Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: 1 ... 2011 2012 [2013] 2014 2015 ... 2254
30181

ชื่อภาพยนตร์   WORLD WAR Z
ชื่อไทย           มหาวิบัติสงคราม Z
วันที่เข้าฉาย     20 มิถุนายน 2556
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=1TNJTUkRCDA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=1TNJTUkRCDA</a>

               ในวันธรรมดาวันหนึ่ง เจอร์รี่ เลนและครอบครัว พบว่าการเดินทางบนท้องถนนที่เคยเงียบสงบของพวกเขา ต้องเผชิญหน้ากับการจราจรติดขัดกลางเมือง เลนที่ในอดีตเคยเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนขององค์การสหประชาชาติ รู้สึกว่านี่ไม่ใช่รถติดธรรมดา และเมื่อมีเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจบินอยู่ร่อนอยู่เหนือท้องฟ้า และมีมอเตอร์ไซค์ของตำรวจวิ่งไปมาอยู่เบื้องล่าง ทั้งเมืองต้องเผชิญกับเหตุโกลาหล

               บางสิ่งบางอย่างกำลังเป็นเหตุให้ผู้คนทำร้ายกันอย่างรุนแรง มันคือเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ผ่านการโดนกัดเพียงครั้งเดียว และเปลี่ยนมนุษย์ที่มีสุขภาพแข็งแรงดีให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่จดจำอดีตไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกรับรู้ ไม่มีความคิด และดุร้าย เพื่อนบ้านหันมาทำร้ายเพื่อนบ้าน คนแปลกหน้าที่มีน้ำใจช่วยเหลือจู่ๆ ก็กลายเป็นศัตรูตัวร้าย ต้นกำเนิดของไวรัสชนิดนี้ยังไม่ทราบที่มา และจำนวนคนติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน จนกลายเป็นโรคระบาดไปทั่วโลก เมื่อผู้ติดเชื้อมีชัยเหนือกองทัพของโลก และทำให้หลายรัฐบาลต้องล่มสลาย เลนถูกสถานการณ์บีบให้ต้องหวนกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าที่เต็มไปด้วยอันตราย เพื่อรับประกันความปลอดภัยของครอบครัวของเขา และเป็นผู้นำการค้นหาที่มาของโรคระบาดทั่วโลก อันจะเป็นหนทางที่จะหยุดการแพร่ระบาดที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้

               พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส และสกายแดนซ์ โปรดักชั่น ภูมิใจเสนอ ผลงานความร่วมมือกับ เฮมิสเฟียร์ มีเดีย แค็ปปิตอล และจีเค ฟิล์มส์, ผลงานการสร้างของ แพลนบี เอนเตอร์เทนเม้นต์/ 2DUX2  ภาพยนตร์ของ มาร์ค ฟอร์สเตอร์ เรื่อง “World War Z.” ภาพยนตร์เรื่องนี้จัดจำหน่ายทั่วโลกโดย พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส คอร์ปอเรชั่น บริษัทในเครือViacom, Inc.




จากหน้ากระดาษสู่จอภาพยนตร์:

               “World War Z” เริ่มต้นด้วยการเป็นนิยายสยองขวัญที่กล่าวถึงช่วงเวลาหลังโลกต้องพบหายนะ ผลงานของ แม็กซ์ บรูกส์ ที่มีชื่อว่า World War Z: An Oral History of the Zombie War ที่ถูกเขียนขึ้นในรูปแบบการเล่าเรื่องของบุคคลแต่ละคนที่ประสพกับเหตุการณ์นี้ด้วยตนเอง ผู้อำนวยการสร้าง แบรด พิตต์, ดีดี้ การ์ดเนอร์ และเจเรมี่ ไคลเนอร์ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในแท่นพิมพ์ พวกเขาและทุกคนที่บริษัท แพลนบี เอนเตอร์เทนเม้นต์ ต่างติดใจนิยายเรื่องนี้มาก
          “ห้าปีผ่านไป ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซอมบี้เลย ตอนนี้ ผมกลับมองว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยครับ” พิตต์เล่า “หนังสือของแม็กซ์นำเสนอเรื่องราวของซอมบี้ว่าเป็นโรคระบาดไปทั่วโลก เป็นการแพร่กระจายในแบบที่เหมือนเราเคยเห็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่าง ซาร์ส สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมันแพร่ระบาดไปเหมือนไฟลามทุ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยเห็นว่าสำคัญในชีวิตประจำวันของเรากลับกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างอำนาจและบรรทัดฐานของสังคมถูกทำลายไปจนหมด เราจะเอาชีวิตรอดได้ยังไง”
          “มันสะท้อนให้เราเห็นสิ่งที่ตรงกับประเด็นปัญหาและเหมือนเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า แม้ว่ามันจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับซอมบี้ หรืออาจเป็นเพราะมันเป็นหนังสือเกี่ยวกับซอมบี้ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าอะไรที่ทำให้มันดูน่าติดตามแบบนี้” การ์ดเนอร์เล่า
          ขอบเขตที่กว้างขวางของเรื่องนี้ยังทำให้ไคลเนอร์ ผู้คุ้นเคยดีกับหนังสือของบรูกส์ รู้สึกทึ่ง ขณะที่ได้อ่านหนังสือที่คู่กันอย่างเรื่อง The Zombie Survival Guide
          “สัดส่วนต่างๆของโลก การคาบเกี่ยวกันของซอมบี้ การเมือง และสถาบันต่างๆ ทำให้เรารู้สึกทึ่ง และยังเพิ่มองค์ประกอบที่ทั้งเท่และมีความร่วมสมัย ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ไม่ธรรมดาลงไปในเรื่องราวของซอมบี้” ไคลเนอร์กล่าว
          อย่างไรก็ดี วิธีการเล่าเรื่องที่เป็นเหมือนการให้การของหลายบุคคล ใช่ว่าจะแปลงมาเป็นบทภาพยนตร์ได้ง่ายๆ ในที่สุด ทีมผู้สร้างเลือกที่จะเล่าเรื่องราวนี้ผ่านตัวละครเอกเพียงตัวเดียว ซึ่งตรงกันข้ามกับการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครมากมาย แต่ยังคงพยายามที่จะรักษาหัวใจของธีมต่างๆ และประเด็นของพลอตเรื่องที่เคยทำให้พวกเขาติดอกติดใจเอาไว้
          “เห็นได้ชัดมากเลยว่าโครงสร้างของหนังสือเล่มนี้จะต้องเป็นความท้าทายในการดัดแปลงบทอย่างแน่นอน เราพยายามติดตามการเล่าเรื่องราวของหนังสือ แต่เราพบว่าความตึงเครียดทางอารมณ์ดราม่านั้นหายไป อย่างน้อยก็ในแง่ของงานภาพยนตร์ เราจำต้องย้อนกลับไปถึงตอนที่เกิดเชื้อซอมบี้แพร่ระบาด และทำให้มันกลายเป็นจุดใจกลางของภาพยนตร์ เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อจะเล่าเรื่องนี้ออกมาให้สมจริง ดังนั้นมันจึงให้ความรู้สึกว่าเรื่องราวนี้สามารถเกิดขึ้นกับพวกเราในปัจจุบันได้ เกิดขึ้นกับผู้คนที่เรารู้จัก และขณะที่โครงสร้างเรื่องต่างออกไป ฉันหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะกระตุ้นความรู้สึกที่เราเคยมีเมื่อเราได้อ่านหนังสือของแม็กซ์เรื่องนี้” การ์ดเนอร์บอก
          ขณะที่ยังคงทำงานเรื่องบทอยู่นั้น ทางทีมผู้สร้างตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะทาบทามผู้กำกับ และพวกเขาเลือก มาร์ค ฟอร์สเตอร์
          “มาร์คเห็นพ้องกับพวกเราว่าเขาทุ่มเทที่จะวางเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้เอาไว้ในโลกจริงๆ และยังคงรักษาความเป็นไปได้ของเรื่องนี้เอาไว้” การ์ดเนอร์เล่า
          “ผมนับถือมาร์คในฐานะผู้กำกับที่สร้างภาพยนตร์ที่แตกต่างกันหลายแนว แต่ยังคงมีลักษณะร่วมกันในการนำเสนอประเด็นปัญหาหลักๆ ของมนุษย์ อย่างเช่น ครอบครัว ความรัก การสูญเสีย ผมว่าเขานำเอาลักษณะที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นมนุษย์แบบนี้มาใส่เอาไว้ในภาพยนตร์ของเรา และผมว่าการเปิดกว้างของเขา การที่เขาไม่มีทัศนคติในเรื่องข้อจำกัดของภาพยนตร์ซอมบี้ มันช่วยได้มากทีเดียว” ไคลเนอร์เล่าเสริม
แพลนบีเริ่มต้นด้วยการส่งหนังสือเรื่องนี้ไปให้ฟอร์สเตอร์ และเช่นเดียวกับพวกเขา ฟอร์สเตอร์ติดอกติดใจมากทีเดียว
          “ผมคิดว่ามันเป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก และพูดถึงธีมต่างๆ ที่ผมสนใจจริงๆ” ฟอร์สเตอร์เล่า “ผมนั่งลงเพื่อคุยกับทีมของแพลนบี และเราเริ่มต้นคุยกันอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับว่าเราจะทำอะไรกับโปรเจ็กต์นี้ได้บ้าง ในตอนนั้นพวกเขาได้พัฒนาบทภาพยนตร์แล้ว ซึ่งพวกเขาได้นำมามอบให้ผม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการพูดคุยของพวกเรา ซึ่งสุดท้ายก็นำมาสู่การเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้”
          “หนังซอมบี้” กลายเป็นหนังที่มีแนวทางของตัวเอง และตอนนี้ มันกลับกลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยม ฟอร์สเตอร์เชื่อว่ามีเหตุผลสำคัญที่ทำให้หนังซอมบี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก และมีหนังซอมบี้ดีๆ มากมายหลายเรื่องที่ทำให้เขาเกิดความสนใจในโปรเจ็กต์นี้
          “ผมพบว่าหนังซอมบี้ดูน่าหลงใหลในแง่ที่ว่าพวกมันเคยได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 70 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สังคมเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและระส่ำระสาย และตอนนี้ในเวลาที่พวกเราใช้ชีวิตอยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงและความเคลือบแคลง ซอมบี้ได้รับความนิยม พวกมันเป็นเหมือนอุปมาอุปไมยที่ดี เป็นตัวแทนของจิตใต้สำนึก และสะท้อนถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลก พวกเรามนุษย์ปุถุชนก็เหมือนไม่รู้สึกตัวในหลายระดับและในที่สุด เราเองก็ต้องตื่นขึ้นมา” ฟอร์สเตอร์กล่าว
          “ผมไม่รู้จักคนที่ไม่เคยเห็นซอมบี้ ผมได้เห็นมันในโฆษณาอุปกรณ์เอาตัวรอดจากซอมบี้ในเดอะนิวยอร์กเกอร์ การเคลื่อนไหวประท้วง Occupy Wall Street ได้ปลุกตำนานเกี่ยวกับซอมบี้ขึ้นมากมาย และยังมีความสำเร็จอย่างสูงของ ‘The Walking Dead’ ซึ่งเป็นซีรีส์ที่มีเรตติ้งสูงสุดสำหรับรายการทางเคเบิลทีวี มันคือเส้นทางลาดที่พยายามจะมอบหมายอุปมาอุปไมยให้กับสิ่งที่ผมคิดว่าได้รับความนิยมอย่างสูง แต่ก็เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย ภาษาของโลกซอมบี้เข้าใจได้มากขึ้นในปัจจุบัน ผมว่าเป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ผู้คนติดหนึบกับจอทีวีและจอคอมพิวเตอร์ และหูฟัง ในความรู้สึกที่ถือว่าพื้นๆ ที่สุด พวกเขาเดินไปรอบๆ เหมือนซอมบี้โดยไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับมนุษย์คนอื่น สำหรับผมแล้ว อย่างน้อยโลกนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นที่ที่ไม่สลักสำคัญ ให้ความรู้สึกไม่มั่นคง ให้ความรู้สึกเหมือนมีคลื่นอารมณ์และพฤติกรรมลูกใหญ่ที่ถาโถมใส่พวกเรา และมันเกิดขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่มันมีรากฐานเพราะความรักที่ผู้คนมีต่อเรื่องแนวนี้ สำหรับผม ‘World War Z’ มีความจริงจัง จริง และสนุก และเดินเรื่องตื่นเต้นไม่หยุด เป็นเรื่องแนวเอพิคที่ยิ่งใหญ่ น่ากลัว และผมหวังว่าในที่สุดแล้วมันจะเป็นเรื่องที่น่าพอใจ” การ์ดเนอร์บอก
          อันที่จริง ส่วนประกอบที่เป็นเสน่ห์แรกเริ่มของโปรเจ็กต์นี้ในความคิดของพิตต์ ก็คือ ฉากแอ็กชั่นและการแข่งขันกับเวลาที่ทำให้หัวใจเต้น
          “ซอมบี้พวกนั้นน่ากลัวมาก และผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ก็ดูสนุกในหลายระดับด้วยกัน” พิตต์บอก “แต่โดยส่วนที่สำคัญ มันคือความสนุกในช่วงซัมเมอร์ และบอกตามตรง มันคือสิ่งที่ผมอยากทำออกมาเพื่อให้ลูกชายของผมได้สนุกไปกับมัน”
          สุดท้ายแล้ว ฟอร์สเตอร์ยังลังเลที่จะจัดประเภทของ “World War Z” เอาไว้ว่าเป็น “หนังซอมบี้”
          “มันไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับซอมบี้เท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับหายนะของโลกที่บังเอิญถูกแพร่กระจายโดยซอมบี้” ฟอร์สเตอร์บอก
          “มีการเทียบเคียงกันมากมายต่อสิ่งที่พวกเราต้องเจอในชีวิตประจำวันที่คล้ายกับใน ‘หนังซอมบี้’ แต่ความยอดเยี่ยมของหนังสือของแม็กซ์ ก็คือ เขาวางเรื่องเอาไว้ในกรอบเวลาที่สมจริง และภายในกรอบงานที่อิงอยู่กับความจริง นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจ ผมอยากสร้างหนังที่ให้ความรู้สึกจริง เพื่อให้คนดูรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้กับพวกเราทุกคน เรื่องราวทั่วๆ ไปก็คืออะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ในเหตุการณ์ใดก็ได้ ในวันใดก็ได้ ไม่มีใครรอดไปได้ ทุกคนมีความอ่อนไหว นั่นคือโครงร่างพลอตเรื่องของหนังเรื่องนี้ แต่มันยังเป็นชีวิตจริงอีกด้วย” ฟอร์สเตอร์บอก

30182

               แม้จะเป็นสาวร่างเล็ก แต่เรื่องสมบุกสมบั่นก็ไม่มีหวั่นสำหรับนักแสดงขวัญใจวัยโจ๋ เต้ย จรินทร์พร เพราะเล่นออกปฏิบัติภารกิจตามหาสาวมีฝัน ต.โนนสมบูรณ์ อ.บึงกาฬ จ.บึงกาฬ แบบจัดหนักจัดเต็ม ชนิดทุ่มสุดตัว ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น พกพาใบหน้าขาวใส ฝ่าลมแดดแบบไม่หวั่น สวมวิญญาณนักสรรหาเพื่อร่วมเคียงข้างฝันปั้นให้เป็นจริงใน รายการ Miss Country Girl Thailand เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่มีบ่นแถมยังส่งรอยยิ้มให้บรรดาคนรักบ้านเกิดโนนสมบูรณ์ได้ประทับใจกันไปถ้วนหน้า แต่จะน่ารักสดใสแค่ไหนติดตามชมได้ใน รายการ Miss Country Girl Thailand วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน นี้ เวลา 16.00 น. ทางช่อง 3





30183
“เวิร์คพอยท์ทีวี” เดินหน้าอัดแน่นวาไรตี้ 24 ชั่วโมง
ให้สมเรตติ้งยอดนิยมอันดับ 1


               “เวิร์คพอยท์ทีวี” ช่อง 7  ทาง PSI  ยังคงบุกตลาดทางด้านทีวีดาวเทียมต่อไปแบบนอนสต็อป สมกับสโลแกน “ กองทัพวาไรตี้ 24 ชั่วโมง” โดยในช่องยังคงอัดแน่นไปด้วยเนื้อหา สาระ ความสนุกเพลิดเพลิน  ที่คนดูได้รับอรรถรสอย่างครบถ้วนตลอด 24 ชั่วโมง และกำลังจะเตรียมขยายธุรกิจสู่ ทีวีดิจิทัล ในเร็วๆนี้  ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เวิร์คพอยท์ฯได้มอบหมายให้ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ชลากรณ์  ปัญญาโฉม” ผู้ช่วยประธานเจ้าที่บริหารสายงานธุรกิจโทรทัศน์   เป็นผู้บริหารในช่อง “เวิร์คพอยท์ทีวี” จนทำให้ขณะนี้เรตติ้งพุ่งติดชาร์ตเป็นอันดับ 1 มีผู้ติดตามดูกันทุกเพศทุกวัย




               โดยคุณ “ชลากรณ์” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้วครับที่เราเปิดช่องเวิร์คพอยท์ทีวี โดยเราใช้มาตรการและมาตรฐานในการผลิตรายการเหมือนกับที่เราผลิตให้กับทางช่องฟรีทีวี ซึ่งมีทั้งรายการข่าว รายการเด็ก วาไรตี้ ละครซิทคอม ซีรีส์ละครเกาหลี เราตั้งใจอัดแน่นความบันเทิงที่หลากหลาย เพราะอยากให้ดูกันได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งถือว่าเราประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้  ตอนนี้ผลการสำรวจเรตติ้งช่องเวิร์คพอยท์ทีวีมาเป็นอันดับที่ 1 เรามีความตั้งใจที่จะผลิตรายการใหม่ๆ  รายการดีๆที่ให้ประโยชน์กับผู้ชมอย่างแท้จริง อย่างเช่น รายการ SME อาเซี่ยน เกมโชว์ที่จะค้นหาว่าใครคือเจ้าของธุรกิจตัวจริง ในรายการมีวิธีการนำเสนอเริ่มต้นธุรกิจ การดำเนินธุรกิจและสร้างแรงบันดาลใจให้ความรู้ในการประกอบธุรกิจ รายการนักประดิษฐ์พันล้าน วาไรตี้เกมโชว์ที่จะเปิดโอกาสให้ทุกความฝันของคนไทยได้เป็นความจริง ขอเพียงคุณมีสิ่งประดิษฐ์จากความคิดที่ล้ำเลิศของคุณ หากคุณได้รับการซื้อไอเดียในสิ่งประดิษฐ์ของคุณจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในรายการ โอกาสรวยเป็นเศรษฐีพันล้านจากสิ่งที่คุณประดิษฐ์ก็อยู่แค่เอื้อม หรือรายการ เจาะเวลามหาสนุก ที่จะพาคุณไปรำลึกย้อนวันวาน รื้อค้นเรื่องเก่าๆ ความทรงจำที่มีค่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งกาย สถานที่เที่ยว อาหาร ของกิน ของเล่น โดยจะนำกลับมาพูดคุยถึงเรื่องต่างๆเหล่านี้กันอย่างสนุกสนานในรายการ รายการตุ๊กกี้ตุ๊กกี้โชว์ วาไรตี้ที่จะทำให้คุณฮาแตกกับตลกหญิงอันดับ1 ของประเทศไทย และกับอีกหลากหลายรายการที่ต้องติดตามอีกมากมาย   นอกจากนี้เรายังมีช่วงเวลาของการ์ตูนสำหรับเด็กๆ และยังเอาใจคนชอบดูซีรีส์เกาหลีเป็นพิเศษ ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์เรื่องดังมาให้คนไทยได้ดูก่อนใคร  ซึ่งเสียงตอบรับจากคนดูซีรีส์เกาหลีเพิ่มขึ้นมาก  เนื่องจากเราซื้อลิขสิทธิ์มาค่อนข้างเร็วมาก ส่วนซีรีส์ญี่ปุ่นก็เริ่มวางแผนออกอากาศบ้างแล้ว เพราะเราทำโปเจกต์ร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น  ปัจจุบันเราเริ่มต้นจากการนำเอาสุดยอดซีรีส์ที่กวาดเรตติ้งมาแล้วทั่วเกาหลี ส่งตรงมาที่ช่องเวิร์คพอยท์ทีวีที่เดียวที่คุณจะได้ดูอย่างจุใจ บางเรื่องนี่เรียกว่าพอจบจากเกาหลีปุ๊บ ทางเราก็ซื้อลิขสิทธิ์มาออกอากาศเลยทันทีครับ ล่าสุดเรากำลังจะออกอากาศเรื่อง THE CHASER โหด ดิบ ไล่ ล่า เป็นแนวแอ็คชั่น ดราม่า และซีรีส์ที่เคยได้รับความนิยมในเกาหลี แนวโรแมนติก คอมเมดี้ เรื่อง The Boy Flower Next Door 2 เรื่อง 2 แนว ให้เลือกดูได้ตามใจชอบครับ ซึ่งเรายังมีซีรีส์เกาหลีที่โด่งดังได้รับความนิยมทยอยส่งมาให้ดูกันอีกหลายเรื่องด้วย นอกจากนี้ในอนาคตเราจะมีทั้งซีรีส์ไต้หวัน ซีรีส์อเมริกา ซีรีส์จีน ด้วย แต่ละเรื่องเราคัดสรรอย่างดีถูกใจผู้ชมแน่นอนครับ”

               และในอนาคตเรากำลังเตรียมพร้อมเรื่องทีวีดิจิทัลเป็นหลัก  ซึ่งผังรายการของช่องเวิร์คพอยท์ทีวี ก็เหมือนเป็นการปรับผังเพื่อรองรับทีวีดิจิทัล เราจะทำการเพิ่มรายการใหม่เรื่อยๆ   ส่วนรายการที่มีอยู่เราก็จะพัฒนาให้ดีขึ้น รายการที่มีดีอยู่แล้ว เราก็จะยังคงไว้แต่เพิ่มรายละเอียดสาระความสนุกให้มากขึ้น ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับช่องเวิร์คพอยท์ทีวี ตอนนี้เราได้มีการขยายงานไปอีกเยอะ เรากำลังสร้างสตูดิโอ เพื่อรองรับการอัดรายการต่างๆเพิ่มขึ้น  เราอยู่ในช่วงเพิ่มกำลังคน ระดมมันสมองมาร่วมงานผลิตรายการใหม่ๆ ร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่เลอค่าด้วยกัน และเราได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท และพร้อมที่จะใช้เงินลงทุนเพิ่มมากขึ้น เพื่อผลิตงานออกมาให้ถูกใจผู้ชมมากที่สุดโดยเฉพาะผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติครับ  ติดตามดูช่องเวิร์คพอยท์ทีวีกันได้ ทางจาน PSI ช่อง 7 และทาง True Vision ช่อง 66 และ True Vision HD ช่อง 77นะครับ รับรองว่าคุ้มค่ากับทุกนาทีที่คุณได้ดูช่องนี้แน่นอนครับ”

30184
ข้าวมือถือจากพรานทะเล



บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)  เปิดตัว “ข้าวมือถือ: Mobile Meal”  ข้าวปรุงรสพร้อมรับประทาน ไม่ต้องอุ่น ไม่ต้องแช่เย็น  ไม่ต้องนำไปประกอบอาหาร    เพียงแค่ “ ฉีก ดัน กิน” ก็อิ่มอร่อยได้ทันที   นวัตกรรมอาหารใหม่ล่าสุดปราศจากสารเคมี  ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานโดยบรรจุในซองพิเศษซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อในอุณหภูมิสูงจึงทำให้ข้าวมือถือปลอดภัยและคงคุณค่าสารอาหารของข้าวและส่วนผสมต่างๆ เก็บไว้ได้ในอุณหภูมิอากาศปกติได้ยาวนาน  จะรับประทานข้าวมือถือเป็นอาหารว่างก็อร่อยเพลิน  หรือรับประทานเป็นอาหารมื้อหลักก็ได้ประโยชน์ สะดวกสบายรับประทานได้ทันที พกติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยซองขนาดกะทัดรัด มี 3 รสชาติ คือ บะจ่างสูตรฮ่องกง ข้าวผัดพะแนงหมู ข้าวผัดไก่กุนเชียง ขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา 25 บาท 


พิสูจน์ความอร่อยและสะดวกสบายของ “ข้าวมือถือ” ได้แล้ววันนี้ ที่โมเดิร์นเทรด (บิ๊กซี โลตัส ท็อปส์ โฮมเฟรชมาร์ท) และร้านค้าทั่วประเทศ

30185
ไอพีเอ็ม สยายปีกรุกตลาด ตจว.
สร้างปรากฏการณ์ทีวีดาวเทียม
เน้นสร้างคนสร้างรายได้คืนสู่ท้องถิ่น

                กรุงเทพฯ: ไอพีเอ็ม จานดาวเทียมสีส้ม เดินหน้ารุกตลาดต่างจังหวัด พร้อมสู้ด้วยเนื้อหา หวังสร้างปรากฏการณ์ทีวีดาวเทียม ดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม มุ่งรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่น สร้างคน สร้างรายได้คืนสู่สังคม ตั้งเป้าต้นปี 57 ครอบคลุมช่องท้องถิ่นทั่วประเทศ


                นายมานพ โตการค้า ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอพีเอ็มทีวี จำกัด ผู้ทำธุรกิจจานดาวเทียมสีส้ม ภายใต้แบรนด์ ไอพีเอ็ม ซึ่งไม่มีค่าบริการรายเดือน กล่าวว่า แม้ในปีนี้ไอพีเอ็มจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯ เนื่องจากเน้นทำช่องรายการในระบบความคมชัดสูงมากขึ้น แต่ตลาดในต่างจังหวัดก็ยังคงเร่งขยายช่องท้องถิ่นออกไปทุกๆ เดือน พร้อมทั้งเร่งสร้างสถานีประจำจังหวัดทุกจังหวัด ควบคู่การผลิตและพัฒนาเนื้อหาของรายการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับการแข่งขันด้านเนื้อหารายการที่ดุเดือดของทีวีเคเบิ้ล เน้นนำเสนอเรื่องวัฒนธรรมเป็นหลักโดยใช้ภาคใต้เป็นต้นแบบของสถานีเคเบิ้ลรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งในภาคใต้ได้ขยายสถานีไปแล้ว11 จังหวัดแล้วเหลือเพียง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น โดยปัจจุบันมีการสำรวจทั้งประเทศและเริ่มทยอยลงไปเป็นโซนๆ ละ 10 – 20 จังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค ขณะเดียวกันดำเนินการสร้างคน สร้างสถานีในพื้นที่นั้นๆ โดยส่งคนจากส่วนกลางลงไปเป็นพี่เลี้ยง ฝึกอบรม พัฒนาระบบ พัฒนาคนในท้องถิ่น พร้อมรณรงค์การใช้ภาษาท้องถิ่น รวมถึงส่งเสริมให้นักศึกษา คนในพื้นที่ มีงานทำ มีรายได้ ไม่ต้องเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ สามารถนำความรู้ที่เรียนมาใช้พัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิดให้เป็นที่รู้จัก

                “เนื้อหารายการท้องถิ่นของ IPM ที่อยู่ในช่องท้องถิ่นจะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน ประชาชน องค์กรส่วนท้องถิ่น อาทิ รายการผู้ว่าพบประชาชน, รายการคุยกับ อบจ., เสวนากับเทศบาล, ปัญหาท้องถิ่นชุมชน, รอบรู้กับ อบต., รายการคุยกับ อสม., รายการร้อยวัดร้อยวัฒนธรรม เรื่องศาสนา รายการร้อยดวงใจสายใยชุมชน โดยตั้งชื่อขึ้นเพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาในรายการได้ชัดเจนมากขึ้น อาจจะเป็นเรื่องของความเชื่อความศรัทธา เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในชุมชนให้เหนียวแน่นมากขึ้น ซึ่งทาง IPM ดำเนินการลงทุนเองทั้งหมด วัตถุประสงค์เพื่อมีช่องให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในการผลิต ทั้งนี้รายการหลักจะเหมือนกันหมด เพียงแต่รูปแบบการดำเนินรายการ และเนื้อหาของข่าวที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นเนื้อหาของแต่ละจังหวัด ใช้ภาษาท้องถิ่นในการนำเสนอ ใช้คนท้องถิ่นนั้นๆ ในการผลิตรายการโดยจะไม่รับคนต่างถิ่น ถ้ามาทำงานกับสถานีไอพีเอ็มก็ต้องมีบ้านอยู่ในพื้นที่นั้นๆครับ”

                นายมานพ กล่าวต่อว่าในปีนี้ตั้งเป้าขยายช่องไปยังจังหวัดใหญ่ จังหวัดรองทั่วประเทศกว่า 40 จังหวัด ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30 จังหวัดนั้นคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 น่าจะสามารถขายายครอบคลุมครบทั้งประเทศอย่างแน่นอน

30186
ซีพีชวนส่งเมนูอร่อยร่วมสนุกชิงเงินรางวัล
“ซีพี สดทุกแพ็ค ไอเดียปิ๊งทุกวัน”


                ข่าวดีสำหรับคนชอบปรุง เพราะบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในนามผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสดในรูปแบบแพ็ค ตราซีพี ส่งแคมเปญสุดเก๋ “ซีพี สดทุกแพ็ค ไอเดียปิ๊งทุกวัน” ออกมาชวนคุณแม่บ้าน และบรรดาคนรุ่นใหม่ที่ชอบเข้าครัว มาร่วมสนุก แชร์ไอเดีย กับกิจกรรม 365 เมนูอร่อย ปรุงง่าย แปลกใหม่ ชนิดไม่มีซ้ำ กับกติกาง่ายๆ เพียงส่งสูตรเมนูสุดอร่อย พร้อมรูปถ่ายกับผลิตภัณฑ์ อาหารสด ตราซีพี ซึ่งมาช่วยอำนวยความสะดวกในการปรุงเมนู ที่สด สะอาด ปลอดภัย หลากหลาย และครบครันให้คุณมาอวดโฉมง่ายๆ พิเศษสุด!! 100 เมนูที่ได้รับคัดเลือกรับเงินรางวัลไปเลยเมนูละ 3,000 บาท งานนี้ไม่จำกัดเพศ วัย ใครอยากทำ อยากโชว์ ไอเดียสร้างสรรค์ ส่งมากันได้เลยที่ www.cpbrandsite.com/cooking-ideas หรือ ตู้ปณ. 10 ปณศ. จตุจักร กรุงเทพๆ 10900 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ หรือโทร 02-800-8000

30187
ไดอาน่า จัดกิจกรรม Diana Jeans Festival 2013   


คุณพิชาวีร์   ธีระพันธ์วดี  ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ศูนย์การค้าไดอาน่า คอมเพล็กซ์

เอาใจคนรักยีนส์กับกิจกรรมแฟชั่นโชว์จากนายแบบและนางแบบ  ในงาน  Diana Jeans Festival เทศกาลยีนส์บันลือโลก  ครั้งที่ 9  พร้อมนำยีนส์ 9 แบรนด์ดัง  Levi’s ,  Mc Jeans , Rock Xpress , BJ Jeans , Bovy , HARA , MAXIMUS , Wrangler , Lee ให้ลูกค้าได้ช้อปในราคาสุดพิเศษ พร้อมรับพรีเมี่ยมจากแบรนด์มากมาย    วันนี้ – 9 มิ.ย. 56   

ณ แผนกยีนส์ ชั้น 2 ศูนย์การค้า  ไดอาน่า คอมเพล็กซ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

30188
“โคลัมเบีย เทรล มาสเตอร์ 2556”
อะเมซซิ่งไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนชิป

มหกรรมวิ่งชิงชัย กีฬาวิ่งผจญภัยกลางธรรมชาติ
ปีที่ 3 สนามที่ 5 ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการวิ่งผจญภัยในป่าอย่างเต็มรูปแบบที่สุด
ณ อ่างเก็บน้ำ ห้วยลึก ต.เขาไม้แก้ว (ถ้ำประทุน) พัทยา จ.ชลบุรี
วันอาทิตย์ ที่ 16 มิถุนายน 2556 ตั้งแต่เวลา 6.00 น. เป็นต้นไป
ระยะทาง  50 กิโลเมตร, 25 กิโลเมตร, 10 กิโลเมตร และแข่งขันแฟมิลี่รัน 3.5 กิโลเมตร
สำหรับทุกคนในครอบครัว



               การวิ่งผจญภัยในเส้นทางตามธรรมชาติที่น่าตื่นเต้นและสวยงามพร้อมสร้างความประทับใจอีกครั้งกับการวิ่งผจญภัย ให้กับเหล่าบรรดานักกีฬาที่รักในการวิ่งพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติ ด้วยมหกรรมการวิ่งที่ได้สัมผัสธรรมชาติและการวิ่งแบบแกะรอยในเส้นทางที่สวยงามของป่าเขาในเมืองไทย “โคลัมเบีย เทรล มาสเตอร์ 2556 ” ปีที่ 3 สนามที่ 5 เปิดประชันฝีเท้าให้เหล่านักวิ่งหัวใจรักษ์ธรรมชาติออกสตาร์ท ณ อ่างเก็บน้ำ ห้วยลึก ต.เขาไม้แก้ว(ถ้ำประทุน) พัทยา จ.ชลบุรี ในวันอาทิตย์ ที่ 16 มิถุนายน 2556 ด้วยระยะทาง 50 กิโลเมตร, 25 กิโลเมตร, 10 กิโลเมตร และแข่งขันแฟมิลี่รัน 3.5 กิโลเมตร สำหรับทุกคนในครอบครัว กีฬาวิ่งผจญภัยในป่าอย่างเต็มรูปแบบ ได้เป็นที่กล่าวขานและแพร่หลายไปอย่างกว้างขวางในเมืองไทย มาร่วมสัมผัสกับธรรมชาติ และท้าทายขีดจำกัดของฝีเท้า กับ “โคลัมเบีย เทรล มาสเตอร์ 2556”

ทำไมจึงต้องเป็นวิ่งแบบผจญภัย ?

               กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการออกกำลังกายกลางแจ้งที่กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นไปทั่วโลก การวิ่งเริ่มได้รับความนิยมใน 8-9 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทยและผู้คนหันกลับมานิยมการออกกำลังกาย ในแบบร่วมสัมผัสกับธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง การวิ่งแบบผจญภัยเป็นสิ่งใหม่และเป็นกีฬาที่ได้รับได้ความนิยมในระยะเวลาอันสั้น โดยลักษณะของการแข่งขันกีฬาวิ่งผจญภัยนี้ถูกผสมผสานระหว่างการแข่งขันและความงามทางธรรมชาติได้อย่างลงตัวและกำลังเป็นที่นิยมและรู้จักกันมากขึ้นทั่วโลก

               เมื่อเราคิดถึงการแข่งขันวิ่งทั่วไป เรามักจะนึกถึงภาพของการแข่งขันวิ่งบนทางเรียบหรือบนถนนทั่วไป แต่ยังมีกลุ่มนักวิ่งอีกจำนวนมาก  ที่นิยมและเลือกที่จะวิ่งไปบนเส้นทางธรรมชาติ เนื่องจากกีฬาวิ่งแบบผจญภัยนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างการวิ่งโดยอาศัยเทคนิคการเคลื่อนไหวของร่างกายลุยไปกับเส้นทางตามธรรมชาติอันสวยงามกับบรรยากาศของผืนป่าสีเขียวตลอดแนวไหล่เขาที่ทอดยาว ถ้าคุณคือผู้ที่รักการผจญภัยไปกับธรรมชาติตัวจริง  การแข่งขันวิ่งผจญภัยสนามนี้คือความท้าทายที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง!

               ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่คุณจะได้มากกว่าการแข่งขันก็คือการเพิ่มระดับขั้นออกกำลังกาย และการลดน้ำหนักตัวที่ยังคงความสมบูรณ์และฟิตของร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งแบบนี้จะเกิดผลดีกับข้อกระดูกในส่วนต่างๆของร่างกายเพราะนักวิ่งส่วนใหญ่ที่วิ่งบนทางลาดเรียบและบนพื้นคอนกรีตที่แข็งเป็นเวลานานๆ มักจะมีปัญหาเรื่องกระดูกและไขข้อ แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับผู้ที่เล่นกีฬาวิ่งผจญภัย...

กิจกรรมที่จะจัดขึ้นในวันงานแข่งขัน:

  • การวิ่งแข่งที่ตื่นตาตื่นใจ ด้วยระยะทาง 50 กิโลเมตร, 25 กิโลเมตร, 10 กิโลเมตร
    • กิจกรรมแฟมิลี่รัน 3.5 กิโลเมตร สำหรับทุกคนในครอบครัว
    • งานแสดงสินค้าและบริการของเหล่าผู้สนับสนุนการแข่งขัน
    • พิธีมอบถ้วยถ้วยรางวัลและกิจกรรมต่างๆ
    • มุมกิจกรรมดีๆสำหรับเด็กๆ





งานการแข่งขัน

               “ โคลัมเบีย เทรล มาสเตอร์ 2556 ” อะเมซิ่งไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นเนล แชมป์เปี้ยนชิฟ ขอเสนอการแข่งขันในครั้งนี้กับเส้นทางที่แสนจะตื่นเต้นเร้าใจกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขา และท้องทุ่งที่เขียวขจีของภาคตะวันออกของประเทศไทย

แบ่งออกเป็นสองระยะทางการแข่งขันคือ:

 - -   ประเภทวิ่ง/เดิน 3.5 กิโลเมตร สำหรับทุกคนในครอบครัว: เพื่อเป็นการเสริมสร้างการวิ่งให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนในครอบครัว เราได้เตรียมกิจกรรมดีๆสำหรับครองครัวทั้งพื้นที่สำหรับเด็กไว้ต้อนรับ เด็กๆและครอบครับ

 - -   ประเภทวิ่งผจญภัย 10 กิโลเมตร: เป็นการแข่งขันระยะทางที่สั้นกว่าแต่ก็ยังคงความท้าทายสำหรับนักกีฬาหน้าใหม่และผู้รักความตื่นเต้นเร้าใจและสนใจในการออกกำลังกายไปกับธรรมชาติป่าร้อนชื้น ความเขียวชอุ่มของป่าเขาที่สมบูรณ์

 - -   ประเภทวิ่งผจญภัยฮาล์ฟมาราธอน 25 กิโลเมตร: เป็นการแข่งขันระยะทางที่ยาวกว่าเพื่อทดสอบความท้าทายและความอึดของนักกีฬาหน้าใหม่และนักกีฬาระดับมืออาชีพ

 - -   ประเภทวิ่งผจญภัยมาราธอน 50 กิโลเมตร: เป็นการแข่งขันวิ่งระยะทางที่ยาวไกล 50 กิโลเมตร เพื่อทดสอบความอึดของนักกีฬามืออาชีพและสมรรถภาพของร่างกายที่แกร่งและพร้อมถึงขีดสุด

การแบ่งประเภทของการแข่งขัน

ประเภท 3.5 กิโลเมตร:

   -ชายเดี่ยว: ไม่จำกัดอายุ
   -หญิงเดี่ยว: ไม่จำกัดอายุ

ประเภท 10 กิโลเมตร:

   -ชายเดี่ยว: อายุตั้งแต่ 12-15, 16-29, 30-39, 40-49 และ 50 ปีขึ้นไป
   -หญิงเดี่ยว: อายุตั้งแต่ 12-29, 30-39 และ 40 ปีขึ้นไป

ประเภท 25 กิโลเมตร:

   -ชายเดี่ยว: อายุตั้งแต่ 16-29, 30-39, 40-49 และ 50 ปีขึ้นไป
   -หญิงเดี่ยว: อายุตั้งแต่ 16-29, 30-39 และ 40 ขึ้นไป

ประเภท 50 กิโลเมตร:

   -ชายเดี่ยว: อายุตั้งแต่ 16-29, 30-39, 40 ปีขึ้นไป
   -หญิงเดี่ยว: ไม่จำกัดอายุ

กิจกรรมแฟมิลี่รัน 3.5 กิโลเมตร ไม่จำกัดอายุ สำหรับทุกคนในครอบครัว

               กิจกรรมวิ่งแฟมิลี่รัน 3.5  กิโลเมตร จะจัดให้มีการแข่งขันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขัน โคลัมเบีย เทรล มาสเตอร์ 2556 โดยจะมีอาหารไว้คอยรับรองและมีเหรียญรางวัลมอบให้กับนักกีฬาทุกคนที่เข้าเส้นชัย ในการแข่งขันวิ่งหรรษานี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมกับชุมชนมากขึ้นและเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์กีฬาสำหรับเยาวชนไทยให้หันมารักการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นการแข่งขันอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยมจัดขึ้นในการจัดการแข่งขันของ บริษัท แอคทีฟ แมเนจเม้นท์ เอเชีย จำกัด อีกด้วย

สามารถลงทะเบียน หรือรับเอกสารสำหรับลงทะเบียนได้ที่

เว็บไซด์ : www.ama-events.com   
ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ได้ที่


   - ร้าน โคลัมเบีย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 3 โซนพลาซ่า
   - ร้านเอ็ม โอ ยู ศูนย์การค้า เมกา บางนา
   - เอาท์เล็ท มอลล์ พัทยา
   - บริษัท แอคทีฟแมเนจเม้นท์ เอเชีย จำกัด

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท แอคทีฟ แมเนจเม้นท์ เอเชีย จำกัด
คุณกอล์ฟ(087-518-4666), คุณนิด (089-890-8727)
โทร 02 718 9581-2   แฟ็กซ์ 02 718 9583
อีเมล์ : info@active-asia.com   เว็บไซด์: www.ama-events.com

30189
Kingston SSDNow KC300 เพิ่มประสิทธิภาพระดับสูงสุด


•  SSD รุ่นล่าสุดที่ให้ทั้งประสิทธิภาพและระยะเวลาการทำงานที่ยาวนานขึ้นสำหรับโน้ตบุ๊ก
•  พร้อม SMART เครื่องมือตรวจสอบสมรรถนะของไดรฟ์คุณภาพระดับองค์กรเพื่อการบริการการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
•  Data Integrity Protection ระบบปกป้องข้อมูลขั้นสูงเพื่อสมรรถนะและความทนทานอย่างเหนือชั้น

               กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 30 พฤษภาคม 2556 - บริษัท คิงส์ตัน เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก เปิดตัว SSD รุ่น KC300 ผลิตภัณฑ์ล่าสุดในซีรีส์ SSDNow เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับทั้งการใช้งานแบบธุรกิจ แบบพกพาและเพาเวอร์ ยูสเซอร์ ด้วยการประหยัดพลังงานในระดับสูงสุดสำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กโดยเฉพาะ มาพร้อมระบบจัดการพลังงานขั้นสูงจากหน่วยประมวลผล LSI SandForce SF-2281 เจนเนอเรชั่นที่สองที่ให้ผู้ใช้สัมผัสได้ถึงพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว

               KC300 ไดรฟ์ระดับธุรกิจเจนเนอเรชั่นใหม่ที่พร้อมแทนที่ V+200 และ KC100 ด้วย SMART เครื่องมือคุณภาพระดับองค์กรเพื่อการตรวจสอบข้อมูลช่วงการสึกหรอ อายุการใช้งานที่เหลือ Write Amplification  และค่า Total Bytes Written พร้อม Data Integrity Protection ระบบปกป้องข้อมูลขั้นสูงด้วยเทคโนโลยี DuraWrite เพื่อการยืดอายุการใช้งานของไดรฟ์ด้วยการลดจำนวนการเขียน Flash อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเอนจินบีบอัดข้อมูลอัจฉริยะโดยไม่ส่งผลต่อบูรณภาพของข้อมูล และฟีเจอร์ RAISE ที่ช่วยลดจำนวนความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ในไดรฟ์ลงได้อย่างเหนือชั้นกว่าระบบแก้ไขรหัสข้อผิดพลาดมาตรฐาน

               นาธาน ซู (Nathan Su) ผู้อำนวยการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์แฟลชเมมโมรี่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของคิงส์ตัน กล่าวว่า “SSDNow KC300 รุ่นใหม่จากคิงส์ตัน ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งการใช้งานแบบธุรกิจ แบบพกพาและเพาเวอร์ ยูสเซอร์ ในการยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพีซีและโน้ตบุ๊กให้รวดเร็วยิ่งขึ้น มีเสถียรภาพและความแน่นอนมากขึ้น KC300 ยังมาพร้อมคุณสมบัติการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไป จึงช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้นานขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ใหม่”

               KC300 มีให้เลือกทั้งแบบเป็นไดรฟ์อย่างเดียวหรือชุดอัพเกรดที่ประกอบด้วยโคลนนิงซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและ/หรือโน้ตบุ๊ก พร้อมรับประกันสามปีและบริการสนับสนุนด้านเทคนิคฟรี

คุณสมบัติและข้อมูลของ Kingston SSDNow KC300

• ฟอร์มแฟกเตอร์ : 2.5 นิ้ว หนา 7 มิลลิเมตร
• ระบบจัดการพลังงานขั้นสูง : ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊กได้ขณะใช้งานทั่วไป
• รวดเร็ว : เพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างเหนือชั้นสำหรับการอัพเกรดทุกระบบ
• ทนทาน : Data Integrity Protection ระบบปกป้องข้อมูลขั้นสูงด้วยเทคโนโลยี DuraWrite
• แข็งแกร่ง : DuraWrite เอนจินบีบอัดข้อมูลอัจฉริยะเพื่อการยืดอายุการใช้งานของ SSD
• วางใจได้ : ฟีเจอร์ RAISE ช่วยลดจำนวนความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ในไดรฟ์
• มีความจุให้เลือกหลากหลาย : เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน
• อินเตอร์เฟส : SATA Rev. 3.0 (6Gb/s) พร้อมรองรับ SATA Rev. 2.0
• ความจุ1 : 60GB, 120GB, 180GB, 240GB, 480GB
• คอนโทรลเลอร์ : SandForce-SF2281
• ความเร็วในการอ่านแบบเรียงลำดับ2 : SATA Rev. 3.0 525MB/s
• ความเร็วในการเขียนแบบเรียงลำดับ2 : SATA Rev. 3.0 500MB/s
• ความเร็วในการอ่าน/เขียน 4k สูงสุด3 :
o 60GB: 84,000/ 64,000 IOPS
o 120GB: 84,000/ 64,000 IOPS
o 180GB: 84,000/ 64,000 IOPS
o 240GB: 84,000/ 52,000 IOPS
o 480GB: 73,000/ 32,000 IOPS
• PCMARK Vantage HDD Suite Score: 57,000
• การใช้พลังงาน : 0.6 W (MAX) Idle / 1.4 W (MAX) Read / 2.9 W (MAX) Write
• อุณหภูมิในการจัดเก็บ : -40°C ~ 85°C
• อุณหภูมิขณะปฏิบัติการ : 0°C ~ 70°C
• ขนาด : 69.8 x 100.1 x 7.0 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 60GB, 120GB, 180GB, 240GB — 86.0 กรัม; 480GB: 92.3 กรัม
• แรงสั่นสะเทือนขณะปฏิบัติการ : 2.17G Peak (7–800Hz)
• แรงสั่นสะเทือนขณะไม่ปฏิบัติการ : 20G Peak (10–2000Hz)
• อายุการใช้งาน : 1 ล้านชั่วโมง MTBF
• รับประกัน : สามปี พร้อมบริการสนับสนุนด้านเทคนิคฟรี
• Total Bytes Written (TBW)4:
o 60GB: 47TB
o 120GB: 94TB
o 180GB: 141TB
o 240GB: 188TB
o 480GB: 375TB
 
1 ความจุที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลจริงจะต่ำกว่าที่ระบุไว้ในผลิตภัณฑ์เรื่องจากการฟอร์แมตและฟังก์ชันอื่นๆ ดูเพิ่มเติมที่ kingston.com/flashguide
2 อ้างอิงจากผลการทดสอบร่วมกับ ATTO Disk Benchmark 2.41 ความเร็วอาจต่างไปตามฮาร์ดแวร์ของเครื่องที่เป็นโฮสต์ ซอฟต์แวร์และการใช้งาน
3 อ้างอิงจากผลการทดสอบร่วมกับ IOMeter
4 Total Bytes Written (TBW) หมายถึงจำนวนข้อมูลทั้งหมดที่สามารถเขียนลงใน SSD ได้ตามปริมาณงานที่กำหนดก่อนที่ไดรฟ์จะทำงานจนถึงขีดจำกัดความทนทาน
 
พบกับคิงส์ตันได้ที่:
Facebook: http://www.facebook.com/KingstonBlogFansClub.en
YouTube: http://www.youtube.com/user/KingstonAPAC

30190

ข้อมูลพื้นฐานภาพยนต์   World War Z จากนิยายอันโด่งดังของแม็กซ์ บรู๊คส์ ถูกนำมาสร้างเป็นอภิมหาภาพยนตร์แอคชั่นทริลเลอร์สุดตื่นเต้น ผลงานล่าสุดของซูเปอร์สตาร์หนุ่มแบรด พิตต์ กับมหาสงครามล้างโลก อำนวยการสร้างโดยแบรด พิตต์, ดีดี้ การ์ดเนอร์, เจเรมี ไคลเนอร์, เอียน ไบรซ์ และกำกับโดยมาร์ค ฟอร์สเตอร์ ในขณะที่โลกต้องเผชิญภาวะสุดวิกฤติ เจอร์รี เลน (พิตต์) เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ กลับต้องละทิ้งครอบครัว เพื่อออกเดินทางทั่วโลกแข่งกับเวลา เพื่อศึกษาเหตุการณ์และหาหนทางในการหยุดยั้งโรคระบาดที่กำลังกวาดล้างกองทัพและรัฐบาลประเทศต่างๆ ก่อนที่จะลุกลามไปทั่วทุกมุมโลก เขาต้องผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เศร้าเสียใจ และทุกข์ระทม แต่ยังมีอีกด้านที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา และความเชื่อมั่น เพื่อต่อสู้กับสงครามซึ่งเป็นมหันตภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติ ที่สร้างความตระหนกและน่าสะพรึงกลัวกว่าครั้งใดๆในโลก
ติดตามข้อมูลภาพยนตร์จาก UIP เพิ่มเติมได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/UIPThailand

Youtube: http://www.youtube.com/UIPThailand (ความละเอียดคมชัดระบบ HD)


30191
MUSE เปิดการแสดงสดคอนเสิร์ตสุดพิเศษ ในงานปิดท้ายรอบปฐมทัศน์โลก WORLD WAR Z ที่ลอนดอน 2 มิ.ย. นี้


               พาราเม้าท์  พิคเจอร์ส จับมือร่วมงานกับ “MUSE” วงดนตรีร็อคชื่อดังสุดฮิปจากเกาะอังกฤษ เจ้าของรางวันแกรมมี่ อวอร์ด โดยนำเพลงจากอัลบั้มล่าสุด “The 2nd Law” มาเป็นดนตรีประกอบในภาพยนตร์เรื่องใหม่ “WORLD WAR Z" และงานรอบปฐมทัศน์โลกของภาพยนตร์ WORLD WAR Z ณ เลสเตอร์สแควร์ กรุงลอนดอน ในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน โดย MUSE จะเปิดการสดจากสนาม Horse Guards Parade Ground, เซนต์ เจมส์ พาร์ค สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าไปที่ http://www.worldwarz.co.uk/MUSE

               "WORLD WAR Z : มหาวิบัติสงคราม Z" เรื่องราวของ เจอร์รี เลน (แบรด พิตต์) อดีตเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจการณ์ประจำสหประชาชาติ ผู้ออกเดินทางทั่วโลกแข่งกับเวลา เพื่อศึกษาเหตุการณ์และหาหนทางในการหยุดยั้งโรคระบาดที่กำลังกวาดล้างกองทัพและรัฐบาลประเทศต่างๆ ก่อนที่จะลุกลามไปทั่วทุกมุมโลก เพื่อต่อสู้กับสงครามซึ่งเป็นมหันตภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติ นำแสดงโดย แบรด พิตต์, มิเรล เอนอส, เจมส์ แบดจ์ เดล

               “Muse” วงดนตรีร็อคจากเกาะอังกฤษ ที่รวมตัวกันเมื่อปี ค.ศ. 1994 โดยมีผลงานออกมาแล้ว ทั้งหมด 6 อัลบัม และมียอดขายมากกว่า 15 ล้านแผ่นทั่วโลก ที่สร้างประวัติการเปิดตัวอัลบัม ขึ้นสูงสุดอันดับ 2 บิลบอร์ดชาร์ต หลังจากการเปิดตัวอัลบัม “The 2nd Law” ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ อัลบัม “The 2nd Law” และเพลง “Madness” ของ MUSE ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 2 รางวัลแกรมมี่ในปีนี้ ผลงานอัลบัมชุด The Resistance ยังขึ้นอันดับ 1 ใน 19 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้พวกเขายังได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัลอัลบัมร็อคยอดเยี่ยมจากเวทีแกรมมี่อวร์อด และอเมริกัน มิวสิก อวอร์ดส์จาก The Resistance อีกด้วย

               “WORLD WAR Z”  กำกับการแสดงโดย มาร์ค ฟอร์สเตอร์, บทภาพยนตร์โดย แมทธิว ไมเคิล คาร์นาฮัน, จากนิยายโดย แม็กซ์ บรู๊คส์, อำนวยการสร้างโดย แบรด พิตต์, ดีดี้ การ์ดเนอร์, เจเรมี ไคลเนอร์, เอียน ไบรซ์

               "WORLD WAR Z : มหาวิบัติสงคราม Z"  เข้าฉาย 20 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

               ชม Teaser พร้อมคำบรรยายไทยที่  http://www.youtube.com/watch?v=4coSfIwA3Po

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4coSfIwA3Po" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4coSfIwA3Po</a>

ข้อมูลพื้นฐานภาพยนต์   World War Z จากนิยายอันโด่งดังของแม็กซ์ บรู๊คส์ ถูกนำมาสร้างเป็นอภิมหาภาพยนตร์แอคชั่นทริลเลอร์สุดตื่นเต้น ผลงานล่าสุดของซูเปอร์สตาร์หนุ่มแบรด พิตต์ กับมหาสงครามล้างโลก อำนวยการสร้างโดยแบรด พิตต์, ดีดี้ การ์ดเนอร์, เจเรมี ไคลเนอร์, เอียน ไบรซ์ และกำกับโดยมาร์ค ฟอร์สเตอร์ ในขณะที่โลกต้องเผชิญภาวะสุดวิกฤติ เจอร์รี เลน (พิตต์) เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ กลับต้องละทิ้งครอบครัว เพื่อออกเดินทางทั่วโลกแข่งกับเวลา เพื่อศึกษาเหตุการณ์และหาหนทางในการหยุดยั้งโรคระบาดที่กำลังกวาดล้างกองทัพและรัฐบาลประเทศต่างๆ ก่อนที่จะลุกลามไปทั่วทุกมุมโลก เขาต้องผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เศร้าเสียใจ และทุกข์ระทม แต่ยังมีอีกด้านที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา และความเชื่อมั่น เพื่อต่อสู้กับสงครามซึ่งเป็นมหันตภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติ ที่สร้างความตระหนกและน่าสะพรึงกลัวกว่าครั้งใดๆในโลก
ติดตามข้อมูลภาพยนตร์จาก UIP เพิ่มเติมได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/UIPThailand

Youtube: http://www.youtube.com/UIPThailand (ความละเอียดคมชัดระบบ HD)


30192

The Company You Keep

นักแสดง – โรเบิร์ต เรดฟอร์ด, ไชอา ลาบัฟ, ซูซาน ซาแรนดอน, นิค โนลตี้,
คริส คูเปอร์, จูลี่ คริสตี้
ผู้กำกับ - โรเบิร์ต เรดฟอร์ด
ประเภท – ระทึกขวัญ
กำหนดเข้าฉาย  27 มิถุนายน 2013  เฉพาะเครือ APEX เท่านั้น
 

เรื่องย่อ

               จิม แกรนท์ (โรเบิร์ต เรดฟอร์ด) คือทนายความผู้ทำงานเพื่อสาธารณชน และพ่อหม้ายผู้เลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพัง ณ ชานเมืองอัลบานี, นิวยอร์ค แต่แล้ววันหนึ่ง โลกของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเบ็น เชพเพิร์ด (เชีย ลาเบิฟ) นักข่าวหนุ่มจอมห้าว พบว่าตัวตนที่แท้จริงของแกรนท์คืออดีตนักเคลื่อนไหวทางสังคมหัวรุนแรงแห่งยุค 70 ผู้หลบหนีหมายจับกุมในคดีฆาตกรรม ภายหลังกบดานอย่างเงียบเชียบมานานกว่า 30 ปี บัดนี้ก็ถึงเวลาที่แกรนท์ต้องวิ่งหนีอีกครั้ง เขาต้องเดินทางข้ามประเทศเพื่อตามหาคนๆ หนึ่งซึ่งสามารถช่วยเขาได้ และนี่คือโอกาสทองของเชพเพิร์ด ที่จะสร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นนักข่าวผู้ค้นพบตัวฆาตกร เชพเพิร์ดเดินหน้าขุดคุ้ยอดีตของแกรนท์ โดยไม่ฟังคำทัดทานของหัวหน้าและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เขาออกเดินทางไล่ตามแกรนท์ จนเมื่อแกรนท์จำเป็นต้องติดต่อกับบรรดาอดีตสมาชิกในกลุ่ม ที่เคยทำกิจกรรมต่อต้านสงครามด้วยกัน เชพเพิร์ดก็ได้โอกาสเปิดเผยความลับน่าตระหนกที่แกรนท์เก็บซ่อนไว้มานานนับสามทศวรรษ ในที่สุด ชายทั้งสองก็ต้องมาเผชิญหน้ากันกลางป่าลึกในมิชิแกน นั่นคือช่วงเวลาสำคัญที่ต่างฝ่ายต่างก็ได้รู้จักตัวตนแท้จริงของตัวเอง

               The Company You Keep สร้างจากนิยายของนีล กอร์ดอน ดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์จากฝีมือของเล็ม ดอบส์ (Haywire) และกำกับโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานอำนวยการสร้างของนิโคลาส ชาร์ติเออร์ (The Hurt Locker), โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และบิล โฮลเดอร์แมน (The Conspirator, Lions for Lambs) โดยมีเคร้ก เจ. ฟลอเรส (Immortals) และชอว์น วิลเลียมสัน (50/50) เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร

จากหน้ากระดาษสู่แผ่นฟิล์ม

               อาจมองได้ว่า The Company You Keep เป็นภาพยนตร์แนวแมวล่าหนู ระหว่างผู้ชายสองคน นั่นคือเบ็น เชพเพิร์ด นักข่าวหนุ่ม และจิม แกรนท์ ผู้หลบหนี ซึ่งทั้งคู่ต่างก็พยายามเปิดเผยความจริงเพื่อชีวิตของตัวเอง ฉากหลังของเรื่องเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่ก็ทำให้ผู้ชมหวนคิดถึงอดีต ช่วงที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสงครามในปลายยุค 60 ถึงต้นยุค 70 มันเป็นเรื่องที่เขียนขึ้นจากจินตนาการ ร่วมกับการค้นคว้าหาข้อมูลจริงของนีล กอร์ดอน ผู้ประพันธ์นิยายต้นฉบับที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2003 ซึ่งดึงดูดใจโรเบิร์ต เรดฟอร์ดอย่างมาก จนเขาต้องหยิบมันมาสร้างเป็นภาพยนตร์ “มันเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เราเข้าใจรายละเอียดของเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อเมริกัน” เรดฟอร์ดกล่าว “มันเจาะลึกลงไปในชีวิตของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ กับตัวตนปลอมๆ ของพวกเขาเป็นเวลานานถึง 30 ปี ผมว่ามันเหมือนเรื่อง Les Misérables ที่ตัวละครฌอง วัลฌองต้องถูกขังนาน 19 ปี ในข้อหาขโมยขนมปังหนึ่งก้อน” เรดฟอร์ดอธิบาย “เขาหนีออกจากคุก สร้างตัวตนใหม่ มีลูกสาวคนหนึ่ง มีชีวิตที่ดี แต่เรื่องในอดีตก็ยังตามมาหลอกหลอนเขา แล้วคนพวกนั้นล่ะ จะรับมือกับเรื่องนี้ยังไง พวกเขาเปลี่ยนไปไหม หรือไม่เปลี่ยนเลย นี่คือประเด็นน่าสนใจที่ผมอยากนำมาเล่า ไม่ใช่เพราะมันเกี่ยวกับกิจกรรมต่อต้านสงคราม แต่เพราะมันเป็นประวัติศาสตร์”

               เรดฟอร์ดกลับมาร่วมงานกับเพื่อนผู้อำนวยการสร้าง บิล โฮลเดอร์แมน ผู้เคยอำนวยการสร้าง Lions for Lambs และ The Conspirator ด้วยกัน และร่วมงานครั้งแรกกับนิโคลาส ชาร์ติเออร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์รางวัลออสการ์ The Hurt Locker โปรเจ็คท์นี้ใช้เวลาเตรียมงานสร้างนาน 4 ปี โดยได้เล็ม ดอบส์ ผู้เขียนบท Haywire และ The Limey มาเป็นคนดัดแปลงหนังสือให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ “มันเป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่ง” เรดฟอร์ดอธิบาย “พวกเขาสนิทกันมาก ผูกพันกันด้วยวิถีชีวิตและความฝันในวัยหนุ่มสาว ตอนนี้พวกเขาแก่ตัวลง ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง บางคนรังเกียจเรื่องที่ตัวเองเคยทำ บางคนเสียใจ บางคนเชื่อมั่นในตอนนั้น แต่ตอนนี้กลับคิดว่าต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป ขณะที่อีกหลายคนรู้สึกว่าในเวลานั้นมันคือเรื่องจำเป็น และมาถึงวันนี้ก็ยังจำเป็นอยู่ เพราะมันมีความรู้สึกที่แตกต่าง และความสัมพันธ์ที่หลากหลายแบบนี้ ผมถึงสนใจว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”

               ขณะที่เรดฟอร์ดวางแผนอย่างรัดกุมเกี่ยวกับโครงเรื่องและรายละเอียดด้านงานสร้าง เขาก็เปิดช่องว่างบางส่วนไว้สำหรับการตีความของนักแสดงที่จะเข้ามารับบทต่างๆ ในเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือตัวเขาเอง “เขาทำให้บทหนังดั้งเดิมสมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วยการซ้อม” เชีย ลาเบิฟพูดถึงการทำงานร่วมกันระหว่างผู้กำกับและนักแสดง “ตอนที่ได้บทมาครั้งแรก ผมว่ามันหนาราว 80 หน้า แล้วเขาก็เริ่มใส่ชีวิตลงไปในนั้น มีอยู่ 20 หน้าที่เขายอมให้แก้ไข เขาเชื่อมั่นในตัวเองและทีมงาน ว่าจะพากันก้าวไปข้างหน้าได้” ลาเบิฟยกตัวอย่างฉากที่เขาต้องร่วมแสดงกับเบรนแดน กลีสัน ผู้รับบทเป็นอดีตตำรวจที่ให้ข้อมูลแก่เชพเพิร์ด “ตอนแรกไม่มีฉากนี้” ลาเบิฟเล่า “แต่เมื่อได้นักแสดงอย่างกลีสัน เราก็ต้องเอาใจเขาหน่อย เรดฟอร์ดสั่งให้เพิ่มฉากนี้เข้ามา มันกลายเป็นฉากสำคัญ ไม่ใช่แค่ผิวเผิน มันสำคัญมากในการใช้อธิบายเรื่องราว” ลาเบิฟพูดทิ้งท้ายถึงเรดฟอร์ดว่า “แม้ว่าเขาจะทำเหมือนควบคุมทุกอย่างไว้หมด แต่เขาก็ปล่อยให้หนังมีอิสระในตัวเอง ไม่ตีกรอบอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ชีวิตเกิดขึ้น ให้เหตุการณ์จริงเกิดขึ้น โดยที่เขาเป็นคนรักษาหัวใจหลักของเรื่องเอาไว้ เขาทำสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ และก็ทำได้อย่างง่ายๆ ด้วย นี่แหละคือความยอดเยี่ยมของโรเบิร์ต เรดฟอร์ด”

นักแสดง
โรเบิร์ต เรดฟอร์ด  (จิม แกรนท์ / ผู้กำกับภาพยนตร์ / ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)


               แม้จะทำงานในวงการบันเทิง และมีชื่อเสียงระดับซูเปอร์สตาร์มาเป็นเวลานานกว่าสามทศวรรษ ทว่าโรเบิร์ต เรดฟอร์ดก็ยังคงเก็บงำชีวิตส่วนตัวของเขาให้อยู่ห่างจากสายตาสาธารณชนเช่นเดิม เรดฟอร์ดเป็นทั้งนักแสดง, ผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์, นักธุรกิจ, นักอนุรักษ์ธรรมชาติ, นักเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง รวมถึงผู้ให้การส่งเสริมนักสร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ โดยการก่อตั้งสถาบันซันแดนซ์ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนบรรดาคนทำหนังเหล่านั้น ด้วยการจัดประกวด, ช่วยพัฒนาฝีมือ, หาทุนสร้าง และเป็นศูนย์กลางให้พวกเขาได้มาพบปะสนทนากัน

               เรดฟอร์ดเริ่มอาชีพนักแสดงในวงการโทรทัศน์เมื่อปี 1960 ก่อนที่อีกสองปีต่อมา เขาจะได้รับบทเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่องแรกคือ War Hunt เขาเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้ชมด้วยการรับบทนำคู่กับดาราสาวสวย นาตาลี วูด ในภาพยนตร์เรื่อง Inside Daisy Clover (1965) แต่ต้องรออีกสี่ปี กว่าที่เขาจะกลายเป็นนักแสดงผู้โด่งดังอย่างแท้จริง นั่นคือการที่เขาได้รับบทเป็นจอมโจร “ซันแดนซ์ คิด” คู่กับ “บุทช์ แคสสิดี้” (ที่รับบทโดยพอล นิวแมน) ในภาพยนตร์คาวบอยคลาสสิคเรื่อง Butch Cassidy and the Sundance Kid (1969) หลังจากนั้นชื่อเสียงของเรดฟอร์ดก็ไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก ด้วยผลงานแสดงชั้นเยี่ยมดังต่อไปนี้ The Chase (1966), This Property Is Condemned (1966), Barefoot in the Park (1967), Tell Them Willie Boy Is Here (1969), Downhill Racer (1969), Little Fauss and Big Halsy (1970), The Hot Rock (1972), The Candidate (1972), Jeremiah Johnson (1972), The Way We Were (1973), The Sting (1973), The Great Gatsby (1974), The Great Waldo Pepper (1975), Three Days of the Condor (1975), All the President’s Men (1976), A Bridge Too Far (1977), The Electric Horseman (1979), Brubaker (1980), The Natural (1984), Out of Africa (1985), Legal Eagles (1986), Havana (1990), Sneakers (1992), Indecent Proposal (1993), Up Close & Personal (1996), The Horse Whisperer (1998), The Last Castle (2001), Spy Game (2001), The Clearing (2004), An Unfinished Life (2005) และ Lions for Lambs (2007)

               ในปี 1980 ภาพยนตร์ที่เรดฟอร์ดรับหน้าที่กำกับเป็นครั้งแรกคือ Ordinary People สามารถพิชิตรางวัลออสการ์ 4 สาขา ซึ่งรวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย ผลงานที่เขากำกับต่อมา ล้วนเป็นงานคุณภาพทั้งสิ้น ได้แก่ The Milagro Beanfield War (1988), A River Runs Through It (1992), Quiz Show (1994), The Horse Whisperer (1998), The Legend of Bagger Vance (2000), Lions for Lambs (2007) และ The Conspirator (2010)

เชีย ลาเบิฟ  (เบ็น เชพเพิร์ด)

               ปัจจุบันเชีย ลาเบิฟลงหลักปักฐานในตำแหน่งหนึ่งในนักแสดงหนุ่มแถวหน้าของฮอลลีวู้ดเรียบร้อยแล้ว ในปี 2007 เขาได้รับจาก National Association of Theater Owners ให้เป็น Star of Tomorrow และในปีต่อมา เขาก็ได้รับรางวัล BAFTA Orange Rising Star โดยการโหวตของแฟนภาพยนตร์ชาวอังกฤษ นอกจากนี้ ลาเบิฟยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Teen Choice สำหรับบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Transformers (2007), พิชิตรางวัล Breakout Male และ Teen Choice จาก Disturbia (2007) ส่วนในวงการโทรทัศน์ เขาได้รับรางวัล Daytime Emmy จากซีรีส์สำหรับเด็กเรื่อง Even Stevens (2003)

               ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเขา ได้แก่ Holes (2003), I, Robot (2004), Constantine (2005), The Greatest Game Ever Played (2005), Bobby (2006), Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull (2008), Eagle Eye (2008), New York, I Love You (2009), Transformers: Revenge of the Fallen (2009), Wall Street: Money Never Sleeps (2010), Transformers: Dark of the Moon (2011) และ Lawless (2012)

จูลี่ คริสตี้  (มีมี ลูรี)

               เกิดที่อัสสัม ประเทศอินเดีย แล้วจึงไปเรียนที่อังกฤษจนกระทั่งอายุ 16 ก็ไปเรียนศิลปะที่กรุงปารีส แล้วจึงกลับมาเรียนด้านการละครในลอนดอน และเริ่มมีผลงานละครเวที และภาพยนตร์โทรทัศน์ ฝีมือการแสดงของคริสตี้เริ่มเปล่งประกายในภาพยนตร์เรื่อง Billy Liar (1963) ของผู้กำกับ จอห์น ชเลซิงเจอร์ และอีกสองปีต่อมา เธอก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ ชเลซิงเจอร์อีกครั้งใน Darling ผลงานที่ทำให้เธอพิชิตรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประจำปี 1965 คริสตี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นครั้งที่สองในปี 1971 จาก McCabe & Mrs. Miller จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีก 26 ปี เธอก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นครั้งที่สามจาก Afterglow ตามด้วยครั้งล่าสุดในปี 2006 จาก Away from Her

               ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเธอ ได้แก่ Doctor Zhivago (1965), Fahrenheit 451 (1966), The Go-Between (1970), Don’t Look Now (1973), Shampoo (1975), Heaven Can Wait (1978), Heat and Dust (1983), Power (1986), Hamlet (1996), Troy (2004), Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (2004), Finding Neverland (2004), The Secret Life of Words (2005), New York, I Love You (2009), Glorious 39 (2009) และ Red Riding Hood (2011)

แซม เอลเลียต  (แมค แมคคลาวด์)

               โด่งดังขึ้นมาจากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Lifeguard (1976) ภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของเขา ได้แก่ Mask (1985), Shakedown (1988), Road House (1989), Conagher (TV movie 1991), Rush (1991), Gettysburg (1993), Tombstone (1993), Buffalo Girls (TV movie 1995), The Big Lebowski (1998), The Hi-Lo Country (1998), You Know My Name (TV movie 1999), Fail Safe (TV movie 2000), The Contender (2000), We Were Soldiers (2002), Off the Map (2003), Hulk (2003), Thank You for Smoking (2005), Ghost Rider (2007), The Golden Compass (2007), Up in the Air (2009), Did You Hear About the Morgans? (2009), The Big Bang (2010) และ Robot Chicken (TV serie 2012)

               แซม เอลเลียตได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Conagher และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และเอ็มมี สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Buffalo Girls

แจ็คกี้ เอแวนโก  (อิซาเบล แกรนท์)

               เกิดเมื่อปี 2000 และมีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่อายุเพียงสิบขวบ จากการเข้าประกวดในรายการ America’s Got Talent ซึ่งเธอสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาครองได้ แจ็คกี้ เอแวนโกเซ็นสัญญากับโคลัมเบีย เรคคอร์ด และมีผลงานเพลงออกมา 3 อัลบั้ม ที่แสดงให้เห็นว่าเธอสามารถขับร้องได้ทั้งเพลงคลาสสิคและเพลงป๊อปจากนั้นเธอก็ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบและนักแสดง The Company You Keep คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของสาวน้อยวัย 13 ปีคนนี้

เบรนแดน กลีสัน  (เฮนรี ออสบอร์น)

               หนุ่มใหญ่ชาวไอริชผู้ทิ้งอาชีพครูมาเป็นนักแสดง เบรนแดน กลีสันเริ่มต้นในวงการละครเวที ต่อด้วยวงการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ตามลำดับ ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ The Field (1990) ก่อนที่จะเป็นที่จดจำของผู้ชมจากบทบาทใน Braveheart (1995) ภาพยนตร์รางวัลออสการ์ที่กำกับโดย เมล กิ๊บสัน จากนั้นกลีสันก็มีผลงานตามมาอีกมากมาย พร้อมกับฝีมือการแสดงที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ บท “มาร์ติน เคฮิลล์” วีรบุรุษชาวไอริชใน The General (1998) ทำเขาได้รับรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหลายเวที อาทิ London Critics Circle Film Award และ Boston Society of Film Critics Award ในปี 2009 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, BAFTA และ British Independent Film สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก In Bruges ปีถัดมาเขาพิชิตรางวัลเอ็มมี พร้อมกับถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และ BAFTA จากบท “วินสตัน เชอร์ชิล” ในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Into the Storm ล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง The Guard ก็ส่งให้กลีสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2011

               ผลงานเด่นเรื่องอื่นของเขา ได้แก่ Mission: Impossible II (2000), The Tailor of Panama (2001), A.I. Artificial Intelligence (2001), 28 Days Later (2002), Gangs of New York (2002), Dark Blue (2002), Cold Mountain (2003), Troy (2004), The Village (2004), Kingdom of Heaven (2005), Harry Potter and the Goblet of Fire (2005), Harry Potter and the Order of the Phoenix (2007), Beowulf (2007), Green Zone (2010), Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1 (2010), Albert Nobbs (2011), Safe House (2012) และ The Raven (2012)

เทอร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ด  (คอร์นีเลียส)

               แฟนภาพยนตร์จำเทอร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ดได้จากบทบาทเข้มข้นใน Hustle & Flow ที่ส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปี 2005 รวมถึงบทสมทบใน Crash (2004) และ Get Rich or Die Tryin’ (2005) ที่ทำให้เขาพิชิตรางวัล National Board of Review ฮาวเวิร์ดเกิดที่ชิคาโก เริ่มอาชีพนักแสดงในปี 1992 ด้วยบทนำในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง The Jacksons: An American Dream ปีถัดมา เขาก็ได้แสดงภาพยนตร์จอใหญ่เรื่องแรกคือ Who’s the Man? ตามด้วยผลงานชั้นดีอย่าง Dead Presidents (1995) และ Mr. Holland’s Opus (1995)

               ภาพยนตร์เรื่องดังที่ฮาวเวิร์ดร่วมแสดง ได้แก่ Best Laid Plans (1999), The Best Man (1999), Big Momma’s House (2000), Hart’s War (2002), Ray (2004), Four Brothers (2005), The Hunting Party (2007), The Brave One (2007), August Rush (2007), Awake (2007), Iron Man (2008), Fighting (2009), Law & Order: LA (TV series 2010-2011), The Ledge (2011), Red Tails (2012), On the Road (2012) และ Dead Man Down (2013)

ริชาร์ด เจนกินส์  (เจด ลิวอิส)

               หนึ่งในนักแสดงชายผู้มีงานชุกมากที่สุดในฮอลลีวู้ดยุคปัจจุบัน ด้วยเครดิตผลงานทั้งภาพยนตร์และภาพยนตร์โทรทัศน์มากกว่า 100 เรื่อง โดยมีเรื่องเด่นๆ ได้แก่ Silverado (1985), Hannah and Her Sisters (1986), The Witches of Eastwick (1987), Little Nikita (1988), Blaze (1989), Wolf (1994), It Could Happen to You (1994), How to Make an American Quilt (1995), Flirting with Disaster (1996), Absolute Power (1997), Random Hearts (1999), Me, Myself & Irene (2000), The Man Who Wasn’t There (2001), Six Feet Under (TV series 2001-2005), Changing Lanes (2002), Intolerable Cruelty (2003), Cheaper by the Dozen (2003), Shall We Dance (2004), North Country (2005), The Kingdom (2007), The Visitor (2007), Step Brothers (2008), Burn After Reading (2008), Dear John (2010), Norman (2010), Eat Pray Love (2010), Let Me In (2010), The Cabin in the Woods (2011), Friends With Benefits (2011), Liberal Arts (2012),  Killing Them Softly (2012) และ Jack Reacher (2012)

               เจนกินส์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์, Independent Spirit และ Screen Actors Guild สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จาก The Visitor

แอนนา เคนดริค  (ไดอานา)

               นักแสดงสาวผู้สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากวงการละครเวที เคนดริคได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากละครเพลงเรื่อง High Society ในขณะที่เธอมีอายุเพียง 12 ปี รวมทั้งได้รับรางวัล Drama League กับ Theatre World และได้เข้าชิงราวัล Drama Desk กับ FANY อีกด้วย ในปี 2003 เคนดริคก็ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก Camp ที่ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit สาขานักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และได้เข้าชิงรางวัล Chlotrudis สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จนกระทั่งอีก 6 ปีต่อมา ภาพยนตร์เรื่อง Up in the Air ก็ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์, ลูกโลกทองคำ, BAFTA, Critic’s Choice Movie และ Screen Actors Guild สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม รวมทั้งคว้ารางวัลจาก National Board of Review และ MTV Movie Awards ด้วย

               ภาพยนตร์เด่นเรื่องอื่นของเคนดริค ได้แก่ Rocket Science (2007), Twilight (2008), The Twilight Saga: New Moon (2009), The Twilight Saga: Eclipse (2010), Scott Pilgrim vs. the World (2010), 50/50 (2011), The Twilight Saga: Breaking Dawn - Part 1 (2011), What to Expect When You’re Expecting (2012), ParaNorman (2012), End of Watch (2012) และ Pitch Perfect (2012)

บริท มาร์ลิง  (รีเบคกา ออสบอร์น)

               ด้วยวัยเพียง 30 ปี บริท มาร์ลิงเป็นทั้งนักแสดง, คนเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ โดยศึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์ และศิลปศาสตร์ หลังจากเรียนจบ มาร์ลิงทำงานเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนที่ Goldman Sachs Realizing ก่อนจะรู้ว่าการแสดงและภาพยนตร์เป็นงานที่สามารถเติมเต็มชีวิตเธอมากที่สุด ในปี 2004 เธอกับไมค์ เคฮิลล์ ผู้เป็นเพื่อนสนิท ได้ร่วมเขียนบทและกำกับภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Boxers and Ballerinas เมื่อย้ายไปอยู่ลอส แองเจลิส เธอร่วมเขียนบท, นำแสดง และอำนวยการสร้าง Another Earth ผลงานกำกับของเคฮิลล์ ที่ได้เข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2011 ปีเดียวกันนี้เอง เธอยังร่วมเขียนบทและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ไซไฟระทึกขวัญเรื่อง Sound of My Voice ของผู้กำกับ ซอล แบทแมนกลีช ผู้เป็นเพื่อนสนิทอีกคน ปีต่อมาเธอร่วมแสดงภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง Arbitrage กับริชาร์ด เกียร์ และล่าสุดเธอกลับไปร่วมงานกับผู้กำกับ แบทแมนกลีช ด้วยการร่วมเขียนบท, อำนวยการสร้างและนำแสดงใน The East

30193
ซายิด เบน ซายิด
ภูมิใจเสนอ

PASSION


ภาพยนตร์โดยไบรอัน เดอ พัลมา
เขียนบทและกำกับโดยไบรอัน เดอ พัลมา

นำแสดงโดย
ราเชล แม็คอดัมส์   นูมี ราเพซ
แครอลิน เฮอร์เฟิร์ธ   พอล แอนเดอร์สัน

ความยาว 1 ชั่วโมง 41 นาที – ฝรั่งเศส/เยอรมนี – SR/SRD – 1.85






เรื่องย่อ

               PASSION โดยไบรอัน เดอ พัลมา ทริลเลอร์อีโรติกที่ดำเนินตามแบบฉบับของภาพยนตร์ดังอย่าง "Dressed To Kill" และ "Basic Instinct" บอกเล่าเรื่องราวของการยื้อแย่งอำนาจสุดอันตรายระหว่างผู้หญิงสองคนในโลกธุรกิจข้ามชาติที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีกัน คริสตินมีความงามสง่าตามธรรมชาติและมีการวางตัวอย่างดี สมกับการเป็นคนที่ไม่เคยขาดแคลนทั้งเงินทองและอำนาจ

               อิซาเบล รุ่นน้องที่ชื่นชมเธอ เป็นหญิงสาวน่ารัก ไร้เดียงสา และหลอกใช้ง่าย เธอเต็มไปด้วยไอเดียแปลกใหม่ที่คริสตินขโมยไปใช้อย่างไม่รู้สึกรู้สา แหม ก็พวกเธออยู่ทีมเดียวกันนี่…คริสตินพึงพอใจในการใช้อำนาจควบคุมหญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่า และชักพาเธอให้ดำดิ่งเข้าสู่กลเกมของการยั่วยวนและการบงการ การมีอำนาจเหนือกว่าและการทำให้อับอาย แต่เมื่ออิซาเบลได้ขึ้นเตียงกับคนรักคนหนึ่งของคริสติน สงครามก็ปะทุขึ้น ในคืนของการฆาตกรรม อิซาเบลอยู่ที่การแสดงบัลเลต์ ในขณะที่คริสตินได้รับบัตรเชิญที่แสนเย้ายวน แต่จากใครกันนะ? คริสตินชื่นชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ เธอเปลือยกายไปพบคนรักปริศนาที่รอคอยเธออยู่ในห้องนอนของเธอ…




บทสัมภาษณ์ไบรอัน เดอ พัลมาจาก “PASSION”

Q:   คุณจะนำเสนอเรื่องราวนี้อย่างไร
A:   นี่เป็นการแย่งชิงอำนาจระหว่างผู้หญิง และปริศนาฆาตกรรมครับ
Q:   อะไรที่ทำให้คุณสนใจเรื่องราวนี้
A:   การที่มันเป็นทริลเลอร์ ซึ่งเป็นแนวที่เหมาะสำหรับการเล่าเรื่องด้วยภาพมากที่สุด ที่มีองค์ประกอบสนุกสนานบางอย่างน่ะสิครับ แล้วมันก็เป็นหนังแนวที่ผมไม่ได้สร้างมาตั้งแต่ “Raising Caine” ตั้งแต่เมื่อ 22 ปีก่อนแล้ว ผมชื่นชอบตัวละครในหนังของอัลเลน คอร์โน แต่ผมกลับนึกถึงวิธีการคลี่คลายคดีฆาตกรรมในรูปแบบที่ต่างออกไป ผมได้เขียนบทขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มันมีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่ตลอด ให้มีผู้ต้องสงสัยหลายคน และคุณก็ไม่มั่นใจเลยว่าใครกันแน่เป็นฆาตกร นอกจากนี้ ผมยังคิดหาลูกไม้สองสามอย่างเพื่อทำให้ผู้ชมเชื่อในแบบหนึ่งทั้งๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันเป็นอย่างอื่นน่ะครับ
Q:   คุณนำเสนอความสัมพันธ์ที่เข้มข้นระหว่างนูมิ ราเพซ สาวคมเข้มและราเชล แม็คอดัมส์ สาวบลอนด์ผิวขาวได้อย่างไร
A:   นูมิ ราเพซเป็นผู้หญิงอันตรายครับ เธอสามารถทำตัวน่ากลัวได้พอๆ กับอิซาเบลเพราะคุณไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ และคุณก็จะเชื่อได้สนิทใจเลยว่าเธอสามารถฆ่าคนได้จริงๆ ส่วนราเชลก็เซ็กซีและสนุกกับการเล่นเป็นสาวแสบมากๆ นักแสดงหญิงไม่ค่อยชอบรับบทผู้หญิงจอมบงการอย่างคริสตินหรอกครับ แต่ราเชลก็ทุ่มให้กับบทนี้อย่างสุดตัว แล้วนูมิและราเชลก็เคยร่วมงานกันมาแล้วใน “Sherlock Holmes” (กาย ริทชี) และรู้จักกันดีพอที่จะก้าวพ้นจากขอบเขตที่พวกเธอคุ้นเคย เข้าสู่พื้นที่อันตราย พวกเธอไม่กลัวที่จะไปไหนต่อไหนด้วยกัน ซึ่งก็ทำให้ทั้งคู่เป็นนักแสดงที่มีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์น่าจับตามองครับ
Q:   สองสาวกลายเป็นสามสาวเมื่อมีแครอลิน เฮอร์เฟิร์ธ สาวผมแดง ที่รับบทผู้ช่วยสาว ดานี มาร่วมวงด้วย คุณเลือกเธอเพราะอะไร
A:   หนังเรื่องนี้เป็นผลงานร่วมสร้างระหว่าฝรั่งเศสและเยอรมนี และแครอลินก็เป็นดาราชาวเยอรมันที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ ผมได้ดูเธอใน “The Perfume” ที่กำกับโดยทอม ไทเควอร์ และผมก็ชอบลุคของเธอตอนผมแดงด้วย เธอเป็นนักแสดงหญิงที่เก่งและในวงล้อมของงูพิษนั้น ดานีก็เป็นเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะมีหัวใจ แต่โชคร้ายที่เธอดันตกหลุมรักอิซาเบลครับ
Q:   ผู้หญิงทั้งสามคนทำงานกับบริษัทโฆษณา และพวกเธอก็มีหน้าที่คิดไอเดียโฆษณาแปลกใหม่ออกมา คุณหาไอเดียพวกนี้มาจากไหน
A:   ผมเข้าอินเทอร์เน็ตและเจอกับโฆษณาที่ถูกส่งต่อกันอย่างแพร่หลาย มันเป็นเรื่องของเด็กสาวชาวออสเตรเลียสองคนที่เสียบโทรศัพท์ไว้ที่กระเป๋าหลังของพวกเธอคนใดคนหนึ่ง แล้วเดินไปมารอบเมืองเพื่อถ่ายภาพคนที่ดูก้นของเธอ พวกเธอโหลดคลิปลงอินเทอร์เน็ตแล้วคนเป็นล้านๆ ก็ได้เห็นคลิปนี้ มันดูเหมือนเพื่อนสาวสองคนเล่นสนุกกัน แต่กลายเป็นว่าพวกเธอคือพนักงานขายโฆษณาคนเก่ง และมันก็เป็นโฆษณาโทรศัพท์น่ะครับ! ผมก็เลยทำแบบเดียวกันในหนังของผม โดยอิซาเบลจะเป็นอัจฉริยะหัวสร้างสรรค์ และดานี ก็เป็นผู้ช่วยของเธอครับ
Q:   คุณนำเสนอฉากฆาตกรรมอย่างไร
A:   มันเป็นเรื่องลำบากทุกครั้งที่คุณต้องจัดฉากให้ใครซักคนถูกฆ่า ปกติแล้ว บรรยากาศรอบบ้านจะเงียบกริบและตึงเครียดมากๆ ซึ่งทุกคนก็เห็นภาพแบบนี้มาเป็นล้านๆ ครั้งแล้ว ผมก็เลยนำเสนอมันในรูปแบบที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วน ซึ่งผมไม่ได้ใช้เทคนิคนี้มาซักพักแล้ว คือผมทำให้ผู้ชมสนใจไปกับบัลเลต์ที่งดงามมากๆ ในหน้าจอหนึ่ง ในขณะที่คริสตินกำลังถูกฆ่าในอีกหน้าจอหนึ่ง ผมไม่รู้เลยว่าผู้ชมจะมีปฏิกิริยากับการจับคู่ระหว่างสิ่งที่โรแมนติกเหลือเกินและสิ่งที่รุนแรงเหลือเกินแบบนี้อย่างไร แต่ผมก็ชอบความแปลกของมัน คุณจะรู้สึกได้ว่าคุณกำลังอยู่ในโซนอันตราย โดยไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันคล้ายกับ “Sisters” ที่คุณจะได้เห็นฉากฆาตกรรมจากสองมุมมองที่แตกต่างกันมากๆ ครับ
Q:   ทำไม “Afternoon of a faun” ถึงเป็นการแสดงบัลเลต์ที่เหมาะสมสำหรับฉากนี้
A:   เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับจุมพิตมรณะน่ะสิครับ อิซาเบลจุมพิตคริสตินเหมือนกับที่เจ้าพ่อมาเฟียจะจุมพิตคนที่กำลังจะตาย และในท่าที่ออกแบบโดยเจอโรม ร็อบบินส์ ที่นำเค้าโครงมาจากการแสดงที่โด่งดังของเดอบุสซี จู่ๆ แดนเซอร์ก็จะจุมพิตแก้มบัลเลรินา และล่วงล้ำเธอ ในแบบเดียวกับที่อิซาเบลล่วงล้ำคริสติน สตูดิโอแห่งนั้นเป็นฉากที่มีผนังสามด้าน และบรรดาแดนเซอร์ก็จะหันหน้าหาผู้ชมราวกับกำลังมองเข้าไปในผนังกระจกของสตูดิโอ มันทำให้ผมมีโอกาสทำให้พวกเขาจ้องมองมาที่กล้อง ซึ่งเป็นการแหกกฎผนังด้านที่ 4 และช่วยเสริมคุณสมบัติแปลกพิลึกให้กับฉากนั้นได้ นอกจากนี้ อัลเฟรด ฮิทช์ค็อกเองบางครั้งก็ยังใช้กล้องบุคคลที่หนึ่ง อย่างในเรื่อง “The Paradine Case” หลังจากนั้น ในตอนที่อิซาเบลถูกตำรวจจับ ผมก็ใช้มุมกล้องแบบนั้นอีกครั้งเพื่อขยายฉากการสอบสวนครับ
Q:   ผลงานของคุณนำเสนอธีมของความหมกมุ่นอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด และตัวละครของคุณก็มักจะสวมหน้ากากและเครื่องอำพรางตัว ทำไมล่ะ
A:   ก็เพื่อซ่อนใบหน้าของฆาตกรน่ะสิครับ! ความคิดของผมคือการใช้หน้ากากสวยๆ ที่มีเค้าโครงใบหน้าของคริสติน ซึ่งเธอให้คู่รักเธอสวม...เพื่อที่เธอจะได้ร่วมรักกับตัวเองเสมอๆ หน้ากากนั้นอาจจะเป็นตัวแทนฝาแฝดในจินตนาการของเธอ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีอยู่จริงก็ได้น่ะครับ
Q:   เรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เรื่อยๆ ทำไมถึงมีฝาแฝด คนที่เหมือนกัน หรือหน้าตาคล้ายกันจำนวนมากในหนังของคุณล่ะ
A:   ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ในหนังหลายๆ เรื่องของผม ผมก็ได้นำเสนอสถานการณ์ที่จะตีแผ่ความรู้สึกผิดออกมา เหมือนตอนที่คริสตินบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนตัวเองต้องรับผิดชอบกับอุบัติเหตุของคลาริสซา ฝาแฝดของเธอ แล้วผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตอนที่ผมยังเล็กมากๆ มันมีความทารุณที่กระทำต่อคนอ่อนแอกว่าในครอบครัวของผม พ่อผม แม่ผม บรูซ พี่ชายผมก็เป็นแบบนั้น ตอนนั้น ผมอายุ 10 ขวบ ส่วนบาร์ท พี่ชายอีกคนของผมก็อายุ 12 ขวบ เขาเป็นคนอ่อนไหวและเปราะบางมากๆ และผมก็อยากปกป้องเขาจากอารมณ์รุนแรงแบบนั้น แต่ผมไม่เคยทำได้เพราะผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ผมก็เลยเกิดความรู้สึกผิดครับ!
Q:   การมีฉากเซ็กซีและไดอะล็อคที่ยั่วเย้าอารมณ์ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังทริลเลอร์อีโรติครึเปล่า
A:   มันก็พูดยากนะครับ ในหนังต้นฉบับ อัลเลน คอร์โนไม่ได้เผยถึงความพึงพอใจระหว่างตัวละครอย่างโจ่งแจ้ง แต่นูมิ ราเพซกับราเชล แม็คอดัมส์กลับเผยมันออกมาอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่ได้บอกกับพวกเธอว่า “จูบกัน แล้วทำให้มันอีโรติคซะ” แต่พวกเธอเป็นคนทำแบบนั้นเอง และมันก็ได้ผลทีเดียวล่ะครับ
Q:   แล้วมันก็มีฉากอาบน้ำ ชุดชั้นในสีดำ เซ็กส์ทอย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอหนังของคุณด้วย คุณเป็นคนชอบถ้ำมองเหมือนกับตัวเอกบางคนในหนังของคุณรึเปล่า
A:   อย่างที่ผมเคยบอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมชื่นชอบการถ่ายภาพผู้หญิงมากกว่าผู้ชายครับ และในที่นี้เราก็มีผู้หญิงแสนสวยที่ไม่กลัวการเปลื้องผ้า แต่หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับผู้หญิง ที่สร้างขึ้นเพื่อผู้หญิงด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากทำให้มันสง่าและเรียบร้อยกว่าเดิม อย่างเรื่องความรุนแรงก็เหมือนกัน ผมไม่ได้ทำให้มันโจ่งแจ้งเกิดไปเพราะพวกผู้หญิงจะรังเกียจมันน่ะครับ
Q:   ส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้อยู่ในความฝันนี่ ความฝันเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการสร้างสรรค์ของคุณรึเปล่า
A:   ใช่ครับ ผมมักจะฝันถึงทางแก้ไขปัญหาสำหรับหนังของผมตอนที่ผมหลับเสมอ และหนังก็เป็นเหมือนความฝันต่อเนื่องที่คุณไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริงจนกว่าคุณจะตื่น แล้วการยึดติดกับกระบวนการที่น่าเบื่อหน่ายในโลกแห่งความฝันที่สวยงามก็กลายมาเป็นเรื่องสนุกเหมือนกันล่ะครับ
Q:   วิชวล เอฟเฟ็กต์แบบไหนที่จะบ่งบอกว่าเรากำลังอยู่ในห้วงความฝันล่ะ
A:   ในตอนแรก ทุกอย่างที่เป็นของจริงจะถูกถ่ายทำด้วยมุมกล้องแบบตรงไปตรงมา แต่พอเราเข้าสู่ความฝัน ทุกอย่างก็จะเอียง และคุณก็จะเจอกับแสงแบบฟิล์มนัวร์ที่มีสไตล์มากๆ ทันทีที่คุณเห็น “แถบ” ที่ดูเหมือนมู่ลี่เวเนเซียตรงผนังแล้วล่ะก็ รู้ตัวไว้เลยว่าคุณกำลังอยู่ในความฝัน! เว้นแต่บางครั้ง...เราคิดว่าเราอยู่ในความฝัน หรือพูดให้ถูกก็คือฝันร้าย แต่มันกลับกำลังเกิดขึ้นจริงๆ ผมก็เลยเล่นกับเรื่องนั้นตลอดทั้งเรื่อง เพื่อทำให้ผู้ชมตั้งตัวไม่ติดน่ะครับ
Q:   แล้วการร่วมงานกับโฮเซ หลุยส์ อัลเคน ผู้กำกับภาพของเปโดร อัลโมโดวาร์เป็นอย่างไรบ้างล่ะ
A:   เขามาจากแบ็คกราวน์การถ่ายทำแบบคลาสสิก เขาเข้าใจ “มัน” ในทันทีและเขาก็รู้ดีว่าจะถ่ายภาพผู้หญิงอย่างไร มีผู้กำกับภาพไม่กี่คนหรอกครับที่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้หญิงดูสวยงาม และมันก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผม แล้วการถ่ายทำฟิล์มนัวร์ที่มีสีสันก็เป็นเรื่องยากครับ แต่เขาก็ทำให้ภาพออกมาดูวิเศษมาก
Q:   พิโน โดแนจจิโอ้ เป็นคนแต่งดนตรีประกอบทริลเลอร์ที่โด่งดังที่สุดของคุณหลายเรื่อง นั่นเป็นเหตุผลให้คุณเลือกใช้งานเขาในหนังเรื่องนี้รึเปล่า
A:   ใช่ครับ เขารู้วิธีแต่งดนตรีความฝันที่สยดสยองในแบบที่ผมต้องการสำหรับหนังเรื่องนี้ เขาเคยทำสำเร็จมาแล้วใน “Carrie”, “Dressed to Kill”, “Blow Out”, “Body Double” และ “Raising Cain” ซีเควนซ์สุดท้ายเป็นอะไรที่จำเป็นมากๆ และมันจะต้องได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างเฉพาะเจาะจงด้วย แม้ว่าเราจะไม่ได้ร่วมงานกันมา 22 ปีแล้ว แต่เขาก็รู้จักผมดีและพอผมเสนอแนะอะไรเขาไป เขาก็คิดสิ่งที่เหลือเชื่อขึ้นมาได้ครับ
Q:   แม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในอาคาร แต่คุณก็ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในเบอร์ลิน คุณใช้ประโยชน์จากการตกแต่งภายในของมันอย่างไรบ้าง
A:   หนังเรื่องนี้เป็นดรามาความเป็นมนุษย์ที่เกิดขึ้นในออฟฟิศและห้องนอนครับ และเราจะค้นพบคำตอบว่าความจริงแล้ว ตัวเราอยู่ที่ไหนก็ตอนที่คนเริ่มพูดภาษาเยอรมันนั่นเอง แต่ผมก็มักจะมองหาความเป็นไปได้ในเรื่องภาพวิชวลและโลเกชันเสมอ เราก็เลยใช้พิพิธภัณฑ์โบเด้และธนาคารดีซีที่น่าทึ่ง ที่สร้างโดยฝีมือของสถาปนิกแฟรงค์ เกห์รี ซึ่งมันก็ช่วยเสริมบรรยากาศขึ้นมาได้จริงๆ ครับ
Q:   มันดูเหมือนกับว่าคุณเป็นชาวอเมริกันคนเดียวในกองถ่ายเลย คุณชื่นชอบการได้ทำงานในยุโรปรึเปล่า
A:   ในยุโรป มีคนมีพรสวรรค์มากมาย และคุณก็สามารถสร้างหนังได้ด้วยทุนสร้างย่อมเยา ผมถอยห่างจากฮอลลีวูดหลังจากที่ผมสร้าง “Mission to Mars” ซึ่งใช้ทุนสร้างร้อยล้านเหรียญ มันเป็นหนังที่ใช้ทุนสูงที่สุดเท่าที่ผมเคยสร้างมา ซึ่งมันไม่ดีเลยที่งานศิลปะจะราคาแพงขนาดนั้น ทุนสร้าง 250 ล้านเหรียญบีบให้คุณต้องทำหนังบางประเภท และในฐานะผู้กำกับที่มีอายุมากขึ้น ผมก็ไม่สนใจเรื่องพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว เรื่องราวที่มีความสดใหม่มากๆ อาจถูกสร้างเป็นหนังได้ด้วยทุนไม่สูงนัก ในแบบเดียวกับหนังอินดีอเมริกา และตอนนี้ที่เราสามารถถ่ายทำในระบบดิจิตอลได้แล้ว ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เราก็จะได้พบคนมีพรสวรรค์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ถ่ายทำหนังในแบบของตัวเอง ผมอยู่ตรงกลางระหว่างแนวโน้มเหล่านี้เพราะผมชื่นชอบความงดงามในหนัง และความงดงามก็มีราคาแพงครับ


**********************************************

30194
SF ชวนผู้กำกับหนังพี่มาก...พระโขนง และติ๊นา Yes or No เปิดงานหนัง EU ที่ SFC ขอนแก่น


               เอส เอฟ ปลุกกระแสพี่มากฟีเวอร์ควงแขน พี่โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับหนังพี่มาก...พระโขนง และน้องติ๊นา-ศุภนาฏ จิตตลีลา สาวหล่อสุดๆจาก Yes or No 2 บุก SFC ขอนแก่น จัดเสวนาเบาๆ เป็นน้ำจิ้มก่อนเปิดงานเทศกาลภาพยนต์สหภาพยุโรป 2013(European Union Film Festival 2013) ในวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2556 ตั้งแต่บ่าย 4 โมงเป็นต้นไป ณ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ ชั้น 5 เซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น ใครอยากเล่นหนังกับพี่โต้ง-บรรจง เตรียมตัวฟังทางนี้ได้เลยจ้า!!!

30195
โกไคเจอร์-ยอดมนุษย์ 5 สีจัดเต็มความมันส์ระดับโลก ปล่อยหมัดเด็ดเรียกรอยยิ้มจากแฟนๆชาวไทยล้นฮอลล์


               โกไคเจอร์และทีมงาน โตเอะ สตูดิโอ (Toei Studio) สุดปลื้ม งัดฝีมือเต็มอัตราศึกขึ้นโชว์ใน “โกไคเจอร์ไลฟ์แอ็คชั่นโชว์ อิน แบงค์คอก 2013” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดโดยโรส มีเดียฯ และ จี-ยูครีเอทีฟฯ ผู้นำด้านการ์ตูนลิขสิทธิ์และอีเวนท์ญี่ปุ่นของประเทศไทย ปล่อยหมัดแอ็คชั่นสุดมันส์แถมเรียกรอยยิ้มปนฮาให้กับแฟนๆล้นฮอลล์ด้วยบทแอ็คชั่นคอมเมอดี้อันเป็นที่ถูกใจของทุกคน  ถือเป็นการปิดท้ายการเฉลิมฉลอง ครบรอบ 35 ปีของซุปเปอร์เซ็นไตอย่างสวยงามเป็นประเทศสุดท้าย

               ความระทึก มัน ฮา ของโกไคเจอร์ ถือเป็นการประกาศศักดาตัวจริงเสียงจริงให้วงการไลฟ์แอ็คชั่นโชว์เลยทีเดียว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากเหล่าผู้นำของวงการการ์ตูนตบเท้ามาร่วมชมการแสดง รวมถึงนักแสดงมากความสามารถหลายท่านที่พาครอบครัวมาชมความมันส์ระดับสุดยอดอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของโตเอะสตูดิโอ  โดยขบวนการซุปเปอร์เซนไตได้ถูกนำมาทำการตลาดในประเทศไทยในรูปแบบ ทีวีซีรีย์และมูฟวี่มากว่า 10 ปี

               โดยการแสดงครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามคาด ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กตามที่วาดหวังไว้ โดยแฟนๆเซนไตได้มีโอกาสดูโชว์ระดับโลกในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น แสง สี เสียงอลังการ ความมันส์ของแอ็คชั่นมืออาชีพ และความสนุกของบทสคริปต์ เป็นความอิ่มใจเมื่อได้ฟังความคิดของเด็กๆเกี่ยวกับโกไคเจอร์ไอดอลของเขา เช่น โกไคเจอร์พูดไทยได้ด้วย และยังประทับใจที่สุดเมื่อผู้ปกครองที่ตั้งใจว่าจะรอลูกอยู่ด้านนอกแต่เมื่อได้ดูแล้ว ไม่อยากลุกจากเก้าอี้ นั่นแสดงถึงความสำเร็จของโชว์นี้จริงๆ ที่สามารถตรึงคนดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ให้ได้รับรอยยิ้มความประทับใจกันถ้วนหน้านอกจากนี้ทางคณะผู้จัดยังอนุเคราะห์ให้น้องมูลนิธิศุภนิมิตได้มาดูการแสดงโชว์ครั้งนี้ด้วย นับเป็นการจัดการแสดงที่อิ่มใจและอิ่มบุญกันถ้วนหน้า




Pages: 1 ... 2011 2012 [2013] 2014 2015 ... 2254