Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - pooklook

Pages: 1 ... 68 69 [70] 71
1036
จาก  Forward mail:

> วันนี้ไปซื้อไอติมฮาเก้นดาดแล้วให้เขาใส่น้ำแข็งแห้ง กะสักประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านเพราะ
> ต้องแวะไปซื้อของที่อื่นด้วย ไปได้สัก 1 ชั่วโมงเราก็จอดลงไปซื้อขนมประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้
> ขึ้นมาบนรถเห็นแฟนที่รออยู่บนรถหอบเหนี่อย ก็ไม่อะไรสตาทรถออกมาตามปรกติ เราก็ไม่เอะใจอะไร
> สักพักลูกเรา5เดือนก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา ปรกติเขาไม่เคยร้องแบบนี้ เราก็เอานมให้ลูกกินคิดว่าลูกหิว
> เขาก็ไม่กิน เราเองก็รู้สึกเหนี่อยขึ้นทุกทีคล้ายจะหอบ ก็เลยบ่นกับแฟนว่าเป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกเหนี่
> อยเหลือเกิน แฟนก็เลยบอกว่าเขาก็เป็น ตอนแรกเขาคิดว่าเขาอ้วนเลยเป็นอย่างนั้น เราก็เลยรีบ
> เปิดกระจกรถกันใหญ่ พออากาศถ่ายเทเข้ามาในรถเท่านั้นแป็บเดียวก็เป็นปรกติลูกเราหยุดร้องทันที
> อาการทั้งของเราและแฟนก็หายเป็นปรกติทันที รถเราเป็นรถโตโยต้าวิช มันทะลุถึงกันหมด เพิ่งรู้ว่า
> คนที่จอดรถนอนแล้วตายเป็นอย่างนี้นี่เอง ขอให้เป็นอุทธาหรณ์ของทุกๆคนนะค่ะ สงสารลูกที่สุดเลยค่ะ
> เขาคงทรมานมากพูดก็พูดไม่ได้
> ก้อนน้ำแข็งแห้ง มันคือคาร์บอนไดออกไซด์เพียวๆ เลย ซึ่งจัดว่าเป็นก๊าซอันตรายต่อระบบทางเดินหาย
> ใจค่ะ
>
> เคยได้รับเมลมา เรื่องคล้ายๆกัน ขออนุญาตนำมาแปะนะคะ
>
> เรื่องน่ากลัวค่ะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปไหว้พระบาทกัน ขับรถไปกันเอง
> ป๊าน้องปลื้มเป็นคนขับ ไปกัน 7 คน นั่งตอนละ 2 คน น้องปลื้มก็นั่งคาร์ซี
> ทตอน 2 ไหว้พระเสร็จก็ประมาณบ่าย 2-3 โมง ขากลับหิวข้าวเลยแวะกินสเต็ก(ลือชื่อแถวรังสิต)
>
> ทานเสร็จอาม่าของน้องปลื้มกับอาเหล่าโกว (อาของป๊าน้องปลื้ม) ก็ช็อปปิ้งไอติมกัน แล้วก็ซื้อกลับบ้าน
> ด้วย ทางร้านก็แพคใส่กล่องโฟม มีสติ๊กเกอร์แปะอยู่ 2 ข้างเพื่อไม่ให้ฝาหลุด
>
> ขากลับน้องปลื้มไม่ยอมนั่งคาร์ซีท เลยเอาไอติมวางไว้ที่คาร์ซีท
> แล้วน้องปลื้มก็มานั่งกับเราที่ตอน 3 ระหว่างทางอาม่าก็บอกว่าทำไมรู้สึก
> เหนื่อยจัง เหมือนหายใจไม่ออก แล้วเค้าก็มีอาการหอบ
> ป๊าของน้องปลื้มก็บอกว่าเค้าก็เป็น ทำไมถึงเป็นไม่รู้
>
> คุยกันไม่มานึกว่าเค้า 2 คนกินอะไรเหมือนกันที่คนอื่นไม่ได้กินหรือเปล่า
> เราก็สังเกตุเห็นทำไมน้องปลื้มหายใจแรงจัง หายใจหอบๆ เสียงลมหายใจฟี้ดๆ แล้วน้องปลื้มก็เอานิ้ว
> แคะจมูก เราก็นึกว่ามี ขึ้มูกทำให้หายใจไม่สะดวก
> ก็เลยแคะให้แต่ก็ไม่เห็นมีนี่นา อาม่าของปลื้มก็หอบใหญ่เลย ปลื้มก็หายใจถี่ แรง แล้วก็หอบมากขึ้น
>
> อาเหล่าโกวก็เอะใจถามว่าไอติที่เราซื้อมามีดรายไอซ์หรือเปล่า
>
> มีนะเพราะซื้อ ทุกครั้งเค้าก็แพคให้
>
> เลยถึงบางอ้อ! ค่ะ เพราะดรายไอซ์นี่เอง มันเป็นคาร์บอนไดออกไซค์ รถปิด หน้าต่างเปิดแอร์ ทำ
> ให้ออกซิเจนในรถน้อยลง อากาศไม่ไหลเวียน
> เลยรีบเปิดหน้าต่าง อาการของทั้ง 3 คน หายทันทีเลยคะ
>
> ตกอกตกใจกันไปทั้งรถ มั่วแต่หาสาเหตุอื่นๆ ไม่ได้คิดถึงกล่องไอติมเลย รู้
> ทั้ง รู้ แต่นึกไม่ถึงคะ
>
> ถ้ารถเก๋งวางไว้กระโปรงหลังคิดว่าคงไม่เป็ไร แต่นี่รถ 3 ตอน แถมวางไว้ตรงตอน 2 กลางรถพอดี
> มันก็เลยไหวเวียนอยู่ในรถนั่นแหละ น่ากลัวมากๆเลย
> ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทุกคน หลับกันหมด หรือน้องปลื้มหลับ
> เค้าจะมีอาการแสดงให้เราเห็นหรือเปล่า
>
> ป๊าของน้องปลื้มบอกว่ารู้แล้วว่าคนขาดอากาศหายใจตายเป็นไง รีบเอาดรายไอซ์ทิ้งหมดเลยค่ะ หรือ
> ถ้าแพคใส่กล่องแต่ปิดเทปรอบปากกล่องก็คงดีกว่า
>
> เลยอยากมาเล่าให้พ่อ ๆ แม่ๆฟังกัน เรื่องที่รู้ทั้งรู้นะแต่นึกไม่ถึงว่าจะ
> อันตรายขนาดนี้คราวหน้าคราวหลังถ้าซื้อไอติมมาคงต้องแพคให้หนาแน่นกว่านี้

1037
บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง
เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่า
ภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ
อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น...........
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…   
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….   
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง   

1038
ไร้สังกัด / Fwd: เกิดที่ night square
« on: March 23, 2009, 06:17:56 PM »
เรียนพี่น้องไทยออยล์ที่รักทุกท่าน
วันนี้ผมอยากจะเล่าประสพการณ์จริงให้กับทุกท่านฟัง เพื่อที่ท่านจะได้ระมัดระวังกันไว้ คือวันที่ 22 มีนาคม 52 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผมได้พาครอบครัวโดยมีผม ภรรยา ลูกสาวคนโต และลูกสาวคนเล็ก ไปเดินซื้อสินค้าที่ตลาดศรีราชาไนท์สแคว โดยผมได้จอดรถกระบะ วีโก้ 4 ประตูไว้ใกล้ๆกับร้านอาหาร COSMOS  ตรงข้ามกับบริษัท กีฟฟารีน  ซึ่งเป็นสถานที่ไม่เปลี่ยวเลย เมื่อผมและครอบครัวซื้อสินค้าเสร็จโดยใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงกว่าๆ จึงเดินกลับมาเพื่อจะขึ้นรถ แต่ได้แวะซื้อผลไม้ก่อน เมื่อซื้อเสร็จผมได้ปลดล๊อกระบบกันโขมยเพื่อให้สมาชิกครอบครัวได้ขึ้นรถแต่ยังไม่ทันขึ้นรถ ขณะที่ผมไขกุญแจฝาครอบกระบะท้ายเพื่อเก็บผลไม้ อยู่ๆก็มีคนร้ายยื่นกระดาษมาให้หนึ่งแผ่นแล้วคนร้ายก็วิ่งไปล็อกคอลูกสาวคนเล็ก (อายุ 10 ปี)ที่กำลังจะขึ้นรถที่ประตูหลังด้านขวา ( ด้านหลังคนขับ ) พร้อมใช้อาวุธมีดจี้คอเอาไว้ ผมอยู่ท้ายรถผมได้ดูที่กระดาษที่คนร้ายส่งให้ ซึ่งมีข้อความขึ้นต้นว่า “อยู่เฉยๆ” ผมอ่านได้แค่นี้ผมได้ตะโกนว่า โจรจี้ๆ และให้ภรรยาแจ้งตำรวจด้วย  ส่วนผมไปอยู่ทางด้านซ้ายของรถ ขณะนั้นคนร้ายเริ่มเปิดประตูรถแต่ยังไม่ได้ขึ้นรถ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเข้าไปเปิดประตูด้านหลังซ้ายแล้วล้วงเอาอาวุธปืนที่เก็บไว้ในรถออกมาพร้อมขึ้นลำเตรียมยิงทันที เมื่อคนร้ายเห็นว่าผมมีอาวุธปืนจึงได้รีบวิ่งหนีไป และอีก 5 นาทีต่อมาตำรวจจึงมาถึงที่เกิดเหตุ ผมและครอบครัวจึงได้พากันไปแจ้งความ  และต่อไปนี้คือข้อความแบบเต็มๆที่คนร้ายเขียนด้วยดินสอและยื่นให้ผมครับ.
“อยู่เฉยๆ ผมไม่ทำอะไรลูกคุณหรอก แต่ถ้าคุณดัง ผมพร้อมตายพร้อมลูกคุณ ผมแค่อยากเจรจาด้วย เอาโทรศัพท์ส่งมา 1 เครื่อง แล้วอีก 5 นาทีโทรหาผม ผมขอกระเป๋าเงินของพี่ 2 คนด้วย ขอยืมกุญแจรถพี่ด้วย รับรองรถและลูกพร้อมกระเป๋าของพี่จะปลอดภัย ผมกระจายกันอยู่ หากพี่กระโตกกระตาก ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมขอเวลาไม่นาน ขอบคุณ”
และนี่คือประสพการณ์จริงที่อยากจะฝากเตือนพี่ๆน้องๆไทยออยล์ทุกท่านโปรดระมัดระวังด้วยว่าขณะที่ท่านกำลังซื้อสินค้าหรือไปไหนมาไหนอาจมีคนแอบติดตามและจ้องทำร้ายท่านอยู่โดยที่ท่านอาจไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบด้วยความปรารถนาดี
                                                                                           ด้วยรักและห่วงใยทุกท่าน
                                                                                               ธรรมรงค์  ปานโต
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
น่ากลัวจังเลย

1039
ไร้สังกัด / มารยาหญิง
« on: March 23, 2009, 06:12:01 PM »
ผู้หญิงกับผู้ชายขับรถมาชนกันอย่างจัง
โชคดีที่ทั้งสอง ไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างคลานออกมาจากซากรถ
ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่า
หญิงสาวคู่กรณีหน้าตาดีทีเดียว

เธอหันมาบอกเขาว่า
" ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราสองคนจะรอดมาได้ อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสของเราก็ได้"

เธอเจื้อยแจ้วต่อไปว่า
"รถของฉันพังยับทั้งคันแต่ไวน์ขวดนี้ไม่บุบสลายแสดงว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กันแน่ ๆ เลยงั้นเรามาดื่มฉลองความรักของเราในอนาคตกันเถอะ"

"ยินดีครับ"
ขายหนุ่มตอบรับด้วยหัวใจพองโต
แล้วดื่มไวน์ไปครึ่งขวด
ก่อนจะส่งคืนให้หญิงสาว

"ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าจะนั่งรอตำรวจเงียบ ๆ ดีกว่า"

จาก www.zidogang.com

1040
นี่คือเรื่องราวสัพเพเหระที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตในที่ทำงานแบบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
อ่านแล้วนำไปพิสูจน์กัน ว่าทำแล้วจะช่วยให้ออฟฟิศของเราน่าอยู่น่าทำงานขึ้นอีกไหม

● หากล่องเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนชิ้นเล็กๆ เช่น คลิปดำหนีบกระดาษ แฟ้มเก็บเอกสาร ที่เข้าสันห่วงแบบกระดูกงู
และคลิปดำหนีบกระดาษให้เป็นที่เป็นทาง เพราะบ่อยครั้งที่มันจะกระจัดกระจายแล้วถูกกวาดลงถังขยะโดยที่สภาพยังดีอยู่
ช่วยเจ้านายประหยัดเงินได้อีกเยอะทีเดียว

● ปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์และปุ่ม Send บนเครื่องแฟกซ์
รวมไปถึงที่จับประตูในห้องน้ำเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคมากที่สุดในที่ทำงาน

● หนุ่มสาวออฟฟิศต้องจำไว้ การดื่มกาแฟ เกินวันละ 300 มิลลิกรัมนอกจากจะมีส่วนทำให้กระดูกพรุนแล้ว
ยังทำให้แก่ก่อนวัยอีกต่างหาก

● ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนาพบว่า มีเชื้อแบคทีเรียอยู่บนโต๊ะทำงาน มากกว่าบนฝารองนั่งในห้องน้ำหลายร้อยเท่า
โดยจำนวนเชื้อโรคบนโทรศัพท์ในออฟฟิศมีเฉลี่ย 25,127 คีย์บอร์ด 3,295 และเมาส์ 1,676 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว
ในทางกลับกัน ฝารองนั่งในห้องน้ำมีเชื้อโรคอาศัยอยู่เพียง 49 ตัวต่อ 1 ตารางนิ้วเท่านั้น สาเหตุมาจากการที่เราละเลย
การทำความสะอาดหลังจากที่เรากินขนมจุบจิบบนโต๊ะทำงานนั่นเอง

● องค์การนาซาการันตีว่า ต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เราปลูกไว้เพื่อประดับโต๊ะทำงาน เช่น ต้นเยอร์บีรา ต้นเดซี่ ต้นพลูด่าง ต้นกวนอิม
ต้นเบญจมาศ มีประโยชน์มากกว่าการสร้างบรรยากาศให้สวยงาม เพราะสามารถช่วยให้อากาศในที่ทำงานดีขึ้นด้วย โดยการช่วยดูดสารพิษ
จากเครื่องใช้สำนักงาน เช่น สารคาร์บอน สารเบนซิน (มาพร้อมกับหมึกพริ้นเตอร์พลาสติก และยางลบ) ซึ่งช่วยลดอัตราการป่วยของคน
ในออฟฟิศได้ ดูรายชื่อต้นไม้ที่ควรปลูกเพิ่มเติมที่ www.zone10.com

● อย่าทิ้งสติ๊กเกอร์คั่นหน้าหนังสือแบบโพสต์อิท หากคุณเพิ่งใช้มันเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะประสิทธิภาพของกาวยังสามารถนำมาใช้
แปะคั่นหนังสือได้อีก 2 - 3 ครั้ง นี่คือจุดเล็กๆ ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทาง

● ถ้าทุกคนช่วยกันประหยัดกระดาษสำนักงานโดยการนำมารีไซเคิลจะสามารถช่วยชาติประหยัดน้ำได้ถึง 55 เปอร์เซ็นต์
และประหยัดพลังงานมวลรวมภายในประเทศได้มากถึง 60 - 70 เปอร์เซ็นต์

● วิธีการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เพื่อช่วยลดการป่วยเป็นไข้หวัดในที่ทำงานได้ง่ายๆ คือ การหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลัง
จากรับประทานอาหารอย่าขี้เกียจเลยนะ เพราะการล้างมืออย่างตั้งใจใช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาที หรือเทียบเท่ากับการร้องเพลงแฮ็ปปี้เบิร์ธเดย์แค่รอบเดียวเท่านั้นเอง

● การดื่มน้ำและกินอาหารมื้อย่อยๆ ในแต่ละวัน ช่วยลดอาการเครียด หงุดหงิด และลดความกังวลจากงานลงได้

● คอมพิวเตอร์เก่าตกรุ่นของออฟฟิศ อย่าทิ้งขว้างให้เป็นของไร้ค่า เพราะตอนนี้เอามาวางขายในตลาดออนไลน์อย่าง www.ebay.co.uk ได้แล้ว

● สองวิธีช่วยลดการใช้กระดาษในสำนักงาน จากเว็บไซต์ www.thegreenworkplace.com

1. ลองปรับเครื่องพริ้นเตอร์ให้เป็นแบบ Double–sided ซึ่งสามารถพริ้นต์เอกสารออกได้ทั้งสองด้านในแผ่นเดียว ภายใน 1 เดือน
จะลดการใช้กระดาษได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์
2. ปรับระยะขอบกระดาษใน Microsoft Word เป็น 1/4 นิ้ว จากเดิมที่เคยตั้งค่ามาตรฐานไว้ 1 นิ้วทุกด้าน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการพิมพ์


● มีการสำรวจจากประเทศอังกฤษมาแล้วว่า ถ้าหนุ่มสาวออฟฟิศทุกคนในประเทศลดการใช้ลูกแม็กซ์เพียงวันละ 1 ตัว
แล้วหันมาใช้คลิปหนีบกระดาษที่นำกลับมาใช้ต่อได้เรื่อยๆ จะช่วยลดการใช้เหล็กในการผลิตลูกแม็กซ์ได้มากถึง 120 ตันต่อปีเลยทีเดียว

● หากป่วยเป็นไข้หวัด อย่าลังเลในการใช้สิทธิลาป่วย เพราะทุกครั้งที่คุณจาม เชื้อไวรัสจะกระจายไปทั่วห้องทำงานและมีชีวิตอยู่ได้ 3 วัน
เป็นการแพร่เชื้อให้เพื่อนร่วมงานแบบไม่รู้ตัว และน่ากลัวเป็นที่ซู้ด

● รายงานของสถาบันวิจัยด้านสุขอนามัยจากอเมริกาบอกไว้ว่า เพียงสละเวลาแค่ 5 - 10 นาทีในแต่วัน เพื่อเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทำงาน
ให้สะอาดเอี่ยมโดยการใช้กระดาษทิชชูเปียก (Wipe) หรือสำลีชุบแอลกอฮอล์ ก็ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

[~ Zido Gang ~]

1041
> | 1.อย่าสูบบุหรี่!! |
> | จากผลการทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า |
> | การสูบบุหรี่หลังอาหาร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10 มวน |
> | (ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น ซึ่งสูบปกติก็มีโอกาสเป็นอยู่แล้ว) |
> | |
> | 2. อย่ากินผลไม้ทันทีหลังอาหาร !! |
> | เพราะมันไปพองในท้องคุณ |
> | ให้กินผลไม้ 1 หรือ 2 ชม. ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้จะดีกว่า |
> | |
> | |
> | 3. อย่าดื่มน้ำชา !! |
> | เพราะว่าใบชามีความเป็นกรดสูง |
> | ทำให้โปรตีนในอาหารที่เรากินกระด้างขึ้นทำให้ย่อยยาก |
> | |
> | 4. อย่าขยายเข็มขัดหลังกินอิ่ม !! |
> | เพราะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ปกติ |
> | |
> | |
> | 5. อย่าอาบน้ำหลังกินข้าว !! |
> | เพราะการอาบน้ำ จะทำให้โลหิตไหลเวียนไปที่มือ และเท้าทั่วร่างกาย |
> | เป็นเหตุให้ปริมาณโลหิตไหลเวียนบริเวณท้องก็เพิ่มขึ้น |
> | ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ |
> | |
> | 6. อย่าเดินหลังอาหาร !! |
> | แม้คุณจะเคยได้ยินว่า |
> | กินข้าวแล้วให้เดินสัก 100 ก้าวจะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี !?! |
> | การเดินทันทีทำให้การย่อยเพื่อดูดซึมสารอาหารทำได้ไม่ดี |
> | ควรรออย่างน้อยสักชั่วโมงค่อยเดินถ้าต้องการ |
> | |
> | |
> | 7. อย่านอนทันที !! |
> | อาหารที่รับประทานเข้าไปไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ |
> | อาจทำให้เกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหาร |


Thank:[~ Zido Gang ~]

1042
เป็นเวลาหลายปีดีดัก ที่นิตยสารหลายเล่มได้ให้คำแนะนำไปมากมายหลายข้อ สำหรับสาวออฟฟิศที่อยากรูปร่างดีโดยไม่ต้องเข้ายิมให้เสียเวลา ทั้งการนั่งบนลูกบอลกลมๆ แทนเก้าอี้ หรือการยกขวดน้ำเปล่าโพลาริสขนาดลิตรแทนดัมเบล
ไอเดียต่างๆ เหล่านี้ใช่ว่าไม่เวิร์คเพียงแต่เรามีตัวอย่าง 10 อาชีพ ที่อเมริกาเขาสำรวจมาแล้วว่าสาวๆ สามารถทำงานประจำหรือเป็นจ๊อบเสริมได้โดยผลคือหุ่นดีขึ้นแถมรวยขึ้นอีกต่าง หาก

1. สาวงานศิลป์จะเป็นจิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมเพนท์ติ้งบนผืนผ้าใบแบบจิตรกร วาดภาพเหมือน ภาพแอ็บสแทร็ค หรืออะไรก็ตาม หากว่าพอมีฝีมือด้านนี้ก็ค่อยๆ ฝึกปรือไป เพราะลูกค้าบางคนอาจให้ราคางามชนิดที่วาดภาพเดียวเป็นกำไรชีวิต (ไปเป็นปี) เป็นความภาคภูมิใจได้อีกทาง
หุ่นดีที่ตรงไหน: ระหว่าง สร้างสรรค์งานคุณจะเคลื่อนไหวบอดี้โดยไม่รู้ตัว ทั้งหยิบแปรงพู่กันไปล้าง การยกวัสดุต่างๆ มาตั้งเป็นพร็อพส์เป็นแบบ ยิ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทาสี (ที่ไม่ใช่แรงงานก่อสร้าง) จุดสำคัญอยู่ที่การเคลื่อนไหวช่วงแขน ที่จะทำให้มีกล้ามแขนกระชับ ไม่หย่อนคล้อย แถมยังทำให้ช่วงไหล่แข็งแรงด้วย

2. สาวแลนด์สเคปในที่นี้ไม่อยากใช้คำว่าเป็นสาวทำสวน เพราะงานไม่ได้มีแค่ตัดแต่งสนามหญ้าหน้าบ้าน หรือตัดแต่งกิ่งไม้ให้อยู่ในสภาพสวยงามเสมอ กิจกรรมที่ว่านี้ยังต้องเกี่ยวข้องกับเพราพันธุ์ต้นไม้ให้ถูกวิธี รวมถึงการแสดงถึงงานศิลป์ในสวนด้วยการจัดวาง องค์ประกอบเก๋ๆ เลือกของแต่งสวนงามๆ มาใช้ด้วย
หุ่นดีที่ตรงไหน: เวลา กิจกรรมเกี่ยวข้องกับการทำสวน การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเหล่านี้ แน่นอนว่าจะต้องก้มๆ เงยๆ ยกของ ขนของ ไหนจะต้องทำงานเอาท์ดอร์ ทนแดด ทนฝน ฝึกความอดทนทั้งกายและใจแล้วอย่างนี้หุ่นเฟิร์มๆ จะไปไหนเสีย

3. พี่เลี้ยงเด็ก หมายถึง การรับดูแลเด็กทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะเด็กที่ยังละอ่อน อาจต้องช่วยทำความสะอาดร่างกายเด็ก การคอยช่วยดูแลเด็กในการทำกิจกรรมต่างๆ ตามแต่เพศหรือวัยของเด็กคนนั้นด้วย
หุ่นดีที่ตรงไหน: คง เคยได้ยินคุณแม่หลายคนพูดถึงเคล็ดลับที่ทำให้ผอมเร็วหลังคลอดว่า “เลี้ยงลูกเองค่ะ” นั้นเป็นเพราะเด็กทุกวัยล้วนมีความต้องการที่ทำให้คุณวิ่งวุ่นได้ตลอดเวลา ถ้าเบบี๋มากก็ต้องโยเยให้คุณทิ้งงานที่ทำมาเอาใจแทบทุกครั้งชั่วโมง หากโตขึ้นมาหน่อยก็จ้องคอยวิ่งตามระวัง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ เล่นเกม ไปจนถึงระวังภัยจากความซุกซน ฯลฯ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผอมยังไงไหว

4. ช่างภาพอิสระ การถ่ายภาพต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายมากเอาการ โดยเฉพาะงานถ่ายภาพวงการบันเทิงอย่างกองถ่ายทำภาพยนตร์ รวมถึงงานโปรดักชั่นโฆษณาทางทีวี ฯลฯ ทำงานวันละแค่ไม่กี่ชั่วโมงอาจทำให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากมายโดยไม่รู้ตัว (อีกแล้ว)
หุ่นดีที่ตรงไหน: งาน แบบนี้ทำเอาคุณแทบจะไม่ได้พัก ไหนจะเดินหาโลเคชั่น ขนอุปกรณ์ พร็อบส์ต่างๆ ไม่นับการเดินเหินตลอดการทำงานเพื่อนเช็คผลงานหน้าจอมอนิเตอร์/ คอมพิวเตอร์ เดินไปสื่อสารกับนางแบบหรือทีมงาน ฯลฯ บู๊สุดๆ แบบนี้จะเป็นพะโล้ได้อย่างไร

5. สาวนักปั่น ส่วนใหญ่พนักงานที่เมสเซนเจอร์หรือพนักงานรับส่งเอกสารในบ้านเรามักเป็น ผู้ชาย และใช้มอเตอร์ไซด์เป็นพาหนะ แต่ในเมืองใหญ่ที่ออฟฟิศอยู่กันเป็นบล็อคๆ แถมการจราจรติดขัดเสียเหลือเกิน การใช้จักรยาน ช่วยย่นระยะเวลาได้มาก และเป็นเหตุให้สาวๆ ก็ทำงานนี้ได้สบาย
หุ่นดีที่ตรงไหน: การ ถีบจักรยาน ท่ามกลางสภาพอากาศดีๆ แจ่มๆ จะช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวส่วนกล้ามเนื้อขานำมาซึ่งตำแหน่งเจ้าแม่น่อง ทองเจ้าของขาอ่อนชวนน้ำลายหก พ่วงไปกับตำแหน่งผู้หญิงที่มีอัตราการเต้นของหัวใจเพอร์เฟ็คท์ที่สุดคนหนึ่ง ไปครองแบบสบายๆ

6. สาวรักศึกษาอันนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้ไปเรียนเองแต่หมายถึงสาวๆ ที่มีหัวศิลป์รับทำรายงาน เย็บเล็บ เข้าปก ยิ่งในช่วงฤดูที่ นิสิตนักศึกษากำลังง่วนเชียงกันทำรายงานส่งอาจารย์ ว่ากันว่าอาชีพให้มีรายรับเป็นกอบเป็นกำถึงขั้นตั้งตัวได้เลยทีเดียว ถ้าเก๋หน่อยมิใช่เฉพาะแค่รายงาน แต่ยังรวมถึงรับจัดทำงานสิ่งพิมพ์ต่างๆ ทั้งนามบัตร การ์ดแต่งงาน บัตรอวยพรด้วย
หุ่นดีที่ตรงไหน: แค่ ออกแรงยกกระดาษเป็นตั้งสุดสัปดาห์ก็น่าจะเห็นผลทันตาบริเวณกล้ามหน้าท้อง กล้ามเนื้อแผ่นหลัง กล้ามแขน กล้ามขา แต่อย่าเพิ่งหน้ามืดไปก่อนแล้วกัน

7. สาวรักธรรมชาติอันนี้ขึ้นอยู่กับถิ่นฐานและความถนัดว่างานคุณเลือกทำเกษตรกรรมแบบไหน อย่างเช่นเกษตรกรแบบทั่วไป ก็จะต้องเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม และบางครั้งอาจต้องปลูกพืชผักเป็นฟาร์ม หรือถ้าทำฟาร์มโคนม ก็จะต้องรีดนมวัว ให้อาหารวัว พรวนดิน เก็บเกี่ยวพืชหรือผลิตผลจากการทำเกษตรกรรม ข้อนี้เหมาะมากถ้าใครอยู่ในต่างจังหวัด แต่ถ้าอยู่เมืองกรุงที่ผืนดินแพงพอๆ กับทองคำอาจใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำเกษตรฉบับจิ๋ว อาทิ เพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับน่ารักๆ หรือเพาะพันธุ์น้องหมาขายไปตามแต่พื้นที่จะอำนวย
หุ่นดีที่ตรงไหน: งาน นี้ต้องอาศัยความอึดเอาการอยู่ ใช้ทั้งกำลังขา แขน บางครั้งอาจต้องใช้เครื่องจักรกลเข้าทุ่นแรง เผลอๆ ทำๆไป คุณอาจเป็นสาวที่รู้เครื่องยนต์กลไก การใช้อุปกรณ์แมนๆ ทัดเทียมชายอกสามศอก ถือว่าเป็นงานที่ต้องออกกำลังกายทั้งตัวก็ว่าได้

อย่างไรก็ดี อย่าลืมที่บอกว่าอาชีพเหล่านี้เขามีการสำรวจจากเมืองนอกเมืองนา ฉะนั้นดูไว้เป็นไอเดีย แล้วปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์จะปลอดภัยได้ผลกว่านะสาวๆ

1043
อากีรา คูโรซาวะ (พ.ศ.2453- ) มีความสนใจการวาดรูปมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ตอนเรียนอยู่ประถมบังเอิญได้เรียนกับครูวาดเขียนที่ถูกใจ ทำให้เขารักการวาดเขียนยิ่งขึ้น ครูสอนวาดเขียนหลายคนที่เขาเคยเรียนด้วย มักจะเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับ แจกันหรือปิ่นโต วางของสิ่งนั้นลงบนโต๊ะ แล้วสั่งให้นักเรียนวาดให้เหมือนของจริง ใครวาดได้เหมือนที่สุดก็จะได้คะแนนเต็ม
มีครูสอนวาดเขียนคนหนึ่ง ไม่ใช้วิธีบังคับให้นักเรียนวาดรูปให้เหมือนจากหุ่น แต่บอกว่า “ใครอยากจะวาดอะไรก็ได้.....เลือกเอาที่ชอบที่สุดก็แล้วกัน” ซึ่งถูกใจ คูโรซาวะในวัยเด็กมาก เขาวาดอย่างสุดฝีมือ โดยใช้นิ้วมือทั้งห้านิ้ว จุ่มน้ำลายและสีแล้วละเลงเป็นภาพขึ้นมา และมีการให้ความเห็นว่า เป็นลายที่งดงามอย่างประหลาด
ภาพวาดงานศิลป์ของคูโรซาวะ และนักเรียนคนอื่นๆ เมื่อเสร็จแล้วครูก็เอามาโชว์ หน้าชั้นเรียนเพื่อการวิจารณ์ ข้อดีข้อเสีย ตามแบบอย่างของการเรียนการสอนศิลปะ เมื่อถึงคิวรูปของคูโรซาวะ ที่ใช้นิ้ว จุ้มสีละเลงนั้น นักเรียนทั้งห้องหัวเราะครืน แต่กลับได้รับการยกย่องจากครูศิลปะว่าเป็นภาพที่ดีที่สุด สไตล์ยอดเยี่ยมและมีความแหวกแนว และให้คะแนนเต็ม ทำให้เขาเกิดกำลังใจและมีความเชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มขึ้น และไม่เคยขาดเรียนชั่วโมงวาดเขียนของครูคนนี้เลย

คูโรซาวะ วาดรูปมาเรื่อยจนเข้าสู่วัยหนุ่ม โดยตั้งใจจะเขียนรูปเป็นอาชีพ และเป็นช่วงที่เขามีความคิดรุนแรง มีความไม่พอใจกับ สภาพสังคมที่ถูกมองว่าเน่าเฟะสำหรับเขา จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ สันนิบาตจิตรกรกรรมชีพซึ่งล้วนเป็นพวกนิยมซ้าย และได้ร่วมแสดงรูปเขียนในงานแสดงศิลปกรรมของกลุ่มจิตรกรฝ่ายซ้าย แต่ในไม่ช้าเขาก็มองเห็นว่าจิตรกรพวกนี้เหยาะแหยะไม่ซ้ายจริง เผลอเป็นหลบเข้าบาร์และ เต้นรำกัน ครึกครื้น ประกาศตัวเป็น “ซ้าย” โก้ๆไปงั้นเอง เขาจึงออกจากกลุ่มไป

หลายปีต่อมาด้วยความยากลำบากและความเป็นซ้ายของเขาก็ค่อยๆอ่อนกำลังลง มีประกาศรับสมัครผู้ช่วยผู้กำกับทางหนังสือพิมพ์ เขายื่นใบสมัครโดยเขียนประวัติว่าเคยเป็นช่างเขียนสนใจวรรณคดีและการละคร เขาผ่านการทดสอบจนถึงรอบสัมภาษณ์ซึ่งก็ไปทะเลาะกับกรรมการ แต่เขาก็ได้ตำแหน่งนั้น เพราะกรรมการเห็นว่าเขามีความจองหองของศิลปิน คนที่หัวอ่อนจะเป็นผู้กำกับไม่ได้ ผู้กำกับที่ดีต้องเห็นตัวเองว่าวิเศษ เป็นเทวดา คนอื่นบ้องตื้นทั้งนั้น

ผู้กำกับที่ดี ต้องไม่กลัวจะมีปัญหากับโปรดิวเซอร์ ดังนั้นการกล้าเถียงและทะเลาะกับกรรมการจึงเข้าสเป็ก เขาจึงได้เรียนงานสร้างภาพยนตร์กับผู้กำกับใหญ่ตั้งแต่การเขียนสคริปต์ จนถึงการสร้างอารมณ์ให้แก่คนดูโดยใช้แสงและดนตรีเข้าช่วย

ความที่เขาเป็นช่างเขียนมาก่อน เมื่อจะสร้างหนังแต่ละเรื่องเขาจะบรรจงเขียนภาพตามจินตนาการของเขาลงไว้หมด และมิใช่เขียนลวกๆแบบสเก็ตซ์ แต่เขียนลงสีกันเลยที่เดียว
ภาพยนตร์เรื่อง “ราโซมอน” ที่เขาสร้างมีความคิดริเริ่มด้วยการถ่ายภาพย้อนแสง เนื้อเรื่องได้พาคนดูผ่านแสงและเงาของป่าเข้าไปอีกโลกหนึ่ง ซึ่งหัวใจมนุษย์กำลังหลงทาง โดยเป็นภาพยนตร์ ขาว-ดำ ที่มีมุมกล้องยอดเยี่ยม

คูโรซาวะ ได้พูดถึงหัวใจของเรื่อง “ราโชมอน” ให้ผู้ช่วยผู้กำกับสามคนของเขาฟังว่า “มนุษย์เราเมื่อพูดถึงตนเองย่อมมีอัตตาที่จะต้องคุ้มครองเชิดชู จึงพูดถึงพฤติการณ์ ของตัวเองด้วยความซื่อตรงไม่เป็น ต้องเติมควารู้สึกเข้าข้างตัวเอง ให้ตัวเองวิเศษกว่าความเป็นจริงอยู่เสมอเป็นเรื่องอัตตาของมนุษย์...เราต้อง การให้คนดูได้รับทราบธรรมชาติวิสัยอันนี้ของมนุษย์ เพราะหัวใจมนุษย์มันยากที่จะเข้าใจ ศิลปินจึงต้องตีแผ่ออกมา...”
 โดย...เสวก จิรสุทธิสาร

1044
ขอฟองเยอะไว้ก่อน
ใครที่ชอบอาบน้ำชนิดที่ฟองสบู่ท่วมตัว มักเป็นคนที่มีเสน่ห์ ชอบการเอาใจจากคนรอบข้างเป็นพิเศษ และจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อคุณได้อยู่ในสถานที่หรูหรา ไฮโซ มีแต่คนมะรุมมะตุ้มรุมรักและเทคแคร์ นอกจากนี้แล้วยังเป็นคนช่างสังเกต รู้จักวางตัวในสังคมแถมยังเข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่าย ที่สำคัญคุณเป็นคนเรียบร้อยและสมบูรณ์แบบเอามากๆ ทีเดียว

อาบน้ำนิดเดียวก็หยิบสบู่มาถูซะแล้ว
เปิดฝักบัวตัวยังไม่เปียกก็หยิบสบู่มาถูเลย รู้มั้ยคะว่าคุณน่ะเป็นคนใจร้อน ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นอันรีบเร่ง แต่นั่นก็ต้องเป็นสิ่งที่ตัวคุณเองให้ความสนใจด้วย ถ้าไม่สนใจก็อย่าหวังเลย เอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ร่ำไป เป็นคนที่มักจะคิดการใหญ่ และไม่ค่อยให้ความสำคัญในรายละเอียดปลีกย่อยสักเท่าไรนัก แต่คุณก็เป็นคนที่มีจินตนาการสูง โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และให้อิสระกับตัวเอง

ชอบให้ตัวเปียก
ไม่ว่าจะอาบน้ำด้วยฝักบัว แช่ในอ่าง หรือตักน้ำอาบแบบถี่ยิบให้ตัวปียกชุ่มไว้ก่อน บ่งบอกว่าคุณมักซุกซ่อนความเครียดไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว เก็บความรู้สึกเก่ง และเป็นคนที่มีความลับเยอะมาก หากไม่ใช่คนที่สนิทสนมจริงๆ อย่าได้แม้แต่จะล้วงความลับของเขาเป็นอันขาด แต่ก็มีข้อเสียตรงที่เป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวอย่างรุนแรง

ขัดสีฉวีวรรณ
คุณเป็นคนพิถีพิถันในการอาบน้ำ บรรจงขัดแล้วขัดอีก นั่นแสดงว่าคุณเป็นคนมีจิตใจที่ละเอียดอ่อน มีจิตเมตตา อ่อนโยน ใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แถมยังมีความเป็นแม่คนอยู่เต็มตัว นอกจากนี้คุณยังรับฟังปัญหาหนักอกหนักใจของคนอื่นโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังมีความรักที่ล้นเหลือจิตใจ และมีมนุษยธรรมชนิดที่เปาบุ้นจิ้นยังอายเลยคะ

ถูสบู่ครั้งเดียว
คนที่อาบน้ำแบบนี้มักชอบความเรียบง่าย มีนิสัยตรงไปตรงมา จะรักหรือเกลียดมักแสดงออกมาอย่างชัดเจนโดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ถ้ารักใครก็จะรีบขอคำตอบโดยเร็ว หากรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีใจก็ตัดใจแบบติดปีกเลยล่ะ คุณเป็นคนชอบความว่องไวปราดเปรียวในการทำงาน และเข้าใจงานได้เร็ว ที่สำคัญยังเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตกับเขาเหมือนกัน

ชอบน้ำเย็น
ใครที่ชอบอาบน้ำเย็นๆ เป็นคนเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ หนักแน่นและมั่นคงมาก พูดจริงทำจริง นอกจากนี้เป็นคนที่ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ หากท้อแท้มักจะสร้างกำลังใจดีๆ ให้กับตัวเอง และไม่ทิ้งความตั้งใจไปง่ายๆ แต่ในอีกด้านหนึ่งคุณเป็นคนดื้อและหัวรั้น มักทำตามใจตัวเองอยู่บ่อยๆ โดยไม่สนใจคำแนะนำของผู้อื่น

ไม่ชอบอาบน้ำ
ส่วนใครที่มีนิสัยไม่ชอบอาบน้ำ นั่นแสดงว่าคุณเป็นคนรักสันโดษ ไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นคนไม่อ่อนแอแต่ก็ไม่เข้มแข็ง หากใครได้อยู่ใกล้ๆ จะรู้สึกสบายใจ แต่มักจะไม่น่ารักก็ตรงที่คุณขาดความรับผิดชอบ ก็ขนาดการอาบน้ำยังไม่ชอบอาบเลย จริงมั้ยคะ

1045
> ถ้าหากเราเกิดรถหาย/ถูกทุบในห้างสรพสินค้า....
> ต้องเข้าไปซื้อของในห้างและเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานว่าเราเป็นลูกค้ามาใช้บริการของห้างฯ
> ถ้ารถหายก่อน ก็วิ่งเข้าไปซื้อของซะ
> แล้วก็เก็บใบเสร็จไว้ซะ
> แนะนำว่าควรเป็นการซื้อในห้างโดยตรง
> ไม่ใช่ร้านค้าที่มาเช่าพื้นที่เพื่อความชัดเจน/แน่นอนของหลักฐาน
>
> ถ้าหากเราเกิดรถหาย/ถูกทุบในโรงแรม....เราต้องเช็คอินเข้าพักในโรงแรม
> ถึงจะถือได้ว่าเป็นลูกค้าของโรงแรมอย่างชัดเจน....แล้วก็เก็บหลักฐานใบเสร็จรับเงินการเข้าพัก
โรงแรมเอาไว้
>
> แล้วก็ฟ้องร้องผ่านสคบ.
> ไม่ว่าห้าง/โรงแรมจะให้บัตรจอดรถหรือไม่
> หรือเขียนไว้ว่าไม่รับผิดชอบ
> ทุกคดีที่มีหลักฐานชัดเจนอย่างข้างบนชนะหมดเลย
>
> เก็บเอาไว้เป็นเรื่องควรรู้ละกันนะคะ

1046
การแข่งขัน GIGABYTE Open Overclocking Championship 2009 หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า GOOC 2009 นั้น เป็นการแข่งขันโอเวอร์คล๊อกบนพื้นฐานของเมนบอร์ดในตระกูล Intel X58 Express Series ด้วยเมนบอร์ดจากทาง GIGABYTE โดยการแข่งขันนั้นจะมีการจัดขึ้นในประเทศไทยในระหว่างวันที่4–6เมษายน 2552 ชั้น 1 ศูนย์การค้าพันธ์ทิพย์พลาซ่า



สำหรับกิจกรรม GOOC 2009 ในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีกิจกรรมนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย หากแต่การแข่งขันในรูปแบบดังกล่าวนี้ได้เคยมีขึ้นมาแล้วบ่อยครั้งในต่างประเทศ สำหรับ GOOC 2009 ในประเทศไทยครั้งนี้ จะเป็นการแข่งขันในระดับ Asia-Pacific อันประกอบด้วยผู้เข้าแข่งขันจากประเทศต่างๆในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกกว่า 11 ประเทศด้วยกัน คือ อิหร่าน ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และประเทศไทยของเราด้วย สำหรับผู้เข้าแข่งขันในแต่ละประเทศที่จะมาเข้าร่วมแข่งขัน ณ กรุงเทพมหานครในระหว่างวันที่ 4 – 6 เมษายน 2552 นั้น ผู้เข้าแข่งขันในแต่ละท่านล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชนะที่มาจากการแข่งขันในประเทศของตนเอง สำหรับการแข่งขันคัดเลือกในประเทศไทยจะมีขึ้นในวันที่ 4 เมษายน 2552 บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าพันธ์ทิพย์พลาซ่าเพื่อค้นหาผู้ชนะหนึ่งทีมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกับผู้แข่งขันในชาติอื่นๆในวันที่ 5 เมษายน  2552 ณ บริเวณชั้น 1  ศูนย์การค้าพันธ์ทิพย์พลาซ่า เช่นเดียวกัน
 
ว่าด้วยเรื่องราวของคำว่า “ โอเวอร์คล๊อก ” สำหรับคำๆนี้หากกล่าวถึงในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบและมีความสนใจในเรื่องของการโอเวอร์คล๊อกแล้วนั้น เขาเหล่านั้นก็จะทราบและเข้าใจได้ทันทีว่ามีความหมายว่าอย่างไร หากแต่สำหรับกลุ่มบุคคลทั่วไปแล้วนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือการโอเวอร์คล๊อก ถ้าจะให้อธิบายกันคงต้องใช้เวลา แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เราอาจสรุปได้ง่ายๆแบบรวบรัดว่า การโอเวอร์คล๊อก คือ “การกระทำเพื่อการปรับแต่ง เพิ่มความสามารถให้กับคอมพิวเตอร์ของเรา ให้มีความเร็วสูงขึ้นจากค่ามาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น CPU, Memory หรือ VGA อันเป็นผลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น” ในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในกีฬาไปแล้วก็ว่าได้เพราะมีการจัดการแข่งขันกันอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับการแข่งขันการโอเวอร์คล๊อกในประเทศไทยในครั้งนี้นั้น เป็นการแข่งขันในระดับภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก และสำหรับผู้ชนะในการแข่งขันในครั้งนี้ก็จะได้เป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในระดับโลกที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปีนี้หรือในช่วงเวลาเดียวกันกับงานแสดงสินค้าทางคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วันที่ 2 – 6 มิถุนายน 2552 ณ ประเทศไต้หวันในงาน Computex 2009 โดยจะได้เข้าแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันในกลุ่มอื่นๆจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นจากยุโรป อเมริกา และโซนอื่นๆ



สำหรับรูปแบบการแข่งขันในประเทศไทยเรานั้น ทั้งการแข่งขันและกฎกติกาต่างๆก็จะอ้างอิงมาจากกฎกติกามาตรฐานที่ทั่วโลกนิยมใช้กัน หลักพื้นฐานของการแข่งขันนั้นก็จะมีอยู่ง่ายๆว่า ผู้ที่สามารถทำคะแนนจากการทดสอบต่างๆออกมาได้มากที่สุดจากโปรแกรมทดสอบมาตรฐานตามที่ได้กำหนดไว้ อาทิเช่น 3Dmark ในเวอร์ชั่นต่างๆ และในท้ายที่สุดแล้วผู้ที่มีคะแนนรวมมากที่สุดก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะ ส่วนในเรื่องของฮาร์ดแวร์นั้น จะเป็นการแข่งขันบนพื้นฐานของชิบเซตโมเดลรุ่นใหม่ล่าสุดจากอินเทลในรหัส X58 Express ที่จะมาพร้อมกับแพลทฟอร์ม Nehalem จากทางอินเทล และการแข่นขันนั้นจะเป็นการแข่งขันในรูปแบบ Extreme ซึ่งระบบระบายความร้อนที่ใช้นั้นจะเป็นในลักษณะของการใช้ LN2 ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสามารถรีดเค้นพลังในทุกๆส่วนให้ออกมาได้มากที่สุดนั่นเอง

1047
คัดลอกจาก www.bcoms.net
นายณธกฤต กาญจนมัณฑนา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวเกมเศรษฐีออนไลน์ (Richman Online) เกมออนไลน์ประเภท Casual ที่พัฒนาจากเกมกระดานเศรษฐี ด้วยวิธีเล่นที่เข้าใจได้ง่ายและสามารถเล่นพร้อมกันได้หลายคน จากแนวความคิดดังกล่าว บริษัทฯ ต้องการให้ผู้เล่นได้พัฒนาทักษะ ไหวพริบ การวางแผน การตัดสินใจ และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าภายในเกม ด้วยเนื้อหาและวิธีการเล่นที่ง่ายดายปราศจากความรุนแรง ทำให้เกมดังกล่าวเหมาะแก่ผู้เล่นทุกเพศทุกวัย
 
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บ.เอเชียซอฟท์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกมเศรษฐีออนไลน์ได้เปิดตัวในประเทศจีนและไต้หวัน ในปี 2550 พบว่าได้รับความนิยม ติดอันดับ 1 ใน 10 ของเกม Casual ออนไลน์ยอดนิยมในประเทศไต้หวัน ขณะที่ เกมเศรษฐีออนไลน์ในประเทศจีนก็ได้รับความนิยมสูง และได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีนว่าเป็นเกมที่เหมาะสำหรับเยาวชน ส่วนกลุ่มเป้าหมายของเกมเศรษฐีออนไลน์ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ คือ กลุ่มครอบครัว เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวระหว่างเล่นเกม

นายณธกฤต กล่าวอีกว่า เอเชียซอฟท์จะเปิดให้ทดสอบเกมดังกล่าว ในวันที่ 23 มี.ค. 2552 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มี.ค. นี้ เชื่อว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจส่งผลให้ผู้ให้บริการในตลาดเกม เปิดตัวเกมใหม่ๆ น้อยลงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยสำคัญ ถึงอย่างไร บริษัทฯ เชื่อมั่นในศักยภาพของกลุ่มผู้เล่นเดิม จากเกมต่างๆ ของบริษัทฯ อาทิ เกม Freestyle และออดิชั่น เพราะผู้เล่นเกมดังกล่าวสามารถใช้รหัสเดิมเพื่อเข้าเล่นเกมเศรษฐีออนไลน์ได้ทันที
 
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บ.เอเชียซอฟท์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้น บริษัทฯ คาดการณ์ถึงจำนวนผู้ลงทะเบียนเล่นเกมเศรษฐีออนไลน์ ในช่วงเวลาที่มีผู้เข้าเล่นเกมในเวลาเดียวกัน (CCU) เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน ส่วนเป้าหมายทางการตลาดนั้น บริษัทฯ คาดว่าเกมเศรษฐีออนไลน์จะมีผู้เล่นให้ความสนใจและลงทะเบียนเล่นเกมกว่า
 

ข่าวจาก :  ไทยรัฐ
วันที่ : 12 มีนาคม 2552 เวลา 09:51 น.

1048
มีเรื่องมาเตือนเพื่อน ๆ ที่โดยสารรถแท็กซี่ค่ะ
เดี๋ยวนี้มีการหลอกลวงผู้โดยสารในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งเราโดนมากับตัวเอง จึงอยากให้เพื่อน ๆ ระวัง

เรื่องมีอยู่ว่า

ประมาณ 3 เดือนก่อน เหตุเกิดที่ซอยรามคำแหง 124 เวลาประมาณบ่ายโมงกว่า


เราออกไปเรียกแท็กซี่หน้าบ้านเพื่อที่จะไปรับลูกที่โรงเรียน (เลิก 2 โมง)

เราเรียกแท็กซี่คันนึงแจ้ง สถานที่ ๆ จะไปตามปรกติ แล้วเราก็นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง

จู่ ๆ ก็มีเสียงของแท็กซี่พูดขึ้นมาว่า


(ขอเล่า เป็นบทสนทนานะคะ)
แท็กซี่ : ( พี่รู้ไหม....พี่จะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายของผม...)
เรา : ตกใจ และนึกในใจ (ตายล่ะ มันจะเอาเราไปทำฆาตกรรมหรือเปล่าเนี่ย)
แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ แล้วพูดออกไปว่า


(เอ่อ...คุณหมายความว่าไงเหรอค่ะที่จะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้าย)

แท๊กซี่ : ( หลังจากส่งพี่เสร็จ...ผมก็เอารถไปส่งเถ้าแก่เค้า...เถ้าแก่บอกว่าถ้าวันนี้ผมไม่ส่งเงิน
ประกันรถเค้าก็จะไม่ให้ผมขับอีก...แล้วผมไม่มีเงินให้เถ้าแก่เค้า ผมคงต้องเลิกอาชีพแท็กซี่ที่ขับมา
9 ปี)
เรา : (อ้าว คุณก็ลองรับผู้โดยสารไปเรื่อย ๆ ซิ เดี่ยวก็คงได้เงินไปจ่ายให้เถ้าแก่)

แท็กซี่ : (เถ้าแก่เค้าจะเอาเงินค่าประกันรถ 2700 แต่รายได้ต่อวันก็แค่ 700-800 หักค่าส่งรถ ก็
เหลือให้ลูกเมียไม่เกิน 200 บาท)

เรา : (งั้น คุณขอผัดผ่อนเถ้าแก่ไปอีกหน่อยสิ เผื่อจะมีทางเลือกอื่น หรือหยิบยืมคนรู้จักก่อน)


แท็กซี่ : ( เถ้าแก่ผมเค้าใจดีมากครับ จริง ๆ ค่าประกันรถทั้งหมด 4700... เถ้าแก่แกช่วยออกให้ 2000 ... ส่วนต่างผมต้องเป็นคนหามาเอง...แต่ผมก็ไม่มีเงินก้อนนั้นหรอก)


แท็กซี่ : (ก่อนรับพี่ขึ้นมา ผมแวะไปหาเพื่อนที่ฉะเชิงเทราเพื่อขอยืมเงินมัน

เพื่อนผมคนนี้คบกันมาตั้งแต่สมัยยังทำงานเป็นเด็กขับรถเข้าซองในโรงแรมม่านรูดด้วยกัน...รู้จักกันมา 10 ปี ..มันบอกว่าถ้าเดือดร้อนอะไรให้ไปหามันได้ทุกเมื่อ)


เรา : ( แล้วสรุปเพื่อนว่ายังไงล่ะ)

แท็กซี่ : ( พอผมไปถึงบ้านมัน มันทำท่ารังเกียจที่เห็นผมขับแท็กซี่ มันไล่ให้ผมออกไปจากบ้านเลยครับ
มันไม่อยากให้คนรอบบ้านรู้ว่ามีเพื่อนเป็นคนขับแท็กซี่)


แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

แท็กซี่คนนี้เริ่มร้องไห้ออกมา

เราซึ่งตอนนั้นรู้สึกงง ๆ ตั้งรับไม่ทัน ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอแท็กซี่ร้องให้ เลยไม่รู้ว่าจะต้องยังไงต่อไป

เรา : ( เอ่อ...ถ้างั้นคุณลองติดต่อพวกอิออน หรือควิกแคชเผื่อจะช่วยได้)

แท็กซี่ : (ผมขับแท็กซี่ไม่มีใบเงินเดือน เค้าคงไม่ให้ผมหรอก พี่รู้ไหม ผมโตขึ้นมาเนี่ยยังไม่รู้เลยว่าพ่อ แม่เป็นใคร พอผมจำความได้

ผมก็โตมากับโรงแรมที่ผมทำงานเป็นเด็กขับรถเข้าซอง คนที่นั่นเค้าช่วยกันเลี้ยงผม
หลังจากเจอแฟน ผมก็ออกมาขับรถแท็กซี่

ตอนนี้ผมมีลูกแฝดสองคน แฟนผมหลังคลอดลูกเค้าก็ไม่สบาย จนตอนนี้เดินไม่ได้แล้ว

ผมต้องไปรับยาที่โรงพยาบาลจุฬา ฯ ทุกเดือน)


เป็นจังหวะที่แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนลูกพอดี ปรกติเราจะจอดรถด้านหน้าโรงเรียน
แต่วันนั้นฝนตก หนักน้ำเลยท่วมด้านหน้า

เราเลยบอกให้แท็กซี่จอดเทียบประตูโรงเรียนด้านข้างแทน

แต่ แท็กซี่ก็แสนจะมีน้ำใจบอกว่า

แท็กซี่ : ( ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมขับลุยน้ำลงไปได้ เอาให้พี่รับน้องสะดวกดีกว่า)

เรา : นึกในใจ โห...มีน้ำใจเหมือนกันนะเนี่ย แล้วพูดออกไปว่า

( น้ำมันท่วมสูงเหมือนกันนะ เดี๋ยว รถคุณเกิด เสียขึ้นมาแล้วจะลำบาก)

แท็กซี่ : (ไม่เป็นไรหรอกพี่ ไหน ๆ ผมก็จะไม่ได้ขับรถแท็กซี่อีกแล้ว
ผมขอบริการผู้โดยสารละกัน)

เรา : เริ่มใจอ่อน

(เอ่อ....ถ้างั้นเดี๋ยวคุณรอรับกลับด้วยละกัน)

แท็กซี่ : (ได้ครับพี่ ตามสบายเลยนะครับ)
พอเรารับลูกออกมาจากโรงเรียนกำลังเดินมาจะถึงรถแท็กซี่ก็รีบกุลีกุจอเปิดประตูให้ขึ้น

แท็กซี่ : (พี่ไม่ต้องรีบนะ ค่อย ๆ ให้น้องเข้ามาเดี๋ยวหัวโขก)

เรา : เข้าไปในแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว และเริ่มคุยกับลูกเรา
ถามโน่น ถามนี่ ระหว่างสองคนแม่ลูก

จู่ ๆ ก็มีเสียงแทรกขึ้นมา

แท็กซี่ : (ลูกพี่โชดดีจัง ได้เรียนหนังสือ... ลูกผมยังอดมื้อกินมื้ออยู่เลย ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเรียน)


บรรยากาศเริ่มเป็นเหมือนเมื่อตะกี้ อีกแล้ว

แท็กซี่เริ่มพูดถึงเกี่ยวกับชีวิตตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือ

คราว นี้ไม่ได้ร้องออกมา แต่ก็น้ำตาปริ่ม ๆ จนเราคิดว่าจะให้เงินเพิ่มไปอีกหน่อยละกันตอนลง
ตอนนั้นค่ามิเตอร์อยู่ที่ประมาณ 70 บาท

คิดว่าถ้าถึงบ้านจะเข้าไปถามแฟนก่อนว่าควรจะให้เท่าไหร่ดี

พอแท็กซี่จอดหน้าบ้านปุบ เราบอกว่ารอแบบ นึงเข้าไปเอาตังค์ก่อน

แท็กซี่ตอบกลับมาว่า

ถ้าพี่ไม่มีตังค์ไม่ต้องจ่ายก็ได้ครับ ถือว่าผมให้บริการผู้โดยสารคนสุดท้ายของผม


โอ้ววว...ประโยคนี้มันแทงใจจัง


ต้องรีบไปคุยกะแฟนโดยด่วน

หลังจากหายเข้าบ้านไปปรึกษาแฟน
สุดท้ายคุณแฟนให้ข้อสรุปว่าเราจะให้เงินเค้าพิเศษเท่ากับจำนวนที่เค้าจะต้องไปจ่ายให้เถ้าแก่
เพื่อที่ว่าเค้าจะได้มีอาชีพเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวต่อ


เค้าให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าปรกติเราก็ไปบริจาคของให้มูลนิธิทุกเดือนอยู่แล้ว
ทีนี้มีคนเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือถึงที่มันก็เหมือนกับการที่เราไปบริ จาคของนั่นแหละ
น่าแปลกที่ตอนนั้นเราและแฟนไม่ได้คิดเรื่องหลอกลวงใด ๆ เลย


อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่เคยเจอ ใครมานั่งร้องไห้ให้ดู
โดยเฉพาะระหว่างแท็กซี่และผู้โดยสาร จริง ๆ

เราก็คิดว่ามันผิดปรกติ แต่กลับคิดไปในทางบวกว่าเค้าคงอัดอั้นกับชีวิตจริง ๆ (เฮ้อ...แอบโง่นะเนี่ย)

เรากลับออกไปยื่นเงินให้แท็กซี่

พอแท็กซี่เห็นจำนวนเงินที่เราให้ก็ทำตาโต
(แนวตกใจ)

ขอย้ำทำตาโตจริงๆ แล้วก็ละล่ำระลักพูดว่าขอบคุณครับพี่

เสียงยังคงสั่น ๆ เหมือนเดิม เราก็เลยพูดออก ไปว่า


(เงินก้อนนี้ ให้เอาไปให้เถ้าแก่จะได้มีอาชีพเลี้ยงลูกเมียต่อไป)

ตอนนั้นเราก็จุกอยู่ที่คอเหมือนกันตอนมองหน้าแท็กซี่

เห็นเค้าทำตาแดง ๆ จะร้องออกมา เราเลยตัดบทว่า

ไปเถอะ
.
...แล้วแท็กซี่ก็ขับออกไป

คุณเชื่อเรื่องกรรมติดจรวดไหมคะ

เมื่อวานนี้ 07.30 น. หน้าปากซอยรามคำแหง 124

เราออกมาเรียกแท็กซี่หน้าบ้านให้ไปส่งที่ทำงาน

รถติดตรงถนนรามคำแหง เห็นรถแท็กคันสีชมพูคาดขาวจอดเปิดไฟว่างอยู่คันนึง
ก็เลยเดินไปแล้วเปิดประตูเข้าไปอยู่ในรถ

คนขับพอ รู้ว่ามีผู้โดยสารขึ้นมา ก็รีบเปิดแอร์เร่งระบายกลิ่นบุหรี่ออกไป
เพราะเค้าเพิ่งจะสูบเสร็จ

เราบอกให้คนขับชิดขวาทันทีเพราะ ต้องกลับรถ ระหว่างที่คนขับตีรถออกขวานั้น
บทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น


แท็กซี่ : ( พี่รู้ไหม....พี่จะเป็นผู้โดยสารคนสุดท้ายของผม...)

เรา : อึ้ง ไปประมาณ 5 วิ

(ทำไมประโยคนี้มันเหมือนกับ....แต่ตอบออกไปว่า

(เหรอค่ะ..)

ตา เราเริ่มมองไปที่ กระจกหน้ารถที่เอาไว้มองข้างหลัง เห็นช่วงตาของคนที่พูด...

ใช่มันจริง ๆ ด้วย

ความรู้สึกเหมือนโดนทุบที่หัวเลย

แล้วเราก็รู้สึกว่าความโกรธมันพุ่งขึ้นมามาก ๆ ๆ

แท็กซี่ : ยังคงพล่ามต่อไป
และคงจะเริ่มสังเกตว่าผู้โดยสารไม่ได้ต่อบทสนทนากับมัน

มันเลยเหลือบตา มองกระจกหน้ารถมองมายังเรา

พอมันเห็นเราปุบ มันก็เริ่มเงียบ

เรา : (เดี๋ยวคุณจอดตรงสะพายลอยข้างหน้าเลย)
แท็กซี่ : (ครับ...)
บรรยากาศเริ่มมาคุ แล้วมันก็จอดตรงที่เราบอก

เรา : (คุณ อนันต์ คุณจำดิชั้นได้ไม๊!)
แท็กซี่ : ค่อย ๆ หันมา
ทำหน้าช็อค
แล้วพยักหน้าพร้อมพูดว่า ( ครับ...)

เรา : (ดี....ไว้เจอกันที่สถานีตำรวจ!)

แล้วมันก็รีบบึ่งรถออกไป

ความรู้สึกตอนนั้นเราโกรธมาก ๆ ๆ

พอถึงออฟฟิศเลยโทรไปกรมขนส่งทางบก แจ้งเรื่องให้ทราบ
ทางกรมฯ แนะนำให้โทรบอกจส. 100
กับร่วมด้วยช่วยกัน


อ่านเต็มๆๆได้ที่...http://webboard.kmutt.ac.th/viewtopic.php?t=2396&sid=f5537ebb38c1873017b7a29bc7681cb0

1050
เว็บไซต์ YouTube และ Digg.com ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแพร่มัลแวร์ - สมาชิกถูกอาชญากรทางอินเตอร์ขโมยหมายเลขสมาชิก แล้วได้ทำการแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงส่ง Link VDO ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเกี่ยวกับข่าวของดารานักร้องชื่อดัง - เมื่อผู้ใช้ได้พยายามที่จะดาวน์โหลดVDO จะถูกร้องขอให้ดาวน์โหลดโปรแกรม Codec โดยโปรแกรม codec จะคัดลอกไฟล์ VDO ไฟล์มัลแวร์

นี้เป็นการก่ออาชญากรทางอินเตอร์เนตโดยการใช้โทคโนโลยี Web 2.0 ในการแพร่กระจายมัลแวร์จากเว็บไซต์ YouTube และ Digg.com ซึ่งกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว เมื่อตรวจพบว่ามีการดาวน์โหลดข่าวหรือบริการ Link VDO ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของ โปรแกรมที่เป็นภัยคุกคามต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเริ่มจากมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวทั่วไป นอกจากนั้นมีการแจ้ง Link Download VDO ของเหล่าดารานักร้องชื่อดัง

เมื่อผู้ใช้ได้พยายามที่จะดาวน์โหลด VDO จาก link ดังกล่าว ซึ่งจะจะถูกร้องขอให้ดาวน์โหลดโปรแกรม Codec ก่อนที่จะรับชม VDO ดังกล่าว ถ้าผู้ใช้ตกลงได้ทำการดาวน์โหลดก็จะดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์เข้าสู่คอมพิวเตอร์ โดยแอดแวร์นี้จะปลอมตัวเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัส

Pages: 1 ... 68 69 [70] 71