ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 380 บาท
          แก้วรีไซเคิลคุณภาพเยี่ยม ที่ประทับตรานูนด้านหน้าว่า “แก้วรีไซเคิลของแท้ 100 %” ผลิตจากประเทศสเปน (พิเศษ เมื่อซื้อ แก้ว “รีไซเคิล” แถมเครื่องดื่มสตาร์บัคส์ขนาด 12 ออนซ์ ฟรี)
          ทัมเลอร์ “แอฟริกัน แฟบริก” (African Fabric) ขนาด 16 ออนซ์ ราคา 460 บาท
          ทัมเลอร์ 2 ชั้น ลวดลายผ้าฝ้ายแอฟริกันอันโดดเด่นจากชุมชนช่างฝีมือในประเทศรวันดา เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักสะสมที่ทัมเลอร์ดีไซน์เก๋
          ทัมเลอร์ “แอฟริกัน ฟลาเวอร์ส” (African Flowers) ขนาด 12 ออนซ์ ราคา 420 บาท
          ทัมเลอร์ 2 ชั้น สีสันสดใสต้อนรับฝนฉ่ำ ด้วยลวดลายดอกไม้แอฟริกันสดใส
          ทัมเลอร์ “ยีราฟ แอนด์ ฮัทส์” (Giraffe and Huts Tumbler) ขนาด 8 ออนซ์ ราคา 380 บาท
          ทัมเลอร์ลวดลายยีราฟและกระท่อมกลางป่าแอฟริกันขนาดพกพาสุดน่ารัก
          กระเป๋าผ้า “แอฟริกัน” (African Fabric Bag) ราคา 430 บาท
          กระเป๋าผ้าฝ้ายงานฝีมือลวดลายแอฟริกัน ที่สตาร์บัคส์รับซื้อจากชุมชนช่างฝีมือในประเทศรวันดา เพื่อช่วยให้ชุมชนมีอาชีพและรายได้เพิ่มมากขึ้น

          ขนมไหว้พระจันทร์ (Mooncake) ราคาชิ้นละ 100 - 110 บาท

          สตาร์บัคส์ร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ประจำปี ด้วยขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรสชาติ ทั้ง ขนมไหว้พระจันทร์ไส้กาแฟเอสเพรสโซ่และไข่ 1 ฟอง ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนหมอนทองและไข่ 1 ฟอง ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ชาเขียวสตาร์บัคส์และถั่วแดง และขนมไหว้พระจันทร์ไส้โหงวยิง (ประกอบด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ฝักเชื่อม เมล็ดแตงโม เมล็ดงาขาว เม็ดเฮ่งยิ้ง ถั่วแมคคาเดเมีย หมูหวาน)
 
          เมล็ดกาแฟ “แทนซาเนีย” (Tanzania Coffee) ราคา 620 บาท

          เมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยม “แทนซาเนีย” ที่เต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา ด้วยรสชาติอันนุ่มละมุน ผสานด้วยรสชาติบางๆ ของผลเคอเร้นท์และผลไม้เมืองร้อนที่หอมหวานหลากชนิด โดยกาแฟ “แทนซาเนีย” นี้ มีที่มาจากไร่หลายแห่งบนภูเขาคีรีมันจาโร ภูเขาเมรู และปล่องภูเขาไฟโนโกรองโกโร ทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตกาแฟคุณภาพสูงในทวีปแอฟริกา โดย สตาร์บัคส์ ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไร่กาแฟเป็นอย่างมาก และได้เน้นย้ำหลักการรับซื้อเมล็ดกาแฟอย่างเป็นธรรมเป็นผลให้ชาวไร่กาแฟยินดีทำธุรกิจร่วมกับสตาร์บัคส์

2125
สตาร์บัคส์ แนะนำ เครื่องดื่ม “คอฟฟี่ เจลลี่” สูตรใหม่ “คาราเมล คอฟฟี่ เจลลี่ แฟรบปูชิโน่” และ “ไอซ์ คาราเมล คอฟฟี่ เจลลี่ คาเฟ่ ลาเต้”

         

          สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์ ต้อนรับหน้าฝนอันชุ่มฉ่ำ ด้วยสองเครื่องดื่ม “คอฟฟี่ เจลลี่” สูตรใหม่ คาราเมล คอฟฟี่ เจลลี่ แฟรบปูชิโน่ (Caramel Coffee Jelly Frappuccino Blended Coffee) และ ไอซ์คาราเมล คอฟฟี่ เจลลี่ คาเฟ่ ลาเต้ (Iced Caramel Coffee Jelly Caffe Latte) ที่มีส่วนผสมของ “เจลลี่ รสกาแฟ” ที่ทำมาจากกาแฟอิตาเลี่ยน โรสท์ กลมกล่อม เข้มข้น ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มลิ้น ผสานเข้ากับความหอมหวานของน้ำเชื่อมคาราเมล ในรูปแบบของกาแฟปั่น และคาเฟ่ลาเต้ ให้คุณเลือก ลิ้มลอง

          นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบเครื่องดื่มในกลุ่มครีมปั่น ยังสามารถเพิ่มความสนุกและสร้างความหลากหลายให้กับเครื่องดื่มแก้วโปรดของคุณ โดยเพิ่ม “คอฟฟี่ เจลลี่” ใหม่นี้ในทุกแก้วได้อีกด้วย

          พบกับเครื่องดื่ม “คอฟฟี่ เจลลี่” สุดพิเศษหอมหวานนุ่มลิ้นสไตล์ใหม่ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 14 กันยายน ที่ร้านสตาร์บัคส์ ทั่วประเทศ

เกี่ยวกับสตาร์บัคส์
          บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ มุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาและคัดสรรเมล็ดกาแฟอาราบิก้า ชั้นเยี่ยมจากทั่วโลก มาตั้งแต่ปี พ.ศ 2514 สตาร์บัคส์ ถือเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกธุรกิจคั่วบดกาแฟ และร้านกาแฟระดับโลก

          ด้วยมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ทำให้สตาร์บัคส์ สามารถมอบ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ที่พิเศษให้กับลูกค้าผ่านกาแฟทุกแก้วของสตาร์บัคส์ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์สตาร์บัคส์ได้ โดยคลิกไปที่ www.starbucks.com
เกี่ยวกับสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ไทยแลนด์ เปิดดำเนินการในประเทศไทยสาขาแรกที่เซ็นทรัล ชิดลม เมื่อเดือนกรกฎาคม 2541 ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 133 สาขา ทั่วประเทศไทย สตาร์บัคส์ มุ่งมั่นที่จะมอบ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย ขณะเดียวกัน ก็มุ่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมบริเวณแหล่งปลูกกาแฟ พร้อมทั้งชาวไร่กาแฟและครอบครัวชาวไร่กาแฟชาวไทยภูเขาทางภาคเหนือ ภายใต้ชื่อกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์

          สตาร์บัคส์ มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มพิเศษเฉพาะบุคคลเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า พาร์ทเนอร์สตาร์บัคส์ พร้อมที่จะแบ่งปันความรู้ ความชำนาญในด้านกาแฟของสตาร์บัคส์ ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการเตรียมเครื่องดื่มแบบพิเศษเฉพาะบุคคล หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสตาร์บัคส์ กรุณาคลิกไปที่ http://www.starbucks.co.th

2126
รายการ "ไอทีน (ถามมา...จัดไป)" ไอทีน (ถามมา...จัดไป) เสาร์นี้ กับประเด็นที่ว่า VDO mapping เทรนด์ใหม่ที่ใครๆก็ว่า โดน!?



          ถ้าใครชอบท่องเที่ยว ชอบไปหาประสบการณ์ดูสิ่งใหม่ๆ ต้องรู้จัก VDO mapping เพราะเป็นการฉายภาพ 3 มิติลงบนผนังรูปแบบใหม่ ที่สร้างโดดเด่น และแตกต่างตามจินตนาการของผู้คิด แต่ละการออกแบบภาพและเรื่องราว สร้างความประทับใจมาแล้วทั่วโลก และกำลังเป็นที่กล่าวขานกันในกลุ่มคนรุ่นใหม่ยุคนี้มากที่สุด และครั้งแรกในเมืองไทยของผู้ชายมากความสามารถอย่าง คุณหนึ่ง วิทิตนันท์ โรจนวานิช ที่ทุ่มความเพียรพยายามในการเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเองจนสำเร็จ โดยความเชื่อมั่นอยู่ในใจ เหมือนเมื่อครั้งพิชิตยอดเขาที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุด และหินที่สุดในโลก Everest เพื่อเทิดพระเกียรติการครองราชย์ 60 ปีของในหลวงมาแล้ว เพื่อให้คนทั่วโลกได้รู้ว่า คนไทยทำอะไรได้ทุกอย่างไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ!!

          เจ๋งขนาดนี้ ถามมา..ไอทีน จัดไป 3 พิธีกรไอทีน ปาล์ม แพท และโต๋นแตร์ ตัวแทนพิธีกรรุ่นใหม่ จะพาไปเจาะลึกเรื่องราวและความประทับใจของพสกนิกรคนหนึ่งที่พร้อมทุ่มเทแม้ชีวิตเพื่อในหลวง พลังของแรงบันดาลที่ยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้ ติดตามชมในรายการไอทีน (ถามมา...จัดไป) เสาร์นี้ เวลา 16.35 น. ทาง ททบ. 5 ห้ามพลาด!!

2127
news & activity / ผงาดสู่ปีที่ 7
« on: August 25, 2010, 10:37:46 AM »
ผงาดสู่ปีที่ 7 



เนื่องในโอกาสครบรอบ 6 ปีก้าวสู่ปีที่ 7 นิตยสาร Logistics time ได้จัดสัมมนาใน หัวข้อ “Recovering Thailand สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน : โอกาสและความท้าทายของประเทศไทย”   โดยมี ฯพณฯ อลงกรณ์  พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “โลจิสติกส์การค้ากับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”  ณ ห้องโลตัส ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 300  คน  เมื่อเร็วๆนี้   


2128
news & activity / QLT ผนึกกำลังชุมชน
« on: August 25, 2010, 10:36:52 AM »
QLT ผนึกกำลังชุมชน



                บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) หรือ QLT ผนึกกำลังชุมชนบ้านพลง จังหวัดระยอง ร่วมกิจกรรมทำความสะอาดถนนบ้านพลง ซึ่งจัดโดยชุมชนบ้านพลง เพื่อบำเพ็ญประโยชน์เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกิจกรรม CSR ที่บริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมกับชุมชนต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3


2129


         นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “OTOP Midyear 2010 ผนึกใจชิม ชม ช้อป” ณ เวทีกลางภายในอาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงาน และนายวิเชียร ชวลิต อธิบดีกรมการ-พัฒนาชุมชน ให้การต้อนรับ ในพิธีเปิดครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.โมริฮิโกะ ฮิรามัตซึ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแลกเปลี่ยนนานาชาติ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ จังหวัดโออิตะ เอกอัครราชทูตพร้อมภริยา จาก 4 ประเทศ (เนปาล /บัลแกเรีย/โปแลนด์/ปากีสถาน) ให้เกียรติร่วมในพิธีเปิดงานด้วย

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีนโยบายสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้ชุมชนมีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่ แหล่งเงินทุน การพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ การผลิต การตลาด เพื่อให้แต่ละชุมชนสามารถใช้ทรัพยากร และภูมิปัญญาในท้องถิ่น มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณภาพ และพัฒนาจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของตนเอง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP นอกจากจะใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว อาจจะไม่เพียงพอต่อการพัฒนาคุณภาพ การนำความรู้และวิทยาการที่ทันสมัย จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนหน่วยงานที่มีความรู้ด้านเทคนิค มาช่วยกันออกแบบ ช่วยกันสร้างผลิตภัณฑ์ ที่มีความโดดเด่น เป็นที่ยอมรับของตลาด ดังที่จะได้ชมอยู่ในงานนี้ รัฐบาลจึงเชื่อมั่นว่าอนาคตของผลิตภัณฑ์ OTOP จะได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวาง ในประเทศและต่างประเทศตลอดไป

          นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า การจัดงาน OTOP Midyear 2010 ในครั้งนี้ เสมือนเป็นการตอกย้ำ ถึงความจริงใจของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ในกิจกรรมการเพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนและชุมชนมากขึ้น นอกจากนั้นยังได้สนับสนุนให้มีการจัดจำหน่ายสินค้าโอทอปในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

          นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน /“OTOP Midyear 2010” ในครั้งนี้ เกิดจากความตั้งใจของกระทรวงมหาดไทย และได้มอบหมายให้กรมการพัฒนา-ชุมชนรับผิดชอบในการจัดงานขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าให้แก่กลุ่มผู้ผลิต /และผู้ค้าสินค้า OTOP และเพื่อเป็นโอกาสที่พี่น้องประชาชน จะได้เลือกซื้อสินค้า OTOP ประกอบกับเป็นความต้องการของกลุ่มผู้ผลิต และผู้ค้าสินค้า OTOP เองที่ต้องการจะนำเสนอสินค้าที่เกิดจากภูมิปัญญาไทยในราคาย่อมเยาให้ประชาชนได้เลือกจับจ่ายใช้สอย โดยในช่วง9 วันนี้ ผมจะได้มาเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์งานทุกวัน

          “จากการรายงานทราบว่า การจัดงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ และบรรลุวัตถุประสงค์ เกินกว่าเป้าหมาย ที่กำหนดไว้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่การจัดงานในครั้งนี้จะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมทุกภูมิภาคมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และยังจะช่วยพัฒนารายได้ครัวเรือน และคุณภาพชีวิตของครอบครัว / ชุมชน / และประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว

          นายวิเชียร ชวลิต อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นวันที่สองของการ จัดงาน แต่เป็นวันที่มีการเปิดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งการจัดงาน “OTOP Midyear 2010 ผนึกใจชิม ชม ช้อป” ได้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม และจะมีไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2553 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ภายในงานจะได้พบกับกิจกรรม ชิม ชม ช้อป

          ชิม : อาหารอร่อยจากทั้ง 4 ภาคทั่วไทย ที่อยู่ภายในมุม OTOP ชวนชิม มากกว่า 120 บูธ อาทิเช่น โรตี ชาชัก จังหวัดสตูล/ปัตตานี/นราธิวาส ข้าวแกงแสนตุ้ง จังหวัดตราด ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ข้าวซอย จังหวัดเชียงใหม่ ส้มตำ-ไก่ย่าง เขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น ผัดหมี่โคราช จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น ที่เตรียมไว้สำหรับบริการและจำหน่ายให้แก่ผู้มาเที่ยวชมงานได้ทานและซื้อกลับบ้าน

ชม : นิทรรศการและการสาธิตกระบวนการการผลิต OTOP ดีเด่น และ OTOP KBO (Knowledge-Based OTOP) จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการจัดประกวดในระหว่างวันเสาร์ที่ 21 – วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2553 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งจังหวัดที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับรางวัลเงินสด 100,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับรางวัลเงินสด 80,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท รางวัลชมเชยมี 7 รางวัลๆละ 10,000 บาท และชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมภาคต่างๆของเยาวชนที่สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้ความบันเทิงตลอดทั้ง 9 วัน

          ช้อป : สินค้า OTOP ระดับ 3 - 5 ดาว จากภูมิปัญญาของชาวบ้านจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ และผู้ประกอบการจากกรุงเทพฯมากกว่า 2,000 บูธ จำแนกเป็น 5 ประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้/ของตกแต่ง/ของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร พร้อมช่วยกันสนับสนุนสินค้าดีๆจากผู้พิการ และผู้ประสบภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้

          นอกจากนี้ยังจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยจัดให้มีกิจกรรมช่วงนาทีทองในเวลา 11.00 – 12.00 น.ของทุกวัน เพื่อเป็นการตอบแทนพี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบสินค้าดี มีคุณภาพในราคาที่ย่อมเยา พร้อมทั้งมีบริการจัดส่งทางไปรษณีย์เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่เข้าเที่ยวชมงาน และในระหว่างวันอังคารที่ 24 – วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2553 เวลา 17.00 น. จะมีการจัดประมูลสินค้าเด่นของแต่ละจังหวัด และสินค้าที่คัดพิเศษซึ่งสินค้าบางชิ้นไม่มีวางขายในงานฯ วันละ 20-30 ชิ้น รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปสมทบกองทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการโอทอป

          กรมการพัฒนาชุมชน จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมเป็นกำลังใจและให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการสินค้า OTOP โดยเข้าร่วมจับจ่ายใช้สอยเพื่อเลือกซื้อสินค้าดีมีคุณภาพเป็นของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลเดือนวันแม่แห่งชาติ ในงาน “OTOP Midyear 2010 ผนึกใจชิม ชม ช้อป” ระหว่างวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม – วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม 2553 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

2130
เจนนี่ นำทีมรายการจานดาราแนะนำจานเด็ดที่โนโวเทลสุวรรณภูมิ 



กรุงเทพฯ, สิงหาคม 2553 – “เจนนี่” ลลิตา วิทเมอร์ (2 จากซ้าย) พิธีกรช่วง “จานดารา” รายการ “สีสันบันเทิงสด” ทางไทยทีวีสีช่อง 3 มอบประกาศนียบัตรให้แก่เชฟไพโรจน์ คงอุ่น (2 จากขวา) ในโอกาสที่เดินทางมาถ่ายทำรายการที่ห้องอาหารญี่ปุ่นคินเซ็น โรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ โดยมีพัชรินทร์ นาฮิม (ซ้ายสุด) ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และคณกร หวังพนิตกุล (ขวาสุด) ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ให้การต้อนรับ เมื่อเร็วๆ นี้

Favorite Star Dish @ Kinsen, Novotel Suvarnabhumi

Bangkok, August 2010 – Jenny Lalita Witmer (2nd left), MC of TV program “Star Dish (Jarn Dara)”, a part of Thai television’s highly-rated entertainment news “See San Banterng” on channel 3 recently toured Novotel Suvarnabhumi Airport Hotel on a taping to feature Kinsen Japanese Restaurant. 

Photo shows: - Jenny Lalita Witmet presented a certificate to Chef Pairoj Kong-un (2nd right), Japanese Chef along with Patcharin Nahim (fat left), PR Manager and Kanakorn Wangphanitkul (far right), Assistant PR welcomed on her visit.

Pages: 1 ... 140 141 [142] 143 144 ... 155