Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - pooklook

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 108
31
จริงๆ ตั้งใจว่าจะไปพะเนินทุ่งค่ะ ออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณตีสอง ไปถึงใกล้รุ่งเช้า

พอถึงด่านทางขึ้นบ้านกร่าง เจอป้ายประกาศปิดบ้านกร่าง ห้วยแม่สะเรียง เขาพะเนินทุ่ง ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2557

ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ปิดคือปิด ก็ต้องถอยลงมานอนพักบนรถกันที่ทำการ อช.แก่งกระจาน

พอพระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่รู้จะไปไหนกัน เพราะตั้งใจจะมาที่พะเนินทุ่งที่เดียวเลย ระหว่างนั่งจิบกาแฟ

ก็เห็นว่าเค้ามีเรือนำเที่ยว เลยลองใช้บริการดู มาหลายครั้งแล้วไม่เคยใช้บริการสักที



ค่าเรือเจ้านึงบอก 900 อีกเจ้าคิดหนึ่งพัน ก็ต่อรองลงมาเหลือ 800 บาท เพราะไปกันสีคนจะได้หารลงตัวพอดี



ใช้เวลาในการล่องเรือไปกลับประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ ก็นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ





กิจกรรมที่เห็นส่วนใหญ่น่าจะเป็นการตกปลา


33
ชาสมุนไพร 7 ชนิด ซึ่งเป็นที่นิยมตามท้องตลาดนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพดังต่อไปนี้…

‘ชาอบเชย’ หรือชาชินนามอน ช่วยขับเหงื่อ ขับลม ลดอาการท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ แก้เวียนหัวและคลื่นไส้อาเจียน หากเติมน้ำผึ้งแท้ลงไป ประโยชน์ของน้ำผึ้งยังช่วยบำรุงธาตุด้วย

‘ชาเปปเปอร์มินต์’ ช่วยขจัดกลิ่นปาก โดยกลิ่นหอมของเปปเปอร์มินต์ เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยแก้ปวดหัว เมารถ เมาเรือ และทำให้หลับง่าย

‘ชากระเจี๊ยบ’ ดื่มเพื่อแก้กระหายน้ำ ชุ่มคอ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ทั้งยังสามารถลดและป้องกันการจับตัวของไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตสูง

‘ชาตะไคร้’ มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แก้วิงเวียน บรรเทาอาการแน่นหน้าอก แก้หวัด แก้ไอ

‘ชามัลเบอร์รี่’ หรือชาใบหม่อน บำรุงเส้นผม เล็บ และกระดูก ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน เพราะใบหม่อนลดการดูดซึมน้ำตาล

‘ชากุหลาบ’ กลิ่นหอมของชาช่วยลดความเครียด ให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย ดื่มแล้วลดความดันโลหิตสูง ช่วยประจำเดือนมาปกติ และบำรุงผิวพรรณ

‘ชามะตูม’ แก้ร้อนใน แก้อ่อนเพลีย ทำให้รู้สึกสดชื่นและบำรุงกำลัง นอกจากนี้ยังเสริมประสิทธิภาพให้ระบบย่อยอาหาร ลดอาการจุกเสียด ขับเสมหะด้วย

ทั้งนี้ ไม่ควรดื่มชาในตอนท้องว่าง เพราะอาจทำให้บางคนมีอาการท้องผูก ขับถ่ายลำบาก

34
เผยโฉม ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย เสี่ยงอันตราย อย่าซื้อ... อย่าใช้

อย. จัดเต็มตามคำเรียกร้อง หลังจากช่วงที่ผ่านมา อย. ตลุยจับสินค้าผิดกฎหมายหลายรายการ และได้ทำเสนอ รูปของผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายหลายชนิด มีเสียงเรียกร้องว่า ทำไมเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์เท่านั้น น่าจะลงทุนเผยแพร่ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย ประชาชนจะได้รับทราบในวงกว้าง

อย. ขอเรียนให้ทราบว่า ท่านสามารถติดตามข้อมูลรายชื่อผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย จำนวนทั้งสิ้น 88 ผลิตภัณฑ์ ทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง อ้างลดความอ้วน อ้างเสริมสมรรถภาพทางเพศ อ้างทำให้ผิวขาวเนียนอ้างทำให้หน้าอกโต ผลิตภัณฑ์ยาอวดอ้างรักษาสารพัดโรค และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม ลงหน้าคู่กลาง ชัดเจนสะใจได้ตามหนังสือพิมพ์ ดังต่อไปนี้

1. หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสที่ 31 ก.ค. 2557
2. หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557
3. หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2557

ขอเชิญติดตามชม เผื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสมต่อไป

ไฟล์ภาพแบบชัดๆ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการซื้อหนังสือพิมพ์
http://www.oryor.com/images/media/newspaper2.jpg

35
นพ. จิตริน ใจดี จิตแพทย์ประจำศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้เล่าถึงพฤติกรรม Selfie ว่า เป็นพฤติกรรมที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ส่วนที่ดีคือเป็นการสร้างเอกลักษณ์ แต่ถ้าทำเกินไปอาจทำให้หลงตัวเองได้

 

ปัญหาเหล่านี้มาพร้อมกับเด็ก Generation Me คือเอาตนเป็นศูนย์กลาง หลงตัวเอง  มักจะมีพฤติกรรมดังนี้

1.ปฏิกิริยาต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยความโกรธแค้น สร้างความน่าละอาย/ขายหน้า และความอัปยศน่าอดสู

2.เอาเปรียบผู้อื่น เพื่อตอบสนองความต้องการชนะ

3.มีความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญมากเกินพอดี

4.พูดขยายเกินกว่าความเป็นจริง เกี่ยวกับความสำเร็จหรือความสามารถของตนเอง

5.มีใจหมกมุ่นกับจินตนาการความสำเร็จ พลัง อำนาจ ความงาม สติปัญญา

6.ใช้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล กับสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ คาดหวัง

7.ต้องการเป็นที่ชื่นชม ยอมรับและหลงใหลอยู่ตลอดเวลา

8.เพิกเฉย ไม่เอาใจใส่ต่อความรู้สึกของผู้อื่น และมีความพยายามเพียงน้อยนิดที่จะแสดงความเห็นใจผู้อื่น

9.คิดหมกมุ่นอยู่กับผลประโยชน์ และความต้องการของตนเอง

10.ไล่ตามเป้าหมาย ที่เห็นประโยชน์แก่ตนเอง

36
หลายคนมีปัญหากลิ่นปากจนทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง บางคนกลัวเพื่อนไม่อยากคุยด้วย กลัวเจ้านายเมินหน้าหนี  เป็นต้น ซึ่งเรื่องเล็ก ๆ แต่อาจเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นได้โดยเฉพาะการเข้าสังคม  การพูดคุยกับคนรอบข้าง และพบปะพูดคุยกับผู้คนมากมาย เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีกลิ่นปาก ง่ายๆ ก็คือ การถามคนใกล้ชิด แต่ถ้าไม่กล้า ก็สามารถทดสอบได้ด้วยตัวเอง เอามือป้องปากไว้ทั้ง 2 มือ อ้าปาก แล้วหายใจออกแรง ๆ ใส่มือตัวเอง แล้วสูดหายใจลึกๆ ทันที

สาเหตุของกลิ่นปาก

1. ปัจจัยภายในช่องปาก ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

ฟันผุ เกิดจากการที่เชื้อโรคสเตรปโตคอคไค ( Streptococcus ) ที่อาศัยอยู่บนแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่ติดบนตัวฟันย่อยสลายอาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาล ส่งผลให้เกิดกรดแลคติก และอื่น ๆ ที่ทำลายเนื้อฟันและผิวฟัน จะทำให้เกิดเป็นหลุม และร่องลึก ถ้าฟันผุมาก ๆ ถึงขั้นทะลุโพรงประสาทฟันได้ และจะทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อโพรงประสาทด้านใน จะส่งผลให้มีกลิ่นปาก ทั้งจากเนื้อฟันที่ตาย และอาหารที่บูดหมักสะสมอยู่เป็นเวลานานในโพรงที่ฟันผุ
เหงือกอักเสบ สาเหตุใหญ่นั้นมาจากคราบจุลินทรีย์ที่สะสมอยู่ตามร่องเหงือก พอสะสมนาน ๆ น้ำลายซึ่งมีแร่ธาตุต่าง ๆ จะตกตะกอนทับลงไปบนบริเวณที่มีคราบจุลินทรีย์อยู่เดิม และจะเปลี่ยนเป็นหินปุน ยิ่งทิ้งไว้นานเหงือกจะอักเสบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเหงือกจะมีเม็ดเลือดขาว หรือเซลล์ที่ต่อต้านการอักเสบออกจากบริเวณร่องเหงือก ทำการต่อต้านคราบจุลินทรีย์ ยิ่งทิ้งไว้นาน อาการอักเสบก็จะรุนแรงขึ้นเร่ือย ๆ จนทำลายถึงกระดูกรองรับฟัน ซึ่งจะสังเกตได้จากเหงือกร่น และจะเห็นฟันซี่ยาวขึ้น มีอาการปวดตื้อ ๆ ที่เหงือก เคี้ยวอาหารแล้วจะรู้สึกปวดและฟันโยก
แปรงฟันไม่สะอาด ทำให้เกิดการตกค้างของเศษอาหาร เมื่อมีการบูดเน่าทำให้เกิดกลื่นขึ้นมาได้
การสูบบุหรี่ ทำให้มีคราบนิโคตินจับเกาะอยู่บนคราบหินปูนบนเคลือบฟัน
มีเศษอาหารตกค้างและเกิดการบูดเน่าในบริเวณที่มีฟันผุเป็นรูกว้าง
การใส่ฟันปลอมที่หลวมไม่พอดีกับเหงือก หรือนอนโดยที่ไม่ถอดฟันปลอมออกมาแช่อาจทำให้เกิดกลิ่นจากเศษอาหารเล็ก ๆ และจากการที่เชื้อจุลินทรีย์สะสมอยู่บริเวณผิวฟันปลอม
เกิดจากอาหารทานอาหารที่มีกลิ่น เช่น กระเทียม กะปิ สะตอ ฯลฯ
มีแผลในช่องปาก ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดฟันได้สะอาด
ฟันซ้อน เก หรือฟันคุด ทำให้ทำความสะอาดฟันได้อย่างไม่ทั่วถึง
การจัดฟัน ซึ่งทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดฟันได้อย่างสะอาดทั่วถึง
การครอบฟันที่ไม่พอดี อาจทำให้เกิดการตกค้างของเศษอาหาร
ผู้ที่เพิ่งถอนฟัน ทำให้ทำความสะอาดฟันได้อย่างไม่ทั่วถึงและแบคทีเรียที่อยู่ในปากมาย่อยสลายลิ่มเลือดทำให้เกิดกลิ่นได้
2. สาเหตุภายนอกช่องปาก เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ  เช่น

 โรคไซนัสอักเสบ
 โรคในระบบทางเดินอาหาร
 หวัด
 ท้องผูก
 โรคกระเพาะอาหาร  เป็นต้น
วิธีแก้ปัญหากลิ่นปากด้วยตัวเอง

1. แปรงฟันให้สะอาดอย่างถูกวิธี ถ้ารู้สึกว่ามีปัญหาควรแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ
การแปรงฟันเป็นการทำความสะอาดฟันที่ดีที่สุด หลายคนเข้าใจผิดว่า ควรแปรงแรง ๆ เพื่อลดกลิ่นปาก ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเพราะทำให้ฟันสึกได้

2. ใช้ไหมขัดฟัน ควรใช้ไหมขัดฟันเป็นอย่างยิ่ง เพราะการแปรงฟันปกติไม่สามารถทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดอยู่ระหว่างซอกฟันได้ หลายคนบ่นว่าใช้ไหมขัดฟันแล้วมีเลือดออก เป็นเพราะใช้ไหมขัดฟันผิดท่า ทำให้บาดเหงือก หรือถ้าใช้อย่างปกติแล้วมีเลือกออกแสดงว่าเป็นโรคเหงือกอักเสบ ควรพบทันตแพทย์

3. การแปรงลิ้น ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นปากได้ เนื่องจากด้านบนของลิ้นผิวไม่เรียบ ซึ่งบริเวณนี้จะเกิดการสะสมของกลิ่นได้ง่าย การแปรงสามารถใช้แปรงสีฟันกวาดเบา ๆ จากด้านในออกมาด้านนอก 2 – 3 ครั้ง จะช่วยลดจำนวนคราบจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้

4. ถ้ารู้สึกปากแห้ง น้ำลายน้อย เหนียว ข้น ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

หลายคนใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก ทานเม็ดอม หรือหมากฝรั่งดับกลิ่นปาก ซึ่งช่วยแก้ปัญหาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นประจำเนื่องจากทำให้สมดุลของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราในช่องปากเสียไป และไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์และควรไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เนื่องจากแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพในช่องปาก และแก้ปัญหาให้ก่อนที่จะลุกลามไป เช่น กำจัดคราบหินปูนก่อนที่จะเกิดฟันผุ รักษาฟันที่ผุก่อนจะเกิดการลุกลามมากยิ่งขึ้น   โดยทันตแพทย์จะขัดทำความสะอาดฟัน เพื่อตรวจดูแนวเหงือก และคอฟัน ถ้าพบว่ามีปัญหาเรื่องฟันผุมาก แพทย์อาจทำการเอ็กซเรย์เพื่อตรวจดูในระดับรากฟัน

 

ที่มา: http://www.xn--l3can3bb3b4bod6ab8bxnra.com/วิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก-ปากเหม็น-ด้วยตนเอง/

37
สำหรับคุณสาวๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวเสี้ยน สิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง ฯลฯ เชื่อว่าคุณสาวๆทุกคนคงอยากที่จะทำการกำจัดเจ้าสิวที่เป็นปัญหากวนใจให้ออกไปจากใบหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ สำหรับคุณสาวๆ ที่เคยทดลองวิธีการรักษาสิวมาหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาแต้มสิว ทานยา หรือแม้แต่ไปพบแพทย์ตามสถาบันเสริมความงามมาแล้วยังไม่เห็นผลลัพธ์ในการกำจัดสิวที่น่าพอใจนั้น สำหรับในวันนี้ อยากจะให้คุณสาวๆได้ทดลองกับอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยกำจัดสิว ไปพร้อมกับช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณสาวๆ วิธีที่การดังกล่าวที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้คือ “การพอกหน้า” นั่นเอง

เมื่อกล่าวถึง “การพอกหน้า” คุณสาวๆ คงจะคิดไปถึงวิธีการบำรุงผิวพรรณให้ขาวใส หรือการคืนความเยาว์วัย ความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่ที่จริงแล้วการพอกหน้ามีประโยชน์มากกว่านั้นมากนัก

การพอกหน้าบางสูตรที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสารพัดปัญหาสิวบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้จะขอพาไปรู้จักกับสูตรพอกหน้า สำหรับคนที่เป็นสิวโดยเฉพาะ ดังต่อไปนี้

            1. สูตรกล้วยหอม+น้ำมะนาว เป็นสูตรที่ช่วยลดความมันของผิว ไม่เหมาะกับคนที่ผิวแห้ง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากยิ่งขึ้น นำกล้วยหอม 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            2. สูตรแตงกว่า+ไข่ขาว ช่วยลดความมันส่วนเกินและกระชับรูขุมขน นำแตงกว่า 1 ผล ไข่ขาว 1 ฟอง และนาว 1 เสี้ยว ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 20นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            3. สูตรดินสอพอง+ขมิ้นชัน ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของสิวและบำรุงผิว นำดินสอพอง 2-3 เม็ด ขมิ้นผง 2 ช้อนชา และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            4. สูตรมะขามเปียก+นมสด ช่วยลดสิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวเสี้ยน นำเนื้อมะขามเปียกที่แยกเมล็ด เปลือก และกากออกแล้วประมาณ ½ ถ้วย ผสมกับนมสด 1/3 ถ้วย ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
            5. สูตรมะเขือเทศ+น้ำมะนาว ช่วยป้องกันสิวและกระชับรูขุมขน นำมะเขือเทศไปปั่นหรือสับให้ละเอียดประมาณ ¾ ถ้วย ผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หรืออาจเติมน้ำเปล่าลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้น้ำมะนาวเจือจางลง ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            6. สูตรข้าวโอ๊ต ช่วยในการป้องกันสิวและสมานแผล นำข้าวโอ๊ตประมาณ 1 กำมือ ผสมกับน้ำดื่มจนนิ่ม แล้วนำมาขัดวนเบาๆให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกเช้าเย็น

            7. สูตรไข่แดง ช่วยในการกำจัดสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวขึ้นบนใบหน้า นำไข่แดงตีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            8. สูตรโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ช่วยในการต่อต้านสิวผด นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาทาลงบนใบหน้า ทำการนวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            9. สูตรหอมแดง ช่วยในการรักษาสิวอักเสบให้ยุบตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ นำหอมแดงประมาณ 1 หัว มาสับให้ละเอียด หรือฝานเป็นแว่นบางๆ แล้วนำไปวางลงบนหัวสิว หรือบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ
            10. สูตรถั่วเขียวต้มสุก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยน กระ ฝ้า จุดด่างดำ และริ้วรอยต่างๆ นำถั่วเขียวไปต้มให้สุกประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ สตอเบอรี่ผลโต 2 ผล หรือถ้าเป็นผลเล็ก ให้ใช้จำนวน 4 ผล นมเปรี้ยว ½ ช้อนโต๊ะ ปั่นหรือบดขยี้ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

            11. สูตรไข่ขาว เหมาะสำหรับการรักษา และลอกสิวเสี้ยนออกจากใบหน้า นำไข่ขาวมาทาลงบนใบหน้า เพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้นก่อนทำการทาไข่ขาว ควรนำหน้าไปอังกับไอน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้รูขุมขนเปิดกว้างขึ้นก่อน หลังจากทาไข่ขาวลงไปแล้วให้นำกระดาษเช็ดหน้าแปะลงไปให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้สักพักให้กระดาษเช็ดหน้าแห้ง แล้วลอกออกอย่างเบามือ

            12. สูตรทานาคาผง ช่วยในการรักษารอยดำจากสิว กำจัดสิวผด ลดสิว นำทานาคาผง (แป้งพม่า) 2 ช้อนชา น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนชา และนมสดรสธรรมชาติ 2 ช้อนชา ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 15-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            13. สูตรแอปเปิ้ล ช่วยในการรักษาสิว นำแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ได้ประมาณ ½ ลูก มาบดเอาน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้ไปผสมกับน้ำผึ้ง หรือโยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 
            14. สูตรสับปะรด เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ามัน ช่วยลดความมันบนใบหน้า กำจัดสิ่งอุดตัน พร้อมกับช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาวเนียนมากขึ้น นำสับปะรด ¼ ลูกปั่นผสมเข้ากับแตงกว่า 1 ลูก และวุ้นว่านหางจระเข้ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการพอกหน้าประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            15. สูตรนมเปรี้ยว เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ช่วยในการกำจัดและควบคุมความมันบนใบหน้า นำนมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดมาทำการพอกหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออกจ้าาา

ที่มา: http://www.kondoodee.com/
 

38


1. หูกระป๋องหรือฝาเครื่องดื่มเป็นโลหะประเภทอลูมิเนียม  ดังนั้นอลูมิเนียมทุกชนิด เช่น กระทะ ขัน กะละมัง ที่เป็นอลูมิเนียมสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด


2. การรณรงค์นำของเหลือใช้มาทำประโยชน์เป็นสิ่งที่ดี  แต่ไม่ควรบริโภคเพื่อหวังจะนำหูกระป๋องมาเพื่อทำขาเทียมช่วยเหลือผู้พิการ เพราะหูกระป๋อง 4,200 อัน มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม มีมูลค่าเป็นเศษอลูมิเนียมเพียง 50 บาท จะหลอมได้ชิ้นส่วนเพียง 5 ชิ้น ในขณะที่เราต้องเสียเงินซื้อเครื่องดื่มอย่างน้อยถึง 42,000 บาท


3. เหตุใดถึงเลือกเฉพาะหูกระป๋องหรือหูเครื่องดื่มบำรุงกำลัง  ถ้าต้องการอลูมิเนียมเพื่อทำขาเทียมจริง ๆ ก็ควรจะรับบริจาค หม้อ ขัน กระทะ เครื่องต่าง ๆ ที่มีส่วนของอลูมิเนียม จะได้ประมาณมากมาย (ถ้าท่านมีศรัทธาอยากจะช่วยเหลือผู้พิการส่งเงินบริจาคไปยังที่อยู่ของหน่วย งานที่ขอบริจาคจะดีกว่าที่จะรวบรวมหูกระป๋อง เพราะนอกจากไม่คุ้มค่าแล้วยังเสียความรู้สึกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้แก่ นักฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ให้แก่ตน)


4. เศษอลูมิเนียมทุกชนิดต้องนำมาหลอมที่อุณหภูมิ 800 C  เพื่อจะแปรรูปเป็นอลูมิเนียมแท่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการหลอมอลูมิเนียมแท่ง และค่าจัดส่งมากกว่าค่าวัตถุดิบ ถ้าหน่วยงานใดที่ต้องการชิ้นส่วนขาเทียม ทางชมรมฯ ยินดีจะผลิตให้พอกับความต้องการและไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


5. ความสามารถในการประกอบขาเทียมจากเศษอลูมิเนียม 100 กิโลกรัม  เมื่อนำมาทำชิ้นส่วนของขาเทียมจะได้ชิ้นส่วนถึง 500 อัน ผู้ประกอบขาเทียมต้องใช้เวลาประกอบหลายปีดังนั้นการรณรงค์เพื่อเก็บหูกระป๋อ งกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศจึงเป็นเรื่องการสร้างภาพของคนกลุ่มหนึ่งเท่า นั้น และควรจะให้ประชาชนได้รู้ความจริง


6. การดื่มน้ำอัดลมแบบกระป๋อง  ก็ เป็นการสิ้นเปลืองเหมือนกันอยู่นะค่ะ  เพราะแผ่นโลหะที่นำมาทำกระป๋องต้องนำเข้า และต้องจ่ายค่ากระป๋องเพิ่มจากน้ำขวดปรกติถึง 3 บาทแน่ะ


7. การสร้างศรัทธาและจิตสำนึกเพื่อช่วยเหลือคนพิการเป็นสิ่งที่ดี  แต่การโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขายและนำสถาบันเบื้องสูงมาอ้างเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้าใจผิดเป็นจำนวนมาก เรื่องอย่างนี้…ผู้คุ้มครองผู้บริโภคน่าจะดูแลให้ทั่วถึงด้วย

39
เท่าที่ได้คุยกับทหารในหลายๆ จุดส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่่ทั้งนั้นเลย แต่ขออาสามาลงพื้นที่
พี่สองคนนี้เพื่อนที่มาด้วยกัน โดนยิงตายไปสองคนแล้ว เลยถามเค้าว่าไม่กลัวเหรอ
เค้าบอกไม่กลัว และจะขออยู่ที่นี่ต่อไป เค้าอยู่กันมา 5 ปีแล้วค่ะ...ขอบคุณทหารไทย



ได้แวะเอาขนมและของเล่นไปแจกเด็กๆ ด้วยค่ะ ดีใจกันใหญ่เลย เห็นว่าไม่มีคนจากข้างนอกเข้ามาในพื้นที่นานมากแล้ว



ช่วงที่อยู่ที่นั่น ตื่นเต้นตลอดเวลาเลยค่ะ กลัวว่าจะไม่ได้กลับมา สงสารชาวบ้าน สงสารทหาร
ได้แต่ภาวนาขอให้สงบซะที อย่ามีการสูญเสียอีกเลย...อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน อย่าเอาเรื่องของศาสนามาก่อให้เกิดความขัดแย้งเลย

หลังจากนี้นุ้ยเองจะยังทำโครงการอย่างต่อเนื่องนะคะ จะรวบรวมขนมและของเล่นส่งไปให้กับเด็กๆ ที่นั่น ต่อไปเรื่อยๆ
สิ่งของที่ส่งไปอาจจะช่วยอะไรได้มาก แต่ขอแค่ให้พวกเค้าได้รู้ว่ายังมีคนห่วงใยพวกเราเสมอ เพื่อให้เค้ามีแรงสู้ต่อไปก็พอแล้วค่ะ
แล้วหวังว่าจะได้มีโอกาสไปที่ยะลา กับนาราธิวาสต่อไป ใครสนใจร่วมทำบุญด้วยกัน เชิญที่ https://www.facebook.com/songjaipaitai นะคะ

40
ตอนกลางคืนได้มีโอกาสไปเยี่ยมจุดเฝ้าระวังต่างๆ ชาวบ้านต้องรวมตัวกันตั้งกลุ่ม เพื่อรักษาความปลอดภัย ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าที่นี่คือเมืองไทย



เช้าวันกลับแวะร่วมงานทอดกฐินที่วัดเทพนิมิตร อำเภอปานาเละ จุดนี้ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุด เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เราจะไป ก็เพิ่งมีพระสงฆ์ถูกฆ่าตายพร้อมทหารคุ้มกัน



ที่วัดนี้มีโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีภาพเขียนผนังฝีมือช่างชาวบ้าน เสียดายที่ตอนนี้ทรุดโทรมไปมาก ไม่ได้รับการบูรณะเลย



ได้เห็นรอยยิ้มของคนในพื้นที่บ้าง ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางค่ะ



จะไปไหนก็มีพี่ทหารคอยรักษาความปลอดภัยให้ตลอดค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ




41
โครงการนี้เป็นกิจกรรมร่วมระหว่างโครงการพระราชดำริ และกลุ่มปันของใช้ให้น้องค่ะ
โดยกลุ่มปันของใช้ให้น้อง เป็นผู้รวบรวมสิ่งของและเงินบริจาค นำไปส่งมอบให้กับโครงการพระราชดำริฯ ที่จังหวัดปัตตานี
เพื่อให้ดำเนินการมอบให้แก่ชาวบ้าน และทหารใน 3 จังหวัดชา่ยแดนภาคใต้ต่อไป
ดูกิจกรรมของกลุ่ม ปันของใช้ให้น้องได้ที่ https://www.facebook.com/groups/137061349807138/

ถนนหนทางในจังหวัดปัตตานี จะมีพี่น้องทหารคอยรักษาความปลอดภัยตลอดค่ะ สงสารทหารจับใจ ฝนตกแดดออกก็ต้องทน





ตามวัดต่างๆ จะมีทหารคอยรักษาความปลอดภัย



วัดยานิการาม มีหลวงพ่อจำวัดอยู่รูปเดียว ถามหลวงพ่อว่ากลัวมั้ย ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ ท่านบอกก็กลัวแต่ถ้าท่านไป ชาวบ้านจะพึ่งใคร



เท่าที่สังเกต วัดที่ปัตตานีจะใหญ่โตทุกวัดนะคะ แสดงว่าเมื่อก่อนพุทธศาสนาคงรุ่งเรืองเหมือนกัน ที่นี่คือวัดทรายขาวค่ะ




42






ของที่ระลึกอื่นๆ ค่ะ แจกกันไปเลย






43
แจกกันต่อ แฮนด์บิลไทย แฮนด์บิลต่างประเทศมากมายค่ะ





โปสการ์ด ที่คั่นหนังสือก็มีนะคะ








44
ของประมูลชุดแรก คุณพลประมูลไปที่ 300 บาทค่ะ





ชุดที่ 2 ประมูลไปที่ 650 บาทค่ะ ชุดนี้มีเลนส์กล้องไอโฟนด้วยน๊า





ชุดที่ 3 ประมูลไปที่ 1000 บาทค่ะ





ชุดที่ 4 ประมูลไปที่ 350 บาทค่ะ



ชุดที่ 5 สุดคุ้มค่า สแกนไวรัส 3 ยูเซอร์ พาวเวอร์แบ้งค์ 2 ตัว ปลั๊กอเนกประสงค์ และอื่นๆ ประมูลไปที่ 650 บาทค่ะ




45
ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่มาร่วมสนุกด้วยกันวันนี้นะคะ







ของแจกมีมากมายเช่นเคยค่ะ






Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 108