Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จับมือ BDMS เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุขภาพ Exclusive Care @BDMS
ชูกลยุทธ์ O2O ขายออนไลน์ผสานออฟไลน์ ลุยกลุ่มคนทำงาน ตั้งเป้าดันเบี้ย 1,000 ล้าน


               บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตอกย้ำผู้นำในธุรกิจด้านประกันภัย ร่วมกับ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในฐานะพันธมิตรที่ส่งมอบความคุ้มครองและให้บริการสุขภาพที่ครบวงจรแก่คนไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพล่าสุด Exclusive Care @BDMS ตอบโจทย์ตลาดคนทำงาน วางกลยุทธ์รูปแบบใหม่ การขายผสมผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ตั้งเป้าสร้างเบี้ย 1,000 ล้าน ภายใน 5 ปี

               

               

               


               นางสาวนภา ตรีรัตนาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานธุรกิจประกันสุขภาพ กล่าวว่า ในส่วนของ อลิอันซ์ อยุธยา เอง ในฐานะหนึ่งในผู้นำประกันสุขภาพ เรามีความพร้อมและบริการด้านสุขภาพที่ครบวงจร เช่น pre-authorization การบริการตรวจสอบสิทธิ์ก่อนการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลแบบผู้ป่วยใน บริการ Health Concierge  ผู้ประสานงานด้านประกันสุขภาพ  เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการรักษาพยาบาลของเรา ที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และการรักษาที่ดีที่สุด และบริการต่างๆ อีกมากมาย สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่ร่วมกันพัฒนากับกลุ่มบีดีเอ็มเอส ภายใต้ชื่อ Exclusive Care @BDMS เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง คนทำงาน พนักงานบริษัท และเป็นผู้ที่ต้องการรับบริการทางการแพทย์ที่ดีที่สุดจากกลุ่มโรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส โดยครอบคลุมการรักษาพยาบาล มีให้เลือก 2 แผนด้วยวงเงินคุ้มครอง 1.5 ล้าน และ 5 ล้านบาทต่อปี จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง ค่าห้องพักสูงสุด 7,000 บาทต่อวัน (สำหรับแผน 5 ล้านบาท) คืนเบี้ยประกันภัยทุกปี 10% กรณีไม่มีการเคลม มีส่วนลดกรมธรรม์แบบครอบครัว 10% (เมื่อซื้อตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป) สามารถต่ออายุได้ตลอดชีพ

               นอกจากนั้น เรามีการดำเนินกลยุทธ์การขายที่ถือเป็นนวัตกรรมการขายประกันคุ้มครองสุขภาพโดยเน้นการใช้ประโยชน์จากทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะเน้นเก็บรายชื่อผู้มุ่งหวัง ผ่านการออกบูธ ณ โรงพยาบาล และพื้นที่อื่นๆของบริษัท และการยิงโฆษณาบนออนไลน์ที่จะส่งลูกค้าเข้ามากรอกข้อมูลในระบบ จากนั้นทีมงานขายตรงจะติดตามต่อโดยการปิดการขายผ่านโทรศัพท์กับลูกค้า อีกทั้งยังจะมีทีมงานขายตรงติดต่อเข้าถึงลูกค้าที่เป็นผู้มุ่งหวังผ่านโทรศัพท์โดยตรงและปิดการขายอีกทางหนึ่งด้วย

               “เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยตอบโจทย์ให้กับลูกค้าอลิอันซ์ อยุธยา และลูกค้าผู้รับบริการโรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอสได้ดียิ่งขึ้น และถือเป็นความภาคภูมิใจของเราที่ได้ผสานกำลังของสองกลุ่มบริษัทที่มีมาตรฐานและเครือข่ายการดำเนินงานระดับโลก ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพและการเพื่อให้ให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้าคนไทย” มร.ลาร์ส กล่าวสรุป
2
อุปนายก TSPCA ลงพื้นที่ช่วยเหลือสัตว์


วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 รศ.นุชทิพย์ บรรจงศิลป์ อุปนายกสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) พร้อม ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล และคณะ ลงพื้นที่จังหวัด นนทบุรี และราชบุรี เพื่อมอบอาหารในการช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ ในการอุปถัมภ์ของสมาคมฯ


รศ.นุชทิพย์ บรรจงศิลป์ เปิดเผยว่า สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ได้ดำเนินโครงการบ้านอุปถัมภ์ โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัด 2. เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานความร่วมมือระหว่างผู้เลี้ยงสัตว์จรจัดกับผู้ประสงค์จะอุปการะสัตว์จรจัด 3. เพื่อแบ่งเบาภาระและความรับผิดชอบของกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์จรจัด 4. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการอุปการะสัตว์จรจัด 5. เพื่อให้สัตว์จรจัดได้มีคุณภาพที่ดีในการจัดสวัสดิภาพ 6.เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาครัฐลดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสาธารณสุขชุมชน


สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ให้การสนับสนุนอาหารและเวชภัณฑ์ สมาคมฯ ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องดูแลช่วยเหลือกว่า 20 แห่ง ในหลากหลายของพื้นที่และบริบทสภาพปัญหาที่แตกต่างกัน  เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านอาหารและเวชภัณฑ์ ช่วยเหลือบรรเทาปัญหาในสถานพักพิงได้ระดับหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งปัญหาที่ต้นเหตุคือ ความรับผิดชอบของผู้เลี้ยงสัตว์นั่นเอง เมื่อไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์ของตนก็นำสัตว์มาทิ้ง เกิดปัญหาทำให้ผู้มีความเมตตาเก็บสัตว์ เหล่านี้มาช่วยเหลือดูแล ดีกว่าปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นหิวกระหายหรือเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร ซึ่งในสถานพักพิงสัตว์ต่างๆ เหล่านั้นไม่ใช่เพียงแต่สมาคมฯ ที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุน แต่ก็มีหลายองค์กร มูลนิธิและประชาชนผู้ที่มีจิตเมตตาให้การช่วยเหลือสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากอาหารและเวชภัณฑ์แล้ว การจัดสถานที่ให้สัตว์ได้มีสวัสดิภาพที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ ของการพัฒนาและยกระดับคุณภาพของสุนัขจรจัดในสถานพักพิงได้




ซึ่งที่ผ่านมา สมาคมฯ มีแผนยกระดับในการพัฒนาบ้านอุปถัมภ์ ให้ได้มาตรฐานตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยจะดำเนินการบูรณาการแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านการจัดสวัสดิภาพสัตว์ และเพื่อไม่ให้ผู้อุปการะเลี้ยงดูสัตว์จรจัดในสถานที่พักพิงเหล่านี้ ได้รับผลกระทบมากเกินไป จนเสียความตั้งใจที่ มุ่งมั่น ทุ่มเท ดูแลสัตว์เหล่านั้นด้วยความเมตตามาตลอด โดยสมาคมฯ จะมีแผนการดำเนินการจัดกลุ่มในการพัฒนา เช่น ระดับดีเยี่ยม เป็นบ้านอุปถัมภ์ต้นแบบ ระดับดี ให้การช่วยเหลือเตรียมพัฒนาเป็นบ้านอุปถัมภ์ต้นแบบ ระดับพอใช้ให้การช่วยเหลือและพัฒนาให้ตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน และระดับเร่งการพัฒนาการช่วยเหลือ เป็นต้น โดยเริ่มแบ่งเป็น 4 ระยะการดำเนินการ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 เริ่มดำเนินการ แต่งตั้งคณะทำงานและพัฒนาหลักเกณฑ์เพื่อสอดคล้องกับกฎหมายและหลักวิชาการที่กำหนด  ระยะที่ 2 การติดตามประเมินผล โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามประเมินผลจากองค์กรภายนอกเพื่อความโปร่งใส และได้มาตรฐานตามหลักวิชาการ ระยะที่ 3 การพัฒนา จัดให้มีการลงนาม MOU บ้านอุปถัมภ์ร่วมกับสมาคมฯ มีแผนให้การช่วยเหลือด้านทรัพยากร การบริการด้านสัตวแพทย์ในบางกรณี เช่น การทำหมัน ฉีดวัคซีน อาหาร เวชภัณฑ์ วัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิชาการด้านการบริหาร จัดการต่าง ๆ ระยะที่ 4 การรายงานผล โดยนำผลการดำเนินงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และใช้เป็นต้นแบบของสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ได้รับการอุปถัมภ์จากองค์กรภาคเอกชน ที่ได้รับรองมาตรฐานวิชาการและปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง




ทุกอย่างต้องเริ่มต้นเพื่อการยกระดับมาตรฐานและการพัฒนาที่ต่อเนื่องยั่งยืน ด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สัตว์มีสวัสดิภาพที่ดี และลดปัญหาการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร และที่สำคัญเพื่อสร้างสังคม ชุมชน ให้น่าอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ตามแนวทางสันติวิธี ต่อไป
3
ดูหนัง รับสิทธิ์ฟรี “Enjoy with Photo เคล็ดลับถ่ายภาพ(สวย)ด้วยมือถือ”กับมือโปรที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


ใครอยากอัปสกิลการถ่ายภาพให้มีความเป็นมือโปร วันนี้ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 มีกิจกรรมสุดพิเศษมาฝากแฟนหนัง“Enjoy with Photo ... เคล็ดลับถ่ายภาพ(สวย)ด้วยมือถือ” คอร์สเรียนเสริมทักษะถ่ายภาพบุคคล ภาพทิวทัศน์ และการถ่ายภาพสถาปัตยกรรมสุดปัง เพียงคุณชมภาพยนตร์ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ตั้งแต่ 11-14 พฤษภาคม 2567 เมื่อเห็นสัญลักษณ์คิวอาร์โค้ดปรากฎที่หน้าจอเมื่อไร ให้หยิบโทรศัพท์มาสแกนหน้าจอ เพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมอบรม Mini Workshop จากติ๊กต๊อกเกอร์ ครูพี่อาร์ม กานต์ชนิต สุรินทร์สภานนท์ และวิฑูร บุญชู ช่างภาพชื่อดังฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น.  ณ Vedana Wellbeing Event Space จำนวน 20 ที่นั่ง รวมมูลค่า 50,000 บาท สแกนก่อนมีสิทธิ์ก่อน ประกาศรายชื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 ผ่านทาง www.facebook.com/True4U เวลา 11.00 น. กดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://true4u.com/content/14551/
4
สจล. เปิดหลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล”พัฒนาศักยภาพคนพิการ


สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KLLC) ภายใต้สังกัดสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดโครงการ DEP หลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล เพื่อคนพิการ สร้างงาน สร้างอาชีพ” โดยมี ผศ.ดร.ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นหัวหน้าโครงการ พร้อมด้วย รศ.ดร.จรสวรรณ โกยวานิช ผู้อำนวยการ KLLC, คุณหญิง ดร. สุมาลี อุทัยเฉลิม กรรมการสภาสถาบันฯ เข้าร่วมงานแถลงข่าวโครงการการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพคนพิการ ในงานแถลงข่าวยังได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเปิดโครงการ


ภายใต้ความร่วมมือจาก 6 สถาบันการศึกษา ได้แก่ 1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) 2. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) 3. มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) 4. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) 5. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี (มสด.) 6. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพคนพิการในการประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตนเอง ณ ห้อง Auditorium ชั้น7 อาคาร The Knowledge Exchange (KX) กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา


ผศ.ดร. ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว หัวหน้าโครงการนักสื่อสารดิจิทัลสำหรับคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ” กล่าวว่า เป้าหมายของการอบรม คือ คนพิการสามารถมีทักษะในการประกอบอาชีพอิสระด้านการผลิตสื่อ และการสื่อสารดิจิทัล โดยสามารถทำเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักได้ที่บ้านไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน โดยร้อยละ 100 ของผู้ผ่านหลักสูตรส่งเสริมการทำอาชีพอิสระ มีรายได้ ไม่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ปี พ.ศ. 2567 (328 บาท/ วัน) และยังสามารถสร้างเครือข่ายบุคลากรของสถาบันทั้ง คณาจารย์และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถปฏิบัติงานเรื่องการเพิ่มศักยภาพคนพิการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการได้อย่างยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 30 ราย


สำหรับหลักสูตรนักสื่อสารดิจิทัล DEP MASTERCLASS มาจากแนวคิดหลักสูตร “นักสื่อสารดิจิทัล” เพื่อคนพิการ สร้างงาน สร้างอาชีพ” ซึ่งความหมายของชื่อโครงการมีที่มาประกอบด้วย  DEP มาจากชื่อย่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และยังมาจากความหมายของ D: Development Digital Skills, E = Empowerment, P = People, Professional Training หมายถึงเป้าหมายของโครงการในการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เพื่อคนพิการ และDisable Persons can make Everything Possible. โดยมีรายวิชา ดังนี้


​1. วิชาการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล
​2. วิชาการเขียนบทความ การเขียนข่าวประชาสัมพันธ์
​3. วิชาการถ่ายภาพ การทำภาพเพื่อการตลาด
​4. วิชาการทำอินโฟกราฟฟิก การทำเอกสาร สื่อวิดีโอ นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ
​5. วิชาการพูดในที่สาธารณะ
​6. วิชาการพัฒนาบุคลิกภาพ และการสื่อสารอย่างมืออาชีพ
​7. วิชาการตลาดดิจิทัล



โดยในแต่ละวิชามีแผนการจัดอบรมด้วยระยะเวลารวมตลอดหลักสูตร 420 ชั่วโมง ทั้งนี้ จะเริ่มอบรมระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน - 31 สิงหาคม 2567  ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและสมัครเรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายได้วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจำนวนผู้สมัครจะครบ 50 คน สามารถสมัครได้ที่ ลิ้งค์ https://shorturl.at/dnCV4
5
“รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง” พร้อมให้บริการ Telemedicine
ดูแลทางไกล อย่างใกล้ชิด รับคำตอบที่มั่นใจ ได้ทุกที่





         โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง มุ่งมั่นยกศักยภาพสู่การเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่แม่นยำ อีกหนึ่งโรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยมของประเทศไทย พร้อมต้อนรับทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดดเด่นด้วยทีมแพทย์ประจำเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมเทคโนโลยี และนวัตกรรมล้ำสมัย เผยอีกหนึ่งบริการ Telemedicine หรือ บริการหาหมอออนไลน์ แม้อยู่ไกล ไม่ได้เดินทางมาโรงพยาบาล ก็สามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์และรับคำตอบที่มั่นใจ ได้ทุกที่

          โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เป็น Smart Hospital ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการเข้าถึงการรักษาที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการรักษาที่ล้ำสมัย และสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชั่น ที่สำคัญโรงพยาบาลมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ พร้อมมาให้คำปรึกษาที่นี่

          Telemedicine หรือ บริการหาหมอออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเพื่อรับคำตอบที่มั่นใจ ได้ทุกที่ การปรึกษาแพทย์ออนไลน์จะช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการเดินทาง หรือรอเข้าพบแพทย์ ให้บริการด้วยทีมแพทย์สหสาขา เหมือนกับการมารับบริการจริงที่โรงพยาบาล โดยการให้บริการคุยกับหมอที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีคำถามเกี่ยวกับอาการสุขภาพ เพื่อช่วยประเมินอาการก่อนเลือกตัดสินใจรักษา พร้อมวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น หรือติดตามอาการสุขภาพ เหมือนมีหมอประจำตัวมาคอยดูแลสุขภาพ และให้ความรู้ของโรคเพื่อให้คุณดูแลสุขภาพตัวเองได้

          สำหรับขั้นตอนการรับบริการ เริ่มด้วยการ แอดไลน์ และกดเพิ่มเพื่อน เพื่อปรึกษาแพทย์ออนไลน์ จากนั้น เจ้าหน้าที่พยาบาลยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล และประเมินอาการเบื้องต้น แล้วนัดหมายวันและเวลาพบแพทย์ออนไลน์ พร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขการให้บริการ หากยืนยันรับบริการ เจ้าหน้าที่จะส่ง Video Call link ปรึกษาหมอออนไลน์ให้ผู้รับบริการ กรณีมีคำสั่งยาหลังพบแพทย์ โรงพยาบาลมีบริการจัดส่งยาให้ผู้รับบริการถึงบ้าน

           บริการหาหมอออนไลน์ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09:00 – 17:00 น. Line @thbtelemed โทร. 02-220-7999




6
“รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง” แนะชีวิตไม่มีสะดุด
ด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาพทางออร์โธปิดิกส์


โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง มุ่งมั่นยกศักยภาพสู่การเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ที่แม่นยำ หนึ่งในโรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยมของประเทศไทย โดดเด่นด้วยทีมแพทย์ประจำเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เผยปัญหาการเจ็บปวดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อ จะไม่ทำให้ชีวิตต้องสะดุดอีกต่อไป ชี้ทางออกใหม่ในการรักษาด้วย “เวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาพทางออร์โธปิดิกส์” ช่วยฟื้นฟูกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็ว

รศ.ดร.นพ.ตุลยพฤกษ์ ถาวรสวัสดิ์รักษ์  แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เปิดเผยว่า หลายคนอาจจะออกกำลังกายหรือออกแรงแล้วมีอาการปวดกล้ามเนื้อระบมไปทั่วร่าง เจ็บตามข้อแขนข้อเข่า ซึ่งโดยปกติแล้วหากเป็นไม่มาก ร่างกายก็จะซ่อมแซมและหายเอง ด้วยกลไกร่างกายในการฟื้นฟูสภาพด้วยตัวเอง แต่หากเกิน  3 วันไปแล้ว ยังไม่ทุเลา หรือเกิดภาวะการบาดเจ็บมีการเจ็บปวดมากขึ้น ต้องรับการตรวจรักษา ซึ่งต้องดูตามลำดับขั้น ต้องวิเคราะห์ว่าเป็นโรคอะไร และลักษณะความรุนแรง โดยทั่วไปแพทย์จะให้การรักษาด้วยยา หรือการใช้กายภาพบำบัด หรืออาจจะต้องบำบัดด้วยการยืดเหยียด อัลตร้าซาวน์ หากไม่ดีขึ้นก็จะพิจารณาการฉีดยา บางคนใช้สเตียรอยด์ ซึ่งให้ผลดีแต่ก็มีผลข้างเคียง อาจทำให้ข้อเสื่อม หรือเส้นเอ็นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และการฉีดซ้ำๆ ก็ไม่เป็นผลดีอาจจะทำให้เกิดการฉีกขาดมากขึ้น


“ยังมีอีกทางออกหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษา นั่นคือ วิทยาศาสตร์ฟื้นฟูสภาพทางออร์โธปิดิกส์ ที่เรียกว่า Regenerative Orthopedic หรือการรักษาโดยเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาพทางออร์โธปิดิกส์ ซึ่งจะมีแพทย์ออร์โธปิดิกส์เฉพาะทาง มาช่วยดูแลและใช้วิธีโดยเฉพาะ “Regenerative Orthopedic หรือ Orthobiologics คือ การฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อทางออร์โธปิดิกส์ ซึ่งวิธีนี้หวังผลด้านลดการอักเสบแล้วจะทำให้การบาดเจ็บฟื้นฟูกลับมาได้ดีขึ้น เป็นการรักษาที่มีงานวิจัยรองรับ และผลการรักษาเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยใช้เกล็ดเลือดปั่น การใช้น้ำเลี้ยงข้อเทียม ซึ่งหวังผลอาการบาดเจ็บจะดีขึ้น การฟื้นฟูจะดีขึ้น ซึ่งดีกว่าฉีดเตียรอยด์แม้ว่าจะช่วยลดการอักเสบได้ แต่เมื่อหายเนื้อเยื่อจะแย่ลง การรักษาโดยเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาพทางออร์โธปิดิกส์ จึงเป็นที่ยอมรับมากขึ้น สามารถทำได้ทุกวัยแต่ที่สำคัญ ผลการรักษาต้องขึ้นการพิจารณาว่าสาเหตุของปัญหานั้นเกิดขึ้นจากอะไร”

“การรักษาโดยเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาพทางออร์โธปิดิกส์ คือ เวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาพ (Orthobiologics) คือ การรักษาด้วยเกล็ดเลือดหรือน้ำหล่อเลี้ยงข้อ เป็นการรักษาที่มีมาตรฐาน และจากรายงานการแพทย์พบว่า การฉีดเกร็ดเลือดปั่น มักไม่พบผลข้างเคียง จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาในปัจจุบัน” คุณหมอตุลยพฤกษ์ ทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์กระดูกและข้อ รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง โทร.02-220-7999 ต่อ 83061 หรือสนใจปรึกษาการรักษา หรือตรวจสุขภาพ กับ หรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.02-220-7999
7
CP-Meiji Speed Coffee Art Championship โกอินเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่เวียดนาม
เฟ้นหาบาริสต้าฝีมือดีจากทั่วเอเชียร่วมแข่งขันเวทีใหญ่ในไทยกลางปีนี้





             โฮจิมินท์ซิตี้ เวียดนาม นางสาวชาลินี พูนลาภมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ และความยั่งยืน บริษัทซีพี-เมจิ จำกัด เป็นผู้แทนจากบริษัท กล่าวต้อนรับบาริสต้าผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ในการแข่งขัน CP-Meiji Speed Coffee Art Championship หรือ SCAC ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมทักษะอาชีพ ให้กับชุมชนบาริสต้าที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จมาเป็นเวลากว่า 8 ปีในประเทศไทย จนเกิดความคิดริเริ่ม ที่จะขยายโครงการสู่ระดับสากล เริ่มต้นจากในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดส่งออก ของผลิตภัณฑ์นม ซีพี-เมจิ

             “จากความสำเร็จของการแข่งขัน CP-Meiji Speed Coffee Art Championship ที่เราเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การสนับสนุนบาริสต้าให้มีอาชีพที่มั่นคง จากการฝึกฝนและพัฒนาทักษะในวิชาชีพ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้พวกเขาเติบโต สร้างชุมชนบาริสต้าที่เข้มแข็งและพัฒนาตลาดไปข้างหน้าพร้อมๆ กับเรา”







               การแข่งขัน CP-Meiji Speed Coffee Art Championship ในต่างประเทศ สำหรับปีนี้ จัดขึ้นที่ประเทศเวียดนามเพื่อสร้างการรับรู้ให้คนเวียดนามรู้จักกับผลิตภัณฑ์ของ ซีพี-เมจิ มากขึ้น โดยมีผู้บริหารได้แก่ นางสาวอินทิรา มีสมานยนต์, Market & Channel Development Director นายวัชรพล มงคลกิจวาณิชย์, Deputy Director International Sales จากบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด และ Mr. Cong Ong, ผู้จัดการทั่วไปและผู้ก่อตั้งบริษัท Good Food Co.,LTD ซึ่งเป็นบริษัทผู้แทนจำหน่ายจากเวียดนาม ให้เกียรติเข้าร่วมงาน

               เวที CP-Meiji Speed Coffee Art Championship (SCAC) เกิดขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ประลองฝีมือ และเรียนรู้เพื่อยกระดับศักยภาพของบาริสต้า โดยในปีที่ผ่านมามีการจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติครั้งแรก ณ เกาะฮ่องกงเพื่อคัดเลือกผู้ชนะเข้าร่วมการแข่งขัน CP-Meiji Speed Coffee Art Championship 2023 ในรอบ สุดท้ายที่ประเทศไทย







               สำหรับการแข่งขันในปีนี้ มีผู้สมัครกว่า 100 คน มาจากประเทศเวียดนาม และประเทศใกล้เคียง อาทิ เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า และไทย โดยมีบาริสต้าที่ผ่านรอบคัดเลือกจำนวนทั้งหมด 32 คน เข้าร่วมการแข่งขัน ณ โรงแรม Sofitel Plaza Hotel  เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 27 เมษายน 2567




              ผลการแข่งขันเวที SCAC Vietnam Episode รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ Mr. Liew Bao Ting จากประเทศมาเลเซีย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ Mr. Tran Quang Hai Long จากประเทศเวียดนาม รองชนะเลิศอันดับ 2  ได้แก่ Mr. Cho dong woon จากประเทศเกาหลีใต้ และรองชนะเลิศอันดับ 3 Mr. Nguyen Thanh Cong จากประเทศเวียดนาม

               ผู้ชนะทั้ง 4 อันดับ ได้รับเงินรางวัลรวมกว่า 52,000,000 VND พร้อมเดินหน้าสู่รอบ 64 คนสุดท้ายของการ แข่งขัน ‘CP-Meiji Speed Coffee Art Championship 2024’ ประเทศไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2567 ในงาน Thailand Coffee Fest 2024 รวมถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ CP-Meiji Barista Camp 8 ที่จะจัดขึ้น ในช่วงปลายปีนี้ด้วยเช่นกัน

#CPMeijiforBarista
#CPMeijiEnrichingLife
















8
Kind + Jugend ASEAN 2024 เติบโตอย่างมั่นคงในปีที่สอง ประสบความสำเร็จในฐานะมหกรรมสินค้าแม่และเด็กชั้นนำแห่งอาเซียน


มหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน Kind + Jugend ASEAN 2024 (คินอันยูเก้น อาเซียน) ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้ปิดฉากลงไปพร้อมความสำเร็จอันยอดเยี่ยม ด้วยการเป็นที่แรกและที่เดียวในภูมิภาคอาเซียนที่ได้เปิดประตูต้อนรับเครือข่ายผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการชั้นนำ รวมถึงผู้เข้าชมงานจากทุกมุมโลก จาก 31 ประเทศ จำนวนถึง 2,709 ราย เติบโตขึ้นถึง 50% จากการจัดงานครั้งก่อน

ซึ่งได้ร่วมกันเชื่อมต่อโอกาสทางการค้าให้เข้าถึงกันผ่านการพบปะเจรจาธุรกิจ ร่วมกับผู้จัดแสดงสินค้า 155 บริษัท จาก 14 ประเทศ อาทิ จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ปากีสถาน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, สเปน, ไต้หวัน, ไทย, สหราชอาณาจักร, และสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงบ่งบอกถึงความโดดเด่น และศักยภาพในการดึงผู้ประกอบการชั้นนำจากนานาประเทศไว้ในงานเดียวแล้ว ยังแสดงถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินค้าแม่และเด็กสู่ตลาดโลกอีกเช่นกัน



โดยงานนี้สามารถดึงดูดผู้ซื้อชั้นนำระดับภูมิภาค โดยรับโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำคัญผ่านการนัดหมายจับคู่ทางธุรกิจภายในงานด้วย "Business Matching Programme" และ "Hosted Buyer Programme" ผู้เข้าร่วมงานสามารถพูดคุย ค้นหาข้อมูลเชิงลึก โอกาสในการทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เพื่อสอดรับกับการขยายตัวของตลาดและงาน Kind + Jugend ASEAN ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการมากขึ้นเช่นกัน

คุณแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้จัดงาน Kind + Jugend ASEAN กล่าวว่า "สำหรับมหกรรมสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน ที่ถูกจัดขึ้นในประเทศไทยครั้งที่สองนี้ ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นความก้าวหน้าและเห็นงานประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง นับว่าเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของเราในฐานะผู้จัดงานที่ได้เห็นความเติบโตบนเวทีระดับโลก สิ่งนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งของเราในฐานะผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรม และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม เราจะก้าวไปในอุตสาหกรรมนี้ด้วยความมั่นใจว่า Kind + Jugend ASEAN จะยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมและสร้างอนาคตของตลาดได้อย่างมั่นคง"



ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ Trend Forum เวทีสัมมนาเรื่องธุรกิจสินค้าแม่และเด็ก และ ASEAN Innovation Award รางวัลสุดยอดสินค้าแม่และเด็กแห่งอาเซียน ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมอันโดดเด่น ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าร่วม Trend Forum เพื่อรับรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของตลาด และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้นำเทรนด์ในวงการถึง 14 ท่าน ที่มาแชร์ประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจสินค้าแม่และเด็กในยุคปัจจุบันผ่าน 8 หัวข้อที่น่าสนใจ

ทางด้าน Innovation ASEAN Award ที่จัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลสำหรับผลิตภัณฑ์และสินค้าใหม่จากทั่วโลกที่มีความโดดเด่นในด้านความคิดสร้างสรรค์ ความปลอดภัย คุณประโยชน์ต่อลูกค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ คุณภาพของการผลิต และความยั่งยืน ซึ่งในปีนี้ ผู้ชนะรางวัลในแต่ละประเภท ได้แก่



- World of Moving Kids
Stroller with Rocking Fuction, Babykomfort Deutschland GmbH

- World of Travelling Kids
Glowy B-Joy Carseat, Glowy Star Co Ltd

- World of Kids Furniture
BabyUp®, Dr Albani Ltd

- World of Kids Textiles
Pajamas Party Micro Tencel Bedsheet, BC Link Co Ltd

- World of Kids Care (Baby – Hygine & Care)
DragKooler Herbal Cooling Towel, Great Indeed Co Ltd

- World of Kids Care (Mothers – Hygine & Care)
Galaxy III, Attitude Mom Co Ltd

- World of Kids Toys
TaksaToys® Resources Playground, Taksa Toys Ltd

- World of Nutrition & Infant Formula
Organic Multi-Color Bean Pasta, Good Earth Rice Co Ltd



โดยภาพรวม การจัดงาน Kind + Jugend ASEAN ไม่ใช่เพียงแค่การจัดงานที่โชว์ศักยภาพของอุตสาหกรรมแม่และเด็กเท่านั้น แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรมเข้าสู่ตลาดอาเซียนที่สำคัญ และเป็นการรวมตัวของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก พันธสัญญาของเราคือการทำให้เกิดการเชื่อมโยงต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ

สำหรับการจัดงาน Kind + Jugend ASEAN 2025 ครั้งถัดไปได้มีกำหนดการจัดงานขึ้นแล้ว ในระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kindundjugend.asia/










9
หมดกังวลผมร่วง! วช. นำเทคโนโลยีพลาสมาเย็น “PlasOne” ฟื้นฟูเส้นผม รวดเร็ว ปลอดภัย คว้ารางวัลเหรียญทอง สวิส




สํานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้นํานวัตกรรม "PlasOne เทคโนโลยีพลาสมาเย็นจากอากาศเพื่อการฟื้นฟูเส้นผม" ของ ดร.พิพัฒน์ ปรมาพิจิตรวัฒน์ และคณะ จากศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าร่วมประกวดในงานนวัตกรรมระดับโลก ครั้งที่ 49 International Exhibition of Inventions Geneva และได้รับรางวัลเหรียญทองเกียรติยศ เมื่อวันที่ 17-21 เมษายน 2565 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส


ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาผมร่วงและผมบางเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ทําให้ผู้ชายหลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะผู้ชายวัย 30 ปีขึ้นไป มักหลีกเลี่ยงปัญหานี้ไม่ได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามวัยและพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่เมื่อรู้ตัวอีกที หัวก็เริ่มล้านแล้ว


จากปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยจึงพัฒนานวัตกรรม “PlasOne เทคโนโลยีพลาสมาเย็นจากอากาศเพื่อการฟื้นฟูเส้นผม” ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และใช้งานง่าย โดยการนําเครื่องพลาสมาสัมผัสที่บริเวณศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง เครื่องพลาสมาจะสร้างอนุมูลออกซิเจนและไนโตรเจนจากอากาศ ไปทำปฏิกิริยากับผิวหนังจนถึงในระดับเซลล์ อนุมูลของพลาสมาจะช่วยกระตุ้นให้เซลล์รากผมที่อ่อนแอหรือเจริญเติบโตช้า สามารถงอกใหม่และแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังเซลล์รากผม รวมถึงกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ และช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนซึ่งมีส่วนช่วยให้ผมกลับมางอกใหม่และแข็งแรง


นวัตกรรม “PlasOne เทคโนโลยีพลาสมาเย็นจากอากาศเพื่อการฟื้นฟูเส้นผม” นับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงและศักยภาพสูงในการช่วยฟื้นฟูเส้นผม มีขนาดเล็กพกพาสะดวก ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาบนศีรษะใช้เวลาสั้น ครั้งละประมาณ 5-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ตามระดับความรุนแรงของปัญหา รวมถึงความปลอดภัยต่อผู้ใช้ โดยไม่มีผลข้างเคียง อีกด้วย


ปัจจุบัน นวัตกรรม "PlasOne เทคโนโลยีพลาสมาเย็นจากอากาศเพื่อการฟื้นฟูเส้นผม" มีความพร้อมสู่เชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการขอรับรองมาตรฐานการรับรองสำหรับการจำหน่าย
10
Jin Wellness by THG เปิดบริการแล้ว ณ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน




          โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จับมือ M Mind Clinic By Krumind  เปิดให้บริการ Jin Wellness by THG สาขาสยามพารากอน พร้อมมอบประสบการ์ณการดูแลในด้านเวชศาตร์ชะลอวัย ฟื้นฟูให้มีสุขภาพชีวิตที่ยืนยาว และความงามที่ยั่งยืน  โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก ณ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

           Jin Wellness by THG คลินิกด้านความงามแห่งใหม่ เปิดให้บริการที่บริเวณชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยความร่วมมือ ระหว่าง โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ร่วมกับ M Mind Clinic ดำเนินงาน บนพื้นที่ 347 ตารางเมตร ให้บริการครอบคลุมในด้านเวชศาตร์ชะลอวัย ฟื้นฟูให้มีสุขภาพชีวิตที่ยืนยาว และความงามที่ยั่งยืน โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก และบริการด้านความงามทั่วไป โดยทีมแพทย์จากประเทศไทยเเละประเทศเกาหลี

           ดร.ภูวษา วราสิทธิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Mind Clinic เผยว่า การร่วมมือกับ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง นับเป็นก้าวที่สำคัญ สำหรับการร่วมมือสร้างสรรค์ และพัฒนาอุตสาหกรรม เกี่ยวกับความงาม “ด้วยประสบการณ์คุณภาพการบริการ และความเป็นเลิศทางการแพทย์ของ M Mind Clinic by Krumind และโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จึงมั่นใจได้ว่าการร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้จะยกระดับการดูแลด้านเวชศาสตร์ชลอวัยและความงาม ของประเทศไทยให้มีชื่อเสียงไปในระดับนานาชาติ”

           โดยที่มาของชื่อ Jin Wellness By THG  คำว่า Jin หรือ จิณณ์ แปลว่า ประพฤติดี เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามารับบริการ ได้รับแต่สิ่งดีๆกลับไป และเกิดจากความเชื่อที่ว่า การมีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มต้นจากภายในสู่ภายนอก ด้วยการใช้หลักความสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เราจึงนำศาสตร์ธรรมชาติบำบัด ร่วมกับนวัตกรรมการแพทย์แผนปัจจุบัน ผสมผสานกับแพทย์ทางเลือก สร้างสรรค์โปรแกรมดูแลและส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันจากโรคภัยต่างๆ มุ่งเน้นดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน อีกทั้งยังช่วยวางแผนดูแลจากโรคภัย เพราะเราต้องการให้ร่างกายของคุณแข็งแรงสมบูรณ์ และเพื่อความงามที่ยั่งยืน

สามารถติดตาม JIN Wellness by THG ได้ที่

Facebook : @jinwellnessbythg

Instagram : @jinwellnessbythg

Tiktok : @jinwellnessbythg

Line OA :  @jinwellnessbythg

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อนัดหมายเข้าใช้บริการได้ที่ 02-220-7909, 097-913-9999




Pages: [1] 2 3 ... 10