Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - news

Pages: 1 ... 276 277 [278] 279 280 ... 301
4156
โตชิบาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเผยนโยบายสำหรับครึ่งปีหลัง 2558 ตอบโจทย์ “Convenience & Quality Life” ชีวิตคุณภาพ เริ่มต้นที่คุณเลือก





















นายมาซาอากิ คิมูระ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมแถลงนโยบายการตลาดสำหรับครึ่งปีหลัง 2558 ตอกย้ำการเป็นผู้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยแนวคิด “Convenience & Quality Life” ชีวิตคุณภาพ เริ่มต้นที่คุณเลือก นำเสนอสินค้าใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและความใส่ใจ ตอบโจทย์ชีวิตคุณภาพสำหรับคุณ ในวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2558 ณ โรงแรม ดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ

นายคิมูระ กล่าวว่า จากนโยบายของโตชิบาทั่วโลกที่มุ่งเน้นด้านคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น ตั้งแต่ต้นปี 2558 โตชิบายังคงผสานเทคโนโลยีเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการของโตชิบา เพื่อสร้างชีวิตคุณภาพให้กับผู้บริโภค แทนที่จะพึ่งพาเทคโนโลยีเชิงเดี่ยวหรือ ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เราได้รวบรวมองค์ความรู้จากความหลากหลายของเทคโนโลยีและบริการ มาสร้างมูลค่าใหม่ให้กับผู้คนทั่วโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ชีวิตของผู้บริโภคดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน ที่มุ่งเน้นการใช้งานร่วมกัน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เน้นการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้นด้านสุขภาพ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรค ระบบการฟอกอากาศที่ยอดเยี่ยม และด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลหรือการใช้งาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เราพยายามที่จะนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตผู้บริโภคให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และสังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ทางโตชิบายังคงเน้นนโยบายอย่างจริงจังในการทำธุรกิจที่สนับสนุน สร้างความสำเร็จและเติบโตไปพร้อมกับตัวแทนจำหน่าย และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด และการจัดทำโซลูชั่นในการใช้งานสำหรับผู้บริโภค

นายณัฐพงษ์ อารีกุล รองประธานและกรรมการบริษัท กล่าวเพิ่มเติมในด้านกลยุทธ์การตลาดว่า สำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงชะลอการเติบโต ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ไม่มากนัก แต่โตชิบายังคงนำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดเพื่อเป็นตัวเลือกใหม่ที่โดดเด่น เต็มไปด้วยคุณภาพ และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่ 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มแรก ผู้อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ที่มีพื้นที่จำกัด อาทิเช่น คอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กระทัดรัดแต่ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และกลุ่มผู้รักสุขภาพ ที่เน้นความสะดวกในการใช้งานแต่คงไว้ซึ่งการมีสุขภาพที่ดี

สำหรับในหมวดสินค้า HA ปีนี้เราได้นำสินค้าใหม่เข้ามาจำหน่ายคือเครื่องดูดฝุ่นที่มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา สะดวกในการใช้งานและเคลื่อนย้าย แต่เด่นในเรื่องการทำความสะอาดที่เรียกได้ว่า เข้าถึงทุกพื้นที่จริงๆ ส่วนเครื่องซักผ้า เราเน้นการขยาย Line up เพิ่มขึ้น โดยเน้นรุ่นที่เป็น SDD ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ตลาดกำลังนิยม โดยเน้นเรื่องความสะอาดพร้อมความเงียบและประหยัดพลังงาน ที่เป็นหัวใจสำคัญของการอยู่อาศัยรวมกัน ในส่วนของตู้เย็นเราได้เพิ่มความหลากหลายด้านความจุของรุ่น Inverter เพื่อเข้าถึงทุกความต้องการ หมวดเครื่องครัว โตชิบามุ่งเน้นไปที่ Healthy Digital Kitchen โดยได้พัฒนาสินค้า อาทิหม้อหุงข้าวที่นอกจากทำอาหารได้หลากหลาย ยังสามารถหุงข้าวได้ทุกประเภทและมีความอร่อยอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเป็นผลจากความใส่ใจของโตชิบาที่คิดจากมุมของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ส่วนไมโครเวฟ ในปีนี้เรามีรุ่น Touch screen ที่นอกจากให้ความสวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยโปรแกรมอัจฉริยะในการประกอบอาหาร เป็นตัวช่วยอย่างดีสำหรับผู้ชื่นชอบทำอาหาร แต่มีพื้นที่ไม่มาก ส่วนของ TV เราได้พัฒนาต่อยอด ดิจิตอลทีวี และทีวีที่มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการแอนดรอย์ให้มีลูกเล่นมากขึ้น แต่ใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงพันธมิตรทางด้าน Software ที่มาเพิ่มเติมการใช้งานที่หลากหลาย

ในครึ่งปีหลังนี้ โตชิบาเน้นการทำตลาดเชิงรุก จัดทำแคมเปญเอาใจผู้บริโภค และตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง การประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อออนไลน์และโซเชียล เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว เรายังคงมี above the line ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังคงเป็นสื่อหลักในตลาด และกิจกรรม below the line กับตัวแทนจำหน่าย เพิ่มการตกแต่งหน้าร้านและกิจกรรมต่างๆ และเน้นการทำกิจกรรม Promotion Campaign, Festival Campaign อย่างต่อเนื่องไปที่ร้านผู้แทนจำหน่ายที่เข้าร่วมรายการ ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ท่านจะได้พบกับ “Hello…Japan Festival” ที่เราได้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศในกลางเดือนกรกฎาคมนี้

รวมถึงมีกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย อาทิ Roadshow, Cooking workshop กิจกรรมผ่าน Social media ต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกกับโตชิบา โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และวัยทำงานที่ใช้ Social Media ในการอัพเดทเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน ซึ่งถือเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าของโตชิบาให้มากยิ่งขึ้น ด้านการขายเรายังเน้นการขายผ่านทาง Partner หลัก ทั้งที่เป็นร้านตัวแทนจำหน่ายและห้าง  นอกจากนี้ยังขยายการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น 

จุดสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่โตชิบาไม่เคยละเลยคือ การบริการ ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านการขาย ที่เราได้พัฒนาพนักงานขายประจำร้าน ให้มีศักยภาพสูงขึ้นทั้งในเรื่องความรู้ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีและทักษะการขาย และมีความเป็นมาตรฐานที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้า และการบริการหลังการขายที่เรายังคงให้ความใส่ใจกับลูกค้าทุกท่านที่เข้ารับบริการ ด้วยความรวดเร็วและประทับใจ

นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กล่าวถึงรายละเอียดของสินค้าต่างๆ ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายได้บ้านว่า

เครื่องดูดฝุ่น เป็นสินค้าใหม่ในปีนี้ ซึ่งได้เข้ามาเพิ่มทางเลือกให้กับตลาดเครื่องดูดฝุ่นปกติ ที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ด้วยขนาดเท่า A4 และน้ำหนักเพียง 2.8 กิโลกรัม ทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้าย แต่ความโดดเด่นจริงๆ อยู่ที่ระบบไซโคลนที่แยกฝุ่นออกจากอากาศ ทำให้แรงดูดสม่ำเสมอ ไม่มีกลิ่นอับชื้น เพราะมีฟิลเตอร์ กรองกลิ่นและสารก่อภูมิแพ้ พร้อมหัวแปรงที่มีให้เลือกตามการใช้งานถึง 4 แบบ พิเศษด้วยหัวแปรง Futon Brush ที่กำจัดไรฝุ่น สาเหตุของการเกิดภูมิแพ้ ใช้สำหรับดูดที่นอน โซฟา หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้าได้โดยเฉพาะเครื่องซักผ้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำเรื่องการประหยัดพลังงานและความเงียบ ด้วยระบบ S-DD Inverter โตชิบาได้เพิ่ม Line up ของเครื่องซักผ้าไซส์กลาง ขนาด 10 และ 11 ก.ก. เข้าสู่ตลาดหลังจากที่ได้รับผลตอบรับที่ดีจากไซส์ใหญ่ และยังมีรุ่น Magic Drum ถังซักที่มาพร้อมสารเคลือบผิว ป้องกันสิ่งสกปรกตกค้าง มั่นใจได้ในความสะอาดของเสื้อผ้า นอกจากนั้นเรายังปรับจุดเล็กๆ ที่คนอาจมองข้ามไป อาทิเช่น ปรับช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มให้ใหญ่ขึ้น และฟังก์ชัน Fragrance Course เพิ่มระยะเวลาแช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพื่อให้ผ้าหอมนานยิ่งขึ้น และระบบ Mega Power Wash เทคโนโลยีกระแสน้ำวนที่ช่วยขจัดคราบสกปรกที่ฝังลึกทุกใยผ้า ให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพการทำความสะอาด

ตู้เย็น ด้วยเทรนด์ประหยัดพลังงานกลายเป็นเทรนด์หลักในปัจจุบัน หลังจากที่เราได้นำเสนอตู้เย็น Inverter ในปีที่แล้ว ในปีนี้เราจึงเพิ่มตู้เย็น Inverter ขนาดความจุ 10 และ 11 คิว ที่เติมเต็มการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยโซน Dual Cooling เหมาะสำหรับเครื่องดื่มหรืออาหารที่ต้องการความเย็นเป็นพิเศษ ด้วยช่องขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยี Hybrid Bio ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ช่องใส่ผักขนาดใหญ่ ช่องวางของที่ปรับตำแหน่งได้ รวมถึงระบบกำจัดกลิ่นในช่องแข็งที่โตชิบาคิดค้นขึ้นโดยเฉพาะ

นางสาวรัชนีวรรณ สิงห์ประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง และเครื่องครัวดิจิตอล กล่าวเสริมรายละเอียดในกลุ่มสินค้านี้ว่า
 
หม้อหุงข้าว  รุ่นใหม่ล่าสุด RC-NAF ซี่รีส์ มาพร้อม 2 ความจุ 1 และ 1.8 ลิตร โตชิบาได้ขยายช่องเก็บไอน้ำขนาดใหญ่ ระบายและเก็บไอน้ำส่วนเกินระหว่างหุงข้าว ถอดล้างสะดวกเพื่อไม่ให้เกิดแบคทีเรียสะสม พร้อมระบบให้ความร้อนด้วยฮีตเตอร์ 3 ชุด มั่นใจในการกระจายความร้อนอย่างทั่วถึง ความโดดเด่นที่มีหม้อในหนาถึง 4 มม. พร้อมเมนูหุงข้าว 8 แบบ ไม่ว่าคุณจะหุงข้าวประเภทไหนก็ตาม ก็สามารถรับประทานข้าวที่นุ่มทั่วถึงทั้งหม้อ รวมถึงโปรแกรม Slow Cooker, Steamer, Cake & Bread Maker อยู่ในหม้อใบเดียว และนอกจากนั้นยังมีรุ่น IH Rice Cooker สามารถหุงข้าวได้เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่าหม้อหุงข้าวปกติ

ไมโครเวฟ ER-LD430 รุ่นแรกที่มาพร้อมระบบสัมผัส ดีไซน์สวยพร้อมฟังก์ชันครบครัน ทั้งไมโครเวฟ อบ ย่าง อบไอน้ำ พิเศษด้วยระบบ Hybrid Convection ผสาน Superheated Steam และ Convection ที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินและเพิ่มรสชาติอาหาร กระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึงด้วยห้องอบรูปโดม โดดเด่นด้วยวัสดุเคลือบผิวที่มีความละเอียดอนุภาค 50 นาโนเมตร ให้คุณขจัดคราบไหม้เกรียมได้อย่างง่ายดายเพียงเช็ดถูเบาๆ

โทรทัศน์ ในครึ่งปีหลังนี้ โตชิบาได้เพิ่มสินค้าตัวใหม่เข้าสู่ตลาด 2 ซีรี่ส์หลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ L5550 ซีรี่ส์ ขนาด 40” 50” และ 55” ดิจิตอลทีวีที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ พัฒนาต่อยอดจากรุ่นเดิมด้วยการเพิ่ม Internal Memory เป็น 8GB และ GPU ที่จะมามอบประสบการณ์ 3 ด้านด้วยกัน

ประสบการณ์ด้านความบันเทิง: สนุกสนานไปกับ application กว่า 3,000 แอพในจอภาพขนาดใหญ่ เพลิดเพลินไปกับการท่องอินเตอร์เน็ตและเล่นเกมเพราะรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คียบอร์ด เม้าส์ เกมแพด ให้ภาพต่อเนื่องลื่นไหลไม่สะดุด พร้อม Multiple User Profiles สามารถกำหนดบัญชีผู้ใช้ได้ถึง 8 accounts

ประสบการณ์ด้านภาพ: ด้วย Dual core™ Engine Premium ใหม่พร้อม Dual core CPU เพิ่มความสามารถในการประมวลผลภาพ High-Brightness Panel ให้ความสว่างกว่ารุ่นเดิม 67% และ Wide Color Gamut ให้สีที่สดขึ้นกว่ารุ่นเดิม 14% ความสว่างของหน้าจอและความกว้างของสีช่วยทำให้ได้คุณภาพภาพที่ดียิ่งขึ้น

ประสบการณ์ด้านเสียง: เพิ่มความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ ด้วย Audio Source Filtering พร้อมระบบลำโพง Labyrinth ในรุ่น 55L5550 ปรับเสียงเบสให้เข้มข้น เพื่อเสียงที่ชัดเจน ฉลาดขึ้นด้วย Power Sound Equaliser ช่วยปรับและชดเชยความต่างของเสียงที่เกิดจากความถี่หลายระดับ

อีก 1 ซีรี่ส์ที่น่าสนใจคือ L2550 ดิจิตอลทีวี ด้วย 4 ขนาด 32”, 40” 50” และ 55” รวบรวมนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Intelligent Auto View, Auto Clean ที่ช่วยให้คุณภาพของภาพออกมาดีเยี่ยมคมชัด พร้อม Football/Cricket Mode ให้คุณชมกีฬาต่างๆ ได้เสมือนอยู่ในสนามจริง และให้คุณไม่พลาดทุกความบันเทิงด้วย Personal Video Recording ให้คุณบันทึกรายการโปรดในช่องดิจิตอลทีวีลงใน Flash drive หรือ External HDD

นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหารบริษัท กล่าวเสริมว่า โตชิบามุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรม โดยเฉพาะการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์สอดแทรกลงไปในทุกๆ สินค้า นอกเหนือจากเทคโนโลยีต่างๆ ที่เราได้สร้างสรรค์และพัฒนาขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ  โตชิบาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้ทุกท่าน เรามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นวัตกรรมต่างๆ ที่เราได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นมานั้น จะนำคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสู่ผู้บริโภคที่น่ารักของเราทุกคน

ในปีนี้ เรายังคงมุ่งเน้นนโยบายด้านส่งเสริมกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคม (CSR - Corporate Social Responsibility) เช่นที่ผ่านมา โตชิบาจะต้องเป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีธรรมาภิบาลของสังคมไทย เป็นบริษัทที่ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องการจำหน่ายเท่านั้น แต่ต้องเป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อท่านผู้แทนจำหน่าย ต่อสังคม ต่อคนรุ่นต่อไป และต่อประเทศชาติที่รักของพวกเราทุกคน

โตชิบา มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมที่มีคุณภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตามปณิธาน “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ของกลุ่มโตชิบาที่ว่า มุ่งมั่นเพื่อมวลมนุษย์และอนาคตของโลก

4157
เมนทาแกรมเปิดตัว 2 กล้องโกโปรใหม่ HERO4 Session กล้องโกโปรที่เล็กและเบาที่สุด และ HERO+ LCD กล้องโกโปรราคาประหยัดสะดวกด้วยหน้าจอสัมผัส









          บริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องสปอร์ตแอคชั่น "โกโปร" อย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย เปิดตัว GoPro HERO4 Session และ GoPro HERO+ LCD สองกล้องโกโปรใหม่ GoPro HERO4 Session (โกโปร ฮีโร่4 เซสชั่น) เป็นกล้องโกโปรที่เล็กที่สุด เบาที่สุด และใช้งานสะดวกที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัดพร้อมดีไซน์กันน้ำ และการควบคุมด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว มอบความง่ายแต่ทรงพลังในการบันทึกภาพทุกไลฟสไตล์ GoPro HERO+ LCD (โกโปร ฮีโร่พลัสแอลซีดี) เป็นกล้องโกโปรสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานเพิ่มความสะดวกด้วยหน้าจอสัมผัส พร้อมฟีเจอร์ตัดวิดีโอใหม่ล่าสุดและมี Wi-Fi ในตัว เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

          นายณัฐพล ปัทมพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมนทาแกรม จำกัด กล่าวว่า "เมนทาแกรมตั้งใจนำผลิตภัณฑ์แนวใหม่ที่มีความน่าสนใจมาสู่ผู้บริโภคชาวไทยเพื่อตอบสนองไลฟสไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจกิจกรรมนอกบ้านและท้าทายมากยิ่งขึ้น" พร้อมเสริมว่า "ด้วยนวัตกรรมจากโกโปร และผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่นๆ ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเมนทาแกรมจัดจำหน่ายผ่านทางเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายกว่า 250 แห่ง ทำให้เมนทาแกรมจะเป็นบริษัทที่เติบโตไปกับผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม"

          HERO4 Session – กล้องโกโปรที่เล็กที่สุด เบาที่สุดและสะดวกที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยขนาดที่เล็กลง 50% และเบากว่าเดิม 40% เมื่อเทียบกับกล้องที่ขายดีที่สุดอย่าง GoPro HERO4 Black และ Silver กล้องHERO4 Session มาในดีไซน์กันน้ำที่ช่วยให้ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องกันน้ำอีกต่อไป ทั้งยังใช้งานง่ายด้วยปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว ซึ่งทำให้การบันทึกภาพและวิดีโอในสถานการณ์กระทันหันได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น กล้อง HERO4 Session ยังสามารถใช้งานร่วมกับ mount ทุกรุ่นของโกโปรที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน โดยกล้อง GoPro HERO4 Session จะจำหน่ายในราคา 14,800 บาท ณ ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป

          HERO4 Session สามารถบันทึกวิดีโอคุณภาพในความละเอียด 1440p30, 1080p60, และ 720p100 พร้อมการบันทึกภาพนิ่งขนาด 8 เมกะพิกเซล ทั้งในโหมดภาพเดี่ยว ภาพนิ่งต่อเนื่อง (Burst) และภาพแบบตั้งเวลา (Time Lapse) โดยมีฟีเจอร์ล้ำๆ ที่พบได้ในกล้อง HERO4 Black และ Silver รวมถึง SuperView (ซูเปอร์วิว) Protune (โปรทูน) และ Auto Low Light หรือการบันทึกภาพในสภาวะแสงน้อยอัตโนมัติ การควบคุมและตั้งค่าที่ทำได้มากขึ้นผ่านแอพโกโปร หรือ
ตัวควบคุมระยะไกลอัจฉริยะ (Smart Remote)

          HERO4 Session มีความทนทานตามมาตรฐานของ GoPro สามารถลงน้ำได้ลึกถึง 33 ฟุต (10 เมตร) โดยยังคงระบบ mountingที่สามารถเข้ากันได้กับ mount อื่นๆทุกชนิดของโกโปรที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ระบบไมโครโฟนคู่ที่สลับกันบันทึกเสียงระหว่างการใช้งาน เพื่อลดเสียงลมรบกวนขณะบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆ การบันทึกเสียงกิจกรรมต่างๆในน้ำได้รับการปรับปรุงให้ดีมากยิ่งขึ้น การออกแบบเพื่อกันน้ำในตัว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องกันน้ำซึ่งมักจะไปปิดกั้นเสียงในขณะทำกิจกรรม

          การใช้งาน HERO4 Session ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่มชัตเตอร์สั้นๆ กล้องจะเปิดและเริ่มบันทึกวิดีโอโดยอัตโนมัติ กดปุ่มชัดเตอร์ค้างไว้จะเปิดกล้องและเริ่มบันทึกภาพนิ่งแบบ Time Lapse กดปุ่มชัตเตอร์อีกครั้งเพื่อบันทึกวิดีโอและภาพถ่าย และปิดกล้อง การออกแบบให้สั่งการด้วยปุ่มเพียงปุ่มเดียวมอบความรวดเร็วและสะดวกในการบันทึกภาพทุกไลฟสไตล์ได้ทันที

          HERO+ LCD สะดวกครบเครื่องด้วยหน้าจอสัมผัสและการเชื่อมต่อผ่านระบบ Wi-Fi บันทึกภาพวีดีโอด้วยความละเอียดสูงถึง 1080p60 และภาพนิ่ง 8 เมกะพิกเซล กล้อง HERO+ LCD มาพร้อมหน้าจอสัมผัสเพื่อให้การถ่ายภาพเป็นไปอย่างง่ายดาย ทั้งยังช่วยในการตั้งค่าและเข้าถึงฟีเจอร์ตัดวิดีโอใหม่ล่าสุดอีกด้วย HERO+ LCD มาพร้อมกับกล่องกันน้ำในตัว (housing) เช่นเดียวกับกล้อง HERO รุ่นปกติ ด้วยการออกแบบที่ครบในหนึ่งเดียวพร้อมผนึกฟีเจอร์ที่มากขึ้น ช่วยให้การบันทึกช่วงเวลาที่น่าจดจำแห่งชีวิตได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมทนทาน กันน้ำได้ถึง 131 ฟุต (40 เมตร) HERO+ LCD ได้รวมฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง HiLight Tag และฟีเจอร์ตัดวิดีโอในตัวกล้อง(video trimming) ช่วยให้ง่ายในการเลือกและแบ่งปันช่วงเวลาที่คุณโปรดปราน HiLight tag ให้คุณกำหนดช่วงเวลาสำคัญขณะบันทึกภาพและระหว่างเล่นวิดีโอ เพื่อให้คุณค้นหาช่วงเวลาดังกล่าวได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์การตัดวิดีโอใหม่นี้ช่วยให้คุณทำคลิปสั้นๆ พร้อมแชร์ใน Social Media ได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์

          ระบบ Wi-Fi และ Bluetooth ในตัวช่วยเชื่อมต่อ HERO+ LCD กับแอพโกโปรบนสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตของคุณเพื่อควบคุมกล้องและถ่ายภาพพรีวิวได้ง่ายขึ้นเมื่อกล้องของคุณ mount ติดกับอุปกรณ์อื่นหรืออยู่ไกล แอพโกโปรยังช่วยแบ่งปันคอนเทนต์ไปยังอินสตาแกรม เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมผนึกฟีเจอร์ตัดวิดีโอลงไปด้วยเพื่อความสะดวกในการมอบโซลูชั่นสำหรับการแบ่งปันคอนเทนต์กล้อง GoPro HERO+ LCD วางจำหน่ายแล้วในราคา 10,999 บาท ณ ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
สรุปข้อมูลทางเทคนิค

HERO4 Session ราคา 14,800 บาท
· บันทึกวิดีโอ 1440p30, 1080p60, และ 720p100
· กันน้ำ 33 ฟุต (10 เมตร) ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องกันน้ำ
· ควบคุมง่ายด้วยปุ่มเดียว: กดปุ่มชัตเตอร์สั้นๆเพื่อเปิดกล้องและเริ่มถ่ายวิดีโอ กดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เพื่อเปิดกล้องและเริ่มถ่ายภาพนิ่งแบบ Time-lapse
· ถ่ายภาพขนาด 8 เมกะพิกเซล ได้ทั้งภาพเดี่ยว ภาพต่อเนื่อง (Burst) และภาพแบบตั้งเวลา (Time Lapse)
· เข้ากันได้กับ mount และอุปกรณ์เสริมอื่นๆทุกชนิดของโกโปร
· ระบบไมโครโฟนคู่ช่วยบันทึกเสียงในที่ลมแรงและกิจกรรมในน้ำได้ดียิ่งขึ้น
· WiFi และ Bluetooth ในตัวช่วยให้เชื่อมต่อกับแอพโกโปรและตัวควบคุมระยะไกล (Smart Remote)
· การปรับทิศทางภาพอัตโนมัติจะปรับแนวการวางภาพให้ถูกต้องขณะบันทึกภาพ
· รวม mount มาตรฐานและแบบบางเพื่อเพิ่มความหลากหลายของ mount
· มากับ mount แบบ Ball Joint Buckle ช่วยให้สามารถปรับมุมกล้องได้หลากหลายยิ่งขึ้น
· รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD (อย่างน้อย Class 10 หรือ UHS-I) ความจุสูงสุด 64GB

HERO+ LCD ราคา 10,999 บาท
· บันทึกภาพวิดีโอด้วยความละเอียดสูง 1080p60 และภาพนิ่ง 8 เมกะพิกเซล
· หน้าจอสัมผัส ช่วยให้สะดวกในการควบคุมกล้อง การจัดภาพ และการดูวิดีโอบนกล้อง
· มี WiFi และ Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับแอพโกโปรและ Smart Remote
· HiLight Tag ช่วยกำหนดช่วงเวลาสำคัญระหว่างการถ่ายวิดีโอ หรือขณะเล่นวิดีโอ เพื่อตัดต่อได้รวดเร็วขึ้น
· ฟีเจอร์ตัดวิดีโอในกล้องช่วยให้สร้างคลิปสั้นๆ สำหรับการแบ่งปันเนื้อหาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์
· เปิดเครื่องแล้วบันทึกทันที ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวด้วย QuikCapture
· แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น บันทึกภาพได้นานถึง 2 ชั่วโมง
· Housing ในตัว ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น
· รองรับเมมโมรี่การ์ด microSD (อย่างน้อย Class 10 หรือ UHS-I) ความจุสูงสุด 64GB

4158
เอปสันเปิดตัวแอลซีรี่ส์ 6 รุ่นใหม่ ตอกย้ำเจ้าบัลลังก์พรินเตอร์แท็งค์แท้
 














10 กรกฎาคม 2558 - เอปสัน ประเทศไทยฉลองเปิดตัวพรินเตอร์แท็งค์แท้ครบ 5 ปี ลั่นครองตำแหน่งเจ้าตลาดอิงค์เจ็ท ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 36% พร้อมนำเทรนตลาดต่อด้วยการเปิดแอลซีรี่ส์ 6 รุ่นใหม่รุกธุรกิจทุกขนาด
 
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอปสันได้เปิดตัวแอลซีรี่ส์ พรินเตอร์แท็งค์แท้ของบริษัทฯ ในไทยมาแล้ว 5 ปี และได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าตั้งแต่ปีแรก จนปัจจุบัน ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 36% และมีสินค้ามากถึง 14 รุ่น สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ตามบ้านและองค์กร ธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่โฮมออฟฟิศไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ที่สำคัญแอลซีรี่ส์ยังได้เปลี่ยนโฉมหน้าตลาดและ พฤติกรรมของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้ใช้พรินเตอร์ตลับหมึกและพรินเตอร์แท็งค์ประกอบ ลดลงอย่างมาก และสำหรับโอกาสการฉลองครบรอบ 5 ปีแอลซีรี่ส์ในไทยครั้งนี้ เอปสันยังได้ออกสินค้าใหม่ 6 รุ่น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอีกด้วย
 
“เอปสันเป็นผู้ผลิตพรินเตอร์รายแรกของโลกที่พัฒนาระบบการจ่ายหมึกพิมพ์แบบต่อเนื่องที่ได้มาตรฐาน และมีสินค้าพรินเตอร์แท็งค์แท้แบรนด์ของตัวเองออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการสร้าง นวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนาสินค้าที่นานกว่าคู่แข่ง ปัจจุบันเอปสันจึงมีพรินเตอร์แท็งค์แท้มากรุ่นที่สุดในท้องตลาดให้ลูกค้าได้ เลือกใช้รุ่นที่ถูกใจและเหมาะกับงบประมาณและประเภทงานของตัวเองที่สุด ปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่ช่วยให้แอลซีรี่ส์ ครองแชมป์ตลาดได้ ประกอบด้วยไมโครปิเอโซ เทคโนโลยีหัวพิมพ์เอกสิทธิ์ของเอปสัน ซึ่งได้รับการพัฒนามานาน กว่าสองทศวรรษ จนมีประสิทธิภาพสูง มีความทนทาน และพิมพ์งานได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ นอกจากนี้ ลูกค้ายังพอใจจุดเด่นอื่นๆ ของแอลซีรี่ส์ ทั้งด้านความเร็วในการพิมพ์ หมึกพิมพ์คุณภาพสูง และที่สำคัญคือต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่คุ้มค่ากว่า รวมไปถึงบริการหลังการขายที่รวดเร็วเป็นที่พอใจของลูกค้า และการรับประกันสินค้าจากเอปสันโดยตรง”
 
สินค้าใหม่ทั้ง 6 รุ่น ประกอบด้วยรุ่น L220 พรินเตอร์มัลติฟังก์ชั่น ที่มาพร้อมความเร็วในการพิมพ์ 27 ppm และประหยัดสูงสุด ด้วยจำนวนการพิมพ์สี 6,500 แผ่น และพิมพ์ขาวดำ 4,000 แผ่น ต่อน้ำหมึกหนึ่งชุด เปิดตัวในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,690 บาท
 
รุ่น L310 เครื่องซิงเกิ้ลฟังก์ชั่น และรุ่น L360 และ L365 เครื่องมัลติฟังก์ชั่นสำหรับกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ให้ความคุ้มค่า สูงสุด ความเร็วการพิมพ์สี่สี 33 ppm และขาวดำ 15 ppm โดยรุ่น L365 มีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ สามารถสั่งพิมพ์ผ่านอุปกรณ์พกพาด้วยซอฟต์แวร์โซลูชั่น Epson Connect ซึ่งทั้งสามรุ่นเปิดตัวในราคารวมภาษี มูลค่าเพิ่ม ดังนี้ รุ่น L310 ราคา 4,990 บาท รุ่น L360 ราคา 5,990 บาท และรุ่น L365 ราคา 6,290 บาท

รุ่น L565 พรินเตอร์มัลติฟังก์ชั่นสำหรับธุรกิจขนาดกลาง ที่รองรับการพิมพ์จำนวนมาก และเพิ่มควาสะดวกสบาย ในการพิมพ์ด้วยถาดป้อนเอกสารอัตโนมัติ (Automatic Document Feeder) ทั้งยังมีจุดเด่นด้านการเชื่อมต่อ
Wi-Fi แบบต่อตรงกับอุปกรณ์พกพา 4 เครื่อง และรองรับโซลูชั่น Epson Connect ของเอปสัน และโซลูชั่นจาก
ค่ายอื่น ทั้ง Apple AirPrint, Google Cloud Print และ Mopria Print Service รุ่น 565 เปิดตัวในราคารวมภาษี มูลค่าเพิ่ม 9,290 บาท
 
รุ่น L655 แอลซีรี่ส์ ใช้หัวพิมพ์รุ่นใหม่ Epson PrecisionCore ที่ช่วยยกระดับความเร็วการพิมพ์สี่สี 33 ppm และขาวดำ 20 ppm และยังมีคุณสมบัติในการผสมหมึกเพื่อการพิมพ์ภาพขาวดำและภาพคุณภาพสูงบนกระดาษโฟโต้ที่สามารถกันน้ำและรอยเปื้อนได้ ทั้งยังสามารถสั่งพิมพ์ผ่านรูปแบบการเชื่อมต่อที่หลากหลาย

รุ่น L655 วางขายใน ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 11,900 บาท
 
นายยรรยง กล่าวต่อว่า “สำหรับสินค้าใหม่ทั้ง 6 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ยังตอกย้ำความมั่นใจในประสิทธิภาพของเครื่องให้ลูกค้า ด้วยการขยายการรับประกันในส่วนของตัวเครื่องรวมทั้งหัวพิมพ์จากเดิม 1 ปี เป็น 2 ปี เมื่อลงทะเบียนออนไลน์หลังซื้อเครื่อง หรือเมื่อยอดจำนวนพิมพ์ถึงปริมาณที่กำหนดไว้ อย่างหนึ่งอย่างใดถึงก่อน โดยรุ่น L220 รับการประกันที่ 15,000 แผ่น รุ่น L310, L360, L365 และรุ่น L565 อยู่ที่ 30,000 แผ่น ในส่วนรุ่น L655 อยู่ที่ 50,000 แผ่น”
 
“สินค้าทั้ง 6 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้ล้วนแต่เป็นรุ่นอัพเกรดที่เพิ่มทั้งความเร็วและความคุ้มค่าในการพิมพ์ต่อแผ่น เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านและองค์ธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ที่มีปริมาณการพิมพ์จำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รุ่น L655 ที่ได้นำหัวพิมพ์รุ่นใหม่ Epson PrecisionCore ที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อการพิมพ์งาน
ในเชิงอุตสาหกรรมมาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยเพิ่มมาตรฐานและคุณภาพการพิมพ์ในธุรกิจของลูกค้า หัวพิมพ์ Epson PrecisionCore ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าเอปสันไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อลูกค้า”
 
“บริษัทฯ ยังมีกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวแอลซีรี่ส์รุ่นใหม่ เช่น โร้ดโชว์ทั่วประเทศ ที่เน้นสร้าง ประสบการณ์การใช้งานจริง เพื่อให้ลูกค้าได้ประทับใจกับจุดแข็ง ทั้งด้านความเร็วในการพิมพ์ ฟังก์ชั่นการทำงาน ที่ครบครัน การสั่งพิมพ์งานผ่านอุปกรณ์ไร้สาย ความทนทาน รวมไปถึงความคุ้มค่าในการลงทุนของแอลซีรี่ส์ด้วย ตัวเอง นอกจากนี้ เอปสันยังมีแผนจัดโปรโมชั่นพิเศษผ่านแคมเปญครบรอบ 25 ปีเอปสัน ประเทศไทยอีกด้วย”
 
“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แอลซีรี่ส์ของเอปสันได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นพรินเตอร์ที่ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากนี้ไป เอปสันจะนำความสำเร็จนี้ขยายไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้นอีก ทั้งในตลาดต่างจังหวัดและตลาดต่างประเทศ ที่เอปสันให้การดูแลอยู่ ทั้งเวียดนาม เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และปากีสถาน” นายยรรยง กล่าวสรุป   

4159
ซัมซุงตอกย้ำผู้นำธุรกิจบีทูบี รุกตลาดครึ่งปีหลัง จับมือพริซึ่ม โซลูชั่นส์ พัฒนาระบบโฮเทล ทีวี เจาะกลุ่มโรงแรมทั่วไทย ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้า 20 % ภายในสิ้นปี


 
          ซัมซุง นำโดยนายณัฐการ ปทุมวรเศรษฐ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย ธุรกิจลูกค้าองค์กร (ซ้าย) ตอกย้ำความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์และบิสซิเนสโซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร จับมือกับพรึซึ่ม โซลูชั่น นำโดยนายจักรพงษ์ ยั่งยืน กรรมการผู้จัดการ (ขวา) ร่วมพัฒนาระบบ "โฮเทล ทีวี (Hotel TV)" เพื่ออำนวยความสะดวกแก่แขกผู้เข้าพักโรงแรม ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลโรงแรม ข้อเสนอโปรโมชั่นและความบันเทิงต่างๆ ได้ง่ายดายผ่านทีวีในห้องพัก อีกทั้งทีมงานยังสามารถสร้างและแก้ไขเนื้อหาและควบคุมทีวีทั้งหมดในโรงแรมพร้อมกันจากส่วนกลาง ต่อยอดระบบการจัดการและช่วยลดค่าใช้จ่ายองค์กร ตอบรับการขยายตัวของธุรกิจโรงแรมและบูทีคโฮเทลในเมืองไทย ซัมซุงคาดว่าจะสามารถเพิ่มฐานลูกค้าโฮเทล ทีวี 20 % ภายในสิ้นปี

4160
พานาโซนิคเปิดตัว TOUGHPAD? FZ-E1 และ FZ-X1 แท็บเล็ตแฮนด์เฮลด์หน้าจอ 5 นิ้ว พันธุ์แกร่ง และ TOUGHBOOK? CF-54 โน้ตบุ๊คกึ่งสมบุกสมบันที่บางและเบาที่สุด
 
          · ครั้งแรกในประเทศไทยกับการเปิดตัว Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 แท็บเล็ตแฮนด์เฮลด์ขนาดพกพาสุดสมบุกสมบันที่ผสมผสานฟังก์ชั่นที่ดีที่สุดของ คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา สมาร์ทโฟนและเครื่องอ่านบาร์โค้ดไว้ด้วยกัน และแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ทนทานต่อ น้ำ ฝุ่น การตกจากที่สูง พร้อมเผยโฉม Toughbook CF-54 โน้ตบุ๊คกึ่งสมบุกสมบันที่บางและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา

          · พานาโซนิค ประกาศเปิด "คอนฟิกเกอเรชั่น เซ็นเตอร์" แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ









          พานาโซนิค ซิสเต็ม โซลูชั่น เอเชีย แปซิฟิก นำโดย นายสาทิพย์ กองจันทรา ผู้จัดการประจำประเทศไทย ทัฟบุ๊คโซลูชั่นทีม (ขวา) เปิดตัว Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 แท็บเล็ตแฮนด์เฮลด์ขนาดพกพาสุดสมบุกสมบัน พร้อมเผยโฉม Toughbook CF-54 โน้ตบุ๊คกึ่งสมบุกสมบันที่บางและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมี คุณ ศุภลักษณ์ สัปตตั้งตระกูล, Marketing Development Manager บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย) ร่วมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในงาน

          พานาโซนิค ผู้นำตลาดโมบายคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการยอมรับมาตั้งแต่ปี 2539 ได้เปิดตัวสมาชิกใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตสมบุกสมบัน (Toughpad) และโน้ตบุ๊คสมบุกสมบัน (Toughbook) อย่างเป็นทางการ ครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่ แท็บเล็ตแฮนด์เฮลด์ขนาดพกพาสุดสมบุกสมบัน 2 รุ่น Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 รวมถึงโน้ตบุ๊คแบบกึ่งสมบุกสมบัน Toughbook CF-54 พร้อมทั้งประกาศเปิด "คอนฟิกเกอเรชั่น เซ็นเตอร์" ของพานาโซนิค แห่งแรกในประเทศมาเลเซีย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทในภูมิภาคอาเซียน

          การเปิดตัว Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นก้าวสำคัญของพานาโซนิคในการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ทัฟแพด ซึ่งถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตสำหรับองค์กรที่สมบูรณ์แบบที่สุดในขณะนี้ โดยทั้งสองรุ่นเป็นแท็บเล็ตแฮนด์เฮลด์ขนาด 5 นิ้ว ที่ได้มาตรฐานระดับองค์กร ที่มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อผ่านเสียงและข้อมูล และได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ที่ทำงานแบบโมบายสำหรับการใช้งานในภารกิจสำคัญ Toughpad FZ-E1 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 ในขณะที่Toughpad FZ-X1 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android™ 4.2.2 สำหรับ Toughbook CF-54 ถือเป็นโน้ตบุ๊คแบบ กึ่งสมบุกสมบันที่มีขนาดบางและน้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิค

          นายสาทิพย์ กองจันทรา ผู้จัดการประจำประเทศไทย ทัฟบุ๊คโซลูชั่นทีม, พานาโซนิค ซิสเต็ม โซลูชั่น เอเชีย แปซิฟิกกล่าวว่า "จากแนวโน้มของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียและกลุ่มคนทำงานแบบโมบายในปัจจุบันที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้องค์กรธุรกิจต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์ด้านโมบิลิตี้ของตนมากขึ้น เพื่อเลือกสรรอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเชื่อมต่อกับระบบได้อย่างปลอดภัยทุกที่ทุกเวลา ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปี ในตลาดโมบายคอมพิวเตอร์แบบสมบุกสมบัน พานาโซนิคจึงได้ออกแบบ Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 ให้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติภารกิจ ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที สำหรับ Toughbook CF-54 โน้ตบุ๊คแบบกึ่งสมบุกสมบันพานาโซนิคได้ปรับรูปลักษณ์ให้แข็งแกร่งขึ้น แต่น้ำหนักเบาลง และพกพาสะดวกกว่าเดิม"

          Toughpad FZ-E1, FZ-X1 และ Toughbook CF-54: พร้อมลุยงานสมบุกสมบัน ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับองค์กร
ด้วยตัวเลือกการปรับแต่งระบบที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และคุณสมบัติการทำงานในระดับองค์กร Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 จึงเป็นแท็บเล็ตแฮนด์เฮลด์ที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์สมบุกสมบัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเส้นทางและการขนส่งสินค้า การตรวจสภาพเครื่องจักร การบริหารคลังสินค้า งานภาคสนามและงานขาย การบริหารใบแจ้งงาน-ใบสั่งงาน การเก็บหลักฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยสาธารณะ ไปจนถึงการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยแท็บเล็ตทั้ง 2 รุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานของกลุ่มผู้ที่ทำงานแบบโมบาย ทั้งในสายงานโลจิสติกส์ งานด้านคลังสินค้า การบริการสาธารณะ ธุรกิจค้าปลีก โทรคมนาคม และทหาร

          โดย Toughpad FZ-E1 ทำงานบนโปรเซสเซอร์ 2.3GHz quad-core Snapdragon 800 (MSM8974AB) ในขณะที่ Toughpad FZ-X1 มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ 1.7GHz quad-core Qualcomm S4 Pro (APQ8064T) สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ของทัฟแพดรุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นที่เหมือนกัน ได้แก่ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ, หน้าจอเอชดีขนาด 5 นิ้ว (1280x720พิกเซล), RAM ขนาด 2GB, หน่วยความจำในตัว 32GB, รองรับหน่วยความจำเสริมผ่าน microSD card, เชื่อมต่อกับเครือข่ายผ่าน 3G, Wi-Fi, บลูทูธ, จีพีเอส และเอชดีเอ็มไอ, ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนและลำโพงคู่ด้านหน้า, หน้าจอเอชดี (1280x720) แบบมัลติทัช รับคำสั่งได้จาก 10 จุด ตัดแสงสะท้อนและมองเห็นได้ในแดดจัด ทำงานได้แม้ขณะสวมถุงมืออุตสาหกรรมและขณะฝนตก,กล้องหลัง ความละเอียด 8 เมกะพิกเซล พร้อมแฟลช, กล้องหน้า ความละเอียด 1.3 เมกะพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาด 6200mAhพร้อมฟังก์ชั่นสับค่าความร้อน ใช้งานได้นานสูงสุด 14 ชั่วโมง และปรับแต่งคุณสมบัติได้หลากหลาย เช่น ติดตั้งตัวอ่านบาร์โค้ด1D/2D ในตัวแท็บเล็ต และตัวอ่านแถบแม่เหล็ก ทำให้องค์กรสามารถจัดหาอุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบให้แก่พนักงานได้อย่างแท้จริง

          นอกจากนี้ Toughpad FZ-E1 และ Toughpad FZ-X1 ยังเป็นอุปกรณ์ 2 รุ่นแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Toughpad ที่มีตัวเลือกเสริมสำหรับการสื่อสารทางเสียง โดยแท็บเล็ตมีช่องเสียบไมโครซิมและความสามารถในการเชื่อมต่อผ่านระบบ 3G อีกทั้งยังทนทานต่อฝุ่นละออง อยู่ในน้ำลึก 1.5 เมตรได้นานถึง 30 นาที ทำงานได้ในอุณหภูมิตั้งแต่ -20 ไปจนถึง 60 องศาเซลเซียส และผ่านการทดสอบความสามารถในการรับแรงกระแทก แรงปะทะ แรงสั่นสะเทือน ความสูง และความชื้นสูงอีกด้วย

          ในส่วนของ Toughbook CF-54 โน้ตบุ๊คกึ่งสมบุกสมบัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อผู้ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมการวินิจฉัยยานยนต์ รวมถึงงานภาคสนามที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงและตรวจสภาพ แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยดีไซน์แบบ "รังผึ้ง" มาพร้อมหน้าจอIPS แบบฟูลเอชดี (1080x1920 พิกเซล) ขนาด 14 นิ้ว, โปรเซสเซอร์ Intel Core i5-5300U vPro รุ่นที่ 5 (3 MB cache, 2.3GHzถึง 2.9GHz พร้อมเทคโนโลยี Intel Turbo Boost), RAM 4GB, ฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB และระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 Proนอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเสริมหลากหลาย เช่น ตัวรับ-ส่งสัญญาณจีพีเอส, ตัวรับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์ความเร็วสูง พร้อมสัญญาณจีพีเอสจากดาวเทียม, ช่องเสียบเสาอากาศ, ตัวอ่านสมาร์ทการ์ดแบบธรรมดาและแบบไร้สัมผัส, ช่องใส่แบตเตอรี่สำรอง พร้อมฟังก์ชั่นสับค่าความร้อนโดยไม่ต้องปิดเครื่องหรือใช้โหมดไฮเบอร์เนต นอกจากนี้ ทัฟบุ๊ครุ่นนี้ยังผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810G เช่นเดียวกับทัฟแพด 2 รุ่นล่าสุดอีกด้วย

เดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ
          จากผลวิจัยล่าสุดของพานาโซนิค พบว่ามูลค่าตลาดของโมบายคอมพิวเตอร์แบบสมบุกสมบัน ประกอบด้วย แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค และแฮนด์เฮลด์ คอมพิวเตอร์ ในภูมิภาคอาเซียน มีแนวโน้มเติบโตถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ในปี2561 โดยความต้องการของตลาดจะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์แบบสมบุกสมบันแบบพกพา

          จากโอกาสทางธุรกิจและความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พานาโซนิคจึงได้สร้าง "คอนฟิกเกอเรชั่น เซ็นเตอร์" เห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะช่วยในการติดตั้งตัวเลือกเสริมต่างๆ เช่น พอร์ต LAN, พอร์ต USB, ตัวอ่านสมาร์ทการ์ด ตัวอ่านลายนิ้วมือ และ จีพีเอส เป็นต้น ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันพานาโซนิคมี คอนฟิกเกอเรชั่น เซ็นเตอร์ อยู่ทั้งหมด 5 แห่งทั่วโลก

          "Toughpad FZ-E1, FZ-X1 และ Toughbook CF-54 ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความเชื่อถือไว้ใจได้ให้กับผู้ใช้ ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เราเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้เปิดตัวในวันนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรธุรกิจของพานาโซนิค โดยเราตั้งเป้ารายได้กลุ่มอุปกรณ์ไอทีแบบสมบุกสมบันเพิ่มขึ้น 200% ภายในสิ้นปีนี้"นายสาทิพย์ กล่าวสรุป

ราคาและการวางจำหน่าย
          Toughpad FZ-X1 และ FZ-X1 พร้อมฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อผ่าน WiFi หรือเครือข่ายโทรศัพท์ความเร็วสูง วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ในราคา 55,000 บาท Toughbook CF-54 วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ในราคาเริ่มต้น 75,000 บาท

          ผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นกลุ่ม Toughpad และ Toughbook ทั้งหมด รับประกัน 3 ปี ซึ่งครอบคลุมสูงสุดในตลาด มาพร้อมอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อการทำงานระดับองค์กรที่สมบูรณ์แบบ โดยอุปกรณ์ทั้งหมดสามารถซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ พานาโซนิค ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.panasonictoughbook.asia

4161
ไอแบคส์ (iBacks) ยกทัพผลิตภัณฑ์คุณภาพ ประกาศปักธงในไทยอย่างเป็นทางการ นำทัพด้วย Full Screen Tempered Glass และ iBacks Watchband เอาใจสาวกไอโฟน ชูจุดขายนวัตกรรม และการออกแบบบนความศรัทธา เตรียมกวาดยอดขาย 6 เดือน 50 - 80 ล้าน ไอแบคส์ (iBacks) ยกทัพผลิตภัณฑ์คุณภาพ ปักธงในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังขึ้นแท่นอันดับหนึ่งมาแล้วหลายประเทศในเอเชียนำทัพด้วย Full Screen Tempered Glass และ iBacks Watchband เอาใจสาวกไอโฟน ชูจุดขายนวัตกรรม และการออกแบบบนความศรัทธา











Iback 01
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vTLtRIXT_H0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=vTLtRIXT_H0</a>

Iback 02
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=k7SrQPCfBOs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=k7SrQPCfBOs</a>

Iback 03 glass
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=m_NAlQN_STs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=m_NAlQN_STs</a>

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามมาหลายประเทศในเอเชียอย่าง ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไต้หวัน ไอแบคส์ (iBacks) ยกทัพผลิตภัณฑ์คุณภาพประกาศปักธงในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 50 - 80 ล้านบาท ในเวลาเพียง 6 เดือน นำทัพด้วยสุดยอดผลิตภัณฑ์ Full Screen Tempered Glass และ iBacks Watchband

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ไอแบคส์ (iBacks) คือ นวัตกรรมและการออกแบบบนความศรัทธาต่อแบรนด์ Apple อย่างเช่นสองสินค้าดาวเด่นที่ทางแบรนด์เตรียมส่งออกไปครองใจตลาดอย่าง  Full Screen Tempered Glass ก็มีจุดเด่นสำคัญคือการใช้นวัตกรรม 9H  High Transparency (ความโปร่งใสสูง)พร้อม  Built-in Titanium Alloy ไทเทเนียมอัลลอย จึงสามารถป้องกันหน้าจอแตกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการ Ship หรือ แตกจากขอบ ตัวกระจกเป็น Ultra-thin บางเบา บวกกับไทเทเนี่ยมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบากว่าโลหะอื่นถึง 45 % ทำไห้ ไม่รู้สึกติดขัด แต่ยังคงไว้ซึ่งการป้องกัน ที่ครอบคลุมทั้งหน้าจอ
ใส่ได้เข้ากับเคสไอโฟนทุกรุ่นทุกแบบ นับเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจาก Tempered Glass ทั่วไปในท้องตลาด อีกทั้งดีไซน์ก็สวยงามน่าใช้ ส่งเสริมความงามของตัวเครื่องที่ถูกออกแบบมาอย่างล้ำเลิศ

ขณะที่ iBacks Watchband ที่ผลิตมาเพื่อรองรับ Apple Watch ที่กำลังจะเปิดตัวในเมืองไทยในเร็วๆนี้ มีทั้งแบบสแตนเลสสตีล และหนังแท้เกรดพรีเมี่ยม ที่ออกแบบมาอย่างหรูหรา เสริมบุคลิกภาพของผู้ใช้ พร้อมกับ Original slip connector ง่ายและสะดวกต่อการเชื่อมต่อหรือถอดเปลี่ยน และวัสดุทั้งหมดที่ใช้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย พิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วด้วยยอดจำหน่ายมากกว่า 2,000 ชิ้น ในการเปิดตัว Apple Watch ในวันแรก ที่สิงคโปร์

ทั้งนี้ทางแบรนด์ตั้งเป้าเข้าครองใจผู้ใช้ iPhone 6 / 6Plus ในเมืองไทย ที่คาดการณ์ว่ามีไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ได้ราว 5% ด้วยจุดเด่นของสินค้าทั้งในด้านนวัตกรรม และการออกแบบบนความศรัทธา ประกอบกับพฤติกรรมผู้ใช้ไอโฟน ที่ให้ความสำคัญต่อการปกป้องอุปกรณ์สื่อสาร มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ปกป้องอยู่บ่อยๆ อันเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้เกิดการเปิดใจรับสินค้าแบรนด์ไอแบคส์ ที่นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ Tempered Glass และ Watchband แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ Case, Bumper, สาย Data link พร้อมอื่นๆ อีกมากมาย ที่รองรับการใช้งานได้หลากหลายอีกด้วย โดยปัจจุบันไอแบคส์มี iStudio by Copperwired เป็นช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งถือเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลักที่ลูกค้า Apple เข้าถึงและวางใจ และเตรียมขยายไปยังช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ ไอแบคส์ (iBacks) นับว่าเป็นดาวเด่นดวงใหม่แห่งวงการไอทีแกดเจ็ท ที่มีความสมบูรณ์ทั้งแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และการตลาด พร้อมจะเติบโตอย่างน่าจับตามอง
 
หลังความสำเร็จในการนำเข้าและทำการตลาดในเมืองไทย จากผลิตภัณฑ์ HoodieBuddie เสื้อฮู้ดสำหรับคนรักในเสียงดนตรี และ เคสสมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่างHallmark พงษ์พิสิษฐ์ อมรเทพอดุล ออกเดินทางสู่โลกแห่งธุรกิจครั้งใหม่ด้วยแบรนด์ iGadget ภายใต้บริษัท ไอ แกดเจท จำกัด เปิดพื้นที่ทางธุรกิจใหม่ด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์แบรนด์ iBacks อย่างเป็นทางการ และมีแผนจะนำแบรนด์อื่นๆ เข้ามาจัดจำหน่ายอีกมากมาย เพื่อยกระดับดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น สมกับคำว่า Enhance your life.

4162
เรนิชอร์ เปิดตัว Primo ต้นแบบธุรกิจแนวใหม่เพื่อเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจการผลิตด้วยความแม่นยำสูง




 
          ระบบหัวโพรบวัดงานบนเครื่องจักรแบบ 'pay-as-you-go' ที่แสนคุ้มค่า เสริมศักยภาพการผลิตให้ผู้ประกอบการทุกรายได้เทียบเท่าผู้ผลิตในระดับไฮเอนด์

          เรนิชอร์ บริษัทเทคโนโลยีวิศวกรรมชั้นนำในตลาด ประกาศเปิดตัวเรนิชอร์ พรีโม (Renishaw Primo™) ซึ่งเป็นครั้งแรกในวงการเทคโนโลยีการผลิตที่ผู้ประกอบการทุกระดับจะมีโอกาสเพิ่มศักยภาพของตนให้เทียบเท่าการผลิตมูลค่าสูงได้ เนื่องจากหัววัดเครื่องมือกลเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจการผลิตด้วยความแม่นยำสูง ดังนั้นลักษณะแบบ'pay-as-you-go' หรือระบบทยอยจ่ายเมื่อขยายงาน ของ เรนิชอร์ พรีโม ที่เอื้อให้ผู้ประกอบการทุกระดับสามารถจับจองได้จึงเปรียบเสมือนปฏิวัติแห่งพัฒนาการในระบบหัววัดเครื่องมือกลที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ ทั้งนี้ 'pay-as-you-go' เป็นรูปแบบเอกลักษณ์ที่ผสานข้อดีหลายประการเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนขั้นต้นต่ำ ผู้ใช้จะได้รับการฝึกอบรมอย่างละเอียดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และสามารถถอดเปลี่ยนอุปกรณ์เสียหายได้ทันที

          มร. ฌอง มาร์ค เมฟฟ์ (ซ้าย) ประธานบริหาร เรนิชอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกล, มร.สตีฟ เบลล์ (กลาง) ผู้จัดการทั่วไป เรนิชอร์ อาเซียน และคุณกิตติวัฒน์ เพชรสัมฤทธิ์ (ขวา) ผู้จัดการประจำ เรนิชอร์ ประเทศไทย ร่วมเปิดตัวเรนิชอร์ พรีโม ทำการสาธิต เรนิชอร์ พรีโม

          โรงงานทั้งหลายทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกต่างต้องการการผลิตที่มีความแม่นยำสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราความผิดพลาดในการผลิตที่ยอมรับได้ลดน้อยลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อุตสาหกรรมการผลิตในระดับไฮเอนด์นั้นจะยอมรับความคลาดเคลื่อนได้ต่ำกว่า 100 ไมครอนเท่านั้น หัววัดเครื่องมือกลจึงมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มศักยภาพให้บริษัทผู้ผลิตทั้งหลายสามารถตอบสนองความต้องการด้านความแม่นยำดังกล่าวได้ตลอดช่วงกระบวนการผลิต ตั้งแต่ก่อนการตัด ระหว่างการตัด และหลังการตัด ให้เป็นไปตามขนาดที่กำหนดได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

          มร. ฌอง มาร์ค เมฟฟ์ ประธานบริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกลของเรนิชอร์ กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า "ท่ามกลางกระแสค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการขาดแคลนแรงงานมีทักษะ และการแข่งขันในระดับสากลที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้ผู้บริหารของบริษัทตลอดจนผู้นำในระดับประเทศหลายแห่งจำเป็นต้องผันองค์กรหรือประเทศของตนเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตมูลค่าสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น มาตรวัดที่เที่ยงตรง ซึ่งก็คือการมีหัววัดเครื่องมือกลที่เชื่อถือได้ จึงเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยเปิดประตูสู่ความสำเร็จในการแข่งขันด้วยคุณภาพขั้นสูง"

          นอกจากนี้ มร. ฌองยังกล่าวเสริมอีกว่า "งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าลูกค้ามักมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการลงทุน ความยากง่ายในการใช้งาน และความทนทานของเครื่องจักร ซึ่งความกังวลเหล่านี้เป็นเครื่องกีดขวางความก้าวหน้าของหลายๆบริษัท ดังนั้น เราจึงได้พัฒนาเรนิชอร์ พรีโมขึ้นมา ซึ่งมันเป็นวิถีนวัตกรรมอย่างแท้จริงที่สามารถตอบปัญหาความกังวลได้ครบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มแรกที่แสนถูก มีชุดซอฟต์แวร์ใหม่และการสอนอบรมการใช้งานให้ฟรี และมีบริการเปลี่ยนอะไหล่ที่ทุกคนวางใจได้ เรนิชอร์ พรีโมจะช่วยให้ผู้ผลิตทุกรายในเอเชียมีโอกาสเป็นเจ้าของศักยภาพเทียบชั้นผู้ผลิตมูลค่าสูงได้อย่างสบาย ไร้กังวล"

เรนิชอร์ พรีโม ระบบหัวโพรบวัดงานบนเครื่องจักร และเหรียญเครดิต
          พรีโม แนวคิดนวัตกรรมล่าสุดจากเรนิชอร์ ถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมนี้ที่มอบประโยชน์อันครบครันของการใช้เครื่องจักรกลอัตโนมัติในราคาที่ผู้ประกอบการทั้งหลายสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย ระบบพรีโม (Primo system) ประกอบไปด้วยPrimo Radio Part Setter สำหรับการกำหนดตำแหน่งชิ้นงาน และ Primo Radio 3D Tool Setter สำหรับวัดความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางของเครื่องตัด ทั้งนี้ ระบบพรีโมมีองค์ประกอบหลักสามประการ ได้แก่ หน่วยเครดิตเรนิชอร์ พรีโม (Renishaw Primo Credit Token) การคุ้มครองพรีโม โททอล โพรเทค (Primo Total Protect) และชุดอบรมโกโพรบ (GoProbe)
          หน่วยเครดิตเรนิชอร์ พรีโม เป็นโซลูชั่น 'pay-as-you-go' หรือระบบทยอยจ่ายเมื่อขยายงาน ที่จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้นนั้นถูกจริง มีราคาที่เหมาะสมสามารถเป็นเจ้าของได้ และคืนทุนได้เร็ว ผู้ใช้เพียงแค่ซื้อหน่วยเครดิตที่มีอายุหกเดือนก็สามารถใช้ระบบหัววัดเครื่องมือกลของพรีโมได้อย่างเต็มรูปแบบไม่จำกัดการใช้งาน และเมื่อหน่วยเครดิตหมดอายุ ผู้ใช้ก็แค่ซื้อหน่วยเครดิตเพิ่มเติมเพื่อขยายอายุการใช้งานพรีโมต่อไปอีกหกเดือน ซึ่งผู้ใช้สามารถจะเติมหน่วยเครดิตเวลาใดก็ได้ โดยยอดคงเหลือของเครดิตก็จะเพิ่มขึ้นในทันทีที่เติม
          ในขณะที่ยังมีหน่วยเครดิตใช้งานได้อยู่นั้น ผู้ใช้จะได้รับการคุ้มครองพรีโม โททอล โพรเทค ที่จะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุทั้งหมด ในกรณีที่ชิ้นส่วนใดใน Radio Part Setter หรือ Radio 3D Tool Setter หรืออินเตอร์เฟซได้รับความเสียหาย เรนิชอร์จะเปลี่ยนอะไหล่ให้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ รูปแบบการคุ้มครองพรีโม โททอล โพรเทคนั้นให้การปกป้องเฉกเช่นลูกค้าในสัญญาระยะยาวที่มีการซื้อระบบขนาดใหญ่
          ส่วนสุดท้ายคือ ชุดซอฟต์แวร์และฝึกอบรมโกโพรบ (GoProbe) ที่จะช่วยให้การใช้งานชุดหัววัดที่ง่ายอยู่แล้วนั้น มีความง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยแพ็คเก็จเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองที่เข้าใจง่ายและมีเนื้อหาครอบคลุม มีการจัดแบ่งโมดุลและเครื่องมือช่วยอบรมต่างๆที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจเนื้อหาน่ารู้ที่จำเป็นได้อย่างกระจ่างชัด เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้ระบบเรนิชอร์ พรีโม

4163
ดีแทคเปิดตัวแคมเปญ “Lucky Number” ดีทุกเลข เด่นทุกด้าน เลือกสรรและการันตี โดย อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา เอาใจคนที่กำลังมองหาเบอร์นำโชค




 
          ดีแทคจับเทรนด์ความนิยมเอาใจคนรักตัวเลข ที่ต้องการเบอร์มือถือส่งเสริมชีวิตและดวงชะตาราศี จัดแคมเปญ "Lucky Number" ดีทุกเลข เด่นทุกด้าน ที่คัดสรรและการันตี จากอาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา ตั้งเป้าจะเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่ช่วยผลักดันให้ดีแทคไปสู่เป้าหมายการบริการ 'Loved by Customers' และเพิ่มจำนวนลูกค้าใช้งาน3G/4G โดยเฉพาะลูกค้าบนเครือข่าย 4G ให้ครบ 2.5 ล้านภายในสิ้นปีนี้

          นางสาวปริศนา รัตนสุวรรณศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สายธุรกิจโพสต์เพด บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นจำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า " จากความสำเร็จของแคมเปญเบอร์มงคลในปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ที่ตอบโจทย์เทรนด์ความนิยมของคนที่เชื่อว่า เบอร์โทรศัพท์เป็นเสมือนเบอร์ที่แทนความเป็นตัวตนในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งตัวเลขดีๆ จะช่วยส่งผลดีทั้งในหน้าที่การงาน ความรัก การทำธุรกิจ ค้าขาย ให้เกิดความมั่นคง ก้าวหน้า การเจรจาราบรื่น ดังนั้นดีแทคจึงได้จัดแคมเปญ Lucky Number ต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ได้ อ.ช้าง ทศพร ศรีตุลา มาทำการคัดเลือกเฉพาะตัวเลขดี พร้อมผลรวมเด่น เพื่อสร้างมูลค่าทางจิตใจให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบตัวเลขที่ช่วยส่งเสริมชีวิตและดวงชะตา

          รายงานจากศูนย์ข้อมูลและวิจัยโทรคมนาคม กสทช. ข้อมูลในไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ระบุว่า ตลาดโทรศัพท์มือถือมีเลขหมายที่เปิดให้บริการทั้งหมด 93. 4 ล้านเลขหมาย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ใช้ระบบรายเดือน 13.6 ล้านเลขหมาย ผู้ใช้ระบบเติมเงิน 79.8 ล้านเลขหมาย มี Penetration rate กว่า 140 % แสดงว่ามีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ2-3 ซิมขึ้นไปอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งดีแทคมีสถิติคนใช้ 2 ซิมในลูกค้าระบบรายเดือนประมาณ 13% ของลูกค้าทั้งหมด โดยเหตุผลที่ผู้ใช้งานต้องการเบอร์ที่ 2 หรือ 3 เพราะต้องการใช้ในธุรกิจ หรืออยากเปลี่ยนเบอร์เพราะเป็นเบอร์ที่ไม่ถูกโฉลก ดีแทคจึงได้คัดสรร Lucky Number ให้ผู้ที่สนใจมองหาตัวเลขเพื่อส่งเสริมดวงชะตา ได้มีโอกาสเลือกหาเป็นเจ้าของได้ ในราคาและแพ็กเกจที่คุ้มค่าน่าใช้

          Lucky Number ของดีแทคมีความโดดเด่นและพิเศษมากกว่า เพราะได้ผ่านการคัดสรร เฉพาะตัวเลขดี พร้อมผลรวมเด่น จากอาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา จึงทำให้ Lucky Number มีจำนวนจำกัด เพื่อมอบให้ผู้ใช้งานได้เป็นเจ้าของเบอร์ที่เสริมดวงชะตาราศี เบอร์ที่ดี ไม่ใช่แค่ผลรวมดีความหมายเด่นเท่านั้น แต่ต้องประกอบด้วยตัวเลขที่ดี และการจัดเรียงที่เหมาะสม เมื่อรวมแล้วทั้งตัวเลขดี ความหมายเด่น ก็จะเสริมชีวิตให้มีแต่เรื่องดีๆ พร้อมทั้งทำให้เกิดความสบายใจแก่ผู้ใช้งานเบอร์นั้น ๆ ด้วย โดยการคัดสรรนี้ อ. ช้าง ยังได้ให้คำอธิบายถึงความหมาย และบอกความเด่นของตัวเลขนั้น ๆ ใน 3 ด้านหลัก ๆ ที่ทุกคนสนใจคือ ด้านการงาน ด้านการเงินและโชคลาภ และด้านความรัก

          นอกจากนี้ชื่อเสียงของอาจารย์ทศพร ศรีตุลา หรือ อาจารย์ช้าง ยิ่งทำให้ Lucky Number ของดีแทคมีมูลค่าน่าใช้ ด้วยความเป็นโหรหนุ่มไฟแรงของอ.ช้าง ผู้ชื่นชอบและศึกษาในวิชาโหราศาตร์ตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ด้านโหราศาสตร์ภาคพยากรณ์ (ศาสตร์การทำนายทั่วไป) และ โหราศาสตร์ภาคคำนวณ (การเคลื่อนที่ของดวงดาว) อีกทั้งยังได้ศึกษาต่อเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ยทั้งใน และต่างประเทศ อ.ช้างจึงได้ชื่อว่าเป็นนักพยากรณ์ไม่กี่คนในประเทศไทยที่รอบรู้ เชี่ยวชาญทั้งโหราศาสตร์ไทยและฮวงจุ้ยอย่างถ่องแท้

ลัคคี้นัมเบอร์ซิมและแพ็กเกจ ของดีแทคมี 2 แพ็กเกจสำหรับลูกค้ารายเดือน
          1. Lucky Number เลือกสรรเลขดี มีความหมาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดเบอร์ใหม่ พร้อมสมัครแพ็กเกจ Love & Roll ใช้เน็ตไม่หมด ทบไปเดือนหน้าได้ โทรฟรีทุกเครือข่าย หรือแพ็กเกจ Freshy ใช้เน็ตได้ต่อเนื่อง พร้อมโทรสุดคุ้ม ตั้งแต่ราคา 399 บาทขึ้นไป
          2. Lucky Number Gold เบอร์สวยคัดพิเศษ รวมเลขดี เสริมชีวิตให้มีแต่เรื่องดีๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเปิดเบอร์ใหม่ พร้อมสมัครแพ็กเกจ Love & Roll ราคา 999 บาทขึ้นไป

          ลัคคี้นัมเบอร์ซิมจะมีผลรวมของตัวเลขอยู่บนแพ็กเกจให้ทุกท่านได้เลือก มีวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ที่ศูนย์บริการดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ ทั่วประเทศ ในราคาปกติพร้อมแพ็กเกจค่าบริการสุดคุ้มที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th

4164
ซีเอส ล็อกซอินโฟ จับมือ Rapid Cloud และ HP ให้บริการ “RapidCRM” เพื่อธุรกิจขนาดย่อม ขีดความสามารถบนเทคโนโลยีคลาวด์ทัดเทียมระบบขนาดใหญ่


 
          บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) โดยคุณอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ลงนามความร่วมมือกับบริษัท RapidCloud International plc. และบริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) ออกบริการ "RapidCRM" ซอฟท์แวร์บริหารการขายที่พร้อมใช้งานผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ รองรับการจัดการระบบข้อมูลลูกค้าและพนักงานขาย

          "RapidCRM" ซอฟท์แวร์บริหารการขายพร้อมใช้งานผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาซอฟต์แวร์ การจัดซื้อ และการดูแลระบบของลูกค้า โดยการประสานจุดแข็งทางด้านฮาร์ดแวร์ที่มีสมรรถนะและเสถียรภาพสูงจากพันธมิตรอย่าง HP และ CRM Software จาก RapidCloud ผู้พัฒนาโซลูชั่นระบบคลาวด์ซอฟต์แวร์รายสำคัญในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยซอฟท์แวร์ "RapidCRM" จะถูกติดตั้งในศูนย์อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (Data Center) บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับมาตรฐานการจัดการทางด้านความปลอดภัย ISO 27001 มาตรฐานการบริหารจัดการ ISO 20000 และมาตรฐานการทำงาน ISO 9001 รับประกันเกี่ยวกับระบบบริการคลาวด์ที่มีมาตรฐาน พร้อมอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ในประเทศและต่างประเทศหลายเส้นทาง หากเกิดปัญหาสามารถใช้เส้นทางอื่นได้ เนื่องจากมีหลายเส้นทาง ซึ่งเป็นการเสริมจุดแข็งของกันและกันของพันธมิตรทั้งสามราย เพื่อให้บริการคลาวด์ซอฟต์แวร์ที่หลากหลายครบวงจร โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (SMEs) รองรับนโยบายดิจิตอล อีโคโนมี่ และการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

          Raymond Chee, Managing Director RapidCloud International Plc., กล่าว: " ซีเอส ล็อกซอินโฟ ได้คัดเลือกโซลูชั่นของ RapidCloud ไปให้บริการ เป็นเครื่องยืนยันว่าซอฟต์แวร์ของเราได้รับการยอมรับจากผู้ให้บริการชั้นนำ และเรามั่นใจว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้การใช้งานคลาวด์เซอร์วิสในธุรกิจของไทยมีความแพร่หลายมากยิ่งขึ้น"

          อนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ กล่าว:
          "ซีเอส ล็อกซอินโฟ ต้องการโซลูชั่นที่มีราคาเหมาะสม ยืดหยุ่น และคล่องตัว ซึ่งใช้งานได้ง่ายและรองรับความต้องการของธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งซอฟต์แวร์ของ RapidCloud มีลักษณะดังกล่าว ส่วน HP ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับฮาร์ดแวร์ที่มีความทนทาน ซึ่งทำให้ได้ระบบที่มีความเชื่อถือได้สูง บริษัทจึงได้ร่วมมือกันในการให้บริการคลาวด์แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่ายและดูแลรักษาได้ง่าย ยืดหยุ่นต่อความต้องการของธุรกิจ และยังมีความน่าเชื่อถือของระบบสูงอีกด้วย โซลูชั่น RapidCRM จะมีให้เลือกใช้บริการ 2 รูปแบบ คือแบบ Cloud และ On-premise ซึ่งที่ผ่านมาแม้ธุรกิจของไทยจะมีความต้องการใช้คลาวด์แอพพลิเคชั่น แต่กลับไม่มีผู้ให้บริการในไทยรายใดที่ประสบความสำเร็จในการให้บริการดังกล่าวเท่าใดนัก บางธุรกิจจึงใช้วิธีดัดแปลงคลาวด์ซอฟต์แวร์จากผู้ให้บริการต่างประเทศ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับมาตรฐานภาษีหรือมาตรฐานบัญชีของไทย ทำให้ต้องเสียเวลาปรับแต่งด้วยตนเอง"

4165
ภาพข่าว: ซัมซุงคว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์จาก Superbrands Thailand เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน


 
          นางสาวศศิธร กู้พัฒนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด รับรางวัล "สุดยอดแบรนด์แห่งประเทศไทยประจำปี 2015 (Superbrands Thailand 2015)" และเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน รางวัลสุดยอดแบรนด์แห่งประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นรางวัลที่ได้มาตรฐานสูงสุดด้านความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ ที่ผู้บริโภคทั่วประเทศให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นมากที่สุด โดยมี นายปรีชา แก่นพรหม ผู้อำนวยการ ซุปเปอร์แบรนด์ ประเทศไทย เป็นผู้มอบรางวัลฯ พร้อมแสดงความยินดี เมื่อเร็วๆ นี้
 

4166
ศูนย์ศึกษาไซเบอร์โรม อะคาเดมี่ ผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เตรียมสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยไอที ป้อนตลาดองค์กร







ข่าวประชาสัมพันธ์ – กรุงเทพฯ, ประเทศไทย : ศูนย์ศึกษาไซเบอร์โรม อะคาเดมี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทไซเบอร์โรม ผู้นำด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายชั้นนำ ได้ประกาศถึงความร่วมมือกับทางคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้เปิดหลักสูตรอบรมประกาศนียบัตรของไซเบอร์โรมขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาเพื่อที่จะสามารถออกไปทำงานในสาขาด้านไอซีที (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นความต่อเนื่องในความพยายามของไซเบอร์โรมในการที่จะเชื่อมโยงทักษะด้านระบบความปลอดภัยเครือข่ายจากอุตสาหกรรมมาสู่ภาคการศึกษาผ่านทางศูนย์ไซเบอร์โรม อะคาเดมี่แห่งนี้ โดยจากรายงานผลสำรวจหลายๆ แห่งพบว่า ประเทศไทยนั้นถือเป็นประเทศในอันดับต้นๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการโดนโจมตีจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์ นั่นจึงเป็นเห็นให้ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่มีความสามารถด้านระบบรักษาความปลอดภัยในโลกไอที เพื่อที่จะมีความรู้ในการป้องกันระบบไอทีขององค์กรจากภัยคุกคามดังกล่าวได้ โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือและศูนย์ไซเบอร์โรม อะคาเดมี่ ในครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีในการสร้างบุคลากรมืออาชีพในงานดังกล่าวได้อย่างดีเยี่ยม

สำหรับคอร์สอบรมของไซเบอร์โรมนั้นจะมุ่งเน้นในการสอนโดยอาศัยหลักในการทำงานแบบสภาพแวดล้อมเครือข่ายของจริง ผ่านทางแล็บที่ออกแบบโดยเฉพาะ ซึ่งจัดเตรียมในส่วนของประสบการณ์การเรียนรู้แบบแฮนด์-ออน ซึ่งนี่คือสิ่งจำเป็นอย่างมากในโลกที่ระบบนิเวศของความปลอดภัยด้านข้อมูล ที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและเป็นความท้าทายใหม่ๆ สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์อย่างแท้จริง

ข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ได้มีการลงนามร่วมกันระหว่าง ดร.พยุง มีสัจ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และคุณอเจย์ นาวานี หัวหน้าศูนย์ไซเบอร์โรม อะคาเดมี่ ในนามของบริษัท Cyberoam Technologies โดยวัตถุประสงค์หลักของการร่วมมือครั้งนี้คือการสร้างบุคลากรมที่มีความรู้และความสามารถที่ครบถ้วนในด้านการป้องกันความปลอดภัยในเครือข่าย

ดร.พยุง มีสัจ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (FIT) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวว่า “เรามีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อมนักศึกษาของเรา เพื่อที่จะสามารถเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเราเชื่อว่าการเก็บรักษาข้อมูลให้มีความปลอดภัยคือความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรากำลังเผชิญอยู่ในโลกทุกวันนี้ ซึ่งนี้ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องร่วมกับทางไซเบอร์โรม ในการจัดเตรียมการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาของเราเพื่อให้พวกเขาสามารถสอดส่องดูและข้อมูลสำคัญด้านไอทีไม่เพียงแต่เฉพาะแค่องค์กรในไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงองค์กรต่างๆ ในระดับโลกได้ด้วย”

ด้านคุณอเจย์ นาวานี กล่าวเสริมว่า “คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ (FIT) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นสถานบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในแง่ของคุณภาพและระบบการเรียนการสอน ที่สามารถพัฒนาบุคลากรมืออาชีพได้ใช้งานในโลกของการทำงานจริง

ส่วนวัตถุประสงค์ของทางศูนย์ศึกษาไซเบอร์โรม อะคาเดมี่นั้นก็คือการฝึกอบรมต่างๆ ที่ช่วยให้บุคลากรได้เติบโตไปพร้อมกับโซลูชันที่เป็นนวัตกรรใหม่มีความความยั่งยื่นและสามารถทำงานได้ในเชิงรุก ที่ต่อไปในอนาคตสามารถจะแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรได้ – สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www. academy.cyberoam.com

4167
LINE ฉลองครบรอบ 1 ปี LINE ครีเอเทอร์มาร์เก็ต เผย 10 สุดยอดครีเอเทอร์สติกเกอร์ขายดีของคนไทย พร้อมส่งแคมเปญประกวดออกแบบสติกเกอร์ ชิงรางวัลไปญี่ปุ่นรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท




 
          LINE ประเทศไทยจัดงานแถลงข่าวครบรอบ 1 ปี LINE ครีเอเทอร์มาร์เก็ต ประกาศโครงการประกวดวาดสติกเกอร์ เพื่อให้นักออกแบบชาวไทยมาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน พร้อมเผยรายชื่อ สุดยอดครีเอเทอร์สติกเกอร์ขายดีที่ออกแบบโดยคนไทย งานนี้มีดาราและนักออกแบบชื่อดัง มาร่วมงานมากมาย อาทิ เม-พิชญ์นาฏ กอล์ฟ-พิชญะ เปิ้ล-นาคร ดีเจพุฒ และ นิว-นภัสสร

          LINE ครีเอเทอร์มาร์เก็ต คือแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถสร้างสรรค์ผลงานสติกเกอร์ ของตนเองเพื่อขายใน LINE หลังจากผ่านการรีวิวจากทาง LINE แล้ว สติกเกอร์จะถูกวางจำหน่ายทั้งในไลน์ สโตร์ (https://store.line.me) และในส่วนของครีเอเทอร์สติกเกอร์บนสติกเกอร์ช้อปในแอพพลิเคชั่น LINE โดยผู้ออกแบบจะได้รับรายได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ จากยอดขายสติกเกอร์หลังจากหักค่าบริการของ App Store, Google Play หรือการหักค่าบริการของแอพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

          เอก อัครประเสริฐกุล?หัวหน้าฝ่ายออกแบบ LINE ประเทศไทย เผยว่า "ตลาดสติกเกอร์โตขึ้นมาก หลังจากเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีครีเอเทอร์สติกเกอร์จากนักออกแบบทั่วโลก วางขายมากกว่า 120,000 เซ็ตใน LINE สติกเกอร์ช้อป และ มีนักออกแบบชาวไทยลงทะเบียนในครีเอเทอร์มาร์เก็ต (https://creator.line.me) มากกว่า 40,000 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ"

โดย 10 อันดับสติกเกอร์เซตที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ได้แก่
1) Jumbooka 22nd Century Girl
2) Tidlom ติดลม
3) momo (Thai) โมโม่ (ภาษาไทย)
4) Hua Kala (TH) หัวกะลา (ภาษาไทย)
5) Nong Mind น้องมาย จอมแก่น
6) JuJuu the Pandi's life
7) Kingdomoftigers
8 ) momo & joon pyo โมโม่กับจุนเพียว
9) him & her
10) momo II (Thai) โมโม่ II (ภาษาไทย)

          นาโอโตโมะ วาตานาเบะ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนสติกเกอร์ ไลน์คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า  "สติกเกอร์ที่เป็นที่นิยมของผู้ใช้ LINE คือ สติกเกอร์ที่ใช้สื่อสารได้ง่ายในชีวิตประจำวันและสติกเกอร์ซึ่ง แสดงสีหน้าอารมณ์ได้ชัดเจน หลังจากที่เปิดตัว LINE ครีเอเทอร์มาร์เก็ต ผู้ใช้ LINE ก็มีโอกาสได้ใช้สติกเกอร์ที่หลากหลายจากนักออกแบบทั่วโลก ส่วนเทรนด์สติกเกอร์ที่กำลังมาแรงในตลาด ไทยก็คงหนีไม่พ้นสติกเกอร์ภาษาท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นภาษาอีสาน ภาษาเหนือ หรือภาษาใต้ ซึ่งสติกเกอร์เหล่านี้ มีคาแรคเตอร์ชัดเจนและยังแฝงไว้ด้วยอารมณ์ขันที่แสดงเอกลักษณ์ของนักออกแบบไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย"

          เพื่อเป็นการฉลอง LINE ครีเอเทอร์มาร์เก็ตครบรอบ 1 ปี LINE จึงจัดโครงการประกวดออกแบบสติกเกอร์ LINE Creators Market Sticker Contest?ในหัวข้อ "Happy to be Thai" เพียงออกแบบสติกเกอร์ที่ แสดงออกถึงความเป็นไทย และแฝงไว้ด้วยความสนุกสนาน ร่าเริง ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ และส่งผลงานเข้ามาได้ที่ https://lin.ee/8VFnjVH/prmt/pr เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่?24 มิถุนายน - 24 กรกฎาคม 2558 (ภายในเวลา 23:59 น.)?ผู้เข้ารอบจำนวน 10 ท่านจะได้ร่วมทริปไปประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน พิเศษสุดๆ กับโอกาสเข้าเยี่ยมชมออฟฟิศ LINE ในย่านชิบูยะใจกลางกรุงโตเกียว?ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับนักออกแบบสติกเกอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น และท่องเที่ยวในหลากหลายสถานที่ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจ ในการออกแบบให้กับคุณ?ประกาศผลวันที่ 17 สิงหาคม 2558 เวลา 16:00น. ผ่านทาง Official Account ของ LINE ประเทศไทย และ LINE Creators TH

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง
Official Account: LINE CREATORS TH
Facebook Fan Page: https://www.facebook.com/LINEcreatorsmarket.th
Blog: http://creator-mag.line.me/th/

4168
ซัมซุงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคอนเทนท์สำหรับสมาร์ททีวี จับมือ Hollywood HDTV แอพพลิเคชันที่รวบรวมภาพยนตร์ฮอลลีวูดคุณภาพระดับ HD สร้างประสบการณ์ใหม่ของการชมภาพยนตร์แบบเฟิร์สคลาส มอบโปรโมชันสุดพิเศษ ให้ลูกค้า SUHD TV ดูหนังผ่านแอพ Hollywood HDTV ฟรี 1 ปีเต็ม


 
          ซัมซุงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคอนเทนท์สำหรับสมาร์ททีวี จับมือ Hollywood HDTV แอพพลิเคชันที่รวบรวมภาพยนตร์ฮอลลีวูดคุณภาพระดับ HD มากกว่า 300 เรื่อง มอบประสบการณ์ใหม่ของการชมภาพยนตร์แบบเฟิร์สคลาส เต็มอรรถรสความบันเทิง สำหรับลูกค้าซัมซุงเท่านั้น ด้วยโปรโมชันสุดพิเศษ ชมภาพยนตร์แบบไม่อั้นเป็นเวลา 1 ปี มูลค่า 2,388 บาท สำหรับลูกค้า SUHD TV ทุกรุ่น และ UHD TV รุ่นที่ร่วมรายการ* ส่วนลูกค้าซัมซุง สมาร์ททีวีรุ่นอื่นๆ สามารถซื้อแพ็คเกจรายเดือน 1 เดือน แถมอีก 2 เดือนฟรี รวมมูลค่า 398 บาท

          โปรโมชันนี้ซัมซุงมอบให้ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่ซื้อทีวีซัมซุงตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายนนี้ โดยสามารถแลกรับสิทธิได้จนถึง 15 กรกฎาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าซัมซุง 0-2689-3232 หรือโทรฟรีจากโทรศัพท์บ้าน 1-800-9-3232 และ http://www.samsung.com/th/news/local/samsung-hollywood-hdtv

          * JU6600 เฉพาะรุ่น 48" , 55" JU6400 เฉพาะรุ่น 40" ,48" , 55"

4169
ซัมซุงแนะนำอนาคตใหม่ของระบบปรับอากาศ “ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส” ด้วยสุดยอดนวัตกรรมเพื่อ “ความประหยัด” ครบทุกองศา เสริมทัพทีมงานและช่องทางจำหน่าย รุกตลาดแอร์พาณิชย์เต็มกำลัง มั่นใจโตสองเท่าตัวติดต่อกัน 3 ปี









          ซัมซุงเตรียมรุกหนักระบบปรับอากาศในอาคาร เปิดตัว “ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็มเอส (Samsung Super DVM S)” ด้วยแนวคิด Smart Savings for Your Business นำเสนอสุดยอดนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน “ความประหยัด” ของทุกกลุ่มธุรกิจอย่างตรงจุดทั้ง“ประหยัดพลังงาน-ประหยัดพื้นที่-ประหยัดเวลา” ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถทาง
การแข่งขัน พร้อมจัดทัพใหม่ ขยายทีมงานและผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น 50% ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้ากว่า 50 โครงการปีนี้ พร้อมดันยอดโตสองเท่าตัวติดต่อกัน 3 ปี

          นายฉัตรชัย สันตติอนันต์ รองประธาน ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศของเมืองไทยในปีนี้มีมูลค่าตลาดรวม 25,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 30% โดยซัมซุงมองว่าตลาดนี้จะมีโอกาสเติบโตอีกประมาณ20%เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้กำลังขยายตัว ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ นโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในการเพิ่มรถไฟฟ้าถึง 10 สายในกรุงเทพและปริมณฑล และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะทำให้มีการต้องการที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจประเภทโรงแรม คอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนต์จึงคึกคักเป็นพิเศษ รวมไปถึงธุรกิจประเภทค้าปลีกอย่าง ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กใหญ่ต่างๆ ที่มีการขยายสาขาเพื่อรองรับกำลังซื้อที่กำลังเริ่มฟื้นตัว และการเข้ามาจับจ่ายในประเทศจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีการก่อสร้างตึกและอาคารต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการลงทุนติดตั้งระบบปรับอากาศในอาคารถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยสิ่งที่องค์กรต่างๆ มองหามากที่สุดในการเลือกติดตั้งระบบปรับอากาศในอาคารนั้น คือ ความประหยัด ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นการเลือกใช้ระบบปรับอากาศที่สามารถช่วยประหยัดในเรื่องต่างๆ เช่น ประหยัดค่าใช้จ่ายในการวางระบบและดูแลรักษา ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง ประหยัดเวลาในการบริหารจัดการ ควบคุมง่าย และที่สำคัญประหยัดพลังงาน จะทำให้ธุรกิจมีต้นทุนในการดำเนินงานน้อยลงและเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน”

          ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงมุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กร โดยการนำเสนอ “ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส” ระบบปรับอากาศในอาคารแบบ VRF (Variable Refrigerant Flow) ที่มีความจุมากที่สุดในโลกในขนาดเล็กลงแต่ให้ประสิทธิภาพการทำงานเท่าเดิม โดดเด่นด้วยแนวคิด Smart Savings 3 ประการ“ประหยัดพลังงาน-ประหยัดพื้นที่-ประหยัดเวลา” โดยการประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ช่วยลดการใช้พลังงานลงถึง 6.7% เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าสูงที่สุดมากกว่าระบบทั่วไปถึง 30% โดยซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั้ง SEER IEER และ COP ซึ่งเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของเครื่องปรับอากาศตามมาตรฐานสากลของอุตสาหกรรม ประหยัดพื้นที่ (Space Saving) ซัมซุง ซูเปอร์ ดีวีเอ็มเอส ถูกออกแบบมาในน้ำหนักที่น้อยลงถึง 25% และใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับระบบปรับอากาศแบบอื่น ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและดูแลรักษา และเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอย เปิดกว้างให้สถาปนิกได้ออกแบบและจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และ ประหยัดเวลา (Time Saving) โดยซัมซุง ซูปเปอร์ ดีวีเอ็ม เอส มาพร้อมกับระบบควบคุมการทำงานอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบและสั่งการด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือพีซี ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบสถานะการทำงาน ความผิดปกติหรือควบคุมอุณหภูมิในจุดต่างๆ ตามต้องการได้ ซึ่งสามารถควบคุมจากที่ไหนก็ได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรที่มาดูแลในส่วนนี้อีกด้วย นอกจากนี้ซัมซุงยังมีโซลูชันพิเศษในการคำนวณการถ่ายเทของความร้อนและเสียงด้วยโปรแกรม CFD (Computational Fluid Dynamics) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นแบบจำลองภาพรวมในการติดตั้งระบบปรับอากาศของซัมซุงได้อย่างชัดเจน

          “ในปีนี้ซัมซุงเปิดตัวระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 23 รุ่น ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมอินเวอร์เตอร์พร้อมทั้งขยายบุคลากรเสริมแกร่งทั้งทีมงานและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งทีมออกแบบ วิศวกร ทีมการตลาดและทีมขาย รวมถึงทีมเซอร์วิส เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 50% ซัมซุงยังมุ่งสร้างการรับรู้รวมถึงการให้ความรู้กับกลุ่มเจ้าของอาคารและกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ถึงข้อดีของระบบปรับอากาศ ซัมซุง ดีวีเอ็ม เอส ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อองค์กร นอกจากนี้ ซัมซุงยังพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมและบริการหลังการขาย มีการตั้งเทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ในการฝึกอบรมทีมงานเพื่อให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการให้บริการลูกค้า ส่วนด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ซัมซุงได้แต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่ายโครงการเป็น 50 รายทั่วประเทศ ” นายฉัตรชัยกล่าวเสริม

          “ซัมซุงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งในนวัตกรรมที่ล้ำหน้าของผลิตภัณฑ์ ความพร้อมของทีมงาน ตลอดจน กลยุทธ์ต่างๆ ของซัมซุงที่เตรียมไว้ในปีนี้ จะทำให้ซัมซุงประสบความสำเร็จในการบุกตลาดระบบเครื่องปรับอากาศในอาคารอย่างแน่นอน การันตีความสำเร็จที่ผ่านมาได้ด้วยโครงการมากกว่า 150 ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ แพลททินั่ม แฟชั่นมอลล์ สาขาเชียงใหม่, อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ สาขาสุราษฎร์ธานี, เซ็นทารา เวสท์ แซนด์ รีสอร์ท ภูเก็ต, โนโวเทล กะรน บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต, TOA สำนักงานใหญ่, Jay Mart สำนักงานใหญ่, มหาวิทยาลัย ราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลสินแพทย์ กทม., ท่าอากาศยานแม่สอด, โรงภาพยนตร์ MVP จังหวัดบุรีรัมย์ โดยตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอีก 50 โครงการในปีนี้ เพื่อผลักดันยอดขายระบบปรับอากาศซัมซุงให้เติบโตสองเท่าทุกปีติดต่อกัน 3 ปี” นายฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย

4170
ซาวด์สุดล้ำ สาดพลังความมันส์ แดนซ์กระหึ่มกับเทศกาลดนตรีอิเลคโทรนิคส์ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “Samsung GALAXY presents Road To Ultra Thailand 2015” ณ ไบเทค บางนา









          ซัมซุง ภูมิใจนำเสนอ “Samsung GALAXY presents Road To Ultra Thailand 2015” ซาวด์สุดล้ำ สาดพลังความมันส์ ให้ชาวไทยแดนซ์กระจาย ในสุดยอดเทศกาลดนตรีอิเลคโทรนิคส์ระดับโลกอีกครั้งในประเทศไทย โดยรวมพลเหล่าปาร์ตี้แอนิมอลเปิดฟลอร์แดนซ์กระจาย เต้นกันสนั่นเมือง นำทัพโดยเหล่าเซเลบริตี้ขาแดนซ์ตัวจริง อาทิป้อง ณวัฒน์, ท็อป ณัฐเศรษฐ์, วีเจพิตต้า, ดีเจเดย์ ดาวิเด, ดิว เดอะสตาร์ 9, ฝ้าย แอม ฟายน์ และอีกมากมาย

          ซัมซุง ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการอิเลคโทรนิคส์รวมพลคนรุ่นใหม่ผู้รักการแดนซ์ ร่วมสนุกสุดเหวี่ยงไปกับ “Samsung GALAXY presents Road To Ultra Thailand 2015” ที่ขนโปรดักชันมาแบบจัดเต็ม ทั้งแสง สี เสียง แอฟเฟ็กต์สุดอลังการ ณ ฮอลล์ 102 - 103 ไบเทค บางนา มิวสิคเฟสติวัลเริ่มอุ่นเครื่องให้ร้อนระอุด้วยศิลปินคุณภาพชาวไทยที่มาร่วมแจมเพื่อประกาศศักดาให้กับวงการเพลงอิเลคโทรนิคส์ไทย ได้แก่ Oatawa & Kolor One และSkinny Mark VS Zuper L! ที่มาวอร์มอัพขาแดนซ์ให้พร้อมจะมันไปกับฝีมือการมิกซ์เพลงอิเลคโทรนิคส์แบบสดๆ จากศิลปินตัวท็อประดับเทพ ไม่ว่าจะเป็น Galantis ครั้งที่ 2 สำหรับสุดยอดศิลปินดูโอที่จะมากระหน่ำความมันส์ให้กับเทศกาลดนตรีของ Ultra หลังจากที่ได้ร่วมงานครั้งแรกที่ไมอามี่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Adventure Clubผู้สร้างสรรค์ซาวด์แทร็คให้กับวิดีโอ Forever in My Mind หนึ่งในวิดีโอยอดนิยมของชาว Ultra Laidback Luke ดีเจตัวเก๋า และ Quintino ดีเจที่กำลังมาแรงจากเนเธอร์แลนด์ มาร่วมกระตุกต่อมความมันส์ให้กับค่ำคืนแห่งเสียงดนตรี

          เพื่อให้สมกับการเป็นไตเติ้ลสปอนเซอร์ ซัมซุงยังมอบสิทธิพิเศษมากมายให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มเย็นฉ่ำสุดสดชื่น จุดชาร์ทแบตเตอรี่ จุดพักผ่อนพร้อมไวไฟ และแอคเซสเซอรี่มากมายอีกด้วย

          บรรยากาศงาน Samsung GALAXY presents Road To Ultra Thailand เป็นไปอย่างครื้นเครงและเต็มไปด้วยสีสัน เพราะเหล่าปาร์ตี้แอนิมอลต่างแต่งตัวจัดเต็มไม่มีใครยอมใคร แถมเปิดฟลอร์แดนซ์กระจายแบบไม่ยั้งอีกด้วย

Pages: 1 ... 276 277 [278] 279 280 ... 301