Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - fh400

Pages: [1] 2 3 ... 144
1
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประกาศความพร้อมในงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024
พร้อมเปิดประตูสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน
พบนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า1,500 แบรนด์ทั่วโลก


กรุงเทพฯ : Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 งานแสดงสินค้าความงามระดับโลกเริ่มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้จัดงานฯ มั่นใจนวัตกรรมและเทรนด์ใหม่ๆ จากผู้ผลิตกว่า 1,500 แบรนด์ทั่วโลก จะช่วยผลักดันธุรกิจอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า หากดูข้อมูลของ EUROMONITOR INTERNATIONALจะพบว่าอุตสาหกรรมความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นทุกปี โดยถือเป็นการเติบโตแบบ Double-Digit ตั้งแต่ปี 2566 -2567 และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการดำเนินงานดีที่สุดในภูมิภาค โดยคาดว่าตลาดความงามของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2566ทั้งนี้การจัดงานแสดงสินค้าความงามระดับโลก หรือ Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง 3 ผู้จัดงานระดับโลก BolognaFiere, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition Co Ltd. โดยเชื่อมั่นว่างานนี้จะช่วยเป็นเวทีกลางการเจรจาธุรกิจของอุตสาหกรรมความงามอาเซียน และเป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีความงามจากนานาประเทศเข้าจัดแสดงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมความรู้ด้านธุรกิจความงาม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่มีศักยภาพผ่านกิจกรรมต่างๆภายในงานอีกด้วย



นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (Ms. Angel Fu Event Director, Informa Markets) กล่าวว่า เราเชื่อว่างาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2024 จะช่วยผลักดันและตอกย้ำการเติบโตของตลาดความงามอาเซียน รวมถึงประเทศไทยได้เป็นอย่างดี โดยภายในงานมีผู้ผลิตสินค้าและนวัตกรรมเกี่ยวกับความงามร่วมงานมากกว่า 1,500 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานแสดงสินค้ามากกว่า 14,000 คน ทั้งคนไทย และนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, จีน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, โปรตุเกส, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ขณะเดียวกันภายในงานยังมีพาวิลเลียนจัดแสดงสินค้าอีก 4 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี เกาหลีใต้ และไทยมาช่วยเพิ่มประสบการณ์และสร้างสีสันให้กับผู้เข้าชมงานอีกด้วย


นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ (Ms. Francesca Donati Head of International Marketing for Asia, Bolognafiere Cosmoprof) กล่าวว่า เราได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Match&Meet ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย สามารถกำหนดเวลาการนัดหมายเจรจาธุรกิจ หรือพูดคุยออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นตามความต้องการ ผ่านแพลตฟอร์มเจรจาธุรกิจออนไลน์ที่เราเตรียมไว้ให้ ทั้งนี้ภายในงานยังประกอบไปด้วยโซนแสดงสินค้าหลากหลายประเภทหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น สปาไทย, MEDICAL BEAUTY, BEAUTY MADE IN THAILAND, FOOD SUPPLEMENTS และ THAI PREMIUM BRANDS เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาความรู้อย่าง CosmoTalks ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาการพูดคุยเชิงกลยุทธ์ แนวโน้ม และภาพรวมต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคอาเซียน เช่น ผลกระทบของความยั่งยืนใน Supply Chain รวมไปถึง แนวโน้มที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ความงามของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ เป็นต้น


นางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานคลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดความงามและเครื่องสำอางไทยในปี 2023 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 250,380 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.5% โดยแบ่งเป็นสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 46,012.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% และกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 204,368.15 ล้านบาท ทั้งนี้การเติบโตของสินค้าส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสกินแคร์ 41% กลุ่มดูแลเส้นผม 16% และกลุ่มเครื่องสำอาง 12% โดยเราพบว่ากว่า 72% ของสินค้าที่ขายดีนั้นผลิตในประเทศไทย โดยปัจจุบันตลาดความงามและเครื่องสำอางของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 19 ของด้วยส่วนแบ่ง 1.5% (ยกเว้นผ้าอนามัยและผลิตภัณฑ์สปา)


อย่างไรก็ตามหากดูข้อมูลจาก GRAND VIEW RESEARCH ระบุว่า มูลค่าเครื่องสำอางของโลกในปี 2030 จะอยู่ที่ 12.38 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 13,146 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าเครื่องสำอางของประเทศไทยในปี 2030 คาดการณ์อยู่ที่ 323,000 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโต 1.5 เท่าของปี 2022 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกลุ่มสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ 85% และสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ 15%

สำหรับเทรนด์ความงามและการดูแลส่วนบุคคลในปี 2024 นี้ ความตระหนักรู้ของผู้บริโภคส่งผลให้กลุ่ม Clean Beauty จะทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยเป็นมิตรกับธรรมชาติ, เครื่องสำอางที่ไม่ได้ทำการทดสอบกับสัตว์ หรือ Cruelty Free, ความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามจากธรรมชาติ หรือสินค้าออร์แกนิค รวมถึงเครื่องสำอางที่ให้ความสำคัญของผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ หรือ เมคอัพเบา ๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วย



"เราเชื่อว่า 4 ปีต่อจากนี้ (2024-2028) อุตสาหกรรมความงาม และเครื่องสำอางไทยจะยังคงเติบโตต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ผลิตทั้ง OEM/EDM หรือการหาซัพพลายเออร์หลักเพื่อส่งไปยังตลาดหลักๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันแบรนด์จากต่างประเทศจำนวนมากได้เลือกไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอการลงทุนสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางนานถึง 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญต้นทุนการผลิตไม่ได้สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน"

ทั้งนี้งานแสดงสินค้าความงาม Cosmoprof CBE ASEAN 2024 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 มิ.ย. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยผู้เข้าร่วมชมงานจะได้พบกับผู้ประกอบการชั้นนำด้านธุรกิจความงาม ครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งในส่วนของโซนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Branded Finished Products) จะมีผลิตภัณฑ์เช่นเครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์ร้านเสริมความงามและสปา, กลุ่มผมและเล็บ, กลุ่มธรรมชาติและออร์แกนิค, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ได้เลือกจับคู่ธุรกิจด้วยเช่นกัน



นอกจากนี้ยังมีโซนที่ตอบโจทย์กลุ่มการผลิตทั้งอย่างโซน Supply Chain ที่ประกอบด้วยสินค้ากลุ่ม OEM&ODM, เครื่องจักรและอุปกรณ์, วัตถุดิบและส่วนผสม, บรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีโซนจัดแสดงพิเศษ ที่จะมาเติมเต็มความรู้เรื่องเทรนด์ความงามและข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรม รวมถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมความงามจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย นายสรรชาย กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cosmoprofcbeasean.com
ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.cosmoprofcbeasean.com/registration

2
"อีเอ็ม มอเตอร์" เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EM Qarez ตอบโจทย์ Gen Z
หลังโตก้าวกระโดด คาดปีนี้กวาดยอดขายทะลุ 600 ล้านบาท
พร้อมลงทุนงบกว่า 150 ล้าน ขึ้นแท่นผู้นำตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าไทย


บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย บุกตลาดครั้งใหญ่ เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ EM Qarez ภายใต้แบรนด์ EM ด้วยขนาดมอเตอร์ 2,000 วัตต์ ทำความเร็วสูงสุด 65-70 กม./ชม. สมรรถนะสูงจากพลังงานสะอาด ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ โดดเด่น สวยงาม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วัยรุ่น Gen Z น่ารัก ชิคๆ คูลๆ ด้วยคอนเซ็ปต์ Chic & Cool สีสันสุดอินเทรนด์ ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 คันในปีแรก พร้อมประกาศลงทุนเพิ่ม 150 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี หลังมียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด 6-8 เท่าตัว ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 67 กว่า 600 ล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์ต้นผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

นายธานัท ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า อีเอ็ม เปิดเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ปี 2024 ด้วยการเปิดตัว EM Qarez ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก "เทรนด์รักษ์โลก" ในปัจจุบัน พร้อมตอบกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะและแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืน ก้าวเข้าสู่โลก Green Technology อย่างเต็มรูปแบบ



ซึ่งในปีนี้ เราได้เปิดตัวจักรยานยนต์ไฟฟ้า "EM Qarez" ตอบโจทย์วัยรุ่น Gen Z ผู้รักความทันสมัย ด้วยดีไซน์ Chic & Cool รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ในคอนเซ็ปต์ Urban Fashion Scooter ที่กำลังนิยมในหมู่นักขับขี่ทั่วโลก เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในการขับขี่แบบยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยระยะทางที่ไกลมากขึ้นถึง 50-70 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ ซึ่งเหมาะกับการขับขี่การใช้งานที่สะดวกสบายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังประหยัดเพราะหนึ่งการชาร์จจ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 1.7 หน่วยหรือประมาณ 7 บาทเท่านั้น ประหยัดกว่าจักรยานยนต์น้ำมัน 8-10 เท่า พร้อมรับประกันมอเตอร์นาน 5 ปี หรือ 30,000 กม. และรับประกันกล่องคอนโทรลเลอร์ และแบตเตอรี่ เวลา 3 ปี หรือ 20,000 กม. และระบบไฟฟ้า 1 ปี หรือ 5,000 กม.

เพราะฉะนั้น EM Qarez คือทางเลือกที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนเมืองที่ชื่นชอบความประหยัด ที่สำคัญ EM Qarez ได้ส่วนลด 18,000 บาท จากภาครัฐ ราคาสุดคุ้ม เหลือเพียง 38,340 บาท จากราคาปกติ 57,600 บาท



นายธานัท ธรรมพรหมกุล กล่าวต่ออีกว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา EM มอเตอร์ เราได้พัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงบันดาลใจมุ่งเน้น "จักรยานเพื่อครอบครัว" จึงเริ่มต้นนำเข้าจักรยานไฟฟ้าจากประเทศจีนมาจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย กระแสตอบรับในตอนนั้นดีมากเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปด้วยกระแสการรักสุขภาพและรักษ์โลก โดยมีปัจจัยจาก 1. สิ่งแวดล้อม 2. ฝุ่น PM 2.5 และ 3. ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 3 ปัจจัยนี้ คือ จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ EM ในปี 2018

"เราค่อย ๆ พัฒนาแบรนด์ EM ให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาในปี 2020 เราตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน และอีกหนึ่งหัวใจหลักของจักรยานยนต์ไฟฟ้า คือ แบตเตอรี่ เราจึงคิดว่าจะดีแค่ไหนหากเรา มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของเราเอง จึงเป็นอีกครั้งที่ EM ตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ โดยเราใช้เงินลงทุนทั้งสองโรงงานอยู่ที่ 150 ล้านบาท"



ในปัจจุบันเรามีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 500 สาขา แยกเป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้า 50 สาขา และ จักรยานไฟฟ้า 450 สาขา โดยในปีที่ผ่าน สามารถกวาดยอดขายได้สูงถึง 300 ล้านบาท และเราตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 นี้ไว้ที่ 600 ล้านบาท พร้อมวางแผนลงทุนเพิ่มอีก 150 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตรถจักรยาน และจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีกแห่งภายในปี 2568"

"EM คือ ผู้ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้า เมดอินไทยแลนด์ เจ้าแรกของเมืองไทย ปัจจุบันเราครองอันดับ 3 ของตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ของตลาดมอเตอร์ไซค์จะแบ่งเป็น มอเตอร์ไซค์น้ำมัน 99 เปอร์เซ็นต์ และจักรยานยนต์ไฟฟ้ามีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดเติบโต คือ เทรนด์การรักษ์โลก, มลพิษทางอากาศ และ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาด้านพลังงาน ดังนั้นจึงทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากคือ การสนับสนุนจากภาครัฐ" นายธานัท กล่าว และกล่าวปิดท้ายว่า



ดังนั้น EM จึงมุ่งมั่นที่จะผลิต และพัฒนาจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ ราคาย่อมเยาว์ แบตเตอรี่คงทน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เรายังมีบริการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าอุ่นใจ ด้วยตัวแทนจำหน่ายที่เข้าใจผลิตภัณฑ์ ทีมช่างที่มีคุณภาพ เพราะเราเชื่อว่า "ถ้าเราผลิตสินค้าที่ดี มีบริการหลังการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น ทีมงานช่างมืออาชีพ" สินค้าของเราก็จะเป็นที่ยอมรับ และทำให้ค่อย ๆ เติบโตขึ้น โดยเราตั้งใจว่าอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน

ผู้ที่สนใจ หรือ ทดลองขับขี่ สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย EM MOTOR ใกล้บ้านท่าน ทั่วประเทศ หรือ ติดต่อ FB : EM Motor Thailand

3
โรงพยาบาลพระรามเก้า ผนึกกำลังความร่วมมือ เอสซี แอสเสท
พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ
แก่ลูกบ้าน-คอนโด สะสมคะแนนแลกส่วนลด เพื่อสุขภาพที่ดี


นายแพทย์วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลังเพื่อร่วมมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้านที่เป็นสมาชิกใน แอปพลิเคชัน รู้ใจ สโตร์ (RueJai Store) สามารถสะสมคะแนนและแลก Gift Voucher ส่วนลด มาใช้บริการที่โรงพยาบาลพระรามเก้าได้ ซึ่งแคมเปญนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่ต้องการส่งมอบการมีสุขภาพที่ดีให้กับลูกบ้านของเอสซี แอสเสท ที่มาใช้บริการด้านสุขภาพที่โรงพยาบาลพระรามเก้า

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โรงพยาบาลพระรามเก้า หรือ Website: www.praram9.com / FB: Praram 9 hospital / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital หรือโทร. 1270

4
"แน็ก-กามิน" พร้อมเสิร์ฟหวานชวนช้อปฉ่ำ 'เชียร์บอลให้มันส์ก่อน ผ่อนทีหลัง'
กับ "The Power SUPER MATCH SUPER SAVE-แมทช์เดือด ลดแรง ทะลุจอ"


สถานะความสัมพันธ์ดูใจพร้อมเทคแคร์ทำคะแนนขอเป็นแฟนอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ และดาว TikTok สาวชาวเกาหลี กามิน ล่าสุดทั้งคู่เตรียมควงคู่ดีลหวานชวนแฟนๆ มาช้อปฉ่ำ 'เชียร์บอลให้มันส์ก่อน ผ่อนทีหลัง' ที่ The Power กับแคมเปญ "The Power SUPER MATCH SUPER SAVE-แมทช์เดือด ลดแรง ทะลุจอ" ลุ้นปะทะแมทช์เดือดศึกฟุตบอลยูโร 2024 พร้อมชมไลฟ์สดผ่าน เฟซบุ๊ก HomePro Thailand ในวันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00-18.00 น. ณ บริเวณกิจกรรมหน้า The Power โฮมโปร ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้ามพลาดไปร่วมช้อปและเป็นกำลังใจให้กับทั้งคู่ด้วยนะ

5
CHANGAN ฉลองความสำเร็จ DEEPAL S07 คว้าแชมป์ที่ 1 รถยนต์ไฟฟ้า
ที่มียอดจดทะเบียนในเดือนเมษายน 67 สูงสุดเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 90.9%


กรุงเทพฯ - CHANGAN Automobile ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ ปลื้มใจชาวไทยให้การตอบรับ DEEPAL S07 รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่คว้าแชมป์ที่ 1 รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนในเดือนเมษายน 67 สูงสุด 754 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 67 ถึง 90.9% แม้ว่าตลาดจะลดลง 21.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 16.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการและประธาน บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า CHANGAN มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL S07 ซึ่งเป็น SUV พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ มียอดจดทะเบียนรถยนต์สะสมในกลุ่มรถไฟฟ้า 100% (BEV) ของเดือนเมษายน 2567 สูงสุด 754 คัน เรียกได้ว่าคว้าแชมป์ที่หนึ่งไปครอง และเมื่อเทียบยอดจดทะเบียนของเดือนมีนาคม 2567 จะพบว่า DEEPAL S07 มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 90.9% (MoM) โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 18.4%



DEEPAL S07 ได้รับการออกแบบให้เป็น Smart Lifestyles SUV และเป็นรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรก ที่เหมาะสำหรับครอบครัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการออกแบบอย่างลงตัว ด้วยตัวรถมีขนาดกว้าง ประตูกระจกไร้ขอบ และมือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อน ซึ่งการออกแบบภายในนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอทช์สุดหรู ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัวที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย พร้อมกับประโยชน์ใช้สอยที่ทันสมัย และรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร

ส่วนสมรรถนะของ DEEPAL S07 นั้นถูกสร้างบนแพลตฟอร์ม EPA1 ทำให้ตัวรถมาพร้อมกับการทรงตัวและสมรรถนะการควบคุมที่ดีเยี่ยม สามารถส่งมอบอัตราเร่งเต็มกำลังจากมอเตอร์เดี่ยวพลังขับเคลื่อนล้อหลังกำลังสูงสุด 190 kW (258 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 66.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 485 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (NEDC) โดยมีราคาจัดจำหน่ายอยู่ที่ 1,399,000 บาท



นายเซิน ซิงหัว กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้รถยนต์ไฟฟ้าของ CHANGAN ทั้ง DEEPAL S07 และ DEEPAL L07 ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ CAR OF THE YEAR 2024 ซึ่งจัดทำโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยเราถือเป็นรางวัลที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CHANGAN ในการยกระดับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ศักยภาพความก้าวหน้าด้านการออกแบบ และผลิตรถยนต์ในประเทศไทยด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL ทุกรุ่นสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่าย หรือศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.changan.co.th และเฟซบุ๊คของ CHANGAN Thailand : www.facebook.com/changanofficialth หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 078 6666

6
Kind + Jugend ASEAN 2024 เติบโตอย่างมั่นคงในปีที่สอง ประสบความสำเร็จในฐานะมหกรรมสินค้าแม่และเด็กชั้นนำแห่งอาเซียน


มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน Kind + Jugend ASEAN 2024 (คินอันยูเก้น อาเซียน) ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้ปิดฉากลงไปพร้อมความสำเร็จอันยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นที่แรกและที่เดียวในภูมิภาคอาเซียนที่ได้เปิดประตูต้อนรับเครือข่ายผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการชั้นนำ รวมถึงผู้เข้าชมงานจากทุกมุมโลก จาก 31 ประเทศ จำนวนถึง 2,709 ราย เติบโตขึ้นถึง 50% จากการจัดงานครั้งก่อน

ซึ่งได้ร่วมกันเชื่อมต่อโอกาสทางการค้าให้เข้าถึงกันผ่านการพบปะเจรจาธุรกิจ ร่วมกับผู้จัดแสดงสินค้า 155 บริษัท จาก 14 ประเทศ อาทิ จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ปากีสถาน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, สเปน, ไต้หวัน, ไทย, สหราชอาณาจักร, และสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงบ่งบอกถึงความโดดเด่น และศักยภาพในการดึงผู้ประกอบการชั้นนำจากนานาประเทศไว้ในงานเดียวแล้ว ยังแสดงถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินค้าแม่และเด็กสู่ตลาดโลกอีกเช่นกัน



โดยงานนี้สามารถดึงดูดผู้ซื้อชั้นนำระดับภูมิภาค โดยรับโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำคัญผ่านการนัดหมายจับคู่ทางธุรกิจภายในงานด้วย "Business Matching Programme" และ "Hosted Buyer Programme" ผู้เข้าร่วมงานสามารถพูดคุย ค้นหาข้อมูลเชิงลึก โอกาสในการทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เพื่อสอดรับกับการขยายตัวของตลาดและงาน Kind + Jugend ASEAN ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการมากขึ้นเช่นกัน

คุณแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้จัดงาน Kind + Jugend ASEAN กล่าวว่า "สำหรับมหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน ที่ถูกจัดขึ้นในประเทศไทยครั้งที่สองนี้ ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นความก้าวหน้าและเห็นงานประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง นับว่าเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของเราในฐานะผู้จัดงานที่ได้เห็นความเติบโตบนเวทีระดับโลก สิ่งนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งของเราในฐานะผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรม และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม เราจะก้าวไปในอุตสาหกรรมนี้ด้วยความมั่นใจว่า Kind + Jugend ASEAN จะยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมและสร้างอนาคตของตลาดได้อย่างมั่นคง"



ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ Trend Forum เวทีสัมมนาเรื่องธุรกิจสินค้าแม่และเด็ก และ ASEAN Innovation Award รางวัลสุดยอดสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมอันโดดเด่น ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าร่วม Trend Forum เพื่อรับรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของตลาด และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้นำเทรนด์ในวงการถึง 14 ท่าน ที่มาแชร์ประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจสินค้าแม่และเด็กในยุคปัจจุบันผ่าน 8 หัวข้อที่น่าสนใจ

ทางด้าน Innovation ASEAN Award ที่จัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลสำหรับผลิตภัณฑ์และสินค้าใหม่จากทั่วโลกที่มีความโดดเด่นในด้านความคิดสร้างสรรค์ ความปลอดภัย คุณประโยชน์ต่อลูกค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ คุณภาพของการผลิต และความยั่งยืน ซึ่งในปีนี้ ผู้ชนะรางวัลในแต่ละประเภท ได้แก่



- World of Moving Kids
Stroller with Rocking Fuction, Babykomfort Deutschland GmbH

- World of Travelling Kids
Glowy B-Joy Carseat, Glowy Star Co Ltd

- World of Kids Furniture
BabyUp®, Dr Albani Ltd

- World of Kids Textiles
Pajamas Party Micro Tencel Bedsheet, BC Link Co Ltd

- World of Kids Care (Baby – Hygine & Care)
DragKooler Herbal Cooling Towel, Great Indeed Co Ltd

- World of Kids Care (Mothers – Hygine & Care)
Galaxy III, Attitude Mom Co Ltd

- World of Kids Toys
TaksaToys® Resources Playground, Taksa Toys Ltd

- World of Nutrition & Infant Formula
Organic Multi-Color Bean Pasta, Good Earth Rice Co Ltd



โดยภาพรวม การจัดงาน Kind + Jugend ASEAN ไม่ใช่เพียงแค่การจัดงานที่โชว์ศักยภาพของอุตสาหกรรมแม่และเด็กเท่านั้น แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรมเข้าสู่ตลาดอาเซียนที่สำคัญ และเป็นการรวมตัวของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก พันธสัญญาของเราคือการทำให้เกิดการเชื่อมโยงต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ

สำหรับการจัดงาน Kind + Jugend ASEAN 2025 ครั้งถัดไปได้มีกำหนดการจัดงานขึ้นแล้ว ในระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kindundjugend.asia/











7
เริ่มแล้วงานแสดงสินค้าอัญมณีระดับโลก
Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) 2024


นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ประธานกล่าวเปิดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 หรือ JGAB งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ระหว่างวันที่ 1 - 4 พฤษภาคม 2567 ณ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่มากกว่า 17,000 ตารางเมตร โดยงานนี้ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก ทั้งกลุ่มผู้ซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้ผลิต รวมถึงนักออกแบบจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย, Celine Lau Director of Jewelry Fairs, Informa Markets Asia, นายปรีดา เตียสุวรรณ์, นายสุทธิพงษ์ ดำรงค์สกุล, นางประพีร์ สรไกรกิติกูล และนางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ร่วมพิธีเปิด ณ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

8
Kind + Jugend ASEAN 2024 มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน งานแรกและงานเดียวรวมนวัตกรรมสุดล้ำจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 300 แบรนด์!


นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย และ ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมเปิดงาน มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน Kind + Jugend ASEAN 2024 (คินอันยูเก้น อาเซียน) ที่แรกและที่เดียวในภูมิภาคอาเซียนสำหรับโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด บนเครือข่ายผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก กว่า 300 แบรนด์ 150 บริษัท งานจัด ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้

9
CHANGAN Automobile ปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้า
เปิดตัว NEVO E07 : SUV ฟังก์ชันกระบะเปิดท้าย ในงาน "ปักกิ่ง ออโต้ โชว์ 2024"


ปักกิ่ง – งานแสดงรถยนต์นานาชาติปักกิ่ง ครั้งที่ 18 ซึ่งเป็นมหกรรมยานยนต์ชั้นนำ เปิดฉากขึ้นในวันนี้หลังจากห่างหายไปนานถึง 4 ปี โดยจัดแสดงผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำกว่า 1,500 ราย ภายใต้แนวคิด "ยุคใหม่ รถยนต์ใหม่" โดยปีนี้ CHANGAN Automobile ร่วมโชว์นวัตกรรมยานยนต์ ด้วยธีม "Smart Origin, Change with You" ด้วยไลน์อัพรถยนต์ 33 โมเดล จำนวน 56 รุ่น รวมถึงรถยนต์รุ่นใหม่ 8 รุ่น เช่น NEVO E07, AVATR11 2024, DEEPAL G318, DEEPAL SL03/S7 Commemorative Edition 2nd Anniversary, UNI-V Smart Electric iDD เจเนอเรชันที่ 2, KAICENE Digital Intelligent Large VAN ซึ่งงาน "ปักกิ่ง ออโต้ โชว์ 2024" ครั้งนี้ ได้มีมหกรรมยานยนต์จัดงานถึง 7 งานด้วยกัน ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

นายหวัง จวิ้น ประธานบริษัทฉางอาน ออโตโมบิล เปิดเผยว่า ในงานแสดงรถยนต์นานาชาติปักกิ่ง ครั้งที่ 18 ในครั้งนี้ บูธ CHANGAN คึกคัก และมีผู้ร่วมเข้าชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานครั้งนี้ CHANGAN ได้เปิดตัว NEVO E07 ยานพาหนะแปลงโฉมคันแรกของโลก ที่ผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่ง NEVO E07 เป็นรถยนต์รุ่นใหม่คันแรกของบริษัท โดยรถรุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียง SUV ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับกลางถึงขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นหุ่นยนต์ยานยนต์ที่ปรับขนาดได้ และแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อระหว่างโลกดิจิทัลและโลกทางกายภาพ NEVO E07 แสดงถึงความสำเร็จครั้งสำคัญในฐานะรถยนต์ดัดแปลงที่ผลิตจำนวนมากได้คันแรกของโลก โดยเป็นการเสริมมรดกแห่งนวัตกรรมด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะใหม่ที่ยาวนานถึง 40 ปีของ CHANGAN



การออกแบบที่ปฏิวัติวงการ และความสามารถการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น
NEVO E07 ตอบสนองความต้องการของตลาดในด้านความอเนกประสงค์ โดยการรวมคุณลักษณะของรถ SUV, รถเก๋ง และรถปิคอัพเข้าด้วยกัน โดยนำเสนอความกว้างขวางและประโยชน์ใช้สอยแบบ SUV การควบคุมรถ และความสะดวกสบายแบบรถเก๋ง ตลอดจนน้ำหนักบรรทุกและความสามารถในการขยายของรถกระบะ ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในยานพาหนะคันเดียว ด้วยความยาวเกิน 5 เมตร และระยะฐานล้อมากกว่า 3.1 เมตร จึงตอบสนองความต้องการการเดินทางที่หลากหลายด้วยโซลูชั่นที่ครอบคลุม

เทคโนโลยีอัจฉริยะ และนวัตกรรมการผลิต
ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเฉพาะของ CHANGAN ประกอบด้วยกรอบการทำงานด้านคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย เครือข่ายการสื่อสารที่ปลอดภัย และสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่มุ่งเน้นการให้บริการ ซึ่งสามารถสร้างระบบดิจิตอลของยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมนี้ครอบคลุมถึงโรงงานอัจฉริยะแห่งใหม่ของ CHANGAN ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยีการหลอมโลหะ ด้วยโลหะผสม และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆถึง 43 รายการใน 16 ฐานการผลิตอันชาญฉลาด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกว่า 20% ลดต้นทุนและประหยัดพลังงานลง 20% และ 19% ตามลำดับ ด้วยความร่วมมือกับหัวเว่ยและไชน่า ยูนิคอม ทำให้ CHANGAN สามารถสร้างระบบดิจิตอลแบบคู่ให้กับโรงงานได้



เทคโนโลยีอัจฉริยะ และนวัตกรรมการผลิต
ขับเคลื่อนโดยสถาปัตยกรรม SDA ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ CHANGAN โดดเด่นด้วยเฟรมเวิร์กการประมวลผลขั้นสูง เครือข่ายการสื่อสารที่ปลอดภัย และโครงสร้างทางซอฟต์แวร์ที่มุ่งเน้นคุณภาพที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่ได้รับบริการ NEVO E07 จึงเป็นยานพาหนะดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนวัตกรรมนี้ขยายไปสู่โรงงานอัจฉริยะแห่งใหม่ของ CHANGAN ที่ประกอบด้วยการหล่อแบบครบวงจร สายงานการผลิตชิ้นส่วนโลหะและเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ อีก 43 รายการ ใน 16 สายการผลิตอัจฉริยะ และสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้มากขึ้นกว่า 20% พร้อมช่วยลดต้นทุน และการใช้พลังงานลง 20% และ 19% ตามลำดับ โดยงานนี้ด้วยความร่วมมือกับ Huawei และ China Unico จึงทำให้ CHANGAN จึงสามารถสร้างโรงงานนี้ได้

เพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าผ่านระบบดิจิทัล
CHANGAN ได้บูรณาการกระบวนการพัฒนา การผลิต การจัดหา และการขายของ NEVO E07 เข้ากับแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการของ Topspace โดยปฏิวัติประสบการณ์การซื้อรถยนต์ ซึ่งลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับกระบวนการที่เสมือนจริงไปจนถึงการทดลองขับที่บ้าน และการสั่งซื้อออนไลน์ไปจนถึงการจัดส่ง ซึ่งช่วยลดความซับซ้อน และความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อรถยนต์ได้อย่างมาก



การสร้างมาตรฐานใหม่ในของยานยนต์ไฟฟ้า
ในฐานะผู้บุกเบิก และเป็นผู้กำหนดมาตรฐานในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ที่ CHANGAN ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่อง การเปิดตัว NEVO E07 พร้อมด้วย UNI-V Smart Electric iDD เจเนอเรชันที่สอง และ KAICENE Intelligent Large VAN แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการสำรวจ และวิจัยอย่างต่อเนื่องของ CHANGAN ในยานยนต์ใหม่ สปอร์ตซีดานไฮบริด และโลจิสติกส์อัจฉริยะอีกด้วย

ด้วยความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรม และคุณภาพ CHANGAN Automobile พร้อมที่จะเป็นผู้นำยุคใหม่ของการพัฒนายานยนต์ ซึ่งจัดแสดงผ่านงาน Beijing International Auto Show ปี 2024 อย่างต่อเนื่อง

10
ที่สุดของกาแฟโสมต้อง "ซูเลียน คอฟฟี่ พลัส"
สัมผัสรสชาติที่กลมกล่อม หอมกรุ่นด้วยกลิ่นโสม ใส่ใจสายสุขภาพ


ในยุคที่กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่ใครหลายคนต้องหาดื่มกันเป็นกิจวัตร จนทำให้บรรดาแบรนด์สำเร็จรูปต่างพากันคิดค้นสูตรเฉพาะขึ้นมานับไม่ถ้วน เพื่อตอบสนองความต้องการแบบต่างกันออกไป บางเจ้าเน้นรสชาติ บ้างเน้นเรื่องกลิ่นหอม ไปจนถึงการมาของเทรนด์ 'กาแฟเพื่อสุขภาพ' ที่ระยะหลังถูกพูดถึงและได้รับความนิยมกันมากขึ้น

ซึ่งพอพูดถึงกาแฟสำเร็จรูปเพื่อสุขภาพแล้ว เราอาจนึกถึงสูตรที่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้มาอย่างยาวนาน (หรือเรียกได้ว่ามาก่อนกาลก็ไม่ผิด) อย่างกลุ่มของ 'กาแฟผสมโสม' เหตุผลเพราะตัวของโสมเอง ถือเป็นวัตถุดิบที่เปี่ยมด้วยคุณประโยชน์มากมายอยู่แล้ว เช่น เรื่องการบำรุงร่างกาย หรือคุณสมบัติช่วยในการชะล้างไขมันในเส้นเลือด และการปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด เพื่อให้เลือดไหลเวียนในร่างกายได้ดีขึ้น ประกอบกับตัวรสชาติเอง ที่มีความอร่อยไม่แพ้กาแฟสูตรอื่น ก็มากพอแล้วที่จะแทรกไปเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ให้คนรักสุขภาพได้ลิ้มลองกัน

โดยถ้าต้องหยิบกาแฟผสมสักแบรนด์มาชิมแบบจริงจังแล้ว เราจะขอแนะนำเจ้าตลาดกาแฟผสมโสมที่ครองตำแหน่งมายาวนาน (การันตีด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านซอง/ปี) ที่อาจคุ้นหูกันในชื่อ "คอฟฟี่ พลัส" (COFFEE PLUS) ของแบรนด์ ซูเลียน (ประเทศไทย) โดยจุดเด่นสำคัญที่ทำให้คอฟฟี่ พลัส ติดอยู่ในลิสต์กาแฟตัวท็อป มาจากปัจจัยหลัก ๆ 3 หัวข้อ คือ 'อร่อย!' ด้วยวัตถุดิบหลักเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าคัดพิเศษ สกัดจนคาเฟอีนเหลือเพียง 0.1% ให้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัวตั้งแต่หยดแรกจนหยดสุดท้าย / 'ดีต่อสุขภาพ!' ด้วยสารสกัดโสมชั้นดีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจากประเทศเกาหลี และครีมเทียมชนิดไขมันพืช แตกต่างจากไขมันสัตว์ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และขจัดความกังวลเรื่องโรคเส้นเลือดอุดตันหรือความดันได้อย่างหมดจด / 'ตัวเลือกเยอะ!' กับ 3 รสชาติที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพได้ครบทุกเทส ประกอบด้วย



กาแฟผสมโสม คอฟฟี่ พลัส (COFFEE PLUS Instant Coffee Powder with Ginseng) สูตรเฉพาะที่ผสานกันอย่างลงตัวของวัตถุดิบสุดพรีเมียม ด้วยกาแฟรสชาติกลมกล่อมจากเมล็ดกาแฟโคลัมเบีย และกลิ่นหอมกรุ่นของโสมแดงชั้นดีจากประเทศเกาหลี ให้รสสัมผัสที่มีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยคุณประโยชน์ช่วยบำรุงร่างกาย บรรจุในซองแยกชิ้นเพื่อความสะดวกพร้อมชงดื่มทุกที่ทุกเวลา

กาแฟเพื่อสุขภาพผสมโสมและคอลลาเจน (COFFEE Ginseng & Collagen 3in1) สูตรที่คัดสรรจากผงกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าพร้อมดื่ม เสริมด้วยสารสกัดจากโสมและคอลลาเจนเปปไทด์ เหมาะสำหรับสาว ๆ และกลุ่มคนรักสุขภาพทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟไปพร้อมกับใส่ใจในรูปร่างและสุขภาพที่ดี

กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงเพื่อสุขภาพ (สูตรน้ำตาลน้อย) (COFFEE PLUS White Coffee 3in1 Less Sugar) เครื่องดื่มเอาใจสายสุขภาพ ด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี พร้อมกระบวนการผสมผสานกาแฟโรบัสต้าคั่วกับครีมเทียมและน้ำตาลธรรมชาติ ทำให้ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม คงความเข้มข้น หอมมัน และถึงรสไว้อย่างลงตัว บรรจุในซองพกพาสะดวก มาพร้อมสูตรน้ำตาลน้อยจึงเหมาะกับผู้รักสุขภาพ อร่อยได้ทุกที่ทุกเวลา

ลองมาสัมผัสรสชาติกาแฟที่กลมกล่อม หอมกรุ่นกลิ่นโสม พร้อมคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพได้แล้วกับคอฟฟี่ พลัส โดย ซูเลียน สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามโปรโมชั่นพิเศษต่าง ๆ ได้ที่ Line Official: @Zhulianthailand หรือสั่งซื้อผ่านช่องทาง Shopee สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-983-3984

11
"CHANGAN Automobile" เผยความคืบหน้าโรงงานผลิต จ.ระยอง
ตอกย้ำความมุ่งมั่นในตลาดไทย


(ระยอง ประเทศไทย) - "CHANGAN Automobile" ผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ประกาศความสำเร็จ และคืบหน้าโครงสร้างหลักของโรงพ่นสี ณ โรงงานผลิตแห่งใหม่ใน จ.ระยอง แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 8 เมษายน ถือเป็นก้าวสำคัญนับตั้งแต่พิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โครงการนี้ยังคงเป็นไปตามกำหนดการ โดยจะมีการปรับผืนดิน และเทพื้นคอนกรีต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะปูทางไปสู่ระยะต่อไปในการติดตั้งอุปกรณ์กระบวนการผลิต และท่อจ่ายไฟต่อไป

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด กรรมการผู้จัดการ และ ประธานบริษัท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า CHANGAN เปิดเผยว่า โรงงานในจังหวัดระยองของฉางอานใช้เงินลงทุนกว่า 8.8 พันล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกในต่างประเทศของบริษัท



โดยโรงงานแห่งนี้ ได้รับการออกแบบตั้งแต่ต้นจนเป็น "โรงงานสีเขียว" ที่ผสมผสานอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และกระบวนการคาร์บอนต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของฉางอานในด้านความยั่งยืน โดยจะติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6MW ซึ่งจะสามารถให้กำลังไฟได้ถึง 19% ของความต้องการไฟฟ้าทั้งหมดของโรงงาน และจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 5,000 ตันต่อปี

"CHANGAN Automobile เรามีความมุ่งมั่นต่อการทำตลาดในประเทศไทย และมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าฐานการผลิตใหม่ของเราไม่เพียงแต่บรรลุผลสำเร็จ แต่เกินเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเรา ทั้งยังจะไม่เพียงช่วยให้เราลดต้นทุนการดำเนินงาน แต่ยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราลงอย่างมากอีกด้วย" นายเซิน ซิงหัว กล่าว และกว่าต่อไปว่า



โรงงานระยองมีกำหนดจะเริ่มการผลิตได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100,000 คันต่อปี การขยายตัวนี้คาดว่าจะสร้างงานจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการจ้างงานในท้องถิ่นและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

"ด้วยฐานการผลิตที่ทันสมัยนี้ ฉางอาน ตั้งเป้าที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายมากยิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค และประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ร่วมกันเติบโตไปกับฉางอาน รวมถึงการให้บริการอีกด้วย" นายเซิน ซิงหัว กล่าวสรุปในตอนท้าย

12
ถิรไทย ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 พร้อมจ่ายปันผล 0.21 บาทต่อหุ้น


ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ร่วมเป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 เพื่อสรุปผลดำเนินงานพร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.21 บาทต่อหุ้น โดยมี นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว, นายอรรณพ เตกะจรินทร์, นายบุญชัย โสวรรณวนิชกุล, นายไต้ จงอี้ ร่วมประชุมด้วย ณ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็ว ๆ นี้

13
"ไวไว" ร่วมสืบสานงานบุญ
"ดอกคูนเสียงแคนและถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2567"


นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการส่งเสริมการตลาด (ฝ่ายการตลาด) บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า "ไวไว" นำทีมผู้บริหารและพนักงาน ร่วมงานบุญในงาน "ดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2567" พร้อมร่วมรดน้ำขอพรผู้สูงอายุในจ.ขอนแก่น เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของพี่น้องชาวขอนแก่น ที่ปฏิบัติต่อเนื่องในทุกปี โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้การต้อนรับ ณ ศาลหลักเมืองขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น เมื่อเร็ว ๆ นี้

14
"JGAB 2024" จัดเต็มครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน
กับกิจกรรมและโซนจัดแสดงเครื่องประดับสุดพิเศษ
พร้อมต้อนรับนักธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก เริ่ม 1 พ.ค. 67 นี้


Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 หรือ JGAB 2024 งานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับระดับนานาชาติ พร้อมแล้วสำหรับการต้อนรับผู้ประกอบไทยและทั่วโลก ในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมยกระดับงานให้ยิ่งใหญ่กว่าเคยด้วยไฮไลท์จัดแสดงอัญมณีและเครื่องประดับสุดพิเศษครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน อาทิ โซนจัดแสดงเครื่องประดับเงิน The Gallery of Thai Silver, ห้องจัดแสดงอัญมณีหายากในรูปแบบ Immersive display 360 องศา Gems Museum Showcase และกิจกรรมประกวด The Next Gem Awards 2024 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 45,000 บาท พร้อม Showcase แสดงผลงานนักออกแบบหน้าใหม่ และเวทีเสวนาหลากหลายไอเดียพร้อมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ตลอด 4 วันเต็ม


- 1 พ.ค. 2567: ประกาศผลผู้ชนะการประกวด The Next Gem Contest 2024 ภายใต้แนวคิด "Jewellery & Gem: The Spirit of Thai Cultural Treasure" เวทีค้นหานักศึกษาและ Young Designer นักออกแบบเครื่องประดับและอัญมณี ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 45,000 บาท โล่ประกาศเกียรติคุณ และ 5 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ร่วมจัดแสดงผลงานในงาน JGAB 2024
- 2 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "โอกาสของธุรกิจเครื่องประดับในตลาดจีนเมืองรอง" โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ นำโดย รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา ประธานหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- 3 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "การใช้ AI สร้างสรรค์ดีไซน์เครื่องประดับให้เป็นจริงได้อย่างไร?" นำเสนอองค์ความรู้ยุคใหม่กับการออกแบบโดยใช้ AI มาประยุกต์สร้างผลงานจริงร่วมกับเทคโนโลยี 3D PRINT และ CNC Model Wax
- 4 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "Understanding Lab-grown gemstone in the market: an update" พัฒนาการของเทรนด์อัญมณีห้องแล็บที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมการนำมาสร้างสรรค์ผลงานตามความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด
- 1, 3 และ 4 พ.ค. 2567: กิจกรรมเวิร์คช็อป "การลงยาสีเย็นเครื่องประดับ" และ "การชุบ ล้าง เครื่องประดับ / ชุบทอง ชุบโรเดียม"



เตรียมความพร้อมเพื่อโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการไทยด้านอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่ต้องการเติบโตและขยายธุรกิจไปสู่ตลาดสากล ในงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน JGAB 2024 พร้อมลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วที่ https://bit.ly/3wbBlRR พบกัน 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์










หรือดูรายละเอียดและติดข่าวสารเพิ่มเติม ได้ทาง
Website: https://jewellerygemaseanbkk.com
Facebook: https://www.facebook.com/JGABThailand
IG: https://www.instagram.com/jewelleryandgemaseanbangkok/
LinkedIn: https://www.linkedin.com/in/jewellery-and-gem-asean-bkk/
Line: https://lin.ee/cp9sd85

15
หน้าร้อนประเทศไทย แตะ 45 องศา
เปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ อาจเป็นวิธีดับร้อนดีกว่าที่คิด


ที่มักปรากฏตามหน้าสื่อพร้อมสร้าง New High อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองร้อนแบบไทยๆ คงได้แต่ต้องนั่งทำใจ และหาหลากหลายวิธีการมาดับร้อนให้ตัวเอง มีตั้งแต่เปิดพัดลม อาบน้ำ ทานของเย็นๆ จนถึงใช้วิธีที่ได้ผลชะงักที่สุดอย่างการหยิบรีโมตมากดเปิดแอร์เสียให้จบไป

ซึ่งแม้ต้องแลกมากับบิลค่าไฟที่ชวนเหงื่อตกเสียหน่อย แต่ตัวเลขในตลาดเครื่องปรับอากาศ ที่มีแนวโน้มโตทะลุเพดาน (คาดการเติบโต 20% ในปีนี้) ก็ชี้ให้เห็นว่าคนไทยในปี 2024 พร้อมจะควักกระเป๋าเพื่อซื้อแอร์รวมถึงเปลี่ยนแอร์เก่าเป็นเครื่องใหม่อยู่แล้ว โดยข้อดีหลักๆ ที่ชวนให้พวกเราตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น ส่วนใหญ่มาจาก 1. ปัจจัยเรื่องราคาแอร์ถูกลง เมื่อเฉลี่ยกับค่าไฟแล้วคุ้มค่า 2. แอร์ยุคใหม่ มีเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์และติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยลดค่าไฟ 3. แคมเปญลดราคา ผ่อนชำระ ที่มีทางเลือกมาให้ช้อปสบายตลอดหน้าร้อน

และยังมีปัจจัยเรื่องอื่นๆ แล้วแต่ว่าใครจะถูกใจ ซึ่งเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ก็เกี่ยวพันกับเรื่องที่แอร์เก่าๆ ในบ้านเรา สามารถช่วยลดโลกร้อน หรือ Climate Change ได้ (ถ้าได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี) ตัวอย่างที่มีให้เห็นเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เช่น โฆษณาชุด #ดับร้อนไวไปโฮมโปร ที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาความร้อนสุดจะทนไหว วิธีดับร้อนที่ควรจะได้ผลก็ไม่ช่วย เพราะแอร์ตัวเก่าไม่เย็นฉ่ำ โฮมโปรจึงได้นำเสนอแคมเปญดับร้อนไว โดยทำหน้าที่ให้บริการแบบครบจบ และอย่างที่บอกไปคือ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมรักษ์โลกไปพร้อมกันด้วย



จุดเด่นของแคมเปญนี้ คือ ชวนให้ทุกคนนำแอร์เก่า หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า มาเข้าร่วมกับโครงการ #แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ (Trade-In) ที่สามารถแลกข้ามได้ภายในหมวดสินค้าเดียวกัน โดยที่โฮมโปรจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านลูกค้า ไปจัดการ

ด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยไม่ให้อากาศเมืองไทยร้อนไปกว่านี้ อีกเหตุผลคือ เจ้าของแอร์เก่าจะได้ส่วนลดและเงินคืน รวมแล้วกว่า 14,000 บาท สำหรับการซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ หรือรวมไปถึงสิทธิข้ออื่นๆ เช่น ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน (ร่วมกับบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อที่ร่วมรายการ)

นอกจากนี้ โฮมโปรยังไม่อยากให้คนไทยต้องฝ่าอุณหภูมิทะลุ 45 องศาเซลเซียส เพื่อเดินทางมาที่สาขา จึงได้ยกแคมเปญไปไว้บนช่องทางออนไลน์ พร้อมๆ กับเตรียมทีมช่าง Home Service ไว้คอยบริการในรูปแบบของ #SameDay เรียกง่ายๆ ว่าสามารถเปลี่ยนแอร์เก่า ซื้อแอร์เครื่องใหม่+ส่วนลด พร้อมส่งถึงบ้าน ติดตั้ง รื้อถอน

แบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และเกิดเป็นบริการที่สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น ทุกอย่างเสร็จ เย็นฉ่ำภายในวันเดียว ตามชื่อแคมเปญ #ดับร้อนไวไปโฮมโปร นั่นเอง

สุดท้ายนี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ว่า ฤดูร้อนเมืองไทยจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม แต่แบบที่เรารู้กันดีว่าแสงแดดเมืองไทยมักอยู่นอกเหนือการคำนวณ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแอร์เครื่องใหม่จะเป็นวิธีการดับร้อนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจข้อเสนอ #ดับร้อนไวไปโฮมโปร สามารถเลือกใช้บริการได้ที่โฮมโปรและเมกาโฮมทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.homepro.co.th หรือ Call Center 1284

Pages: [1] 2 3 ... 144