Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - wmt

Pages: 1 [2] 3 4 ... 155
16


‘มหา’ลัยล่องตรึก’ประกาศผลผู้รับทุนเพื่อศิลปะ2020 พร้อมมอบทุน3 ศิลปินรุ่นใหม่ ที่นำเสนอศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลุ่มลึก





‘มหา’ลัยล่องตรึก’ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ภายใต้ความร่วมมือของ บ้านนอกความร่วมมือทางศิลปวัฒนธรรม,แบล็คเอ้าท์ คอลเล็กทีฟ และจิตร คอลเล็กทีฟ เพื่อพัฒนาระบบนิเวศวัฒนธรรมการศึกษา พื้นที่การเรียนรู้คู่ขนาน การทดลองเชิงการศึกษาวิจัย ตลอดจนส่งเสริมการสร้างบทสนทนานอกห้องเรียน บ้านนอกฯ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการล่องตรึก ทุนเพื่อศิลปะ 2020ร่วมมือกับภาคีฯจัดให้มีพิธีประกาศและมอบทุนฯ ทุนละ 30,000 บาท ให้แก่ 3 ศิลปินไทยรุ่นใหม่ ได้พัฒนาผลงาน ภายใต้หัวข้อนิทรรศการที่ชื่อว่า‘A Verse on Uncomposed Surface: A Gathering of Becoming Stories’ภัณฑารักษ์โดยภาอรุณ ชูประเสริฐ

โครงการล่องตรึก ทุนเพื่อศิลปะ 2020ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรม, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ทั้งนี้ได้มีการเชิญศิลปินผู้เชี่ยวชาญชาวไต้หวันที่มีชื่อเสียง ได้แก่Yeh Wei Li, Hsu Chia Wei และ Lo Shih Tungผ่านการจับคู่สนทนาออนไลน์และให้คำแนะนำแก่ 3 ศิลปินรุ่นใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการ ฯ ได้แก่ กฤตพร  มหาวีระรัตน์ , ณณฐ ธนพรรพี และฐพงค์ ศรีใสเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดระหว่างศิลปินทัศนศิลป์ และได้รับการสนับสนุนพื้นที่จัดแสดงบันทึกผลงาน()และโครงการศิลปะนอกเมืองหลวงที่ ‘EXSPACE’หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ก่อนจะจัดพิธีมอบทุนอย่างเป็นทางการ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพ มหานคร (BACC)

“ล่องตรึก ทุนเพื่อศิลปะ 2020มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมด้านการศึกษาวิจัยเชิงทัศนศิลป์ และวัตถุประสงค์ในการเป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อต่อศิลปินรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ฝึกฝนตนด้านศิลปวัฒนธรรม โครงการนี้จึงขับเคลื่อนโปรแกรมการพัฒนาความชำนาญทางศิลปะผ่านทางโปรแกรมออนไลน์ ระหว่างศิลปินรุ่นใหม่ผู้รับทุนล่องตรึก ฯ และศิลปินรับเชิญซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวไต้หวัน ในฐานะผู้ให้คำแนะนำแก่ศิลปินไทยรุ่นใหม่ พร้อมๆ กับกระบวนการทางภัณฑารักษ์ในโครงการ โดยมีพื้นที่กรณีศึกษาครอบคลุมจังหวัดนครปฐมและราชบุรี ซึ่งศิลปินรับเชิญชาวไต้หวันต่างก็เป็นผู้ที่เคยพำนักและปฏิบัติงานที่วิทยาเขตนครปฐม หรือเคยร่วมโครงการกับ ‘บ้านนอกความร่วมมือทางศิลปวัฒนธรรม’จังหวัดราชบุรี มาก่อน เพื่อให้ศิลปินทั้งสองประเทศมีประสบการณ์ร่วมทางวัฒนธรรมที่สามารถเชื่อมโยงอดีตมาสู่ปัจจุบันร่วมกันได้ไม่มากก็น้อย”พรพิไล มีมาลัยผู้บริหารจัดการโครงการทุนล่องตรึก ฯ กล่าว

ทั้งนี้ พรพิไล มีมาลัย ยังได้อธิบายถึงที่มาของคำว่า ‘ล่องตรึก’หมายถึง “พื้นที่ระหว่างบรรทัดที่เรียกร้องให้เกิดการตรึกตรองอย่างลึกซึ้ง”ตลอดจนวัตถุประสงค์ของการมอบทุนศิลปะให้แก่ศิลปินรุ่นใหม่ โดยได้รับเกียรติจากดร. หลี่ หยิง หยวน ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยร่วมมอบใบประกาศนียบัตร พร้อมด้วย เถียน ยู อัน ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมไต้หวันให้เกียรติมอบรางวัลทุนศิลปะดีเด่นแก่ศิลปิน โดยได้รับเกียรติจากรศ.ดร. เก่งกิจ กิติเรียงลาภบรรยายเชิงวิชาการหัวข้อ สัตตะและอัตลักษณ์:มุมมองจากโลกและความรู้ ณ ชายขอบของโลก และ ภาอรุณ ชูประเสริฐภัณฑารักษ์ ร่วมถ่ายทอดแนวคิดทางภัณฑารักษ์

โดยผลงานของศิลปินทั้ง 3 คน จัดแสดงบันทึกบางส่วนของผลงาน(Archive)ในนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย A Verse on Uncomposed Surface: A Gathering of Becoming Stories ที่ชวนคุณเดินทางค้นหาอัตลักษณ์อันหลากหลาย ผ่านเบื้องหลังแนวคิดของศิลปินรุ่นใหม่ นำเสนอผ่านสื่อทัศนศิลป์ที่หลากหลายของศิลปินในโครงการ ฯ สอดประสานกับศาสตร์ความรู้เชิงสหวิทยาการ (interdisciplinary)ในฐานะผลงานสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นเร้าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางสังคม การเมือง และประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการล่องตรึก ทุนเพื่อศิลปะ 2020

ผู้สนใจสามารถเข้าชมผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ทั้ง3 คน ที่ได้รับทุนจากโครงการ ฯ ในนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ‘A Verse on Uncomposed Surface: A Gathering of Becoming Stories’เปิดให้เข้าชมฟรี! ระหว่างวันที่ 6 มีนาคม-10 เมษายน 2564 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 - 16.00 น. (เว้นวันหยุดราชการ) ณ EX SPACEหอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากรพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม หรือติดตามได้ที่ http://www.art-centre.su.ac.th/ex-space.html

แนวคิดและผลงานของศิลปินทั้ง 3 คน นำเสนอผ่านวิธีวิทยาภัณฑารักษ์โดย ภาอรุณ ชูประเสริฐ

·     Stoppingby Woods on a Snowy Evening โดย กฤตพร มหาวีระรัตน์
นักศึกษาระดับปริญญาตรี ภาควิชาศิลปไทย คณะจิตรกรรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นำแก่นแกนของ ‘สัจนิยมหัศจรรย์’(Magical Realism) มาเสนอเรื่องราวฉากสามัญธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้เป็นปกติ ทว่ากลับมีองค์ประกอบของเรื่องราวหรือบรรยากาศบางประการที่แปลกประหลาดลักลั่นแฝงอยู่ โดยนำเสอผลงานผ่านสื่อทัศนศิลป์ เช่น โปสเตอร์ ทิวทัศน์ และธรรมชาติ โดยใช้กระบวนการของผลงานศิลปะจัดวางและมีส่วนร่วมทางสังคม สร้างเป็น Fictional Landscape ขึ้นมา เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมของพื้นที่ประดิษฐ์ ทดแทนการไม่ได้ออกไปสถานที่จริงหรือเป็นพื้นที่แบบกึ่งจริงกึ่งฝัน เพื่อเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้คนด้วยการดำเนินผ่านการค้นหาภาพลักษณะคล้ายคลึงที่ปรากฎตามบ้านเรือนในชุมชน และสร้างบทสนทนาระหว่างตนกับคนภายในพื้นที่ขึ้น นำไปสู่การเชื่อมโยงถึงประเด็นทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์จากทั้งสองฝากฝั่ง เรื่องราวที่ไม่เคยถูกให้ความสำคัญในชีวิตของผู้คนจึงเริ่มปรากฎออกมา

·   HAWIWI: I Wish I Wrote a History(2564)โดย ณณฐ ธนพรรพีปัจจุบันพำนักและทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ฯ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาภาพยนตร์และภาพถ่าย คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณณฐ มุ่งความสนใจในประเด็นทางสังคมและประวัติศาสตร์ ที่ข้องเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลาย ซึ่งมีความทับซ้อนทางวัฒนธรรมร่วมกันในจังหวัดราชบุรี อาทิ ชาวมอญ ชาวจีน ชาวไทยวน ฯลฯ โดยทําการศึกษาและค้นหาเรื่องเล่ากระแสรองที่ประกอบเป็นตัวตน ผ่านการลงพื้นที่ปฏิบัติงานและศึกษาชุดข้อมูลในชุมชน ด้วยการพูดคุย ซักถาม และปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหลากหลายช่วงวัย ผ่านกิจกรรมที่เป็นเสมือนการละเล่น / เกม (game)ทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จําลองบรรยากาศและสถานที่เสมือนจริงในการสําแดงผล เขาเลือกใช้สื่อการแสดงที่หลากหลายทั้งการสตรีมมิง (Streaming) เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ได้ โดยไม่ต้องพบปะกันทางกายภาพ เผยให้ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างงานศิลปสุนทรียศาสตร์เชิงสัมพันธ์ (Relational Aesthetic) โดยใช้พื้นที่เสมือนจริง (Virtual Space) ในการเชื่อมต่อรวมถึงเผยแพร่ออกมาในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ การแปรผลข้อมูลแสดงเป็น Visualผ่านสื่อวิดิโอ

·   An Aimless Landscapeโดย ฐพงค์ ศรีใสชาวนครศรีธรรมราช ปัจจุบันทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ฯ และนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ภาควิชาทฤษฎีศิลป์ คณะจิตรกรรม ฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร ฐพงศ์ มุ่งความสนใจในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหนังอย่าง ‘สิว’ ซึ่งเป็นปัญหาระดับ ปัจเจกบุคคล ด้วยกายภาพของสิวนั้นมีขนาดเล็ก แต่เบื้องหลังของสิวนั้นไม่ได้เป็นเรื่อง ‘สิวๆ’ตามขนาดของมัน แต่ศิลปินขุดค้นลึกลงไปถึงต้นตอและปัญหาทางชีวภาพ คู่ขนานกับปัญหาเชิงโครงสร้างทางสังคมอย่าง “ปัญหาความเหลื่อมล้ำ” จากบริโภคนิยมในระบบทุนนิยม  “การนิยามความงาม กับรูปลักษณ์ที่เป็นอุดมคติ” ด้วยการลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ที่มีความหลากหลายของคนวัยเรียนจนถึงวัยทํางาน จากการสอบถามและเก็บบันทึกข้อมูลจากผู้คนหลากหลายสาขาวิชา ทั้งความรู้เชิประจักษ์ และจิตนิยม นําข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ตีความสร้างเป็นพื้นที่จําเพาะชั่วคราว (Temporary specific) เพื่อให้เกิดประสบการณ์ร่วมภายในพื้นที่ผ่านสัญลักษณ์ (symbol)และเรื่องราวที่แต่งขึ้นใหม่ (Fiction)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มและดูรายละเอียดของโครงการได้ที่
เบอร์โทรติดต่อ / Mobile: 0815875715 Website: https://longtrukuni.org/events/
Facebook: Baan Noorg Collaborative Arts & Culture และมหาลัยล่องตรึก: Longtruk Uni.
YouTube: Baan Noorg Collaborative Arts and Culture IG: baannoorgcollaborative_th

17
“ตุ๊กตา” เปิดครัว “หอยจ๋า อร่อยจี๋” ต้อนรับ “เต๋อ-จอย” & แก๊งค์ “เปรี้ยวปาก”











ฮอตเกินต้าน! ชื่อเสียงความใหญ่ สด แซ่บ ของ “ร้านหอยจ๋า อร่อยจี๋” ดังใหญ่แล้ว ล่าสุด 2 พิธีกรคนดัง “เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” แอนด์ “จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ” แห่งรายการ “เปรี้ยวปาก Check-In” ทางช่อง 3 HD แท็คทีมกันมาเช็คอินฟินความอร่อยกับสุดยอดเมนูซีฟู้ดรสเด็ด โดยฝีมือเสน่ห์ปลายจวักขั้นเทพของ “ตุ๊กตา- ทิพวรรณ ภูสง่า” เจ้าของร้านแสนสวยและเก่งเรื่องทำอาหารมาก

สำหรับบรรยากาศแรกที่ “เต๋อ-จอย” ก้าวเข้ามาในร้านก็ถึงกับสะดุ้ง เพราะเจอ “รูปปั้นหอยแครงยักษ์” สัญลักษณ์ของร้านที่ตื่นตาตื่นใจชวนให้แชะรูปกันยกใหญ่ ว้าวที่สองก็คงเป็นความสวยของเจ้าของร้าน “ตุ๊กตา- ทิพวรรณ” ที่มาคอยเทคแคร์ลูกค้าคนพิเศษทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง ส่วนที่ว้าวสุดๆ ที่ทำเอาสองพิธีกรถึงกับยกนิ้วให้เลยก็คงจะเป็น 6 เมนูสุดปัง ที่เมื่อมาเยือนร้านหอยจ๋า อร่อยจี๋ ต้องไม่พลาด อาทิ “หอยแครงภูเขาไฟ, หอยแครงชุบแป้งทอด, เมี่ยงหอยแครง, หอยตลับอบสมุนไพร, ปูไข่ดอง,กั้งทอดกระเทียม” และยิ่งทานคู่กับน้ำจิ้ม 3 แบบ 3 รส “น้ำจิ้มมะขาม,น้ำจิ้มถั่วคั่ว, น้ำจิ้มซีฟู้ด” สูตรลับที่เจ้าของร้านโขลกเองกับมือด้วยแล้วนั้น ยิ่งฟินขึ้นไปอีก

อยากลองลิ้มชิมรสอาหารทะเลสดๆ จากสุราษฏร์ธานี้ได้ที่ร้าน หอยจ๋า อร่อยจี๋ สาขาเกษตร – นวมินทร์ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00 น.- 23.00 น. สอบถาม/จองโต๊ะ FB: หอยจ๋า อร่อยจี๋ Line :@hoijar หรือ โทร. 092-5429646 และติดตามชมความสนุกสนานชวนหิวของ 2 พิธีกรนักชิม “เต๋อ-จอย” ในรายการ “เปรี้ยวปาก Check-In” วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2564 เวลา 06.50 ทางช่อง 3 HD

18
เตรียมจัด “Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ท่องเที่ยววิถีใหม่สไตล์ NEW NORMAL


จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 สำหรับงานเทศกาลมหกรรมความสนุกที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรม และประเพณีที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไทยที่งดงาม “Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ภายใต้แนวคิด “ชื่นจิต ชื่นใจ” รับมงคล ฉลองปีใหม่แบบปลอดภัย (ห่างไกลโควิด-19) ที่จะจัดขึ้นทั้งหมด 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคกลาง จัดที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดที่จังหวัดขอนแก่น ภาคใต้จัดที่จังหวัดภูเก็ต และภาคเหนือจัดที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน ทั้งนี้ ใน วันพฤหัสบดี ที่ 1 เมษายน 2564 นี้ ได้มีการจัดแถลงข่าวงาน “Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ครั้งที่ 6 เวลา 18.00 น. ณ วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร อย่างเป็นทางการ โดยมี คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย คุณสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ... วิถีไทย ร่วมด้วยพันธมิตรภาครัฐ และเอกชนอีกหลายภาคส่วน ร่วมเป็นประธานเปิดงานดังกล่าว

19

เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โชว์ความสำเร็จ ได้รับคัดเลือกจากกรมการท่องเที่ยวฯ ให้เป็น “โครงการต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว (Safety Zone)” ประเภทตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น




นายเวียงเทพ รัตน์สังข์ (ซ้ายสุด) ผู้จัดการทั่วไป โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สุดยอดจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านไลฟ์สไตล์ครบวงจรและสถานที่ท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตภายใต้แนวคิด “Living Museum & Art Festival” พร้อมเรือสิริมหรรณพ แลนด์มาร์คใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมแถลงข่าวในโอกาสที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ได้รับคัดเลือกจาก กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยว และ กีฬา ให้เป็น “โครงการต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว (Safety Zone)” ประเภท “พื้นที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น”

โดย “โครงการต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว (Safety Zone)” เป็นโครงการที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อวางต้นแบบของพื้นที่ท่องเที่ยวใน 5 ประเภท อันประกอบด้วย พื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  พื้นที่ท่องเที่ยวย่านการค้า พื้นที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น พื้นที่ท่องเที่ยวเขตเมือง และพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชน ให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีใหม่ และยกระดับในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สะอาด ถูกสุขอนามัย ปลอดภัย และเป็นธรรมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย

ในโอกาสนี้มีผู้บริหารจากกรมการท่องเที่ยวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยนายบุญเสริม ขันแก้ว (ที่ 3 จากซ้าย) รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว[/b] รวมถึงผู้แทนจาก 4 พื้นที่ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นต้นแบบโครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นของไทยในประเภทอื่นๆ ประกอบด้วยนายมานะ กมลธเนศ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสำนักงานเทศบาลเมืองแสนสุข ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี), นางรดา เพ็ชรขัน (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการกองการศึกษา สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวเขตเมือง (ย่านเมืองเก่าน่าน จังหวัดน่าน), นายสมศักดิ์  อินทะชัย (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานชมรมส่งเสริมท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านไร่กองขิง ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชน (บ้านไร่กองขิง จังหวัดเชียงใหม่) และนางสาวอาทิตยา โชคกิจมนัสชัย (ขวาสุด) ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวย่านการค้า (เยาวราช กรุงเทพมหานคร)เข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เมื่อเร็วๆ นี้


ภาพ จากซ้ายไปขวา:
1.   นายเวียงเทพ รัตน์สังข์ ผู้จัดการทั่วไป โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ กรุงเทพมหานคร)
2.   นายมานะ กมลธเนศ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมสำนักงานเทศบาลเมืองแสนสุข ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี)
3.   นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
4.   นางรดา เพ็ชรขัน ผู้อำนวยการกองการศึกษา สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวเขตเมือง (ย่านเมืองเก่าน่าน จังหวัดน่าน)
5.   นายสมศักดิ์  อินทะชัย ประธานชมรมส่งเสริมท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านไร่กองขิง ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวชุมชน (บ้านไร่กองขิง จังหวัดเชียงใหม่)
6.   นางสาวอาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ ตัวแทนพื้นที่ท่องเที่ยวย่านการค้า (เยาวราช กรุงเทพมหานคร)





20
เตรียมจัด “Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” ท่องเที่ยววิถีใหม่สไตล์ NEW NORMAL


วันพฤหัสบดี ที่ 1 เมษายนนี้ คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย คุณสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ... วิถีไทย ร่วมด้วยพันธมิตรภาครัฐ และเอกชนอีกหลายภาคส่วน ร่วมแถลง “Water Festival 2021 เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ภายใต้แนวคิด “ชื่นจิต ชื่นใจ” รับมงคล ฉลองปีใหม่แบบปลอดภัย (ห่างไกลโควิด-19) ที่จะจัดขึ้นทั้งหมด 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคกลาง จัดที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดที่จังหวัดขอนแก่น ภาคใต้จัดที่จังหวัดภูเก็ต และภาคเหนือจัดที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน เวลา 18.00 น. ณ วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร อย่างเป็นทางการ

21

ซัมเมอร์นี้ เที่ยวพัทยา ไม่จำเจ พบกับดีลสุดพิเศษ แพคเกจสุดคุ้ม ในงาน PATTAYA VACATION FESTIVAL วันที่ 26-28 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช


ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา, เมืองพัทยา, สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยว เมืองพัทยา, สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก, สมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี, สมาคมสปาและเวลเนสภาคตะวันออก, ชมรมร้านอาหารเมืองพัทยา, คาเฟ่ แอนด์ บริสโทร คลับ พัทยา / ชลบุรี และภาคธุรกิจในเมืองพัทยา ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จัดงาน “PATTAYA VACATION FESTIVAL” ซัมเมอร์นี้ เที่ยวพัทยา ไม่จำเจ เพื่อต้อนรับการท่องเที่ยวในช่วงซัมเมอร์ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา จัดรวมดีลสุดพิเศษ แพคเกจสุดคุ้มจากโรงแรม ห้องอาหารโรงแรม ระดับ 5 ดาว สถานที่ท่องเที่ยว สปา คาเฟ่ ร้านอาหารชื่อดังของเมืองพัทยา กว่า 50 แห่ง ในราคาเริ่มต้นเพียง 700 บาท พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับสมาชิก  The 1 เมื่อซื้อแพคเกจภายในงาน รับฟรี CASH VOUCHER รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท หรือทานอาหารในศูนย์การค้าฯ ครบทุก 500 บาท รับแสตมป์ 1 ดวง สะสมครบ 10 ดวง รับฟรี CASH VOUCHER ร้านอาหารมูลค่า 500 บาท และโปรโมชั่น ส่วนลดมากมาย ระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม 2564 บริเวณชั้น 1 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช

22

Rayong Crab Carnival #3 เทศกาลปูยักษ์สุดฟินต้องกินให้ได้
 

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง ขอเชิญเที่ยวงาน “Rayong Crab Carnival #3” จัดขึ้นเพื่อสร้างสีสันและส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารทะเลจังหวัดระยอง และภาคตะวันออก จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ป Crabzilla รวมที่สุดเมนูปูยักษ์สุดฟินต้องกินให้ได้ พบกับปูยักษ์ตัวพ่อ 3 สายพันธุ์ ปูอะลาสก้า, ปูหิมะ, ปูเคนย่า และเมนูปูจากร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียง กว่า 100 เมนู อาทิ จ๊อไข่ปู ร้านเมญ่าจ๊อปู, ปูอ่อง ร้านปู๋อ่อง, ชุดBento ทะเลดอง ร้านโอป๊ะปูไข่ดอง, ปูไข่ดองน้ำปลากวน ร้านปูดูโอ้ เป็นต้น พร้อมชิมเมนูปูสุดฟินจากเชฟชื่อดัง ระดับประเทศ เชฟบีม-ภวินวัชร์ โชคเศรษฐปวินท์ Top Chef Thailand (27 มี.ค.64 เวลา18.30 น.) กับเมนู ซูชิปูหิมะ น้ำยาปูอลาสก้า และสปาเกตตี้ปูเคนย่า  และเชฟโหน่ง เชฟสายฮา (29 มี.ค.64 เวลา18.30 น.) กับเมนูปูคั่วพริกเกลือ  นอกจากเมนูเด็ดจากร้านดังแล้ว ภายในงานยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใส่อาหารที่สามารถย่อยสลายได้ โดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านอาหารภายในงาน ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนัก และมีจิตสำนึกการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงมอบบรรจุภัณฑ์เคลือบพลาสติกชีวภาพ ที่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติภายใต้สภาวะที่เหมาะสม เพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบครั้งเดียวทิ้ง (Single use) ที่ถูกวิธี  และพิเศษ เมื่อช้อปสินค้าภายในศูนย์การค้าฯ ครบ 500 บาทต่อบิลใบเสร็จ รับส่วนลดซื้ออาหารภายในงาน 50 บาท (สงวนสิทธิ์ 1คน/1สิทธิ/1วัน) พร้อมสนุกกับกิจกรรมมากมายภายในงาน ระหว่างวันที่ 27-31 มีนาคม 2564 ณ ลานหน้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง












23

ผู้ประกอบการโรงแรมทั่วไทย ร่วมถกอนาคตการท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤตโควิดในงาน Thailand Tourism Forum 2021






กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ผู้นำด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 400 คน ร่วมถกทางออกการท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤตโควิด ในงาน Thailand Tourism Forum 2021 หรือ TTF 2021 สุดยอดประชุมสัมมนาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม #ThaiTourismUnited ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความสำคัญ ปัญหา และทางออกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ชี้ตลาดท่องเที่ยวในประเทศแข็งแกร่ง ส่งสัญญาณการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวในทิศทางที่ดี ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มมียอดจอง และปี 2022 จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งทั่วประเทศ



Thailand Tourism Forum 2021 ในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 10 โดย ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ (C9 Hotelworks) ร่วมกับ หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (American Chamber of Commerce Thailand) ในวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับการรับรอง Thailand Safety & Health Administration (SHA) โดยผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คน ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่จำเป็นทั้งหมด ได้มีการตรวจสอบอุณหภูมิเมื่อเดินทางมาถึง สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม

ในปีนี้ TTF เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเผชิญมา นั่นก็คือการระบาดทั่วโลกของ COVID-19 ผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำของไทยและผู้มีบทบาทสำคัญจำนวนมากจึงได้มารวมตัวกันภายใต้ร่มธง #ThaiTourismUnited ประกอบด้วย กูรู นักคิด เจ้าของโรงแรม และซีอีโอ มาร่วมอภิปรายเพื่อสร้างเสียงที่เป็นหนึ่งเดียว ขับเคลื่อนการฟื้นตัวการท่องเที่ยวของประเทศไทย







งานนี้เริ่มต้นด้วยการเสวนา “Thai Hotel Leaders Roundtable” ซึ่งมีซีอีโอของกลุ่มโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพูดคุยถึงแนวทางในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศ ได้แก่ นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา, มร.สเตฟาน ฟานเดน อาวาเล (Stephan Vanden Auweele) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ TCC Group, มร.บิลล์ ไฮเนคกี (Bill Heinecke) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, มร.เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท, นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) และ นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB

ก่อนจะเปิดม่านเวที TTF 2021 อย่างฮึกเหิมด้วยประเด็นวิสัยทัศน์ “Lost in Thailand, The Ultimate Survival Story” ของ บิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์ ตามมาด้วยการอภิปรายในหัวข้อที่น่าสนใจต่าง ๆ อาทิ การประเมินเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย, ภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินที่ตกอยู่ในอันตรายของไทย, ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนวัตกรรม, การหยุดชะงักภายในภาคโรงแรม, เทคโนโลยีที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว, ขนาดและแนวโน้มของธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย, การคิดใหม่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม, การดึงดูดทรัพยากรมนุษย์ และอื่น ๆ อีกมากมาย




แจสเปอร์ ปาล์มควิส ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของ STR นักวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมโรงแรม เปิดเผยข้อมูลและการวิเคราะห์ประสิทธิภาพโรงแรมล่าสุดสำหรับประเทศไทยรวมถึงการคาดการณ์ในอนาคต ว่า “หลังจากความท้าทายอย่างยิ่งในเดือนมกราคม 2564 โรงแรมในประเทศไทยอย่างน้อยก็สิ้นสุดไตรมาสแรกด้วยรูปแบบที่คล้ายคลึงกันดังที่เห็นได้ในสิ้นปี 2563 มีสัญญาณการจองล่วงหน้าในเดือนมิถุนายน และเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม การคาดการณ์ STR สำหรับกรุงเทพฯ ได้ลดระดับลงสำหรับทั้งปี 2564 และเราคาดการณ์ว่าปี 2022 จะเป็นปีแห่งการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ”

ด้าน บิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์โฮเทลเวิร์คส์ กล่าวว่า “COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเกือบทุกประเทศบนโลก ถึงแม้ในขณะที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างมากในการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ แต่ผลกระทบของการระบาดใหญ่ต่อการท่องเที่ยวถือเป็นหายนะ ก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศคิดเป็นมากกว่า 70% ของการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย* ดังนั้นการปิดพรมแดนในปีนี้จึงทำให้เศรษฐกิจมีช่องโหว่ แต่การฟื้นตัวเริ่มต้นที่นี่ TTF 2021 เป็นโอกาสพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศไทยในการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวและนำไปสู่อนาคตที่สดใส”

งาน Thailand Tourism Forum 2021 มีผู้สนับสนุน ได้แก่ C9 Hotelworks, STR, JLL, Horwath, QUO, Delivering Asia Communications และ TCEB

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ www.thailandtourismforum.com

Reference: *https://wttc.org/Portals/0/Documents/Reports/2020/EIR%202020%20Data%20Tables_Top%2020%20Final.pdf?ver=2021-02-25-183017-490

24




เที่ยงแล้ว…กินอะไร? เปิดโพยเมนูยอดฮิตโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ ชี้พิกัด สตรีท ฟู้ด ชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก แหล่งรวมความอร่อย อิ่มท้อง ราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้น 40 บาท !!!

เที่ยงแล้ว...กินอะไร? คำถามยอดฮิตที่หนุ่มสาวออฟฟิศได้ยินกันจนคุ้นหู แม้จะเป็นคำถามง่ายๆ ได้ยินเป็นประจำ แต่บางครั้งกลับคิดไม่ออกว่าจะเลือกรับประทานอะไรดี วันนี้ ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์) ขออาสาชี้พิกัดแหล่งรวมความอร่อยย่านใจกลางเมือง ที่ช่วยให้ทุกคนได้อิ่มท้อง ในราคาสบายกระเป๋าโดยเริ่มต้นเพียง 40 บาท พร้อมทั้งเปิดโพยเมนูอาหาร ขนมหวาน ของว่าง และเครื่องดื่มยอดฮิตตลอดกาลของชาวมนุษย์ออฟฟิศอย่างเราๆ โดยเมนูเหล่านี้มีให้เลือกอิ่มอร่อยได้ที่ชั้น 3 โซนสตรีท ฟู้ด ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์) นั่นเอง


1. ผัดกระเพราราดข้าว อาหารยอดฮิตในดวงใจ ยิ่งเป็นกระเพราถาดยิ่งเพิ่มความจัดจ้านให้หน้าตาจานอาหารมื้อหลักของหนุ่ม-สาวออฟฟิศ ถือเป็นเมนูฮิตที่สั่งกินประจำ สั่งได้ทุกเมื่อ โดยสามารถเลือกระดับความเผ็ด และความหลากหลายของวัตถุดิบมาปรุงตามใจชอบ ทั้งหมู ไก่ เนื้อ หมูกรอบ ทะเล ปลาหมึก กุ้ง ยิ่งเพิ่มท้อปปิ้งไข่ดาวหรือไข่เจียวเพิ่มเสริมรสชาติเข้าไปด้วย เรียกว่าจัดจ้านแบบไทยกินต่างชาตินิยมด้วยเช่นกัน

พิกัด: ร้านสยามต้มยำ ราคา 55 บาท




2. ข้าวไข่เจียว เมนูฮิตๆ ใครคิดไม่ออกก็ยังสั่งได้ ไข่เจียวทรงเครื่องโปะบนข้าวสวยร้อนๆ แถมยังมาพร้อมเซตต้มยำ, ต้มแกง, หรือแกงจืดที่มีขายแบบเป็นชุดให้อิ่มง่ายๆ สบายท้องกันได้ทุกครั้ง

พิกัด: ร้านข้าวไข่เจียวพระนคร ราคา 55 บาท




3. ส้มตำ ว่าด้วยเรื่องอาหารอีสานสุดฮิต รสชาติแซ่บจัดจ้าน ที่ทุกคนต้องสั่งกันมาเพิ่มอรรถรสให้มื้ออาหารแทบทุกมื้อ ตำปู ตำไทย ตำปลาร้า ใส่ๆ โขลกๆ ชิมรส ตักเสิร์ฟ เติมผักเคียง ชวนเปรี้ยวปากอยากแซ่บ เห็นทีเที่ยงนี้ต้องไปจัดกันซะหน่อยแล้ว 

พิกัด: ร้านส้มตำสยามทองหล่อ ราคา 45 บาท




4. ก๊วยเตี๋ยว อาหารเครื่องเส้นถือเป็นเมนูคู่คนไทยไม่แพ้เมนูข้าวเหมือนกัน ก๊วยเตี๋ยวเส้นต่างๆ เครื่องแน่นๆ น้ำซุปร้อนๆ มีให้ชาวออฟฟิศได้เลือกอิ่มฟิน ทั้งก๊วยเตี๋ยวเรือ ก๊วยเตี๋ยวน้ำใส ก๊วยเตี๋ยวต้มยำ แถมยังเลือกปรุงรสชาติได้ตามใจชอบ

พิกัด: ร้านก๊วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ราคา 45 บาท




5. อาหารฮาลาล คือ อาหารที่ผ่านกรรมวิธีในการทำ ผสม ปรุง ประกอบ หรือแปรสภาพ ตามบัญญัติอิสลาม รสชาติ และต้องได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่เพื่อรับประกันว่าชาวมุสลิมทั่วไปสามารถรับประทานได้ ปัจจุบันจะเห็นว่ามีร้านอาหารฮาลาลตั้งอยู่ทั่วไป และมีหลากหลายเมนูที่ได้รับความนิยม ด้วยรสชาติที่ถูกปาก และมีเมนูน่าสนใจที่ชาวออฟฟิศนักชิมอย่างเราๆ ไม่ยอมพลาดกัน ทั้งนี้ที่ ชั้น 3 โซนสตรีท ฟู้ด ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ก็มีร้านอาหารฮาลาลให้เลือกอิ่มอร่อยกันได้ตลอดวัน

พิกัดร้าน Have Site Halal Food ราคา 60 บาท




6. ของทอด จานเมนูของทอดต่างๆ มักถูกวางเสริมอยู่ข้างจานหลัก เพราะบางครั้งหากรู้สึกว่ายังไม่อิ่มเดี๋ยวจะไม่มีแรง ไม่มีไอเดียทำงานต่อ ที่ สตรีท ฟู้ด ก็มีทั้ง เกี๊ยวซ่า, กุยช่าย, ปอเปี๊ยะ, ไส้กรอก, ลูกชิ้น ไว้รอเสิร์ฟจะเลือกเมนูทอดแบบน้ำมันท่วมสะใจ หรือจะแค่จี่ๆ ไฟ ก็ลองดูได้ตามใจชอบ

พิกัดร้านอินเตอร์ ฟู้ด ราคา 45 บาท



7. น้ำแข็งใส ของหวาน หลังจากอิ่มท้องกับของคาวแล้ว พวกเรามักมีความสามารถพิเศษในการแบ่งกระเพาะไปต่อที่ของหวานได้เสมอ และเมนูที่นิยมสั่งกันประจำก็มักจะหนีไม่พ้นน้ำแข็งใส ข้าวเหนียวมะม่วง ตลอดจนขนมถ้วยราดน้ำกระทิแบบไทยๆ

พิกัดร้านบ้านขนมหวาน ราคา 30 บาท




8. เครื่องดื่มเย็น อิ่มกับอาหารคาว หวาน ของว่าง รสชาติถูกปากสำหรับมื้อเที่ยงกันแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องดื่มเย็นชื่นใจดับกระหาย ไม่ว่าจะเป็นชานม, กาแฟ, น้ำผลไม้, น้ำไซรัปกลิ่นต่างๆ ก็ช่วยเติมความหวานให้กับชีวิตมนุษย์ออฟฟิศอย่างพวกเราได้อย่างดี

พิกัดร้าน Lavin Crepe & Café ราคา 29 บาท

เพลิดเพลินกับหลากหลายรสชาติอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มนานาชนิด  ในราคาสบายกระเป๋าเริ่มต้นเพียง 40 บาท เพื่อให้มื้อเที่ยงของทุกคนกลายเป็นมื้อพิเศษไม่แพ้มื้อไหนๆ ได้ที่ชั้น 3 โซนสตรีท ฟู้ด ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (ราชประสงค์)

25

งาน “ครัวคุณต๋อย Expo Season 6” ภายใต้ตอนเซ็ปต์ “Food Fun Fest”


ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทุกครั้งกับสุดยอมหกรรมอาหาร “ครัวคุณต๋อย” ล่าสุด “อาต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์” ผนึกกำลังสยามพารากอน จัดงานแถลงข่าววันพฤหัสบดีที่ 25 มี.ค.นี้ ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน พร้อมด้วย 3 พิธีกรแห่งรายการครัวคุณต๋อย เพื่อประกาศความพร้อมการจัดงาน “ครัวคุณต๋อย Expo Season 6” ภายใต้ตอนเซ็ปต์ “Food Fun Fest” มหกรรมอาหารแบบเต็มรูปแบบเสิร์ฟอาหารจานเด่นร้านดังจากทุกทิศทั่วไทยกว่า 200 ร้าน 1000 เมนู ส่งตรงถึงใจกลางกรุงฯ เป็นครั้งแรก! พิเศษสุดๆ กับอาหารญี่ปุ่นโดยคนญี่ปุ่นแท้ๆ อีก 20 ร้านที่จะมาร่วมสมทบความอร่อย พร้อมด้วยกิจกรรมช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับงานอีกมากมาย เตรียมพบกับสุดยอดความอร่อยแบบจัดเต็มฟินไม่อั้นใจได้วันที่ 7-11 เม.ย.นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

26
“คามาลายา” ทะยานสู่ความสำเร็จ ชูความแข็งแกร่งแบรนด์เวลเนสระดับโลก เตรียมรุกตลาดองค์กรเต็มกำลัง ด้วยโซลูชั่นสุขภาพแบบองค์รวม

ศูนย์สุขภาพระดับโลกที่ได้รับรางวัลมากมายบนเกาะสมุย ชูโซลูชั่นสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับตลาดองค์กร ผ่านโปรแกรมแบบส่วนตัวและหลักสูตรออนไลน์ เพื่อรับมือ “New Normal” และคลายความเครียดจากวิกฤต COVID-19


ในภาพจากซ้าย: จอห์น สจ๊วต ผู้ก่อตั้งและประธานคามาลายา, คารินา สจ๊วต ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการด้านสุขภาพ คามาลายา และ บรูซ ไรด์ ผู้จัดการทั่วไป คามาลายา

(เกาะสมุย ประเทศไทย) “คามาลายา” (Kamalaya Wellness Sanctuary & Holistic Spa) อาณาจักรสำหรับคนรักสุขภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะสมุย จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางต่างชาติที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพทางร่างกายและจิตใจ เผยหลังโควิด-19 ระบาด สัดส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศหลั่งไหลเข้ามายังเกาะสมุยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มองค์กรที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสุขภาพให้กับพนักงานมากขึ้นเท่าตัว

“คามาลายา เกาะสมุย” เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2548 โดย จอห์น และ คารินา สจ๊วต (John & Karina Stewart) เป็นหนึ่งในรีสอร์ทเพื่อสุขภาพที่ได้รับรางวัลและได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก ด้วยแนวคิดสำหรับการพักผ่อนวันหยุดอย่างแท้จริง มอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพและเวลเนสแบบองค์รวม ผ่านโปรแกรมที่แตกต่างกัน 17 โปรแกรม ตั้งแต่การดีท็อกซ์ ไปจนถึงการควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสม การจัดการความเครียดและความเหนื่อยล้า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปี 2563 – 2564 ทำให้คนทั่วโลกเกิดความสนใจ “การพักผ่อนด้านสุขภาพแบบองค์รวม” มากขึ้น ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มตลาดองค์กรและตลาดไมซ์ (MICE) ซึ่งเป็นปัจจัยที่คาดว่า สัดส่วนผู้เข้าพักซึ่งเป็นกลุ่มองค์ทั้งจากไทยและต่างประเทศของ “คามาลายา” ที่สูงขึ้นเกือบ 1 ใน 3 ของธุรกิจภาพรวมในปี 2565

บรูซ ไรด์ (Bruce Ryde) ผู้จัดการทั่วไป คามาลายา กล่าว่า “บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกได้รับความตึงเครียดจากการหยุดงานที่ยาวนานและนโยบายการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกขาดการเชื่อมต่อระหว่างทีมของพวกเขา เป็นผลให้ผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลต่างมองหาโซลูชั่นสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดการความตึงเครียดดังกล่าวของทีม ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มตลาดองค์กรที่มาใช้บริการที่ “คามาลายา” ต่างเน้นโปรแกรมการลดความเครียด การเปลี่ยนแปลงของทีม และการยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจุบัน คามาลายา มีโปรแกรมที่แตกต่างกันถึง 17 โปรแกรม สำหรับเฉพาะบุคคล และที่เหมาะสำหรับกลุ่มหรือทีม โดยสามารถเดินทางมาที่รีสอร์ท หรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ "Kamalaya Connect" ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้จากทุกที่ทั่วโลก”

ด้าน จอห์น สจ๊วต (John Stewart) ผู้ก่อตั้งและประธาน คามาลายา กล่าวว่า “จาก 15 ปีที่แล้ว ที่เราเริ่มต้นการเดินทางของ “คามาลายา” จวบจนวันนี้ วิสัยทัศน์ของเราก็ยังคงเหมือนเดิม คือมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับแขกของเราแต่ละคน ในฐานะแบรนด์เพื่อสุขภาพชั้นนำและได้รับรางวัลมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก เราภูมิใจและดีใจอย่างยิ่ง ที่จะช่วยสร้างทุกคนให้เป็นคนใหม่ที่สามารถเผชิญกับความท้าทายของชีวิต ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นและมีความสมดุลทางอารมณ์มากขึ้นกว่าที่เคย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังปรัชญาของเรา ‘Feel Life’s Potential’ ”








ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าของ “คามาลายา” ยังรวมถึงผู้นำองค์กรระดับโลก นักการเมือง และราชวงศ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้ม “การพักผ่อนเพื่อสุขภาพ” ในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น รัฐบาลไทยโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นใจว่า ประเทศไทยจะยังคงเป็นผู้นำในภูมิภาคด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่ง “คามาลายา” พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อมีส่วนสำคัญในภารกิจนี้ ภายใต้รีสอร์ทสุขภาพที่รายล้อมด้วยสภาพแวดล้อมที่มีเสน่ห์ บรรยากาศผ่อนคลาย และวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพที่เข้าถึงง่าย ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อน ทำงาน ฟื้นฟู และให้รางวัลแก่ผู้นำองค์กรและทีมงานอย่างลึกซึ้ง โดยปราศจากมลภาวะและสิ่งรบกวน ภายในสวนเขียวขจีครอบคลุมพื้นที่กว่า 33 ไร่ มีชายหาดส่วนตัวที่เงียบสงบ โขดหินธรรมชาติ พื้นที่กลางแจ้งภายในรีสอร์ทที่กว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมาตรฐานด้านการดูแลสุขภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ทั้งนี้ “คามาลายา” ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากผู้นำของบริษัท สถานทูต และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ที่มอบหมายให้ “คามาลายา” พัฒนาโปรแกรมการสร้างทีม (Team Building) แบบมืออาชีพ และการให้คำปรึกษาส่วนตัว และมีการสอบถามเกี่ยวกับโปรแกรมด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งคาดว่า สัดส่วนกลุ่มเป้าหมายตลาดองค์กรของคามาลายา จะมากกว่า 30% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 20% ในยุคก่อนการระบาดของโควิด-19

คาริน่า สจ๊วต (Karina Stewart) ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการด้านสุขภาพ คามาลายา กล่าวว่า “ทั่วโลกผู้คนและบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องได้รับการเยียวยาจากผลกระทบของการแพร่ระบาด ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทรัพยากรใหม่ ๆ และนิสัยใหม่ ๆ เสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวและมีความยืดหยุ่นยืดหยุ่นและแข็งแกร่งต่อสุขภาพของเรา โปรแกรม 17 โปรแกรมที่จะช่วยให้สามารถเข้าถึงของแต่ละคนได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยพิจารณาจากความต้องการเฉพาะของพวกเขา ขณะนี้เรากำลังดำเนินโครงการ  ‘Embracing Change’ (กอดการเปลี่ยนแปลง) สำหรับองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งผ่าน Kamalaya Connect ซึ่งบางแห่งมีผู้เข้าร่วมมากถึง 200 คน"

ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาด “คามาลายา” ยังคงเปิดให้บริการตลอดมา และยังคงดูแลผู้เข้าพักอย่างปลอดภัย เป็นส่วนตัว และเงียบสงบ

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kamalaya.com



เกี่ยวกับ “คามาลายา เกาะสมุย” (Kamalaya Koh Samui)
“คามาลายา เกาะสมุย” (Kamalaya Wellness Sanctuary & Holistic Spa) อาณาจักรสำหรับคนรักสุขภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและได้รับรางวัลมากมาย ตั้งอยู่บนชายฝั่งตอนใต้ของเกาะสมุย ประเทศไทย เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2548 โดย จอห์น และ คารีนา สจ๊วต (John & Karina Stewart) มอบประสบการณ์การดูแลสุขภาพและเวลเนสแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกับศักยภาพของตัวเองและมีสุขภาพที่ดี ผสมผสานศาสตร์การบำบัดจากตะวันออกและตะวันตกเข้ากับธรรมชาติที่สวยงาม อาหารเพื่อสุขภาพเลิศรส โปรแกรมเฉพาะที่มีเลือกมากมาย ตั้งแต่การดีท็อกซ์ (Detoxification) ไปจนถึงการควบคุมน้ำหนักที่เหมาะสม (Ideal Weight to Relaxation) การจัดการความเครียดและความเมื่อยล้า (Stress & Burnout) ไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Lifestyle) โยคะซีนเนอร์จี้ (Yoga Synergy) และ การปรับสมดุลทางอารมณ์และ (Emotional Balance) รวมถึง ‘Beauty & Glow’ โปรแกรมเพื่อสุขภาพล่าสุดของ “คามาลายา” ที่เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบผิวเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา และสนับสนุนความงามที่แท้จริงจากภายในสู่ภายนอก ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kamalaya.com

27


เซ็นทรัล รีเทล ผนึกกำลัง มาสเตอร์การ์ด พันธมิตรยักษ์ใหญ่ดีลแรกของปี 2564 “FRIDAY ต้องเปย์ด้วยมาสเตอร์การ์ด” เดินหน้าปลุกมู้ดใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ชูโปรเด็ด คาดดันยอดขาย 3,000 ล้านบาท


กรุงเทพฯ 17 มีนาคม 2564 –  เซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกแห่งประเทศไทย จับมือ มาสเตอร์การ์ด บริษัทเทคโนโลยีผู้นำด้านการชำระเงินในระดับโลก อัดยาแรงรับไตรมาสแรก กับ “FRIDAY ต้องเปย์ด้วยมาสเตอร์การ์ด” รุกแคมเปญโปรโมชั่นส่วนลดสุดคุ้มค่า พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษรูปแบบใหม่ให้สมาชิก เดอะวัน (The 1) และผู้ใช้แอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) เพียงใช้จ่ายผ่านบัตร มาสเตอร์การ์ดตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ สำหรับการช้อปทั้งหน้าร้านและหน้าเว็บ รับคูปองแทนเงินสดมูลค่าสูงสุด 130 บาท ทุกวันศุกร์ตลอดปี 2564 ตั้งเป้ายอดขายจากแคมเปญทะลุ 3,000 ล้านบาท


ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะสร้างความสุข และยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้แก่คนไทยทั้งประเทศ เราจึงเร่งเครื่องพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนล และสร้างอีโคซิสเต็มให้เป็น “New Central Retail Lifestyle & Food Platform” ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำมากมาย โดยคิกออฟพาร์ทเนอร์ชิพระดับโลกดีลแรกในปี 2564 กับ มาสเตอร์การ์ด จัดแคมเปญ ‘FRIDAY ต้องเปย์ด้วยมาสเตอร์การ์ด’ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้า ด้วยการมอบคูปองแทนเงินสดทุกวันศุกร์ ตลอดปี 2564 นี้ บนแพลตฟอร์มพันธมิตรในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ แอปพลิเคชัน เดอะวัน (The 1) และแอฟพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ก (Dolfin Wallet)

เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรมาสเตอร์การ์ดตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ สำหรับการช้อปทั้งหน้าร้านและหน้าเว็บ รับคูปองแทนเงินสดมูลค่า 100 บาท บนแอปพลิเคชัน เดอะวัน (The 1) หรือรับคูปองแทนเงินสดมูลค่า 130 บาท บนแอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) เมื่อสแกนจ่ายที่หน้าร้านผ่านแอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) ที่ผูกกับบัตรมาสเตอร์การ์ด เพื่อเป็นส่วนลดในการช้อปครั้งต่อไปในทุกกลุ่มสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น ฟู้ด และฮาร์ดไลน์ กว่า 1,000,000 รายการ จากกว่า 1,000 ร้านค้า ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ซีเอ็มจี, ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์,   ออโต้วัน, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, แฟมิลี่มาร์ท และ มัทสึโมโตะ คิโยชิ

ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงทราฟฟิกเข้าห้างในวันศุกร์เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40%”


“มาสเตอร์การ์ด และกลุ่มเซ็นทรัล ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ยาวนานมากว่า 17 ปี ประสานความร่วมมือเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่น่าพอใจ สะดวกสบายและเปี่ยมด้วยความใส่ใจ เริ่มตั้งแต่การเปิดตัวบัตรเครดิตเซ็นทรัลเดอะวัน ในปี 2547 จนถึง ‘ดอลฟิน วอลเล็ท’ ในปี 2562 มาสเตอร์การ์ด พร้อมมีส่วนช่วยผลักดันให้ กลุ่มเซ็นทรัล สามารถบรรลุจุดมุ่งมั่นที่จะเป็นแพลตฟอร์มการช้อปปิ้งสินค้าไลฟ์สไตล์ครบวงจร ด้วยการนำดิจิทัลโซลูชั่นมามอบประสบการณ์ที่ตรงใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด” ไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าว “การระบาดของโควิด-19  เป็นตัวเร่งพฤติกรรมไร้เงินสดในประเทศไทยและทั่วโลก กิจกรรมโปรโมชั่นที่เราทำร่วมกับ เซ็นทรัล รีเทล ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ด ที่จะนำเสนอวิธีการจับจ่ายที่ทั้งเปี่ยมคุณค่า ให้ความสะดวก และความล้ำหน้าเหมาะกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พร้อม ๆ กับกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิด”

ติดตามข้อมูลเกี่ยวแคมเปญ‘FRIDAY ต้องเปย์ด้วยมาสเตอร์การ์ด’ ได้ที่ Facebook: Central Retail และ www.centralretail.com หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เดอะวัน (The 1) และ ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ดี ๆ ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2564
 
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และเป็นบริษัทเรือธงด้านค้าปลีก ซึ่งเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกที่สำคัญ 3,764 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563) นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในรูปแบบออมนิแชแนล โดยครอบคลุมกลุ่มแฟชั่น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ซูเปอร์สปอร์ต, Central Marketing Group (CMG) และรีนาเชนเต (Rinascente) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ได้แก่ ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม, ออฟฟิศเมต, บีทูเอส, เมพ (e-book) และกลุ่มฟู้ด ได้แก่ ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ พลาซ่า, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี/โก! และลานชี มาร์ท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทยที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รวมกัน 1,898 แห่ง ใน 55 จังหวัด พร้อมทั้งยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม รวมกัน 133 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563)

28
สัมผัสประสบการณ์ล่องเรือรักษ์สุขภาพ ผสานศิลปะปรนนิบัติ โดย ลอย เพลา โวยาจส์ บนลำน้ำเจ้าพระยา


Loy Pela Voyages - Loy River Song - River


Loy Pela Voyages - Loy River Song - Sunset

ลอย เพลา โวยาจส์ พาสัมผัสประสบการณ์ลักซ์ชูรีแปลกใหม่แบบเป็นส่วนตัว บนเรือหรูหราล่องลำน้ำเจ้าพระยา ย้อนรอยประวัติศาสตร์ประทับใจกับความงามของกรุงเก่าอยุธยา โดยผู้นำเที่ยวที่บอกเล่าเรื่องราวของท้องถิ่นแบบเจาะลึกตลอดสองฝั่งแม่น้ำ  ในระหว่างการเดินทางมีจุดแวะพักเพื่อเดินทางต่อโดยรถ  เรือหางยาว หรือด้วยการเดินไปยังโบราณสถานที่สำคัญใจกลางเมืองหลวงเก่าของไทย พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมพิเศษบนเรือไปกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่จะมาปรนนิบัติร่างกายและจิตใจอย่างเต็มรูปแบบ

ผู้เดินทางทริปนี้ จะได้รับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งกิจกรรมสบายๆ และมื้ออาหารเพื่อสุขภาพตลอดทริป รวมถึงผ่อนคลายร่างกายและจิตใจกับศิลปิน คุณใหม่ - สิรญา อินทรครรชิต ในกิจกรรมศิลปะบำบัด ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ฟื้นฟูพลังงาน เสริมพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ และปรับสมดุลทางจิตใจ เน้นการผ่อนคลายและสุนทรียภาพของจิตใจและอารมณ์

ส่วนเมนูอาหารตลอดการเดินทางนี้ จะเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเชฟส่วนตัว ได้คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิก สดใหม่ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ พืชผักต่างๆ ให้วิตามินที่ครบถ้วน  ด้วยกระบวนการปรุงอาหารอันพิถีพิถันในทุกมื้อ

นอกจากนี้ยังมีการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ด้วยการให้วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระหรือสารอาหารที่มีประโยชน์ เข้าสู่ร่างกายทางหลอดเลือดดำ โดยผ่านทางสายน้ำเกลือ หรือ “IV Drip” โดยทีมบุคคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จาก VIVID by Verita Health ซึ่งจะให้คำปรึกษาและแนะนำแบบเฉพาะบุคคล โดยมีวิตามินสูตรต่างๆ ที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใส ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภายในร่างกายให้ดีขึ้น ช่วยขับสารพิษในร่างกาย ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น  ส่งเสริมระบบประสาทและสมอง ให้ทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ลอย เพลา โวยาจส์ เปิดให้สำรองแพ็คเกจได้ทุกวัน ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 3 วัน 2 คืน รวม อาหารกลางวัน 2 มื้อ, อาหารค่ำ 2 มื้อ, ซันเซทค็อกเทล, ซิกเนเจอร์ สปาทรีทเมนท์ และอาหารบรันช์ มื้อสายสุดหรู ราคา 160,000 ++ บาทต่อห้อง (ราคาไม่รวมภาษีและค่าบริการ)  และมีราคาพิเศษสำหรับเช่าเหมาเรือแบบส่วนตัว                       

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองการเดินทาง ได้ที่ โทร. 0 2476 0022 อีเมล: jakkrapong_ch@loypelavoyages.com หรือเว็บไซต์ loypelavoyages.com

เกี่ยวกับลอย เพลา โวยาจส์:
ลอย เพลา โวยาจส์ เรือสำราญหรู ล่องแม่น้ำ เสนอการเดินทางประหนึ่งท่องกาลเวลาอันแสนพิเศษให้นักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้สัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศไทยผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา สำรวจและชื่นชมวิถีชีวิตของชุมชนสองข้างทางบนเรือหรู ทั้ง ‘ลอย ริเวอร์ สอง’ เรือสำราญลำใหญ่ในรูปแบบร่วมสมัย และ ‘ลอย ดรีม’ เรือคลาสสิคดัดแปลงมาจากเรือบรรทุกข้าวสารโบราณ เพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนอันน่าจดจำ บริการมื้ออาหารชั้นเลิศ ด้วยไมตรีจิตและการให้บริการระดับ 5 ดาว

นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินการล่องบนสายน้ำสำคัญ จากกรุงเทพมหานครผ่านภูมิทัศน์อันงดงามสู่กรุงเก่าอยุธยาที่น่าค้นหา อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลอย เพลา โวยาจส์ จะมอบมุมมองใหม่ในการท่องเที่ยวประเทศไทยอย่างเป็นเอกลักษณ์โดยผ่านผู้คน อาหาร ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ ลอย เพลา โวยาจส์ โปรดติดตามเราได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/loypelavoyages/ หรือ อินสตาแกรม: https://www.instagram.com/loypelavoyages/

29
 
ททท. ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวหลังวิกฤต COVID 19 !!! สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวชาวไทยในฤดูกาลการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “มั่นใจไทยเที่ยวได้”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวโครงการสร้างความมั่นใจในการท่องเที่ยว และการเดินทางภายในประเทศ หลังวิกฤต COVID-19 ระลอกใหม่ ภายใต้แนวคิด “ไทยพร้อมเที่ยว…มั่นใจไทยเที่ยวได้” ระหว่างเดือนธันวาคม - เมษายน 2564 นี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางด้วยความรู้สึกมั่นใจในผู้ประกอบการไทยที่พร้อมดูแล รับผิดชอบ และให้ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยได้เป็นอย่างดี เพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับฤดูกาลการท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงนี้


นาย อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า วิกฤต COVID-19 ที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างเผชิญกันอยู่นี้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วทุกมุมโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวมากถึง 17.64% ตามรายงานภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ปี 2562 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ ทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศต้องหยุดชะงัก อัตราการเข้าพักโรงแรมเหลือเพียง 0-5% จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศเอง และนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourism Visa (STV) เท่านั้น ส่งผลให้ธุรกิจสายการบิน และโรงแรมประสบปัญหารุนแรงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย และสร้างความเข้าใจในกระบวนการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourism Visa (STV) พร้อมทั้ง สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการคัดกรอง และการกักตัวของนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV นี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกระแสที่สร้างความกังวลใจเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของการท่องเที่ยว การเข้าพักโรงแรม และการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นอย่างมาก

ททท. จึงเร่งดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวชาวไทย ในช่วงก่อนฤดูกาลการท่องเที่ยวที่จะมาถึงนี้ ผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจโดยใช้ช่องทาง Online และ Social Media ต่าง ๆ รวมถึงผนึกกำลังกับพันธมิตรธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร ทั่วประเทศจัดกิจกรรม เพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้ตลาดท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อาทิ สายการบิน Thaismile ร่วมสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางและสนับสนุนตั๋วเครื่องบิน ไป - กลับ ในประเทศ, บัตรเครดิต KTC ร่วมประชาสัมพันธ์พร้อมมอบส่วนลดพิเศษให้แก่ลูกค้า ทั้งตั๋วเครื่องบิน รถเช่า และที่พัก ผ่านช่องทาง KTC World Travel Service, บริษัทเทเวศประกันภัย มอบประกันโควิดผ่านกิจกรรมของโครงการ, Chic Car Rent ร่วมสร้างความมั่นใจในการเดินทาง พร้อมโปรโมชั่นรถเช่าราคาสุดพิเศษ, แคมเปญแจกที่พักในกิจกรรม Free Gift ผ่านแอพพลิเคชั่น TrueYou รวมถึงโรงแรมสุดหรูในเครือ Cape & Kantary Hotels และ Baba Beach Club ที่ร่วมเป็นพันธมิตร ทั้งนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์ผ่านการทำ Influencer Marketing โดย KOLs Bloggers Influencers และ Nano Influencers จำนวนมาก เพื่อให้เกิดกระแสความต้องการเดินทางภายในประเทศ ทั้งท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง


สามารถติดตาม www.facebook.com/munjaithaitiewdai เพจที่จะให้ความรู้กับให้นักท่องเที่ยวชาวไทย เรื่องการดูแล และป้องกันตนเองให้ห่างไกลจาก COVID-19 สร้างความเข้าใจในมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว หรือ SHA ตอกย้ำความมั่นใจในกระบวนการการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourism Visa (STV) และเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อไป ผ่านคอนเท้นต์ และกิจกรรมออนไลน์มากมาย

30

The 1 เอาใจ “สายมู” จับมือ “กูรูศาสตร์แห่งดวง” เสริมทัพคอนเทนต์ สร้างสีสันบนแอป The 1


(จากซ้ายไปขวา) คุณมิ่งขวัญ พฤฒิสถาพร Program Principal - The 1, คุณพาทินี พิพัฒน์กิจโชต (พ.พาทินี), คุณชรัตน์ เพ็ชร์ไชย Digital Content Advisor - The 1, คุณกวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ Managing Director - The 1, คุณศุภณัฏฐ์ โรจน์สุขถาวร Product Marketing Principal - The 1, คุณกิตติคุณ ยอดรัก กรรมการผู้จัดการ aดวง, คุณอนัญญา โตแสงชัย ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ HoroSociety

The 1 (เดอะวัน) ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้แพลตฟอร์มอันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็นมากกว่าลอยัลตี้ (Beyond Loyalty) จับมือคอนเทนต์พาร์ทเนอร์ด้านดวงชื่อดัง อาทิ aดวง, Horosociety, และพ.พาทินี เพิ่มสีสันและความสนุกสนานบนแอป The 1 เอาใจสายมู พร้อมเสริมทัพทีมงานคอนเทนต์มืออาชีพระดับแนวหน้า อัพเดตเนื้อหาใหม่บนแอปทุกวัน

คุณกวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด กล่าว “The 1 มีจุดยืนที่จะเป็นมากกว่าโปรแกรมลอยัลตี้ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็น Everyday Lifestyle Application เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตทุกๆ วันของลูกค้า การพัฒนาคอนเทนต์บนแอปพลิเคชั่นจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ที่ทาง The 1 มอบให้กับลูกค้า ซึ่ง The 1 ได้เริ่มทำคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์บนแอป The 1 มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม โดยมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30%”

คอนเทนต์ดูดวงบนแอป The 1 มีจุดเด่นที่ความหลากหลายของเนื้อหา ซึ่งมาจากความร่วมมือของคอนเทนต์พาร์ทเนอร์ รวมถึงคอนเทนต์ที่ทีมงาน The 1 สร้างเอง ไม่ว่าจะเป็นดวงตามวันเกิด ราศี รายวัน หรือ รายปักษ์ และมีการประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์และไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกสีเสริมดวงตามวันเกิดหรือราศี  พร้อมเสนอแนะทางเลือกให้กับผู้อ่าน เช่น หากคำทำนายในเดือนนั้นๆ บ่งชี้ว่า คุณมีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาสุขภาพ ก็จะมีลิงค์ไปยังช่องทางการสั่งซื้อผัก ผลไม้ หรือวิตามินเสริมสุขภาพขึ้นตามมา และ การ Personalization ให้เฉพาะบุคคล ที่นอกจากจะฟีดเนื้อหาขึ้นแอป The 1 แบบปกติแล้ว ยังแจ้งเตือนลูกค้าผ่านแอปพลิเคชั่นตามราศีหรือวันเกิดของลูกค้า เพื่อความสะดวกรวดเร็วและเข้ากับวิถีชีวิตของคนในยุคดิจิทัล

นอกจากความร่วมมือกับคอนเทนต์พาร์ทเนอร์แล้ว The 1 ยังได้เสริมทัพทีมงานมืออาชีพจากแวดวงคอนเทนต์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย เพื่อพัฒนา The 1 ให้ก้าวสู่ Everyday Lifestyle Application ประกอบด้วย Content Editor และ Curator มากประสบการณ์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแพลทฟอร์มรวมข่าวสารและบทความอันดับ 1 ของไทย รวมถึงอีกหลากหลายแพลทฟอร์มทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยี ซึ่งคอนเทนต์ดูดวงเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างคอนเทนต์บนแอป The  1 เท่านั้น โปรดติดตามคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ ซึ่งจะทยอยอัพเดตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีบนแอพลิเคชั่น The 1


สัมผัสประสบการณ์ดีๆ ได้ทุกวันบนแอป The 1 ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ การกดรับ/แลกสิทธิพิเศษ เช็คคะแนน ยอดซื้อ ดูสิทธิพิเศษและของรางวัลมากมาย และเข้ารับบริการต่างๆ ด้วยการโชว์บาร์โค้ดสมาชิก รวมทั้งจ่ายเงินผ่านแอป The 1 ได้เลยทันทีแบบรวมครบจบในแอปเดียว


ดาวน์โหลดแอป The 1 เพื่อติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ทั้งบน App Store และ Play Store https://go.the1.co.th/UohD/78f4c04

Pages: 1 [2] 3 4 ... 155