Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - wmt

Pages: 1 ... 136 137 [138] 139 140 ... 155
2056
TWZ ลุยต่างประเทศเต็มตัว ดันรายได้ปี 54 พุ่ง 4.5 พันลบ. 20 ตุลาคม 2553

          ทีดับบลิวแซด รุกลงทุนต่างประเทศ ตั้งบริษัทย่อยที่ฮ่องกง TWZ international Limited ส่งสินค้าไปจำหน่ายยังแถบเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย เริ่มภายในเดือนธันวาคมนี้ ตั้งเป้ากวาดรายได้ 180-200 ล้านบาท ในปี’54 ช่วยดันรายได้ปี’54 เพิ่มเป็น 4,500 ล้านบาท

          นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ของ บริษัทฯ ได้มีการประชุมพร้อมกับอนุมัติแผนการไปลงทุนในต่างประเทศ ด้วยการให้จัดตั้งบริษัทย่อยในฮ่องกง โดย TWZ ถือหุ้น 100% และใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

          สำหรับบริษัทย่อยที่ฮ่องกงดังกล่าว คือ TWZ international Limited จะจัดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบ Original Equipment Manufacturer (OEM) และ Original Design Manufacturing (ODM) พร้อมกับการจัดตั้ง สำนักงานตัวแทน TWZ Corporation (เซิ่นเจิ้น) ที่จะเป็นศูนย์อำนวยการของ TWZ ที่ประเทศจีน

          ทั้งนี้ TWZ international Limited ผู้จัดจำหน่าย โดยจะการกระจายสินค้าไปยังประเทศแถบเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม บังกลาเทศ อินเดีย และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ TWZ ตั้งเป้าหมายจะส่งสินค้าเข้าไปจำหน่าย เพราะมีความต้องการสูง

“เราต้องการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศอย่างเต็มตัว โดยสำนักงานตัวแทน TWZ Corporation (เซินเจิ้น) จะคอยควบคุมการบริหาร คุณภาพสินค้า ซึ่งเชื่อมั่นว่ากลุ่มประเทศที่เราส่งสินค้าไปจำหน่ายจะได้ผลตอบรับที่ดีเพราะสภาพตลาดไม่แตกต่างจากบ้านเรามากนัก นอกจากนี้อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือก็มีอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูง ประกอบกับ TWZ เองก็ได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีตัวสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา”

          บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้เร็วสุดในเดือนธันวาคมนี้ หรืออย่างช้าก็จะอยู่ประมาณในไตรมาส 1 ปี 2554 ส่วนรายได้จากการลงทุนนั้น ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีจำนวน 180 - 200 ล้านบาทหรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 5-10% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ ในปี 2554 ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ระหว่าง 4,200-4,500 ล้านบาท

          การขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยทำให้รายได้และกำไรของบริษัทในปีหน้าเติบโตขึ้นจากปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ ยังมั่นใจว่าจะสามารถมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นมาประมาณ 10% จากปี 2552 โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายทุกปีจะเป็นช่วงฤดูกาลขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะลุกค้าในเขตต่างจังหวัดจะมีกำลังซื้อมากขึ้นตามราคาสินค้าเกษตร ส่วนลูกค้าในเขตกรุงเทพจะมีเทศกาลปีใหม่ ที่จะมีการแจกของขวัญต่างๆ

          “ปีนี้ตลาดมือถือน่าจะโตได้ 10% แต่เราน่าจะโตได้มากกว่านั้นจากการขยายตลาดด้วยตัวเอง โดยจะขายมือถือได้ 1.2-1.5 ล้านเครื่อง”นายพุทธชาติ กล่าว

2057
รีเสิร์ช อิน โมชั่น แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ปีนี้
 
          รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – RIM) (NASDAQ: RIMM; TSX: RIM) ผู้นำด้านตลาดการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือทั่วโลก รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 (ก.ย. – พ.ย. 2553) สิ้นสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2553 (ตัวเลขที่ระบุเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และ U.S. GAAP)

          ตัวเลขสำคัญ:
          จำนวนสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ที่จัดจำหน่ายในไตรมาสนี้ คิดเป็น 14.2 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน
          รายได้เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้ 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
          มีกำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้ คิดเป็น 1.74 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 58% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อน
          มูลค่าเงินสดเพิ่มขึ้นอีก 446 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมมูลค่าเงินสดเมื่อสิ้นสุดไตรมาสนี้ คิดเป็น 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

          ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 (เดือน ก.ย. – พ.ย. 2553)
          รายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2554 คิดเป็น 5.49 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19% จาก ไตรมาสก่อนที่มีรายได้ประมาณ 4.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 3.92 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรายได้ดังกล่าวมาจากการจำหน่ายเครื่องแบล็กเบอร์รี่ 82% มาจากการให้บริการ 15% จากซอฟท์แวร์และรายได้อื่นๆ 3% ทั้งนี้ในระหว่างไตรมาสนี้ ริมได้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ประมาณ 14.2 ล้านเครื่อง

          สำหรับไตรมาสที่ 3 นี้ มียอดผู้สมัครใช้บริการแบล็กเบอร์รี่รายใหม่เพิ่มถึง 5.1 ล้านราย ทำให้ในช่วงปลายไตรมาส ยอดจำนวนผู้สมัครใช้บริการแบล็กเบอร์รี่ทั่วโลกทั้งหมดอยู่ที่ 55 ล้านราย

          มร. จิม บัลซิลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จของผลประกอบการในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของยอดจำหน่ายเครื่องแบล็กเบอร์รี่ จำนวนยอดผู้สมัครที่ลงทะเบียนใช้บริการแบล็กเบอร์รี่ และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจของริมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยความหลากหลายของการพัฒนาแบล็กเบอร์รี่ ซึ่งเป็นตัวเร่งกระตุ้นตลาดทั่วโลก ทั้งนี้ ด้วยผลประกอบการที่ยอดเยี่ยม และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกระแสตอบรับจากคู่ค้าและกลุ่มลูกค้า เกี่ยวกับแผนการเปิดตัวสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซอฟต์แวร์ รวมถึงการนำเสนอบริการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า จึงทำให้เราตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้อย่างต่อเนื่อง”

          รายได้สุทธิของบริษัทในไตรมาสนี้คิดเป็น 911.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.74 เหรียญสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วซึ่งมีรายได้สุทธิ 796.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.46 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้สุทธิ 628.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.10 เหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ มีจำนวนเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด การลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน คิดเป็นมูลค่า 2.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 446 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีมูลค่า 2.03 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทางด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 มีมูลค่าประมาณ 975 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การใช้จ่ายเงินสดดังกล่าวครอบคลุมทั้งรายจ่ายที่เป็นการลงทุนประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การเรียกซื้อคืนหุ้นสามัญ ประมาณ 133 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการซื้อสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ มูลค่าประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

คาดการณ์ตัวเลขในไตรมาสที่ 4 (เดือน ธ.ค. 2553 – ก.พ. 2554)
          คาดการณ์ตัวเลขรายได้ในไตรมาสที่ 4 ประจำปีงบประมาณ 2554 จะอยู่ระหว่าง 5.5-5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกำไรในไตรมาสที่ 4 จะอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 รวมถึงกำไรสุทธิต่อหุ้นซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.74-1.80 เหรียญสหรัฐฯ
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารของริม

          ริม ประกาศในวันนี้ว่า คณะกรรมการบริหารได้แต่งตั้ง มร. จิม บัลซิลลี และ มร. ไมค์ ลาซาริดิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ให้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารร่วม ทั้งนี้ มร. จอห์น ริชาร์ดสัน ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอิสระของริม และยังคงทำหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการบริหารอิสระ โดยเชื่อมั่นว่าการแต่งตั้งดังกล่าวควบคู่กับการทำงานของ มร. ริชาร์ดสัน จะทำให้โครงสร้างผู้บริหารของริมมีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ริมยังได้ประกาศเรื่องการลาออกของ มร. จิม เอสทิล ในตำแหน่งผู้อำนวยการของริม และได้กล่าวขอบคุณ มร. เอสทิล ที่ทุ่มเทการทำงานให้กับคณะกรรมการบริหารมาตลอด 13 ปี

2058
ทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น เลือกติดตั้งโซลูชั่นพุชอีเมล EMOZE บนโทรศัพท์มือถือ
 
          - EMOZE เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพุชอีเมล (Push Email) บนโทรศัพท์มือถือของทีซีแอล (TCL) และอัลคาเทล (Alcatel) ได้อย่างแท้จริง

          บริษัท EMOZE Ltd. ประกาศข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ระดับโลกกับบริษัททีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น เทคโนโลยี โฮลดิ้งส์ จำกัด (TCL Communication Technology Holdings Ltd.) เพื่อติดตั้งโซลูชั่นพุชอีเมล EMOZE บนโทรศัพท์มือถือแบรนด์ทีซีแอลและอัลคาเทล โดย ทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น ได้สั่งซื้อโซลูชั่นพุชอีเมล EMOZE จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงครั้งนี้
          ทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น หนึ่งในผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือชั้นนำระดับโลก นำเสนอโซลูชั่นโทรศัพท์มือถือในรูปแบบต่างๆ ให้กับผู้ใช้งานและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีวางจำหน่ายในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
          โซลูชั่นพุชอีเมล EMOZE ทำงานอยู่บนพื้นฐานเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ EMOZE ซึ่งมีประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลตามการใช้งานจริง รวมถึงลดความแออัดในการส่งผ่านข้อมูลและลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือทุกรุ่น (โทรศัพท์มือถือทั่วไปและสมาร์ทโฟน) ความร่วมมือครั้งใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าของทีซีแอลที่มีอยู่หลายล้านรายทั่วโลกสัมผัสกับประสบการณ์การใช้ระบบพุชอีเมลได้อย่างแท้จริง
          ดร.จอร์จ กัว (Dr. George Guo) ซีอีโอของทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้นำโซลูชั่น EMOZE มาติดตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือของเรา และเชื่อว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะนำมาซึ่งบริการที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ของทีซีแอลและทำให้ลูกค้าเดิมติดใจในแบรนด์ของเรา…”
          โมเช เลวี (Moshe Levy) ซีอีโอของ EMOZE กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ ทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น เลือกให้ EMOZE เป็นผู้จัดหาโซลูชั่นพุชอีเมล เพื่อให้ลูกค้าจดทะเบียนของบริษัทสามารถใช้บริการนี้บนโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นได้ทุกที่ทุกเวลา และเราภาคภูมิใจที่ได้ช่วยให้ลูกค้าของทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น สามารถใช้บริการพุชอีเมลของ EMOZE ที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย”

          หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
          เกี่ยวกับทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น
          ทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น เทคโนโลยี โฮลดิ้งส์ จำกัด (TCL Communication Technology Holdings Limited: TCL Communication) เป็นบริษัทในเครือของทีซีแอล คอร์ปอเรชั่น (TCL Corporation) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก และจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง (Stock Code: 2618) โดยทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น เป็นบริษัทผู้ให้บริการอุปกรณ์มือถือชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีนที่ดูแลแบรนด์โทรศัพท์มือถือ 2 แบรนด์ ได้แก่ ทีซีแอลและอัลคาเทล ที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเองและผสานประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นภายใต้นิยาม "the Best of the two Worlds”
          ด้วยการนำของทีมงานฝ่ายบริหารที่มาจากหลากหลายประเทศ ทีซีแอล คอมมิวนิเคชั่น ได้พัฒนาและต่อยอดจุดแข็งด้านบริการในตลาดให้ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและผู้จัดจำหน่ายรวมกว่า 30 รายทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองครบทุกความต้องการ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งมีวางจำหน่ายในกว่า 80 ประเทศทั่วโลกสามารถแข่งขันด้านต้นทุนภายใต้มาตรฐานของจีนที่มีคุณภาพสูงทัดเทียมกับมาตรฐานระดับสากล ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่มีสไตล์ไม่เหมือนใครในราคาโดนใจและสามารถหาซื้อเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก
          เข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ http://www.tclcom.com/

          เกี่ยวกับ EMOZE Ltd.
          บริษัท Emoze เป็นผู้นำระดับโลกซึ่งเป็นที่ยอมรับด้านการเชื่อมต่อข้อมูลบนมือถือ บริการรับส่งข้อความและข้อมูลบนมือถือสำหรับลูกค้าบุคคล ลูกค้าธุรกิจ และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ บริษัท Emoze พัฒนาบริการด้านการรับส่งอีเมลที่สำคัญในทุกรูปแบบ (Web mail, ISP mail, Outlook และ Social Media) ซอฟต์แวร์ของ Emoze ที่ติดตั้งในอุปกรณ์มือถือแต่ละรุ่นสามารถรองรับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล การติดต่อ ปฏิทินนัดหมาย และแฟ้มเอกสารที่แตกต่างกันออกไป โดยสถาปัตยกรรม Emoze อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และสามารถปรับขนาดได้ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) และสามารถตีตลาดได้รวดเร็ว ทั้งนี้ Emoze ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2549 และเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Emblaze Group (LSE:BLZ) http://www.emoze.com

          สอบถามข้อมูลได้ที่:
          โมเช เลวี (Moshe Levi) ซีอีโอ
          อีเมล: moshel@emoze.com

          โจนาธาน ชิลลิงตัน (Jonathan Shillington) / อลิสแตร์ สกอตต์ (Alistair Scott) จากเกรย์ลิ่ง(Grayling)
          โทร +44-20-7932-1850
          อีเมล: alistair.scott@grayling.com

2059
ไซแมนเทคเผย การคาดการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัย และการจัดเก็บข้อมูลท็อปฮิต ในปี 2554
 
ไซแมนเทคเผย การคาดการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัย และการจัดเก็บข้อมูลท็อปฮิต ในปี 2554 คลาวด์, เวอร์ชวลไลเซชัน ระบบรักษาความปลอดภัยบนโมบาย และโซเชียล มีเดีย  ขึ้นแท่นยอดนิยมในปีใหม่นี้

          ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยการคาดการณ์ด้านระบบรักษาความปลอดภัย และสตอเรจในปี 2554 ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยและสตอเรจได้มีการสังเกตการณ์เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลในภาพรวม โดยองค์กรธุรกิจต่างๆ ในปัจจุบันต่างเต็มไปข้อมูลข่าวสารที่มากเกินไป เนื่องจากข้อมูลมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด และในแทบจะทุกวันก็มีการเปิดตัวหรือไม่ก็นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาสู่ตลาด ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้คำมั่นสัญญาว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกิจได้มากขึ้น
          “เนื่องจากทุกวันนี้ งบด้านไอทีเริ่มชะลอและลดลง ทำให้บรรดาบริษัทชั้นนำต่างๆ ต้องทำให้ค่าใช้จ่ายไอทีที่จ่ายไปสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น” นายนพชัย ตั้งไตรธรรม, ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส, ไซแมนเทค ประเทศไทย กล่าวพร้อมเสริมว่า “การที่องค์กรธุรกิจมีความเข้าใจในเรื่องความท้าทาย ความเสี่ยงและ ภัยคุกคาม ก็จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถวางแผนพร้อมนำความริเริ่มด้านไอทีในเชิงกลยุทธ์มาใช้ภายในองค์กร อย่างเช่น เวอร์ชวลไลเซชัน การรักษาความปลอดภัยบนระบบสื่อสารเคลื่อนที่ การเข้ารหัส การแบ็กอัพและกู้คืนข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในระยะยาว รวมถึงคลาวด์คอมพิวติ้ง มาช่วยปกป้องและบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

          คลิ๊กเพื่อทวีต การคาดการณ์ของไซแมนเทคในปี 2554 - คลาวด์ เวอร์ชวลไลเซชัน การรักษาความปลอดภัย
          บนระบบสื่อสารเคลื่อนที่ และโซเชียล มีเดีย มีบทบาทสำคัญมากขึ้น http://bit.ly/ibGkcr

เทคโนโลยีใหม่ กับ ความท้าทายใหม่
          เนื่องจากเทคโนโลยีเริ่มมีความฉลาดมากขึ้นและเร็วขึ้น ภัยคุกคามต่อเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ฉลาดขึ้นและพัฒนาเร็วขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนในหมู่ผู้บริโภคมีจำนวนสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลให้มีการนำสมาร์ทโฟนมาใช้ร่วมกับระบบงานในองค์กรมากยิ่งขึ้น ทำให้เส้นแบ่งระหว่างธุรกิจกับการใช้งานส่วนตัวเริ่มไม่ชัดเจน และทำให้เกิดรูปแบบใหม่ของการรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์โมบายในปี 2544 นี้
          นักวิเคราะห์จากไอดีซี คาดการณ์ว่า จนถึงปลายปีนี้ มีการส่งมอบอุปกรณ์โมบายเพิ่มขึ้นถึง 55% ด้านการ์ทเนอร์ก็คาดการณ์ไว้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ จะมีผู้คนประมาณ 1.2 พันล้าน ที่ใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถเชื่อมต่อเว็บได้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา อาชญากรไซเบอร์อาจจะยังดูไม่ค่อยสนใจกับอุปกรณ์โมบายนี้ แต่เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้เติบโตมากขึ้น และมีแพลตฟอร์มระบบโมบายอยู่พอสมควรในท้องตลาด ทำให้ดูจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ผู้โจมตีจะพุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์โมบายในปี 2554 และอุปกรณ์เหล่านี้ ก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในแง่ที่เป็นเหตุให้ข้อมูลสำคัญสูญหายได้

ช่องว่างในการปกป้องเครื่องเสมือน
          การนำเวอร์ชวลไลเซชันมาใช้กันแพร่หลายก็ทำให้เกิดความท้าทายในลักษณะเดียวกัน แม้ว่าหลายบริษัทเชื่อว่าข้อมูลและแอพพลิเคชันที่อยู่บนระบบโครงสร้างแบบเสมือนจะได้รับการปกป้องอยู่ก็ตาม หากยังมีผู้ดูแลด้านไอทีอีกหลายคนที่ต้องยอมรับความจริงว่าในปี 2554 เรื่องอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น การนำระบบโครงสร้างแบบเวอร์ชวลไลเซชันมาใช้ในเวลารวดเร็ว โดยติดตั้งใช้งานเป็นส่วนๆ และขาดมาตรฐาน ก่อให้เกิดช่องว่างตามมาทั้งเรื่องของความปลอดภัย ความพร้อมของระบบงานและการแบ็กอัพ แม้ว่าเวอร์ชวลไลเซชันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเซิร์ฟเวอร์ แต่องค์กรธุรกิจหลายแห่งก็กำลังพบว่าทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสตอเรจและการบริหารจัดการเพิ่มขึ้นในขณะเดียวกัน และถ้าไม่มีการวางแผนปกป้องสภาวะงานเหล่านี้ ก็อาจทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างเต็มที่เช่นกัน

การควบคุมข้อมูล
          ระดับการเติบโตของข้อมูลในลักษณะก้าวกระโดด นับเป็นอุปสรรคในเวลาที่องค์กรต้องบริหารจัดการและกู้คืนข้อมูลให้ได้ประสิทธิภาพ ในปี 2544 ผู้ดูแลสตอเรจจะต้องพยายามควบคุมข้อมูลให้ได้ทั้งหมด พร้อมกับต้องปล่อยวางความคิดเรื่องที่ว่าจะต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้หมด และต้องแยกประเภทให้ได้ว่าข้อมูลใดที่มีความสำคัญมากและควรเก็บรักษาไว้ ถ้าไม่ทำเช่นนี้ ค่าใช้จ่ายด้านสตอเรจก็จะพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง และองค์กรยังต้องเผชิญกับการที่ต้องเสียเวลาจำนวนมากไปกับการกู้คืนข้อมูล อีกทั้งยังไม่สามารถดำเนินการได้สอดคล้องตามมาตรฐานด้านกฏเกณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฏหมายสิทธิส่วนบุคคล และการสืบค้นข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
          นอกจากนี้ การใช้โซเชียลมีเดียมาช่วยในเรื่องของการสื่อสารและเพิ่มผลิตผลทั่วทั้งองค์กรยังเป็นการเพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบ แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะยังคงเป็นปัจจัยที่เปลี่ยนแนวทางในการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในปี 2544 หากองค์กรด้านไอทียังต้องเข้าใจถึงวิธีการป้องกันและบริหารจัดการแอพลิเคชันที่ไม่ใช่มาตรฐานเหล่านี้ให้ได้ทั้งในแง่ของการกู้คืนและสืบค้นข้อมูลทางธุรกิจที่สื่อสารผ่านช่องทางเหล่านี้ การจัดเก็บข้อมูลในโซเชียลมีเดียแบบระยะยาวจะกลายเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากองค์กรต้องอาศัยศักยภาพในการทำธุรกิจผ่านเครือข่ายสังคม นอกจากนี้ยังต้องมีเก็บรักษาข้อมูลเหล่านี้ไว้ในระยะยาวในแง่ของการควบคุมเพื่อลดความเสี่ยงด้านข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
          นอกจากนี้ ในเวลาที่มีการใช้ข้อมูลผ่านระบบโมบายมากขึ้น ทำให้ข้อมูลไม่ได้รับการจัดการผ่านระบบงานส่วนกลางเหมือนเคย ผู้มีอำนาจในการออกกฏจะเริ่มเข้ามาจัดระเบียบเรื่องนี้มากขึ้นในปี 2554 และจะผลักดันให้องค์กรเหล่านี้มีการติดตั้งเทคโนโลยีการเข้ารหัส โดยเฉพาะในอุปกรณ์โมบายต่างๆ

ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ในปี 2544
          องค์กรธุรกิจยังคงเน้นเรื่องการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในปี 2554 ในขณะที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามในรูปแบบเฉพาะที่มีความฉลาดมากขึ้น ผู้ดูแลระบบไอทีต้องมีแนวทางที่ใช้ทั้งนวัตกรรมและกลยุทธ์มาช่วยในการแก้ปัญหา ในขณะที่ซอฟต์แวร์ยังคงเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 ก็จะมีโมเดลใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในการช่วยให้งานส่วนปฏิบัติการด้านไอทีง่ายขึ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ คลาวด์ คอมพิวติ้ง โฮสต์ เซอร์วิส และอุปกรณ์ประเภทแอพพลายแอนซ์ต่างๆ ล้วนเป็นตัวอย่างของโมเดลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และจะเปลี่ยนโฉมดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน โดยช่วยให้องค์กรปรับใช้โมเดลต่างๆ นี้ได้อย่างง่ายดาย และให้ความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น
          องค์กรต่างๆ จะมีการใช้ทั้งในพับลิกคลาวด์ และไพรเวทคลาวด์ เนื่องจากระบบเหล่านี้จะยิ่งมีความพร้อมมากขึ้นไปอีกในปีหน้า และจะมีเครื่องมือต่างๆ ออกมาเพื่อช่วยจัดการสภาวะงานด้านสตอเรจแบบใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น อีกทั้งช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีมีความเข้าใจที่ดีขึ้นและเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ สิ่งนี้จะช่วยให้หน่วยงานด้านไอทีได้ใช้ประโยชน์ของคลาวด์อย่างเต็มที่ รวมถึงทำเป็นรายงานเสนอผู้บริหารได้อย่างชาญฉลาด ในขณะที่ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากบริการข้อความบนคลาวด์ และยังพบว่า สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการสืบค้นข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในองค์กรเป็นระยะยาวด้วยรูปแบบผสมผสานในการทำอาไคฟว์หรือจัดเก็บข้อมูลระยะยาวบนคลาวด์ ช่วยให้องค์กรสามารถใช้บริการโฮสต์ข้อความไว้บนคลาวด์ ในขณะที่สามารถเก็บข้อมูลระยะยาวไว้ที่ไซท์งานตัวเองได้ ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้องค์กรสามารถผสานการใช้งานด้านอีเมลร่วมกับแหล่งเนื้อหาที่จัดเก็บอยู่ในองค์กรเช่นบน PST, IM และในแชร์พอยท์ในกรณีที่ต้องมีการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวข้องต่างๆ

มัลติมีเดีย
          -  วิดีโอ เกี่ยวกับ การคาดการณ์แนวโน้มในปี 2554 จากไซแมนเทค
          -  พ็อดแคสท์ เกี่ยวกับ การคาดการณ์ด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต
         
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
          -  บล็อกโพสต์: การคาดการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตในปี 2554: สิ่งที่กำลังจะเกิด
          -  ชมพรีเซนเทชันบน Slideshare: การคาดการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตในปี 2554
          -  การสำรวจ: การคาดการณ์ความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตในปี 2554
          -  การศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันระบบโครงสร้างสำคัญประจำปี 2553
          -  การศึกษาเกี่ยวกับการกู้คืนภัยพิบัติประจำปี 2553
          -  การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้อมูล 2553
          -  แนวโน้มการเข้ารหัสข้อมูลจัดทำโดย Ponemon ประจำปี 2553
          -  รายงานสถานการณ์ด้านความปลอดภัยในองค์กรประจำปี 2553
          -  รายงานสถานการณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ประจำปี 2553
          -  รายงานภัยคุกคามความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตฉบับที่ 14
          -  ภาพรวมของ Trojan.Hydraq
          -  การสำรวจด้านความปลอดภัยของมือถือและอุปกรณ์สมาร์ทโฟนจัดทำโดย Mocana ประจำปี 2553: ความกังวลที่เพิ่มตามความนิยม สมาร์ทโฟนต้นเหตุของปัญหาที่อาจบานปลาย (PDF)
          -  Stuxnet Dossier (PDF)
         
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
          -  โซลูชันเพื่อการปกป้องข้อมูลจากไซแมนเทค
          -  โซลูชันเพื่อการกู้คืนภัยพิบัติจากไซแมนเทค
          -  โซลูชันด้านความพร้อมของระบบจากไซแมนเทค
          -  ข้อมูลความปลอดภัยจากไซแมนเทค
          -  การบริหารจัดการด้านความปลอดภัยจากไซแมนเทค
          -  การบริหารจัดการด้านสตอเรจจากไซแมนเทค
          -  โซลูชันการบริหารจัดการระบบเวอร์ชวลไลเซชันจากไซแมนเทค
          -  การรักษาความปลอดภัยบนเว็บจากไซแมนเทค
         
ติดต่อกับไซแมนเทคได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
          -  ติดตามเกี่ยวกับสตอเรจของไซแมนเทคบน Twitter
          -  ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ Symantec บน Facebook
          -  อ่านข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ
          -  ไซแมนเทค เชื่อมโยงชุมชนธุรกิจ

2060
อเด็คโก้ เผยข้อมูลตลาดแรงงานปี 2554 ส่งสัญญาณบวก อุปโภค-บริโภค อุตสาหกรรม ไอที-สื่อสาร พลังงานมาแรง
 
          อเด็คโก้ ผู้ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร (HR Solutions) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผยแนวโน้มการจ้างงานในปี พ.ศ. 2554 เป็นปีของตลาดแรงงานไทย ทั้งในภาคอุตสาหกรรมทั่วไป ธุรกิจไอทีและการสื่อสาร กลุ่มธุรกิจสินค้า อุปโภค-บริโภค และ การกลับมาของภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ สอดคล้องกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวโน้มการจ้างงานเพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย

          นางสาวธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ Country Manager – Adecco Group Thailand ผู้ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลแบบครบวงจร (HR Solutions) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดแรงงานในประเทศไทยในปี พ.ศ.2554 ยังมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น คาดว่า ภาคธุรกิจที่จะมีการขยายตัวของตลาดแรงงาน ประกอบด้วย ภาคอุตสาหกรรมทั่วไป ธุรกิจไอทีและการสื่อสาร กลุ่มธุรกิจสินค้า อุปโภค-บริโภค และ ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงภาคธุรกิจการเงินการธนาคารซึ่งมีการควบรวมกิจการในปีที่ผ่านมา

          สำหรับ แนวโน้มความต้องการในตลาดการจ้างงาน ในปี 2554 คาดการณ์การเติบโตธุรกิจโดยภาพรวมของบริษัทจัดหางานเทียบกับปี 2553 น่าจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15 % โดยแบ่งความต้องการการจ้างงานตามประเภทของตลาดแรงงาน พบว่า จะมีความต้องการทั้งแบบการจ้างพนักงานประจำและแบบการจัดจ้างตามสัญญา โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจไอทีและการสื่อสาร สินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภค การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการผลิต และยังมีสัญญาบวกจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่มีแนวโน้มดี

          “ส่วนธุรกิจด้านการธนาคารและการเงินที่มีการขยายตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ยังคงขยายตัวต่อไปในปี พ.ศ. 2554 จากการควบรวมกิจการของธนาคารต่างประเทศและธนาคารท้องถิ่น ด้านธุรกิจไอที มีแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้น สำหรับทักษะใหม่ๆ ที่ตอบสนองในเรื่อง Server virtualization, Collaboration technologies (“Web 2.0”), Rich Internet apps and mobile apps, Cross-platform support และ Web services งานในตำแหน่งที่เกี่ยวกับการขายและการบัญชียังคงเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานตลอดมา ทั้งนี้แนวโน้มการขยายตัวของตลาดแรงงานไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในประเทศไทย แต่ยังเป็นการเติบโตทั้งภูมิภาคเอเชีย ตามการปรับตัวของเศรษฐกิจโลก” นางสาวธิดารัตน์ กล่าว

          อย่างไรก็ตาม ตลอดปี 2553 ที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับองค์กรที่มีฐานธุรกิจในประเทศไทย ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเมือง ยังคงส่งผลกระทบต่อปัจจัยบวกทางธุรกิจจึงทำให้การจ้างงานลดน้อย หรือชะลอตัวลง ดังนั้นในปี พ.ศ. 2554 ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้เตรียมปรับตัวโดยการจับตามองสัญญาณในเชิงบวกของการจ้างงานที่มีการเจริญเติบโต และองค์กรต่างๆ ก็เริ่มเตรียมตัวที่จะรับสมัครแรงงานทั้งประเภทพนักงานประจำและประเภทการจ้างงานแบบชั่วคราว ซึ่งการเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ก็จะทำให้เราเริ่มเห็นสัญญาณการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างองค์กรที่เตรียมสรรหาหาบุคคลที่มีความสามารถ มีทักษะทั้งในส่วนงานเฉพาะทาง และทักษะพื้นฐานใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับองค์กร อย่างไรก็ตาม พลังขับเคลื่อนองค์กรในปีหน้ายังต้องเผชิญความท้าทายสำหรับบริษัทที่ดำเนินนโยบายด้วยการใช้บุคคลากรอย่างคุ้มค่า

          “อเด็คโก้ ในฐานะที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล คาดการณ์ว่าเราจะเห็นความยืดหยุ่นในการจัดองค์กรการทำงานมากขึ้น โดยบริษัทต่าง ๆ จะต้องการรับพนักงานที่มีความสามารถมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูงขึ้น ทั้งนี้ บทบาทของอเด็คโก้ในปี 2554 ยังคงทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษา และคัดสรรบุคลากรทีมีศักยภาพสำหรับองค์กรทุกระดับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และมีประสิทธิภาพสูงก็จะมองหาองค์กรที่เสนอเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีที่สุดเช่นกัน” นางสาวธิดารัตน์กล่าวในที่สุด

2061
Hi-jet จัดโปรโมชั่นพิเศษส่งท้ายปี
 
 
          บริษัท ปภาวิน จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษและหมึกสำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท กระดาษสำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ภายใต้แบรนด์ Hi-jet จัดโปรโมชั่นพิเศษส่งท้ายปี ที่ร้านไอทีซิตี้ และออฟฟิศดีโป้ เมื่อซื้อสินค้า Hi-jet ครบ 1,000 บาท รับฟรี แก้วต้อนรับปีใหม่ 1 ชุด (เฉพาะสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล) และเมื่อซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท รับฟรีตุ๊กตา Hi-jet Robot 1 ตัว (เฉพาะสาขาต่างจังหวัด) ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 นี้ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ปภาวิน จำกัด โทร.02-423-3555 หรือเว็บไซต์ http://www.hi-jet.com
 
 

2062
ผู้ถือหุ้น G Land ขายหุ้น Big Lot ให้กลุ่มธนายง
 
          ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLand เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่บีทีเอส 3.41 ล้านหุ้นหรือ 0.33% ในราคา 7.00 บาทต่อหุ้น

          นางสาวรมณี บุญดีเจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มเจริญกฤษ และ กลุ่มบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ (ช่อง 7 สี) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้เสนอขายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ให้แก่ บริษัท บีทีเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2553 รวมกันจำนวน 3.41 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 0.33 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว

          การเข้าซื้อหุ้นจำนวน 0.33% ของบีทีเอสครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนระยะยาว โดยจะทำให้สัดส่วนของ Free Float เพิ่มขึ้นจาก 3.74% มาเป็น 4.07%

          อย่างไรก็ตาม ภายหลังการขายหุ้นในครั้งนี้ กลุ่มเจริญกฤษ และ กลุ่มบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเท่ากับ 54.48% และ 29.89% ตามลำดับ

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ วิรัตน์ ตรีรานุรัตน์
บริษัท เฮอร์เมส คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทรศัพท์ 02 954 4305
Email: virathr@gmail.com

2063
วายแอลจี เผยแผนปี 54 เตรียมบุกหนัก ตั้งเป้าเทรดทองคำแท่ง 300 ตัน พร้อมดันโกลด์ฟิเจอร์สโต 20 %
 
          นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลียน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจทองคำในปีหน้าว่า ราคาทองคำจะยังรักษาแนวโน้มขาขึ้นเอาไว้ได้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ ปัญหาหนี้สินในยุโรป การคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคต จากการที่ประเทศต่างๆได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมหาศาลพร้อมๆกันทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมีอยู่ค่อนข้างมากส่งผลให้เกิดสภาพคล่องส่วนเกิน อาทิ จีน ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของความต้องการทองคำของจีนและอินเดีย

          โดยวายแอลจี ได้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 54 อยู่ระหว่าง 1,200-1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และภายในไตรมาส 2 จะเห็นราคาทองขึ้นไปแตะ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เนื่องจากราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในปี 53 อาจส่งผลราคาทองคำมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังสำหรับการลงทุนให้มากขึ้นในปี 54 ส่วนราคาทองคำภายในประเทศยังคงได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาทองคำเฉลี่ยทั้งปีจะยืนอยู่เหนือ 20,000 บาท/บาททองคำ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งไว้ประมาณ 300 ตัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 25% ภายใต้แผนการดำเนินงานเชิงรุก เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทองคำ และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่คือโลหะเงิน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนเพิ่มขึ้น

          สำหรับภาพรวมของกลุ่มวายแอลจีในปีนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ โดยในส่วนธุรกิจทองคำแท่ง คาดว่ายอดการส่งออกและนำเข้าทองคำแท่งสิ้นปีจะอยู่ที่ประมาณ 244 ตัน โดยยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจทองคำแท่งไว้ได้ จากที่ตั้งเป้าเมื่อต้นปีว่ามียอดเทรดประมาณ 200 ตัน

          นางพวรรณ์ กล่าวว่า ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการมีฐานลูกค้าใหม่เข้ามาจำนวนมาก รวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดที่เน้นให้ความรู้ด้านการลงทุนในทองคำต่อเนื่องตลอดปี พร้อมการออกบริการใหม่ๆ อาทิ การเปิดขยายบริการรับซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% และทองคำแท่ง 96.5% ถึงเวลา 24.00 น. โดยอ้างอิงราคา spot การรายงานสดราคาทองผ่านเว็บไซต์ และการดูราคาทองผ่านมือถือด้วย YLG Application บน iPhone

          “ล่าสุดเราได้ออก “โปรแกรมออมทอง” สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการลงทุนในทองคำแท่งเป็นรายเดือนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลก และสามารถขายคืนได้ทุกวันในลักษณะ Real Time โดยไม่ต้องเสียค่าบริการ ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บริษัทฯจึงวางแผนขยายการรับรู้บริการดังกล่าวไปสู่กลุ่มลูกค้าในปีหน้าให้กว้างขึ้น” นางพวรรณ์กล่าว

          ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 12,000 สัญญาต่อเดือน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดจำนวน 16% ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% ขณะที่มีปริมาณลูกค้า 1,500 ราย เพิ่มขึ้นใหม่ประมาณ 800 ราย ความสำเร็จดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของทีมงาน การเทรดโกลด์ฟิวเจอร์ส การเปิดให้บริการมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส รวมทั้งการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการให้ข่าวสารที่แม่นยำและรวดเร็ว

          ส่วนในปี 2554 บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายตัวประมาณ 20% เนื่องจากมองว่า ธุรกิจโกลด์ฟิวเจอร์ส ยังมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สต้องมีอัตราการเติบโตประมาณ 10 เท่าของตลาดอนุพันธ์แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 เท่า ประกอบกับในปีหน้าจะมีการขยายเวลาซื้อขายจนถึงเวลา 22.30 น. รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิ Silver และ ETF ทองคำ

          อย่างไรก็ตาม คาดว่า การแข่งขันธุรกิจในปีหน้าจะยังคงรุนแรงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของวายแอลจีจะใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบทั้งการทำตลาดที่เน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกค้าใหม่ การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการออกรูปแบบการลงทุน หรือการบริการใหม่ๆที่ให้ลูกค้าสะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นการสานต่อแคมเปญ “คุณได้มากกว่าที่ YLG” ที่ได้ออกมาในปีนี้ รวมทั้งการทำ Branding เพื่อให้ลูกค้าเป้าหมายรู้จักมากขึ้น

2064
เมโทร พิคเจอร์ วาง ดีวีดี ตีคู่จอช่อง 3 “ยอดขุนพลตระกูลหยาง” หนังจีนชุดฟอร์มยักษ์ ภาคสมบูรณ์แบบที่สุด



          ข่าวดีสำหรับแฟนพันธุ์แท้ ภาพยนตร์จีนชุด บริษัท เมโทร พิคเจอร์ จำกัด วางตลาดดีวีดี “ยอดขุนพลตระกูลหยาง” มหากาพย์ภาพยนตร์จีนชุดฟอร์มยักษ์ กำลังออกอากาศทางช่อง 3 ในขณะนี้ กับ ดีวีดี 2 ชุด 8 แผ่น 43 ตอนจบ

          “ยอดขุนพลตระกูลหยาง” เรื่องราวของวีรบุรุษตระกูลหยางในวัยหนุ่ม ซึ่งเป็นอีกแง่มุมที่ไม่เคยชมมาก่อน กับงานสร้างสุดอลังการกว่าภาคไหนๆ ภาพสุดคมชัด กับการถ่ายภาพในระบบไฮเดฟฟิเนชั่น (HD) สะท้อนผลงานสเปเชี่ยลเอฟเฟคท์ และฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตา อีกทั้งเป็นการรวมตัวของนักแสดงสุดยอดฝีมือขั้นเทพอย่าง “เฉินซิ่วเหว่น” ผู้โด่งดังจาก “มู่กุ้ยอิง” ประชันนักร้องนักแสดงที่ร้อนแรงที่สุดในเอเชีย “เหอยุนตง” , “หูเกอ” ,“เผิงอวี๋เอี้ยน” , “หยวนหง” “หลิวซือซือ” ฯลฯ ดังนั้น หากจะกล่าวว่า “ยอดขุนพลตระกูลหยาง” มีความสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในด้านเนื้อเรื่อง การถ่ายทำ และนักแสดงก็คงไม่ผิดนัก

          “ยอดขุนพลตระกูลหยาง” กล่าวถึงเหล่าวีรบุรุษตระกูลหยางในวัยหนุ่ม ย้อนไปเมื่อ ค.ศ. 980 ราชวงศ์ซ่ง ในรัชสมัย “ฮ่องเต้ซ่งไท่จง” ได้ส่งกองทัพไปตีเมืองอิวโจว แต่พ่ายแพ้ต่อทัพเหลียว ฮ่องเต้จึงส่ง “หยางเย่” ขุนศึกตระกูลหยางออกรบกับลูกชาย แม้ไพร่พลน้อยกว่าแต่ก็สามารถขับไล่ทัพเหลียวออกนอกด่านได้ หลังจากการออกรบ “เซียวไทเฮา” แห่งทัพเหลียวรู้สึกโกรธแค้นและต้องการครอบครองแผ่นดินซ่ง จึงได้รับคำแนะนำจาก “กุนซือเทียนหลิง” ว่า หากคิดยึดครองแผ่นดินซ่งต้องกำจัดตระกูลหยางให้ได้เสียก่อน “เซียวไทเฮา” จึงเริ่มวางแผนโจมตีแผ่นดินซ่ง

          ในขณะเดียวกัน อำมาตย์ “พานเหยินเหม่ย” แห่งราชวงศ์ซ่ง ก็รู้สึกอิจฉา “หยางเย่” ที่ออกรบชนะ อีกทั้งเกิดความแค้นที่ “หยางชีหลาง” (ลูกตระกูลหยางคนที่ 7) พลั้งมือฆ่าลูกชายของตน จึงได้ร่วมมือกับ “กุนซือเทียนหลิง” กำจัดตระกูลหยาง ส่วน “พานหยิง” ลูกสาวของอำมาตย์ก็แค้นที่ “หยางลิ่วหลาง” (ลูกตระกูลหยางคนที่ 6) ปฏิเสธรัก จึงถวายตัวเป็นพระสนมของ “ฮ่องเต้ซ่งไท่จง” ร่วมมือกับพ่อและ “กุนซือเทียนหลิง” ช่วยกันกำจัดตระกูลหยาง

          “ฮ่องเต้ซ่งไท่จง” จะหลงเชื่อคำยุยงของ อำมาตย์ “พานเหยินเหม่ย” หรือเปล่า? แผ่นดินซ่งจะตกในน้ำมือของฝ่ายเหลียวหรือไม่? สงครามทั้งศึกในและศึกนอกที่เป็นตำนานของตระกูลหยางจะลงเอยอย่างไร?โปรดติดตามได้ใน “ยอดขุนพลตระกูลหยาง”  ซื้อแผ่นแท้ เพื่ออรรถรสในการชมภาพ และสเปเชี่ยลเอฟเฟคท์ ถ่ายทำในระบบเอชดี “ยอดขุนพลตระกูลหยาง” โดย เมโทร พิคเจอร์ จัดจำหน่าย ดีวีดี 2 ชุด 8 แผ่น 43 ตอนจบ ระบบเสียง 2 ภาษาเลือกรับฟังได้ทั้งภาษาไทยและจีน

2065
มหาชน เดอะซีรี่ส์ แจ้งเกิด 3 หนุ่ม เนี๊ยบ เนิร์ด เซอร์


 
          ได้เวลา 3 หนุ่มฮอต ตู่ -ภพธร สุนทรญาณกิจ , ตี๋-วิวิศน์ บวรกีรติขจร และน๊อต-อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล สลับคราบนักน้องและพิธีกร มาสวมวิญญาณนักแสดงแบบเต็มตัวครั้งแรก ในซิทคอมอารมณ์สุดป่วนชวนฮา “มหาชน เดอะซีรี่ส์” จากค่าย “เวฟ มีเดีย โปรดักชั่น”

          ตู่ ภพธร เล่าถึงคาราแรกเตอร์ที่ได้รับว่า “ ในเรื่องผมจะรับบทเป็นกวิณ พี่ชายสุดเนี๊ยบของตี๋ (เอเอฟ) ไม่ชอบลงลอยกับน้องชายเท่าไหร่ แต่กับคนอื่นกวิณจะเป็นเฟอร์เฟ็คแมน เป็นที่หมายปองของสาว ๆ สำหรับซิทคอมเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกถือเป็นน้องใหม่ เรื่องนี้เลยต้องยกให้ตี๋เค้าเป็นรุ่นพี่ในเรื่องการแสดงแล้วครับ ” ส่วน ตี๋ วิวิศน์ พูดถึงบทนี้ว่า “ ในเรื่องเราต้องเล่นเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยกินเส้นกัน เพราะผมมีคาแรกเตอร์ตรงกันข้ามกับพี่ตู่หน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ ผมรับบทเป็นกฤต ออกแนวเซอร์ อารมณ์ติส ไม่ชอบทำอะไรเหมือนใคร จะชอบป่วนพี่ชายตัวเอง คาแรกเตอร์คล้ายชีวิตจริง คือผมกับพี่ชายก็สไตล์ กวินกับกฤตในเรื่อง ” ส่วน หนุ่มน็อต อัครณัฐ พรีเซนต์คาราแรกเตอร์ของตัวเองว่า “ ผมรับบทเป็นสาม มาจากครอบครัวที่อบอุ่นเว่อร์ ตัวผมจะออกแนวเด็กเนิร์ด เรียนเยอะ เก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่เรื่องความรักนี้ติดลบ หรือพูดง่ายๆ ว่าแห้วตลอดนั่นเอง และเพื่อให้เข้ากับคาแรกเตอร์เลยต้องมีการเปลี่ยนลุคส์กันบ้างเล็กน้อย คือตัดผมให้สั้นลงบวกกับใส่แว่นให้ดูเนิร์ดก็เป็นอีกลุ๊คนึงที่ผมรู้สึกโอเคมากครับ สำหรับพี่ตู่ เคยเจอกันตอนเวิร์คชอป ส่วนตี๋แม้ว่ายังจะไม่ได้เจอกันแบบเต็มๆ แต่ผมว่าน่าจะสบาย เพราะผู้ชายเหมือนกันคุยกันได้ทุกเรื่องครับ ”

          มหาชน เดอะซีรี่ส์ เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่มีความคิด ความฝัน และครอบครัวที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่เกิดมาอยู่ในคอนโดเดียวกัน ความขัดแย้งวุ่นวายเลยเกิดตามมา

          เตรียมติดตามคาแรกเตอร์ของ 3 หนุ่ม 3 สไตล์ ตู่ -ภพธร สุนทรญาณกิจ , ตี๋-วิวิศน์ บวรกีรติขจร และน๊อต-อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ใน “ มหาชน เดอะซีรี่ส์ ” ซิทคอมอารมณ์ดี จากค่ายเวฟ มีเดีย โปรดักชั่น ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.30 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสี ช่อง 3 ประเดิมสร้างความหรรษาวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2554 นี้

2066
แฟนคลับเตรียมเฮ! สาวเทห์ “ซี” ขอเปิดซิงละครครั้งแรก

 
 
          เรียกได้ว่า เป็นสาวเทห์ที่กำลังฮอตสุดๆ อยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะกับสาวๆ ที่ต่างชื่นชอบผลงานเพลงของสาวเทห์คนนี้ “ซี-มณฑนาวี คีแนน” ศิลปินจากอาร์เอสฯ ที่ไม่ว่าจะเป็น ซิงเกิ้ลฮิต “ง่ายๆ แต่เหงา” , เคยรักฉันจริงๆ หรือเปล่า และล่าสุดกับซิงเกิ้ลจังหวะสนุกๆ ที่ได้ “แก้ว-กามิกาเซ่” สมาชิกวง “เฟย์ – ฟาง – แก้ว” มาร่วมแจมในเพลง “ไม่รักบ้างก็แล้วไป” ก็มีแฟนๆ คอยถามถึงและติดตามผลงานอยู่ตลอดเวลา ล่าสุด สาวเทห์ “ซี” ยังขอชิมลางงานแสดงละครเป็นครั้งแรก เพื่อให้แฟนๆได้ชมกันอีกด้วย แต่ผลงานจะเป็นอย่างไรลองไปฟังจากปากเจ้าตัวกันเลย

          “สำหรับแฟนเพลงก็จะค้นหูค้นตากับ “ซี” ในบทบาทการเป็นศิลปิน ถ่ายทอดงานเพลง ให้แฟนเพลงฟังกัน ซึ่งแฟน ๆ ทุกคนก็ให้การต้อนรับกำลังใจดีมาก ๆ แต่ล่าสุด “ซี” ก็จะมีอีกหนึ่งบทบาททางหน้าจอโทรทัศน์ กับการมาเล่นละครครั้งแรก(ยิ้ม) กับทางช่อง 3 เรื่อง “คุณชายติดหรู คุณหนูติดดิน” ซึ่ง “ซี” ก็ได้เป็นแขกรับเชิญในละครเรื่องนี้ ซึ่งก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว (ยิ้ม) สนุกดีครับ ตื่นเต้นมาก ๆ มีเกร็ง ๆ เพราะเรายังใหม่ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย ส่วนใหญ่ก็เคยแต่เล่นมิวสิกฯเพลงตัวเอง แต่พอมาเป็นละครเราต้องมาเล่นร่วมกับพี่ๆ นักแสดงที่เก่ง ๆ มืออาชีพ และมีชื่อเสียง ก็จะมีกังวล เกร็งเหมือนกันว่าเราจะทำให้กองเขาช้าหรือเปล่า แต่ก็ได้พี่ ๆ นักแสดงในกองและทีมงานช่วยแนะนำ ก็สนุกชอบมากครับ อยากเล่นอีก (หัวเราะ) ถ้ามีโอกาสแต่ก็ต้องไปเรียนแอ็คติ้งการแสดงในเรื่องของอารมณ์สีหน้าอีกเยอะเลย ส่วนละครเรื่องนี้ก็เต็มที่สุดความสามารถครับ อยากให้ทั้งแฟนเพลงและแฟนที่ดูละคร ลองติดตามดูกันครับ และเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะ ขอบคุณครับ”

2067
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 22 ธันวาคม 2553 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,750 - 19,850
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,389
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.16 – 30.19
          - GFZ10 Hi- Low 19,900 – 19,860 ปิดที่ 19,890
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,388.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,381.40 - 1,393.0 ดอลลาร์เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยล่าสุดมีรายงานว่า ฟิทช์ เรทติ้ส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ดีดขึ้น 55.03 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 11,533.16 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ 0.60% ปิดที่ 1,254.60 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่การล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส ในเดือนก.ย.2551 และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 18.05 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 2,667.61 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังจากจีนประกาศสนับสนุนมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในกลุ่มยูโรโซนของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวการควบรวมกิจการและการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในภาคเอกชน ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.5 % ปิดที่ 89.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ จะปรับตัวลดลง เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานสูงขึ้น รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะปรับเพิ่มการประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ในวันพุธนี้

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 22 ธันวาคม ขายออก 0.91 ตัน เปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองจากระดับ 1,298.94 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,298.03 ตัน
          USD/EU ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ออกมาเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตของหลายประเทศในยุโรป อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวัน หลังจากจีนประกาศสนับสนุนมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในกลุ่มยูโรโซนของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.16% แตะที่ 1.3097 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3118 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3122 ดอลลาร์ต่อยูโร

          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.720 เยน จากระดับ 83.730 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.84 เยนต่อดอลลาร์

          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.16-30.19 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.16-30.19 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ พร้อมกับเตือนว่าฟิทช์อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของกรีซลงสู่สถานะ "ขยะ" หรือ "สถานะที่ไม่น่าลงทุน" จากระดับปัจจุบันที่ BBB- ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของ "สถานะที่น่าลงทุน" แถลงการณ์ของฟิทช์ระบุว่า ในการพิจารณาทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซนั้น ฟิทช์จะมุ่งเน้นไปที่การประเมินมาตรการลดยอดขาดดุลงบประมาณ แนวโน้มเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ และประสิทธิภาพของรัฐบาลในการบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัด ก่อนหน้านี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เตือนว่าจะปรับลดเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวของกรีซ หากมาตรการกู้วิกฤตหนี้ยุโรปสร้างภาระต่อผู้ถือตราสารหนี้ของประเทศ โดย S&P คาดว่าอาจใช้เวลาพิจารณาปรับเครดิตเป็นเวลา 3 เดือน
          - มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า มูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์สเปนที่มีแนวโน้มว่าจะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยแถลงการณ์เตือนของมูดีส์มีขึ้นเพียงสัปดาห์เดียวหลังจากที่มูดีส์ได้ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของรัฐบาลสเปน เนื่องจากอัตราว่างงานของสเปนอยู่ที่ระดับเกือบ 20% และภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว อันเนื่องมาจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัดหลายครั้งมูดีส์มีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคธนาคารสเปน โดยคาดว่า ฐานเงินทุนและความสามารถในการระดมทุนในตลาดการเงินของธนาคารสเปนจะยังคงอ่อนแอ เพราะถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาภายในประเทศ คุณภาพสินทรัพย์ที่ตกต่ำลง และจากแผนการลดงบประมาณด้านการคลังของรัฐบาล
          - นายหวัง ฉีชาน รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในพิธีเปิดการประชุม High-Level Economic and Trade Dialogue (HED) ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่งว่า จีนสนับสนุนมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในกลุ่มยูโรโซนของอียูและไอเอ็มเอฟ และที่ผ่านมานั้น จีนได้ใช้มาตรการแข็งแกร่งในการช่วยเหลือประเทศสมาชิกอียูที่เผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะ
          - ผู้เชี่ยวชาญในประเทศจีนคาดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อของจีนจะเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 และคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ตลอดทั้งปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 3.2% นายเต็ง ไต๋ รองประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์หมิงเชงคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะเผชิญกับภาวะ "soft landing" ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า โดยดัชนี CPI ของจีนจะขยายตัวที่ระดับ 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ก่อนที่จะชะลอตัวลงไปอยู่ที่ 2.8% ในช่วงครึ่งปีหลัง
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

22 ธ.ค. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพุธ
 · Final GDP

· Final GDP Price Index

· Existing Home Sales

·   Crude Oil Inventories
 2.5%

2.3%

4.43M

-9.9M
 2.8%

2.3%

4.72M

-0.1%

2068
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธ ที่ 22 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00 น.
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1386 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.14 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.17 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19750 บาท กับ 19850 บาท GFZ10 เปิดที่ 19870 บาท และ GFG11 เปิดที่ 20010 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19860 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 20000 บาท SPDR ถือครอง 1298.03 ตัน (ขายออก0.91ตัน) ราคาน้ำมันปิดบวก 45 เซนต์ มาอยู่ที่ 89.82 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 55.03 จุด มาปิดที่ระดับ 11533.16 จุด ทิศทางราคาทองคำในตลาดบ้านเราเคลื่อนไหวปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆไปทดสอบ 1390 เหรียญ Gold Futures 50มีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 2137 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาทอยู่ที่ระดับ 1445 คู่สัญญา โดยมีมูลค่า 13 % และVolume 63% เมื่อเทียบระหว่าง Gold Futures 10 บาทและ 50บาท โดยที่ราคาทองคำในตลาดลอนดอนและComexค่อนข้างเงียบเหงา ราคาแกว่งตัวขึ้นลงในช่วงแคบ ในช่วงต้นและปรับตัวลดลงมาก่อน ก่อนจะกลับมาปิดดีดตัวในช่วงปลายตลาดComexปิด 1386 เหรียญ โดยที่เมื่อวาน SPDR ขายออก 0.91 ตัน ถือครองทองคำที่ระดับ 1298.03 ตัน ข่าวโดยทั่วไปมูดีส์เตือนว่ามีแนวโน้มอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์สเปน ขณะที่ ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศเตือนว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของประเทศกรีซ จากระดับ BBB- ลงสู่สถานะ ขยะ หรือ สถานะที่ไม่น่าลงทุน ทำให้ค่าเงินยูโรหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 1.3100 ดอลลาร์/ยูโร ลงไป ทำจุดต่ำสุดที่ 1.3072 ดอลลาร์/ยูโร โดยเช้านี้ค่าเงินยูโรสามารถกลับมาอยู่ที่ระดับ 1.3120 ดอลลาร์/ยูโรได้ เนื่องจากข่าวที่จีนประกาศสนับสนุนมาตรการสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในกลุ่มยูโรโซน โดยที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯเมื่อวานไม่มีอะไรออกมา เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส คาดว่าปริมาณการซื้อขายช่วงนี้จะค่อนข้างเบาบาง ในส่วนของราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 89.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดบวก 55.03 จุด ปิดที่ 11533.16 จุด
 
          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำสามารถยืนอยู่เหนือระดับแนวรับสำคัญแรกที่ 1380 เหรียญได้ ถือเป็นสัญญาณค่อนข้างดี ทองคำในระยะสั้นเริ่มเข้าสู่สัญญาณบวกเป็นระยะเริ่มเข้าซื้อ ทองคำน่าจะเข้าสู่ภาวะหยุดตก และน่าจะค่อยๆขยับตัวขึ้นได้ ราคาทองคำแท่งของไทยจะมีแนวรับสำคัญ ที่ 19700 บาท และแนวต้านที่ 19950 บาท Gold Futures series G11 จะมีแนวรับที่ 20000 บาท แนวต้าน 20150 บาท และGold Futures series Z10 มีแนวรับอยู่ที่ 19900 บาทและแนวต้าน 20050 บาท
 
          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) เป็นลักษณะการเข้าซื้อบ้าง ถือพอร์ต 65%
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง เป็นลักษณะรอจังหวะเข้าซื้อเช่นเดียวกัน รักษาพอร์ตที่ระดับ 60 %

          สรุปได้ว่านักลงทุนควรทยอยปิดสถานะ ใน Gold Futures series Z10 และเริ่มลงทุนใน Gold Futures series G11 ซึ่งย้ำเตือนมาเป็นเวลา 10 วันแล้ว และควรถือและควรถือเป็นสถานะซื้อ รักษาพอร์ตตามที่บอก เริ่มทำกำไรที่เป้าหมาย 1400 เหรียญ

2069
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 20 ธันวาคม 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,700 - 19,800
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,384
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 30.18 – 30.21
          - GFZ10 Hi- Low 19,750 – 19,700 ปิดที่ 19,740
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,379.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,365.40 - 1,379.80 ดอลลาร์ จากปัจจัยหนุนของแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากที่สัญญาทองคำถูกแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อ 2 วันก่อน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปรับตัวลดลง 7.34 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 11,491.91 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 1.04 จุด หรือ 0.08% แตะที่ระดับ 1,243.91 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 5.66 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 2,642.97 จุด ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวนและไร้ทิศทาง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยหนุนแม้จะมีการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐ แต่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 88.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.01 - 88.52 ดอลลาร์ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยื่นร่างกฎหมายขยายโครงการลดหย่อนภาษีมูลค่า 8.58 แสนล้านดอลลาร์ออกไปอีก 2 ปีให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้จุดประกายความหวังว่า อุปสงค์น้ำมันจะขยายตัวขึ้นในช่วงต้นปีนี้

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 20 ธันวาคม ซื้อเข้า 15.18 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1,286.79 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,298.94 ตัน
          USD/EU เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังจากที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.42% แตะที่ 1.3180 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3236 ดอลลาร์สหรัฐนอกจากนี้ เงินยูโรยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน 0.49% ที่ระดับ 110.65 เยน จากระดับ 111.20 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3151 ดอลลาร์ต่อยูโร

          USD/JPY เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.10% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.960 เยน จากระดับ 84.040 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 83.97 เยนต่อดอลลาร์

          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 30.12-30.15 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.18-30.21 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากที่กระเตื้องขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. เคน โกลด์สเตน นักวิเคราะห์จากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีชีวิตชีวาในช่วงปลายปีนี้ โดยดัชนีชี้นำภาพรวมเศรษฐกิจล้วนบ่งชี้ถึงภาวะการฟื้นตัวหลังผ่านพ้นภาวะชะลอตัวในฤดูหนาว แต่ถึงกระนั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดแรงงานยังคงเผชิญภาวะซบเซาต่อไปในระยะกลาง"
          - รัฐบาลไอร์แลนด์ได้ยอมรับความช่วยเหลือในรูปของเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านยูโร (1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากรัฐบาลสูญเสียงบประมาณไปจำนวนมากจากการกู้วิกฤตภาคธนาคาร ทั้งนี้ การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือไอร์แลนด์ของมูดีส์มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ประกาศลดอันดับเครดิตไอร์แลนด์ลง 3 ขั้น สู่ระดับ BBB+ จากระดับ A+
          - มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของไอร์แลนด์ลงสู่ระดับ Baa1 จาก Aa2 โดยให้แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นเชิงลบ หลังจากวิกฤตหนี้สาธารณะได้บีบให้รัฐบาลไอร์แลนด์ต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก
          - ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคม บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจมีมุมมองที่เป็นบวกต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศทั้งในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต โดยสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจซึ่งได้จากการสำรวจผู้บริหาร 7,000 คน ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 109.9จุดในเดือนธันวาคม จากระดับ 109.3 จุดในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตัวเลขล่าสุดนับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เยอรมนีรวมประเทศในปีพ.ศ. 2534
          - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ลงนามในร่างกฎหมายขยายโครงการลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้ทุกระดับชั้นออกไปอีก 2 ปี หลังจากที่ยอมประนีประนอมทำข้อตกลงกับแกนนำพรรครีพับลิกันในการขยายโครงการนี้ที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ริเริ่มไว้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า แม้ร่างกฎหมายลดหย่อนภาษีมูลค่า 8.58 แสนล้านดอลลาร์จะสามารถกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่จะส่งผลให้ตัวเลขหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐพุ่งขึ้นใกล้ระดับที่เป็นอันตราย โดยมีการประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย จะส่งผลให้ตัวเลขหนี้ของสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 13.86 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 90% ของจีดีพี
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

17 - 20 ธ.ค. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันศุกร์
 ·   Quadruple Witching

·   EU Economic Summit
 -

-
 -

-
 -

-

2070
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ ที่ 20 ธันวาคม 2553 เวลา 09.00 น.
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1374 เหรียญ ค่าเงินบาท 30.11 บาท/ดอลลาร์ กับ 30.14 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19600 บาท กับ 19700 บาท GFZ10 เปิดที่ 19700 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19840 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19700 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19840 บาท SPDR ถือครอง 1283.76 ตัน (ซื้อเข้า 15.18 ตัน) ราคาน้ำมันปิดบวก 32 เซนต์ มาอยู่ที่ 88.02 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ลบ 7.34 จุด มาปิดที่ระดับ 11491.91 จุด ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ในตลาดเอเชียค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นเล็ก น้อยในระหว่าง 1375-1377 เหรียญ ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4088 คู่สัญญา และ Gold Futures 10 บาท 2586 คู่สัญญา เมื่อเทียบกับ Volume 63% เมื่อเทียบกับมูลค่า 13% ตลาดลอนดอนและComex เองราคาทองคำทรงตัวในช่วงต้นที่ระดับ 1372 เหรียญ ก่อนที่จะมีแรงเทขายหลุดระดับ 1370 เหรียญ จนไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1364 เหรียญ และดีดกลับมาในปลายตลาดที่ระดับ 1377 เหรียญ ในส่วนของ SPDR (ซื้อเข้า 15.18 ตัน) ถือครอง 1298.94 ตัน ในคืนวันศุกร์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่มี และยังเป็นข่าวเดิมๆ ที่ไอซแลนด์ถูก Downgrade ลง ค่าเงินดอลลาร์เองปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยที่ค่าเงินยูโรอยู่ที่ที่ระดับ 1.3180 ดอลลาร์/ยูโร โดยหลุดจากระดับ 1.3245 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ราคาน้ำมันปิดบวก 32 เซนต์ มาอยู่ที่ 88.02 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ลบ 7.34 จุด มาปิดที่ระดับ 11491.91 จุด ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าลงอยู่ที่ระดับ 84.06 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 30.19 บาท/ดอลลาร์ โดยที่เช้าวันนี้ราคาทองคำเปิดที่ระดับ 1378 เหรียญ และขยับขึ้นมาตลอด ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1384 เหรียญ

          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำร่วงสู่แนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และสามารถกลับมาปิดได้ที่ระดับ 1378 เหรียญ ดูเทคนิคระยะสั้นยังเป็นเพียงการปรับฐานธรรมดาจากการที่มียัง มีแรงเข้าซื้อในทองคำ โดยจะเห็นได้ว่า SPDR เข้าซื้อ ภาพรวมระยะสั้นๆ เป็นการปรับฐาน ถ้าอีก 1-2วันไม่หลุดระดับ 1360 เหรียญ ก็น่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้ แนวรับอยู่ที่ระดับ 1360 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1400 เหรียญ ภาพรวมๆยังเป็นการปรับฐานพร้อมที่จะดีดตัวกลับ ราคาทองคำแท่งของไทยปิดตลาดที่ระดับ 19700 บาท และ 19800 บาท Spot ปิดตลาดที่ระดับ 1377 เหรียญ ราคาทองคำแท่งของไทย จะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19500 บาท และมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 19950 บาทสำหรับ Gold Futures Z10 จะมีแนวรับที่ระดับ 19800 บาท แนวต้านที่ระดับ 19950 บาท ใกล้จะหมดอายุ ในอีก 7วันข้างหน้า เตือนอีกครั้ง ให้นักลงทุนทยอยปิดสถานะ Series z10 และย้ายการลงทุนไปเปิด Series G11Gold Futures G11 จะมีแนวรับที่ระดับ 19900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20050 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์การดีดกลับ
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ให้เข้าทยอยช้อนซื้อ สะสม เพิ่ม Port ที่ระดับ 60%
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง คาดว่าซื้อสะสมไปเมื่อวันศุกร์แล้ว รักษา Port อยู่ที่ 40-50%

Pages: 1 ... 136 137 [138] 139 140 ... 155