Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 2160 2161 [2162] 2163 2164 ... 2405
32416
ยังไม่ได้วันอีกเหรอครับพี่

 :Pต้องขอโทษด้วยที่ช้าครับ จะกำหนดวันไม่เกินอาทิตย์นี้ครับ(แต่ถ้าวันที่ 8 ไม่ได้ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ)

32417



เกี่ยวกับงานสร้าง

                โรมเป็นเมืองที่ไม่เหมือนเมืองอื่นใดในโลก การอยู่ในกรุงโรมคือการถูกห้อมล้อมไปด้วยอนุสรณ์สถานที่เงียบงันของอารยธรรมโบราณพร้อมไปกับการได้สัมผัสความอึกทึกครึกโครมของนครหลวงสมัยใหม่ ที่อุดมไปด้วยชีวิตชีวา โรมเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของอดีตและปัจจุบัน เป็นศูนย์รวมที่น่าตื่นเต้นของวัฒนธรรม ศิลปะและอาหารที่พิเศษสุด “การเคลื่อนไหวและกิจกรรมโดยมากในกรุงโรมเกิดขึ้นกลางแจ้งในร้านอาหารเล็กๆ และท้องถนนครับ” วู้ดดี้ อัลเลนกล่าว “มันเป็นเมืองที่แค่ได้เดินเข้าไปก็น่าทึ่งแล้ว ตัวเมืองนี้เองเป็นงานศิลปะโดยแท้ครับ” โรมเป็นเมืองของคนชั้นสูงและทันสมัย รวมไปถึงคนที่อนุรักษ์นิยมมากๆ ด้วย มันดึงดูดนักท่องเที่ยวหลากหลายประเภท ตั้งแต่นักธุรกิจไปจนถึงนักท่องเที่ยว ซึ่งทุกคนผ่านเข้าออกกรุงโรม พร้อมไปกับการดื่มด่ำกับความหฤหรรษ์ของเมืองแห่งนี้ สำหรับอัลเลน มันเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าจะมีพล็อตเกิดขึ้นเพียงหนึ่งเรื่องได้ “ผมรู้สึกว่ากรุงโรมเป็นสถานที่สำหรับเรื่องราวที่หลากหลาย” เขากล่าว “มันเต็มไปด้วยความเป็นไปได้มากมาย ถ้าคุณหยุดคุยกับคนโรมซักร้อยคน พวกเขาก็จะบอกคุณว่า 'ผมมาจากในเมือง ผมรู้จักเมืองนี้ดี ผมเล่าเรื่องให้คุณฟังได้เป็นล้านๆ เรื่องเลย' น่ะครับ”
            ลีโอโปลโด้ พิซาเนลโล (โรเบอร์โต้ เบนิญี่) เป็นชาวกรุงโรมธรรมดาๆ ผู้จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองกลายเป็นหนึ่งในคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโรมไปอย่างหาสาเหตุไม่ได้ “ลีโอโปลโด้ไม่มีพรสวรรค์ใดๆ เลย เขาเป็นคนธรรมดาๆ นี่เอง” อัลเลนกล่าว “เขาไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนดัง เขารู้ดีทีเดียวว่าเขาไม่ใช่คนดัง ตอนแรก ลีโอโปลโด้รู้สึกงุนงงและรำคาญความสนใจที่เขาได้รับ ก่อนที่เขาจะเริ่มชอบสิ่งเหล่านี้ โดยที่เขาเองก็ไม่ทันรู้ตัวด้วซ้ำ” เบนิญี่กล่าว “ก่อนหน้าที่เขาจะดัง ลีโอโปลโด้ก็แฮปปี้ มีความสุขดี เขาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่เมื่อความปกตินั้นถูกรบกวน เขาก็สับสนงุนงง และพยายามทำความเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่” อย่างไรก็ดี มันก็มีรอยร้าวในโลกที่ดูเหมือนจะสงบสุขของลีโอโปลโด้ก่อนหน้าที่ความโด่งดังจะก้าวเข้าสู่ชีวิตเขา ซึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือตอนที่เขามองสาวสวยในออฟฟิศของเขาอย่างโหยหา “เขาไม่มีโอกาสได้ควงผู้หญิงระดับนั้นหรอกครับและเขาก็รู้ตัวดี” อัลเลนบอก “ไม่มีแคร์ว่าเขาจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนังที่เขาไปดู หรือว่าเขาคิดว่าชาวจีนจะยึดครองโลกรึเปล่า แน่นอนว่าสาวสวยแบบนั้นเกินเอื้อมสำหรับเขาอยู่แล้ว จนกระทั่งจู่ๆ ทุกอย่างก็เป็นไปได้” เมื่อปาปารัสซี่เริ่มสะกดรอยตามเขา ไม่นานนัก ลีโอโปลโด้ก็ตระหนักว่าทุกอย่างที่เขาปรารถนาพร้อมรอเขาอยู่แล้ว “คุณจะถูกยั่วยวนโดยชื่อเสียงครับ” อัลเลนบอก “มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป ชื่อเสียงทำให้คุณมีโอกาสมากมายที่คนทั่วไปไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัส ดังนั้น ชื่อเสียงก็เหมือนยาเสพติดที่เย้ายวน และมันก็เวิร์คสำหรับเขาครับ” ขณะที่ลีโอโปลโด้มีความสุขกับการเป็นจุดสนใจและสาวงามมากหน้าหลายตาที่สยบแทบเท้าเขา เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องอื่นๆ ที่มาพร้อมกับชื่อเสียงที่ไม่ทันตั้งตัวของเขาด้วย “คุณจะต้องปล่อยวางจากความเป็นส่วนตัว คุณจะถูกติดตามเสมอและทุกอย่างที่คุณทำก็จะถูกพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนครับ” อัลเลนกล่าว โรเบอร์โต้ เบนิญี่ ซูเปอร์สตาร์ตัวจริงในอิตาลี เข้าใจดีว่าประสบการณ์ที่ลีโอโปลโด้ได้เจอนั้นเป็นอย่างไร “ความฝันของผมคือการได้เดินตามท้องถนนตามปกติ ได้ดูผู้คน ได้ดื่มกาแฟ กินพิซซ่า คุยกับเพื่อนๆ ผมสูญเสียส่วนนั้นของชีวิตไปและผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ผมก็คงต้องกังวลแน่ๆ...มันเป็นความรู้สึกขัดแย้งน่ะครับ” อัลเลนกล่าวว่า “แม้ว่าการเป็นคนดังจะมีข้อเสียมากมาย ผมคงต้องบอกว่าข้อดีมันมากกว่าข้อเสียครับ คุณสามารถใช้ชีวิตกับเรื่องพวกนั้นได้เพราะสิ่งที่คุณได้รับมาเป็นการแลกเปลี่ยนคือสิ่งดีๆ มากมายครับ”
            ผู้ที่ตรงข้ามกับลีโอโปลโด้อย่างสิ้นเชิงคือจิอันคาร์โล (ฟาบิโอ อาร์มิลิอาโต้ นักร้องเทเนอร์ชื่อดัง) ชายผู้มีพรสวรรค์ แต่กลับไม่มีใครรู้จักเขา จิอันคาร์โล ผู้เป็นนักร้องโอเปราเสียงทอง ร้องเพลงเพื่อความสุขของตัวเองเท่านั้น เขาไม่เคยลองร้องเพลงท่ามกลางสาธารณชนมาก่อน “เราไม่รู้หรอกครับว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นศิลปิน” อัลเลนกล่าว ถ้าเพียงแต่สถานที่เดียวที่เชคสเปียร์สามารถเขียนงานได้คือการนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางถนนสายที่ 42 ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะเข้าใจได้ จิอันคาร์โลสามารถร้องเพลงได้ภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษมากๆ เท่านั้น”
            จิอันคาร์โลดูเหมือนจะไม่แคร์ชื่อเสียง แต่การได้พบกับเจอร์รี่ (วู้ดดี้ อัลเลน) พ่อตาในอนาคตของลูกสาวเขา ก็เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เจอร์รี่ อดีตผู้กำกับละครโอเปรา ผู้รู้สึกอึดอัดกับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ รู้สึกว่าเขาไม่เคยสร้างผลงานที่โดดเด่นจริงๆ ให้กับโลกใบนี้เลย “เขาทดลองสิ่งแปลกใหม่ แต่มันก็ไม่เวิร์ค และเขาก็ไม่เคยได้รับชื่อเสียงหรือการยอมรับอย่างที่เขาต้องการเลยล่ะครับ” อัลเลนกล่าว “เขาหงุดหงิด และเมื่อเขามีโอกาสจะหาประโยชน์จากพรสวรรค์ของจิอันคาร์โลได้ เขาก็ฉวยมันไว้ครับ” ในตอนแรก เจอร์รี่จะต้องเอาฝ่าฟันอุปสรรคในรูปแบบของ มิเกลันเจโล (ฟลาวิโอ พาเรนติ) ลูกชายซ้ายจัดของจิอันคาร์โลและลูกเขยในอนาคตของเขา ผู้ค้านไอเดียของการที่พ่อผู้ถ่อมตัวของเขาจะถูกผลักดันโดยเจอร์รี่เข้าสู่โลกของความบันเทิงสาธารณะอย่างรุนแรง มิเกอันเจโลที่เป็นห่วงพ่อ ไม่ทันนึกถึงความต้องการที่แท้จริงของพ่อเขาเลย อัลเลนกล่าวว่า “ผมคิดว่าคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ ก็ต้องได้รับการปลดปล่อยออกมา ไม่ช้าก็เร็ว คุณก็อยากจะถ่ายทอดมันออกมา ผมมั่นใจว่าจิอันคาร์โลก็เหมือนกับทุกคน เขาอยากให้คนอื่นได้ยินเสียงของเขาและได้สัมผัสกับช่วงเวลาแห่งการเปิดเผย ที่เขาร้องเพลงและคนจะประทับใจไปกับเพลงของเขาน่ะครับ”
            ในขณะที่ มิลลี่ (อเลสซานดรา มาสโทรนาร์ดี้) อีกหนึ่งตัวละครใน  TO ROME WITH LOVE แม้จะไม่มีพรสวรรค์พิเศษอะไร แต่เธอก็ได้พบกับนักแสดงผู้มีพรสวรรค์ มิลลี่มาจากเมืองในชนบท เดินทางเข้ามาในกรุงโรมพร้อมกับสามีที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ของเธอ แอนโตนิโอ (อเลสซานโดร ทิเบรี่) เพื่อค้นหาชีวิตใหม่ในเมืองใหญ่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความประทับใจที่พวกเขาสามารถสร้างให้กับญาติผู้ร่ำรวยของแอนโตนิโอ ผู้สามารถมอบงานระดับสูงให้กับเขาได้ ด้วยความพยายามที่จะทำตัวให้ดูดีที่สุด มิลลี่ก็เลยไปหาช่างทำผม แต่เธอกลับหลงทางในถนนที่วกวนราวเขาวงกตในกรุงโรม ในขณะเดียวกัน แอนโตนิโอที่อยู่ในห้องโรงแรมก็ต้องตกใจกับการปรากฏกายของแอนนา (เพเนโลเป้ ครูซ) นางโทรศัพท์ผู้หลงผิดคิดว่าเธอถูกจ้างมาให้มีเซ็กส์กับเขา แอนโตนิโอ ที่ปฏิเสธอย่างหัวเด็ดตีนขาด จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองถูกดันลงบนเตียง และในตอนที่พวกเขากำลังมีท่าทางเหมือนเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่นี้นี่เองที่ญาติของเขาเดินเข้ามาในห้องโรงแรม คำอธิบายเดียวที่แอนโตนิโอสามารถคิดขึ้นได้ในตอนนั้นคือแอนนาคือมิลลี่ ภรรยาของเขา ด้วยความสงสารเขาและค่าตัวเธอก็ถูกจ่ายมาแล้วสำหรับทั้งวัน แอนนาตกลงที่จะรับมุขไปกับเรื่องราวของเขา และญาติของเขา แม้ว่าจะแปลกใจที่แอนโตนิโอแต่งงานกับสาวเซ็กส์บอมบ์ ก็ดูเหมือนจะเชื่อคำโกหกนี้ แม้ว่าแอนนาจะเต็มใจพูดว่าเธอเป็นภรรยาของแอนโตนิโอ แต่ก็ไม่ได้หมายควาว่าเธอจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งนำมาสู่สถานการณ์น่าขบขันมากมาย ครูซกล่าวว่า “แอนนาเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเองมากๆ ค่ะ เธอไม่ได้มีตัวกรองพฤติกรรมทางด้านสังคมในความคิดเลย ดังนั้น เธอก็เลยพูดทุกอย่างตามที่เธอรู้สึกโดยไม่กังวลถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาเลย”
            ในขณะเดียวกัน ในขณะที่มิลลี่กำลังพยายามหาทางกลับโรงแรม เธอก็พบกับดาราภาพยนตร์สองคน เพีย ฟูซารี่ (ออร์เนลลา มูตี้) และไอดอลของเธอ ลูก้า ซัลต้า (แอนโตนิโอ อัลบานิส) มิลลี่อึ้งไปเลยเมื่อซัลต้าชวนเธอไปรับประทานอาหารมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนจะชวนเธอไปห้องในโรงแรมของเขา “เมื่อเด็กสาวสวยไปหาดาราหนังซักคนแล้วบอกว่า 'ฉันดูหนังทุกเรื่องของคุณและฉันก็คลั่งไคล้คุณมาก' เขาก็มีแนวโน้มสูงมากๆ ที่จะสามารถพาเด็กสาวคนนั้นขึ้นเตียงได้เพราะงานเสร็จไปสามในสี่ส่วนแล้วครับ” อัลเลนบอก เมื่อแอนโตนิโอออกไปรับประทานอาหารเที่ยงกับแอนนาและครอบครัวของเขา เขาก็ตะลึงเมื่อเห็นมิลลี่นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกตัวหนึ่ง และถูกจีบโดยซัลต้า ซึ่งมันก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอที่เขามองว่าเธอเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาไป หลังจากนั้น ในงานปาร์ตี้สำหรับสังคมชั้นสูงในโรม แอนโตนิโอพบว่าแอนนาเองก็มีความดังอยู่ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้เลิศหรูเท่ากับลูก้า ซัลต้า นักธุรกิจระดับแนวหน้าของกรุงโรมหลายคนดูเหมือนจะรู้จักเธอดี และเรียงแถวกันเข้ามานัดหมายกับเธอ ภายหลัง ระหว่างเดินเล่นอยู่ในสวนที่กว้างขวางระหว่างงานปาร์ตี้ แอนนาก็ถามแอนโตนิโอถึงการแต่งงานของเขา เธอเย้ยหยันคำอธิบายของเขาที่ว่ามิลลี่เป็นเหมือน “แม่พระ” และบอกว่าแอนโตนิโอต่างหากที่เป็นคนไร้เดียงสาตัวจริง ด้วยวิธีเฉพาะตัวของเธอเอง แอนนาได้ช่วยให้แอนโตนิโอได้ตระหนักถึงตัวตนของเขามากขึ้น “แอนนามองงานของเธออย่างซีเรียสและหยิ่งทะนงกับงานนี้ด้วยค่ะ” ครูซบอก “เธอเชื่อว่าบริการของเธอเป็นการบำบัดและเธอก็ได้ทำความดีเพื่อสังคมอย่างมากด้วย”
            ระหว่างที่เขามาพักผ่อนในกรุงโรม จอห์น (อเล็กซ์ บัลด์วิน) สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน ได้สำรวจถิ่นเดิมที่เขาเคยพักอาศัยสมัยที่เขาเป็นนักศึกษาอยู่ ณ ที่นั้น เขาได้พบกับแจ็ค (เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก) นักศึกษาสถาปัตย์ฯหนุ่ม ผู้จำจอห์นได้จากภาพถ่ายในหนังสือพิมพ์และเชิญเขาไปอพาร์ทเมนต์เพื่อดื่มกาแฟกับแซลลี่ (เกรต้า เกอร์วิก) แฟนสาวของเขา ไม่นานนัก จอห์นก็ตระหนักว่าเขาอาจจะเคยอยู่ในอาคารหลังเดียวกับที่แจ็คอยู่ก็เป็นได้ แซลลี่เล่าให้แจ็คฟังว่า โมนิก้า (เอลเลน เพจ) เพื่อนนักแสดงของเธอ เพิ่งเลิกกับแฟน และกำลังมาที่โรมเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แซลีพูดถึงโมนิก้าว่าเป็นคนเซ็กซี่ ฉลาด เจ้าอารมณ์และตลก เป็นคนที่หนุ่มๆ รุมตอม เกอร์วิกเล่าว่า “ฉันคิดว่าแซลลี่วิตกเรื่อง โมนิก้า แต่เธอคิดว่าถ้าเธอเผยความกลัวทั้งหมดของเธอตั้งแต่ต้น 'ฉันอยากจะพูดทุกเรื่องที่ฉันกังวล' มันก็จะเป็นเหมือนเครื่องราง ที่จะทำให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” จอห์นเตือนแจ็คไม่ให้ตกหลุมรักโมนิก้า “เขาอาจรู้ว่าแจ็คจะไม่ฟังเขาหรอก” บัลด์วินบอก “แต่เขาก็ยังพยายาม แจ็คกำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางหายนะ มันเหมือนกับแจ็คกำลังขับรถ และจอห์นก็อยากให้เขาไปให้พ้นจากถนนเส้นนั้นน่ะครับ” ไอเซนเบิร์กกล่าวว่า “การที่จอห์นให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แบบคนอาบน้ำร้อนมาก่อนกลับทำให้แจ็คยิ่งมีความกล้ามากขึ้น มันทำให้เขามีความตั้งใจแรงกล้าขึ้นที่จะไขว่คว้าโมนิก้าน่ะครับ”
            แน่นอนว่ามันมีเรื่องของการที่จอห์นมองเห็นแจ็คเป็นตัวเองสมัยหนุ่มๆ ในกรุงโรม และเรื่องราวของแจ็คก็เป็นเหมือนประสบการณ์ของจอห์นในอดีต ที่ตอนนี้เขามองเห็นและเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาเคยโง่มากแค่ไหนและความรักที่เขาต่อโมนิก้าช่างตื้นเขินและไร้ค่าแค่ไหน แต่ความต้องตาพึงใจก็มีชัยเหนือเหตุผล
            โมนิก้าไม่รีรอที่จะรักษาชื่อเสียงของตัวเองด้วยการหว่านเสน่ห์ใส่แจ็คด้วยการเผยรายละเอียดเรื่องเซ็กส์ที่สุดเหวี่ยงและไม่ธรรมดา รวมถึงความรู้ด้านศิลปะที่ดูเหมือนจะกว้างขวางของเธอให้เขาฟัง “โมนิก้าเป็นอิสระ และไร้พันธะในตอนนี้ และฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์มากๆ สำหรับหลายๆ คน” เพจกล่าว “บางที อาจเป็นเพราะเราต่างก็อยากจะรู้สึกเป็นอิสระ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนอย่างเธอก็ไม่ได้เป็นคู่ชีวิตที่ดีเสมอไปเพราะมันไม่ได้มีความมั่นคงนักน่ะค่ะ” อัลเลนกล่าวว่า “คุณไม่สามารถล่ามโซ่คนอย่างโมนิก้าไว้ได้หรอกครับ พวกเขามีเสน่ห์เกินไป ทุกคนต้องการพวกเขาและพวกเขาก็รู้เรื่องนั้นตั้งแต่แรกแล้ว การมีความสัมพันธ์มั่นคงระยะยาวกับคนแบบนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ” แม้ว่าจอห์นพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อเตือนแจ็ค แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็เกิดขึ้นและเขาก็ยอมจำนนให้กับเสน่ห์ของโมนิก้า “เขาอยู่ในฟองสบู่ของความรักหนุ่มสาวครับ ดังนั้นเขาก็เลยถูกดึงดูดเข้าหาเธอ” ไอเซนเบิร์กกล่าว “เธอสนใจเรื่องตัวเองมากๆ และความสนใจตัวเองของเธอก็ทำให้เธอน่าสนใจมากๆ จนเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอฉายแสงเจิดจรัสใกล้ๆ เขา เขาจะรู้สึกตื่นเต้นทันทีอย่างที่ไม่ควรจะเป็นครับ”
            ระหว่างนั้น จอห์นวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แจ็ค (แต่จอห์นกำลังมองดูตัวเองสมัยเป็นหนุ่มอยู่รึเปล่านะ?) ไปๆ มาๆ เพื่อพูดถึงโมนิก้าและแซลลี่ราวกับพวกเธอไม่อยู่ตรงนั้น ทิ้งคำถามที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ให้เปิดกว้าง นี่เป็นสิ่งที่อัลเลนตั้งใจทำ “คุณสามารถมองได้สองทางครับ” เขาบอก “แต่ทางที่ปลอดภัยที่สุดคืออเล็กซ์เดินตามรอยความทรงจำของตัวเองและเขาได้พบกับวัยหนุ่มของตัวเอง เขาจดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกอย่างไร เขาทำพลาดไปอย่างไร ความสิ้นหวังเป็นอย่างไร และความทรงจำนั้นก็เป็นความทรงจำที่เขาไม่อาจลบเลือนไปได้เลย แจ็คเป็นวัยหนุ่มของจอห์นโดยที่เขาไม่ได้เป็นจอห์นวัยหนุ่มในแฟลชแบ็คน่ะครับ” เพจกล่าวว่า “คนแต่ละคนจะมองมันไปคนละทาง คนที่อายุมากหน่อยอาจมองมันในมุมมองของจอห์น และคนที่อายุน้อยหน่อยอาจจะสนใจกับความฉับพลันของปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมนิก้า, แจ็คและแซลลี่ และจอห์นก็จะดูเหมือนคนนอกน่ะค่ะ” ไม่ว่าเราจะตีความเรื่องราวอย่างไร หัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือความเฉลียวฉลาดที่เกิดขึ้นพร้อมวัย ทีได้มองย้อนกลับไปสู่ความอ่อนหัดของวัยหนุ่มสาว บัลด์วินกล่าวว่า “ในความคิดของผมและจากประสบการณ์ของผมเอง การมองย้อนกลับไปที่ตัวเราที่อายุน้อยกว่านี้ หรือที่หนุ่มสาวโดยทั่วๆ ไปเป็นเรื่องที่น่าประทับใจและน่าขนลุก พอเรามองเห็นคนหนุ่มสาว เราก็จะคิดว่า 'ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันเคยทำแบบนั้นหรือพูดแบบนั้น' แต่ส่วนหนึ่งของชีวิตคือการเติบโตและเปลี่ยนแปลง บางทีอาจจะช้า และบางทีก็อาจจะเร็วน่ะครับ”
            ตัวละครหลายตัวใน  TO ROME WITH LOVE ก็มีความปรารถนาที่จะเป็นที่ชื่นชมเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาเป็นคนที่ค่อนข้างธรรมดาอยู่แล้ว ความต้องการนี้ถูกนำเสนอในเรื่องราวของเจอร์รี่และลีโอโปลโด้ รวมไปถึงในกลยุทธที่ลูก้า ซัลต้าใช้จีบมิลลี่ด้วย เขาบอกเธอว่าเขาเห็นคุณค่าความเห็นของเธอที่มีต่อเรื่องทางวัฒนธรรม มันเป็นการยอมรับที่สามีเธอไม่เคยให้กับเธอ มิเกลันเจโล ลูกเขยในอนาคตของเจอร์รี่ พูดถึงแต่ตัวเองและมุมมองที่สูงส่งของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกพิเศษและสำคัญ เช่นเดียวกัน ความมั่นใจในตัวเองของแจ็คพองโตขึ้นเมื่อเขาเชื่อว่าผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างโมนิก้าจะเลือกเขาเป็นคนรัก “ผู้หญิงที่มีพันธะก็เหมือนแคทนิปสำหรับผู้ชายางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเขายังอายุน้อยกันอยู่น่ะครับ” บัลด์วินบอก “คุณไม่ได้อยากได้พวกเธอจริงๆ หรอก คุณก็แค่อยากเอาชนะ มันเป็นเรื่องของอีโก้ครับ” เพจคิดว่าโมนิก้าเองก็มักต้องการที่จะถูกประเมินค่าจากคนอื่นอยู่เสมอๆ “ในตอนที่โมนิก้ามีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เธอมักจะให้ความรู้สึกของคนที่อยากจะเป็นนักวิชาการผู้ทรงภูมิ ฉันคิดว่ามันอาจจะเกิดจากความไม่มั่นใจของเธอและความต้องการจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ทำนองว่า 'ชอบฉันเถอะ! ฉันฉลาดและฉันก็รู้จักโควทเก๋ๆ นะ' น่ะค่ะ”
            ความต้องการพื้นฐานในจิตใจมนุษย์ในการเป็นที่ยอมรับอาจเป็นพื้นฐานที่ทำให้คนใฝ่ฝันอยากมีชื่อเสียงก็เป็นได้ “เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่ได้รับการยกย่อง เทิดทูนค่ะ” เพจกล่าว “แม้ว่าเรามักจะรู้ว่ามันไม่ใช่วิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพซักเท่าไหร่ และอาจทำลายชีวิตคนได้ด้วยซ้ำ คนหมกมุ่นอยู่กับไอเดียที่ว่า 'มันจะต้องทำให้ฉันมีควาสุข มันจะทำให้ฉันรู้สึกเป็นคนสำคัญ มันจะทำให้ฉันรู้สึกมั่นคง ปลอดภัยและทรงพลัง' สิ่งน่าขันก็คือสิ่งที่ผู้คนคาดหวังว่าจะเติมเต็มชีวิตเขาคือสิ่งที่ท้ายที่สุดแล้วก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าว่างเปล่าน่ะค่ะ” อัลเลนกล่าวว่า “คนปรารถนาชื่อเสียงด้วยเหตุผลเดียวกับที่พวกเขาต้องการสิ่งอื่นๆ ทุกอย่างที่เราไขว่คว้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง เสื้อผ้าสวยๆ ทรัพย์สมบัติ ความสามารถด้านศิลปะหรือกีฬา ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่คุณพยายามทำก็คือพยายามดึงดูดเพศตรงข้าม แม้ว่าคุณจะอำพรางมันด้วยการกระทำอย่างไรก็ตามครับ”
            เรื่องราวที่พบใน  TO ROME WITH LOVE ได้ล้วงลึกถึงการไขว่คว้าความรักและเซ็กส์ในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การหมั้นหมายและการฮันนีมูนผ่านทางการนอกใจสารพัดแบบ ตั้งแต่การร่วมรักที่อ่อนละมุนไปจนถึงสัมพันธ์สวาทฉาบฉวย ตั้งแต่เรื่องน่าขบขัน ไร้สาระไปจนถึงเรื่องที่ลึกซึ้ง ดื่มด่ำ ตั้งแต่ความตื่นเต้นของรักครั้งใหม่ไปจนถึงการอกหักและผลที่ตามมาหลังจากนั้น เรื่องราวสลับฉากเกี่ยวกับความรักเหล่านี้ได้ดำเนินไปพร้อมๆ กันในเมืองเก่าแก่ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน ในทุกส่วนของเมือง ในอดีตและในปัจุบัน และมันก็จะดำเนินต่อไปในอนาคต ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนได้พบรักบนท้องถนนในกรุงโรม และผู้คนในเรื่องก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น











32418

จัดจำหน่ายโดย      เอ็ม พิคเจอร์ส  
ภาพยนตร์เรื่อง      To Rome With Love
ชื่อภาษาไทย         “รักกระจายใจกลางโรม”   
 ภาพยนตร์แนว       โรแมนติก-คอเมดี้  
จากประเทศ        สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย        26 กรกฎาคม 2555
ผู้กำกับ              Woody Allen (วู้ดดี้ อัลเลน)
อำนวยการสร้าง   Letty Aronson (เล็ตตี้ อารอนสัน),
                           Stephen Tenenbaum (สตีเฟน เทเนบอม)

นักแสดง   Alec Baldwin (อเล็กซ์ บัลด์วิน) จาก Rock of Ages, It’s Complicated

Roberto Benigni (โรเบอร์โต้ เบนิญี)จาก Life is Beautyful
    
Judy Davis (จูดี้ เดวิส) จาก The Eye of the storm, Hard Chic

Woody Allen (วูดดี้ อัลเลน) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง Midnight in Paris,Vicky Cristina Barcelona,You will meet a talk Dark Stranger

Jesse Eisenberg (เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก) จาก The Social Network , Zombieland, Free Samples, Predisposed, 30 Minutes or Less

Penelope Cruz (เพเนโลเป้ ครูซ)  จาก Pirates of the Caribbean : on Strangen Tides,Vanilla Sky,Volver

Greta Gerwig (เกรต้า เกอร์วิก)จาก The Corrections, China, Damsels in Distress

GreEllen Page (เอลเลน เพจ) จาก Family Guy, Tilda, Super, Inception, Peacock




จุดเด่น   TO ROME WITH LOVE ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้หลากมุมมอง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนและการผจญภัยที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา และเกิดขึ้นในเมื่องที่มีเสน่ห์ที่สุดของโลก ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดยผู้กำกับลายคามมากฝีมืออย่าง Woody Allen (วู้ดดี้ อัลเลน) ที่จะทำให้คุณหลงใหลไปกับอารยธรรมของกรุงโรม[/size][/color][/b]

เรื่องย่อ

               TO ROME WITH LOVE ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในหนึ่งในเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดของโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเราไปพบกับสถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน ผู้กำลังหวนกลับไปสู่การใช้ชีวิตแบบวัยหนุ่มอีกครั้ง, ลีโอโปลโด้ หนุ่มวัยกลางคนที่แสนธรรมดาจู่ๆ ก็พบว่าตัวเองกลายเป็นเซเล็บที่  โด่งดังที่สุดในกรุงโรม, คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่ถูกดึงดูดไปพบความรักที่แสนโรแมนติกกับคนที่ไม่ใช่คู่ของตัวเองและผู้กำกับละครโอเปราชาวอเมริกัน ที่ใฝ่ฝันจะผลักดันสัปเหร่อที่ร้องเพลงได้ให้ขึ้นไปยืนบนเวที
            จอห์น (อเล็กซ์ บัลด์วิน) สถาปนิกชื่อดังกำลังใช้เวลาช่วงวันหยุดพักผ่อนในกรุงโรม ที่ซึ่งเขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในวัยหนุ่ม ระหว่างที่เขาเดินอยู่ในย่านเดิมที่เขาเคยพักอาศัย เขาก็ได้พบกับแจ็ค (เจสซี ไอเซนเบิร์ก) ชายหนุ่มที่คล้ายกับตัวเขา ขณะที่เขามองแจ็คตกหลุมรักโมนิก้า(เอลเลน เพจ) เพื่อนสาวคนสวยที่ชื่นชอบการหว่านเสน่ห์ของแซลลี่ (เกรต้า เกอร์วิก) แฟนสาวของเขา จอห์นก็นึกถึงหนึ่งในช่วงเวลาที่เขาเจ็บปวดหัวใจเรื่องความรักที่สุดในชีวิตของเขาเอง
            ในเวลาเดียวกัน เจอร์รี่ (วู้ดดี้ อัลเลน) ผู้กำกับละครโอเปราที่เกษียณการทำงานแล้ว ได้บินไปกรุงโรมกับฟิลลิส (จูดี้ เดวิส) ภรรยาของเขา เพื่อพบกับมิเกลันเจโล (ฟลาวิโอ พาเรนติ) คู่หมั้นชาวอิตาลีของเฮย์เลย์ (อลิสัน พิลล์) ลูกสาวของทั้งคู่ เจอร์รี่แปลกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องเพลงของจิอันคาร์โล (ฟาบิโอ อาร์มิลิอาโต้ นักร้องเทเนอร์ชื่อดัง) พ่อผู้ทำงานเป็นสัปเหร่อของมิเกลันเจโล ที่ไพเราะคู่ควรกับเวทีลา สกาล่า ระหว่างที่เขาอาบน้ำ ด้วยความเชื่อว่าพรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ไม่ควรจะถูกเก็บงำไว้ เจอร์รี่ก็ฉวยโอกาสที่จะสนับสนุนจิอันคาร์โลและปลุกไ ฟการทำงานของตัวเองให้ลุกโชนขึ้นมาใหม่
            ในทางกลับกัน ลีโอโปลโด้ พิซาเนลโล (โรแบร์โต้ เบนิญี่) เป็นผู้ชายที่น่าเบื่อสุดๆ เขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งและพบว่าตัวเองกลายเป็นหนึ่งในคนที่โด่งดังที่สุดในอิตาลี โดยมีคำถามมากมายที่เขาไม่ได้รับคำตอบ ไม่นานนัก ปาปารัสซีก็คอยเกาะติดทุกการเคลื่อนไหวของเขาและตั้งคำถามทุกการกระทำของเขา ขณะที่ที่ลีโอโปลโด้เริ่มชินกับเสน่ห์เย้ายวนของความโด่งดัง เขาก็เริ่มตระหนักถึงค่าตอบแทนที่แพงระยับของความโด่งดังนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
            ในขณะเดียวกัน แอนโตนิโอ (อเลสซันโดร ทิเบรี่) เพิ่งเดินทางจากชนบทเข้ามายังกรุงโรมด้วยความหวังที่จะทำให้ญาติผู้เคร่งขรึมของเขาประทับใจในตัว มิลลี่ ภรรยาใหม่ผู้น่ารักของเขา (อเลสซานดรา มาสโทรนาร์ดี้) เพื่อที่เขาจะได้งานในเมืองใหญ่กับเค้าบ้าง การเข้าใจผิดที่น่าขบขันและความบังเอิญทำให้ทั้งคู่พลัดหลงกันในวันนั้น แอนโตนิโอลงเอยด้วยการนำตัวสาวแปลกหน้า (เพเนโลเป้ ครูซ) มาสวมบทบาทภรรยาของเขา ในขณะที่มิลลี่ก็ถูกตามจีบโดยลูก้า ซัลต้า ดาราภาพยนตร์ในตำนาน (แอนโตนิโอ อัลบานิส)

32419
เอ็ม พิคเจอรร์ส ออเดอร์หนังดีมีคุณภาพเอาใจสาวกแดนกิมจิ
พาแฟนคลับตามติดชีวิตศิลปินคนโปรดจากค่ายSM Town ในภาพยนตร์เรื่อง I Am
เตรียมนับถอยหลังตั้งตารอ 7-8 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์


                เอ็ม พิคเจอร์สพาสาวกแดนกิมจิร่วมสัมผัสภาพบรรยากาศแห่งความประทับใจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังความสำเร็จของซุป’ตาร์ชื่อดังทั้ง 32 ชีวิตจากค่ายSM Townนำโดยศิลปินสุดฮอต อาทิGirls’ Generation ,SuperJunior,SHINee,BoA,TVXQ,f(x) ฯลฯในภาพยนตร์เบื้องหลังคอนเสิร์ตเรื่อง I Am (ไอแอม) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า“ฝันไกลไอแอม”ที่จะพาแฟนๆ ไปร่วมเกาะติดชีวิตส่วนตัวของศิลปินคนโปรด พร้อมชมภาพการฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น ทุ่มเทนับตั้งแต่วินาทีแรกของการก้าวเข้ามาเป็นศิลปินภายใต้ชายคาของSM Townและการเตรียมพร้อมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสำคัญที่Madison Square Garden  (เมดิสัน สแควร์ การ์เดน)  นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกามหานครต้นกำเนิดของดนตรีป๊อบ ซึ่งนับเป็นกลุ่มศิลปินเอเชียกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีระดับโลก  งานนี้ได้Choi Jin Song (ชอยจินซอง)ผู้กำกับมืออาชีพมาร่วมถ่ายทอดโมเม้นท์สำคัญในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยผู้กำกับเปิดใจถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า...

                 “… I Am ไม่ใช่เป็นเพียงแค่บันทึกการแสดงสดหรือว่าฟุตเทจเบื้องหลังเท่านั้น แต่มันเป็นบันทึกชีวิตของเหล่าศิลปินที่แฟนๆ จะได้เห็นถึงความพยายามอย่างไม่ท้อถอยของพวกเขา ที่กว่าจะก้าวมาเป็นศิลปินขวัญใจแฟนๆ พวกเขามีที่มากันอย่างไรบ้าง แฟนๆ จะได้เห็นวินาทีแรกที่พวกเขาก้าวเข้ามาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด SM Town การฝึกฝน การฝึกซ้อมอย่างเข้มงวดนานหลายปี กว่าจะก้าวเข้ามาเป็นศิลปินอย่างเต็มรูปแบบ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณได้รู้จักตัวตนของศิลปินในแง่มุมที่พวกคุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทีมงานต้องนั่งดูวีดีโอกว่า 10,000 ม้วนจากทางค่าย เพื่อจะนำเสนอตัวละครทั้ง 32 คนให้ออกมาดีที่สุดและมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน  เล่นเอาทีมงานเหงื่อตกอยู่เหมือนกัน เชื่อไหมว่าทีมงานใช้เวลาในการดูเทปนานกว่า 5 เดือนถึงจะได้ภาพที่เราต้องการ ซึ่งแฟนๆ จะได้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้   การได้ร่วมงานกับศิลปินทั้ง32คนนับเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับพวกเรา ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เฝ้าดูการเจริญเติบโตของลูกหลาน (หัวเราะ) มันที่หลากหลายอารมณ์และความรู้สึก ใครจะรู้บ้างว่าศิลปินพวกนี้ตัวจริงมีนิสัยขี้อายมาก แต่พอเวลาที่พวกเขาต้องก้าวขาขึ้นเวทีเท่านั้นแหละ พวกเขาสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นซูเปอร์สตาร์ได้ทันที ผมอยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวจุดประกายความฝันของวัยรุ่นทุกคน อยากให้ลองติดตามกันดูว่าการที่วัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้องและเต้นบนเวที พวกเขาจะต้องผ่านอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น การซ้อมที่หนักสาหัสสากัน ความกลัว ความขี้อาย แต่พวกเขาต้องเอาชนะใจตัวเองเพื่อวิ่งไล่ตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จ จนในที่สุดพวกเขาได้รับการยอมรับจากเหล่าบรรดาแฟนคลับ ยกให้เป็นซูเปอร์สตาร์ในดวงใจ สำหรับคนที่มีฝันแต่ยังกล้าๆกลัวๆอยากให้มาลองดูครับ ไม่แน่ I Am จะช่วยจุดไฟฝันในตัวคุณขึ้นมาอีกครั้ง...”


                 สาว Yoona (ยุนอา) ตัวแทนจากวง Girls’Generationออกปากชวนแฟนคลับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า   “…พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ มันบอกเล่าตัวตนของพวกเราได้ชัดเจนที่สุด คุณจะได้เห็นช่วงเวลาสุข เศร้า เคล้าน้ำตาที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน และฉันหวังว่าแฟนๆ ที่เมืองไทยจะมาเป็นกำลังใจให้พวกเราทุกคน นะคะ”


                 ด้านหนุ่ม Lee Teuk (อีทึก) หัวหน้าวง Super Junior กล่าวว่า...“…ผมขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนะครับ รับรองว่าแฟนๆ จะได้รู้จักตัวตนของพวกเรามากขึ้น หลังจากที่ทุกคนอาจจะได้เห็นภาพของความสนุกสนานของคอนเสิร์ตตอนที่พวกเราอยู่หน้าเวทีกันมาเยอะแล้ว คราวนี้ลองมาดูว่าหลังเวทีพวกเราทำอะไร หรือมีการเตรียมตัวก่อนเล่นคอนเสิร์ตนี้อย่างไรบ้าง พวกเราตั้งใจทำสิ่งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การตอนรับพวกเราศิลปิน SM Town อย่างอบอุ่นเสมอมา อย่าลืติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ...”














                 ภาพยนตร์เรื่อง I Am (ไอแอม) ฝันไกลไอแอม เป็นการรวบรวมเอาภาพบรรยากาศการเริ่มต้นของเด็กวัยรุ่นธรรมดา ที่ผ่านการฝึกฝน ฝึกซ้อม ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของค่าย SM Town จนเป็นที่ยอมรับของแฟนๆ ทั่วโลก เรื่องราวทั้งหมดถูกนำมาเรียงร้อยและถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์ม ซึ่งนับว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่รวบรวมเอาศิลปินมาไว้เยอะที่สุดถึง 32 คน เตรียมตัวตั้งตารอชมบันทึกชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ได้ ในวันที่ 7-8 กรกฎาคมนี้ รอบ 13.00 น. และรอบ19.00 น. ส่วนแฟนๆต่างจังหวัด สามารถรับชมภาพยนตร์ I Am ได้ในวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม ที่ จ.เชียงใหม่ ,จ.พิษณุโลก และ  จ.นครราชสีมา  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา หรือโทรศัพท์ 02-262-3456 งานนี้สาวกค่าย SM Town ไม่ควรพลาด


32420
บิณฑ์ ปิดกล้อง ซึ้งใจทีมงาน นักแสดงต้องลำบากเพื่อหนัง  รูปู รูปี


               ปิดกล้องไปแล้วสำหรับ ภาพยนตร์เรื่อง“ รูปู รูปี” ของผู้กำกับฯ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ได้ไอเดียเรื่องราวมาจากการไปทำบุญที่ประเทศอินเดีย จนกลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ต้องขนทีมงานและนักแสดงเดินทางไปถ่ายทำกันถึงประเทศอินเดียนานนับเดือน ซึ่งนักแสดงส่วนใหญ่เป็นเด็กเกือบทั้งหมด เรื่องนี้ก็ยังคงถ่ายทอดเรื่องราวสนุกสนาน เฮฮา ใสซื่อสไตล์ท้องถิ่นอีสาน พร้อมทวีคูณความตื่นเต้นมากขึ้นกับการผจญภัยต่างแดน แต่ยังคงสไตล์ความเป็นแนวหนังคอมเมดี้ดราม่า ให้แฟนหนังได้ลุ้น และซาบซึ้งไปกับนักแสดงเด็กๆเหล่านี้


               ผู้กำกับฯ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เปิดใจว่า “ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมก็จะได้พบกับเหล่านักแสดงเด็กแก๊งเดิมแห่งเมืองอุบลราชธานี และผมก็ได้ดึงเอานักแสดงและตลกแถวหน้าอย่าง โดโด้-ยุทธพิชัย ชาญเลขา, อุษณียาภรณ์ ผลเจริญ, นพดล  ดวงพร, จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม,เหลือเฟือ  ม๊กจก , ซ่าส์ หมาว้อ มาสร้างสีสันความฮา ซึ่งล่าสุดก็ได้ถ่ายทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันปิดกล้องมีเหล่านักแสดงและทีมงานของเรื่องตบเท้ามาร่วมเข้าฉากกันเกือบครบทีมไม่ว่าจะเป็น น้องน้ำขิง - ด.ญ.สุธิดา หงษ์สา, , น้องแฟรงค์ - ด.ช.พงษ์สิทธิ์ นาเวียง,น้องจอบ-ด.ช. บุญฤทธิ์ จันทร์แก้ว,น้องแหว่ง- ด.ช.วิชิต สมดี และนักแสดงเด็กอีกหลายสิบชีวิตที่เดินทางมาจากอุบลฯ ด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสุดยอดของการตั้งใจทำงานของทีมงานและนักแสดงทุกคน พอปิดกล้องแล้วก็ใจหาย เพราะด้วยความที่ต้องใช้ชีวิตในต่างแดนกับพวกเด็กๆรวมหลายสิบชีวิต ต้องทำงานกับพวกเขาเป็นเวลานานนับเดือนลำบากด้วยกันต่างๆนานา ไม่ว่าจะเรื่องการเดินทางไปถ่ายแต่ละที่ไกลๆทุกคนอึดไม่มีบ่น ถ่ายทำจนดึกดื่น เรื่องอากาศที่ร้อนมากประมาณ 48-50 กว่าองศาจนเลือดกำเดาไหล เรื่องการเข้าห้องน้ำ และเรื่องอาหารการกินก็ต้องดูแลกันเป็นพิเศษเพราะกลัวเรื่องท้องเสีย แม้แต่การไปถ่ายทำในที่ชุมนุมชนก็ลำบากมากเพราะแขกจะมามุงดูการถ่ายทำของเรานับร้อยคน เด็กๆทุกคนจะช่วยกันดูแลกัน ทุกๆอย่างทำให้เกิดความผูกพัน เด็กๆทุกคนเก่งและตั้งใจทำงานเวลาว่างจากการถ่ายทำก็จะซ้อมบท หรือซ้อมการแสดง ซ้อมเพลงกันอย่างจริงจัง ผมเองพอเห็นเขาซ้อมกันก็ยังอดภูมิใจในความสามารถของพวกเขาไม่ได้เลย และอยากสนับสนุนให้ความสามารถของพวกเขาออกสู่สายตาผู้ชม ให้ทุกคนหลงรักเขาอย่างกับที่ผมหลงรักพวกเขา ที่เขาว่ากันว่า เด็ก สลิง สัตว์ เป็นอะไรที่ยากมากกับการถ่ายทำยิ่งเด็กหลายสิบคนมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ดูป่วนๆบ้าง แต่ผมว่าเด็กสมัยนี้เก่งครับ และพวกเขาก็รู้จักความรับผิดชอบกันทุกคนครับ ”














               อดใจรอกันอีกไม่นาน ภาพยนตร์เด็กน่ารักใสซื่อ "รูปู รูปี"ก็จะออกสู่สายตาผู้ชมในโปรแกรมสุขสันต์บันเทิงเริงใจปลายปีนี้

32421
Bendix Ultimate Racing Team NSX-K20A โชว์ฟอร์มเจ๋ง
สนามแรกประเดิมรองชนะเลิศอันดับ 1 Touring Car Class C
รายการ Pro Racing Series 2012 สนามที่ 1




ณรงค์ชัย พาวิทยลาภ อดีตแชมป์ประเทศไทย นักแข่งทีม Bendix Ultimate Petcharat Racing Team โชว์ฟอร์มเจ๋ง หวนคืนจับพวงมาลัย ลงสู้ศึก Pro Racing Series 2012 สนามที่ 1 พีระพัทยาเซอร์กิตโชว์ฟอร์มร้อนแรง คว้าอันดับที่ 2 Class Cมั่นใจสนามที่ 2 สนามแก่งกระจาน มีลุ้นอันดับขึ้นโพเดียม 100%

32422
Nitto ตอบรับกระแสยางนำเข้าแรงเกินคาด
ยางนิตโต ขนทัพยางทุก Segment บุกไทยทำตลาดแบบ 360
องศาร่วมเปิดตัวในงาน Bangkok International Auto Salon 2012


นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด (ยางนิตโต) นำผลิตภัณฑ์ยางนิตโต ยางรถยนต์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100% ยกทัพโชว์เทคโนโลยี และ ประสิทธิภาพยางทุกประเภท ตอบรับกระแส ความต้องการ ยางรถยนต์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น สำหรับลูกค้าชาวไทย โดยชูจุดขาย ความคุ้มค่า และ การรับประกันคุณภาพ ของยาง ตลอดอายุการใช้งาน เจ้าเดียวในไทย


บริษัท ต. สยามคอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยางนิตโต เปิดตัวผลิตภัณฑ์ยางนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 100% ครบทุก Segment ตอบรับกระแสความต้องการและไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภคยุคใหม่ ภายในงาน Bangkok International Auto Salon 2012 โดยในงานนี้ได้นำไฮไลท์ยาง Segmentใหม่รุ่นล่าสุด NITTO “NT830” ยางรถยนต์ UHP (Ultra High Performance) สำหรับ รถยนต์ซีดานขนาดกลางและใหญ่ ที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ที่ต้องการ ความนุ่มนวล เงียบสงบสะดวกสบาย พร้อมความปลอดภัยสูงสุดตลอดการเดินทาง และลดเสียงรบกวนจากยางรถยนต์ขณะขับขี่ได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา




นอกจากนี้ภายในงานยังได้นำยาง NITTO “NT420S” ยางเรเดียลประสิทธิภาพสูงสำหรับรถ SUV ที่ต้องการประสิทธิภาพ การยึดเกาะถนน ทั้งบนถนน เปียกและถนนแห้ง มาพร้อมกับความนุ่มนวลในการขับขี่ โดยชูจุดขายด้วยขนาดของยาง ที่มีมากมายตั้งแต่ขนาด 15-26 นิ้ว มากที่สุด! เท่าที่เคยมีมา และNITTO “NT05R” ยางDrag Radial พันธุ์แท้ ที่มาพร้อมกับโครงสร้างของยางที่แข็งแกร่ง สำหรับคอมอเตอร์สปอร์ต มาพร้อมกับ NITTO “NT05” ยางเรเดียลประสิทธิภาพสูง โดยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาสู่ท้องถนนสำหรับขับขี่ในชีวิตประจำวัน โดยยางรุ่นดังกล่าวยังเป็นยางที่ใช้สำหรับ การแข่งขัน NITTO 3K ISUZU ONE MAKE RACE 2012 อีกด้วย จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพของการยึดเกาะถนน สำหรับการขับขี่ทุกรูปแบบ และสำหรับขาลุยกับยางรถกระบะพันธุ์แกร่ง NITTO “MUD GRAPPLER” ยางออฟโรด สำหรับคอออฟโรดพันธุ์แท้ ที่สามารถลุยได้ทุกพื้นผิวไม่ว่าจะเป็นดินโคลนหรือโขดหินแหลมคมก็ตาม ด้วยโครงสร้างยางพันธุ์แกร่งพร้อมผ้าใบ เสริมใยเหล็กมากถึง 3 ชั้น และลวดลายดอกยางที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครจากยางนิตโต จึงทำให้มั่นใจสามารถลุยได้ทุกพื้นผิวถนน และเท่ห์ไม่ซ้ำใครกับขนาดของยางที่มีตั้งแต่ 15-22 นิ้ว ให้คุณเลือกเป็นเจ้าของ และท้ายสุดกับยางรถกระบะสำหรับผู้ที่ต้องการ ความยึดเกาะถนน พร้อมกับความนุ่มนวล ไม่เหมือนใคร ให้ความมั่นใจบนถนนเปียกด้วยร่องรีดน้ำขนาดใหญ่ถึง 4 ช่อง และการออกแบบดอกยางให้ลดเสียงรบกวนจากยางรถยนต์ขณะที่วิ่งต่ำที่สุด ให้คุณเพลิดเพลินสุนทรีย์กับการขับขี่กับ NITTO “DURA GRAPPLER”








นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด กล่าวถึงการร่วมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์นิตโต ภายในงาน Bangkok International Auto Salon 2012ว่า เป็นโอกาสอันดี ที่ทางบริษัทฯ จะได้ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์ ในรุ่นต่าง ๆ ที่ทาง บริษัทฯ ได้นำเข้ามาจัดจำหน่าย ให้กับกลุ่มผู้เข้าชมงานดังกล่าวซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า ที่มี ความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ และชื่นชอบสินค้าที่มีดีไซน์ไม่ซ้ำใคร ซึ่งในปัจจุบันนั้นกระแส การตอบรับยางนิตโต้ จากผู้จำหน่าย ยางรถยนต์ และ ผู้บริโภค นั้นดีเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของยอดขาย และ แบรนด์ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ที่สามารถคลองใจ ผู้บริโภค โดยได้ชูจุดแข็งในเรื่องของ ความคุ้มค่าของสินค้า, รวมถึงการบริการหลังการขายของบริษัทฯ เป็นหลักไม่ว่าจะเป็นการ รับประกันคุณภาพยางตลอดอายุการใช้งานซึ่งเป็นบริษัทฯ เดียวในประเทศไทยที่กล้ารับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ตลอด อายุการใช้งานดังกล่าว รวมถึงกิจกรรมการตลาด และการสื่อสารกับลูกค้าแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็น Below the line หรือAbove the line รวมถึง ช่องทาง OnlineและDigitalต่าง ๆ และในปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้เปิด Fan Page Facebook.com/NittoTireThailand อีก 1 ช่องทาง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี และทำให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึง ตัวสินค้า และ บริษัทฯ ได้ง่ายมากยึ่งขึ้น

นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กล่าวว่า “จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นตนเชื่อมั่นว่าด้วยผลิตภัณฑ์ของ NITTO ซึ่งในปัจจุบัน มีมากมาย หลากหลายสำหรับรถทุกรูปแบบ รวมถึงขนาดของยางขนาดต่าง ๆ ที่ทาง NITTO มีอยู่อย่างครบครันนั้น สามารถตอบโจทย์ ความต้องการ ของลูกค้าได้ครบทุกประเภทในท้องตลาด ได้มากกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา






32423
“ป่านางเสือ”  “เสือสั่งฟ้า” “ลูกผู้ชายไม้ตะพด ละครดังปี 2554
จากค่าย “กันตนา”รับรางวัลละครทำเรตติ้งสูงสุดจากช่อง 7  


                เป็นอีกหนึ่งแห่งความภาคภูมิใจ  เมื่อละครจากค่าย“กันตนา”ซึ่งเป็นค่ายเดียวที่ผลิตละครทำเรตติ้งสูงสุดติดต่อกันมากกว่า 4 สัปดาห์  ถึงสามเรื่อง งานนี้“ตุ๊กตา” จิตรลดา  ดิษยนันทน์ผู้บริหารจากค่าย“กันตนา”จึงนำทีมนักแสดงและคนเขียนบทจากละครทั้งสามเรื่อง อาทิฯ  ลลิตา ฉันทศาสตร์โกศล,พิง ลำพระเพลิง และ นอร์แมน วีรธรรม เข้าร่วมงานของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 พร้อมขึ้นเวทีรับรางวัลละครที่ออกอากาศในปี พ.ศ. 2554  ที่มีเรตติ้งสูงสุด 4 สัปดาห์ติดต่อกันขึ้นไป   จากละครเรื่อง“ป่านางเสือ”ซึ่งทำเรตติ้งสูงสุดติดต่อกันถึง 6 สัปดาห์  ด้วยเรตติ้ง 20.1  และ “เสือสั่งฟ้า” ที่ทำเรตติ้งสูงสุดติดต่อกันยาวนานถึง 9 สัปดาห์ โดยมีเรตติ้งสูงสุดที่ 21.8  ปิดท้ายที่“ลูกผู้ชายไม้ตะพด”ทำเรตติ้งสูงสุดติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ด้วยเรตติ้งสูงสุดที่ 18.3  ซึ่งรางวัลที่ได้นี้ได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมงานเบื้องหลังเป็นอย่างมาก  ทั้งนี้คุณ“ตุ๊กตา”ยังได้ฝากคำขอบคุณมายังสื่อมวลชนและแฟนละครทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่ง ทำให้ละครทั้งสามเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเรื่องของเรตติ้งในครั้งนี้ด้วย








32424

                ประยูร วงษ์ชื่น ผู้กำกับฯละครส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง ตอนนี้กำลังเร่งถ่ายทำเรื่อง“สวนอาหารบานใจ”ลงจอช่อง 7 ก็ได้รับกำลังใจจากนายอำเภอซับใหญ่ (นายโชติพัฒน์ สิชฌรังษี) จังหวัดชัยภูมิ นำคณะกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการโครงการฝึกอบรมส่งเสริมการเรียนรู้การทำการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เข้าเยี่ยมชมการถ่ายทำ โดยมีนักแสดงอาทิ โน๊ต-วัชรบูลย์ ลี้สุวรรณ,ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ ,จิ้บ-เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์,ต้อม –รัชนีกร พันธ์มณี และแอน-กรุณา มอริส ร่วมต้องรับ ณ กองถ่ายสวนอาหารบ้านไทย ไทยน้อย นนทบุรี

32425
“สิทธิผล 1919” ประมวลภาพสัมนาช่างนครพนม


                กิจกรรมสัมมนาช่างประจำปี 2555 ของกลุ่มสิทธิผล ผู้นำผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ชั้นนำ อาทิ ยางรถจักรยานยนต์ไออาร์ซี,โซ่และชุดโซ่+สเตอร์ดี.ไอ.ดี, หลอดไฟสแตนเลย์, น้ำมันเครื่องเอลฟ์, หัวเทียนเด็นโซ่ และสายพานแบนโด ได้เดินสายมาถึงจังหวัดนครพนมซึ่งถือเป็นจังหวัดที่ 4 ของกิจกรรมประจำปีนี้












                โดยช่างซ่อมรถจักรยานยนต์จากร้านตัวแทนจำหน่ายในจังหวัดนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง กว่า 200 คน  ได้รับเชิญมาร่วมกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจเช็คและวิธีสังเกตสินค้าปลอม การถ่ายทอดเทคนิคการดูแลรักษาอะไหล่และซ่อมรถมอเตอร์ไซค์อย่างถูกวิธี และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การแนะนำ สายพาน “แบนโด” สายพานออโตเมติกคุณภาพระดับโลก สำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติก เช่นยามาฮ่านูโว, มีโอ และฟิโนฮอนด้าคลิ๊ก, แอร์เบลด สกู๊ปปี้ไอ และไอคอน หรือซูซูกิเสต็ป, ฮายาเต้ และสกายไดรฟ์  ซึ่งการันตีคุณภาพการใช้งานนานถึง 24,000 กิโลเมตร ทนทุกสภาวะการขับขี่ด้วยมาตรฐานการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น และผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ISO9001 ISO14001 และTS16949  เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งแก่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์จังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย






                และที่ขาดไม่ได้ คือ ความสนุกสนานกับกิจกรรมการเล่นเกมส์แจกรางวัลของแต่ละบูธผลิตภัณฑ์ พร้อมได้ใกล้ชิดกับพริตตี้สาวสวย ตบท้ายด้วยงานเลี้ยงสังสรรค์ จับสลากแจกรางวัลผู้โชคดีเพื่อเป็นการแทนคำขอบคุณแก่ตัวแทนจำหน่ายและช่างทุกคน ที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสิทธิผล มาโดยตลอดท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง

            กลุ่มสิทธิผล หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมดังกล่าวจะสามารถช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสิทธิผล รวมถึงสร้างความทรงจำดีๆ แก่ผู้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้และยังมุ่งมั่นเดินหน้าจัดสัมมนาช่างในจังหวัดต่อไป

32426
แดเนียล พานาเบเกอร์ ฮึดสู้! สวมบทโหดเป็นสาวนักล่าปิรันย่า
ในภาพยนตร์สุดสยอง “PIRANHA 3DD กัดแหลก แหวกทะลุจอ ดับเบิ้ลดุ”





                ต้องมาสวมวิญญาณเป็นสาวอึด! ฮึด! สู้กับเหล่าฝูงเพชรฆาตร้ายปิรันย่า ในภาพยนตร์แอ็คชั่น -ทริลเลอร์สยองขวัญแห่งปีPIRANHA3DD (ปิรันย่า) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า “กัดแหลก แหวกทะลุจอ ดับเบิ้ลดุ”กับหนังภาคต่อที่หลายคนต่างยกนิ้วให้ว่าดุกว่า! โหดกว่า! สยิวกว่า!ภาคที่แล้ว งานนี้ดาราสาวDanielle Panabaker (แดเนียล พานาเบเกอร์) ที่รับบท Maddy (แม็ดดี้)เล่าถึงบทบาทที่เธอได้รับว่า

                “…ในเรื่องฉันรับบทเป็น  Maddy (แม็ดดี้) ลูกสาวเจ้าของ Big Wet (บิ๊ก เว็ท) สวนน้ำ     ที่เป็นต้นตอที่มาของเรื่องราวความสยองขวัญในครั้งนี้ Maddy (แม็ดดี้) มีหน้าที่ดูแลกิจการของที่บ้าน เธอเป็นคนเก่งหัวฉลาด     เธอต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แถมยังต้องแบกภาระความรับผิดชอบผู้คนที่มาใช้บริการในสวนน้ำของเธออีกต่างหาก  โอว!!! มันเป็นภาระที่หนักมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เธอก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทุกคนปลอดภัย นอกจากดูแลคนอื่นแล้วเรื่องหัวใจของ Maddy (แม็ดดี้)     ก็กำลังประสบกับปัญหา ไหนจะแฟนเก่ากลับมาขอคืนดี แถมเพื่อนร่วมงานคนสนิทดันมาหลงรักเธอเข้าอีก พระเจ้า!!!นี่มันอะไรกันเนี้ย
            ฉันเคยลองถาม John (จอห์น) ผู้กำกับว่าทำไมเขาถึงได้เลือกฉันให้มารับบทนี้ คำตอบของเขาคือฉันดูเป็นผู้หญิงแกร่งมากๆ  เลยเหมาะกับบทนี้ (หัวเราะ) แน่นอนว่าฉันเองก็ต้องฟิตตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับหนังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เวลาส่วนใหญ่ของฉันหมดไปกับการเข้ายิม เพื่อออกกำลังกายเพื่อให้ดูฟิตแอนด์เฟิร์มพร้อมรับมือกับเจ้าเหล่าปิรันย่า  ก่อนถ่ายทำ John (จอห์น) ให้ฉันทำความรู้จักกับปิรันย่า ซึ่งมันดูไม่เป็นมิตรกับฉันเท่าไหร่นัก พอเวลาถ่ายจริงมันทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งเขี้ยวในปาก และครีบที่แหลมคม มันพร้อมจะฉีกคุณเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ เห็นแล้วขนลุกไม่เบา นอกจากนี้ฉันยังได้ Christopher Lloyd (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) ที่รับบท Mr.Goodman (มิสเตอร์กู๊ดแมน) นักแสดงจากภาคที่แล้ว มาช่วยบิ๊วอารมณ์และความน่ากลัวของเจ้าปิรันย่าจากภาคที่แล้ว เพื่อให้อินกับบทเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมัน ช่วยให้การทำงานของฉันออกมาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ฉันก็ขอฝากภาพยนตร์ PIRANHA 3DD ด้วยนะคะ มาเอาใจช่วยกันว่า Maddy (แม็ดดี้) จะผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ไปได้อย่างไร เธอจะรอดพ้นจากคนเขี้ยวของเจ้าปิรันย่าไปได้หรือไม่ และสุดท้ายแล้วเธอจะเลือกใครระหว่างแฟนเก่ารูปหล่อกับเพื่อนร่วมงานคนสนิท...”













              PIRANHA 3DD (ปิรันย่า) กัดแหลก แหวกทะลุจอ ดับเบิ้ลดุ นำแสดงโดย Danielle Panabaker (แดเนียล พานาเบเกอร์), Christopher Lloyd (คริสโตเฟอร์ ลอยด์) , Ving Rhames (วิง ราห์ม) , David Koechner (เดวิด โคชเนอร์)  กำกับความเสียวสยองโดย John Gulager (จอห์น กูลาเกอร์)  พร้อมกัดสะบัดแบบไม่ยั้งฝังเขี้ยวทะลุจอ 14 มิถุนายนนี้ในโรงภาพยนตร์ (ขยายสิทธิ์ความเสียวให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปได้รับชม)

32427
อ้วน มณีนุช พรีเซนเตอร์คนใหม่BODY SHAPE 19th แจกรถยนต์




               คุณ ภูพงษ์  สืบวงศ์ลีผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในแวดวงบิ้วตี้ ที่น่าจับตามอง ทายาทคนกลางของนพ.สุรพงษ์ และปราณี สืบวงศ์ลี ผู้ก่อตั้งบอดี้เชพ  ผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลรูปร่างและความงาม มากกว่า 19 ปีคุณภูพงษ์  สืบวงศ์ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัดเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์[ครูอ้วน-มณีนุช  เสมรสุต/size]โดยมีนักแสดงเอมี่-กลิ่นปทุม /  พิม-ซาซ่า / โบวี่-อัฐมา / เอมมี่-มรกต / นุสรา-สุขหน้าไม้/เบล ภวภูตานนท์\ณัฏฐ์ เดชะปัญญา,ปู มัณฑณา,แอ็นดี้ เขมพิมุก เป็นพิธีกร และคนดังไฮโซ มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง มีกิจกรรม ดารานักแสดงเดินแบบโชว์หุ่น อย่างอลังการ ,แจกรถยนต์กับลูกค้า ,แจกกระเป๋าแบรนด์เนม เพื่อตอบแทนลูกค้าณ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เมื่อวันที่23มิถุนายน55 ที่ผ่านมา










32428
สถาบันอาหาร - ม.หอการค้าไทย ติวเข้มเอสเอ็มอี เปิดตลาด AECดันครัวไทยสู่ครัวโลก


                สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเวทีระดมสมอง จัดสัมมนา "ตลาด ASEAN : พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าเกษตรแปรรูปให้โดนใจลูกค้า" เมื่อวันที่ 25-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ โรงแรม    มิราเคิล แกรนด์  เร่งอัดฉีดกลุ่มเอสเอ็มอีให้รู้เท่าทันสถานการณ์เศรษฐกิจ กฎ กติกา และแนวทางปฏิบัติ เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปี 2558 หวังช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจ ดันผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปเข้าตลาด AEC เพิ่มมูลค่าส่งออก อีกหนึ่งภารกิจของสถาบันอาหารเพื่อผลักดันโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก

                เผยบทบาทสถาบันอาหารต่อ AEC หนุนตั้ง AEC Food Industry Center  และระบบเฝ้าระวังอาหารนำเข้า ระบุผลสำรวจภาพรวมผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 55.2 ไม่พร้อมเข้าสู่ AEC โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยร้อยละ 83.3 ไม่พร้อมอย่างแรง โดยกลุ่มผู้ประกอบการค้าข้าว ผู้ผลิตน้ำมันพืช  มีสัดส่วนความไม่พร้อมรับมือ AEC มากที่สุด เท่ากันคือร้อยละ 80.0 ขณะที่กลุ่มธุรกิจเนื้อสัตว์ และเครื่องปรุงรส ขานรับ AEC มีความพร้อมในสัดส่วนร้อยละ 62.5 และ 60.0 ตามลำดับ


                นางอรวรรณ แก้วประกายแสงกูล รองผู้อำนวยการสถาบันอาหารเผยถึงบทบาทและหน้าที่ของสถาบันอาหารที่มีต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในงานสัมมนาเรื่อง "ตลาด ASEAN : พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าเกษตรแปรรูปให้โดนใจลูกค้า"  ที่สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25-26 มิถุนายน ณ โรงแรม  มิราเคิลแกรนด์ ที่ผ่านมา โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเข้าร่วมราว 100 ราย ว่า สถาบันอาหารได้มีการเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ AEC โดยกำหนดแผนการดำเนินงานของสถาบันอาหารแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น ได้แก่ 1)เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเชิงลึกด้านการค้าและการผลิตอาหารให้แก่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมอาหาร โดยการวิจัยแนวทางการเข้าสู่ AEC ของอุตสาหกรรมอาหารของไทย 2)ขยายโอกาสและลดผลกระทบทางการค้าของอุตสาหกรรมอาหาร โดยวิจัยแนวทางขยายการค้าและวิจัยเชิงลึกในด้านต่างๆ  การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในกลุ่มประเทศ AEC  การให้บริการแก่อุตสาหกรรมอาหารในกลุ่มประเทศ AEC ในด้านต่างๆ เช่น การจัดสัมมนา เวิร์คช็อปจับคู่ธุรกิจ และศึกษาดูงาน ณ ประเทศในกลุ่ม AEC   3)ปรับปรุงห่วงโซ่รองรับการเปลี่ยนแปลง อาทิ สนับสนุนให้มีการจัดตั้ง AEC Food Industry Center การเตรียมจัดตั้งระบบเฝ้าระวังอาหารนำเข้า และการพัฒนาสู่ technical arms ของกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจ(ลาว กัมพูชา พม่า)

                นอกจากนี้ยังเผยผลสำรวจความพร้อมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ซึ่งสถาบันอาหารได้ทำการสำรวจในช่วงระหว่างวันที่ 8-25 พฤษภาคม 2555 โดยมีกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหารจำนวน 78 ราย ประกอบด้วย ธุรกิจขนาดเล็กจำนวน 15 ราย (ร้อยละ 19) ธุรกิจขนาดกลางจำนวน 17 ราย (ร้อยละ 22)  และธุรกิจขนาดใหญ่จำนวน 46 ราย

                จากผลการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารส่วนใหญ่ร้อยละ 55.2 ยังไม่พร้อมในการรับมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่วนผู้ประกอบการที่พร้อมรับมือ AEC มีเพียงร้อยละ 44.8 หากจำแนกธุรกิจตามขนาดกิจการ พบว่า กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง มีความพร้อมในการรับมือ AEC ในสัดส่วนใกล้เคียงกันอยู่ที่ร้อยละ 51.2 และ 50.0 ตามลำดับ ส่วนอีกประมาณครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 48.8 และ 50.0 ตามลำดับ ยังไม่พร้อมรับมือ ซึ่งแตกต่างมากเมื่อเทียบกลุ่มธุรกิจขนาดย่อมที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 83.3 ตอบว่ายังไม่พร้อมรับมือ AEC ส่วนที่พร้อมรับมือมีเพียงร้อยละ 16.7  หากจำแนกธุรกิจตามตลาดสินค้า คือ กลุ่มที่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก กับกลุ่มที่มีตลาดหลักอยู่ในประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจที่มีตลาดหลักอยู่ในประเทศส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 ไม่พร้อมรับมือ AEC ตรงข้ามกับกลุ่มธุรกิจที่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลักที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 54.8 ตอบว่าพร้อมรับมือ AEC

                อย่างไรก็ตามเมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจพบว่า กลุ่มที่ผู้ประกอบการมีสัดส่วนความพร้อมมากกว่าไม่พร้อม มีจำนวน 2 สาขา ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเนื้อสัตว์ และเครื่องปรุงรส โดยกลุ่มผู้ประกอบการเนื้อสัตว์มีสัดส่วนความพร้อมมากที่สุดที่ร้อยละ 62.5 รองลงมา คือ กลุ่มเครื่องปรุงรสที่มีสัดส่วนความพร้อมที่ร้อยละ 60.0

                ขณะที่กลุ่มที่ผู้ประกอบการมีสัดส่วนความไม่พร้อมมากกว่าความพร้อม มีจำนวน 5 สาขา ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการค้าข้าว ผู้ผลิตน้ำมันพืช กลุ่มแปรรูปผักผลไม้ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป โดยกลุ่มผู้ประกอบการค้าข้าว และผู้ผลิตน้ำมันพืช เป็นอุตสาหกรรมสาขาที่มีสัดส่วนความไม่พร้อมรับมือ AEC มากที่สุด มีสัดส่วนร้อยละ 80.0 เท่ากันทั้งสองสาขา ส่วนกลุ่มแปรรูปผักผลไม้ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป มีจำนวนผู้ที่ไม่พร้อมรับมือ AEC รองลงมา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60.0, 60.0 และ 54.5 ตามลำดับ

                สำหรับผลการสำรวจด้านการใช้สิทธิประโยชน์จาก AEC ของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมอาหาร ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีเพียงร้อยละ 28.4 ขณะที่ผู้ประกอบการอีกร้อยละ 71.6 ยังไม่เคยใช้สิทธิประโยชน์จาก AEC โดยผู้ประกอบการที่ใช้ประโยชน์จาก AEC ในการขอการรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อให้ได้สิทธิยกเว้นภาษี หรือลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าส่งออก มีสัดส่วนมากที่สุดที่ร้อยละ 47.4 ส่วนการขอรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีนำเข้าสินค้า และการใช้สิทธิประโยชน์ทั้งสองทางมีสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 26.3

                นางอรวรรณกล่าวสรุปว่า “การใช้สิทธิประโยชน์จาก AEC ในช่วงที่ผ่านมา ยังถือว่าน้อยเพียงร้อยละ 28.4 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ประกอบการบางส่วนไม่ได้ทำการค้าอยู่ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในด้านการส่งออกหรือการนำเข้าวัตถุดิบ ดังนั้น การขอรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ AEC จึงยังมีน้อย ประกอบกับอัตราภาษีที่ลดต่ำลงมากจนเป็น 0% เกือบหมดแล้วในปัจจุบัน จึงทำให้การใช้สิทธิประโยชน์จาก AEC มีสัดส่วนไม่มาก ขณะที่ผู้ประกอบการมากกว่าร้อยละ 60.0 มองว่า AEC ส่งผลด้านบวกต่อธุรกิจของตนมากกว่าด้านลบ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นในประเด็นความพร้อมในการรับมือ AEC กลับมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 37.0 ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีมาตรการใดๆ ในการรับมือ AEC ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลหลายประการ






                ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางที่ผู้ประกอบการอยากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อช่วยในการปรับตัว ซึ่งได้แก่การให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ AEC ให้ฉับไว เพียงพอและทั่วถึง การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ โครงสร้างภาษีให้เอื้อต่อการแข่งขัน พร้อมๆ กับยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ให้เชื่อมโยงกับการเปิดเสรีการค้าในภูมิภาค ตลอดจนจัดทำรายงานและเผยแพร่งานวิจัย บทวิเคราะห์ตลาดอาหารในอาเซียน รวมทั้งกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศสมาชิก AEC ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ควรพิจารณาดำเนินงานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ภาคธุรกิจมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ”


                นายอัทธ์  พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันในการทำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์อาหารของไทยในตลาด AEC ว่า “เป็นที่ทราบดีว่าสินค้าอาหารของไทยนั้นมีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในตลาดอาเซียน แต่สำหรับกลุ่มเอสเอ็มอีมักมีปัญหาด้านการทำตลาด เนื่องจากขาดข้อมูลในเชิงลึก โดยเฉพาะเรื่องรสนิยมของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มสินค้าแบบเจาะลึกในตลาดรายประเทศที่เป็นสมาชิก AEC นอกจากนี้ยังขาดความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่ดีพอ ทั้งที่เป็นมาตรการด้านการภาษี และมาตรการที่มิใช่ภาษี ซึ่งแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน จำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนหรือดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องมีความเข้าใจในสถานการณ์การแข่งขันในตลาดประเทศนั้นๆ ด้วยว่า เรากำลังทำธุรกิจแข่งอยู่กับใครบ้าง เป็นนักลงทุนจากประเทศใด มีศักยภาพอยู่ในระดับใด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหรือปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์”


                นายพรศิลป์  พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทยกล่าวว่า “ในภาพรวมแล้วควรต้องทำความเข้าใจว่าในกลุ่มประเทศ AEC แต่ละประเทศนั้นดำเนินนโยบายการเมืองการปกครองเป็นแบบใด เช่นเดียวกับการคำนึงถึงการจัดกลุ่มประเทศด้านการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา  หรือด้อยพัฒนา เพื่อการใช้ประโยชน์สูงสุดด้านการลงทุนและการส่งออก

                สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารแล้วขอยืนยันว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในกลุ่ม AEC ถือว่าอยู่ในขั้นที่มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานในระดับสูง แต่เท่าที่พบมักมีปัญหาความเข้าใจเรื่องข้อมูลที่ไม่ตรงกัน ที่อยากเน้นก็คือเราต้องรู้ว่าเราอยู่ช่วงไหนของห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ เราไม่สามารถดำเนินทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตได้ด้วยตัวเอง จึงต้องมีความเชื่อมโยงของธุรกิจเข้าด้วยกัน ต้องมาพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันในสายการผลิตผลิตภัณฑ์ของตนเอง ส่วนในการทำตลาดนั้น อยากแนะนำให้เดินทางไปดูด้วยตัวเอง ไปศึกษาความต้องการของตลาดในประเทศที่สนใจ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์อย่างตรงจุดที่สุด และควรมีคู่ค้าในประเทศนั้นๆ ร่วมดำเนินธุรกิจด้วย อย่างไรก็ตามในที่สุดแล้วผู้ประกอบการควรมีความรู้ความเข้าใจและพัฒนาธุรกิจของตนเองอย่างสม่ำเสมอโดยรวม 6 ด้านด้วยกันได้แก่ สารสนเทศ เทคโนโลยี การเงิน กฎหมาย โลจิสติกส์ และทรัพยากรมนุษย์ เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์อาหารของไทยสามารถแข่งขันในตลาด AEC ได้ในระยะยาว”

32429

“เอซุส” ส่งแคมเปญสุดมันส์ ชวนลูกค้าเหินฟ้าสู่แดนปลาดิบ
เพียงซื้อโน้ตบุ๊กทุกรุ่นที่มาพร้อม Windows 7 ลุ้นรับตั๋วเครื่องบิน
พร้อมแพ็คเกจทัวร์ ฟรี !  ตั้งแต่วันนี้ – 19 สิงหาคม 2555 นี้


               “เอซุส” มอบประสบการณ์สุดพิเศษแก่ลูกค้า กับแคมเปญ “ASUS ชวนเที่ยว ตอน ดื่มกินเที่ยว หลุดโลกที่ญี่ปุ่น” ลุ้นรับรางวัลใหญ่ ตั๋วเครื่องบินพร้อมแพ็คเกจทัวร์ กรุงเทพฯ – ญี่ปุ่น 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง และตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ – ฮ่องกง อีก 7 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง สำหรับลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊กเอซุสทุกรุ่นที่มาพร้อม Microsoft® Windows® 7 ตั้งแต่วันนี้ – 19 สิงหาคม 2555 นี้ รวมมูลค่ากว่า 250,000 บาท

               นายเชิดชัย โชคมงคลเสถียร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้ออกแคมเปญ“ASUS ชวนเที่ยว ตอน ดื่มกินเที่ยว หลุดโลกที่ญี่ปุ่น” มีความตั้งใจจัดขึ้นโดยเฉพาะเพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ ที่ให้ความไว้วางใจผลิตภัณฑ์เอซุสมาโดยตลอด”

               เพียงลูกค้าซื้อโน้ตบุ๊กเอซุสทุกรุ่น ที่มาพร้อม Microsoft® Windows® 7 ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และลงทะเบียนผ่านทาง www.asus.co.th หรือ http://bit.ly/K6pbvd ภายในวันที่ 20 สิงหาคม สามารถลุ้นรับรางวัล ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ – ฮ่องกง 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง ในสัปดาห์ที่ 1-7 และร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ ตั๋วเครื่องบินพร้อมแพ็คเกจทัวร์ กรุงเทพฯ - ญี่ปุ่น 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง ในสัปดาห์สุดท้าย รวมมูลค่าของกว่า 250,000 บาท

               อย่าพลาด...ตั้งแต่วันนี้ – 19 สิงหาคม 2555 นี้ และประกาศรายชื่อผู้โชคดีทุกสัปดาห์ผ่านทาง www.facebook.com/ASUSTHAILAND

เกี่ยวกับเอซุส
เอซุส หนึ่งในสามสุดยอดผู้นำจำหน่ายโน้ตบุ๊กระดับโลก และผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำในยุคดิจิตอลใหม่ เอซุสออกแบบและผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของครัวเรือน สำนักงานและบุคคลทั่วไปในยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัวด้วยสายผลิตภัณฑ์มากมายไม่ว่าจะเป็นมาเธอร์บอร์ด กราฟิกการ์ด ออฟติคอลไดรฟ์จอภาพ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก แท็บเล็ต เซิร์ฟเวอร์ โซลูชั่นมัลติมีเดียและโซลูชั่นไร้สาย อุปกรณ์เครือข่ายและโทรศัพท์มือถือ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและคุณภาพทำให้เอซุสคว้ารางวัลถึง 3,886 รางวัลในปี 2011 และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ด้วย Eee PC™ เอซุสมีพนักงานทั่วโลกกว่า 11,000 คน พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาระดับโลกอันประกอบด้วยวิศวกรจำนวน 3,100 คน เอซุสมีผลประกอบการในปี 2010 กว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

32430
ที่งานมีทติ้งคงมี ให้ได้แย่งชิงกันสัก2-3ชุดครับ

Pages: 1 ... 2160 2161 [2162] 2163 2164 ... 2405