Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 2222 2223 [2224] 2225 2226 ... 2397
33346
แหวน แหวน ร่วมลุ้นโชค 5 ล้าน งานครบรอบ 5 ปี “5 ยกกำลัง 5 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”


คุณแหวน แหวน ปวริศา เพ็ญชาติ ร่วมลุ้นโชคมูลค่า 5 ล้านบาท ในงานฉลองครบรอบ 5 ปี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “5 ยกกำลัง 5 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” สำหรับผู้ใช้บริการการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างวันนี้ ถึง 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.suvarnabhumiairport.com / www.kingpower.com  และ www.facebook.com/fivepowerfive

33347
สตาร์ ซันไชน์ ร่วมกับ รมช. ต่อพงษ์ ไชยสาส์น สนับสนุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม 100,000 บาท



นายอุทัย พงศ์พฤกษธาตุ (คนขวา) ที่ปรึกษาบริษัท สตาร์ ซันไชน์ จำกัด และ ซัน คลาร่า มอบเงินให้แก่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น (คนที่สองจากขวา) ในนามมูลนิธิไชยสาส์น เพื่อร่วมสมทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 100,000.00 บาท (หนึ่งแสนบาท) โดยเงินดังกล่าวจะนำไปช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบอย่างหนักจากเหตุอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

33348


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=lCQ6nTP2DK8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=lCQ6nTP2DK8</a>

33349
“ดรีม” เจอศึกหนักนางเอกป้ายแดง เลิฟซีนดุเดือดประกบ “ปีเตอร์”


               ก้าวสู่วงการแสดงครั้งแรกในชีวิต ก็เจอกับบทพิสูจน์ที่วัดฝืมืออย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับผู้กำกับมากฝีมือ“ต้อม” เป็นเอก รัตนเรือง รวมถึงบทบาท “โสเภณี” ที่ได้รับในหนัง “ฝนตกขึ้นฟ้า”งานนี้ทำเอานางเอกน้องใหม่ “ดรีม”ชนกพร สยังกูล ต้องทำการบ้านอย่างหนักเช่นกัน

               “ในเรื่องดรีมรับบทเป็น ทิวา หรือ จอยค่ะ รับบทเป็นผู้หญิงกลางคืน แต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดวิ่งหาผู้ชาย คือจะนิ่งๆ ก็จะมีคนเข้ามาหาจะมีมุมที่น่าสนใจตรงที่วาดรูปได้ มีมุมที่เป็นอาร์ตติสท์ ไม่ต้องแต่งตัวโป๊ตลอดเวลา ส่วนกับบทเลิฟซีนฟังดูน่ากลัวนะคะ แต่พออ่านบทแล้วก็เข้าใจเหตุผลได้ว่าทำไมต้องมีเลิฟซีน อีกอย่างดรีมเชื่อมั่นในตัวพี่ต้อมที่จะทำให้เลิฟซีนดูเป็นอาร์ตมากกว่า แล้วทีมงานก็จะเป็นกันเองและเข้าใจว่าดรีมยังใหม่ ก็จะมีวิธีพูดให้คลายความกังวล มีวิธีสื่อสารที่ทำให้เราเข้าใจบทมากขึ้น แล้วตัวพี่ปีเตอร์เองที่ดรีมต้องเข้าฉากเลิฟซีนกับพี่เขาก็มีส่วนช่วยมาก ในเรื่องการส่งอารมณ์แม้จะเป็นแค่การซ้อม แต่พี่ปีเตอร์ก็จะเล่นจริง เราก็ต้องแอ็คทีฟให้เต็มที่เหมือนเขาส่งพลังมาเราก็ต้องส่งกลับไปให้มันพอดีกัน พี่ปีเตอร์ช่วยดรีมเยอะมากเลยค่ะ”

               ด้วยความเป็นนักแสดงมือใหม่แกะกล่อง กับการได้มาร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงที่มืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็น “ปีเตอร์”นพชัย ชัยนาม หรือ คริส หอวัง ก็ทำให้เจ้าตัวอดประหม่าไม่ได้

               “ดรีมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาทำอะไรตรงจุดนี้ งานหนังงานละครเป็นอะไรที่ห่างไกลตัวดรีมมาก ตอนแรกก็ตื่นเต้นมาก รู้สึประหม่าที่ต้องมาเจอคุณคริส คุณโจอี้ บอย พี่ปีเตอร์ เจอดาราหน่ะค่ะ เราก็ตกใจว่านี่เราต้องมายืนข้างๆเขาเหรอ แต่พอได้มาเจอพี่ต้อม ได้ผ่านเวิร์คช็อป พูดคุยอ่านบทร่วมกัน ได้ทำงานกันในระยะหนึ่งความตื่นเต้นก็ค่อยๆลดลงค่ะ กลายเป็นความภูมิใจมีเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพี่ต้อม” นักแสดงหน้าใหม่กล่าว

               ติดตามและให้กำลังใจนางเอกใหม่แกะกล่องคนนี้กันได้ใน “ฝนตกขึ้นฟ้า” ฉายพร้อมกันทั่วประเทศ 24 พฤศจิกายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ

33350
สตาร์ ซันไชน์ ร่วมกับ ประจวบ ไชยสาสน์ สนับสนุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม 100,000 บาท


นางสาวสุวรรณี ศรีแก้ว (คนที่สองจากซ้าย) และนายอุทัย พงศ์พฤกษธาตุ (คนซ้าย) ที่ปรึกษาบริษัท สตาร์ ซันไชน์ จำกัด และ ซัน คลาร่า มอบเงินให้แก่ นายประจวบ ไชยสาส์น (คนที่สามจากขวา) ประธานมูลนิธิไชยสาส์น เพื่อร่วมสมทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 100,000.00 บาท (หนึ่งแสนบาท) โดยเงินดังกล่าวจะนำไปช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบอย่างหนักจากเหตุอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

33351
 

                           

ผู้จัดฯเลื่อน “Season Of Love Song#2”
น้ำท่วมทำพิษ-ห่วงแฟนเพลงเดินทาง



               จากเหตุการณ์อุทกภัยทั่วบริเวณกรุงเทพมหานครและได้รับผลกระทบทั่วในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้จัดงานอีเว้นท์และงานคอนเสิร์ตต่างๆ ต้องเลื่อนการจัดงานในช่วงระยะเวลานี้ออกไปหลายเจ้า และในขณะเดียวกับสถานการณ์จากเหตุน้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย แถมยังมีมวลน้ำก้อนใหญ่แพร่กระจายเข้าสู่กรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง จึงทำให้ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง "ปอ--ญาณกร อภิราชกมล" Managing Director บ.บูส แบงกอก ได้ตัดสินใจเลื่อนจัดงานเทศกาลดนตรีสายลมหนาว “Season Of Love Song music Festival ครั้งที่ 2” ที่จะจัดขึ้น ณ สวนผึ้งรีสอร์ท จ.ราชบุรี ในวันที่ 26 พ.ย. 54 นี้ ออกไปเป็นต้นปีหน้า
             โดย "ปอ-ญาณกร อภิราชกมล" Managing Director บ.บูส แบงกอก จำกัด ได้กล่าวว่า "จากเหตุการณ์น้ำท่วมตอนแรกเราก็คิดว่ามันจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ แต่ถึงตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ยังไม่ดีขึ้นเลย อีกอย่างก็ได้มีมวลน้ำก้อนใหญ่ที่กำลังจะไหลลงสู่ทางใต้ของประเทศ ซึ่งก็อาจจะผ่านจ.สมุทรสาคร , จ.นครปฐม และจ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดงาน อีกอย่างการเดินทางของแฟนเพลงที่จะเข้าไปรับชมเทศกาลดนตรีก็คงไม่ไม่สะดวกเท่าไรนัก อีกอย่างบางคนอาจจะกังวลกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่ ทางเราก็เลยตระหนักเห็นถึงความเดือดร้อนของแฟนเพลง ก็เลยขอเลื่อนจัดงานเทศกาลดนตรีออกไปคาดว่าจะเป็นต้นปี 2555 โดยผู้ที่จองบัตรไว้แล้ว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.seasonoflovesong.com หรือโทร 02 938 5959 ต่อ 140,141 ส่วนเทศกาลดนตรีดีๆ ของบูส แบงกอก จะจัดขึ้นวันไหนเราจะกระจายให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่งแน่นอนครับ” ปอกล่าว



33352



ประวัตินักแสดง
   Mary Elizabeth Winstead (แมรี อลิซาเบธ วินสตีลด์) รับบทเป็น Kate Lloyd (เคท ลอยด์)

               เริ่มต้นยึดอาชีพนักแสดงตั้งแต่ยังเด็ก ในซอลท์ เลค ซิตี้, ยูทาห์ ในช่วงวัยรุ่น พรสวรรค์อันโดดเด่นของเธอในด้านการเต้นและการแสดงทำให้เธอมีโอกาสได้ศึกษาด้านการเต้นที่สถานบันจอฟฟรีย์ บัลเลต์ สคูลที่โด่งดังในนิวยอร์ก ซิตี้ ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงบนเวทีบรอดเวย์และร่วมร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียงเด็กนานาชาติ หลังจากทำงานหนักมาหลายปี ความรักในการแสดงของเธอก็นำไปสู่การประสบความสำเร็จในแวดวงจอแก้วและจอเงินที่มีการแข่งขันกันสูงของฮอลลีวูด
   เมื่อเร็วๆ นี้ วินสเต็ดเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์แวมไพร์ผจญภัยพีเรียดโดยทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์เรื่อง Abraham Lincoln: Vampire Hunter ในบทแมรี ท็อดด์ ลินคอล์น ประกบเบนจามิน วอล์คเกอร์ (อับราฮัม ลินคอล์น) ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยทิเมอร์ เบคแมมเบทอฟ และสร้างขึ้นจากหนังสือโดยเซธ เกรแฮม-สมิธ ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้แวมไพร์ของลินคอล์นระหว่างสงครามกลางเมือง และร่วมแสดงโดยโดมินิค คูเปอร์และแอนโธนี แม็คกี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 22 มิถุนายน ปี 2012
   ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 วินสเต็ดได้แสดงประกบไมเคิล เซราในภาพยนตร์แอ็กชัน คอเมดี แฟนตาซีโดยยูนิเวอร์แซลเรื่อง Scott Pilgrim vs. the World ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากนิยายภาพโดยไบรอัน ลี โอ’มัลลีย์ และกำกับโดยเอ็ดการ์ ไรท์ ร่วมแสดงโดยคริส อีวานส์, เจสัน ชวอร์ทซ์แมน, แบรนดอน เราธ์และแอนนา เคนดริค
   ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของวินสเต็ดได้แก่ Grindhouse Presents: Quentin Tarantino’s Death Proof ที่เธอแสดงประกบเคิร์ท รัสเซลและโรซาริโอ ดอว์สัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้วินสเต็ดได้โชว์ทักษะการร้องเพลงด้วยการร้องเพลง Baby It’s You นอกจากนี้ เธอยังได้ร่วมแสดงกับนักแสดงชื่อดังอย่างวิลเลียม เอช. เมซี, เดมี มัวร์, เอไลจาห์ วู้ด, ชารอน สโตนและเซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์ในภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำโดยเอมิลิโอ เอสเตเวซเรื่อง Bobby ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้วินสเต็ดได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยม ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่ Factory Girl, Black Christmas, Live Free or Die Hard, Sky High และ Final Destination 3
   ปัจจุบัน วินสเต็ดใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย


JOEL EDGERTON  (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) รับบทเป็น Braxton Carter (แบร็กซ์ตัน คาร์เตอร์)

               เกิดในแบล็คทาวน์ รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เขาได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น Erskineville Kings, King Arthur, Ned Kelly และ Star Wars:  Episode II—Attack of the Clones และ Star Wars: Episode III—Revenge of the Sith ในบทโอเวน ลาร์ส พี่บุญธรรมของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์และลุงของลุค สกายวอล์คเกอร์
   ปัจจุบัน เอ็ดเกอร์ตันได้แสดงในดรามาผสมผสานศิลปะการต่อสู้ของไลออนส์เกทเรื่อง Warrior ประกบนิค โนลเต้และทอม ฮาร์ดี้ โดยเขารับบทพี่ชายที่ห่างเหินกันไปของฮาร์ดี้และลูกชายของโนลเต้ ผู้เป็นตัวเอกสำคัญของเรื่อง Warrior เข้าฉายในวันที่ 9 กันยายน ปี 2011
   เมื่อเร็วๆ นี้ เอ็ดเกอร์ตันได้แสดงใน Animal Kingdom ดรามาอาชญากรรมทรงพลังที่ล้วงลึกสงครามดุเดือดระหว่างตระกูลอาชญากรรมและตำรวจ และชีวิตคนธรรมดาที่ถูกดึงไปพัวพัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลเวิลด์ ซีเนมา จูรี ไพรซ์สาขาดรามาจากงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2010 และรางวัลสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลีย (เอเอฟไอ) สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดนิยม ผลงานของเขาในภาพยนตร์เรื่องนั้นทำให้เขาได้รับรางวัลเอเอฟไอ อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
   ในปี 2009 เอ็ดเกอร์ตันได้รับบทสแตนลีย์ประกบเคท บลังเชตต์ในละครโดยซิดนีย์ เธียเตอร์ คัมปะนีเรื่อง A Streetcar Named Desire เอ็ดเกอร์ตันและบลังเชตต์ได้แสดงในจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ เซ็นเตอร์ ฟอร์ เดอะ เพอร์ฟอร์มมิง อาร์ตส์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 และที่บรูคลิน อคาเดมี ออฟ มิวสิคในเดือนธันวาคม ปี 2009
   เมื่อเร็วๆ นี้ เอ็ดเกอร์ตันเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง The Odd Life of Timothy Green ซึ่งเขาแสดงประกบเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ แฟนตาซีเทพนิยายเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคู่สามีภรรยาที่ไร้ทายาท และพวกเขาก็ฝังความปรารถนาที่จะมีลูกในกล่องที่สวนหลังบ้าน วันหนึ่ง พวกเขาตื่นขึ้นมาพบว่า เด็กคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา แต่เขาไม่ใช่อย่างที่เห็น ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2012
   ในเดือนสิงหาคม ปี 2011 เอ็ดเกอร์ตันเรสิ่มถ่ายทำภาพยนตร์รีเมกเรื่อง The Great Gatsby ที่กำกับโดยบาซ ลูห์แมน และสร้างขึ้นจากนิยายดังโดยเอฟ. สก็อต ฟิตซ์เจอรัลด์ สำหรับวอร์เนอร์ บรอส. เอ็ดเกอร์ตันรับบททอม บูชานาน ประกบลีโอนาร์โด ดิคาปริโอและแครีย์ มัลลิแกน ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในปี 2012
   เอ็ดเกอร์ตันเข้าศึกษาในเนเปียน ดรามา สคูลทางตะวันตกของซิดนีย์ก่อนจะย้ายไปตามการแสดงละครเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะที่ซิดนีย์ เธียเตอร์ คัมปะนี ที่ซึ่งเขาได้แสดงใน Blackrock, Third World Blues และ Love for Love และที่เบล เชคสเปียร์ ที่ซึ่งเขาได้แสดงใน Henry IV ด้านจอแก้ว เอ็ดเกอร์ตันเป็นที่รู้จักจากบทวิลล์ในซีรีส์ The Secret Life of Us ซึ่งเขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอเอฟไอ อวอร์ด
   ในปี 2008 เอ็ดเกอร์ตันได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Square ที่กำกับโดยแนช เอ็ดเกอร์ตัน พี่ชายของเขา ในปีเดียวกัน เอ็ดเกอร์ตันได้แสดงใน Acolytes ภาพยนตร์ออสเตรเลียเกี่ยวกับวัยรุ่นผู้ล้างแค้นฆาตกรต่อเนื่อง ในปี 2007 เอ็ดเกอร์ตันได้แสดงประกบจอช ฮอลโลเวย์ใน Whisper นอกจากนี้ เขายังได้รับบทสำคัญในภาพยนตร์อเมริกันปี 2006 เรื่อง Smokin’ Aces อีกด้วย
   ในปี 2005 เอ็ดเกอร์ตันได้รับบทนำประกบชิเวเทล เอจิโอโฟร์ในคอเมดีอังกฤษเรื่อง Kinky Boots ในบทลูกชายของช่างทำรองเท้าผู้ล่วงลับ ผู้ต้องหาตลาดนิชมาร์เก็ตในศตวรรษที่ 21 ในปีเดียวกัน เขาได้พากย์เสียงตัวละครเอกใน The Mysterious Geographic Explorations of Jasper Morello ภาพยนตร์อนิเมชันขนาดสั้นที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล     อคาเดมี อวอร์ด
   ปัจจุบัน เอ็ดเกอร์ตันแบ่งเวลาระหว่างการอยู่ที่ออสเตรเลียและลอสแองเจลิส


ADEWALE AKINNUOYE-AGBAJE  (อะเดเวล อคินนูเย-แอ็กบาเจ) รับบทเป็น Jameson (เจมสัน)

               เกิดจากพ่อแม่ชาวไนจีเรียในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขานิติศาสตร์จากคิงส์ คอลเลจ ที่โด่งดังในกรุงลอนดอนแล้ว เขาก็ได้ค้นพบสิ่งที่เขาชื่นชอบอย่างแท้จริงเมื่อผู้อำนวยการสร้าง/ผู้กำกับชื่อดัง แฟรงค์ มาร์แชลได้เลือกเขาให้แสดงในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โดยพาราเมาท์ พิคเจอร์สเรื่อง Congo ตามมาด้วยบทบาททั้งจอแก้วและจอเงิน ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ Ace Ventura: When Nature Calls, Legionnaire, ภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง Deadly Voyage, ซีรีส์ Cracker: Mind Over Murder, New York Undercover และมินิซีรีส์เอบีซีเรื่อง 20,000 Leagues Under The Sea
   ปัจจุบัน เขาได้แสดงประกบโรเบิร์ต เดอ นีโร, ไคลฟ์ โอเวน, เจสัน สเตแธมและโดมินิค เพอร์เซลในภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์โดยโอเพน โร้ด ฟิล์มส์เรื่อง Killer Elite ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่กำกับโดยแกรี แม็คเคนดรี้ เข้าฉายในวันที่ 23 กันยายน ปี 2011 นอกจากนี้ เขายังจะได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดยเมด อัพ นอร์ธ โปรดักชันส์เรื่อง  Best Laid Plans ที่กำกับโดยผู้กำกับเจ้าของรางวัลบาฟตา เดวิด แบลร์
   หลังจากนี้ เขาจะได้แสดงในภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์ บรอส. เรื่อง  Bullet to the Head ที่นำแสดงโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, คริสเตียน สเลเตอร์และโฮลท์ แม็คคัลลานี และกำกับโดยวอลเตอร์ ฮิล เมื่อเร็วๆ นี้ เขายังเพิ่งพากย์เสียงให้กับภาพยนตร์โดยโซนี พิคเจอร์ส อนิเมชันเรื่อง The Pirates! Band of Misfits ที่กำกับโดยปีเตอร์ ลอร์ด และเจฟฟ์ นิววิทท์ อีกด้วย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 30 มีนาคม ปี 2012
   ในปี 2007 เขาได้แสดงภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่องแรกของเขา Farming ที่ซันแดนซ์ แล็บส์อันทรงเกียรติของโรเบิร์ต เร้ดฟอร์ด และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดแอนเนนเบิร์ก ฟิล์ม เฟลโลว์สจากผลงานในเรื่องนั้นของเขา
   ด้วยความเป็นคนที่ท้าทายการถูกจัดประเภทเสมอ เขาจึงขยายขอบเขตการทำงานของเขาพร้อมๆ ไปกับการโฟกัสที่อาชีพนักแสดงของเขา ล่าสุด เขาได้แสดงประกบดเวย์น จอห์นสันและบิลลี บ็อบ ธอร์นตัน ในภาพยนตร์โดยซีบีเอส ฟิล์มส์เรื่อง Faster นอกจากนี้ เขายังแสดงในภาพยนตร์ฮิตเรื่อง Get Rich or Die Tryin’, The Bourne Identity, The Mummy Returns และโรแมนติกคอเมดีเรื่อง The Mistress of Spices นอกเหนือจากนั้น เขายังได้รับการยกย่องให้เป็น “นักแสดงบู๊” จากบรรดานิตยสารต่างๆ ด้วยตัวละครที่เข้มแข็งของเขาในจอแก้วและจอเงิน ซึ่งถูกแสดงออกมาอย่างเด่นชัดในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โดยพาราเมาท์ พิคเจอร์สเรื่อง  G.I. Joe: The Rise of Cobra
   อคินนูเย-แอ็กบาเจ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากบทไซมอน อเดลบีซี นักโทษติดยาผู้น่าสะพรึงกลัวในซีรีส์ดังของเอชบีโอเรื่อง Oz การแสดงที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็นเอเอซีพี อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดรามาและนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมประเภทซีรีส์ดรามา รวมไปถึงบทมิสเตอร์ เอโก ชายลึกลับในดรามาประสบความสำเร็จทางเอบีซีของเจ.เจ. อับรามส์เรื่อง Lost ระหว่างที่ยังเล่นซีรีส์ Lost อยู่นั้น เขาได้รับรางวัลแซ็กและรางวัลลูกโลกทองคำสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยม
   เขาพูดได้หลายภาษา รวมถึงภาษาอิตาเลียน ฝรั่งเศสเล็กน้อย และโยรูบา ซึ่งเป็นภาษาไนจีเรียที่พ่อแม่ของเขาพูด ปัจจุบัน เขาใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส


ประวัติทีมผู้สร้าง
   MATTHIJS VAN HEIJNINGEN (แมทไธส์ ฟาน เฮนินเกน) ผู้กำกับ

               เป็นลูกชายของผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังชาวดัทช์ และในช่วงวัยรุ่น เขาก็ได้ถ่ายภาพและทำงานในทุกตำแหน่งในภาพยนตร์ของพ่อเขา ตั้งแต่การสร้างฉาก การให้แสงไปจนถึงการลำดับภาพ เมื่อเขาเผยโฉมในฐานะผู้กำกับและนักเล่าเรื่องในชื่อของตัวเอง ก็ไม่มีใครแปลกใจเลยซักนิด ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ขนาดสั้นที่เขาสร้างขึ้นระหว่างเรียนกฎหมายไปจนถึงโปรเจ็กต์ทะเยอทะยาน โด่งดังในแวดวงโฆษณาระดับโลก เอกลักษณ์ของเขาในการผสมผสานเรื่องราวตลกร้าย การเล่าเรื่องที่หนักแน่น และสุนทรียศาสตร์ด้านภาพยนตร์ที่งดงามเป็นสิ่งที่ทำให้ผลงานของเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ
   นับตั้งแต่ปี 1999 ฟาน เฮนินเกนกลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับโฆษณาที่โด่งดังและได้รับการยกย่องสูงสุดในยุโรป ด้วยรางวัลคานส์ ไลออนส์และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ผลงานของเขาสำหรับลูกค้าแบรนด์ดังอย่างโตโยต้า, เปอโยต์, เรโนลท์, สเตลลา อาร์ตัวส์, เป๊ปซี, ไฮเนเก้นและวีซา รวมไปถึงโฆษณาที่น่าตกตะลึง The Closet ที่เขาสร้างให้กับแคแนล+ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความทุ่มเทที่เฮนินเกนมีให้กับการนำเสนอตัวละครหลากมิติ ที่มีความเป็นมนุษย์ลงไปในบริบทขนาดสั้น
   ในปี 2006 ฟาน เฮนินเกนได้ย้ายไปลอสแองเจลิส ที่ซึ่งพรสวรรค์ของเขาเป็นที่สนใจของแซ็ค สไนเดอร์ ผู้กำกับที่มีพื้นฐานจากวงการโฆษณาเช่นเดียวกัน ไม่นานหลังจากนั้น ฟาน เฮนินเกนก็ได้เซ็นสัญญากำกับ Army of the Dead ภาพยนตร์แอ็กชัน สยองขวัญ ผจญภัย ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในลาสเวกัส ที่เต็มไปด้วยซอมบี้ สร้างขึ้นจากเรื่องราวออริจินอลโดยสไนเดอร์ ฟาน เฮนินเกนได้นำทางโปรเจ็กต์นี้ตั้งแต่ช่วงพัฒนา ช่วงพรีโปรดักชัน แม้ว่าในที่สุด Army of the Dead ก็ถูกพักโปรเจ็กต์เอาไว้ก่อน
   หลังจากทิ้งจุดเริ่มต้นปลอมๆ นี้ไว้เบื้องหลัง เขาก็ใช้โอกาสนี้ติดต่อกับมาร์ค อับราฮัมและอีริค นิวแมนจากสไตรค์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ผู้อำนวยการสร้างเบื้องหลัง Dawn of the Dead ของแซ็ค สไนเดอร์ ระหว่างการพัฒนา The Thing ให้กับยูนิเวอร์แซล สไตรค์ก็พบว่าฟาน เฮนินเกน เป็นผู้ร่วมงานที่เพอร์เฟ็กต์ เพราะเขาได้นำทัศนคติที่สดใหม่และสร้างแรงบันดาลใจมาสู่โปรเจ็กต์นี้ รวมถึงความรู้ที่ลึกซึ้งและความชื่นชมที่เขามีต่อภาพยนตร์ฉบับปี 1982 ด้วย


ERIC HEISSERER (อีริค ไฮเซอร์เรอร์) เขียนบท

               เมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Final Destination 5 ให้กับนิวไลน์ ซีเนมาและแพรคทิคัล พิคเจอร์ส หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับนิวไลน์มาแล้วในฐานะมือเขียนบทภาพยนตร์ปี 2010 เรื่อง A Nightmare on Elm Street ที่อำนวยการสร้างโดยแพลตินัม ดูนส์
   ปัจจุบัน ไฮเซอร์เรอร์มีโปรเจ็กต์หลายชิ้นที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งรวมถึง Inhuman ที่ร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างทากะ อิจิเสะและ The Occupants ที่เฮย์เดย์ ฟิล์มส์ เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งขายตอนไพล็อตซีรีส์ให้กับเอบีซี ที่สร้างขึ้นจากภาพยนตร์เดนิชเรื่อง Headhunter ซึ่งมีเรื่องราวเกิดขึ้นในแวดวงจารกรรมความลับระหว่างบริษัท โปรเจ็กต์ไพล็อตก่อนหน้านี้ของเขาได้แก่ Utopia สำหรับซีบีเอสและ Midnighters สำหรับวอร์เนอร์ บรอส.

33353

ข้อมูลงานสร้าง

               แอนตาร์กติกา เป็นทวีปที่มีความงดงาม อย่างพิเศษสุด และมันก็ยังเป็นที่ตั้งของสถานีที่ห่างไกลผู้คน ที่เรียกกันว่าสถานีธูเลอีกด้วย ที่นั่น ทีมนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายชาติได้ทำการค้นพบสิ่งที่น่าตกตะลึง แต่ความยินดีนั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นความหวาดระแวงที่น่าสะพรึงกลัวในทริลเลอร์เรื่อง The Thing เมื่อกลุ่มนักวิจัยได้พบบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่มีความสามารถในการจำลองตัวเองให้เหมือนกับสิ่งมีชีวิตประเภทไหนก็ได้
   ดร.เคท ลอยด์ (แมรีj อลิซาเบธ วินสตีลด์ จาก Scott Pilgrim vs. the World) นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ละทิ้งห้องแล็บปราศจากโรคที่ปลอดภัยของเธอไว้เบื้องหลัง และเดินทางสู่ดินแดนรกร้างนี้เพื่อการสำรวจครั้งสำคัญในชีวิต
   หลังจากที่ได้ร่วมงานกับทีมวิจัยชาวนอร์เวย์ ที่นำทีมโดยเอ็ดเวิร์ด โวลเนอร์ (ทรอนด์ เอสเพน เซมจาก Fallen Angels) ที่บังเอิญเจอสัตว์ประหลาดที่ฝังร่างอยู่ใต้น้ำแข็ง เคท ร่วมกับเพื่อนนักสำรวจ ดร.แซนเดอร์ ฮัลวอร์สัน (อัลริค ธอมสันจาก Season of the Witch) และอดัม (อีริค คริสเตียน โอลสันจาก NCIS: Los Angeles) ก็ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนจะฝังร่างอยู่ใต้น้ำแข็งนี้มาหลายล้านปีแล้ว
   เมื่อการทดลองง่ายๆ ใกล้กับสถานีแห่งนี้ปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตนั้นจากน้ำแข็งที่คุมขังมันไว้ เคทก็ต้องร่วมมือกับนักบิน คาร์เตอร์ (โจเอล เอ็ดเกอร์ตันจาก Warrior) และคู่หูของเขา เจมสัน (อะเดเวล อคินนูเย-แอ็กบาเจ) เพื่อหยุดยั้งไม่ให้มันสังหารทุกคนและทุกสิ่งที่มันพบ และในดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้เอง อสุรกายตัวนี้ได้จำลองร่างของทุกสิ่งที่มันสัมผัส…ทำให้มนุษย์ต้องเผชิญหน้ากันเองขณะที่มันต่อสู้เพื่อเติบโต มีชีวิตรอด
   The Thing ซึ่งเป็นเหมือนปฐมบทไปสู่ภาพยนตร์คลาสสิกของจอห์น คาร์เพนเตอร์ปี 1982 ที่มีชื่อเดียวกัน กำกับโดยแมทไธส์ ฟาน เฮนินเกน ในฐานะผลงานกำกับเรื่องแรกของเขา ทริลเลอร์เรื่องนี้เขียนบทโดยอีริค ไฮเซอร์เรอร์ (A Nightmare on Elm Street) และสร้างขึ้นจากเรื่องราวสยองขวัญคลาสสิก Who Goes There? โดยจอห์น ดับบลิว. แคมป์เบล จูเนียร์
   มาร์ค อับราฮัมและอีริค นิวแมน (Dawn of the Dead, In Time, The Last Exorcism, Children of Men) ทำหน้าที่อำนวยการสร้างภายใต้แบนเนอร์สไตรค์ เอนเตอร์เทนเมนต์ พวกเขาและฟาน เฮนินเกนได้รับการสนับสนุนจากทีมงานเบื้องหลังที่ประกอบไปด้วย ผู้กำกับภาพมิเชล อับราโมวิคส์ (Taken, From Paris With Love), ผู้ออกแบบงานสร้างฌอน ฮาเวิร์ธ (Thor, Avatar), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย หลุยส์ เซอเควียร์รา (Breach, Flash of Genius), คอมโพสเซอร์ มาร์โก้ เบลทรามี (The Hurt Locker, 3:10 to Yuma) และมือลำดับภาพ จูเลียน คลาร์ค (District 9, The Whistleblower) และปีเตอร์ บอยล์ (The Hours, 1408)
   เจ. ไมลส์ เดล (Hollywoodland), เดวิด ฟอสเตอร์ (John Carpenter’s The Thing), ลอว์เรนซ์ ทูร์แมน (John Carpenter’s The Thing) และกาเบรียลล์ นีแมนด์ (The Last Exorcism) รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง



เกี่ยวกับงานสร้าง

               ประวัติศาสตร์ของ The Thing เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1938 ในตอนที่นักเขียนนิยายไซไฟชื่อดัง จอห์น ดับบลิว. แคมป์เบล จูเนียร์ ตีพิมพ์นิยายขนาดสั้นเรื่อง Who Goes There? เรื่องราวน่าสะพรึงกลัวที่สำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานีวิจัยในแอนตาร์กติกา ในตอนที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบยานพาหนะของเอเลียน แรงบันดาลใจจากนิยายขนาดสั้นเรื่องนั้นของแคมป์เบลทำให้โฮเวิร์ด ฮอว์คส์และคริสเตียน นีบี้สร้างภาพยนตร์เรื่อง The Thing From Another World ขึ้นมาในปี 1951 ทริลเลอร์เรื่องนี้ต่อยอดจากการสำรวจเรื่องความหวาดระแวงในคนกลุ่มนั้นของแคมป์เบลและถ่ายทอดเรื่องราวขนานไปกับยุคสงครามเย็น
   สามสิบปีให้หลัง จอห์น คาร์เพนเตอร์ได้หันไปหาแรงบันดาลใจจากหนังสือของแคมป์เบลเมื่อเขาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ปี 1982 เรื่อง The Thing ด้วยเอฟเฟ็กต์จริงที่ตระการตา ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่เขียนบทโดยบิล แลนคาสเตอร์และอำนวยการสร้างโดยเดวิด ฟอสเตอร์และลอว์เรนซ์ ทูร์แมน กลายเป็นทริลเลอร์คลาสสิก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แฟนๆ และผู้กำกับรุ่นแล้วรุ่นเล่า
   ในปี 2004 ผู้อำนวยการสร้างมาร์ค อับราฮัมและอีริค นิวแมนเพิ่งเปิดตัวภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โดยยูนิเวอร์แซลเรื่อง Dawn of the Dead ในตอนที่ผู้บริหารสตูดิโอได้ทาบทามพวกเขาให้มากุมบังเหียนอีกโปรเจ็กต์หนึ่ง นิวแมนเล่าถึงบทสนทนาช่วงแรกๆ ว่า “ไม่มีสตูดิโอไหนมีประวัติการทำงานในโซนสัตว์ประหลาด/สยองขวัญที่ดีและหลากหลายไปกว่ายูนิเวอร์แซลอีกแล้ว พวกเขาบอกว่า ‘นี่คือห้องสมุดทั้งหมดของเรา คุณคิดยังไงเกี่ยวกับ The Thing บ้าง’ ปฏิกิริยาแรกของเราคือคุณจะไม่พัฒนามัน คุณจะไม่ทำเวอร์ชันที่ดีกว่า มันไม่ใช่หนังที่จะสามารถสร้างใหม่หรือรีเมกได้ครับ”
   หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ อับราฮัมและนิวแมนก็พบว่าตัวเองถูกดึงดูดเข้าหาธีมเกี่ยวกับความไว้วางใจและความหวาดระแวงของเรื่อง อับราฮัมอธิบายว่า “ในทุกเวอร์ชันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นหนังของคาร์เพนเตอร์หรือนิยายขนาดสั้นเรื่องนั้น เรื่องราวนี้เกี่ยวกับความหวาดระแวงมาโดยตลอดครับ” เขาเชื่อว่าธีมเหล่านั้น “ยังคงสามารถเข้าถึงได้เสมอเพราะมันเป็นเรื่องของการไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจ คนที่คุณติดอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายด้วยน่ะครับ”
   นิวแมนกล่าวเสริมว่า “สิ่งแรกที่เราพูดเกี่ยวกับหนังเวอร์ชันนี้คือธีมของมันจะต้องเกี่ยวกับว่าคุณไว้วางใจใครได้หรือไม่ได้บ้าง ยิ่งกว่านั้น เรามีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยที่ว่า ถ้ามีศัตรูล่ะก็ ศัตรูคนนั้นก็จะเป็นคนที่คุณจะไม่สงสัย ตอนนี้ คนร้ายไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบอีกต่อไปแล้วครับ”
   พอพวกเขาตัดสินใจที่จะรับโปรเจ็กต์นี้ พวกเขาก็ต้องการหาวิธีที่จะถ่ายทอดเรื่องราวและเสริมแต่งสิ่งที่ทำมาไว้ได้อย่างดีอยู่แล้ว นิวแมนอธิบายว่า “ทางเดียวที่โปรเจ็กต์นี้ถูกใจเราคือการที่มันจะอยู่ในโลกของคาร์เพนเตอร์ในแบบที่แสดงความเคารพแต่ก็มีความต่อเนื่องอย่างสร้างสรรค์ สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเสมอคือชะตากรรมของชาวนอร์เวย์ ผู้ถูกพูดถึงในหนังต้นฉบับน่ะครับ”
   ในการกำหนดทิศทางให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ อับราฮัมยกย่องความรู้อันกว้างขวางในเนื้อเรื่องต้นฉบับของเพื่อนผู้อำนวยการสร้างของเขา “อีริคเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังพวกนี้และเขาก็เคารพจอห์น คาร์เพนเตอร์อย่างมาก” เขากล่าว “เขามีความทรงจำที่แม่นยำ เขาก็เลยจำทุกจังหวะในหนังเรื่องนั้นได้ พอเราตัดสินใจว่าเราไม่อยากจะรีเมก The Thing เขาก็คิดไอเดียของการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะไปถึงสุนัขตัวนั้นที่อยู่ในตอนเปิดเรื่องในหนังของคาร์เพนเตอร์น่ะครับ”
   เดวิด ฟอสเตอร์ ผู้อำนวยการสร้างเวอร์ชันของคาร์เพนเตอร์ ร่วมงานกับนิวแมนและอับราฮัมในโปรเจ็กต์นี้ ในฐานะผู้ควบคุมงานสร้าง เขาบอกอย่างชัดเจนว่า “นี่เป็นหนังสแตนด์อโลน นี่ไม่ใช่ The Thing ที่จอห์น คาร์เพนเตอร์ สร้างขึ้น และที่ผมรัก ซึ่งจอห์นก็จะบอกคุณว่ามันเป็นหนังที่ดีที่สุดที่เขาสร้างขึ้น หนังเรื่องนี้จะจบตรงที่หนังเรื่องนั้นเริ่มต้นขึ้น มันเป็นเรื่องสำคัญทีเดียวที่แฟนๆ ของ The Thing จะรู้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นสิ่งเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกน่ะครับ”
   เมื่อแผนการสำหรับพรีเควลของ John Carpenter’s The Thing เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันแล้ว อีริค ไฮเซอร์เรอร์ก็เริ่มต้นงานเขียนบทภาพยนตร์ทันที ในฐานะผู้ชื่นชมเรื่องราวนี้มานาน เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเวิร์คสำหรับเขา มือเขียนบทผู้นี้กล่าวให้ความเห็นว่า “พอรู้ว่าหนังเรื่องนี้จะถูกสร้าง ผมก็รู้สึกว่าผมต้องกระโจนใส่โอกาสนี้ทันที ผมรู้ว่าถ้าผมสามารถทำในสิ่งที่แฟนในตัวผมพอใจ ก็หวังว่ามันจะทำให้แฟนๆ ที่อื่นพอใจด้วยเช่นกัน”
   ไฮเซอร์เรอร์ไปมีตติ้งพร้อมด้วยไอเดียมากมายว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะเป็นอย่างไร เขาต้องการให้เวอร์ชันของเขามีลุคและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนต่อยอดจากวิสัยทัศน์ของคาร์เพนเตอร์ ไฮเซอร์เรอร์เล่าว่า “ผมโฟกัสแต่กับตัวละครและเรื่องราว ผมโฟกัสที่ความต่อเนื่อง และผมก็มองหาเรื่องเซอร์ไพรส์ ผมมองหาโอกาสที่ผมจะสามารถนำสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนมาสู่หนังเรื่องนี้ได้ ผมพยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงในโลกที่เรารู้ผลลัพธ์ดีอยู่แล้วน่ะครับ”
   ท้ายที่สุดแล้ว ไฮเซอร์เรอร์ก็ได้ดึงเอาธีมความสงสัยและไม่ไว้วางใจของเรื่องราวออกมา เขากล่าวว่า “ผมรู้สึกว่า The Thing เป็นทริลเลอร์เกี่ยวกับความหวาดระแวงและเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับความไว้วางใจ และสิ่งที่คุณสามารถให้ และรับได้น่ะครับ” เมื่อพบว่าไฮเซอร์เรอร์มีความคิดคล้ายๆ กัน อับราฮัมและนิวแมนก็ยินดีต้อนรับเขาเข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้
   หลังจากนั้น ผู้อำนวยการสร้างก็เข้าทาบทามผู้กำกับแมทไธส์ ฟาน เฮนินเกน ให้มากำกับโปรเจ็กต์นี้และพบว่า สัญชาตญาณของพวกเขาในเรื่องความเหมาะสมของเขานั้นไม่ผิดพลาดเลย นิวแมนพูดถึงการพบกันครั้งแรกของพวกเขาว่า “เราคุยถึงเรื่องนี้ไม่หยุดเลย มันเหมือนกับเดทที่ไม่มีวันสิ้นสุด แล้วพอคุณรู้ตัวอีกที คุณก็แต่งงานแล้วน่ะครับ”
   ผู้กำกับโฆษณาผู้คร่ำหวอดจากฮอลแลนด์ ฟาน เฮนินเกน เปิดตัวผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกด้วย The Thing อับราฮัมยอมรับว่า เขาเชื่อในทักษะของฟาน เฮนินเกนในการสร้างเรื่องราวที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล “เขาเป็นนักเล่าเรื่องครับ” อับราฮัมกล่าว “แล้วเขาก็มีเซนส์ด้านวิชวลที่เป็นเลิศอีกต่างหาก นอกจากนั้นในงานโฆษณาของเขา คุณจะเห็นได้ว่าเขาใส่ใจในเรื่องของตัวละครและความสมจริงอย่างมาก เขาฉลาดในสิ่งที่เขาอยากจะทำและการจินตนาการสิ่งที่เขาจะทำ เขาเคารพต้นฉบับ เขารู้จักมันดี ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะสร้างหนังซักเรื่อง และหนังเรื่องนี้ก็เหมาะสำหรับเขาครับ”
   “ผมชื่นชอบหนังต้นฉบับ มันเป็นหนึ่งในหนังเรื่องโปรดของผมครับ” ฟาน เฮนินเกนบอก “ผมกระโจนเข้าใส่โปรเจ็กต์นี้เพราะผมถูกใจไอเดียนี้ บางครั้ง ผมก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดว่า ‘พระเจ้า ฉันทำอะไรอยู่เนี่ย’ แน่นอนครับว่าผมรู้สึกถึงความกดดันนั้น ผมพยายามจะสร้างสิ่งที่เป็นการแสดงความเคารพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อหนังต้นฉบับเท่าที่ผมทำได้ครับ”
   ไฮเซอร์เรอร์, ฟาน เฮนินเกนและทีมผู้อำนวยการสร้างเริ่มต้นกระบวนการร่วมงานที่เข้มข้นระหว่างช่วงพรีโปรดักชัน นิวแมนอธิบายว่า “เราดูฉากของค่ายชาวนอร์เวย์ที่ถูกทิ้งร้างในหนังของคาร์เพนเตอร์ และเราก็คิดกันว่า ‘เราจะมาถึงจุดนี้ แบบย้อนหลังได้อย่างไร พวกเขาเจอซากที่ถูกเผาของครึ่งคนครึ่งสัตว์ประหลาด มีขวานไฟตรงผนังและมีโครงสร้างที่ถูกเผา…’ น่ะครับ”
   ไฮเซอร์เรอร์กล่าวเปรียบเทียบกระบวนการนี้กับการผ่าพิสูจน์ศพว่า “เรามีของที่หลงเหลือจากหนังของคาร์เพนเตอร์ที่บอกเราว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นบ้างในค่ายของชาวนอร์เวย์ แต่นั่นเป็นเพียงแค่หลักฐานทางนิติเวชเท่านั้น เราต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและทำให้แน่ใจว่าเราจะใส่เรื่องนั้นเข้าไปในเรื่องราวด้วย” ความใส่ใจในรายละเอียดที่ประณีตบรรจงส่งผลดีอย่างยิ่ง มือเขียนบทบอก “เพราะเรามองมันอย่างละเอียดละออ มันก็เลยทำให้เราตื่นตัวอยู่เสมอ มันเหนื่อยแสนสาหัส แต่มันก็คุ้มค่าอย่างเหลือเชื่อด้วยครับ”
   ในการรักษาความถูกต้อง ทีมผู้สร้างใช้เวลานานในการพินิจแต่ละเฟรมในภาพยนตร์ของคาร์เพนเตอร์และทำให้แน่ใจว่า จะมีการอ้างถึงเหตุการณ์หรือสิ่งของนั้นๆ ในเวลาที่เหมาะสม “ในฐานะแฟนของหนังเรื่องนี้ มันเป็นโลกที่เรารู้สึกคุ้นเคยอย่างดี” นิวแมนบอก “เราสามารถคุยกันเรื่องนี้ได้ทั้งวัน ซึ่งเราก็ทำแบบนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสร้างหนังเรื่องนี้โดยไม่ยอมรับว่าหนังของคาร์เพนเตอร์มีอยู่จริง นั่นเป็นสิ่งที่เราตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นครับ”
   ความใส่ใจในรายละเอียดของทีมงานสูงจนทีมผู้สร้างนำดนตรีประกอบออริจินอลที่คลาสสิกของเอ็นนิโอ มอร์ริโคเน คอมโพสเซอร์ชาวอิตาเลียน (ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ “Humanity [Part II]”) จากภาพยนตร์ปี 1982 มาเติมเต็มผลงานของมาร์โก้ เบลทรามี คอมโพสเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย อับราฮัมกล่าวว่า “ดนตรีประกอบเรื่องนั้นให้ความรู้สึกหลอนประสาทอย่างเหลือเชื่อ แล้วมันก็สื่อถึงความเครียดและความหวาดระแวงด้วย…และเราก็รู้ว่าเราต้องให้เกียรติมันครับ”

               

33354

เกี่ยวกับดนตรี

               เอบ ซิลเวียกล่าวว่า “ดนตรีเป็นเครื่องมือการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ที่ช่วยทำให้ผู้ชมเข้าถึงตัวละครได้ทันที ดังนั้น บางทีคุณอาจไม่รู้ก็ได้ว่าการเป็นแม่บ้านปากเปราะ ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัวสามีบ้าอำนาจในโอกลาโฮมายุค 80s เป็นอย่างไร แต่พวกเราทุกคนต่างก็ทึ่งไปกับเพลง I Want Candy ของบาววาววาว บางทีคุณอาจไม่รู้เนื้อร้องเพลง Lovegirl ของทีนา มารีย์ก็ได้ แต่เราทุกคนต่างก็เคยร้องเพลงคลอไปกับเพื่อนซี้ในรถทั้งนั้น (ถ้าคุณไม่เคยทำแบบนั้นล่ะก็ ผมก็เสียใจด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตเลยครับ)
              หวังว่าคุณจะรู้สึกตื่นเต้นเหมือนโจเอล นักเต้นระบำเปลื้องผ้าตอนที่เขาได้ยินท่อนเปิดของเพลง Your Love ของเดอะ เอาท์ฟิลด์ ความตื่นเต้นที่ทรงพลังจนมันทำให้เขาต้องขยับเท้าเต้น ผมสนับสนุนโจเอลครับ คุณจะยั้งใจไม่เต้นไม่ได้เลยเมื่อคุณได้ยินคำร้องว่า ‘Josie’s on a vacation far away…’” 


               แต่แรงบันดาลใจด้านดนตรีของ Dirty Girl คือเมลิสซา แมนเชสเตอร์ เธอเป็นแสงนำทางของคลาร์ค เป็นแหล่งพักพิงใจของเขา ดนตรีของเมลิสซาคือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับวันใหม่ได้ด้วยความหวังในหัวใจว่าซักวันหนึ่ง “ทุกอย่างจะไม่เลวร้าย” อย่างที่โจเอลบอกก็ได้ ความลึกซึ้งและความกว้างขวางของงานของเธอทำให้การเลือกเพลงสำหรับช่วงเวลาสะเทือนอารมณ์ของคลาร์คเป็นไปได้ในรูปแบบที่มีสีสัน น่าตื่นเต้นและคาดไม่ถึง Midnight Blue เพลงสำหรับคู่รัก จะเปิดในจังหวะที่คลาร์คมีช่วงเวลาเป็นส่วนตัวในการทำการบ้านกับแดเนียล เขาพยายามอย่างไร้ผลที่จะสร้างมู้ดโรแมนติกด้วยเพลง Through The Eyes of Love และเพลงที่เป็นส่วนตัวมากๆ ของเมลิสซาเกี่ยวกับยายของเธอ ‘Jenny’ ซึ่งอาจจะเป็นเพลงที่งดงามที่สุด จะเล่นคลอไปในฉากที่คลาร์ค, โจเอลและแดเนียลแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ว่าพวกเขาไม่เคยได้สัมผัสกับความรักจากพ่อแม่ ที่เมลิสซาร้องถึงอย่างอบอุ่น
              และเมื่อแดเนียลถูกทิ้งให้เดินทางตามลำพัง คลาร์คก็ส่งเมลิสซา แมนเชสเตอร์ไปครวญเพลงใหม่ Rainbird (ที่ร่วมแต่งโดยแมรี สทีนเบอร์เกน สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ) เพื่อกระตุ้นให้เธอทำตามความหวัง และไม่ยอมทิ้งความปรารถนาจากหัวใจตัวเอง เสียงของเมลิสซาคือสิ่งที่ทำให้แดเนียลมั่นใจว่า ความรักจะ “มาถึงคุณ” จริงๆ
              เราปิดฉากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเพลงสามเพลงจากเมลิสซา แมนเชสเตอร์ เพลงคลาสสิกของเธอ Don’t
Cry Out Loud ที่ร้องโดยคลาร์คและแดเนียล (โดยมีเมลิสซานั่งอยู่หน้าเปียโน ถ้าคุณสังเกตดูดีๆ ล่ะก็) ตามมาด้วยเพลงคัฟเวอร์ Whenever I Call You Friend (ที่ร่วมแต่งโดยเมลิสซาและเคนนี ล็อกกินส์) โดยไฟฟ์ แดนเจอร์ฟิลด์และอินารา จอร์จ แล้วในตอนจบ เมลิสซาได้พาเรากลับบ้านด้วยเพลง Still Myself เพลงจากอัลบัมล่าสุดของเธอ เมลิสซาส่งเพลงนี้ให้ผมระหว่างที่เรากำลังอยู่ระหว่างการลำดับภาพ และพอผมได้ยินเพลงนี้ ผมก็รู้ทันทีเลยว่ามันสอดคล้องกับสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต และมันเพอร์เฟ็กต์แค่ไหนที่หนังที่ยกย่องว่าเธอเป็นศิลปินที่มีความสำคัญต่อเรามากแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะปิดท้ายด้วยเพลงใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าเธอยังคงเป็นอิทธิพลสำคัญในแวดวงเพลงมากแค่ไหนน่ะ
              จาก Only You ไปจนถึง Delta Dawn, Elvira และ The Life โดยเวนดี้และลิซา ผมพยายามจะใช้เพลงที่เราเก็บไว้ในความทรงจำร่วมกันเพื่อดึงดูดความสนใจของคุณ ห้อมล้อมคุณด้วยความรู้สึกโหยหาถึงอดีต และหวังว่าคุณจะรู้สึกถึงมันในรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น และถ้าคุณเพิ่งเคยได้ยินเพลงพวกนี้เป็นครั้งแรกล่ะก็ ผมก็ยินดีที่ได้เป็นดีเจที่ทำให้คุณสนใจเพลงพวกนี้ และผมก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณได้เริ่มรู้จักเพลงเหล่านี้จาก Dirty Girl ครับ”


สารจากผู้อำนวยการสร้าง

               “เกือบห้าปีมาแล้วที่เอบ ซิลเวียเดินผ่านประตูเข้ามาหาผม จริงๆ แล้ว ผมไม่เต็มใจจะนัดพบกับเขาครั้งนั้น
ด้วยซ้ำไป พบกับมือเขียนบทโนเนมรึ ขอร้องล่ะ ผมเป็นคนสำคัญกว่านั้นนะ แล้วชื่อของเขาน่ะหรือ ผมมองเห็นภาพของคู่สามีภรรยาเชื้อสายยิว เถียงกันท่ามกลางอาทิตย์อัสดงในโบคา แต่ผู้จัดการก็โทรหาผมไม่หยุด เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ผมก็เลยนัดเขา และตามธรรมเนียมของผู้บรริหารฝ่ายพัฒนาของฮอลลีวูด ผมก็เลยไม่ได้อ่านบทของเขาจนกระทั่งคืนก่อนหน้าที่เราจะพบกัน และถึงกระนั้น ผมก็คิดว่าผมจะอ่านไปแค่ประมาณยี่สิบกว่าหน้าแล้วค่อยเลิก แล้วพอเขาเข้ามา ผมก็จะยื่นน้ำให้เขาดื่ม แล้วทุกอย่างก็จะจบเสียที
              แต่ภาพการตอบปฏิเสธที่รวดเร็วในจินตนาการของผมก็ถูกลบเลือนไปเมื่อผมพบว่าตัวเองพลิกบทหน้าแล้ว
หน้าเล่า ทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันในตอนที่ผมมาถึงตอนจบที่ยอดเยี่ยม ให้ตายเถอะ แล้วนี่ผมจะทำยังไงดี คู่มือเขียนบทวัยดึกกำลังมาหาผมแล้ว! ผมเสร็จแน่ ผมก็เลยทำใจรอรับความผิดหวังที่เลี่ยงไม่ได้
              แล้วปรากฏว่าคนที่เดินผ่านประตูผมเข้ามาคือชายหนุ่มร่างสูง ที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนนักแสดง แน่นอน
ว่าเขาจะต้องเป็นพนักงานวิ่งเอกสาร ที่มาหาเงินระหว่างการออดิชัน “สวัสดีครับ ผมชื่อเอบ” ให้ตายเถอะ ผมสามารถบอกได้ภายในไม่กี่นาทีว่าเขาเป็นผู้กำกับ มันปฏิเสธไม่ได้เลย เวลาสิบปีในฐานะนักเต้นและนักออกแบบท่าเต้นบนเวทีบรอดเวย์ทำให้เขามีมาดและความมั่นใจและฝึกฝนเขาสำหรับวินัยในการกำกับภาพยนตร์
การเดินทางทุกครั้งก็เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ในวันนั้น เราจับมือกันและตกลงกันว่าเราจะสร้าง
              ภาพยนตร์เรื่องนี้ ตลอดเวลากว่าห้าปี นายทุนสี่คนที่แตกต่างกัน งบประมาณสิบสองครั้งที่แตกต่างกัน นักแสดงยี่สิบคนที่แตกต่างกันและท้ายที่สุด โลเกชันยี่สิบห้าแห่งที่แตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุมอาณาบริเวณที่สวยงามของลอสแองเจลิส ที่ถูกใช้แทนโอกลาโฮมา ในที่สุด เราก็ได้ภาพยนตร์เรื่องนี้มา
              ผมภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับภาพยนตร์เรื่องนี้และผมก็ซาบซึ้งมากที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน หลังจากที่
เราเปิดรอบปฐมทัศน์โลกในโตรอนโต ผมก็วางแผนที่จะหยุดพักผ่อนเสียที ผมได้ยินว่าโบคาก็ไม่เลวนะครับ”

ร็อบ ปารีส
   

ผู้อำนวยการสร้าง จากปารีส ฟิล์มส์

Rob Paris (ร็อบ ปารีส) 

               ผู้อำนวยการสร้างร็อบ ปารีสเริ่มต้นทำงานในปี 1994 ในฐานะเอเจนท์วรรณกรรมสายภาพยนตร์ที่ครีเอทีฟ อาร์ติสท์ เอเจนซี และได้เป็นตัวแทนของผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากมายเช่นจอห์น แพทริค แชนลีย์, เจอร์รี บรัคไฮเมอร์, โรแลนด์ เอ็มเมอร์ริค, ดีน เดฟลิน, มาร์ค โรมาเน็คและริชาร์ด เคลลี ในปี 2002 ร็อบออกจากซีเอเอเพื่อก่อตั้งมิสชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทพัฒนาและสร้างภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก CEO ของคอมคาสท์/สเป็คเทเคอร์ เอ็ด สไนเดอร์ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายโปรดักชัน ปารีสได้ซื้อสิทธิภาพยนตร์กว่าสิบเรื่อง ซึ่งรวมถึง Whip It! ที่เขาพัฒนาเพื่อเป็นผลงานกำกับของดรูว์ แบร์รีมอร์ ในปี 2006 ร็อบได้ก่อตั้งปารีส ฟิล์ม, อิงค์ และได้ซื้อสิทธิ The Maiden Heist บทภาพยนตร์ดั้งเดิมโดยไมค์ เลอซิเออร์ (You, Me and Dupree) ทันที ปารีสได้รวมทีมนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์และผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์หลายคน ซึ่งรวมถึงมอร์แกน ฟรีแมน, คริสโตเฟอร์ วอลเคน, วิลเลียม เอช. เมซีและมาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จในปี 2007 ปารีส ฟิล์มส์, อิงค์. เพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนตร์โดยเอบ ซิลเวียเรื่อง Dirty Girl ที่นำแสดงโดยจูโน เทมเปิล, มิลลา โจโววิชและวิลเลียม เอช. เมซี             

33355







Juno Temple (จูโน่ เทมเปิ้ล) รับบทเป็น Danielle (แดเนียล)

               จูโน เทมเปิล มีชื่อเสียงเป็นครั้งแรกจากบทบาทเล็กๆ ที่น่าจดจำใน Atonement, Notes On A Scandal และ The Other Boleyn Girl หลังจากนั้น เธอก็ได้ชิมลางงานคอเมดีด้วยภาพยนตร์สุดฮิตสัญชาติอังกฤษเรื่อง St Trinian’s นับตั้งแต่นั้นมา เธอก็โด่งดังขึ้นด้วยบทนำในภาพยนตร์โดยจอร์แดน สก็อตเรื่อง Cracks และการได้แสดงประกบไมเคิล เซราใน Year One ในปีถัดไป นอกเหนือจากบทแดเนียลใน Dirty Girl แล้ว เธอยังจะได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดยซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์และคอนสแตนติน ฟิล์มส์เรื่อง The Three Musketeers อีกด้วย
   จูโน เทมเปิลกล่าวว่า “ฉันชื่นชอบสคริปต์เรื่องนี้มากค่ะ จริงๆ แล้ว ฉันวางมันไม่ลงด้วยซ้ำ มันกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกในตัวฉันและฉันก็คิดว่าแดเนียลเป็นผู้หญิงที่พิเศษสุด และเป็นบทที่ท้าทายมากจนฉันอยากจะรับบทนี้เหลือเกิน นอกจากนั้น นักแสดงคนอื่นๆ ก็ด้วย กลุ่มคนที่ทำงานในโปรเจ็กต์นี้เป็นกลุ่มคนที่เหลือเชื่อจริงๆ และหลังจากได้พบและออดิชันกับเอบ ฉันก็รู้ว่าฉันอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของ Dirty Girl มันไม่เหมือนเรื่องไหนๆ ที่ฉันเคยอ่านมาก่อนเลยค่ะ”


Jeremy Dozier (เจเรมี โดเซียร์) รับบทเป็น Clarke (คลาร์ค)

               เจเรมี โดเซียร์ไม่เคยได้รับบทสำคัญมาก่อนหน้าที่จะได้รับเลือกให้แสดงใน Dirty Girl การค้นหานักแสดงสำหรับบทคลาร์คดำเนินไปในวงกว้างและไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะนักแสดงคนนั้นจะต้องมีความสามารถหลากหลายพิเศษขณะที่ตัวละครตัวนี้จะค่อยๆ ก้าวออกจากเปลือกตัวเอง นอกเหนือจากนั้น เขายังจะต้องมีท่าเต้นสุดยอดด้วย หลังจากที่เอบ ซิลเวียได้ทดสอบหน้ากล้องของเจเรมี เขาก็จับโดเซียร์ไปทดลองเต้นในสตูดิโอเพื่อดูลีลาของเขา ผลที่ออกมาค่อนข้างจะ…น่าตื่นตาตื่นใจ และเรื่องหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องอดีตไปแล้วล่ะ
   เจเรมี โดเซียร์กล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดเกี่ยวกับบทคลาร์คคือความเข้มแข็งภายใน แม้ว่าเขาจะมาจากครอบครัวที่ทุบตีเขาและถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน คลาร์คก็ยังเป็นคนที่ติดดิน ตลก มีเสน่ห์ ฉลาดและน่ารัก ต้องเป็นคนที่มีความเข้มแข็งมหาศาลเลยนะครับถึงจะสามารถรักษาความเป็นตัวเองอยู่ได้ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแบบนั้น คนที่อ่อนแอกว่านั้นคงจะโดนเล่นงานจนน่วมไปแล้วล่ะครับ”


Milla Jovovich (มิลลา โจโววิช) รับบทเป็น Sue-Ann (ซู-แอน)

               มิลลา โจโววิชเป็นนักแสดง ซูเปอร์โมเดล นักออกแบบแฟชันและนักร้องหญิงชาวยูเครน ผู้เคยขึ้นปกนิตยสารหลายร้อยเล่มมาแล้ว นับตั้งแต่เธอหันมาโฟกัสที่งานแสดง เธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์มากมายเช่น The Fifth Element, Zoolander, The Perfect Vacation และแฟรนไชส์ Resident Evil ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ใน Dirty Girl เธอรับบท    ซู-แอน แม่ของแดเนียลผู้เป็น “สาวใจแตกกลับใจ”
   มิลลา โจโววิชกล่าวว่า “มันเป็นหนึ่งในการทำงานที่สนุกที่สุดเท่าที่ฉันมีโอกาสได้ร่วมงานและฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่เอบ ซิลเวียพิจารณาฉันในบทตลกประกบทีมนักแสดงที่มีพรสวรรค์และได้รับการเคารพอย่างสูงชุดนี้ ฉันสนุกสุดเหวี่ยงเลย ตัวละครของฉันแตกต่างจากบทอื่นๆ ที่ฉันเคยเล่นมาก่อน การใช้สำเนียงโอกลาโฮมาเป็นความท้าทายจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงแปลกๆ ไร้เดียงสา ซื่อบื้อ ที่มีหัวใจดีงามและความตั้งใจดีงาม เธอไม่รู้วิธีการเลี้ยงลูกเลยซักนิด ในตอนจบเรื่อง การที่เธอได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับลูกสาวของเธอเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีค่ะ”


William H. Macy (วิลเลียม เอช. เมซี) รับบทเป็น Ray (เรย์)

               วิลเลียม เอช. เมซี ผู้อาจเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดเรื่อง Fargo ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักแสดงผู้สามารถเล่นได้ทั้งภาพยนตร์อินดีระดับสูงและภาพยนตร์สตูดิโอฟอร์มยักษ์ นอกจากจะสานสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้กำกับพี.ที. แอนเดอร์สันและเดวิด มาเม็ต ผู้ซึ่งเขาได้ร่วมงานด้วยใน Boogie Nights, Magnolia และ The House of Game แล้ว เขายังได้แสดงใน Wild Hogs, Jurassic Park III และ Air Force One อีกด้วย เมซีได้รับบท เรย์ คู่หมั้นมอร์มอน ที่ตกใจง่ายของซู-แอน
   เอบ ซิลเวียกล่าวว่า “ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงอเมริกันที่เก่งที่สุด เป็นมือโปรตัวจริงและเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับตัวละครของตัวเองอย่างสุดตัว เขาดึงเอาคุณสมบัติที่ดีที่สุดออกจากตัวทุกคน ทุกวันผมต้องหยิกตัวเองว่าหนึ่งในฮีโรของผมอยู่ในหนังของผมน่ะครับ”


Mary Steenburgen (แมรี สทีนเบอร์เกน) รับบทเป็น Peggy (เพ็กกี้)

               นับตั้งแต่เธอถูกค้นพบในโรงถ่ายพาราเมาท์โดยแจ็ค นิโคลสันในปี 1978 แมรี สทีนเบอร์เกนก็ได้ทำให้ผู้ชมตื่นตะลึงในภาพยนตร์กว่าห้าสิบเรื่องตลอดกว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการคว้าอคาเดมี อวอร์ดจากการแสดงใน Melvin และ Howard แล้ว เธอยังได้แสดงในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น Back to the Future III, Parenthood, Philadelphia และ Nixon ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอได้แสดงอย่างยอดเยี่ยมในคอเมดี ซึ่งรวมถึง Elf, Step Brothers และภาพยนตร์ปี 2009 The Proposal ที่ได้แสดงประกบแซนดรา บุลล็อคและไรอัน เรย์โนลด์ส แมรีรับบทเพ็กกี้ แม่ปากร้ายของคลาร์ค
   แมรี สทีนเบอร์เกนกล่าวว่า “ฉันชอบสคริปต์เรื่อง Dirty Girl ค่ะ แล้วฉันก็ประทับใจกับทีมนักแสดงที่เหลือเชื่อ ที่รู้สึกถูกดึงดูดเข้าหาโปรเจ็กต์นี้เหมือนกับฉัน”


Dwight Yoakam (ดไวท์ โยแคม) รับบทเป็น Joseph (โจเซฟ)

               ดไวท์ โยแคม เป็นนักร้อง/นักแต่งเพลง นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่โด่งดังที่สุดจากดนตรีคันทรีบุกเบิกของเขา เขามียอดขายอัลบัมกว่า 25 ล้านชุด นอกจากนี้ เขายังได้สร้างชื่อในฐานะนักแสดงที่ตราตรึงใจและได้รับการยกย่องสูงสุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแสดงที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมของเขาในบทชายขี้เหล้าใช้ความรุนแรงใน Sting Blade บทฆาตกรโรคจิตใน Panic Room และบทนายอำเภอใน The Three Burials of Melquiades Estrada ดไวท์รับบทโจเซฟ พ่อผู้เกลียดชังเกย์ของคลาร์ค
   เอบ ซิลเวีย กล่าวว่า “ดไวท์ผู้ชาญฉลาดและจริงจังในแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดไวท์เข้าใจความคิดของโจเซฟจริงๆ ดไวท์เป็นศิลปินตัวจริง เขาเป็นผู้ร่วมมือที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเยี่ยม เขาชื่นชอบการค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างตัวละครโจเซฟ ผมชื่นชอบผู้ชายคนนี้จริงๆ เขาผลักดันตัวเองมากยิ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ในทุกๆ เทคครับ”


Tim McGraw (ทิม แม็คกรอว์) รับบทเป็น Danny Briggs (แดนนี บริกส์)

               ทิม แม็คกรอว์เป็นนักร้องคันทรีและนักแสดงชาวอเมริกัน เขาทำยอดขายอัลบัมกว่า 40 ล้านชุดตลอดอาชีพนักร้องของเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ทดลองชิมลางงานแสดง ด้วยการรับบทสมทบในภาพยนตร์ฮิตที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ด The Blind Side, Friday Night Lights, The Kingdom และ Four Christmases ที่ร่วมแสดงกับวินซ์ วอห์นและรีส วิทเธอร์สปูน ใน Dirty Girl เขารับบทแดนนี พ่อผู้ห่างเหินของแดเนียล
   เอบ ซิลเวียกล่าวว่า “ทิมได้นำความอ่อนไหวที่มีมิติและความละเอียดอ่อนมาสู่การแสดงของเขา เขารับบทตัวละครที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อใน Dirty Girl และผมก็ชื่นชมกับสมาธิที่เขานำมาสู่กองถ่าย ทิมมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าเขาเป็นใครและสร้างการแสดงที่เพอร์เฟ็กต์ออกมา เขาเป็นตัวเลือกในฝันสำหรับบทนี้ของผมและผมก็ดีใจสุดๆ ตอนที่เขาตอบตกลงน่ะครับ”


Nicholas D’Agosto (นิโคลัส ดิ อากอสโต) รับบทเป็น Joel (โจเอล)

               นิโคลัสถูกค้นพบโดยอเล็กซานเดอร์ เพย์นในไฮสคูลที่ซึ่งเขาถ่ายทำ Election ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Rocket Science และ Fired Up แต่เขาอาจจะเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบท “เวสต์” จากซีรีส์ Heroes

33356
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=GeAmGzsaaRA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=GeAmGzsaaRA</a>

33357



ผู้กำกับ

Abe Syvia (เอบ ซิลเวีย)

               เอบ ซิลเวีย เริ่มต้นทำงานในแวดวงบันเทิงด้วยการเป็นนักเต้นและนักแสดงละครบรอดเวย์ ด้วยการ “แสดงสองปี” ใน Cats ตามมาด้วยการแสดงในละครฮิตโดยเมล บรูคส์เรื่อง The Producers เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับชั้นนำอย่างซูซาน สโตรแมน, เทรเวอร์ นันน์, กิลเลียน ลินน์, เจเรมี แซมส์, ไมเคิล เบย์, เจอร์รี มิทเชล, เจฟฟ์ คัลฮูนและทอมมี จูนมาแล้ว เขาหันไปสนใจงานจอแก้ว จอเงินและโฆษณาในปี 2001 เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนภาพยนตร์ยูซีแอลเอ ที่ซึ่งเขาได้เรียนกับกิวลา แกซแด็ค, เจอร์ซี แอนท์แซ็ค, แนนซี ริชาร์ดสันและเคอร์ติส เคลย์ตัน เขาได้รับรางวัลแจ็ค นิโคลสัน ดิสติงกวิช ไดเร็คเตอร์ อวอร์ด, รางวัลเจมส์ บริดเจสสาขากำกับ และรางวัลวิโต้ รุสโซสาขาการเขียนบท ผลงานภาพยนตร์ของเขาได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกว่า 100 แห่ง เขาได้กำกับและ/หรือออกแบบท่าเต้นในโฆษณาสำหรับสเว็ดก้า ว้อดก้า, โคคา-โคลาและไครส์เลอร์ ล่าสุด เอบได้เขียนบทและกำกับตอนไพล็อตให้กับมายสเปซ เทเลวิชัน เกี่ยวกับชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัยศิลป์ชื่อดังหกคน
               Dirty Girl ซึ่งเขาเขียนบทด้วย เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา


สารจากผู้กำกับ

               “มันเป็นปี 1986 และผมก็ยืนอยู่ในกลุ่มที่โรงเรียนวิทเทียร์ มิดเดิล สคูลในนอร์แมน, โอกลาโฮมา ผมอ้วนเกินพิกัด ยังปิดบังตัวเองอยู่และแอบฝันลับๆ ว่าซักวันหนึ่ง ผมจะได้เป็นนักเต้น ผมมีความฝันที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเอง แต่ตอนนั้น ผมพยายามอย่างที่สุดไม่ให้ตัวเองสะดุดตาใคร และเฝ้ารอให้เวลาพักเที่ยงสุดสยองสิ้นสุดลงเสียที ในตอนที่ทอร์นาโดพัดเข้ามาในรูปแบบของ ‘เดอร์ตี้ เด็บบี้’
               เด็บบี้อายุ 16 ยังเรียนเกรดเจ็ดอยู่ โจน เจ็ทท์บอกว่าเธอ “ไม่ยี่หระ” กับ “ชื่อเสีย” ของตัวเองเลยจนกระทั่งตอนนั้น เธอเดินนวยนาดผ่านกลุ่มนักเรียนมา โดยที่เสื้อเธอเปิดออกหมด เผยให้ทุกคนได้เห็นหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ เธอฉีกยิ้มกว้างและหัวเราะเหมือนไฮยีนาเสียสติ ผมไม่รู้ว่าเด็บบี้พบตัวเองอยู่ในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เธอหนีจากหนุ่มที่ลวนลามเธอรึเปล่า หรือเธอทำตามคำท้าของคนอื่น หรือในตอนนั้น เธอตัดสินใจว่าที่นี่มันน่าเบื่อเกินไป ก็เลยอยากจะทำให้มันมีสีสันขึ้นซักหน่อยรึเปล่า
               ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร เด็บบี้สนุกกับการกระทำของตัวเองมาก…ต่างจากพวกเราที่เหลือ เธอชื่นชอบการเป็นเด็กสาวคนนั้น ในเมืองแห่งนี้ ที่ที่เด็กหนุ่มอย่างพวกผมถูกกีดกันไม่ให้เป็นตัวของตัวเอง ยังมีเด็บบี้ ที่เป็นตัวแทนของการทำตามใจตัวเองอย่างสุดกู่ เธอถูกลดค่า แต่ก็พัฒนาขึ้น เธอบุบสลาย แต่ก็สมบูรณ์พร้อม…และผมก็ชอบเธอครับ ผมไม่รู้เลยว่าเดอร์ตี้ เด็บบี้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง แต่ผมก็หวังว่าเธอคงจะมีความสุขดี และผมก็หวังว่าเธอจะชอบหนังที่ผมสร้างขึ้นเกี่ยวกับมิตรภาพในจินตนาการระหว่างเรานะครับ”

เอบ ซิลเวีย กันยายน ปี 2010

               “เอบ ซิลเวีย มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่เรื่องของการออกแบบงานสร้างไปจนถึงเครื่องแต่งกาย เขาสร้างบรรยากาศในกองถ่าย ที่ทำให้คนรู้สึกเหมือนพวกเขาสามารถลองเสี่ยงและเสนอความคิดที่อาจจะทำให้โปรเจ็กต์นี้ดีขึ้นได้ครับ”
ทิม แม็คกรอว์

               “การร่วมงานกับเอบเป็นเหมือนความฝันครับ วิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งและความคิดสร้างสรรค์ของเขาทำให้ทุกคนในกองถ่ายตื่นเต้น ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีว่าเอบเป็นคนพิเศษและด้วยเหตุนั้น พวกเขาก็เลยรู้ดีว่าโปรเจ็กต์นี้จะต้องเป็นอะไรที่พิเศษสุดครับ”
เจเรมี โดเซียร์

               “เอบ ซิลเวียเกิดมาเพื่อกำกับค่ะ เขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่เรื่องของการออกแบบงานสร้างไปจนถึงเครื่องแต่งกาย และทรงผมสุดฮาของฉัน นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้กำกับแบบที่ทำให้นักแสดงอยากจะเดินลุยไฟเพื่อเขา เขาสร้างบรรยากาศในกองถ่าย ที่ทำให้คนรู้สึกเหมือนพวกเขาสามารถลองเสี่ยงและเสนอความคิดที่อาจจะทำให้โปรเจ็กต์นี้ดีขึ้นได้ค่ะ ฉันอยากจะร่วมงานกับเขาอีกครั้ง”
แมรี สทีนเบอร์เกน

               “การร่วมงานกับเอบมหัศจรรย์มากค่ะ ฉันเชื่อใจเขาด้วยชีวิตของฉันเอง ซึ่งหมายความว่าฉันสามารถปลดปล่อยตัวเองและทุ่มเทให้กับตัวละครที่วิเศษสุดที่เขาได้สร้างขึ้น เขามีวิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งและช่วงเวลาแต่ละนาทีก็โลดแล่นมีชีวิตในจินตนาการของเขาอยู่แล้ว ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกแง่มุมของหนังเรื่องนี้ (เอบเป็นคนพบและซื้อเสื้อผ้าของฉันบางชุดด้วยซ้ำไป) เขามีอนาคตที่รุ่งโรจน์รออยู่ข้างหน้า และฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งอย่างยิ่งที่เขาเชื่อว่าฉันสามารถแสดงในเรื่องนี้ได้ ฉันหวังจริงๆ ว่าฉันจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้ง เราสนุกกันสุดๆ จริงๆ ค่ะ!”
จูโน เทมเปิล

33358
The Thing


จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส  
ชื่อภาษาไทย      แหวกมฤตยู  อสูรใต้โลก   

ภาพยนตร์แนว      ไซไฟ - สยองขวัญ
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      17 พฤศจิกายน 2554
ณ โรงภาพยนตร์      ในโรงภาพยนตร์
ผู้กำกับ         Matthijs Van Heijningen Jr. (แมทไธส์ ฟาน เฮนินเกน)

อำนวยการสร้าง


นักแสดง         Mary Elizabeth Winstead (แมรี่ อลิซาเบธ วินสตีลด์) จาก Final Destination3
         Joel Edgerton (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) จาก Star Wars 1และ 2, King Arthur
และ Ulrich Thomsen (อูริช ธอมเซ่น) จาก In A Better World ภาพยนตร์ที่คว้า
รางวัลออสการ์มาแล้ว

จุดเด่น   นี่คือที่สุดแห่งภาพยนตร์แอคชั่น-ไซไฟ สยองขวัญแห่งปี The Thing เวอร์ชั่นล่าสุดเรื่องราวการต่อกรกับสัตว์ต่างดาวที่แฝงตัวมายังโลก หนังย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นก่อนจะถึง The Thing (ฉบับปี 1982 ของ จอห์น คาร์เพนเตอร์) โดยได้ทีมผู้สร้างจากเรื่อง Down of the Dead และมือเขียนบทจาก Final Destination5 มาเนรมิตรให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สยองจนไม่กล้ากระพริบตา โดยได้ นักแสดง แมรี่ อลิซาเบธ วินสตีลด์ สาวที่แจ้งเกิดเต็มตัวจริงๆจากเรื่อง Live Free or Die Hard หรือ Die Hard 4 นั่นเอง หรือหนังแนวระทึกขวัญโกงความตายเฟรนไซส์อย่าง Final Destination 3 มาแสดงนำพร้อมเหล่านักแสดงอีกคับคั่ง


เรื่องย่อ

               แอนตาร์คติก้า: ทวีปอันแสนงดงามจนน่าตื่นตะลึง มันยังเป็นที่ตั้งของสถานีอันแสนโดดเดี่ยวที่ซึ่งการค้นพบอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์กลับกลายเป็นภารกิจการเอาชีวิตรอด เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติขุดสัตว์ต่างดาวขึ้นมาจากพื้น สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เปลี่ยนรูปร่างได้ ถูกปลดปล่อยออกสู่อาณานิคมที่แสนโดดเดี่ยวแห่งนี้โดยบังเอิญ และมันมีความสามารถในการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นแบบจำลองของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ หน้าตามันอาจเหมือนคุณหรือเรา แต่ภายใน มันไม่ใช่มนุษย์  ความตื่นตกใจหวาดระแวงแพร่กระจายไปในหมู่นักค้นคว้าเมื่อพวกเขาเริ่มได้รับเชื้อจากสิ่งลึกลับจากดาวเคราะห์อื่นไปทีละคนๆ นักธรณีวิทยา เคท ลอยด์ (แมรี่ เอลิซาเบธ วินสตีลด์) เดินทางมายังพื้นที่อันแสนห่างไกลและโดดเดี่ยวเพื่อทำการสำรวจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ระหว่างเข้าร่วมกับทีมวิทยาศาสตร์นอร์เวย์ที่เกิดไปพบยานอวกาศต่างดาวถูกฝังอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็ง เธอค้นพบสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนจะตายไปแล้วเมื่อยานตกลงสู่โลกเมื่อหลายพันปีก่อน แต่เจ้าสัตว์ต่างดาวตัวนั้นแค่กำลังรอเวลาตื่นขึ้นมาเมื่อการทดลองง่ายๆ กลับปลดปล่อยเอเลี่ยนออกมาจากการโดนขังด้วยความเย็นจัด เคทต้องร่วมมือกับนักบินประจำศูนย์ค้นคว้าที่ชื่อ คาร์เตอร์ (โจเอล เอ๊ดเกอร์ตัน) เพื่อปกป้องชีวิตทุกคนจากเอเลี่ยนตัวนี้ และท่ามกลางแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ เจ้าสัตว์ต่างดาวที่เป็นตัวปาราสิตสามารถเลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัสโดน ทำให้มนุษย์ต้องหันมาต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกันเองขณะที่มันพยายามเอาชีวิตรอดและขยายพันธุ์ต่อไป

33359
Dirty Girl


จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส  
ชื่อภาษาไทย      นางสาวแซ่บเวอร์      
ภาพยนตร์แนว      ดราม่า
จากประเทศ      สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย      10  พฤศจิกายน  2554
ณ โรงภาพยนตร์   เฉพาะในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์
ผู้กำกับ         Abe Syvia (เอบ ซิลเวีย)
อำนวยการสร้าง      Rob Paris (ร็อบ ปารีส)

นักแสดง         Milla Jovovich (มิลล่า โจโววิช)   จาก Resident Evil
         Juno Temple (จูโน่ เทมเปิ้ล) จาก The Three Musketeers, Atonement
         และ Jeremy Dozier (เจเรมี โดเซียร์)


จุดเด่น    Dirty Girl ถือว่าเป็นภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งหลังจากได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลโตรอนโต้ ฟิล์ม เฟสติวัล ที่เป็นการรวมตัวกันของเหล่านักแสดงแสบซ่าส์ของฮอลลีวู้ด อาทิ จูโน่ เทมเปิ้ล และ มิลล่า โจโววิช ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสมผสานระหว่าง ความเป็นดราม่าโดยในความ ดราม่าก็ใส่ความตลกเข้าไป ทำให้ผู้ชมได้หัวเราะและร้องไห้ไปในเวลาเดียวกัน




เรื่องย่อ

               ทุกคนยังคงจดจำสาวแสบสมัยไฮสคูลของพวกเขาได้ ไฮสคูลทุกที่มีสาวแสบทั้งนั้นแหละ และ     แดเนียลก็เป็นสาวแสบประจำโรงเรียนนอร์แมน ไฮ ปีนั้นเป็นปี 1987 สถานที่คือนอร์แมน, โอกลาโฮมา ในยุคที่กางเกงยีนส์ลายดอกและการลดละเลิกเหล้ายังเป็นกระแสฮ็อตฮิตอยู่ เมื่อพฤติกรรมสุดป่วนของแดเนียลทำให้เธอโดนไล่ออกจากคลาสเรียนพิเศษ เธอก็ได้พบกับคลาร์ค เกย์หนุ่มขี้อายที่ไม่มีเพื่อน เมื่อถูกบีบให้ทำงานโปรเจ็กต์ร่วมกัน พวกเขาก็กลายเป็นพ่อแม่จำเป็นของถุงแป้งที่มีชื่อว่า “โจน” แดเนียลมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปแอลเอเพื่อตามหาพ่อที่เธอไม่เคยพบหน้า ส่วนคลาร์คก็ดิ้นรนที่จะหนีการถูกพ่อผู้เกลียดชังเกย์ส่งไปเรียนโรงเรียนทหาร แม้ไม่มีเงิน แต่ภายใต้แรงผลักดันโดยบทเพลงที่ยอดเยี่ยมแห่งยุค 80s ก็ส่งครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่สมประกอบนี้ให้ตั้งต้นเดินทางสู่แคลิฟอร์เนีย เพื่อหนีจากเมืองเล็กๆ ที่กีดกันไม่ให้พวกเขาเป็นตัวของตัวเอง

Pages: 1 ... 2222 2223 [2224] 2225 2226 ... 2397