Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - du_sit

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 71
31
ซีพี ออลล์ ประกาศรับสมัครทีมงาน 20,000 อัตรา เตรียมให้บริการส่งถึงบ้าน
อำนวยความสะดวกประชาชนยามวิกฤต




:)



จากสถานการณ์ไวรัสโควิด ( COVID-19) ในปัจจุบัน  ซีพี ออลล์ มีความเป็นห่วงประชาชนคนไทยจากผลกระทบ ที่เกิดขึ้นต่อวิถีชีวิตประจำวัน ดังนั้นนอกจากการเตรียมสต๊อกสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของ พี่น้องประชาชนที่ร้านแล้ว บริษัทยังห่วงใยผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน ไม่ได้เดินทางไปพื้นที่ต่างๆ เพื่อสกัดเชื้อไวรัสไม่ให้ขยายวงกว้างตามคำแนะนำของภาครัฐ บริษัทจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกด้านการบริการส่งสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ผ่านแอพลิเคชั่น 7-Eleven Delivery โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งพนักงานและผู้บริโภคเป็นสำคัญ รวมทั้งเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีงานทำ และผู้ประสบปัญหาการว่างงานจากภาวะวิกฤตครั้งนี้ด้วย

บริษัทจึงประกาศเปิดรับสมัครทีมงานเพื่อให้บริการขนส่งสินค้า Delivery จาก ร้านเซเว่นฯ ถึงมือประชาชนที่บ้านพักอาศัย จำนวน 20,000 อัตราทั่วประเทศ โดยจะทยอยรับอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายบริการ Delivery จากปัจจุบัน 1,500 สาขา เพิ่มเป็นทุกสาขาในอนาคต

คุณสมบัติ

1.อายุ 18 ปีขึ้นไป 2.วุฒิ ม.3 – ปริญญาตรี  3.สามารถทำงานเป็นกะได้  4.มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์  5.มีรถจักรยานยนต์ (จะพิจารณาเป็นพิเศษ)
 
สนใจติดต่อโทร :
กทม.ปริมณฑล : 091-004-9909, 091-004-9681
ภาคกลาง : 091-004-7615/ ภาคเหนือ : 091-004-7610
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : 091-004-7607, 091-004-7609
ภาคตะวันออก : 091-004-7604, 091-004-7605
ภาคใต้ : 091-004-7611 – 14

 
สำหรับผู้สนใจสมัครงานด้าน Delivery สามารถลงทะเบียนสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.cpall.co.th








32
We Are Feel Good Inc. ชวนเตรียมผิวสวยท้าแดด
กับไอเทมดูแลผิวรับซัมเมอร์นี้!!







ซัมเมอร์มาแล้ว! อากาศร้อนๆอย่างนี้เป็นสัญญาณแห่งความสนุกกับช่วงวันหยุด แต่แสงแดดในประเทศไทยนั้นร้อนแรงไม่มีใครแซงได้ จึงไม่ควรพลาดที่จะเตรียมผิวรับลมร้อนท้าแดดแรงอย่างมั่นใจไปกับ We Are Feel Good Inc. ครีมกันแดดที่พร้อมปกป้องผิวคุณ ไม่ว่าจะไปเที่ยวพักผ่อน รับสายลมและแสงแดด หรือทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดมันส์ กลางแดดเปรี้ยงยังไงก็มั่นใจได้ว่าผิวของคุณจะไม่ถูกทำร้าย อย่าให้แสงแดด และอากาศร้อนมาหยุดความสนุกในซัมเมอร์นี้!
   We Are Feel Good Inc. ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำให้เป็นไอเทมสำคัญในช่วงซัมเมอร์ ด้วยโลชั่นกันแดดสูตรต่างๆที่จะทำหน้าที่ปกป้องผิวคุณจากแสงแดดได้ทุกสถานการณ์ สำหรับใครที่มีแพลนจะไปทำกิจกรรมการแจ้ง ต้องมาทำความรู้จักกับความเริสของผลิตภัณฑ์ที่จัดเต็มมาให้เน้นๆแบบครบทุกสูตร เพื่อช่วยปกป้องผิวสวยๆของคุณพร้อมบำรุงควบคู่ไปด้วยกัน





   โลชั่นกันแดดสูตรซิกเนเจอร์ SPF50+ กันแดดตัวฮอตฮิตของแบรนด์ที่มากี่ครั้งก็ Sold Out ตลอด เพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารกันเสียและกลูเตน ไม่ใช้การทดลองที่เกี่ยวกับสัตว์ เนื้อกันแดดแบบโลชั่นทำให้ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถทาซ้ำระหว่างวันได้ จึงมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว





   โลชั่นกันแดดสูตรมะพร้าว SPF50+ ปกป้องผิวกายจากแสงแดดพร้อมกลิ่นมะพร้าวหอมสดชื่น ที่ปราศจากสารกันเสีย oxybenzone, paba และ parabens เพื่อให้การป้องกันแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อผิวของคุณและสภาพแวดล้อม และยังสามารถกันน้ำได้นานถึง 4 ชั่วโมงอีกด้วย





โลชั่นกันแดดสูตรอ่อนโยน SPF 50+ โลชั่นกันแดดสูตรพิเศษสำหรับผิวบอบบางที่ต้องการการดูแลสุดพิเศษ ปราศจากน้ำหอม สามารถใช้ทั้งผิวหน้าและผิวกายได้ เนื้อสัมผัสบางเบาซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะแม้ในวันที่อากาศร้อน พร้อมด้วยส่วนผสมจากว่านหางจระเข้และวิตามินอี เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวพร้อมป้องกันการเกิดสารอนุมูลอิสระในชั้นผิว สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว





โคโค่มิลค์ มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยสร้างความชุ่มชื่นให้ผิว มีกลิ่นหอมสดชื่นจากมะพร้าวที่อุดมไปด้วยสารบำรุงผิวจากธรรมชาติต่างๆมากมาย รวมทั้งวิตามินอีและเชียบัตเตอร์ ที่เป็นตัวช่วยบำรุงผิวหลังการออกแดด หรือในทุกๆวันของคุณที่ดีที่สุด





สติ๊กกี้ ซิงค์ ครีมกันแดดสูตรพิเศษที่ผ่านกระบวนการคิดค้นและการผลิตมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้กันแดดเนื้อครีมเข้มข้นที่เคลือบบนผิว มีคุณสมบัติกันแดดจัด ติดทนนานและช่วยปกป้องผิวหน้าในทุกกิจกรรมที่สนุกสุดเหวี่ยง และยังสามารถกันน้ำได้นาน 4 ชั่วโมงด้วย





พอว์ พอว์ เนคทาร์ บาล์มที่สกัดจากส่วนผสมธรรมชาติ ตัวช่วยสร้างความเนียนนุ่มให้ผิวได้อย่างอ่อนโยนและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาริมฝีปากแตกและแห้ง, การใช้บรรเทาอาการคันจากแมลงกัดต่อย ทั้งยังช่วยลดโอกาสในการเกิดแผลเป็นจากรอยไหม้เล็กๆ รวมไปถึงอาการส้นเท้าแตก เป็นไอเท็มสารพัดประโยน์ที่ควรต้องพกติดตัวไว้

   เพียงเท่านี้ ก็ออกไปลุยทำกิจกรรมสนุกๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลกับแสงแดดที่จะมาสร้างปัญหาให้ผิวใสเป็นผิวหมองอีกต่อไป เรียกว่าครบทั้งกันแดดและตัวช่วยบำรุงผิว พร้อมติดตามข่าวสารรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/wearefeelgoodincthailand






33
กรมอนามัย ร่วมกับ เซ็นทรัลเวิลด์ ให้ความรู้ ‘ใช้ชีวิตได้ปกติในที่สาธารณะ’
แนะล้างมือ และเลี่ยงการสัมผัส ในกิจกรรม “ONE FOR ALL: ร่วมใจสู้โควิด-19”







กรุงเทพฯ – ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ และมูลนิธิ Miracle of Life ผนึกกำลังพันธมิตรภาคเอกชนหลายราย จัดกิจกรรม “ONE FOR ALL: ร่วมใจสู้โควิด-19” ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคโควิด-19 อย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ปกติในที่สาธารณะ อย่างเช่น ศูนย์การค้า โดยเน้นย้ำคุมเข้มทำความสะอาดจุดเสี่ยง จุดสัมผัสร่วมกัน พร้อมส่งเสริมให้พนักงานมีสุขอนามัยดี ล้างมือเป็นประจำ เฝ้าระวังสุขภาพ รวมทั้งแนะนำข้อปฏิบัติในการป้องกันตัวเองอย่างถูกต้อง โดยแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย พร้อมกันนี้ยังจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปสอนทำหน้ากากผ้าฟรี โดยกรมอนามัย และกศน.ปทุมวัน เพื่อส่งเสริมการใช้หน้ากากผ้า ช่วยลดจำนวนการใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ซึ่งควรสำรองให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์






โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานเปิดงาน, พร้อมด้วย แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้มาแนะนำข้อปฏิบัติในการป้องกันตัวเองอย่างถูกต้องโดยมี องอาจ สุขเลิศกมล ผู้อำนวยการแผนการตลาด ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ขวัญแก้ว สิริจินดา ผู้อำนวยการส่วนงานการส่งเสริมธุรกิจ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานกรรมการมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ และ ยุวนิตย ประสงค์สุข ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เขตปทุมวัน ร่วมงาน ภายในงานยังมีการแจกของสนับสนุนจากภาคเอกชน อาทิ เนสท์เล่, กาโตะ, ฟาร์มเฮ้าส์, ดัชมิลล์, ยาอมฟ้าทะลายโจร, Mega We Care, คูปองส่วนลดจากร้านอาหาร และแบรนด์แฟชั่นชื่อดังในศูนย์ฯ อีกมากมาย






แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงกิจกรรม One for all ร่วมใจสู้ COVID-19 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ในช่วงเวลานี้รัฐบาลมีความห่วงใยคนไทยทุกคนโดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการเร่งด่วน ยกระดับในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคอย่างเข้มข้น รวมทั้งเพิ่มมาตรการทางกฎหมาย ควบคุมคนกลุ่มเสี่ยง หรือ ผู้สัมผัสโรคเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดภายในประเทศ โดยสถานที่ที่เป็นแหล่งรวมผู้คนจำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า ผู้ประกอบการควรให้ข้อมูลความรู้ คำแนะนำ หรือจัดหาสื่อประชาสัมพันธ์การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคกับประชาชนที่ใช้บริการ จัดเตรียมจุดบริการแอลกอฮอล์เจล บริเวณทางเข้า-ออกศูนย์การค้า หรือจุดบริการลิฟต์ด้วย พร้อมทั้งรณรงค์ให้พนักงานป้องกันตนเองโดยการ ล้างมือก่อนเข้าทำงาน และทุกครั้งที่สัมผัสอุปกรณ์สิ่งของ เครื่องใช้ ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก พร้อมทั้งเช็ดทำความสะอาดโต๊ะ คอมพิวเตอร์ ตรงพนักงานแคชเชียร์ หรือจุดเสี่ยงที่ต้องสัมผัสร่วมกับผู้อื่น ด้วยน้ำสบู่หรือ น้ำผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาด และแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ อาทิ ที่จับประตูทางเข้า–ออกศูนย์การค้า ห้องน้ำ โดยเพิ่มความตระหนักให้กับพนักงานทำความสะอาดด้วยการสวมหน้ากากผ้าและถุงมือยางขณะปฏิบัติงาน และเน้นทำความสะอาด 7 จุดเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคในห้องส้วม ได้แก่ 1.ที่จับสายฉีดชำระ 2.บริเวณพื้นห้องส้วม 3. ที่รองนั่งโถส้วม 4. ที่กดโถส้วม 5. โถปัสสาวะ 6. ที่เปิดก๊อกอ่างล้างมือ และ 7.กลอนประตูหรือลูกบิด”






อธิบดีกรมอนามัย แนะนำข้อปฏิบัติในการป้องกันตัวเองอย่างถูกต้องว่า ไม่ว่าการระบาดของโรคจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ลดการสัมผัส” และล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที ให้น้ำสบู่ทำปฏิกิริยากับไขมันที่อยู่รอบตัวไวรัสหลุดออก เมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งไม่เอามือไปสัมผัสสิ่งของใดๆ คนป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัยเสมอ, คนไม่ป่วยสามารถใส่หน้ากากผ้าป้องกันได้, งดเดินทางในพื้นที่ที่มีการระบาด, แยกตัวเองอย่างน้อย 14 วันหลังเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง, ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร เพราะเป็นช่วงเวลาที่มือกับปากใกล้กับมากที่สุด เพราะฉะนั้นหากเรารักษาความสะอาดเป็นประจำจะทำให้เราใช้ชีวิตได้ปกติในที่สาธารณะ






สำหรับศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ ทั้ง 33 สาขาทั่วประเทศ มีความห่วงใยใส่ใจลูกค้า โดยได้ดำเนินมาตรการการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวดมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มมีข่าวการแพร่ระบาดในระยะแรก จนถึงปัจจุบัน โดยเราใช้มาตรการป้องกันเชิงรุก ได้แก่ คุมเข้มให้มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในเซ็นทรัลเวิลด์ทุกวัน และศูนย์การค้าสาขาอื่นเป็นประจำทุกสัปดาห์  อีกทั้งเน้นย้ำทำความสะอาดฆ่าเชื้อในทุกจุดที่มีการสัมผัสทุก 30 นาที พร้อมติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิชนิดอินฟาเรด บริเวณทางเข้า-ออก มีการตรวจคัดกรองและวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงาน เจ้าหน้าที่ พนักงานร้านค้าผู้เช่า ทั้งในส่วนของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน ไปจนถึงคนนอกที่จะเข้าศูนย์ที่จุดเข้า-ออกทุกวัน พร้อมทั้งมีจุดบริการเจลล้างมือตามจุดต่างๆ ทั่วศูนย์ฯ เพื่อการป้องกันสูงสุดให้กับ ผู้ที่มาใช้บริการ พนักงาน และผู้เช่าร้านค้าในศูนย์ฯทุกคน























34
หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาและโครงการคืนคุณแผ่นดิน
“ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน”





( 4/3/63) ที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พล.อ.พีรพงษ์ เมืองบุญชู ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย และ คุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน ร่วม“ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยมีพลโท สุชาติ สุทธิพล   รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ฝ่ายบริหาร     พลโท สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ  รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ฝ่ายพัฒนา พลโท กิตติพงศ์ กาญจนาคม เสนาธิการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พลโท สำราญ ไชยริปู  รองหัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พลตรี ธนินททร์ พู่ทองคำ  รองเสนาธิการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ฝ่ายบริหาร พลตรี นนธวัฒน์ ภักดิพงศ์พิชญะ รองเสนาธิการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ฝ่ายพัฒนา พลตรี ชีวธันย์ ปิยะศาสตร์ธนา  คณะกรรมการโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน นทพ. คุณรัชตพล  กัตัญญูกานต์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาธุรกิจ SME สมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน     คุณวินัย  พรรณสุชล คณะกรรมการสมาคมฯ  คุณสมภพ พจน์พริ้ง คณะกรรมการสมาคมฯ  คุณศรัณย์  วิทยาบัณฑิต  คณะกรรมการสมาคมฯ คุณอติชาติ เลาหพิบูลย์กุล คณะกรรมการสมาคมฯ   คุณส่งศักดิ์  ฉัตรชูสกุล ที่ปรึกษาโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน คุณอัครพงศ์  กุลเดชนิธิพัฒน์ ที่ปรึกษาโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืนและประชาชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ  หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา






ตามที่ทางหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย มีวัตถุประสงค์พัฒนา คน ชุมชน พื้นที่ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน มีความสมบูรณ์แบบองค์รวมและเกื้อกูลต่อการป้องกันประเทศ ซึ่งโครงการคืนคุณแผ่นดินมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือพัฒนาชุมชนให้อยู่ดี กินดี ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มีความสามัคคี โดยทั้งสองหน่วยงานขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์เดียวกันที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง  และเพื่อให้การดำเนินการความร่วมมือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และ โครงการคืนคุณแผ่นดิน จึงได้ทำพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืนระหว่าง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาและโครงการคืนคุณแผ่นดิน










คุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน กล่าวว่า โครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน จะประสบความสำเร็จได้แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ทุกคนต้องอยู่อย่างยั่งยืนได้ โดยมีการสำรวจ 5 มิติ

1. อาคารบ้านเรือน ลักษณะของพื้นที่ พื้นที่เป็นแบบไหน พื้นที่มีภูเขา มีลำน้ำ มีห้วย มีคลอง สำรวจทุกตารางเมตร ใช้ทั้งแผนที่ดาวเทียม ใช้โดรน ใช้คนเดิน และมาประมวลผลกัน จะรู้ว่าพื้นที่ไหน ชุมชนไหนคนอยู่มากคนอยู่น้อย พื้นที่ขยะของเสียอยู่ตรงไหน แม้แต่ต้นไม้กี่ต้นเราก็รู้

2. ประชากรและสิ่งมีชีวิต ประชากรทุกคนเราต้องรู้ว่ามี ผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน เด็กกี่คนผู้ป่วยกี่คน ผู้สูงวัยกี่คน และคนที่มีปัญหากี่คน สิ่งมีชีวิตจะได้รู้ว่าจำนวนทั้งหมดมีเท่าไหร่ ในปริมาณที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นๆ เพื่อจะได้ส่งเสริม

3. อาชีพ พฤติกรรม วัฒนธรรม คนส่วนใหญ่มีอาชีพอะไร ทำนา เกษตรกร ข้าราชการ หรืออาชีพอื่นๆ และเขามีพฤติกรรมยังไง บางคนเขาอาจจะมีพฤติกรรม ขยันขันแข็ง เขาอาจจะมีพฤติกรรมที่ดี บางที่อาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่ดีเท่าไหร่ เราก็ต้องดูว่าพฤติกรรมเขาเป็นยังไง ว่าคนในหมู่บ้านนั้นเป็นคนนิสัยยังไง และก็วัฒนธรรมของเขาเป็นแบบไหน เขาอาจจะมีวัฒนธรรมที่ดีงาม

4. จำนวน สิ่งปลูกสร้าง และอาคาร สำรวจว่ามีบ้านกี่หลัง โรงเรือน ยุ้งฉาง อาคารสำรวจทั้งหมด

5. รายได้ เขาเท่าไหร่ เขามีผลผลิตอะไรบ้าง ในพื้นที่นั้นๆ






สำหรับ “โครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน” การพัฒนา 5 มิติ ประกอบด้วย

1. เศรษฐกิจ รายได้เพิ่มขึ้น ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บริหารทรัพยากรภายในให้สมบูรณ์ และให้เกิดมูลค่าเป็นเศรษฐกิจให้ได้ การพัฒนาแบบองค์รวม

2. สุขภาพ มีแอพพลิเคชั่น “มีหมอเป็นเพื่อน มีเพื่อนเป็นหมอ” ซึ่งเชื่อว่าประชาชน 70% ในประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลก็สามารถหายได้

3. สังคม เรียนรู้ประเพณีอาชีพ วัฒนธรรมของชุมชน ทำให้ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันเกิดเป็นการ พัฒนาในหมู่บ้านอย่างยั่งยืน

4. สร้างสรรค์ ให้ชาวบ้านทุกคนทำของเล็กๆน้อยๆหรือผลิตเป็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นจากชาวบ้านโดยตรง ซึ่งเราอาจใช้ เทคโนโลยีในมือถือ ท่านอาจจะดูมือถือว่าสิ่งนี้ทำอย่างไรบ้าง นี่เป็นสิ่งต่างๆที่สามารถคิด และทำได้เอง

5. การศึกษา การศึกษามี 2 แบบ

     5.1 การศึกษาปกติทั่วไป มีตั้งแต่ปฐมวัย จนถึงปริญญา

     5.2 การศึกษาของภาคประชาชน ยกตัวอย่างอยากศึกษาเรื่องปุ๋ยหมัก ศึกษาเรื่องนวัตกรรม การเก็บเกี่ยว  ศึกษาเกี่ยวกับการแปรรูปขยะให้มีมูลค่า






ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทางโครงการใช้เทคโนโลยีมาเป็นการประมวลผล ชาวบ้าน ประชาชน สามารถติดต่อซื้อขายกันได้ ยกตัวอย่าง เรื่องสหกิจชุมชน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ต้องนำสินค้าราคาถูกจากโรงงานมาจำหน่าย ชาวบ้านสามารถเข้าถึงสินค้าจำเป็นราคาโรงงาน ลดรายจ่าย แล้วเพิ่มรายได้

1. เพิ่มรายได้เศรษฐกิจ

2. สุขภาพ ต้องการให้คนเข้าถึงหมอ เข้าถึงการรักษา โดยใช้เงินน้อยที่สุด แล้วหมอได้ดูแลอย่างใกล้ชิดมากที่สุด นี่คือสิ่งที่เราจะทำเป็นการเบื้องต้น

“วันนี้เราอยู่ผืนแผ่นดินนี้ เราเป็นคนไทย ต่อให้ใครไม่เห็นสิ่งที่เราทำ ว่ามันเป็นคุณงามความดีเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่จงจำว่าฟ้าเบื้องบนเห็น สิ่งศักดิ์สิทธ์เห็น สิ่งที่อยู่เหนือตัวเราที่เรามองไม่เห็นท่านอาจจะเห็นได้ ดังนั้นแล้วหากเราเป็นบุคคลที่ดี เป็นคนที่คิดดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เราต้องทำในสิ่งที่ดี ผมไม่ขออะไรพวกท่าน ขออย่างเดียวขอให้ความร่วมมือกับสิ่งที่เราทำ ทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ






นอกจากนี้ คุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน กล่าวถึงสหกิจชุมชน ทุกคนเป็นเจ้าของว่า จุดเด่นของสหกิจชุมชนคือเรื่องเศรษฐกิจ ต้องมองภาพรวมในเรื่องของเศรษฐกิจ จะเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายได้อย่างไร หรือบางคนที่ไม่ได้มีรายได้เพิ่ม จะช่วยเขาลดรายจ่ายได้อย่างไร ตรงนี้สำคัญ

ลดรายจ่ายเกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารหรือสิ่งต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จะทำอย่างไรให้ประชาชนซื้อสินค้าในราคาโรงงานได้โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือสามารถส่งสินค้าโดยตรงให้ได้เลย

เพิ่มรายได้ คือคนในชุมชนสามารถขนส่งได้ เช่น หากมีใครต้องการซื้อสินค้าสามารถสั่งกับทางเราได้ และคนในชุมชนสามารถขนส่งเพื่อหารายได้เพิ่มได้ เชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย และเราให้บริการในเบื้องต้น ตั้งแต่ ฝึก อบรม แนะนำ วิเคราะห์ ขยายผล ให้เกิดผลมากที่สุด สิ่งสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือสามารถลดรายจ่ายให้กับทางครัวเรือนได้ เพราะสินค้าจะราคาถูกกว่าปกติมากเพราะเป็นราคาโรงงาน สามารถนำสินค้าชุมชนมาขายเพื่อเพิ่มรายได้ ตัวอย่างเช่น จอหอมีสินค้าชุมชนคือเห็ดที่นำมาเป็นขนมขบเคี้ยวก็นำมาขายเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงชุมชนอื่นๆก็นำมาขายได้ โดยใช้สหกิจชุมชนเป็นตัวขยาย










สหกิจชุมชุนมี 3 แบบ

1. สหกิจชุมชนแบบเจ้าของ คล้ายๆร้านสะดวกซื้อ จะมีสินค้าการเกษตร พืชผักผลไม้ หรือสินค้าที่ชาวบ้านผลิต และสินค้าจำเป็นทั้งหมด แต่ว่าให้ใครเป็นเจ้าของ คนใดคนหนึ่ง

2. สหกิจชุมชนแบบสนับสนุน คือมีร้านอยู่แล้ว แต่ไม่มีสินค้าจากโรงงาน เพราะเข้าถึงไม่ได้ เราเข้าไปสนับสนุน

3. สหกิจชุมชนแบบช่วยเหลือ คือไม่มีอะไรเลย แต่ขายเป็น มีความตั้งใจที่จะขาย และทำได้ดี เราต้องไปก่อสร้างร้าน ซื้อของมาให้ ช่วย 100เปอร์เซ็นต์






ทั้งนี้ โครงการคืนคุณแผ่นดินปฏิบัติงานมาเข้าปีที่ 10 ตามพระราชดำริของบุคคลสำคัญของประเทศ ต้องการพัฒนาแบบยั่งยืนและถาวรพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีและยกระดับของภาคประชาชนอย่างครบถ้วนครบวงจรในแบบองค์รวม จึงร่วมกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) จัดตั้งโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยมีการศึกษาอย่างถ่องแท้เพื่อให้ประชาชนยอมรับอย่างพร้อมใจ พร้อมกับการเข้าไปดำเนินการจริงอย่างจริงใจเพื่อพัฒนาทุกกลุ่มอาชีพให้เกิดประโยชน์และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นใน 5 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และการศึกษา โดยมีโครงการนำร่องหมู่บ้านต้นแบบ ทั่วประเทศอยู่แล้ว จำนวน 10 หมู่บ้าน ได้แก่

1. หมู่ที่ 5 หมู่บ้านเกาะไหล อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา

2. หมู่ที่ 8 บ้านปากมาบ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม

3. หมู่ที่ 9 บ้านหนองปล้อง ตำบลสุขเดือนห้า อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท

4. หมู่ที่ 3 บ้านดงป่าสัก ตำบลบ้านด้าย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

5. หมู่ที่ 5 บ้านวัดขวาง ตำบลบ้านไร่ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก

6. หมู่ที่ 5 บ้านวังน้ำมอก ตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

7. หมู่ที่ 3 บ้านคำบอน ตำบลบ้านตูม อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี

8. หมู่ที่ 3 บ้านจอหอ ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

9. หมู่ที่ 6 บ้านหนองทราย ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี

10. หมู่ที่ 7 บ้านหนองแดงใหม่ ตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน

โดยในปี 2563 จะขยายพื้นที่การพัฒนาหมู่บ้านเพื่อความยั่งยืน 30 หมู่บ้านต่อไป






























35
“เซ็นทรัลเวิลด์” เปิดแคมเปญ “central dining wOrld award” รวม 12 blogger ชื่อดัง
ถ่ายทอดความอร่อย ย้ำภาพความเป็นเดสติเนชั่นระดับโลกสำหรับ “คนรักอาหาร”







ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นำโดย อิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงาน Food Partner, กันตภณ ผาณิตรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานการตลาดสาขาและส่งเสริมธุรกิจฝ่ายการตลาด และ องอาจ สุขเลิศกมล ผู้อำนวยการกลุ่มงาน Shopper Experience and Engagement สายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อีกครั้งสำหรับ “เซ็นทรัลเวิลด์” กับการเป็น “เดสติเนชั่นสำหรับคนรักอาหาร” ด้วยการรวบรวมความอร่อยที่หลากหลายครบรสในทุกรูปแบบผ่านร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังทั้งในประเทศและทั่วโลกกว่า 250 ร้าน ครั้งแรกของประเทศไทยที่มอบรางวัลให้แก่สุดยอดฟู้ดบล็อกเกอร์ชั้นนำของเมืองไทยถึง 12 คน ในงานเปิดแคมเปญ “central dining wOrld award” ที่เซ็นทรัลเวิลด์การันตี 12 บล็อกเกอร์สายอาหารว่าเป็น “กูรู” และ “ถ่ายทอดความอร่อย” ได้ดีที่สุด โดยแต่ละคนจะถ่ายทอดเรื่องราวความอร่อยของร้านอาหารในเซ็นทรัลเวิลด์ในสไตล์ที่ชื่นชอบแบบฉบับของตัวเองผ่าน อาหาร 12 ประเภท






อันประกอบด้วย 1) สายคาเฟ่ นำเสนอโดย “ถนัดหมี” 2) สายขนมและของหวาน นำเสนอโดย “ถนัดชิม” 3) สายอาหารสุขภาพ นำเสนอโดย “Healthy Sister” 4) สายอาหารประเภทเส้น นำเสนอโดย “Paidonnnn ไปโดนนนน” 5) สายอาหารไทย นำเสนอโดย “พรุ่งนี้ค่อยลด” 6) สายอาหารญี่ปุ่น นำเสนอโดย “Eatwithpete-กินกับพีท” 7) สายอาหารจีน นำเสนอโดย “泰國粉絲大本營 Thailandfans Forum” 8) สายอาหารตะวันตก นำเสนอโดย “Spreads” 9) สายอาหารเนื้อสัตว์ นำเสนอโดย “เซมากูแดก” 10) สายหม้อไฟ นำเสนอโดย “พยูนบูด ตะลุยกิน” 11) สายไก่ทอด นำเสนอโดย “Food You Can Eat” และ12) สายร้านอาหารไลฟ์สไตล์ นำเสนอโดย “GandaGanda” โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารร้านอาหารชื่อดัง นำโดย ไพศาล อ่าวสถาพร จาก โออิชิ กรุ๊ป, พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา จาก อภินารา, เลิศรินิญฒ์ ลิปสิภาค จาก ร้านเสือใต้, ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ จาก ซีอาร์จี, กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ จาก Divana café, ลลินทิพย์ จิรวราพันธ์ จาก ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป, วรชัย จรูญประสิทธิ์พร จาก ซง ฟา บักกุ๊ดเต๋, นงชนก สถานานนท์ จาก ซิซซ์เล่อร์, ณัฏฐ์ กีรติเก้าทรัพย์ จาก เอี่ยวไถ่ 1960 และ เชฟ อันนา บาราซซี่ จาก iO Italian Osteria เป็นตัวแทนขึ้นมอบรางวัล






กันตภณ ผาณิตรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานการตลาดสาขาและส่งเสริมธุรกิจ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถือได้ว่าเป็น Center of Life และการปรับโฉมใหม่ของศูนย์ฯ ได้มีการรวมตัวกันของร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังทั้งในระดับประเทศและทั่วโลกกว่า 250 ร้าน ทำให้กลายเป็น “เดสติเนชั่นสำหรับคนรักอาหาร” ที่รวบรวมความอร่อยทุกรูปแบบ ที่ครบที่สุด หลากหลายที่สุด เพื่อมอบประสบการณ์ความอร่อยแบบ Beyond expectation ตั้งแต่ Street foods ไปจนถึง Fine dining และโรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลก ตอบโจทย์กับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่มักมองหาสถานที่ใหม่ๆ ไม่ได้ยึดติดอยู่แค่รูปแบบเดิมๆ ทำให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับ “ไลฟ์สไตล์” ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป






























36
บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดลงนามสัญญา

การใช้สิทธิในผลงานวิจัยเรื่อง สูตรนาโนอีมัลชั่นที่บรรจุแอลฟาแมงโกสตินจากเปลือกมังคุด

กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์







นายอัษฎา เทพยศ ประธานบริษัท ควอลิตี้พลัสเอสเทติคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดและ กรรมการผู้จัดการ นายวุฒิพงษ์  ผาณิตเศรษฐกร บริษัท ควอลิตี้พลัสเอสเทติคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมพิธีลงนามสัญญาการใช้สิทธิในผลงานวิจัยเรื่อง สูตรนาโนอีมัลชั่นที่บรรจุแอลฟาแมงโกสตินจากเปลือกมังคุด ณ วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ซึ่งสัญญาการใช้สิทธิผลงานวิจัยนั้นเกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยรองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายอัษฎา เทพยศ ประธานบริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ลงนามในสัญญาการใช้สิทธิผลงานวิจัยระหว่างสองสถาบัน ภายในงานพิธีลงนามสัญญาการใช้สิทธิในผลงานวิจัยนั้นได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร. อาณัติ ลีมัคเดช ผู้อำนวยการศูนย์ทรัพย์สินทางปัญญาและบ่มเพาะวิสาหกิจ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงศ์ในพิธีลงนามสัญญาการใช้สิทธิงานวิจัยครั้งนี้






การร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ บริษัท ควอลิตี้พลัสเอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นการนำผลงานวิจัยจากภาคการศึกษาไปสู่การต่อยอดในอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ นับว่าเป็นการพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีทางชีวภาพในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ ซึ่งผลงานวิจัยเรื่อง สูตรนาโนอีมัลชั่นที่บรรจุแอลฟาแมงโกสตินจากเปลือกมังคุด เป็นการต่อยอดนวัตกรรมสารแซนโทนบริสุทธิ์ (Purified Xanthone)ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ในงาน Silicon Valley International Invention Festival 2018 รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาภายใต้แบรนด์แอคนอค (Acnoc)หลังจากที่สารแซนบริสุทธิ์ (Purified Xanthone) ได้รับรางวัลดังกล่าวในปี พ.ศ. 2561 บริษัท ควอลิตี้พลัสเอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในโทนการพัฒนาสารสกัดนี้ด้วยเทคโนโลยีนาโนอีมัลชั่น จนได้พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์ แอคนอค ออลไฮบริดเอสเซนส์ (Acnoc All Hybrid Essence) ภายใต้แบรนด์แอคนอค (Acnoc)






ผลิตภัณฑ์ แอคนอค ออลไฮบริดเอสเซนส์ (Acnoc All Hybrid Essence) จึงเป็นต้นแบบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำผลงานวิจัยของประเทศไทยมาพัฒนาต่อยอดในอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จผลิตภัณฑ์นี้จึงกล่าวได้ว่าเป็นการต่อยอดผลงานวิจัยจาก 2 สถาบันการศึกษาของประเทศไทย จากการพัฒนาสารสกัดหยาบจากมังคุดด้วยเทคโนโลยีการสกัดสารบริสุทธิ์ที่เป็นผลงานวิจัยของ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนได้เป็นสารสกัดที่เรียกว่าสารแซนโทนบริสุทธิ์ (Purified Xanthone) และนำมาวิจัยพัฒนาต่อด้วยเทคโนโลยีนาโนอีมัลชั่นได้สำเร็จจากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลายเป็นสารสำคัญแซนโทนบริสุทธิ์ในรูปแบบนาโนอีมัลชั่น (Purified XanthoneNano Emulsion) ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุในการเกิดสิว ลดเลือนอาการอักเสบและระคายเคืองของผิว ยับยั้งไทโรซิเนส และต่อต้านอนุมูลอิสระ และด้วยรูปแบบนาโนอีมัลชั่นทำให้การออกฤทธิ์ต่อผิวของสารแซนโทนบริสุทธิ์ (Purified Xanthone) มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นสารสำคัญที่ได้รับรองจากการผลงานวิจัย อีกทั้งยังได้รับความพึงพอใจอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคจริงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ แอคนอค ออลไฮบริดเอสเซนส์ (Acnoc All Hybrid Essence) ที่พัฒนามาจากงานวิจัยชิ้นนี้






โดยการลงนามข้อตกลงครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับและการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของประเทศไทยที่สามารถพัฒนาสารสกัดสำคัญจากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับระดับสากลได้เป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้นด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีภายในประเทศ และยังทำให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางลดการนำเข้าสารสกัดสำคัญจากต่างประเทศในการบริโภคในอุตสาหกรรมนี้ อีกทั้งยังสามารถส่งออกสารสกัดสำคัญนี้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในระดับนานาชาติได้เช่นกัน







37
"สุดยอด​ตำรวจไทย​ หัวใจ​ประชาชน" 
พลตำรวจเอก​ เฉลิม​เกียรติ​  ศรี​ว​ร​ขาน​  รองผู้บัญชาการ​ตำรวจแห่งชาติ​ (ปป)​







กลุ่มที่ปรึกษา​ คณะกรรมการ​ขับเคลื่อน​งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม​ สำนักงาน​ตำรวจแห่งชาติ​ และคณะกรรมการ​ ตรวจสอบและติดตาม​การบริหารงาน​ ตำรว​จ​ (กต.ตร.)  จากทั่วประเทศ​ รวมกว่า​ 1,000 คน​ พร้อมทั้งกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ฯ​รวมทั้งข้าราชการ​ ที่มีความเคารพนับถือชื่นชมเลื่อมใสศรัทธา​ ในคุณงามความดี​ ร่วมกันจัดงานเลี้ยงเกษียณ​อายุราชการให้ “สุดยอด​ตำรวจไทย​ หัวใจ​ประชาชน” พลตำรวจเอก​ เฉลิม​เกียรติ​ ศรี​ว​ร​ขาน​ รองผู้บัญชาการ​ตำรวจแห่งชาติ​ (ปป)​

โดยมี อาจารย์​ สุทิน​ บัวตูม​ ประธานที่ปรึกษา​ สมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย​ และกลุ่มเพื่อน​/ คณะที่ปรึกษา​ฯ​ นำโดย​ นาย​ เศวก​ ธรรมศิริพงษ์​ และนาย​ ชนันตชัย​ พฤกษ์สุกาญจน์ พร้อมทั้ง​ นาย​ ชยุต​ เมธา​วิชิต​ชัย​ ที่ปรึกษา​ฯ​ สำนักงาน​ตำรวจแห่งชาติ​ / อุปนายก​ สมาคม​สื่อมวลชน​สัมพันธ์​แห่ง​ประเทศไทย​ และผู้ร่วมงานที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ​ และจากต่างประเทศกว่าพันคน​ ร่วมกล่าวคำ​ มุทิตาจิต​ และมอบกระเช้า​ดอกไม้​แห่งมิตรภาพ​ ฯลฯ ด้วยความอบอุ่นจริงใจ​ และปรารถนา​ดีต่อกัน​

งานจัดขึ้นที่​ห้อง​ แกรนด์​บอลรูม​ โรงแรม​รามา​ การ์เด้นส์​ และ​ที่​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กรุงเทพ​มหานคร

ภาพ/ข่าว​ โดย
ชยุต​ เมธา​วิชิต​ชัย​ และทีมงาน
PRESS​ & ORGANIZER
0994926996
0910935555



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=IA3V1mOSUuI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=IA3V1mOSUuI</a>

































   










   






38
รำลึก “หมอเทวดา” นายแพทย์​ สมหมาย​  ทองประเสริฐ ในวาระที่จากไปครบ 6 ปี
แจกยารักษามะเร็ง ฟรี! คนละ 120 เม็ด โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์และใบแจ้งความ







เมื่อ​วันที่​ 21 ตุลาคม​ พ.ศ.​ 2562 ถือเป็นวันครบรอบ 6 ปี การจากไปของคุณหมอ​ ที่ชาวบ้านและผู้ป่วยฯต่างขนานนามว่า “หมอเทวดา” ผู้รักษาโรคมะเร็ง  “นายแพทย์​ สมหมาย ทองประเสริฐ” โดยได้มีการจัดงานรำลึก พร้อมกับแจกยาสมุนไพร “จี-เฮิร์บ” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนยาโบราณจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่หมอสมหมาย เป็นผู้คิดค้นและรักษาผู้ป่วยมาแจกฟรี!!   ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง คนละ 120 เม็ด โดยไม่จำกัดจำนวน ในวันที่ 21 ตุลาคม​ พ.ศ. 2562ที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาที่มีประสิทธิภาพและได้รับการรับรอง ซึ่งจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงขึ้นฯ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและญาติ จึงไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือใบแจ้งความสามารถรับยาได้ทันที  ที่โรงงาน ทองประเสริฐโอสถ​ เลขที่ 127 ม.1 ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี

นอกจากนี้ในงานรำลึกถึง คุณหมอเทวดา ผู้ที่ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตได้อุทิศแรงกาย แรงใจ และเวลาของตนเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งฯ​อย่างต่อเนื่องและเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย โดยในงานได้มีศิลปิน-ดารา ผู้ที่รักและศรัทธาในตัว “นายแพทย์​ สมหมาย ทองประเสริฐ” มาร่วมงานอย่างเนืองแน่น​ อาทิเช่น แอ๊ด คาราบาว และ ไทด์- เอกพันธ์​ ฯลฯ​ ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

ร่วมเผยแพร่​ ข่าวประชาสัมพันธ์​เป็นธรรมทานฯ​ โดย
นาย​ ช​ยุต​ เมธา​วิชิต​ชัย​ และทีมงาน
PRESS​ & ORGANIZER

0910935555
0994926996​


















39
โค้ก-หาดทิพย์ ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์

ภายใต้แบรนด์โคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้







โค้ก-หาดทิพย์ ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ฉลองยิ่งใหญ่ 50 ปี เตรียมจัดเทศกาลแห่งความสนุก “เกาะสวาทหาดทิพย์ เทด – กาล – งาน – หนุก – หนัด” ชมฟรีคอนเสิร์ตจัดเต็ม ตลอด 2 วันสุดสัปดาห์ ชิมเมนูปักษ์ใต้ ครื้นเครงสารพัดกิจกรรม ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิลราวกับยกเกาะจากภาคใต้มาไว้ใจกลางกรุง และร่วมประมูลเสื้อยืดวาดมือการกุศลจาก ศิลปิน ดาราเซเลบริตี้ กว่า 50 ท่าน เพื่อให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ พร้อมส่งความสุข 23-24 พฤศจิกายนนี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ สแควร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

#เกาะสวาทหาดทิพย์
#เทดกาลงานหนุกหนัด
#CokeHaadthip






















40
รำลึก “หมอเทวดา” นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ ในวาระที่จากไปครบ 6 ปี
แจกยารักษามะเร็ง ฟรี! คนละ 120 เม็ด โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์และใบแจ้งความ







พรุ่งนี้ (21 ต.ค. 62 ) ถือเป็นวันครบรอบ 6 ปี การจากไปของคุณหมอเทวดาผู้รักษาโรคมะเร็ง “นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ” จะมีการจัดงานรำลึก พร้อมกับแจกยาสมุนไพร  “จี-เฮิร์บ” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนยาโบราณจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่หมอสมหมาย เป็นผู้คิดค้นและรักษาผู้ป่วยมาแจกฟรี! ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง คนละ 120 เม็ด โดยไม่จำกัดจำนวน ในวันที่ 21 ตุลาคม 2562 เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาที่มีประสิทธิภาพและได้รับการรับรอง ซึ่งจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง หายป่วย และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและญาติ จึงไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือใบแจ้งความ สามารถรับยาได้ทันที ที่โรงงาน ทองประเสริฐโอสถ เลขที่ 127 ม.1 ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

      นอกจากนี้ในงานรำลึกถึง คุณหมอเทวดา ผู้ที่ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตได้อุทิศแรงกาย แรงใจ และเวลาของตนเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ในวันพรุ่งนี้ ยังจะมีศิลปิน-ดารา ผู้ที่รักและศรัทธาในตัว “นพ.สมหมาย ทองประเสริฐ” อาทิ แอ๊ด คาราบาว และ ไทด์- เอกพันธ์ มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย


ร่วมเผยแพร่​ ประชาสัมพันธ์​โดย
นาย​ ช​ยุต​ เมธา​วิชิต​ชัย​ และทีมงาน
PRESS​ & ORGANIZER
0910935555















41
กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ “STYLE Bangkok”
งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ใหญ่สุด ครบสุดในภูมิภาค
พณ มั่นใจมูลค่าสั่งซื้อทะลุเป้า หนุนภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ไทยสู่สากล







กรุงเทพฯ, 18 ต.ค. 62 : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) ตอกย้ำและสานต่อความสำเร็จจัดงานแสดงสินค้า “STYLE Bangkok ตุลาคม 2562” งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ยิ่งใหญ่และครบครันที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา บนพื้นที่ 41,000 ตารางเมตร ระหว่างวันที่ 17-21 ตุลาคมนี้ รวมผู้ประกอบการไทย-เทศกว่า 1,800 บูธ ตั้งเป้ารับผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 70 ประเทศ  คาดผู้เข้าชมงานตลอด 5 วันไม่น้อยกว่า 50,000 ราย มูลค่าการสั่งซื้อ 2,000 ล้านบาท มั่นใจงาน STYLE Bangkok ช่วยเสริมความเข้มแข็งของผู้ประกอบการไทยและยกระดับภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ไทยในระดับนานาชาติ






นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok ตุลาคม 2562 พร้อมด้วยนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และคณะผู้บริหารจากภาครัฐและเอกชน สมาคม สมาพันธ์ องค์กรที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานจำนวนมาก  ภายในงาน จัดเต็มทั้งส่วนงานแสดงสินค้า ตลอดจนกิจกรรมและสัมมนาเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ






ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าสินค้าไลฟ์สไตล์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นสินค้าส่งออกศักยภาพ ด้วยวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ฝีมือและความสามารถของผู้ผลิต รวมถึงการผสมผสานนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกเผชิญต่อความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง แต่อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ของไทยยังคงเข้มแข็ง และสร้างรายได้ส่งออกให้กับประเทศ คิดเป็นสัดส่วนถึงเกือบ 5% ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2561






“รัฐบาลมีความมั่นใจในขีดความสามารถของประเทศและภาคเอกชนของไทย โดยได้กำหนดมาตรการขับเคลื่อนประเทศ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานและประชาสังคม ซึ่งเห็นได้จากการที่กระทรวงพาณิชย์ผลักดันเวทีงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok นี้ เพราะกระทรวงฯ ตระหนักถึงความสำคัญของงาน STYLE Bangkok ในการเป็นเวทีเชื่อมผู้ผลิตในภูมิภาคกับผู้ซื้อต่างประเทศ และ ตอกย้ำความสำคัญของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางในการรองรับและกระจายธุรกิจ (Springboard) ไปสู่ภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ งาน STYLE Bangkok ยังเป็นเวทีในการส่งเสริมอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ของไทย ซึ่งกว่า 90% ของผู้ประกอบการเป็น SMEs และดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่มีฝีมือ พร้อมนำผลงานสร้างสรรค์และ มีนวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม ออกนำเสนอสู่ระดับสากล” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์กล่าว






ด้านนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์  รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเสริมว่า งาน STYLE Bangkok เป็นเครื่องมือการตลาดที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 เพื่อใช้ส่งเสริมผู้ประกอบการสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยสู่เวทีการค้าโลก โดยเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาล ดังจะเห็นจากแนวคิดการจัดงาน “Crenovative Origin” ซึ่งมาจากการผสานความคิดสร้างสรรค์ (Creative) นวัตกรรม (Innovation) และอัตลักษณ์ไทย (Origin) เข้าไว้ด้วยกัน

“กรมฯ มุ่งหวังที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน และผลักดันให้งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok เป็นงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายในอุตสาหกรรมสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเฉพาะการตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจประเภทใหม่ๆ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าประเภทเดียวอีกต่อไป แต่รวมหลายผลิตภัณฑ์ไว้ด้วยกันเป็นคอลเล็กชั่นภายใต้กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ตลอดจนเข้าถึงผู้บริโภคที่มีความต้องการสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น” นายสมเด็จกล่าว






งาน STYLE Bangkok ตุลาคม 2562 มีผู้เข้าร่วมงาน (Exhibitor) 986 บริษัท 1,841  คูหา แบ่งเป็นผู้ประกอบการในประเทศ 859 บริษัท 1,653 คูหา จากต่างประเทศ 127 บริษัท 188 คูหา จากหลากหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม ฮ่องกง จีน กานา ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย มาเลเซีย เกาหลี และ CLMV นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีโซน “The New Faces” รวบรวมสินค้าจากผู้ประกอบการท้องถิ่นหน้าใหม่กว่า 100 รายเข้าร่วมงาน เป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการศักยภาพจากภูมิภาคสู่สากลตามนโยบาย Local to Global ของรัฐบาล 

“กรมเชื่อมั่นว่า ตลอด 5 วันที่จัดงานนี้ จะมีนักธุรกิจจากทั่วโลกกว่า 70 ประเทศมาชมงาน โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าแล้วทั้งจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เยอรมนี อังกฤษ จีน เกาหลี เวียดนาม สวีเดน และกลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าจะเกิดมูลค่า ซื้อขายไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ช่วยขับเคลื่อนการส่งออกและยกระดับภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ไทยได้ตามเป้าหมาย” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว






ภายในงาน “STYLE Bangkok เดือนตุลาคม 2562” นอกจากผู้ชมงานจะได้พบกับสินค้าไลฟ์สไตล์จากแบรนด์ไทยและต่างชาติชั้นนำที่น่าสนใจและหลากหลายแล้ว ยังรวบรวมสินค้าสุดสร้างสรรค์ สินค้ารางวัล สินค้านวัตกรรม และสินค้าสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่มอีกมากมาย อาทิ สินค้า Niche Market สำหรับตลาดเฉพาะ ได้แก่ แม่และเด็ก (MOM&KIDS) สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง (PET) สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ (60+) สินค้า OTOP  ไม่เพียงเท่านั้น ในงาน STYLE Bangkok ตุลาคม 2562 ยังเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และอัพเดทเทรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมเดินหน้าก้าวสู่ตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง หัวข้อการสัมมนา อาทิ เปิดกลยุทธเคล็ดไม่ลับ เพิ่มยอดขายปังปังสู่ร้อยล้าน โดย บังฮาซัน เจ้าของเพจฮาซัน อาหารทะเลตากแห้ง จ.สตูล, เปลี่ยนมุมมองความคิด พิชิตปารีส ด้วยกระเป๋าผ้าไหมไทย โดย ปวริศา เพ็ญชาติ เจ้าของแบรนด์ CEO PAVA กระเป๋าผ้าไหมไทย, Resort Thai ของตกแต่งสไตล์ไหน โดนใจนักท่องเที่ยว โดย อัครพงษ์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของ เฌอ รีสอร์ต หัวหิน, Packaging ใครว่าไม่สำคัญ เปลี่ยนแล้วรวย โดย สมชนะ กังวารจิตต์ Executive Creative Director บริษัท พร้อมดีไซน์ จำกัด (Prompt design) นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ระดับโลก, การอบรมสัมมนาการเตรียมตัวร่วมโครงการ TOPTHAI Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmall Global - แพลตฟอร์ม B2C ในเครืออาลีบาบาที่มียอดขายอันดับ 1 ของจีน






STYLE Bangkok ตุลาคม 2562 เปิดเป็นวันเจรจาธุรกิจ ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม เวลา  10.00-18.00 น. และเปิดสำหรับประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 20-21 ตุลาคม เวลา 10.00-21.00 น. ณ ฮอลล์ 98-104 ไบเทค บางนา ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169











42
เปิดตัวบัตรเครดิตซิตี้-แกร็บ ในประเทศไทย ตอบโจทย์ลูกค้าแกร็บ






• ซิตี้และแกร็บประกาศความยิ่งใหญ่เปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่สองต่อจากฟิลิปปินส์
• ลูกค้าแกร็บรับสิทธิประโยชน์ระดับแพลทตินัมจากแกร็บ เมื่อสมัครบัตรเครดิตซิตี้ แกร็บ พร้อมความคุ้มค่ามากขึ้นด้วยคะแนนซิตี้ รีวอร์ด พ้อยท์ 10 เท่าทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายผ่านแกร็บ พร้อมสิทธิพิเศษมากมายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อความสะดวกสบายมากกผู้ว่าที่เคย
• สมัครวันนี้ รับคืน 3,000 บาท (ส่วนลดแกร็บ มูลค่า 2,000 บาทและเครดิตเงินคืน 1,000 บาท) พร้อมรับความสะดวกจากการจับจ่ายโดยไม่ต้องใช้เงินสดเมื่อใช้บริการจากแกร็บ และสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์อีกมากมาย


กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 2 ตุลาคม 2562 – บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ ผู้นำด้านบัตรเครดิตระดับโลกและแกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ประกาศเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์เป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ “ซิตี้แกร็บ” (Citi Grab credit card) เพื่อเจาะตลาดไลฟ์สไตล์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ที่มีมูลค่าสูง  หลังจากที่เปิดตัวบัตรเครดิตเป็นครั้งแรกในฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บัตรเครดิตซิตี้แกร็บพร้อมแล้วที่จะให้บริการในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

.
งานเปิดตัวบัตรเครดิต “ซิตี้แกร็บ” ในประเทศไทย จัดขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.00 นใที่แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เพื่อเผยโฉมบัตรเครดิตใหม่ล่าสุดและสิทธิประโยชน์เหนือระดับมากมาย  โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมได้แก่ มร. ทีบอร์ พานดิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย  วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย มร. ซานดีพ บาตระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารซิตี้ ประเทศไทย มิสอุย ฮุ่ย ทิง กรรมการผู้จัดการ แกร็บเพย์ นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย และ นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการแกร็บเพย์ประจำประเทศไทย  แกร็บ ไฟแนนเชียลกรุ๊ป






ค่ำคืนแห่งความพิเศษมาพร้อมกับความบันเทิงเพื่อสร้างสีสันให้แก่งานนี้ รวมถึงการแสดงสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากนักแสดงหนุ่มชื่อดัง “เจมส์” จิรายุ ตั้งศรีสุข นอกจากนี้ยังมีเกมสนุก ๆ ให้แขกผู้มีเกียรติได้ลองเล่น ได้แก่ เกมวีอาร์ Fast Grabber VR และตู้คีบรางวัลเพื่อลุ้นโค้ดส่วนลดจากแกร็บ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ง่าย ๆ เพียงถ่ายภาพและโพสต์ลงเฟสบุ๊กหรืออินสตาแกรม ตั้งค่าเป็นสาธารณะ และใช้แฮชแท็ก #CitiGrab #GrabLifeInTheFastLane

บัตรเครดิตซิตี้แกร็บเป็นบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์การขยายธุรกิจของแกร็บเพื่อมอบความคุ้มค่าให้แก่ผู้ใช้บริการด้วยการขยายขอบเขตการให้บริการ  บัตรเครดิตซิตี้แกร็บเป็นบัตรที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ใช้แกร็บ ซึ่งไม่เพียงแต่การบริการด้านการเดินทางแต่ยังรวมไปถึงการบริการอื่น ๆ เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายและรวดเร็วขึ้นพร้อมความคุ้มค่าทุกการจับจ่าย อีกทั้งยังมอบสิทธิประโยชน์พิเศษผ่านแอปแกร็บอีกด้วย บัตรเครดิตนี้จะมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับและสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดการใช้บริการ รับเงินคืน หรือการสะสมคะแนนกับแกร็บและซิตี้ ผู้ใช้แกร็บที่ใช้บริการของแกร็บเป็นประจำทุกวันจะได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้นเมื่อจับจ่ายผ่านบัตรเครดิตใบนี้

เป้าหมายของบัตรเครดิตนี้ก็คือผู้ใช้บริการแกร็บ เพราะบัตรเครดิตนี้ออกแบบมาเพื่อผู้บริโภคที่ใช้โทรศัพท์เป็นประจำและต้องการเข้าถึงบริการตลอดเวลา รวมถึงต้องการสิทธิพิเศษอยู่เสมอ ดังนั้นบัตรเครดิตซิตี้        แกร็บจึงตอบโจทย์ในการมอบความสะดวกสบายและรวดเร็วให้แก่ชีวิตประจำวันด้วยสิทธิพิเศษ รางวัล และความคุ้มค่าในทุกการจับจ่าย

สิทธิพิเศษของบัตรเครดิตซิตี้แกร็บ ได้แก่
• อัพเกรดเป็นแกร็บแพลตินัม เพื่อรับสิทธิประโยชน์พิเศษและบริการลูกค้าสัมพันธ์เฉพาะลูกค้าแกร็บแพลตินัม
• คุ้มค่ากว่าที่เคยด้วยการรับคะแนนสะสม 10 เท่าทุกครั้งที่ใช้บริการแกร็บ รับคะแนนสะสม 3 เท่าเมื่อใช้บัตรฯที่ร้านอาหาร อีคอมเมิร์ซ หรือสมัครบริการออนไลน์รายเดือน และรับคะแนนสะสม 1 แต้มเมื่อใช้จ่ายทุก 25 บาท สมาชิกบัตรยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่นส่วนลด 10% เมื่อจองห้องพักผ่านอโกด้า ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2562 – 31 มี.ค. 2563
• เมื่อสมัครบัตรรับคืน 3,000 บาท (เครดิตเงินคืน 1,000 บาท + ส่วนลดแกร็บ มูลค่า 2,000 บาท) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรครบ 3,000 บาท และมีการใช้บริการแกร็บ 3 ครั้ง ภายใน 30 วันแรกหลังจากบัตรได้รับการอนุมัติ นอกจากนี้ยังมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมในปีแรกอีกด้วย
• สะดวกสบายมากขึ้นด้วยการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด เพียงใช้คะแนนสะสมซิตี้รีวอร์ดเพื่อจ่ายค่าบริการแกร็บ (เริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563) นอกจากสิทธิประโยชน์จากแกร็บแล้วยังได้รับความคุ้มค่าจากบัตรเครดิตซิตี้อีกด้วย เช่นส่วนลดร้านอาหารกว่า 1,000 ร้านที่ร่วมรายการ หรือรับเครดิตเงินคืนจากห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ.






การเปิดตัวบัตรเครดิตซิตี้แกร็บเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ระหว่างแกร็บและซิตี้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ซิตี้ได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านบัตรเครดิตและเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้มากขึ้น เราเริ่มจากการเป็นพันธมิตรด้านคอนซูเมอร์แบงกิ้งในเบื้องต้น และได้สานความสัมพันธ์กับแกร็บผ่านบริการต่าง ๆ ของซิตี้ต่อมา และการเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์ในวันนี้สะท้อนให้เห็นว่าซิตี้เป็นพันธมิตรชั้นนำที่จะช่วยเร่งการเติบโตให้แก่ธุรกิจและมอบความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า” นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าว
.
ความร่วมมือระหว่างซิตี้และแกร็บเริ่มต้นเมื่อปีพ.ศ.2559 ซิตี้โดดเด่นเรื่องการมอบสิทธิพิเศษด้านไลฟ์สไตล์ให้แก่สมาชิกบัตร ส่วนแกร็บเป็นผู้ให้บริการด้านการเดินทางและการส่งสินค้าที่เป็นที่นิยมที่สุด ดังนั้นการผนึกกำลังของทั้งสองแบรนด์ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้คะแนนสะสมของซิตี้จ่ายค่าบริการการเดินทางของแกร็บได้ และขยายสิทธิประโยชน์เพื่อครอบคลุมบริการอื่นๆ เช่น การส่งอาหาร ด้วยความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้ทั้งสองแบรนด์ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กันและกัน นำไปสู่การเปิดตัวบัตรเครดิตโคแบรนด์ในครั้งนี้
.
“อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือเทรนด์การใช้โทรศัพท์และช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และพลิกโฉมการเข้าถึงบริการทางธนาคารของผู้บริโภค สำหรับซิตี้ พันธมิตรในครั้งนี้ทำให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น และใช้ประโยชน์จากบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต (card-on-file) ในชีวิตประจำวันด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย”
.
มร. ซานดีพ บาตระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามั่นใจว่าบัตรเครดิตซิตี้แกร็บจะเปิดโอกาสให้ทั้งสองแบรนด์ได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของกันและกัน ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยแต่ยังขยายสู่ประเทศอื่นทั่วภูมิภาคอีกด้วย บัตรเครดิตซิตี้แกร็บเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ฟิลิปปินส์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา”
.
สำหรับทางแกร็บเองก็เล็งเห็นประโยชน์จากการผนึกกำลังกับซิตี้ เพราะสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้สามารถจ่ายค่าบริการแกร็บได้ด้วยการใช้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด ซิตี้เป็นบัตรเครดิตระดับโลกที่มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้แกร็บเข้าถึงกลุ่มสมาชิกบัตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากขึ้น
.
ในขณะเดียวกัน ซิตี้ก็ได้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้บริการที่นิยมใช้โทรศัพท์ โดยครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใช้ประโยชน์จากบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต (card-on-file) ในชีวิตประจำวันผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ซิตี้เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี ระหว่างแกร็บและซิตี้ได้ช่วยให้เราสามารถ
.
มอบสิ่งต่างๆ ที่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา ยิ่งไปกว่านั้น แกร็บยังถือเป็นผู้นำซูเปอร์แอปในระดับภูมิภาคจากการเปิดบริการใน 8 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก เรายังมุ่งมั่นมอบบริการที่ครอบคลุมเพื่อช่วยผู้บริโภค ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว ให้สามารถก้าวผ่านข้อจำกัดในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดายผ่านอีโคซิสเต็มแบบไร้รอยต่อของแกร็บ” มิสอุย ฮุ่ย ทิง กรรมการผู้จัดการ แกร็บเพย์ กล่าว
.
“เราตั้งใจอย่างเต็มที่เพื่อลดช่องว่างด้านบริการด้านการเงินในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน ยังช่วยสนับสนุนการบริการด้านการเงินที่ครอบคลุมผ่านบริการต่างๆ ของแกร็บ หลังจากที่แกร็บเพย์ แกร็บเพย์ วอลเล็ต และแกร็บรีวอร์ดสแล้ว วันนี้เราได้ขยายสู่การเปิดตัวบัตรเครดิตซิตี้แกร็บที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถเลือกใช้บริการด้านการเดินทาง สั่งอาหาร ส่งของและอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมกันนี้ สมาชิกบัตรยังสามารถรับแต้มและสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ เพื่อตอบรับกับไลฟ์ไตล์ได้อย่างไม่มีที่ใดเหมือน” นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าว
.
ในปีพ.ศ.2559 ซิตี้และแกร็บประกาศความร่วมมือเป็นครั้งแรกใน 6 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สมาชิกบัตรเครดิตซิตี้สามารถใช้คะแนนสะสมเพื่อจ่ายค่าบริการของแกร็บได้  ตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองแบรนด์ได้ขยายความร่วมมือเพื่อครอบคลุมบริการอื่น ๆ ของแกร็บทั้งหมด

ซิตี้ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200  ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก  ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ  โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิช ธนกิจ)  ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์  บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง  ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.citigroup.com

ทวิตเตอร์: @Citi

ยูทูบ: http://www.youtube.com/citi

บล็อก: http://new.citi.com

เฟซบุ๊ก : http://www.facebook.com/citi

ลิงก์อิน: http://www.linkedin.com/company/citi










43
“ซีพีเอ็น” เนรมิตเทศกาลดอกไม้ “GOLDEN BLOOMING YEAR”
รวมที่สุดแห่งความงามของดอกไม้นานาพันธุ์ ณ ศูนย์การค้าของซีพีเอ็น ทั่วประเทศ







บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด จับมือ กรมป่าไม้ และ ไทยประกันชีวิต ส่งมอบความสุขปลายปี 2019 ด้วยงานเทศกาลดอกไม้ครั้งยิ่งใหญ่ “GOLDEN BLOOMING YEAR” รวบรวมที่สุดแห่งความงามของดอกไม้หลายร้อยสายพันธุ์กว่าล้านดอก ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสีของอัญมณีมงคลทั้ง 9 ร้อยเรียงเป็นความสวยงามของหมู่มวลดอกไม้ที่แสดงถึงอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ ตกแต่งอย่างสวยงามบนพื้นที่รวมกว่า 8,000 ตร.ม. จัดเต็มความสวยงามบานสะพรั่งตลอดปี โดยมี สิริพร ใจสะอาด ผู้อำนวยการสายงานโฆษณา บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), เสริมยชญ์ ชำนาญค้า ผู้อำนวยการส่วนเพาะชำกล้าไม้ กรมป่าไม้ พร้อมด้วยดาราเซเลบริตี้สาวสวย อาทิ พิมพยัพ ศรีกาญจนา, ณชา จึงกานต์กุล, จิราภา ลักษณวิศิษฏ์ และ จันจิ-จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย ร่วมงาน






กำหนดการจัดงานเทศกาลดอกไม้ตลอดปลายปี 2562 ครั้งนี้ นำโดย 17-23 กันยายน 2562 งาน “A SENSE OF FLORA: UNDER THE SEA” พบกับดอกไม้โทนสีน้ำเงิน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี, 25 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน 2562 งาน “CENTRAL PHUKET FLORAL EMPIRE” พบกับหมู่มวลดอกไม้ตกแต่งในสไตล์ PERANAKAN ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า, 31 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2562 งาน “CHIANGMAI FLORA: THE OASIS OF CHIANGMAI” พบบรรยากาศชุ่มชื่นของพันธุ์ไม้ต่างๆ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่แอร์พอร์ต, 7-12 พฤศจิกายน 2562 งาน “BLOOMING GALLERY: THE POWER OF ROSE” พบความสวยงามของกุหลาบในสวนสไตล์อังกฤษ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา บางนา และ 7-11 พฤศจิกายน 2562 งาน “SENSE OF ORCHID: BLOOMING WONDER” ความสวยงามของดอกกล้วยไม้ในบรรยากาศสุดตื่นตา ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ศาลายา, 21-24 พฤศจิกายน 2562 “THE MIRACLE GARDEN: THE MIRACLE CORAL” ความตระการตาของงานของการตกแต่งดอกไม้ในรูปแบบดอกไม้ทะเล ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, 18-22 ธันวาคม 2562 งาน “DANCING FLOWER: THE FLOWER ART OF LANNA” ส่งผ่านอัตลักษณ์ความสวยงามแห่งท้องถิ่น ด้วยดอกไม้เมืองหนาว ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย






นอกจากสีสันความงดงามแห่งมวลหมู่ดอกไม้ภายในงาน GOLDEN BLOOMING YEAR ทาง ซีพีเอ็น ได้ร่วมกับ กรมป่าไม้ จัดแจก “กล้าไม้ดอกไม้ประดับมงคล” และ “ไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ” รวมทั้งสิ้นจำนวน 28,000 ต้น อาทิ ต้นราชพฤกษ์ ต้นเหลืองปรีดียาธร ต้นเหลืองเชียงราย ต้นทรงบาดาล ต้นประดู่ป่า ต้นทองอุไร ต้นไม้พยุง ต้นตะเคียนทอง เป็นต้น






จันจิ-จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย กล่าวว่า “ดอกกุหลาบ” เป็นดอกไม้ที่ตนชอบมากที่สุด เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก อาม่าเลยนำดอกกุหลาบแดงมาปลูกไว้ที่บ้านจนเบ่งบานสะพรั่ง เวลาได้มองแล้วรู้สึกได้รับความรักไปด้วย เคยอยากไปเที่ยวสวนดอกไม้หลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไป พอได้ข่าวว่าทาง ซีพีเอ็น จะจัดเทศกาลดอกไม้ GOLDEN BLOOMING YEAR ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศเลยรู้สึกตื่นเต้นและอยากไปเที่ยวบ้าง ชอบตรงคอนเซ็ปต์ที่นำอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดมาผสานให้เข้ากับดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ เพราะคนในจังหวัดเองถ้าได้มาชมก็จะเกิดเป็นความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมอาชีพของเกษตรกรทางอ้อมด้วย ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนหรือฝนจะตกก็ไม่เป็นปัญหาเพราะซีพีเอ็นได้นำบรรดาดอกไม้มาบานสะพรั่งอวดโฉมในศูนย์การค้าเรียบร้อยแล้ว


























     

44
“เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป” จับมือ “GB PRIME PAY”
เสริมแกร่งธุรกิจ ระบบรับชำระเงินออนไลน์
ตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ







เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป เดินหน้าบุกธุรกิจ E-Payment อย่างเต็มรูปแบบ โดยการจับมือร่วมกับ บริษัท โกลบอล ไพร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Global Prime Corporation)  ผู้ประกอบการธุรกิจ Payment Gateway  “GB Prime Pay” ที่เป็นระบบรับชำระเงินออนไลน์ที่สะดวก ครบครัน และมีความปลอดภัยระดับสากลตามมาตรฐาน PCI- DSS 3.2 GB โดยครั้งนี้จะเป็นการใช้ศักยภาพของ เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป ที่เป็นผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลอันดับต้นของประเทศ ผนึกกำลังกับ บริษัท โกลบอล ไพร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจระบบรับชำระเงินออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาส ช่องทาง และการเติบโตทางธุรกิจร่วมกัน ซึ่งตอบรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจ E-commerce ของไทยมีอัตราการเติบโตแบบต่อเนื่อง
 
    ธนศักดิ์ หุ่นอารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานและได้พันธมิตรใหม่อย่าง GB PRIME PAY โดยเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือ เรามีความตั้งใจที่จะผลักดันและเดินหน้าในเรื่องของการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล 4.0 ที่ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจการค้าเองต่างมีความตื่นตัวในธุรกิจ E-commerce เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะผู้บริโภคเองนั้นได้ให้ความเชื่อถือและหันมาใช้ช่องทางชำระเงินออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ทาง เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป จึงมองเห็นโอกาสความเติบโตในธุรกิจนี้ และโดยระบบของ GB PRIME PAY ถือเป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่มีความสะดวก ทันสมัย ครบครัน ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ลงตัวมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ E-Commerce ที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME หรือธุรกิจออนไลน์ทุกรูปแบบ ซึ่งเรามีความยินดีว่าจะเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานระบบการชำระเงินของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ของคนไทยให้ได้เข้าถึงระบบการชำระเงินออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งในฐานะผู้ประกอบการเอง ปัจจุบัน เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป ก็ได้มีธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิดผ่านช่องทาง E-Commerce ของบริษัทฯ เช่นกัน ซึ่งเราก็ได้มีการใช้ระบบ GB PRIME PAY เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการชำระเงินเป็นที่เรียบร้อย






สำหรับการผนึกกำลังในครั้งนี้นอกจากในแง่ของการร่วมลงทุนแล้ว ทาง เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป จะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อให้บริการของ GB PRIME PAY ได้เข้าถึงและเป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการรายย่อยทุกประเภท เพื่อช่วยสร้างความเติบโตให้กับ GB PRIME PAY ในกลุ่มเป้าหมายนี้มากยิ่งขึ้น โดยกลยุทธ์นี้จะเป็นการใช้จุดแข็งและศักยภาพของสื่อประชาสัมพันธ์ของเวิร์คพอยท์ กรุ๊ป ทั้งเครือข่ายสื่อสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลและสื่อออนไลน์ที่แข็งแกร่งและมียอดผู้ติดตามในทุกแพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการทั่วประเทศได้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นฐานผู้ชมและเปิดรับสื่อของเวิร์คพอยท์อยู่แล้ว ซึ่งการผนึกกำลังครั้งนี้ถือเป็นการใช้จุดแข็งของทั้งสองฝ่ายในเป้าหมายเดียวกันคือผลักดันให้เกิดการเติบโตในธุรกิจระบบรับชำระเงินออนไลน์”

สศิรา อภิรัชเหมภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล ไพร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Global Prime Corporation) เปิดเผยว่า “ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา GB PRIME PAY ถือว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากทุกภาคส่วน ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME รวมทั้งธุรกิจออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมทั้งยังได้รับเกียรติให้มีชื่ออยู่บน VISA ON THE LIST ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัท Payment ของประเทศไทยรายแรกที่มีการเจริญเติบโตรวดเร็ว และเมื่อได้มีโอกาสมาทำงานและเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรร่วมกับ เวิร์คพอยท์ ซึ่งเป็นสื่อยักษ์ใหญ่อันดับต้นของประเทศในการมาช่วยเสริมทัพในเรื่องของการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นฐานแฟนๆ ของเวิร์คพอยท์ที่มีอยู่มากมายอยู่แล้ว สร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า จะมีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และธุรกิจต่างๆรู้จักและมาร่วมใช้บริการระบบเพิ่มขึ้นแน่นอน ทั้งนี้มีความเชื่อในศักยภาพของเวิร์คพอยท์ รวมถึงอยากให้คนไทยได้ใช้ระบบชำระเงินออนไลน์อย่าง GB PRIME PAY ที่จะมาเป็นผู้ช่วยในการเพิ่มยอดขายของธุรกิจ รวมทั้งความสะดวกสบาย เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและความปลอดภัยสากล”   






ในการจับมือร่วมทำงานกันดังกล่าว ไปในแนวทางที่ เวิร์คพอยท์ กรุ๊ป ได้เข้าลงทุนในหุ้นสามัญและสนับสนุนสื่อและช่องทางการสร้างการรับรู้และการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับระบบชำระเงินออนไลน์ GB PRIME PAY ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ พ่อค้า แม่ค้า และธุรกิจออนไลน์ทั้งหมด ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางของเวิร์คพอยท์ อีกทั้งในอนาคตอันใกล้ในส่วนของการพัฒนาระบบของ GB PRIME PAY จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับการชำระเงินที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในขนาดนี้เพื่อมารองรับความสะดวกสบายของธุรกิจและผู้บริโภคบนมาตรฐานความปลอดภัยมาให้คนไทยได้ใช้งานกันอย่างแน่นอน

•   GB PRIME PAY ระบบรับชำระเงินออนไลน์ครบวงจร
•   ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์ทุกระดับ ตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ตลอดจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่
•   รองรับการรับชำระเงินออนไลน์ทุกรูปแบบทั้ง การโอนเงินสด บัตรเครดิต ระบบผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิค
•   มาพร้อมกับการการันตีจาก Visa และความปลอดภัยสูงสุด PCI DSS 3.2.1
•   มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัย สะดวกสบาย ระบบการจัดการหลังบ้าน ใช้งานได้ทั้งบนมือถือ และเว็บไซต์


GB PRIME PAY ระบบเดียวจบครบทุกการรับเงิน
ตัวช่วยจัดการการเงินให้แก่เจ้าของธุรกิจอย่างแท้จริง















45
สสว. จับมือ สถานทูตเดนมาร์ก ส่งนวัตกรรม ฝืมือ SMEs ไทย
ประชันไอเดียบนเวทีโลก ในงาน “Creative Business Cup Global Finals 2019”







กรุงเทพฯ, 19 มิ.ย. 62: สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย และ Global Entrepreneurship Network (GEN) ร่วมส่งเสริมศักยภาพธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย กลุ่ม Startups สาขา Creative Industries และสร้างโอกาสในตลาดโลก ส่ง “สยามซิตี้ทูลล์” เจ้าของนวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสีย Hybrid Super Aerator เข้าประกวด Pitching Competition หรือการนำเสนอแนวคิด และแนวการดำเนินงานสร้างธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ บนเวทีระดับโลก ในงาน “Creative Business Cup Global Finals 2019” ณ กรุงโคเปเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก วันที่ 29 มิ.ย.- 2 ก.ค. 62

ภายในงานแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นที่ ณ ห้อง 303-304 ชั้น เรสซิเดนซ์ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายอุฟเฟ่อ โวลฟ์เฮชเชล (H.E. Mr.Uffe Wolffhechel) เอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย และนายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมให้รายละเอียด ท่ามกลางผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนที่มาร่วมงาน






นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวภายในงานว่า “สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มีภารกิจที่จะต่อยอดศักยภาพธุรกิจและขยายโอกาสในตลาดโลก ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่ม Startups ในสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industries) ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงให้เข้าร่วมการประกวดบนเวทีระดับโลก เพื่อการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ประกอบการของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตลอดจนความร่วมมือกับนักลงทุนข้ามชาติ ผ่านการเผยแพร่นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการบริการให้เป็นที่รับรู้บนเวทีการประกวดระดับโลก นอกจากนั้น กรณีที่ชนะการประกวด รางวัลจากการแข่งขันในยังเป็นเครื่องรับรองคุณภาพมาตรฐานระดับโลกให้แก่ผู้ประกอบการด้วย”

“โอกาสนี้ สสว. ได้ร่วมมือกับ Global Entrepreneurship Network, Thailand หรือ GEN Thailand พร้อมกันนี้ยังได้รับความสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย มีกำหนดจะส่งผู้ประกอบการ SME Startups สาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เข้าร่วมการประกวด Pitching Competition ในงาน Creative Business Cup Global Finals 2019 ณ กรุงโคเปเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. ถึง 2 ก.ค.นี้”






สำหรับปีนี้ Creative Business Network ได้ให้ สสว. คัดเลือก National Winner เพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประกวดระดับ Global Finals ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งจากการพิจารณาตัวแทนเข้าร่วมประกวด Pitching Competition ในงาน Creative Business Cup Global Finals 2019 ผลปรากฏว่า ผู้ผ่านการคัดเลือก ได้แก่ นายบุญฤทธิ์ สูญพ้นไร้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ก่อตั้ง บริษัท สยามซิตี้ทูลล์ จำกัด (Siam City Tool Co.,Ltd.) เจ้าของนวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสียระบบ Hybrid โดยมีชื่อทางการค้าว่า Hybrid Super Aerator

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการดังกล่าว เป็นผู้ชนะการประกวดรางวัลสุดยอด SME Startups ซึ่ง สสว. จัดขึ้นในช่วงปี 2560-2561 และผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับ Local Pitching Competition เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทย (National Winner) แข่งขันกับตัวแทนจากประเทศต่างๆ มากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

สสว. มีความมุ่งมั่นทุ่มเทในการต่อยอดผู้ประกอบการ SME Startup ที่ชนะการประกวดสุดยอด SME Startup Awards และมีศักยภาพสูง กับมีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดระหว่างประเทศ (Internationalization) ด้วยเหตุนี้ สสว.จึงมีความยินดี และภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ส่ง บริษัท สยามซิตี้ทูลล์ จำกัด เจ้าของนวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสีย Hybrid Super Aerator ไปร่วมประกวด Pitching Competition ในงาน Creative Business Cup Global Finals 2019 ในปลายเดือนนี้ ขอขอบคุณ GEN Thailand ที่ได้กรุณาประสานไปยัง Creative Business Network ที่ยินดีให้เราส่งผู้ประกอบการ SME Startup เข้าร่วมกิจกรรม และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย ได้ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่” ผู้อำนวยการ สสว. กล่าว






ด้าน ฯพณฯ นายอุฟเฟ่อ โวลฟ์เฮชเชล (H.E. Mr.Uffe Wolffhechel) เอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย เผยว่า “ในนามของ สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ให้การสนับสนุน สสว. ในการต่อยอด ส่งเสริม ผู้ประกอบการ SME Startup ของประเทศไทย ที่มีศักยภาพสูง ได้เข้าร่วมการประกวด Pitching Competition ในงาน Creative Business Cup Global Finals 2019  นับเป็นจุดร่วมต้นอันดี ระหว่างสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ และ สสว. ในการร่วมกันส่งเสริม SMEs ไทยและเดนมาร์ก ในสาขา Creative Industries ในกิจกรรมต่างๆ ต่อไปในอนาคต”

ฯพณฯ เอกอัครราชทูต ยังเผยด้วยว่า “Creative Industries เป็นสาขาธุรกิจที่ประเทศเดนมาร์กได้รับการยอมรับจากนานาชาติในด้านความเป็นเลิศมาอย่างยาวนาน โดยที่ผ่านมา หน่วยงานภาคเอกชนของเดนมาร์กได้มีการจัดตั้งมูลนิธิ Creative Business Network Foundation เพื่อส่งเสริมให้นานาชาติมีความตื่นตัวในการพัฒนาตนเองในด้านนี้ ผ่านกิจกรรมการประกวด Creative Business Cup Global Finals ซึ่งภายในกิจกรรม นอกจากจะมีผู้ประกอบการกลุ่ม Startup ในธุรกิจ Creative Industry ที่เป็นตัวแทนจากประเทศต่างๆ มากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก เดินทางไปเข้าร่วมแข่งขันนำเสนอแนวคิด และแนวการดำเนินงานสร้างธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ (Pitching Competition) แล้ว ยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่เสาะหาผลิตภัณฑ์/บริการแนวคิดใหม่เดินทางมาเข้าร่วมงานด้วย ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีการพัฒนาไปสู่การร่วมลงทุนเพื่อขยายธุรกิจออกสู่ตลาดโลก”

การแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากผู้ชนะจะได้รับตำแหน่ง “The World’s Best Creative Startup” พร้อมเงินรางวัล 7,000 ยูโร (ประมาณ 248,000 บาท) แล้ว ยังมีโอกาสได้พบปะกับนักลงทุน ซึ่งเป็นตัวแทนหน่วยงานภาครัฐด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนักสร้างนวัตกรรม จากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย

ความร่วมมือระหว่าง สสว. และสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย ในด้านการส่งเสริม SMEs ไทยและเดนมาร์ก ในสาขา Creative Industry นับเป็นจุดเริ่มต้นที่น่ายินดี ที่จะช่วยต่อยอดศักยภาพของผู้ประกอบการไทย พร้อมนำไปสู่การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SMEs ไทย-เดนมาร์กอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ในการเปิดประตูให้ SMEs ไทยได้ก้าวสู่เวทีโลก โดยได้รับการยอมรับถึงศักยภาพเชิงธุรกิจ Creative ในแวดวงผู้ประกอบการนานาชาติด้วยกัน






ข้อมูลเพิ่มเติม

คุณสมบัติของผู้ประกอบการ ที่จะเป็น National Winner มีดังนี้

เป็น Startup จาก Creative Industries
พัฒนากิจการขึ้นมาในเชิงพาณิชย์ โดยแนวคิดที่นำไปประกวดต้องมีศักยภาพเชิงการตลาด
เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์/สิทธิบัตรของแนวคิดที่ส่งเข้าประกวด
จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (Legal Entity) แล้ว
ตลอดที่ผ่านมา ไม่เคยได้รับงบลงทุนสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอกมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์
 

ความโดดเด่นของ บริษัท สยามซิตี้ทูลล์ จำกัด

เจ้าของนวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสีย Hybrid Super Aerator
มีทักษะการสื่อสาร และการนำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม
มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการแข่งขันระดับนานาชาติ และการ Pitch เพื่อขายระบบ และเคยเผยแพร่นวัตกรรมต่อสถาบันการศึกษาระดับโลก เช่น Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมามีผลงานโดดเด่น จนเป็นที่ยอมรับจาก คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มีแผนการตลาดที่ชัดเจน และทำได้จริง
สินค้ามีข้อได้เปรียบด้านนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ล้ำสมัยกว่าเทคโนโลยีในตลาดปัจจุบัน ซึ่งเหนือกว่าผู้เข้าแข่งขันรายอื่นอย่างชัดเจน
มีการบริหารจัดการที่ดี
มีแผนรองรับด้านทรัพย์สินทางปัญญา
 

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.hybridaerator.com






ทั้งนี้ การเข้าร่วมประกวด Pitching Competition ในงาน Creative Business Cup Global Finals ที่ประเทศไทยได้ดำเนินการมาแล้ว ได้แก่ ปี 2560 และ 2561 ซึ่งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประกวด Creative Business Cup National Competition ตามลำดับ โดยช่วงสองปีที่ผ่านมา การประกวดค้นหา National Winner ได้มีขึ้นในเดือนกันยายน และการประกวดสุดยอดของโลก จะจัดในเดือนพฤศจิกายน














Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 71