Show Posts
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
2041
ข่าวบันเทิง / “เตอร์ – มัสท์” หวั่น “นอนกับใคร ฯ” โดนแบน...ยึด ‘ยูทูป’ ปล่อยของ
« on: June 23, 2010, 10:13:35 AM »
“เตอร์ – มัสท์” หวั่น “นอนกับใคร ฯ” โดนแบน...ยึด ‘ยูทูป’ ปล่อยของ “เหน่ง” ปลื้มแฟนชม MV.สวยเด้ง…เทียบชั้น ‘ฮอลลีวูด’
ตั้งแต่เลิกรากับนางแบบลูกครึ่ง โอซา แวง ก็ห่างหายไปจากวงการพักใหญ่ สำหรับ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล นึกว่าหลบไปเลียแผลใจ...! ที่ไหนได้แอบซุ่มฟิตหุ่นขึ้นปกนิตยสารดังแถมยังแจกเซอร์ไพร้สจับกลุ่มเพื่อนพ้องโปรดิวเซอร์ร่วมกันทำเพลงในนาม Nebula Group (เนบิวลา กรุ๊ป) นอกจาก ปีเตอร์ กับน้องชาย ไมเคิล คอร์ป ไดเรนดัล ยังมี เหน่ง - ไก่ - กอล์ฟ วง Ynot7, จั๊ก ชวิน, แพท บาร์ และ The Must (กฤชยศ เลิศประไพ) กลุ่มคนทำงานเพลงที่ยืนยันคอนเซ็ปท์การทำงานเน้นคุณภาพเกินร้อย
“หลายคนคงสงสัยและเข้าใจผิดว่า เนบิวลา กรุ๊ป เป็นค่ายเพลง หรือรวมกันเพื่อทำอัลบั้มพิเศษ จริงๆ แล้ว อยากให้มองเราเป็นกรุ๊ปคนทำงานดีกว่าครับ เป็นการรวมตัวของโปรดิวเซอร์ที่อยู่เบื้องหลังกันมานานและอยากทำเพลงให้ไปในทิศทางเดียวกัน คือเน้นที่คุณภาพของงานเป็นหลัก ซึ่งเราเป็นกลุ่มคนเล็กๆที่ทำงานกันเองทั้งหมดอย่างอิสระ ย้ำว่า...ไม่มีค่าย ไม่มีสังกัดครับ เรียกได้ว่าถ้าเปรียบเป็นการทำอาหาร ก็คือลงมือปรุงกันเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่แต่งเนื้อร้องทำนอง มิกซ์เสียง ถ่ายมิวสิควีดีโอ จนถึงขั้นตอนการเสิร์ฟสู่คนฟัง ในส่วนของเพลงจะมีผลงานของแต่ละคนทยอยออกมาหลายโปรเจ๊กต์ แต่เป็นในนามของ เนบิวลา กรุ๊ป เท่านั้นเอง เริ่มจาก เดอะ มัสท์ ตามด้วย Ynot7 , จั๊ก ชวิน และวงใหม่ที่มี ปีเตอร์ แพท และ กอล์ฟ รวมตัวกันตั้งเป็นวงใหม่ชื่อ ไอซ์ ฮิว ก็หวังว่าจะใช้ประสบการณ์ของแต่ละคนมาเติมเต็มให้งานออกมาอย่างดีที่สุด ซึ่งถ้าต่อไปมีคนสนใจจะร่วมงานกับเรา...ก็ยินดีครับ สำหรับศิลปินเปิดตัวเบอร์แรกของ เนบิวล่า กรุ๊ป ก็คือ The must กับเพลง “นอนกับใครก็ไม่รู้สึก” ที่มาของเพลงนี้ก็เอามาจากชีวิตของเตอร์ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ จริงๆ แล้ว ถ้าตั้งใจฟังดีๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่อบอุ่นมากครับ มาจากคนที่รักเดียวใจเดียว และไม่สามารถลืมคนรักเก่าได้ ซึ่ง เนบิวลา กรุ๊ป ตกลงใช้ชื่อนี้ตั้งแต่แรกเพราะมันโดน! แต่ก็กลัวเหมือนกันครับว่าจะแรงไปกับสื่อต่าง ๆ พวกเราจึงใช้สื่อ Social Network ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มคนฟังเพลงอย่างยูทูปเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโปรโมทงานเชื่อว่ายังมีแฟนเพลงอีกไม่น้อยที่รอฟังและดูผลงานของศิลปินต่างๆจากสื่อนี้อยู่ เราตัดสินใจใช้ความละเอียดที่สูงมาก คิดว่าน่าจะเป็นมิวสิควีดีโอเพลงแรกๆ ของไทยที่เป็นระบบ Full HD ขนาด 1,080 พี อยากให้ทุกคนได้เห็นภาพสวย ๆ คุณภาพดี ที่พวกเราตั้งใจทำ สามารถนำเอาไปใช้ต่อได้แบบไม่มีหวงครับ โดยได้ พี่เหน่ง Ynot7 มาเป็นผู้กำกับ พี่กอล์ฟ พี่ไก่ ดูแลในเรื่องของมุมกล้องและการถ่ายทำ ผม (มัสท์) เป็นนักแสดง เตอร์ เป็นสไตลิสที่เหลือก็เป็นผู้ช่วยในส่วนต่างๆ เพราะเราทำกันเองทุกอย่างตั้งแต่ขั้นการเลือกโลเคชั่น ซึ่งหลังจากปล่อยเอ็มวีไปตามสื่อต่างๆ ก็ได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ แม้จะใชงบน้อยแต่ได้รับคำชมเยอะมากครับ ส่วนใหญ่จะบอกว่าอาร์ทไดเร็กชั่นสวยเทียบเท่างานกำกับระดับฮอลลีวูดเลยที่เดียว ซ้ำยังได้ฉายาใหม่ว่า เหน่งกาไว อีก! ทำเอาพี่เหน่งของเรายิ้มไม่หุบเลยครับ ขอบคุณทุกเสียงตอบรับและขอฝากผลงาน เพลง “นอนกับใครก็ไม่รู้สึก” จาก The Mu5t # Hotel ผลงานเพลงแรก ของ Nebula Group (เนบิวลา กรุ๊ป) ติดตามชมและฟังได้จากสื่อรายการเพลงทั่วไปได้ครับ หรือเซิร์ทได้ที่ยูทูปครับ และถ้าชอบก็อย่าลืมบอกต่อด้วยนะครับ ”
เตอร์-มัสท์ และ เหน่ง กล่าวฝากผลงาน.เตอร์-มัสท์ และ เหน่ง กล่าวฝากผลงาน.
ตั้งแต่เลิกรากับนางแบบลูกครึ่ง โอซา แวง ก็ห่างหายไปจากวงการพักใหญ่ สำหรับ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล นึกว่าหลบไปเลียแผลใจ...! ที่ไหนได้แอบซุ่มฟิตหุ่นขึ้นปกนิตยสารดังแถมยังแจกเซอร์ไพร้สจับกลุ่มเพื่อนพ้องโปรดิวเซอร์ร่วมกันทำเพลงในนาม Nebula Group (เนบิวลา กรุ๊ป) นอกจาก ปีเตอร์ กับน้องชาย ไมเคิล คอร์ป ไดเรนดัล ยังมี เหน่ง - ไก่ - กอล์ฟ วง Ynot7, จั๊ก ชวิน, แพท บาร์ และ The Must (กฤชยศ เลิศประไพ) กลุ่มคนทำงานเพลงที่ยืนยันคอนเซ็ปท์การทำงานเน้นคุณภาพเกินร้อย
“หลายคนคงสงสัยและเข้าใจผิดว่า เนบิวลา กรุ๊ป เป็นค่ายเพลง หรือรวมกันเพื่อทำอัลบั้มพิเศษ จริงๆ แล้ว อยากให้มองเราเป็นกรุ๊ปคนทำงานดีกว่าครับ เป็นการรวมตัวของโปรดิวเซอร์ที่อยู่เบื้องหลังกันมานานและอยากทำเพลงให้ไปในทิศทางเดียวกัน คือเน้นที่คุณภาพของงานเป็นหลัก ซึ่งเราเป็นกลุ่มคนเล็กๆที่ทำงานกันเองทั้งหมดอย่างอิสระ ย้ำว่า...ไม่มีค่าย ไม่มีสังกัดครับ เรียกได้ว่าถ้าเปรียบเป็นการทำอาหาร ก็คือลงมือปรุงกันเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่แต่งเนื้อร้องทำนอง มิกซ์เสียง ถ่ายมิวสิควีดีโอ จนถึงขั้นตอนการเสิร์ฟสู่คนฟัง ในส่วนของเพลงจะมีผลงานของแต่ละคนทยอยออกมาหลายโปรเจ๊กต์ แต่เป็นในนามของ เนบิวลา กรุ๊ป เท่านั้นเอง เริ่มจาก เดอะ มัสท์ ตามด้วย Ynot7 , จั๊ก ชวิน และวงใหม่ที่มี ปีเตอร์ แพท และ กอล์ฟ รวมตัวกันตั้งเป็นวงใหม่ชื่อ ไอซ์ ฮิว ก็หวังว่าจะใช้ประสบการณ์ของแต่ละคนมาเติมเต็มให้งานออกมาอย่างดีที่สุด ซึ่งถ้าต่อไปมีคนสนใจจะร่วมงานกับเรา...ก็ยินดีครับ สำหรับศิลปินเปิดตัวเบอร์แรกของ เนบิวล่า กรุ๊ป ก็คือ The must กับเพลง “นอนกับใครก็ไม่รู้สึก” ที่มาของเพลงนี้ก็เอามาจากชีวิตของเตอร์ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ จริงๆ แล้ว ถ้าตั้งใจฟังดีๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่อบอุ่นมากครับ มาจากคนที่รักเดียวใจเดียว และไม่สามารถลืมคนรักเก่าได้ ซึ่ง เนบิวลา กรุ๊ป ตกลงใช้ชื่อนี้ตั้งแต่แรกเพราะมันโดน! แต่ก็กลัวเหมือนกันครับว่าจะแรงไปกับสื่อต่าง ๆ พวกเราจึงใช้สื่อ Social Network ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มคนฟังเพลงอย่างยูทูปเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโปรโมทงานเชื่อว่ายังมีแฟนเพลงอีกไม่น้อยที่รอฟังและดูผลงานของศิลปินต่างๆจากสื่อนี้อยู่ เราตัดสินใจใช้ความละเอียดที่สูงมาก คิดว่าน่าจะเป็นมิวสิควีดีโอเพลงแรกๆ ของไทยที่เป็นระบบ Full HD ขนาด 1,080 พี อยากให้ทุกคนได้เห็นภาพสวย ๆ คุณภาพดี ที่พวกเราตั้งใจทำ สามารถนำเอาไปใช้ต่อได้แบบไม่มีหวงครับ โดยได้ พี่เหน่ง Ynot7 มาเป็นผู้กำกับ พี่กอล์ฟ พี่ไก่ ดูแลในเรื่องของมุมกล้องและการถ่ายทำ ผม (มัสท์) เป็นนักแสดง เตอร์ เป็นสไตลิสที่เหลือก็เป็นผู้ช่วยในส่วนต่างๆ เพราะเราทำกันเองทุกอย่างตั้งแต่ขั้นการเลือกโลเคชั่น ซึ่งหลังจากปล่อยเอ็มวีไปตามสื่อต่างๆ ก็ได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ แม้จะใชงบน้อยแต่ได้รับคำชมเยอะมากครับ ส่วนใหญ่จะบอกว่าอาร์ทไดเร็กชั่นสวยเทียบเท่างานกำกับระดับฮอลลีวูดเลยที่เดียว ซ้ำยังได้ฉายาใหม่ว่า เหน่งกาไว อีก! ทำเอาพี่เหน่งของเรายิ้มไม่หุบเลยครับ ขอบคุณทุกเสียงตอบรับและขอฝากผลงาน เพลง “นอนกับใครก็ไม่รู้สึก” จาก The Mu5t # Hotel ผลงานเพลงแรก ของ Nebula Group (เนบิวลา กรุ๊ป) ติดตามชมและฟังได้จากสื่อรายการเพลงทั่วไปได้ครับ หรือเซิร์ทได้ที่ยูทูปครับ และถ้าชอบก็อย่าลืมบอกต่อด้วยนะครับ ”
เตอร์-มัสท์ และ เหน่ง กล่าวฝากผลงาน.เตอร์-มัสท์ และ เหน่ง กล่าวฝากผลงาน.
2042
กิจกรรม ช่อง 3 / “ค่ายแห่งสติ กับ ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” 19-20 มิถุนายน 2553
« on: June 23, 2010, 10:11:05 AM »
“ค่ายแห่งสติ กับ ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” 19-20 มิถุนายน 2553
เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความอิ่มอกอิ่มใจ สำหรับกิจกรรม “ค่ายแห่งสติ กับ ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 19-20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ของแอนิเมชั่น อารมณ์ดี มีธรรมะ “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” ที่ออกอากาศทุกหกโมงเย็นวันศุกร์ ที่ช่อง 3 อยู่ขณะนี้ งานนี้ ผู้จัด โฮมรันเอ็นเทอร์เทนเมนท์ ขอปิดเรือนไทย ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร บางเขน เพื่อนำรอยยิ้ม และธรรมะ ออกมาให้เด็กๆ ได้สัมผัสจริง
งานนี้มีน้องๆ อายุ 8-12 ปี เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างอบอุ่น ทั้งกิจกรรมด้านศิลปะ ประดิษฐ์กล่อง ทำขนม กิจกรรมด้านดนตรี ประดิษฐ์เครื่องดนตรีจากเศษวัสดุ และร่วมร้องเพลง “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” ในเวอร์ชั่น unplugged ด้วยกัน ตลอดจนกิจกรรมด้านสติ-สมาธิ โดยการฝึกโยคะ และที่สำคัญ ยังมีพระอาจารย์สมพงษ์ จากธรรมะดิลิเวอรี่ มาเทศน์เรื่องหน้าที่เด็ก และสอนนั่งสมาธิแก่น้องๆ อีกด้วย ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อปลูกฝังแนวคิดสำคัญ 3 ข้อ ให้กับน้องๆ ได้แก่ “พอเพียง” “แบ่งปัน” และ “ปัญญา” ซึ่งมีความหมายสอดคล้องกับชื่อของตัวละครหลัก “พระพอเพียง” “เณรปัน” และ “เณรธีร์” ในแอนิเมชั่น “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” เป๊ะเลย
แถมซึ้งด้วยบรรยากาศปิดงาน ที่น้องๆ รู้จักที่จะบอกขอบคุณ ขอโทษ และให้อภัย เห็นน้องๆ ได้เรียนรู้ และน่ารักขนาดนี้ พี่ๆ ก็ชื่นใจไม่แพ้กัน และรับรองว่า จะมีกิจกรรมดีๆ อย่างนี้อีกแน่นอน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ท้ายรายการ “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” ออกอากาศทุกเย็นวันศุกร์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 3
เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความอิ่มอกอิ่มใจ สำหรับกิจกรรม “ค่ายแห่งสติ กับ ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 19-20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ของแอนิเมชั่น อารมณ์ดี มีธรรมะ “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” ที่ออกอากาศทุกหกโมงเย็นวันศุกร์ ที่ช่อง 3 อยู่ขณะนี้ งานนี้ ผู้จัด โฮมรันเอ็นเทอร์เทนเมนท์ ขอปิดเรือนไทย ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร บางเขน เพื่อนำรอยยิ้ม และธรรมะ ออกมาให้เด็กๆ ได้สัมผัสจริง
งานนี้มีน้องๆ อายุ 8-12 ปี เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างอบอุ่น ทั้งกิจกรรมด้านศิลปะ ประดิษฐ์กล่อง ทำขนม กิจกรรมด้านดนตรี ประดิษฐ์เครื่องดนตรีจากเศษวัสดุ และร่วมร้องเพลง “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” ในเวอร์ชั่น unplugged ด้วยกัน ตลอดจนกิจกรรมด้านสติ-สมาธิ โดยการฝึกโยคะ และที่สำคัญ ยังมีพระอาจารย์สมพงษ์ จากธรรมะดิลิเวอรี่ มาเทศน์เรื่องหน้าที่เด็ก และสอนนั่งสมาธิแก่น้องๆ อีกด้วย ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อปลูกฝังแนวคิดสำคัญ 3 ข้อ ให้กับน้องๆ ได้แก่ “พอเพียง” “แบ่งปัน” และ “ปัญญา” ซึ่งมีความหมายสอดคล้องกับชื่อของตัวละครหลัก “พระพอเพียง” “เณรปัน” และ “เณรธีร์” ในแอนิเมชั่น “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” เป๊ะเลย
แถมซึ้งด้วยบรรยากาศปิดงาน ที่น้องๆ รู้จักที่จะบอกขอบคุณ ขอโทษ และให้อภัย เห็นน้องๆ ได้เรียนรู้ และน่ารักขนาดนี้ พี่ๆ ก็ชื่นใจไม่แพ้กัน และรับรองว่า จะมีกิจกรรมดีๆ อย่างนี้อีกแน่นอน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ท้ายรายการ “ชุมชนนิมนต์ยิ้ม” ออกอากาศทุกเย็นวันศุกร์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 3
2043
news & activity / ไซแมนเทคเผยข้อมูลรายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตฉบับที่ 15
« on: June 22, 2010, 02:58:34 PM »
ไซแมนเทคเผยข้อมูลรายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตฉบับที่ 15 เน้นให้เห็นถึงแนวโน้มหลักของอาชญากรรมไซเบอร์
ไซแมนเทค แจง ปีที่ผ่านมา ป้องกันการโจมตีเฉลี่ยสูงถึง 100 ครั้งต่อ 1 วินาที
(เรียงจากซ้ายไปขวา : คุณนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส และ คุณประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่าย ประจำประเทศไทย บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด)
ไซแมนเทค คอร์ปอเรชัน (Nasdaq: SYMC) เปิดเผยข้อมูลรายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตฉบับที่ 15 ซึ่งเน้นให้เห็นถึงแนวโน้มหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม 2552 โดยในระหว่างปีพบว่ามีการโจมตีเด่นๆ บนอินเทอร์เน็ตอยู่ 2 ครั้งด้วยกัน คือหนอนไวรัส Conficker ในช่วงเดือนแรกๆ ของปีและโทรจัน Hydraq ช่วงปลายปี รายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตฉบับนี้เผยให้เห็นว่าการโจมตีของอาชญากรรมไซเบอร์ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของจำนวนและความซับซ้อนของวิธีการโจมตี
คุณประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่ายประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ผู้โจมตีค่อยๆ พัฒนาการโจมตีโดยเริ่มจากการหลอกลวงด้วยวิธีง่ายๆ ไปจนถึงการวางแผนโจมตีในรูปแบบที่ซับซ้อนในลักษณะการจารกรรมโดยมุ่งเป้าโจมตีที่องค์กรขนาดใหญ่ระดับโลกและหน่วยงานภาครัฐบาลที่สำคัญบางแห่ง ด้วยอัตราส่วนการโจมตีเหล่านี้รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการโจมตีเหล่านี้สามารถมีต้นกำเนิดจากที่ไหนก็ได้ในโลก ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติที่จริงจัง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนระดับโลกในการเข้ามาดูแล”
คุณนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส ของไซแมนเทค ให้ข้อมูลเสริมว่า “แนวโน้มของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นคือ ความรุนแรงของโค้ดอันตราย ไซแมนเทคระบุว่ามีโปรแกรมประสงค์ร้ายใหม่ๆ ที่แตกต่างกันอยู่ถึงกว่า 240 ล้านโปรแกรม เพิ่มขึ้นสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์จากปี 2551 ส่วนที่พบเห็นมากที่สุด คือ ไวรัส Sality.AE, โทรจัน Brisv และหนอนอินเทอร์เน็ตชื่อ SillyFDC Downadup หรือ Conficker ยังคงแพร่กระจายต่อไป คาดการณ์ว่ามี Downadup ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วโลกมากถึง 6.5 เครื่องเมื่อปลายปี 2552 รวมถึงการขโมยข้อมูลแสดงตัวตนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 60 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์การโจรกรรมข้อมูลที่ใช้แสดงตัวตน เป็นผลมาจากการโดนเจาะระบบ ในปี 2552 ไซแมนเทคพบว่าอีเมลขยะมีจำนวนสูงถึง 88 เปอร์เซ็นต์ของอีเมลทั้งหมด ซึ่งเคยมีปริมาณสูงสุดถึง 90.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม 2552 และต่ำสุดที่ 73.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เฉลี่ยแล้วมีการส่งข้อความของอีเมลขยะทั่วโลกวันละ 107 พันล้านฉบับและ 85 เปอร์เซ็นต์เป็นการสร้างจากบ็อทเน็ต”
ข้อมูลเพิ่มเติม
• รายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตครั้งที่ 15
• Slide Share ภาพรวมภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
• Symantec Security Response Blog
• Industry Resources at Delicous.com
• รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยภายในองค์กร 2553
• SlideShare รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยภายในองค์กรปี 2553
ไซแมนเทค แจง ปีที่ผ่านมา ป้องกันการโจมตีเฉลี่ยสูงถึง 100 ครั้งต่อ 1 วินาที
(เรียงจากซ้ายไปขวา : คุณนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส และ คุณประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่าย ประจำประเทศไทย บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น จำกัด)
ไซแมนเทค คอร์ปอเรชัน (Nasdaq: SYMC) เปิดเผยข้อมูลรายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตฉบับที่ 15 ซึ่งเน้นให้เห็นถึงแนวโน้มหลักของอาชญากรรมไซเบอร์ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม 2552 โดยในระหว่างปีพบว่ามีการโจมตีเด่นๆ บนอินเทอร์เน็ตอยู่ 2 ครั้งด้วยกัน คือหนอนไวรัส Conficker ในช่วงเดือนแรกๆ ของปีและโทรจัน Hydraq ช่วงปลายปี รายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตฉบับนี้เผยให้เห็นว่าการโจมตีของอาชญากรรมไซเบอร์ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของจำนวนและความซับซ้อนของวิธีการโจมตี
คุณประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่ายประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ผู้โจมตีค่อยๆ พัฒนาการโจมตีโดยเริ่มจากการหลอกลวงด้วยวิธีง่ายๆ ไปจนถึงการวางแผนโจมตีในรูปแบบที่ซับซ้อนในลักษณะการจารกรรมโดยมุ่งเป้าโจมตีที่องค์กรขนาดใหญ่ระดับโลกและหน่วยงานภาครัฐบาลที่สำคัญบางแห่ง ด้วยอัตราส่วนการโจมตีเหล่านี้รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการโจมตีเหล่านี้สามารถมีต้นกำเนิดจากที่ไหนก็ได้ในโลก ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติที่จริงจัง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนระดับโลกในการเข้ามาดูแล”
คุณนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส ของไซแมนเทค ให้ข้อมูลเสริมว่า “แนวโน้มของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นคือ ความรุนแรงของโค้ดอันตราย ไซแมนเทคระบุว่ามีโปรแกรมประสงค์ร้ายใหม่ๆ ที่แตกต่างกันอยู่ถึงกว่า 240 ล้านโปรแกรม เพิ่มขึ้นสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์จากปี 2551 ส่วนที่พบเห็นมากที่สุด คือ ไวรัส Sality.AE, โทรจัน Brisv และหนอนอินเทอร์เน็ตชื่อ SillyFDC Downadup หรือ Conficker ยังคงแพร่กระจายต่อไป คาดการณ์ว่ามี Downadup ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วโลกมากถึง 6.5 เครื่องเมื่อปลายปี 2552 รวมถึงการขโมยข้อมูลแสดงตัวตนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 60 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์การโจรกรรมข้อมูลที่ใช้แสดงตัวตน เป็นผลมาจากการโดนเจาะระบบ ในปี 2552 ไซแมนเทคพบว่าอีเมลขยะมีจำนวนสูงถึง 88 เปอร์เซ็นต์ของอีเมลทั้งหมด ซึ่งเคยมีปริมาณสูงสุดถึง 90.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤษภาคม 2552 และต่ำสุดที่ 73.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เฉลี่ยแล้วมีการส่งข้อความของอีเมลขยะทั่วโลกวันละ 107 พันล้านฉบับและ 85 เปอร์เซ็นต์เป็นการสร้างจากบ็อทเน็ต”
ข้อมูลเพิ่มเติม
• รายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตครั้งที่ 15
• Slide Share ภาพรวมภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
• Symantec Security Response Blog
• Industry Resources at Delicous.com
• รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยภายในองค์กร 2553
• SlideShare รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยภายในองค์กรปี 2553
2044
news & activity / ไวไว ทุ่ม 40 ล้านบาท ผนึกไปรษณีย์ไทย ช่วยเกษตรกรไทยรุกตลาด CSR
« on: June 22, 2010, 02:56:19 PM »
ไวไว ทุ่ม 40 ล้านบาท ผนึกไปรษณีย์ไทย ช่วยเกษตรกรไทยรุกตลาด CSR จัดโครงการ “10 มุมซองไวไว...แลกข้าวฟรี”
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” ผนึกไปรษณีย์ไทย ทุ่ม 40 ล้านบาท จัดกิจกรรม CSR ช่วยเกษตรกรไทย กับโครงการ “10 มุมซองไวไว...แลกข้าวฟรี” หวังสร้างความแข่งแกร่งให้กับ Brand พร้อมตอกย้ำความเหนียวนุ่ม…ไม่อืด และขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ “ไวไว” มาโดยตลอด โดยจะเริ่มโครงการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2553 เพียงนำมุมซองไวไว 10 มุมซอง มาแลกข้าวฟรีได้ที่ไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ
นางสาวเบญญาภา ปริญณรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเส้นหมี่อบแห้ง ภายใต้เครื่องหมายการค้า "ไวไว" เปิดเผยว่า เนื่องด้วย บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “ไวไว” มีแนวคิดในการคืนกำไรให้กับผู้บริโภค ในปี 2553 ได้จัดโครงการ “10 มุมซองไวไว...แลกข้าว” ซึ่งข้าวที่ใช้ในโครงการ คือข้าวหอมมะลิ 100% ที่ผลิตจากโรงสีข้าวตัวอย่าง ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และทางบริษัทฯ ได้มอบเครื่องบรรจุข้าวจำนวน 2 เครื่อง ให้แก่ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
ในการจัดโครงการดังกล่าว บริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท ในการกระจายสื่ออย่างทั่วถึงผู้บริโภค ซึ่งโครงการดังกล่าว มีวิธีการคือ ตัดมุมซอง 10 มุมชองของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไว ไว ทุกรสชาติ (ยกเว้น รสเจ,รสต้มยำเจ) นำมาแลกข้าวหอมมะลิ จำนวน 1ซอง น้ำหนัก 150 กรัม
นางสาวเบญญาภา กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นช่องทางในการรับแลกข้าวที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ โดยไปรษณีย์ไทยมีจุดในการแลกข้าวกว่า 1,200 สาขา และผู้บริโภคสามารถแลกได้ตามหน่วยรถของบริษัทฯ ร้านค้าที่ร่วมโครงการทั่วประเทศ พร้อมกันนี้โครงการดังกล่าว ยังส่งเสริมและช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีอาชีพ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย กิจกรรม CSR ในครั้งนี้ บริษัทฯ คาดหวังว่าจะเป็นส่วนหนี่งในการสร้างความแข่งแกร่งให้กับแบรนด์ และยังเป็นการปรับภาพลักษณ์โดยเปลี่ยนมุมมองใหม่ให้กับไวไว จากการแจกทองเป็นการแจกข้าว เพราะจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ทำหนังโฆษณา ซึ่งในหนังยังมีการพูดถึงการกินบะหมี่กึ่งสำเร็นรูป “ไวไว” ไปด้วย แล้วยังมีโอกาสได้ช่วยเหลือเกษตรกรของไทยอีกด้วย เพราะ 10 มุมซองของไวไว สามารถนำมาแลกข้าวหอมมะลิ 100 % ของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ยิ่งกินไวไวมาก ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังได้ 2 ดีเจคู่หูชื่อดัง ดีเจป๋อง-กมล ทองพลับ และดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย
ทางด้าน นางสาวศรีประภา ยิ้มสมิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกษตรกรไทย โดยใช้ศักยภาพของบริการไปรษณีย์ครบวงจร หรือ Total Mail Solution พร้อมด้วยเครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ มาบริหารจัดการทั้งในด้านการขนส่งและเป็นจุดรับแลกข้าวหอมมะลิให้แก่ลูกค้าของไวไว และที่สำคัญในโครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งเป็นโรงสีข้าวตัวอย่าง และยังเป็นแหล่งรับซื้อข้าวเปลือกมาจากเกษตรกรไทยในราคาที่สมเหตุ สมผลกว่าการขายให้โรงสีข้าวทั่วไป ทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้มากขึ้นอีกด้วย
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” ผนึกไปรษณีย์ไทย ทุ่ม 40 ล้านบาท จัดกิจกรรม CSR ช่วยเกษตรกรไทย กับโครงการ “10 มุมซองไวไว...แลกข้าวฟรี” หวังสร้างความแข่งแกร่งให้กับ Brand พร้อมตอกย้ำความเหนียวนุ่ม…ไม่อืด และขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ “ไวไว” มาโดยตลอด โดยจะเริ่มโครงการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2553 เพียงนำมุมซองไวไว 10 มุมซอง มาแลกข้าวฟรีได้ที่ไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศ
นางสาวเบญญาภา ปริญณรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเส้นหมี่อบแห้ง ภายใต้เครื่องหมายการค้า "ไวไว" เปิดเผยว่า เนื่องด้วย บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “ไวไว” มีแนวคิดในการคืนกำไรให้กับผู้บริโภค ในปี 2553 ได้จัดโครงการ “10 มุมซองไวไว...แลกข้าว” ซึ่งข้าวที่ใช้ในโครงการ คือข้าวหอมมะลิ 100% ที่ผลิตจากโรงสีข้าวตัวอย่าง ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และทางบริษัทฯ ได้มอบเครื่องบรรจุข้าวจำนวน 2 เครื่อง ให้แก่ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป
ในการจัดโครงการดังกล่าว บริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท ในการกระจายสื่ออย่างทั่วถึงผู้บริโภค ซึ่งโครงการดังกล่าว มีวิธีการคือ ตัดมุมซอง 10 มุมชองของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไว ไว ทุกรสชาติ (ยกเว้น รสเจ,รสต้มยำเจ) นำมาแลกข้าวหอมมะลิ จำนวน 1ซอง น้ำหนัก 150 กรัม
นางสาวเบญญาภา กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นช่องทางในการรับแลกข้าวที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ โดยไปรษณีย์ไทยมีจุดในการแลกข้าวกว่า 1,200 สาขา และผู้บริโภคสามารถแลกได้ตามหน่วยรถของบริษัทฯ ร้านค้าที่ร่วมโครงการทั่วประเทศ พร้อมกันนี้โครงการดังกล่าว ยังส่งเสริมและช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีอาชีพ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย กิจกรรม CSR ในครั้งนี้ บริษัทฯ คาดหวังว่าจะเป็นส่วนหนี่งในการสร้างความแข่งแกร่งให้กับแบรนด์ และยังเป็นการปรับภาพลักษณ์โดยเปลี่ยนมุมมองใหม่ให้กับไวไว จากการแจกทองเป็นการแจกข้าว เพราะจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ทำหนังโฆษณา ซึ่งในหนังยังมีการพูดถึงการกินบะหมี่กึ่งสำเร็นรูป “ไวไว” ไปด้วย แล้วยังมีโอกาสได้ช่วยเหลือเกษตรกรของไทยอีกด้วย เพราะ 10 มุมซองของไวไว สามารถนำมาแลกข้าวหอมมะลิ 100 % ของโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ยิ่งกินไวไวมาก ก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยให้มีรายได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังได้ 2 ดีเจคู่หูชื่อดัง ดีเจป๋อง-กมล ทองพลับ และดีเจต้นหอม-ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย
ทางด้าน นางสาวศรีประภา ยิ้มสมิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกษตรกรไทย โดยใช้ศักยภาพของบริการไปรษณีย์ครบวงจร หรือ Total Mail Solution พร้อมด้วยเครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ มาบริหารจัดการทั้งในด้านการขนส่งและเป็นจุดรับแลกข้าวหอมมะลิให้แก่ลูกค้าของไวไว และที่สำคัญในโครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งเป็นโรงสีข้าวตัวอย่าง และยังเป็นแหล่งรับซื้อข้าวเปลือกมาจากเกษตรกรไทยในราคาที่สมเหตุ สมผลกว่าการขายให้โรงสีข้าวทั่วไป ทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้มากขึ้นอีกด้วย
2045
news & activity / โนโวเทลสุวรรณภูมิร่วมเปิดฐานลูกเรือใหม่สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค
« on: June 22, 2010, 02:55:29 PM »
โนโวเทลสุวรรณภูมิร่วมเปิดฐานลูกเรือใหม่สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค
มร. ทรีสตอง โบ เดอ โรมินี (4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย มิส. ธัญญ่า คลิเมนยีวา (3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด นำกระเช้าดอกไม้มอบแสดงความยินดีแก่ มร. ชาลี สจ๊วต (4 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการบนเครื่องบิน สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ในโอกาสเปิดฐานลูกเรือใหม่ประจำประเทศไทย ณ อาคารผู้โดยสาร สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อเร็วๆ นี้
มร. ทรีสตอง โบ เดอ โรมินี (4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย มิส. ธัญญ่า คลิเมนยีวา (3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด นำกระเช้าดอกไม้มอบแสดงความยินดีแก่ มร. ชาลี สจ๊วต (4 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการบนเครื่องบิน สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ในโอกาสเปิดฐานลูกเรือใหม่ประจำประเทศไทย ณ อาคารผู้โดยสาร สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อเร็วๆ นี้
2046
กิจกรรม ช่อง 3 / หลุยส์ – มาร์กี้ เปิดรสหวานนอกจอในงาน"งาน ๑๐๐ ขนมไทย” เปิดตำรับร้อยความอร่อย
« on: June 22, 2010, 02:51:57 PM »
หลุยส์ – มาร์กี้ เปิดรสหวานนอกจอในงาน"งาน ๑๐๐ ขนมไทย” เปิดตำรับร้อยความอร่อย
หลุยส์ สก๊อต และ มาร์กี้ มาศรี บาเลนซิเอก้า คู่ขวัญจากละครฮิต "หวานใจกับนายจอมหยิ่ง" ร่วมกันสาธิตการทำขนมไทยในงาน " ๑๐๐ ขนมไทย" เปิดตำรับร้อยความอร่อย ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ โดยแฟนๆ ให้การต้อนรับกันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ภายในงานยังรวบรวมขนมไทยหายากชื่อดังกว่า 100 ร้านค้า พร้อมร้อยเรื่องราวเปิดตำนาน ขนม 9 มงคล และขนมเสริมมงคล 12 ราศี ในบรรยากาศแบบไทยๆ ผสมผสานกลิ่นไอตะวันตก ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 มิถุนายน 53 ณ ลานเซ็นเตอร์คอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
หลุยส์ สก๊อต และ มาร์กี้ มาศรี บาเลนซิเอก้า คู่ขวัญจากละครฮิต "หวานใจกับนายจอมหยิ่ง" ร่วมกันสาธิตการทำขนมไทยในงาน " ๑๐๐ ขนมไทย" เปิดตำรับร้อยความอร่อย ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ โดยแฟนๆ ให้การต้อนรับกันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ภายในงานยังรวบรวมขนมไทยหายากชื่อดังกว่า 100 ร้านค้า พร้อมร้อยเรื่องราวเปิดตำนาน ขนม 9 มงคล และขนมเสริมมงคล 12 ราศี ในบรรยากาศแบบไทยๆ ผสมผสานกลิ่นไอตะวันตก ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 มิถุนายน 53 ณ ลานเซ็นเตอร์คอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
2047
news & activity / ข่าวสื่อมวลชนสายตลาดหลักทรัพย์เยี่ยมชมโรงงานของ บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม(TMI)
« on: June 22, 2010, 02:49:01 PM »
ข่าวสื่อมวลชนสายตลาดหลักทรัพย์เยี่ยมชมโรงงานของ บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม(TMI)
เยี่ยมชมโรงงาน- นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธีระมงคลอุตสาหกรรม(TMI) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับสื่อมวลชนสายตลาดหลักทรัพย์ฯ ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมการผลิตที่โรงงาน จ.สมุทรสาคร และร่วมงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน ณ เทวัญดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ประจวบคีรีขันธ์
เยี่ยมชมโรงงาน- นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธีระมงคลอุตสาหกรรม(TMI) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับสื่อมวลชนสายตลาดหลักทรัพย์ฯ ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมการผลิตที่โรงงาน จ.สมุทรสาคร และร่วมงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน ณ เทวัญดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ประจวบคีรีขันธ์
2048
news & activity / KTAMเปิดขายกองกิมจิ11เดือนชู2%ต่อปี
« on: June 22, 2010, 02:44:50 PM »
KTAMเปิดขายกองกิมจิ11เดือนชู2%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน ฟิกซ์อินคัม 11 เดือน2 ( KTF11M2 ) ระหว่างวันที่ 23-29 มิถุนายน 2553 อายุโครงการ 11 เดือน มูลค่า 1,500 ล้านบาท กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก แต่ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 100% เครดิตเรตติ้งที่ AA โดยฟิทซ์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.00% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดเสนอขายรอบใหม่ สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน3 ( KTSIV6M3 ) ในวันที่ 21-25 มิถุนายน 2553 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 13% หุ้นกู้ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี 24% ตั๋วแลกเงินบมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ 20% เงินฝาก/ บัตรเงินฝาก /ตั๋วแลกเงินของ ธนาคารสินเอเชีย 19% และธนาคารทิสโก้ 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.10% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนผู้ลงทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
สำหรับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตลาดเริ่มมองถึงความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน อาจมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในไตรมาส3 ประกอบกับพันธบัตรของเกาหลีใต้ไม่ได้ถูกรวมเข้าในการคำนวณดัชนี World Government Bond Index ( WGBI ) จึงทำให้มีแรงเทขายออกจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนื้ ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวน ซึ่งผู้ลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน ฟิกซ์อินคัม 11 เดือน2 ( KTF11M2 ) ระหว่างวันที่ 23-29 มิถุนายน 2553 อายุโครงการ 11 เดือน มูลค่า 1,500 ล้านบาท กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก แต่ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 100% เครดิตเรตติ้งที่ AA โดยฟิทซ์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 2.00% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดเสนอขายรอบใหม่ สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน3 ( KTSIV6M3 ) ในวันที่ 21-25 มิถุนายน 2553 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 13% หุ้นกู้ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี 24% ตั๋วแลกเงินบมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ 20% เงินฝาก/ บัตรเงินฝาก /ตั๋วแลกเงินของ ธนาคารสินเอเชีย 19% และธนาคารทิสโก้ 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.10% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนผู้ลงทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
สำหรับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตลาดเริ่มมองถึงความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน อาจมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในไตรมาส3 ประกอบกับพันธบัตรของเกาหลีใต้ไม่ได้ถูกรวมเข้าในการคำนวณดัชนี World Government Bond Index ( WGBI ) จึงทำให้มีแรงเทขายออกจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนื้ ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวน ซึ่งผู้ลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
2049
news & activity / เดลล์เปิดตัว โซลูชันใหม่สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่
« on: June 22, 2010, 02:42:47 PM »
เดลล์เปิดตัว โซลูชันใหม่สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพให้แก่ระบบได้อย่างชัดเจน
· ด้วยโซลูชันระบบเปิดและโมดูลล่า จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความยืดหยุ่นสูงสุด
· รูปแบบใหม่ในการกำหนดค่าพร้อมใช้งานจากเดลล์ ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนด้วยการรวมเทคโนโลยีเข้าด้วยกันพร้อมกำหนดค่าต่างๆ ให้เรียบร้อย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจ
· โซลูชันด้านเทคโนโลยีระบบเปิดที่แยกเป็นโมดูล เพิ่มความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการถูกผูกมัด และสามารถริเริ่มนวัตกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
· โซลูชันด้านเทคโนโลยีและฟังก์ชันด้านระบบจัดการบนเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และระบบเครือข่าย ช่วยให้ลูกค้าจัดสรร
สรรพยากรได้อย่างลงตัว ทั้งในด้านการบำรุงรักษาระบบไปจนถึงการเพิ่มคุณค่าทางธุรกิจ
กรุงเทพฯ - 22 มิถุนายน 2553 - ลูกค้าในโลกยุคเสมือนต่างล้วนต้องการโซลูชันระบบไอทีที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งในด้านประสิทธิภาพ คุณค่าทางธุรกิจ และนวัตกรรมขององค์กร โดยไม่ถูกยึดติดกับเทคโนโลยีระบบปิดหนึ่งใด และด้วยความชำนาญในการพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากว่า 25 ปี ในวันนี้ เดลล์ จึงได้เปิดตัวเทคโนโลยี ชุดเครื่องมือจัดการระบบ และโซลูชันพร้อมใช้สำหรับธุรกิจ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ
ในฐานะที่เป็นผู้นำและเป็นคู่ค้าที่สำคัญทางธุรกิจทั้งในด้านระบบจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และการบริการ เดลล์จึงได้ผสานรวมผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์และคุณสมบัติด้านการบริหารจัดการระบบ ซึ่งสำคัญต่อการติดตั้งและการทำงานของส่วนต่างๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อให้ได้เป็นโซลูชันแบบครบวงจร โดยแนวทางดังกล่าวได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงานและค่าใช้จ่ายด้านเงินลงทุน อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านการบำรุงรักษาระบบลงเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่สร้างสรรค์กว่าแทน
ลูกค้าที่มองหาช่องทางในการกระชับกระบวนการต่างๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ ควรต้องเห็นความสำคัญของแพลตฟอร์มระบบจัดเก็บข้อมูลรุ่นใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานระบบแบบอัจฉริยะเพื่อการประมวลผล ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง EqualLogic โซลูชันด้านระบบเครือข่าย PowerConnect และเบลดเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge ต่างล้วนถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้มาตรฐานเปิดของอุตสาหกรรม ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานทั้งในด้านการขับเคลื่อนองค์กรและแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าสามารถมุ่งมั่นไปยังด้านการค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการบำรุงรักษาระบบที่มากเกินจำเป็น และสามารถมุ่งเป้าไปยังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่
การกำหนดค่าพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจ
เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตั้งโซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์ที่พร้อมรองรับเวอร์ชวลไลเซชันในตัวได้อย่างรวดเร็ว เดลล์จึงได้นำเสนอรูปแบบการกำหนดค่าที่จัดทำขึ้นพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจ (Business Ready Configurations) ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีล่าสุดจากเดลล์เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากเวอร์ชวลไลเซชันได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานโดยไฮเปอร์ไวเซอร์จากไมโครซอฟท์หรือวีเอ็มแวร์ก็ตาม การกำหนดค่าพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจเป็นการนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีทั้งในด้านเซิร์ฟเวอร์ ระบบสตอเรจ ระบบเครือข่าย และเวอร์ชวลไลเซชัน ในรูปแบบของการกำหนดค่าต่างๆ เตรียมไว้ให้พร้อมใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำโซลูชันต่างๆ ไปติดตั้งได้อย่างรวดเร็วขึ้น
คุณสมบัติการกำหนดค่าพร้อมใช้งานมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ ระบบสตอเรจ ระบบเครือข่าย ไปจนถึงบริการใหม่ในรูปแบบต่างๆ อันประกอบด้วย:
แพลตฟอร์ม EqualLogic และระบบสตอเรจ PowerVault จากเดลล์
· สตอเรจอาเรย์ EqualLogic PS6000XVS และ PS6010XVS ได้ผสานรวมประโยชน์ของ SAS และ SSD เข้าด้วยกันเพื่อมอบความจุและสมรรถนะในการทำงานที่ดีขึ้น และด้วยความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีโหลดบาลานซิ่งและการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้เฟิร์มแวร์ EqualLogic 5.0 ได้ประโยชน์จากการจัดระดับชั้นของข้อมูล (data tiering) ได้ในแบบอัตโนมัติภายในอาเรย์ใหม่ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ได้ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการใช้งาน SSD ขณะเดียวกันก็ยังมอบสมรรถนะในการทำงานได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 3 เท่าสำหรับแอพพลิเคชันต่างๆ
· ความล้ำหน้าบนสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ EqualLogic จากเดลล์ ได้ช่วยปรับปรุงศักยภาพและความคล่องตัวในการขยายระบบให้แก่สตอเรจอาเรย์ EqualLogic อย่างชัดเจน โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งสำหรับลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ ด้วยเฟิร์มแวร์ล่าสุด EqualLogic 5.0 ทำให้โครงสร้างระบบวีเอ็มแวร์สามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อน และพร้อมรองรับระบบใหม่อย่างวีเอ็มแวร์วีสตอเรจด้วยในอนาคต
· สตอเรจอาเรย์ PowerVault MD3200 และ MD3200i ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการแพลตฟอร์มเวอร์ชวลไลเซชันสมรรถนะสูงภายใต้ราคาที่คุ้มค่า โดยซีรีย์ส MD3200 นั้นให้สมรรถนะในการทำงานที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า รวมไปถึงคุณสมบัติด้านการรองรับโฮสต์และคุณสมบัติด้านการขยายระบบที่คล่องตัวขึ้นเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อน
เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge จากเดลล์ และความสามารถด้านการบริหารจัดการระบบ
· เดลล์ได้เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่รวม 4 รุ่นด้วยกัน พร้อมทั้งแพลตฟอร์มส่วนขยายที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับสมรรถนะด้านเวอร์ชวลไลเซชันที่ดีขึ้น มีความยืดหยุ่นของระบบสูง และประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
o เบลดเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge M710HD ถูกออกแบบและปรับแต่งมาเพื่อรองรับโหลดงานแบบเสมือนและให้ความยืดหยุ่นในด้านอินพุต/เอาต์พุตที่มากกว่า รองรับหน่วยความจำระบบได้มากขึ้น และใช้โพรเซสเซอร์สมรรถนะสูงอย่างอินเทลซีออน ซึ่งถือเป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์ที่ทรงประสิทธิภาพหนึ่งเดียวที่รองรับไฮเปอร์ไวเซอร์แบบรีดันแดนท์และไดรฟ์แบบถอดเปลี่ยนได้ทันทีทั้งที่เป็น SAS และ SSD เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าโหลดงานต่างๆ จะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
o PowerEdge M610x นำเสนอคุณสมบัติใหม่หลายด้านให้แก่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเบลดเซิร์ฟเวอร์ของเดลล์ เพื่อให้ระบบฐานข้อมูลของลูกค้าทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความสามารถด้านระบบกราฟิก รองรับ GPGPU และโมเดลการใช้งานรูปแบบอื่นๆ ซึ่งใช้ประโยชน์จากการ์ดส่วนขยายแบบ PCI โดยลูกค้าสามารถใช้งานระบบจัดการและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เบลดแพลตฟอร์มซีรีย์ส M จากเดลล์ ด้วยโซลูชัน PCI ที่ทรงพลัง เช่น GPGPU รุ่นเทสลาเฟอร์มีจากเอ็นวิเดีย หรือไอโอไดรฟ์ดูโอจากฟิวชัน-ไอโอ เป็นต้น
§ PowerEdge M610x ที่ติดตั้งฟิวชันไอ/โอ ช่วยลดอัตราการใช้พลังงานได้สูงสุดกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มการขับเคลื่อนข้อมูลของซีพียูได้สูงสุดถึง 1000 เท่า
§ PowerEdge M610x พร้อมด้วย GPGPU จากเอ็นวิเดีย ช่วยมอบสุดยอดพลังในการประมวลผลที่เทียบเท่ากับคลัสเตอร์ที่ไม่ได้เป็น GPGPU โดยที่มีต้นทุนเพียงหนึ่งในสิบส่วน และใช้พลังงานเพียงหนึ่งในยี่สิบส่วนเท่านั้น
o PowerEdge R715 เป็นแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์แบบ 2U ที่ใช้พลังในการประมวลผลจากเอเอ็มดี ที่มีแกนประมวลผลกว่า 24 แกน พร้อมด้วยหน่วยความจำระบบขนาดใหญ่ ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในด้านศักยภาพในการทำงาน แร็คเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานด้านเวอร์ชวลไลเซชัน การควบคุมโหลดงานต่างๆ และการติดตั้งโครงสร้างระบบฐานข้อมูลและระบบเครือข่ายขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
o ตัวเครื่องรุ่น M1000e ยังมาพร้อมกับแหล่งจ่ายพลังงานยุคใหม่ที่มีพัดลมประสิทธิภาพสูงสุด และเครื่องมือในการจัดการกับตัวเครื่องที่ใช้งานสะดวก เพื่อตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำของเดลล์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านประสิทธิภาพของระบบพลังงานและสมรรถนะในการทำงานต่อกำลังวัตต์บนเบลดเซิร์ฟเวอร์ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความสะดวกในการใช้งานและการจัดการระบบ
· เดลล์ยังได้เปิดตัวชุดอัพเดตด้านการบริหารจัดการระบบสำหรับ LifeCycle Controller, Chassis Management Controller และ Integrated Dell Remote Access Controller (iDRAC) เพื่อช่วยลูกค้าในด้านกระบวนการบำรุงรักษาระบบอย่างต่อเนื่องที่มีความกระชับ ซึ่งช่วยทั้งลดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
โซลูชันระบบเครือข่าย PowerConnect จากเดลล์
· เดลล์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีย์ส J สำหรับ PowerConnect ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับความร่วมมือด้านโออีเอ็มกับทางจูนิเปอร์ และผลิตภัณฑ์ด้านระบบเครือข่ายรุ่นใหม่อื่นๆ
o PowerConnect J-Series EX8200 มอบโซลูชันที่สะดวกในการขยายระบบสำหรับสวิทชิ่งและเราติ้งสมรรถนะสูงในดาต้าเซ็นเตอร์และสภาพแวดล้อมระบบแบบคลาวด์
o สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กและสภาพแวดล้อมระบบของสำนักงานสาขา ผลิตภัณฑ์สวิทช์ตระกูล PowerConnect J-Series EX4200 ได้นำเทคโนโลยี Virtual Chassis เข้ามาใช้เพื่อช่วยลูกค้าในการจัดวางและจัดการสวิทช์ EX4200 ได้มากถึง 10 หน่วยพร้อมกัน โดยมองเห็นเป็นอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว
o เซอร์วิสเกตเวย์ตระกูล PowerConnect J-Series SRX ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยดูแลด้านความปลอดภัยโดยรวม ทั้งในเรื่องความปลอดภัยของเนื้อหารูปแบบต่างๆ การควบคุมการเข้าถึงระบบ และเทคโนโลยีด้านไฟร์วอลล์และวีพีเอ็นชั้นสูง
o ด้วยความร่วมมือด้านโออีเอ็มระหว่างเดลล์กับทางโบรเคด จึงได้มาเป็น PowerConnect B-Series RX-16 ที่ช่วยเสริมกลุ่มผลิตภัณฑ์สวิทช์ PowerConnect B-RX ด้วยชุดตัวเครื่องสวิทช์ 16 สล็อต ที่ให้สมรรถนะในการทำงานและความคล่องตัวในการขยายระบบที่ดีขึ้นเพื่อระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ตระดับ 10 กิกะบิต
o สวิทช์อีเธอร์เน็ต PowerConnect 8024 แบบ 24 พอร์ต รองรับมาตรฐาน 10GBASE-T และรองรับการเราติ้งในเลเยอร์ 3 สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ การรวมระบบ และการติดตั้งระบบแบบยูนิไฟด์แฟบริค
บริการต่างๆ จากเดลล์
· บริการให้คำปรึกษาในการจัดการดาต้าสำหรับ EqualLogic – เพื่อช่วยให้การรวมระบบ EqualLogic ใน EqualLogic PS
· บริการบำรุงรักษาระบบเชิงรุกสำหรับ EqualLogic – บริการใหม่ที่ช่วยติดตามสถานะของระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรเพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและไม่มีปัญหา
· บริการจัดการข้อมูลสำหรับ EqualLogic - บริการใหม่ที่พร้อมให้คำปรึกษาในแนวปฏิบัติไปจนถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการข้อมูล
คำนิยม:
"เดลล์ ได้มีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอทีระบบเปิดที่เปี่ยมด้วยความสามารถภายใต้ราคาที่ประหยัดกว่า" นักวิเคราะห์จากไอดีซี แมตต์ อีสต์วูด รองประธานกลุ่มแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ กล่าว "เดลล์ ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการนำเสนอแนวทางที่ลงตัวเพื่อรองรับโอกาสด้านระบบคลาวด์แบบปิดอันเกิดมาจากเวอร์ชวลไลเซชันและแนวคิดริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงระบบไอทีในรูปแบบต่างๆ ต้องยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของ เดลล์ นั้นชัดเจน เข้าใจง่าย และน่าเชื่อถือ ซึ่งทางไอดีซีเชื่อว่า เดลล์ จะไปได้ด้วยดีในตลาดในระหว่างที่ลูกค้ากำลังประเมินทางเลือกด้านโครงสร้างระบบไอทีในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้"
"ประโยชน์ที่องค์กรต่างๆ ได้รับจากแนวทางของ เดลล์ ในด้านเทคโนโลยีระบบเปิดที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถภายใต้ราคาที่เหมาะสมนั้น ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่องค์กรเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจในด้านอื่นๆ และวันนี้เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่มากมายเพื่อย้ำถึงความตั้งใจดังกล่าว" แบรด แอนเดอร์สัน รองประธานอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับองค์กร ของเดลล์ กล่าว "ด้วยโซลูชันใหม่เพื่อการจัดการเวอร์ชวลไลเซชัน นวัตกรรมใหม่ในผลิตภัณฑ์ด้านเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจ รวมไปถึงการมอบบริการเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมแบบผสมรวมได้อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการจัดการโหลดงานแบบไดนามิค การติดตั้งระบบที่เร็วขึ้น และระบบบริหารจัดการที่ไม่ติดขัด โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องถูกผูกมัดอยู่กับเทคโนโลยีระบบปิดอีกต่อไป"
· ด้วยโซลูชันระบบเปิดและโมดูลล่า จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความยืดหยุ่นสูงสุด
· รูปแบบใหม่ในการกำหนดค่าพร้อมใช้งานจากเดลล์ ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนด้วยการรวมเทคโนโลยีเข้าด้วยกันพร้อมกำหนดค่าต่างๆ ให้เรียบร้อย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจ
· โซลูชันด้านเทคโนโลยีระบบเปิดที่แยกเป็นโมดูล เพิ่มความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการถูกผูกมัด และสามารถริเริ่มนวัตกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
· โซลูชันด้านเทคโนโลยีและฟังก์ชันด้านระบบจัดการบนเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และระบบเครือข่าย ช่วยให้ลูกค้าจัดสรร
สรรพยากรได้อย่างลงตัว ทั้งในด้านการบำรุงรักษาระบบไปจนถึงการเพิ่มคุณค่าทางธุรกิจ
กรุงเทพฯ - 22 มิถุนายน 2553 - ลูกค้าในโลกยุคเสมือนต่างล้วนต้องการโซลูชันระบบไอทีที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งในด้านประสิทธิภาพ คุณค่าทางธุรกิจ และนวัตกรรมขององค์กร โดยไม่ถูกยึดติดกับเทคโนโลยีระบบปิดหนึ่งใด และด้วยความชำนาญในการพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากว่า 25 ปี ในวันนี้ เดลล์ จึงได้เปิดตัวเทคโนโลยี ชุดเครื่องมือจัดการระบบ และโซลูชันพร้อมใช้สำหรับธุรกิจ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ
ในฐานะที่เป็นผู้นำและเป็นคู่ค้าที่สำคัญทางธุรกิจทั้งในด้านระบบจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และการบริการ เดลล์จึงได้ผสานรวมผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์และคุณสมบัติด้านการบริหารจัดการระบบ ซึ่งสำคัญต่อการติดตั้งและการทำงานของส่วนต่างๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อให้ได้เป็นโซลูชันแบบครบวงจร โดยแนวทางดังกล่าวได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติงานและค่าใช้จ่ายด้านเงินลงทุน อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านการบำรุงรักษาระบบลงเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่สร้างสรรค์กว่าแทน
ลูกค้าที่มองหาช่องทางในการกระชับกระบวนการต่างๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ ควรต้องเห็นความสำคัญของแพลตฟอร์มระบบจัดเก็บข้อมูลรุ่นใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานระบบแบบอัจฉริยะเพื่อการประมวลผล ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง EqualLogic โซลูชันด้านระบบเครือข่าย PowerConnect และเบลดเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge ต่างล้วนถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้มาตรฐานเปิดของอุตสาหกรรม ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานทั้งในด้านการขับเคลื่อนองค์กรและแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้าสามารถมุ่งมั่นไปยังด้านการค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการบำรุงรักษาระบบที่มากเกินจำเป็น และสามารถมุ่งเป้าไปยังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่
การกำหนดค่าพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจ
เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตั้งโซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์ที่พร้อมรองรับเวอร์ชวลไลเซชันในตัวได้อย่างรวดเร็ว เดลล์จึงได้นำเสนอรูปแบบการกำหนดค่าที่จัดทำขึ้นพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจ (Business Ready Configurations) ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีล่าสุดจากเดลล์เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากเวอร์ชวลไลเซชันได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานโดยไฮเปอร์ไวเซอร์จากไมโครซอฟท์หรือวีเอ็มแวร์ก็ตาม การกำหนดค่าพร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจเป็นการนำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีทั้งในด้านเซิร์ฟเวอร์ ระบบสตอเรจ ระบบเครือข่าย และเวอร์ชวลไลเซชัน ในรูปแบบของการกำหนดค่าต่างๆ เตรียมไว้ให้พร้อมใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำโซลูชันต่างๆ ไปติดตั้งได้อย่างรวดเร็วขึ้น
คุณสมบัติการกำหนดค่าพร้อมใช้งานมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ ระบบสตอเรจ ระบบเครือข่าย ไปจนถึงบริการใหม่ในรูปแบบต่างๆ อันประกอบด้วย:
แพลตฟอร์ม EqualLogic และระบบสตอเรจ PowerVault จากเดลล์
· สตอเรจอาเรย์ EqualLogic PS6000XVS และ PS6010XVS ได้ผสานรวมประโยชน์ของ SAS และ SSD เข้าด้วยกันเพื่อมอบความจุและสมรรถนะในการทำงานที่ดีขึ้น และด้วยความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีโหลดบาลานซิ่งและการเคลื่อนย้ายข้อมูลแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้เฟิร์มแวร์ EqualLogic 5.0 ได้ประโยชน์จากการจัดระดับชั้นของข้อมูล (data tiering) ได้ในแบบอัตโนมัติภายในอาเรย์ใหม่ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ได้ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการใช้งาน SSD ขณะเดียวกันก็ยังมอบสมรรถนะในการทำงานได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 3 เท่าสำหรับแอพพลิเคชันต่างๆ
· ความล้ำหน้าบนสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ EqualLogic จากเดลล์ ได้ช่วยปรับปรุงศักยภาพและความคล่องตัวในการขยายระบบให้แก่สตอเรจอาเรย์ EqualLogic อย่างชัดเจน โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งสำหรับลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ ด้วยเฟิร์มแวร์ล่าสุด EqualLogic 5.0 ทำให้โครงสร้างระบบวีเอ็มแวร์สามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อน และพร้อมรองรับระบบใหม่อย่างวีเอ็มแวร์วีสตอเรจด้วยในอนาคต
· สตอเรจอาเรย์ PowerVault MD3200 และ MD3200i ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการแพลตฟอร์มเวอร์ชวลไลเซชันสมรรถนะสูงภายใต้ราคาที่คุ้มค่า โดยซีรีย์ส MD3200 นั้นให้สมรรถนะในการทำงานที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า รวมไปถึงคุณสมบัติด้านการรองรับโฮสต์และคุณสมบัติด้านการขยายระบบที่คล่องตัวขึ้นเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อน
เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge จากเดลล์ และความสามารถด้านการบริหารจัดการระบบ
· เดลล์ได้เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่รวม 4 รุ่นด้วยกัน พร้อมทั้งแพลตฟอร์มส่วนขยายที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับสมรรถนะด้านเวอร์ชวลไลเซชันที่ดีขึ้น มีความยืดหยุ่นของระบบสูง และประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
o เบลดเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge M710HD ถูกออกแบบและปรับแต่งมาเพื่อรองรับโหลดงานแบบเสมือนและให้ความยืดหยุ่นในด้านอินพุต/เอาต์พุตที่มากกว่า รองรับหน่วยความจำระบบได้มากขึ้น และใช้โพรเซสเซอร์สมรรถนะสูงอย่างอินเทลซีออน ซึ่งถือเป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์ที่ทรงประสิทธิภาพหนึ่งเดียวที่รองรับไฮเปอร์ไวเซอร์แบบรีดันแดนท์และไดรฟ์แบบถอดเปลี่ยนได้ทันทีทั้งที่เป็น SAS และ SSD เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าโหลดงานต่างๆ จะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
o PowerEdge M610x นำเสนอคุณสมบัติใหม่หลายด้านให้แก่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเบลดเซิร์ฟเวอร์ของเดลล์ เพื่อให้ระบบฐานข้อมูลของลูกค้าทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความสามารถด้านระบบกราฟิก รองรับ GPGPU และโมเดลการใช้งานรูปแบบอื่นๆ ซึ่งใช้ประโยชน์จากการ์ดส่วนขยายแบบ PCI โดยลูกค้าสามารถใช้งานระบบจัดการและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เบลดแพลตฟอร์มซีรีย์ส M จากเดลล์ ด้วยโซลูชัน PCI ที่ทรงพลัง เช่น GPGPU รุ่นเทสลาเฟอร์มีจากเอ็นวิเดีย หรือไอโอไดรฟ์ดูโอจากฟิวชัน-ไอโอ เป็นต้น
§ PowerEdge M610x ที่ติดตั้งฟิวชันไอ/โอ ช่วยลดอัตราการใช้พลังงานได้สูงสุดกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มการขับเคลื่อนข้อมูลของซีพียูได้สูงสุดถึง 1000 เท่า
§ PowerEdge M610x พร้อมด้วย GPGPU จากเอ็นวิเดีย ช่วยมอบสุดยอดพลังในการประมวลผลที่เทียบเท่ากับคลัสเตอร์ที่ไม่ได้เป็น GPGPU โดยที่มีต้นทุนเพียงหนึ่งในสิบส่วน และใช้พลังงานเพียงหนึ่งในยี่สิบส่วนเท่านั้น
o PowerEdge R715 เป็นแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์แบบ 2U ที่ใช้พลังในการประมวลผลจากเอเอ็มดี ที่มีแกนประมวลผลกว่า 24 แกน พร้อมด้วยหน่วยความจำระบบขนาดใหญ่ ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในด้านศักยภาพในการทำงาน แร็คเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานด้านเวอร์ชวลไลเซชัน การควบคุมโหลดงานต่างๆ และการติดตั้งโครงสร้างระบบฐานข้อมูลและระบบเครือข่ายขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
o ตัวเครื่องรุ่น M1000e ยังมาพร้อมกับแหล่งจ่ายพลังงานยุคใหม่ที่มีพัดลมประสิทธิภาพสูงสุด และเครื่องมือในการจัดการกับตัวเครื่องที่ใช้งานสะดวก เพื่อตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำของเดลล์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านประสิทธิภาพของระบบพลังงานและสมรรถนะในการทำงานต่อกำลังวัตต์บนเบลดเซิร์ฟเวอร์ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความสะดวกในการใช้งานและการจัดการระบบ
· เดลล์ยังได้เปิดตัวชุดอัพเดตด้านการบริหารจัดการระบบสำหรับ LifeCycle Controller, Chassis Management Controller และ Integrated Dell Remote Access Controller (iDRAC) เพื่อช่วยลูกค้าในด้านกระบวนการบำรุงรักษาระบบอย่างต่อเนื่องที่มีความกระชับ ซึ่งช่วยทั้งลดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น
โซลูชันระบบเครือข่าย PowerConnect จากเดลล์
· เดลล์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีย์ส J สำหรับ PowerConnect ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับความร่วมมือด้านโออีเอ็มกับทางจูนิเปอร์ และผลิตภัณฑ์ด้านระบบเครือข่ายรุ่นใหม่อื่นๆ
o PowerConnect J-Series EX8200 มอบโซลูชันที่สะดวกในการขยายระบบสำหรับสวิทชิ่งและเราติ้งสมรรถนะสูงในดาต้าเซ็นเตอร์และสภาพแวดล้อมระบบแบบคลาวด์
o สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กและสภาพแวดล้อมระบบของสำนักงานสาขา ผลิตภัณฑ์สวิทช์ตระกูล PowerConnect J-Series EX4200 ได้นำเทคโนโลยี Virtual Chassis เข้ามาใช้เพื่อช่วยลูกค้าในการจัดวางและจัดการสวิทช์ EX4200 ได้มากถึง 10 หน่วยพร้อมกัน โดยมองเห็นเป็นอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว
o เซอร์วิสเกตเวย์ตระกูล PowerConnect J-Series SRX ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยดูแลด้านความปลอดภัยโดยรวม ทั้งในเรื่องความปลอดภัยของเนื้อหารูปแบบต่างๆ การควบคุมการเข้าถึงระบบ และเทคโนโลยีด้านไฟร์วอลล์และวีพีเอ็นชั้นสูง
o ด้วยความร่วมมือด้านโออีเอ็มระหว่างเดลล์กับทางโบรเคด จึงได้มาเป็น PowerConnect B-Series RX-16 ที่ช่วยเสริมกลุ่มผลิตภัณฑ์สวิทช์ PowerConnect B-RX ด้วยชุดตัวเครื่องสวิทช์ 16 สล็อต ที่ให้สมรรถนะในการทำงานและความคล่องตัวในการขยายระบบที่ดีขึ้นเพื่อระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ตระดับ 10 กิกะบิต
o สวิทช์อีเธอร์เน็ต PowerConnect 8024 แบบ 24 พอร์ต รองรับมาตรฐาน 10GBASE-T และรองรับการเราติ้งในเลเยอร์ 3 สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ การรวมระบบ และการติดตั้งระบบแบบยูนิไฟด์แฟบริค
บริการต่างๆ จากเดลล์
· บริการให้คำปรึกษาในการจัดการดาต้าสำหรับ EqualLogic – เพื่อช่วยให้การรวมระบบ EqualLogic ใน EqualLogic PS
· บริการบำรุงรักษาระบบเชิงรุกสำหรับ EqualLogic – บริการใหม่ที่ช่วยติดตามสถานะของระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรเพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและไม่มีปัญหา
· บริการจัดการข้อมูลสำหรับ EqualLogic - บริการใหม่ที่พร้อมให้คำปรึกษาในแนวปฏิบัติไปจนถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการข้อมูล
คำนิยม:
"เดลล์ ได้มีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอทีระบบเปิดที่เปี่ยมด้วยความสามารถภายใต้ราคาที่ประหยัดกว่า" นักวิเคราะห์จากไอดีซี แมตต์ อีสต์วูด รองประธานกลุ่มแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ กล่าว "เดลล์ ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการนำเสนอแนวทางที่ลงตัวเพื่อรองรับโอกาสด้านระบบคลาวด์แบบปิดอันเกิดมาจากเวอร์ชวลไลเซชันและแนวคิดริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงระบบไอทีในรูปแบบต่างๆ ต้องยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของ เดลล์ นั้นชัดเจน เข้าใจง่าย และน่าเชื่อถือ ซึ่งทางไอดีซีเชื่อว่า เดลล์ จะไปได้ด้วยดีในตลาดในระหว่างที่ลูกค้ากำลังประเมินทางเลือกด้านโครงสร้างระบบไอทีในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้"
"ประโยชน์ที่องค์กรต่างๆ ได้รับจากแนวทางของ เดลล์ ในด้านเทคโนโลยีระบบเปิดที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถภายใต้ราคาที่เหมาะสมนั้น ได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่องค์กรเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจในด้านอื่นๆ และวันนี้เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่มากมายเพื่อย้ำถึงความตั้งใจดังกล่าว" แบรด แอนเดอร์สัน รองประธานอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับองค์กร ของเดลล์ กล่าว "ด้วยโซลูชันใหม่เพื่อการจัดการเวอร์ชวลไลเซชัน นวัตกรรมใหม่ในผลิตภัณฑ์ด้านเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจ รวมไปถึงการมอบบริการเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมแบบผสมรวมได้อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการจัดการโหลดงานแบบไดนามิค การติดตั้งระบบที่เร็วขึ้น และระบบบริหารจัดการที่ไม่ติดขัด โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องถูกผูกมัดอยู่กับเทคโนโลยีระบบปิดอีกต่อไป"
2050
news & activity / ๕๐ ศิลปินรวมพลังสร้างสรรค์ผลงาน “ฝันถึงสันติภาพ” <Imagine Peace>
« on: June 22, 2010, 02:41:08 PM »
๕๐ ศิลปินรวมพลังสร้างสรรค์ผลงาน “ฝันถึงสันติภาพ” <Imagine Peace>
กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชมนิทรรศการ “ฝันถึงสันติภาพ” <Imagine Peace> ชมผลงานของ ๕๐ ศิลปิน ที่รวมพลังสร้างสรรค์ผลงานขึ้นใหม่เพื่อหวังให้งานศิลปะช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์สร้างความสงบสุข และสันติภาพ ให้กับสังคมไทย
“ฝันถึงสันติภาพ” <Imagine Peace> มีศิลปินหลากหลายสาขากว่า ๕๐ ท่าน มาร่วมสร้างผลงาน ในครั้งนี้ อาทิ ศิลปินแห่งชาติ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา, อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ศ.ปรีชา เถาทอง , อ.เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ, อ.นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, ศิลปินศิลปาธร อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คุณฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช , คุณประดิษฐ์ ปราสาททอง และศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ อ.ปริญญา ตันติสุข คุณคามิน เลิศชัยประเสริฐ, คุณธนชัย อุชชิน , คุณอนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ฯลฯ
นอกจากนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมยังมีโครงการที่จะเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ด้านการออกแบบงาน ศิลปะเพื่อสร้างสันติภาพและสมานฉันท์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ อาทิ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ ถนนเพลินจิต สี่แยกปทุมวัน บ่อนไก่ ฯลฯ รวมทั้งยังให้บริการออกแบบภูมิทัศน์ ป้ายชื่อร้าน ป้ายโฆษณา ให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากกลุ่มศิลปินและสมาคม นักออกแบบเรขศิลป์ไทย
พบกับนิทรรศการ “ฝันถึงสันติภาพ” <Imagane Peace> ระหว่างวันที่ ๒๔ มิถุนายน -๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ ณ ชั้น ๙ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒-๔๒๒ ๘๙๓๕
กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชมนิทรรศการ “ฝันถึงสันติภาพ” <Imagine Peace> ชมผลงานของ ๕๐ ศิลปิน ที่รวมพลังสร้างสรรค์ผลงานขึ้นใหม่เพื่อหวังให้งานศิลปะช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์สร้างความสงบสุข และสันติภาพ ให้กับสังคมไทย
“ฝันถึงสันติภาพ” <Imagine Peace> มีศิลปินหลากหลายสาขากว่า ๕๐ ท่าน มาร่วมสร้างผลงาน ในครั้งนี้ อาทิ ศิลปินแห่งชาติ ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา, อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ศ.ปรีชา เถาทอง , อ.เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ, อ.นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, ศิลปินศิลปาธร อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คุณฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช , คุณประดิษฐ์ ปราสาททอง และศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ อ.ปริญญา ตันติสุข คุณคามิน เลิศชัยประเสริฐ, คุณธนชัย อุชชิน , คุณอนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง ฯลฯ
นอกจากนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมยังมีโครงการที่จะเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ด้านการออกแบบงาน ศิลปะเพื่อสร้างสันติภาพและสมานฉันท์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ อาทิ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ ถนนเพลินจิต สี่แยกปทุมวัน บ่อนไก่ ฯลฯ รวมทั้งยังให้บริการออกแบบภูมิทัศน์ ป้ายชื่อร้าน ป้ายโฆษณา ให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากกลุ่มศิลปินและสมาคม นักออกแบบเรขศิลป์ไทย
พบกับนิทรรศการ “ฝันถึงสันติภาพ” <Imagane Peace> ระหว่างวันที่ ๒๔ มิถุนายน -๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ ณ ชั้น ๙ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒-๔๒๒ ๘๙๓๕
2051
news & activity / TK park: โครงการ “ลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทานครั้งที่ 5”
« on: June 22, 2010, 02:39:26 PM »
TK park: โครงการ “ลับสมอง ประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทานครั้งที่ 5”
กลับมาอีกครั้งกับโครงการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลเป็นประจำทุกปี สำหรับโครงการ “ลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่า นิทาน ครั้งที่ 5” งานประกวดสร้างสรรค์ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพทางจินตนาการให้กับคุณหนูๆ ตัวน้อยอายุ ระหว่าง 4-9 ปี โดยอุทยานการเรียนรู้ TK park กระจายการจัดการประกวดไปทั่วประเทศ คือ ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือกระดับภูมิภาคและรอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ (จัดที่ TK park) จากกลุ่มผู้เข้าประกวด 2 ประเภท คือ ประเภทเดี่ยวตัวแทนโรงเรียน แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับอายุ 4-6 ปี และระดับอายุ 6-9 ปี และประเภททีมครอบครัว (จำกัดอายุลูกไม่เกิน 9 ปีและต้องเป็นบุคคลในครอบครัว เท่านั้น)
โครงการเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน - 30 กรกฎาคม 2553 นี้ ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการสามารถ ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.tkpark.or.th หรือ www.motherandcare.in.th และส่งใบสมัครได้ที่ kids@tkpark.or.th หรือส่งไปรษณีย์วงเล็บมุมซองสมัครเล่านิทาน มาที่นิตยสาร Mother&Care อาคาร GM GROUP เลขที่ 914 ถ.พระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 หรือสมัครผ่านโรงเรียน ที่ร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.0-2241-8000 ต่อ 324, 322 (นิตยสาร Mother&Care) หรือติดตามดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tkpark.or.th และ www.motherandcare.in.th
กลับมาอีกครั้งกับโครงการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลเป็นประจำทุกปี สำหรับโครงการ “ลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่า นิทาน ครั้งที่ 5” งานประกวดสร้างสรรค์ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพทางจินตนาการให้กับคุณหนูๆ ตัวน้อยอายุ ระหว่าง 4-9 ปี โดยอุทยานการเรียนรู้ TK park กระจายการจัดการประกวดไปทั่วประเทศ คือ ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือกระดับภูมิภาคและรอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ (จัดที่ TK park) จากกลุ่มผู้เข้าประกวด 2 ประเภท คือ ประเภทเดี่ยวตัวแทนโรงเรียน แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับอายุ 4-6 ปี และระดับอายุ 6-9 ปี และประเภททีมครอบครัว (จำกัดอายุลูกไม่เกิน 9 ปีและต้องเป็นบุคคลในครอบครัว เท่านั้น)
โครงการเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน - 30 กรกฎาคม 2553 นี้ ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการสามารถ ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.tkpark.or.th หรือ www.motherandcare.in.th และส่งใบสมัครได้ที่ kids@tkpark.or.th หรือส่งไปรษณีย์วงเล็บมุมซองสมัครเล่านิทาน มาที่นิตยสาร Mother&Care อาคาร GM GROUP เลขที่ 914 ถ.พระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 หรือสมัครผ่านโรงเรียน ที่ร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.0-2241-8000 ต่อ 324, 322 (นิตยสาร Mother&Care) หรือติดตามดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tkpark.or.th และ www.motherandcare.in.th
2052
news & activity / ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม สตอเรจ ดีเอส3500 (IBM System Storage DS3500)
« on: June 22, 2010, 02:35:58 PM »
ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม สตอเรจ ดีเอส3500 (IBM System Storage DS3500) สตอเรจที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะ ในราคาย่อมเยา ช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสำรองข้อมูล ลดความเสี่ยงข้อมูลสำคัญสูญหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
สตอเรจอันทรงพลังในราคาย่อมเยา ช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยองค์กรสำรองจัดเก็บข้อมูลสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูล รองรับฮาร์ดดิสค์ได้ทั้งแบบ SAS 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ SAS, Fiber Channel หรือ iSCSI ทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 8Gbps (โดยผ่านการเชื่อมต่อแบบ Fiber Channel) ช่วยทำให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังเพิ่มความปลอดภัยในการสำรองจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเต็มรูปแบบ (Full Drive Encryption) เพิ่มความอุ่นใจในกรณีข้อมูลสูญหาย อีกทั้งยังช่วยองค์กรประหยัดค่าไฟ และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด โทรศัพท์ 0-2273-0041-2 หรือเข้าไปที่ www.ibm.com/systems/storage/disk/ds3500
สตอเรจอันทรงพลังในราคาย่อมเยา ช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยองค์กรสำรองจัดเก็บข้อมูลสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูล รองรับฮาร์ดดิสค์ได้ทั้งแบบ SAS 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ SAS, Fiber Channel หรือ iSCSI ทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 8Gbps (โดยผ่านการเชื่อมต่อแบบ Fiber Channel) ช่วยทำให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังเพิ่มความปลอดภัยในการสำรองจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเต็มรูปแบบ (Full Drive Encryption) เพิ่มความอุ่นใจในกรณีข้อมูลสูญหาย อีกทั้งยังช่วยองค์กรประหยัดค่าไฟ และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด โทรศัพท์ 0-2273-0041-2 หรือเข้าไปที่ www.ibm.com/systems/storage/disk/ds3500
2053
news & activity / ไอบีเอ็มเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ทางด้านสตอเรจ ช่วยธุรกิจไทย เพิ่มประสิทธิภาพ
« on: June 22, 2010, 02:33:50 PM »
ไอบีเอ็มเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ทางด้านสตอเรจ ช่วยธุรกิจไทย เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดเก็บสำรองข้อมูล และลดความเสี่ยงทางธุรกิจจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน
การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว มาพร้อมกับการเฉลิมฉลองความสำเร็จของไอบีเอ็ม ที่ครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดเอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจสูงสุดในประเทศไทยติดต่อกันถึง 7 ไตรมาส*
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดตัว ‘โซนาส’ (Scale Out Network Attached Storage – SONAS) นวัตกรรมทางด้านสตอเรจรูปแบบใหม่สำหรับการทำงานร่วมกับคลาวด์ คอมพิวติ้ง รวมทั้งโซลูชันใหม่ ๆ ทางด้านสตอเรจหลากหลาย เพื่อช่วยธุรกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำรองจัดเก็บข้อมูลในองค์กร เสริมความต่อเนื่องในการทำงานและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ในกรณีข้อมูลสำคัญสูญหายจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ทั้งนี้ การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ดังกล่าวยังมาพร้อมกับข้อเสนอทางด้านการเงินจากไอบีเอ็มเพื่อช่วยธุรกิจต่าง ๆ แบ่งเบาภาระการลงทุนทางด้านไอที อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความสำเร็จของไอบีเอ็มที่ครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์ประเภทต่อภายนอก) ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน*
ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและอุปกรณ์ที่ฉลาดขึ้น เช่น อุปกรณ์ไร้สาย อาร์เอฟไอดี เซ็นเซอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ เป็นต้น ตลอดจนแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งปริมาณผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่จะมีจำนวนถึง 2 พันล้านคนภายในปี 2554 หรือขนาดของไฟล์และปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ไฟล์ดิจิตอลมีเดีย เว็บคอนเท็นต์ ไฟล์อิมเมจข้อมูลผู้ป่วย ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชิงอุตสาหกรรม เป็นต้น มีผลทำให้การเติบโตของปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีการประเมินว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีปริมาณข้อมูลมากกว่า 988 เอ็กซาไบท์และยังเพิ่มขึ้นกว่า 15 เพทาไบท์ทุกวัน นอกจากนั้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังมีปริมาณข้อมูลวิ่งอยู่มากกว่าครึ่งเซ็ททาไบท์ (หรือ 3 พันล้านกิกะไบท์) ภายในอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เอง ทำให้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการอุปกรณ์สตอเรจเพื่อจัดเก็บข้อมูลในองค์กรทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 43% ในช่วงปี 2551-2556 ซึ่งด้วยความท้าทายด้านการเติบโตอย่างรวดเร็วของปริมาณข้อมูลนี้เอง ผนวกกับโอกาสของความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลสำคัญไปกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันต่าง ๆ ทำให้ธุรกิจหลายแห่งมองหาสตอเรจโซลูชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บและสำรองข้อมูลขององค์กร เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน รวมทั้งเสริมความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนั้น สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ การบริหารจัดเก็บสำรองข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพก็ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากองค์กรจะต้องหาโซลูชันเพื่อรับมือกับปริมาณข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนการหาวิธีการบริหารจัดเก็บ สำรองข้อมูลขององค์กรอย่างเป็นระบบเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ แล้ว ยังต้องหาวิธีลดค่าใช้จ่ายขององค์กรไปพร้อม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งไม่ว่าจะเป็นแบบปิด (Private Cloud) หรือแบบเปิด (Public Cloud) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านไอทีขององค์กร ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านการบริหารจัดเก็บสำรองข้อมูลเช่นเดียวกัน
ด้วยการเล็งความท้าทายและเข้าใจความต้องการต่าง ๆ นี้เอง ไอบีเอ็มจึงคิดค้นและเปิดตัว ‘โซนาส’ (Scale Out Network Attached Storage – SONAS) นวัตกรรมทางด้านสตอเรจรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเสมือนมาบริหารการจัดเก็บข้อมูลในระบบสตอเรจ อีกทั้งยังสามารถรองรับการจัดเก็บข้อมูลทั้งที่มาจากเซิร์ฟเวอร์หรือจากสตอเรจอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น
ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถต่อขยายได้อย่างรวดเร็ว หรือ ‘ออโตเมต เทียริ่ง เทคโนโลยี’ (Automated Tiering Technology) ซึ่งสามารถรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขององค์กรได้สูงถึง 14.4 เทราไบท์ต่อระบบ หรือใช้ความเร็วในการสแกนเพื่อเข้าถึงไฟล์ปริมาณมหาศาลให้สามารถทำได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องคำนึงว่าไฟล์ดังกล่าวจะถูกจัดเก็บไว้ในที่ใด ซึ่งด้วยคุณประโยชน์ดังกล่าวทำให้การบริหารจัดเก็บข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าและเร็วกว่าวิธีเดิม (หรือวิธีจัดเก็บข้อมูลแบบ NAS -Network Attached Storage) ที่ใช้วิธีการเพิ่มอุปกรณ์สตอเรจทีละชิ้นเพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งใช้เวลานานกว่าในการสแกนและเข้าถึงไฟล์ที่มีปริมาณเท่ากัน ซึ่งด้วยความสามารถในเทคโนโลยีใหม่นี้เอง สามารถช่วยองค์กรรับมือกับความท้าทายในด้านการบริหารจัดเก็บข้อมูลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นแบบปิด (Private Cloud) หรือแบบเปิด (Public Cloud) ก็ตาม
เปิดโอกาสให้การควบรวมเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจต่าง ๆ ภายในองค์กรทำได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายได้ทางอ้อม
ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลในองค์กรสามารถทำได้แบบรวมศูนย์และเป็นระบบ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในด้านการเป็นเจ้าของทรัพยากรไอทีในองค์กร (Total Cost of Ownership) ได้อีกด้วย
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความท้าทายในด้านปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการใช้คลาวด์คอมพิว
ติ้งในองค์กรชั้นนำหลายแห่ง รวมถึงความจำเป็นสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้องค์กรสามารถรับมือกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น การใช้เทคโนโลยีที่ทรงพลังเพื่อบริหารการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะข้อมูลขององค์กรถือเป็นทรัพย์สินอันมีค่าและมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อธุรกิจขององค์กร” นอกจากนั้น นายธนพงษ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยการเล็งเห็นความท้าทายและความต้องการในด้านการบริหารจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวนี้เอง ไอบีเอ็มจึงมุ่งมั่น คิดค้นและถือโอกาสเปิดตัว ‘โซนาส’ นวัตกรรมทางด้านสตอเรจรูปแบบใหม่แก่ธุรกิจไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยตอบสนองความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำรองจัดเก็บข้อมูล ช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจจากกรณีข้อมูลสำคัญสูญหาย และเสริมความต่อเนื่องของการทำงานจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
นอกเหนือจากการเปิดตัว ‘โซนาส’ นวัตกรรมทางด้านสตอเรจสำหรับองค์กรขนาดใหญ่แล้ว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของไอบีเอ็มที่สามารถครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์สำหรับต่อภายนอก) ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน* ไอบีเอ็มยังถือโอกาสเปิดตัวเทคโนโลยีสตอเรจรุ่นใหม่สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งเอสเอ็มอี พร้อมข้อเสนอทางการเงินเพื่อช่วยองค์กรลดภาระทางเศรษฐกิจในการลงทุนทางด้านไอทีดังต่อไปนี้
สตอเรจ ไอบีเอ็ม ดีเอส 3500 (DS 3500) สตอเรจอันทรงพลังในราคาย่อมเยา เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเอสเอ็มอี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสำรองข้อมูลในองค์กร ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชัน รองรับฮาร์ดดิสค์ได้ทั้งแบบ SAS 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ SAS, Fiber Channel หรือ iSCSI ทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 8Gbps (โดยผ่านการเชื่อมต่อแบบ Fiber Channel) ช่วยทำให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังเพิ่มความปลอดภัยในการสำรองจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเต็มรูปแบบ (Full Drive Encryption) เพิ่มความอุ่นใจในกรณีข้อมูลสูญหาย อีกทั้งยังช่วยองค์กรประหยัดค่าไฟ และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลอีกด้วย
สตอเรจ ไอบีเอ็ม แอลทีโอ 5 (LTO 5) สตอเรจแบบเทปที่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้สูงถึง 1.5 เทราไบท์ต่อเทป (หรือสูงสุดถึง 3 เทราไบท์ต่อเทปผ่านเทคโนโลยีบีบอัด) ใช้การบริหารการจัดเก็บแบบ Drag and Drop ซึ่งทำให้การแบ็คอัพข้อมูลลงบนม้วนเทปทำได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วถึง 140MB ต่อวินาที และรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ SAS 6Gbps/sec และ Fiber Channel 8Gbps/sec ได้อีกด้วย
ข้อเสนอทางการเงิน ‘สินเชื่อไอทีทันใจจากไอบีเอ็ม’ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดเอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสซ้อน* อีกทั้งยังเป็นการช่วยองค์กรต่าง ๆ ลดภาระในการลงทุนด้านไอที ไอบีเอ็มเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระค่าใช้จ่ายการลงทุนผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์จากไอบีเอ็มด้วยข้อเสนอทางการเงินต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ซื้อวันนี้ ยกเว้นการผ่อนค่างวด 6 เดือนแรก** หรือ
ซื้อวันนี้ รับดอกเบี้ย 0% 12 เดือนแรก**
** ข้อเสนอดังกล่าวมีผลกับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของไอบีเอ็มทุกประเภท ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม เอ็กซ์, เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม เบลดเซ็นเตอร์, เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม เพาเวอร์ ซิสเต็มส์, เซิร์ฟเวอร์ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม ซี, หรือ ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม สตอเรจ และมีผลถึง 31 ธันวาคม 2553
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันทางด้านสตอเรจของไอบีเอ็มหรือข้อเสนอทางการเงิน ติดต่อบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด โทร 02 273 0041-2 หรือเข้าไปที่ www.ibm.com/systems/storage หรือ www.ibm.com/financing
หมายเหตุ: * จากรายงานของไอดีซี เอเชีย แปซิฟิก สตอเรจ ซิสเต็มส์ แทรกเกอร์ ไตรมาสหนึ่ง ปี 2553 ที่ไอบีเอ็มครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์ประเภทต่อภายนอก) ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน ตั้งแต่ไตรมาสสามปี 2551 ถึงไตรมาสหนึ่ง ปี 2553 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 29.3%, 37%, 29.1%, 33.9%, 22.3%, 41% และ 30.1% ตามลำดับ
การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว มาพร้อมกับการเฉลิมฉลองความสำเร็จของไอบีเอ็ม ที่ครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดเอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจสูงสุดในประเทศไทยติดต่อกันถึง 7 ไตรมาส*
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดตัว ‘โซนาส’ (Scale Out Network Attached Storage – SONAS) นวัตกรรมทางด้านสตอเรจรูปแบบใหม่สำหรับการทำงานร่วมกับคลาวด์ คอมพิวติ้ง รวมทั้งโซลูชันใหม่ ๆ ทางด้านสตอเรจหลากหลาย เพื่อช่วยธุรกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำรองจัดเก็บข้อมูลในองค์กร เสริมความต่อเนื่องในการทำงานและลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ในกรณีข้อมูลสำคัญสูญหายจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน ทั้งนี้ การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ดังกล่าวยังมาพร้อมกับข้อเสนอทางด้านการเงินจากไอบีเอ็มเพื่อช่วยธุรกิจต่าง ๆ แบ่งเบาภาระการลงทุนทางด้านไอที อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความสำเร็จของไอบีเอ็มที่ครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์ประเภทต่อภายนอก) ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน*
ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและอุปกรณ์ที่ฉลาดขึ้น เช่น อุปกรณ์ไร้สาย อาร์เอฟไอดี เซ็นเซอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ เป็นต้น ตลอดจนแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งปริมาณผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่จะมีจำนวนถึง 2 พันล้านคนภายในปี 2554 หรือขนาดของไฟล์และปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ไฟล์ดิจิตอลมีเดีย เว็บคอนเท็นต์ ไฟล์อิมเมจข้อมูลผู้ป่วย ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชิงอุตสาหกรรม เป็นต้น มีผลทำให้การเติบโตของปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีการประเมินว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีปริมาณข้อมูลมากกว่า 988 เอ็กซาไบท์และยังเพิ่มขึ้นกว่า 15 เพทาไบท์ทุกวัน นอกจากนั้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังมีปริมาณข้อมูลวิ่งอยู่มากกว่าครึ่งเซ็ททาไบท์ (หรือ 3 พันล้านกิกะไบท์) ภายในอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เอง ทำให้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการอุปกรณ์สตอเรจเพื่อจัดเก็บข้อมูลในองค์กรทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 43% ในช่วงปี 2551-2556 ซึ่งด้วยความท้าทายด้านการเติบโตอย่างรวดเร็วของปริมาณข้อมูลนี้เอง ผนวกกับโอกาสของความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลสำคัญไปกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันต่าง ๆ ทำให้ธุรกิจหลายแห่งมองหาสตอเรจโซลูชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บและสำรองข้อมูลขององค์กร เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝัน รวมทั้งเสริมความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนั้น สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ การบริหารจัดเก็บสำรองข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพก็ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากองค์กรจะต้องหาโซลูชันเพื่อรับมือกับปริมาณข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนการหาวิธีการบริหารจัดเก็บ สำรองข้อมูลขององค์กรอย่างเป็นระบบเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ แล้ว ยังต้องหาวิธีลดค่าใช้จ่ายขององค์กรไปพร้อม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งไม่ว่าจะเป็นแบบปิด (Private Cloud) หรือแบบเปิด (Public Cloud) เพื่อตอบสนองความต้องการด้านไอทีขององค์กร ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านการบริหารจัดเก็บสำรองข้อมูลเช่นเดียวกัน
ด้วยการเล็งความท้าทายและเข้าใจความต้องการต่าง ๆ นี้เอง ไอบีเอ็มจึงคิดค้นและเปิดตัว ‘โซนาส’ (Scale Out Network Attached Storage – SONAS) นวัตกรรมทางด้านสตอเรจรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเสมือนมาบริหารการจัดเก็บข้อมูลในระบบสตอเรจ อีกทั้งยังสามารถรองรับการจัดเก็บข้อมูลทั้งที่มาจากเซิร์ฟเวอร์หรือจากสตอเรจอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น
ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถต่อขยายได้อย่างรวดเร็ว หรือ ‘ออโตเมต เทียริ่ง เทคโนโลยี’ (Automated Tiering Technology) ซึ่งสามารถรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขององค์กรได้สูงถึง 14.4 เทราไบท์ต่อระบบ หรือใช้ความเร็วในการสแกนเพื่อเข้าถึงไฟล์ปริมาณมหาศาลให้สามารถทำได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องคำนึงว่าไฟล์ดังกล่าวจะถูกจัดเก็บไว้ในที่ใด ซึ่งด้วยคุณประโยชน์ดังกล่าวทำให้การบริหารจัดเก็บข้อมูลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าและเร็วกว่าวิธีเดิม (หรือวิธีจัดเก็บข้อมูลแบบ NAS -Network Attached Storage) ที่ใช้วิธีการเพิ่มอุปกรณ์สตอเรจทีละชิ้นเพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งใช้เวลานานกว่าในการสแกนและเข้าถึงไฟล์ที่มีปริมาณเท่ากัน ซึ่งด้วยความสามารถในเทคโนโลยีใหม่นี้เอง สามารถช่วยองค์กรรับมือกับความท้าทายในด้านการบริหารจัดเก็บข้อมูลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้งในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นแบบปิด (Private Cloud) หรือแบบเปิด (Public Cloud) ก็ตาม
เปิดโอกาสให้การควบรวมเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจต่าง ๆ ภายในองค์กรทำได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายได้ทางอ้อม
ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูลในองค์กรสามารถทำได้แบบรวมศูนย์และเป็นระบบ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในด้านการเป็นเจ้าของทรัพยากรไอทีในองค์กร (Total Cost of Ownership) ได้อีกด้วย
นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความท้าทายในด้านปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการใช้คลาวด์คอมพิว
ติ้งในองค์กรชั้นนำหลายแห่ง รวมถึงความจำเป็นสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้องค์กรสามารถรับมือกับเหตุการณ์อันไม่คาดฝันเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น การใช้เทคโนโลยีที่ทรงพลังเพื่อบริหารการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะข้อมูลขององค์กรถือเป็นทรัพย์สินอันมีค่าและมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อธุรกิจขององค์กร” นอกจากนั้น นายธนพงษ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยการเล็งเห็นความท้าทายและความต้องการในด้านการบริหารจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวนี้เอง ไอบีเอ็มจึงมุ่งมั่น คิดค้นและถือโอกาสเปิดตัว ‘โซนาส’ นวัตกรรมทางด้านสตอเรจรูปแบบใหม่แก่ธุรกิจไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยตอบสนองความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำรองจัดเก็บข้อมูล ช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อมแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจจากกรณีข้อมูลสำคัญสูญหาย และเสริมความต่อเนื่องของการทำงานจากเหตุการณ์อันไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
นอกเหนือจากการเปิดตัว ‘โซนาส’ นวัตกรรมทางด้านสตอเรจสำหรับองค์กรขนาดใหญ่แล้ว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของไอบีเอ็มที่สามารถครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์สำหรับต่อภายนอก) ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน* ไอบีเอ็มยังถือโอกาสเปิดตัวเทคโนโลยีสตอเรจรุ่นใหม่สำหรับองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งเอสเอ็มอี พร้อมข้อเสนอทางการเงินเพื่อช่วยองค์กรลดภาระทางเศรษฐกิจในการลงทุนทางด้านไอทีดังต่อไปนี้
สตอเรจ ไอบีเอ็ม ดีเอส 3500 (DS 3500) สตอเรจอันทรงพลังในราคาย่อมเยา เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเอสเอ็มอี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสำรองข้อมูลในองค์กร ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชัน รองรับฮาร์ดดิสค์ได้ทั้งแบบ SAS 3.5 นิ้ว และ 2.5 นิ้ว และเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ SAS, Fiber Channel หรือ iSCSI ทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 8Gbps (โดยผ่านการเชื่อมต่อแบบ Fiber Channel) ช่วยทำให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ทำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังเพิ่มความปลอดภัยในการสำรองจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเต็มรูปแบบ (Full Drive Encryption) เพิ่มความอุ่นใจในกรณีข้อมูลสูญหาย อีกทั้งยังช่วยองค์กรประหยัดค่าไฟ และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลอีกด้วย
สตอเรจ ไอบีเอ็ม แอลทีโอ 5 (LTO 5) สตอเรจแบบเทปที่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้สูงถึง 1.5 เทราไบท์ต่อเทป (หรือสูงสุดถึง 3 เทราไบท์ต่อเทปผ่านเทคโนโลยีบีบอัด) ใช้การบริหารการจัดเก็บแบบ Drag and Drop ซึ่งทำให้การแบ็คอัพข้อมูลลงบนม้วนเทปทำได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วถึง 140MB ต่อวินาที และรองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบ SAS 6Gbps/sec และ Fiber Channel 8Gbps/sec ได้อีกด้วย
ข้อเสนอทางการเงิน ‘สินเชื่อไอทีทันใจจากไอบีเอ็ม’ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดเอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสซ้อน* อีกทั้งยังเป็นการช่วยองค์กรต่าง ๆ ลดภาระในการลงทุนด้านไอที ไอบีเอ็มเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนชำระค่าใช้จ่ายการลงทุนผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์จากไอบีเอ็มด้วยข้อเสนอทางการเงินต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ซื้อวันนี้ ยกเว้นการผ่อนค่างวด 6 เดือนแรก** หรือ
ซื้อวันนี้ รับดอกเบี้ย 0% 12 เดือนแรก**
** ข้อเสนอดังกล่าวมีผลกับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของไอบีเอ็มทุกประเภท ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม เอ็กซ์, เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม เบลดเซ็นเตอร์, เซิร์ฟเวอร์ ไอบีเอ็ม เพาเวอร์ ซิสเต็มส์, เซิร์ฟเวอร์ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม ซี, หรือ ไอบีเอ็ม ซิสเต็ม สตอเรจ และมีผลถึง 31 ธันวาคม 2553
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันทางด้านสตอเรจของไอบีเอ็มหรือข้อเสนอทางการเงิน ติดต่อบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด โทร 02 273 0041-2 หรือเข้าไปที่ www.ibm.com/systems/storage หรือ www.ibm.com/financing
หมายเหตุ: * จากรายงานของไอดีซี เอเชีย แปซิฟิก สตอเรจ ซิสเต็มส์ แทรกเกอร์ ไตรมาสหนึ่ง ปี 2553 ที่ไอบีเอ็มครองอันดับหนึ่งส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์เอ็กซ์เทอร์นัล ดิสก์ สตอเรจ (อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์ประเภทต่อภายนอก) ในประเทศไทยถึง 7 ไตรมาสติดต่อกัน ตั้งแต่ไตรมาสสามปี 2551 ถึงไตรมาสหนึ่ง ปี 2553 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 29.3%, 37%, 29.1%, 33.9%, 22.3%, 41% และ 30.1% ตามลำดับ
2054
news & activity / ดีแทคเอาใจคอสมาร์ทโฟนด้วยแพ็คเกจดาต้า 5MB 750 บาทเพิ่มโรมมิ่งคลุม 10 ประเทศ
« on: June 22, 2010, 08:21:38 AM »
ดีแทคเอาใจคอสมาร์ทโฟนด้วยแพ็คเกจดาต้า 5MB 750 บาทเพิ่มโรมมิ่งคลุม 10 ประเทศ ง่ายกว่าด้วยอัตราพิเศษในทุกเครือข่ายแบบไม่ต้องเลือก
21 มิถุนายน 2553 – ดีแทคขยายแพ็คเกจโรมมิ่งต่างประเทศสำหรับลูกค้าใช้งานดาต้าด้วยแพ็คเกจ “ดาต้าโรมมิ่ง 5 MB 750 บาท” ครอบคลุมเพิ่มเป็น 10 ประเทศ ให้รับส่งอีเมล์ ออนไลน์ในโซเชียล มีเดีย หรือใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป เมื่อเดินทางไป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง อังกฤษ ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และเยอรมนี ทำให้ลูกค้าดีแทคสามารถใช้งานโรมมิ่งได้ง่ายในอัตราพิเศษกับทุกเครือข่ายผู้ร่วมให้บริการในต่างประเทศ และไม่ต้องกังวลในเลือกเครือข่ายในการใช้งานอีกต่อไป ทั้งนี้ยังเป็นการรองรับกระแสความสนใจที่ได้รับจากลูกค้าในการเปิดขายทั้ง BlackBerry และ iPhone จนประสบความสำเร็จที่ผ่านมา ผู้สนใจสามารถสมัครได้ (ฟรีค่าธรรมเนียม) ที่ดีแทคคอลล์เซ็นเตอร์ โทร 1678 ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ เพื่อรับสิทธิ์ใช้งานดาต้าโรมมิ่ง 5 MB 750 บาท ได้นาน 6 เดือน.
21 มิถุนายน 2553 – ดีแทคขยายแพ็คเกจโรมมิ่งต่างประเทศสำหรับลูกค้าใช้งานดาต้าด้วยแพ็คเกจ “ดาต้าโรมมิ่ง 5 MB 750 บาท” ครอบคลุมเพิ่มเป็น 10 ประเทศ ให้รับส่งอีเมล์ ออนไลน์ในโซเชียล มีเดีย หรือใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป เมื่อเดินทางไป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง อังกฤษ ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และเยอรมนี ทำให้ลูกค้าดีแทคสามารถใช้งานโรมมิ่งได้ง่ายในอัตราพิเศษกับทุกเครือข่ายผู้ร่วมให้บริการในต่างประเทศ และไม่ต้องกังวลในเลือกเครือข่ายในการใช้งานอีกต่อไป ทั้งนี้ยังเป็นการรองรับกระแสความสนใจที่ได้รับจากลูกค้าในการเปิดขายทั้ง BlackBerry และ iPhone จนประสบความสำเร็จที่ผ่านมา ผู้สนใจสามารถสมัครได้ (ฟรีค่าธรรมเนียม) ที่ดีแทคคอลล์เซ็นเตอร์ โทร 1678 ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และดีแทคเซ็นเตอร์ เพื่อรับสิทธิ์ใช้งานดาต้าโรมมิ่ง 5 MB 750 บาท ได้นาน 6 เดือน.
2055
news & activity / TMIจับสินค้ามาร์จิ้นสูง บุกตลาดค้าส่งกทม.-ภูธร
« on: June 22, 2010, 08:20:48 AM »
TMIจับสินค้ามาร์จิ้นสูง บุกตลาดค้าส่งกทม.-ภูธร
บมจ.ธีระมงคลฯ เร่งเครื่องรุกธุรกิจครึ่งปีหลังเต็มสูบ ลุยขยายตลาดค้าส่งในกรุงเทพ และตลาดภูธร ส่งสินค้าขายผ่านโมเดิร์นเทรด และลูกค้าโครงการเพิ่มขึ้น พร้อมเล็งกวาดออเดอร์อินโดนีเซีย และกลุ่มเอเชียใต้เพิ่มขึ้น ปั้นสินค้ามาร์จิ้นสูงรีโมทสวิทช์และclick-set ดันรายได้รวมทั้งปี53โตตามเป้า 17-20%
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง2553 บริษัทจะเน้น การทำการตลาดในลักษณะเชิงรุกมากขึ้น โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น อาทิ ร้านค้าส่ง,ร้านค้าในแต่ละจังหวัด,ร้านค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจะอำนวยความสะดวกและเข้าไปดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
สำหรับในกลุ่มลูกค้าเดิม บริษัทจะดึงศักยภาพออกมาใช้ให้เต็มที่ รวมทั้งปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยหันมาเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านModern Trade และเจาะตลาดลูกค้าโครงการมากขึ้น โดยจะให้ความสำคัญกับสินค้าประเภท Innovation มากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทสามารถคิดค้นพัฒนา และผลิตได้เองเป็นหลัก เช่น รีโมทสวิทช์ และclick-set เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง และสร้างรายได้ให้กับบริษัท
“เดิมทีบริษัทไม่ได้คาดหวังลูกค้าใหม่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่หลังจากมีการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ส่งผลให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าโครงการ ซึ่งในปีนี้นอกจากบริษัทจะประมูลงานภาครัฐมากขึ้นแล้ว ยังมีแผนจะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศเอเชียใต้มากขึ้นด้วย” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับการขยายสายการจัดจำหน่าย(ดีลเลอร์)เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังขาดอยู่คือภาคตะวันออก ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทวางขายครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 3.5 แสนชิ้นต่อเดือน หรือประมาณ 4.2 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยคาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมทั้งปี2553 เติบโตตามเป้า 17-20%
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส1/2553 บริษัทมีสัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์บัลลาสต์ และหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งแบ่งเป็นบัลลาสต์สำหรับหลอดไฟในอาคารบ้านเรือน 31.53% ,บัลลาสต์สำหรับหลอดไฟฟ้าปล่อยประจุความเข้มสูง(HID) 21.36% ,หม้อแปลงสำหรับหลอดฮาโลเจน 8.31% 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์หลอดไฟฟ้าแบบปล่อยประจุความเข้มสูง(HID)3.77% 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์Control Gear(อุปกรณ์ส่วนควบที่ใช้ในวงจรไฟฟ้าแสงสว่าง) 6.07% 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์อำนวยความสะดวกภายในบ้าน 1.17% และ5.กลุ่มผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้า 26.59%
บมจ.ธีระมงคลฯ เร่งเครื่องรุกธุรกิจครึ่งปีหลังเต็มสูบ ลุยขยายตลาดค้าส่งในกรุงเทพ และตลาดภูธร ส่งสินค้าขายผ่านโมเดิร์นเทรด และลูกค้าโครงการเพิ่มขึ้น พร้อมเล็งกวาดออเดอร์อินโดนีเซีย และกลุ่มเอเชียใต้เพิ่มขึ้น ปั้นสินค้ามาร์จิ้นสูงรีโมทสวิทช์และclick-set ดันรายได้รวมทั้งปี53โตตามเป้า 17-20%
นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง2553 บริษัทจะเน้น การทำการตลาดในลักษณะเชิงรุกมากขึ้น โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น อาทิ ร้านค้าส่ง,ร้านค้าในแต่ละจังหวัด,ร้านค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจะอำนวยความสะดวกและเข้าไปดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
สำหรับในกลุ่มลูกค้าเดิม บริษัทจะดึงศักยภาพออกมาใช้ให้เต็มที่ รวมทั้งปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยหันมาเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านModern Trade และเจาะตลาดลูกค้าโครงการมากขึ้น โดยจะให้ความสำคัญกับสินค้าประเภท Innovation มากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทสามารถคิดค้นพัฒนา และผลิตได้เองเป็นหลัก เช่น รีโมทสวิทช์ และclick-set เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง และสร้างรายได้ให้กับบริษัท
“เดิมทีบริษัทไม่ได้คาดหวังลูกค้าใหม่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่หลังจากมีการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น ส่งผลให้มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าโครงการ ซึ่งในปีนี้นอกจากบริษัทจะประมูลงานภาครัฐมากขึ้นแล้ว ยังมีแผนจะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศเอเชียใต้มากขึ้นด้วย” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับการขยายสายการจัดจำหน่าย(ดีลเลอร์)เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังขาดอยู่คือภาคตะวันออก ทั้งนี้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทวางขายครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 3.5 แสนชิ้นต่อเดือน หรือประมาณ 4.2 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยคาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมทั้งปี2553 เติบโตตามเป้า 17-20%
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส1/2553 บริษัทมีสัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์บัลลาสต์ และหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งแบ่งเป็นบัลลาสต์สำหรับหลอดไฟในอาคารบ้านเรือน 31.53% ,บัลลาสต์สำหรับหลอดไฟฟ้าปล่อยประจุความเข้มสูง(HID) 21.36% ,หม้อแปลงสำหรับหลอดฮาโลเจน 8.31% 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์หลอดไฟฟ้าแบบปล่อยประจุความเข้มสูง(HID)3.77% 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์Control Gear(อุปกรณ์ส่วนควบที่ใช้ในวงจรไฟฟ้าแสงสว่าง) 6.07% 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์อำนวยความสะดวกภายในบ้าน 1.17% และ5.กลุ่มผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้า 26.59%