This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
556
กิจกรรม ช่อง 3 / “ก้าวสู่ปีที่ 9”
« on: June 07, 2011, 04:50:49 PM »
“ก้าวสู่ปีที่ 9”
อิ่มเอมความสุขด้วยบรรยากาศชื่นมื่น กับเหล่าพิธีกรข่าวยามเช้า นำโดย “สรยุทธ สุทัศนะจินดา – เอกราช เก่งทุกทาง – พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ” พร้อมสองนางเอกสาว “เข็มอัปสร สิริสุขะ – เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่มาสร้างสีสันในช่วงใหม่ “ครอบครัวบันเทิง” ร่วมกันฉลองครบรอบ 8 ปี รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” โดยมีคณะดูงานจากสภาเด็กและเยาวชน จ.ลพบุรี แทคทีมแสดงความยินดี ณ อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์
อิ่มเอมความสุขด้วยบรรยากาศชื่นมื่น กับเหล่าพิธีกรข่าวยามเช้า นำโดย “สรยุทธ สุทัศนะจินดา – เอกราช เก่งทุกทาง – พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ” พร้อมสองนางเอกสาว “เข็มอัปสร สิริสุขะ – เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่มาสร้างสีสันในช่วงใหม่ “ครอบครัวบันเทิง” ร่วมกันฉลองครบรอบ 8 ปี รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” โดยมีคณะดูงานจากสภาเด็กและเยาวชน จ.ลพบุรี แทคทีมแสดงความยินดี ณ อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์
557
news & activity / สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการจับปลาจากธรรมชาติ
« on: June 07, 2011, 04:37:17 PM »
สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการจับปลาจากธรรมชาติ โดยสนับสนุนโครงการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงาม ตอบรับวันทะเลโลก
ในท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ต่างแหวกว่ายร่ายเวทมนต์ให้โลกใต้สมุทรมีสีสันสดสวยดุจอาณาจักรแห่งใหม่อันแปลกตาของบรรดาสิ่งมีชีวิต แต่ความสวยงามนั้นเองที่ล่อตาล่อใจ ทำให้บรรดาปลาสวยงามในธรรมชาติได้ถูกคุกคามและมีปริมาณลดลงอย่างน่าใจหาย
ปัจจุบันความต้องการปลาทะเลเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อการบริโภค การค้า และการตกแต่งตู้ปลาสวยงาม ประชากรปลาทะเลจึงลดลงอย่างรวดเร็วและต้องการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีปลาการ์ตูนซึ่งเป็นปลาที่ได้รับความนิยมในการนำมาเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน เนื่องจากเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ชื่อดัง ทั้งยังมีสีสันสวยงาม ทำให้ปลาการ์ตูนถูกจับมาขายเป็นลำดับต้นๆ เพราะมีความต้องของตลาดสูง ทำให้ประชากรปลาการ์ตูนชนิดต่างๆ นั้นลดจำนวนลงอย่างมาก จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หรือ กรณีตลาดการค้าขายม้าน้ำ ตลาดมีความต้องการม้าน้ำนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาจีน ซึ่งมีการซื้อขายในตลาดค่อนข้างสูง แม้ว่าข้อตกลงระหว่างประเทศจะจัดม้าน้ำเข้าสู่อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส ที่ว่าด้วยชนิดพันธุ์ที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ที่การซื้อขายในประเทศสามารถกระทำได้ แต่การค้าระหว่างประเทศต้องมีการควบคุม แต่ความจริงที่เป็นอยู่คือ ยังมีการซื้อขายม้าน้ำในตลาดมืดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ กรณีปลาอมไข่ครีบยาว ซึ่งปัจจุบันถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เป็นปลาทะเลสวยงามที่ตลาดโลกมีความต้องการเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มความต้องการของตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ
สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพ อุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เล็งเห็นความสำคัญในการฟื้นฟูพันธุ์ปลาทะเล จึงได้สนับสนุน ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ กรมประมง โดยการนำปลาที่ได้จากการเพาะพันธุ์มาจัดแสดงในอควาเรี่ยม เพื่อเป็นการช่วยเผยแพร่ความสำเร็จของทางศูนย์วิจัยฯ และเพื่อช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยลดปริมาณการจับปลาจากธรรมชาติ ทางศูนย์วิจัยฯ ได้เริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามตั้งแต่ปี 2542 จนประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามชนิดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน ตั้งแต่ต้นปี 2544 จนถึงปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนของไทยและต่างประเทศได้หลากหลายชนิด อาทิ ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดีย ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนอานม้า ปลาการ์ตูนแดง เป็นต้น นอกจากนี้ทางศูนย์วิจัยฯ ยังประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามชนิดอื่นๆ อีก อาทิ ม้ำน้ำหนาม ม้าน้ำเหลือง ม้าน้ำส้ม และ ปลาอมไข่ครีบยาว ซึ่งเป็นปลาทะเลสวยงามที่มีความต้องการสูงในการบริโภคและการเลี้ยง
ทั้งนี้เนื่องในโอกาสวันทะเลโลก หรือ World Ocean’s Day สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพ จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์ท้องทะเลโดยการ สานต่อความมุ่งมั่นในการลดการจับสัตว์ทะเลจากธรรมชาติเพื่อนำมาแสดง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากคุณไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ อนุญาตให้นำปลาทะเลสวยงามที่ทางศูนย์วิจัยฯ เพาะพันธุ์ได้มาจัดแสดงตามโซนต่างๆ ของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ผลงานการเพาะพันธุ์ของทางศูนย์วิจัยฯ โดยปลาทะเลสวยงามจากทางศูนย์วิจัยฯ ที่สยาม โอเชี่ยน เวิร์ลนำมาจัดแสดง ได้แก่ ปลาอมไข่ครีบยาว ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดีย ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนอานม้า ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลาการ์ตูนแดง ปลาหูช้าง ปลาจิ้มฟันจระเข้ท้องคม ปลากะรังหน้างอน ม้ำน้ำหนาม ม้าน้ำเหลือง และปลาเฉี่ยวหิน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ของปลาทะเลสวยงามเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก พร้อมช่วยปลูกจิตสำนึกให้สังคมเล็งเห็นถึงความสำคัญของสัตว์โลกใต้ท้องทะเล และเป็นการสนับสนุนผลงานวิจัยของศูนย์วิจัยฯ ให้ประสบความสำเร็จต่อไป
ท่านใดที่สนใจอยากเรียนรู้และเพลิดเพลินกับการชมความสวยงามของปลาทะเลจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ สามารถเข้าชมได้ที่ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ในโซนจัดแสดงต่างๆ ซึ่งทางสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลจะขึ้นป้ายแสดงความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ของปลาแต่ละชนิดไว้ที่หน้าตู้ เพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้เก็บเกี่ยวความรู้และนำไปใช้ประโยชน์
พิเศษเพียงโชว์โลโก้ Breeding Life to the Ocean โดยการถ่ายภาพหรือตัดชิ้นส่วนมาแสดงที่จุดขายตั๋วรับส่วนลดค่าเข้าชมราคาพิเศษเพียง 250 บาททั้งเด็กและผู้ใหญ่ (จากผู้ใหญ่ 380 บาท เด็ก 280 บาท) ตั้งแต่วันที่ 8-30 มิถุนายนนี้ ณ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ชั้น B1-B2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ในท้องทะเลอันแสนกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ต่างแหวกว่ายร่ายเวทมนต์ให้โลกใต้สมุทรมีสีสันสดสวยดุจอาณาจักรแห่งใหม่อันแปลกตาของบรรดาสิ่งมีชีวิต แต่ความสวยงามนั้นเองที่ล่อตาล่อใจ ทำให้บรรดาปลาสวยงามในธรรมชาติได้ถูกคุกคามและมีปริมาณลดลงอย่างน่าใจหาย
ปัจจุบันความต้องการปลาทะเลเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อการบริโภค การค้า และการตกแต่งตู้ปลาสวยงาม ประชากรปลาทะเลจึงลดลงอย่างรวดเร็วและต้องการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีปลาการ์ตูนซึ่งเป็นปลาที่ได้รับความนิยมในการนำมาเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน เนื่องจากเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ชื่อดัง ทั้งยังมีสีสันสวยงาม ทำให้ปลาการ์ตูนถูกจับมาขายเป็นลำดับต้นๆ เพราะมีความต้องของตลาดสูง ทำให้ประชากรปลาการ์ตูนชนิดต่างๆ นั้นลดจำนวนลงอย่างมาก จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ หรือ กรณีตลาดการค้าขายม้าน้ำ ตลาดมีความต้องการม้าน้ำนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยาจีน ซึ่งมีการซื้อขายในตลาดค่อนข้างสูง แม้ว่าข้อตกลงระหว่างประเทศจะจัดม้าน้ำเข้าสู่อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส ที่ว่าด้วยชนิดพันธุ์ที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ที่การซื้อขายในประเทศสามารถกระทำได้ แต่การค้าระหว่างประเทศต้องมีการควบคุม แต่ความจริงที่เป็นอยู่คือ ยังมีการซื้อขายม้าน้ำในตลาดมืดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ กรณีปลาอมไข่ครีบยาว ซึ่งปัจจุบันถูกจัดให้เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เป็นปลาทะเลสวยงามที่ตลาดโลกมีความต้องการเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มความต้องการของตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ
สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพ อุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เล็งเห็นความสำคัญในการฟื้นฟูพันธุ์ปลาทะเล จึงได้สนับสนุน ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ กรมประมง โดยการนำปลาที่ได้จากการเพาะพันธุ์มาจัดแสดงในอควาเรี่ยม เพื่อเป็นการช่วยเผยแพร่ความสำเร็จของทางศูนย์วิจัยฯ และเพื่อช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยลดปริมาณการจับปลาจากธรรมชาติ ทางศูนย์วิจัยฯ ได้เริ่มศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามตั้งแต่ปี 2542 จนประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามชนิดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน ตั้งแต่ต้นปี 2544 จนถึงปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนของไทยและต่างประเทศได้หลากหลายชนิด อาทิ ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดีย ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนอานม้า ปลาการ์ตูนแดง เป็นต้น นอกจากนี้ทางศูนย์วิจัยฯ ยังประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ปลาทะเลสวยงามชนิดอื่นๆ อีก อาทิ ม้ำน้ำหนาม ม้าน้ำเหลือง ม้าน้ำส้ม และ ปลาอมไข่ครีบยาว ซึ่งเป็นปลาทะเลสวยงามที่มีความต้องการสูงในการบริโภคและการเลี้ยง
ทั้งนี้เนื่องในโอกาสวันทะเลโลก หรือ World Ocean’s Day สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพ จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์ท้องทะเลโดยการ สานต่อความมุ่งมั่นในการลดการจับสัตว์ทะเลจากธรรมชาติเพื่อนำมาแสดง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากคุณไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ อนุญาตให้นำปลาทะเลสวยงามที่ทางศูนย์วิจัยฯ เพาะพันธุ์ได้มาจัดแสดงตามโซนต่างๆ ของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ผลงานการเพาะพันธุ์ของทางศูนย์วิจัยฯ โดยปลาทะเลสวยงามจากทางศูนย์วิจัยฯ ที่สยาม โอเชี่ยน เวิร์ลนำมาจัดแสดง ได้แก่ ปลาอมไข่ครีบยาว ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดีย ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนอานม้า ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลาการ์ตูนแดง ปลาหูช้าง ปลาจิ้มฟันจระเข้ท้องคม ปลากะรังหน้างอน ม้ำน้ำหนาม ม้าน้ำเหลือง และปลาเฉี่ยวหิน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ของปลาทะเลสวยงามเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก พร้อมช่วยปลูกจิตสำนึกให้สังคมเล็งเห็นถึงความสำคัญของสัตว์โลกใต้ท้องทะเล และเป็นการสนับสนุนผลงานวิจัยของศูนย์วิจัยฯ ให้ประสบความสำเร็จต่อไป
ท่านใดที่สนใจอยากเรียนรู้และเพลิดเพลินกับการชมความสวยงามของปลาทะเลจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ สามารถเข้าชมได้ที่ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ในโซนจัดแสดงต่างๆ ซึ่งทางสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลจะขึ้นป้ายแสดงความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ของปลาแต่ละชนิดไว้ที่หน้าตู้ เพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้เก็บเกี่ยวความรู้และนำไปใช้ประโยชน์
พิเศษเพียงโชว์โลโก้ Breeding Life to the Ocean โดยการถ่ายภาพหรือตัดชิ้นส่วนมาแสดงที่จุดขายตั๋วรับส่วนลดค่าเข้าชมราคาพิเศษเพียง 250 บาททั้งเด็กและผู้ใหญ่ (จากผู้ใหญ่ 380 บาท เด็ก 280 บาท) ตั้งแต่วันที่ 8-30 มิถุนายนนี้ ณ สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ชั้น B1-B2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
558
news & activity / ไอบีเอ็มจัดงาน Finance Forum ไขความลับการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยซอฟต์แวร์
« on: June 07, 2011, 04:36:12 PM »
ไอบีเอ็มจัดงาน Finance Forum ไขความลับการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยซอฟต์แวร์ Business Analytics
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด นำโดย นางเจษฎา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ขวาสุด) จัดงาน ไอบีเอ็ม ไฟแนนซ์ ฟอรั่ม 2011 เสนอกลยุทธ์การวางแผนบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยซอฟต์แวร์ Business Analytics ซึ่งไม่เพียงช่วยในการตัดสินใจด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ หากแต่ยังรวมไปถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงและการควบคุมการปฎิบัติตามกฏภายในขององค์กร ให้กับผู้บริหารในสายการเงินทุกองค์กร โดยมี มร. ปิแอร์ กิโยม (Pierre Guillaume) กองบรรณาธิการหนังสือขายดี FUTURE READY How to Master Business Forecasting มาร่วมเป็นวิทยากร
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด นำโดย นางเจษฎา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ขวาสุด) จัดงาน ไอบีเอ็ม ไฟแนนซ์ ฟอรั่ม 2011 เสนอกลยุทธ์การวางแผนบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยซอฟต์แวร์ Business Analytics ซึ่งไม่เพียงช่วยในการตัดสินใจด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ หากแต่ยังรวมไปถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงและการควบคุมการปฎิบัติตามกฏภายในขององค์กร ให้กับผู้บริหารในสายการเงินทุกองค์กร โดยมี มร. ปิแอร์ กิโยม (Pierre Guillaume) กองบรรณาธิการหนังสือขายดี FUTURE READY How to Master Business Forecasting มาร่วมเป็นวิทยากร
559
news & activity / ดาว เคมิคอล ร่วมสร้างเยาวชนนักวิทย์หัวใจรักษ์โลก มอบรางวัลความคิดริเริ่ม
« on: June 07, 2011, 04:35:09 PM »
ดาว เคมิคอล ร่วมสร้างเยาวชนนักวิทย์หัวใจรักษ์โลก มอบรางวัลความคิดริเริ่มทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นปีที่ 4 ประจำปี 2554
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ซึ่งการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้น การปลูกฝังให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่การสรรสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศของเราต่อไปในอนาคต
บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านเคมีภัณฑ์ เล็งเห็นความความสำคัญของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ สมาคมวิศวกรรมเคมีและเคมีประยุกต์แห่งประเทศไทย (สวคท.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดประกวดรางวัลความคิดริเริ่มทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในหัวข้อกระบวนการและผลิตภัณฑ์เคมี เป็นปีที่ 4 โดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ส่งผลงานวิจัยเข้าประกวด โดยโครงการวิจัยเหล่านั้น ต้องมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสามารถนำไปต่อยอดใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ
ในปีนี้ มีผลงานวิจัยเข้าร่วมประกวดจากทีมนิสิตนักศึกษา 6 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ มากถึง 20 โครงการ และมี 6 โครงการที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่ง 2 ทีม ที่ร่วมกันคว้ารางวัลดีเด่น ได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 100,000 บาท ได้แก่ ทีมนิสิตปริญญาเอก จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นำเสนอผลงาน “โครงการคริสตัลทองคำบริสุทธิ์ 99.99% สำหรับธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจสปาไทย” ซึ่งเป็นโครงการศึกษาพัฒนาการผลิตทองคำบริสุทธิ์โดยใช้นาโนเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และทีมนักศึกษาปริญญาเอก จากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่นำเสนอผลงาน “โครงการพัฒนากระบวนการผลิตไบโอดีเซลชนิดเอทิลเอสเตอร์คุณภาพสูงเชิงอุตสาหกรรม” โดยสนใจการใช้สารตั้งต้นเอธานอลที่ผลิตได้เองในประเทศแทนการใช้เมธานอลที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลชมเชยอีก 4 รางวัล รางวัลละ 50,000 บาท ได้แก่ โครงการอาคารประหยัดพลังงาน โครงการนวัตกรรมผงอนุภาคเงินระดับนาโนเมตรเพื่อประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ โครงการการศึกษาคุณสมบัติเชิงแสงของแคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยเชลล์ในช่วง NIR และโครงการผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์ทนความร้อนสูงโดยวิธีการฉีดขึ้นรูปจากพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายทางชีวภาพผสมเถ้าแกลบ โดยทุกโครงการที่ได้รับางวัลและผ่านเข้ารอบสุดท้ายนี้ นอกจากได้รับทุนการศึกษาแล้ว ยังได้ร่วมทัศนศึกษาเยี่ยมชมโรงงานกลุ่มบริษัท ดาว เคมิคอล ในประเทศไทย และเอสซีจี เคมิคอลส์ ที่จังหวัดระยองอีกด้วย
นายสมหมาย ศิริเลิศสมบัติ นายกสมาคมวิศวกรรมเคมีและเคมีประยุกต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีนี้มีนักศึกษาส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในหัวข้อต่างๆ ที่โดดเด่นน่าสนใจ และทางสมาคมฯ ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายองค์กรร่วมเป็นกรรมการตัดสินในครั้งนี้ จึงสามารถเชื่อถือในมาตรฐานคุณภาพของทุกผลงานที่ผ่านการตัดสินจากเวทีนี้ได้”ด้านผู้ให้การสนับสนุนโครงการ ดร. มอลลี่ เพยฟาง ชาง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย กล่าวว่า “ดาวให้การสนับสนุนโครงการนี้ทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีแล้ว เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาความคิดและงานวิจัยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตนเองมาสู่การปฏิบัติได้จริง และช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในงานวิจัยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน อันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศ และสอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติงานของบริษัท ที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถช่วยให้บริษัทสามารถผลิตเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนอีกด้วย”คุณยุทธนา เจียมตระการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โพลิโอเลฟินส์ กล่าวในนามของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ ว่า “เอสซีจี เคมิคอลส์ มีอุดมการณ์ในการดำเนินธุรกิจข้อหนึ่งที่ว่า “เชื่อมั่นในคุณค่าของคน” ที่ไม่เพียงพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น แต่ยังมุ่งส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนไทย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ โครงการนี้จึงนับเป็นเวทีสำคัญที่ให้โอกาสนิสิตนักศึกษา รวมถึงนักวิจัยได้แสดงออกถึงศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาและยกระดับวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับสากล ซึ่งเอสซีจี เคมิคอลส์ ได้ร่วมกับดาว เคมิคอล สนับสนุนโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง”นายเทวารักษ์ ปานกลาง และนายสุพีระ นุชนารถ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่น กล่าวว่า “แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยของเรา คือการนำงานวิจัยจากหิ้งมาสู่ห้าง นั่นคือการสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถนำมาใช้ได้จริงเชิงพาณิชย์ โดยอยากจะสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจความงามและสปาซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงในด้านนี้อยู่แล้ว ปีนี้เป็นปีที่สองที่พวกเราส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ผมคิดว่าโครงการนี้มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะคำแนะนำจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้สามารถนำไปปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้น และพัฒนาผลงานไปในทิศทางที่ใช้ได้จริงมากขึ้น นอกจากนั้นการที่พวกเราได้เห็นผลงานดีๆ ของเพื่อนๆ ทีมอื่น ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่ดียิ่งขึ้นต่อไป” นางสาวรวมพร นิคม จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่น กล่าวว่า “เพิ่งส่งผลงานมาเป็นปีแรก รู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ต้องขอขอบคุณคำแนะนำดีๆ จากคณะกรรมการทุกท่านที่ทำให้เห็นแนวทางการพัฒนาผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่านในการจัดโครงการดีๆ ที่มีส่วนช่วยกระจายองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กว้างขวาง” โครงการความคิดริเริ่มทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐบาล จึงเป็นเสมือนเวทีที่ช่วยกระตุ้นให้เยาวชนไทยเกิดความรักและสนใจในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นการจุดประกายให้เยาวชนไทยรู้จักคิดนอกกรอบในแนวทางที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการดีๆ เช่นนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครอีกครั้งในเดือนตุลาคม เพื่อให้นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก ในสาขาวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับเคมี วัสดุ พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ได้นำเสนอไอเดียของคนรุ่นใหม่ และได้แสดงความสามารถของเด็กไทยที่มีไม่แพ้ชาติใดในโลก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ซึ่งการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน ดังนั้น การปลูกฝังให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่การสรรสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศของเราต่อไปในอนาคต
บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านเคมีภัณฑ์ เล็งเห็นความความสำคัญของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ สมาคมวิศวกรรมเคมีและเคมีประยุกต์แห่งประเทศไทย (สวคท.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดประกวดรางวัลความคิดริเริ่มทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในหัวข้อกระบวนการและผลิตภัณฑ์เคมี เป็นปีที่ 4 โดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ส่งผลงานวิจัยเข้าประกวด โดยโครงการวิจัยเหล่านั้น ต้องมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสามารถนำไปต่อยอดใช้งานได้จริงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ
ในปีนี้ มีผลงานวิจัยเข้าร่วมประกวดจากทีมนิสิตนักศึกษา 6 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ มากถึง 20 โครงการ และมี 6 โครงการที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่ง 2 ทีม ที่ร่วมกันคว้ารางวัลดีเด่น ได้รับทุนการศึกษารางวัลละ 100,000 บาท ได้แก่ ทีมนิสิตปริญญาเอก จากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นำเสนอผลงาน “โครงการคริสตัลทองคำบริสุทธิ์ 99.99% สำหรับธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจสปาไทย” ซึ่งเป็นโครงการศึกษาพัฒนาการผลิตทองคำบริสุทธิ์โดยใช้นาโนเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และทีมนักศึกษาปริญญาเอก จากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่นำเสนอผลงาน “โครงการพัฒนากระบวนการผลิตไบโอดีเซลชนิดเอทิลเอสเตอร์คุณภาพสูงเชิงอุตสาหกรรม” โดยสนใจการใช้สารตั้งต้นเอธานอลที่ผลิตได้เองในประเทศแทนการใช้เมธานอลที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
สำหรับผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลชมเชยอีก 4 รางวัล รางวัลละ 50,000 บาท ได้แก่ โครงการอาคารประหยัดพลังงาน โครงการนวัตกรรมผงอนุภาคเงินระดับนาโนเมตรเพื่อประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ โครงการการศึกษาคุณสมบัติเชิงแสงของแคลเซียมคาร์บอเนตจากเปลือกหอยเชลล์ในช่วง NIR และโครงการผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์ทนความร้อนสูงโดยวิธีการฉีดขึ้นรูปจากพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายทางชีวภาพผสมเถ้าแกลบ โดยทุกโครงการที่ได้รับางวัลและผ่านเข้ารอบสุดท้ายนี้ นอกจากได้รับทุนการศึกษาแล้ว ยังได้ร่วมทัศนศึกษาเยี่ยมชมโรงงานกลุ่มบริษัท ดาว เคมิคอล ในประเทศไทย และเอสซีจี เคมิคอลส์ ที่จังหวัดระยองอีกด้วย
นายสมหมาย ศิริเลิศสมบัติ นายกสมาคมวิศวกรรมเคมีและเคมีประยุกต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีนี้มีนักศึกษาส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในหัวข้อต่างๆ ที่โดดเด่นน่าสนใจ และทางสมาคมฯ ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายองค์กรร่วมเป็นกรรมการตัดสินในครั้งนี้ จึงสามารถเชื่อถือในมาตรฐานคุณภาพของทุกผลงานที่ผ่านการตัดสินจากเวทีนี้ได้”ด้านผู้ให้การสนับสนุนโครงการ ดร. มอลลี่ เพยฟาง ชาง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย กล่าวว่า “ดาวให้การสนับสนุนโครงการนี้ทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปีแล้ว เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถพัฒนาความคิดและงานวิจัยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตนเองมาสู่การปฏิบัติได้จริง และช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในงานวิจัยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน อันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศ และสอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติงานของบริษัท ที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถช่วยให้บริษัทสามารถผลิตเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนอีกด้วย”คุณยุทธนา เจียมตระการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โพลิโอเลฟินส์ กล่าวในนามของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ ว่า “เอสซีจี เคมิคอลส์ มีอุดมการณ์ในการดำเนินธุรกิจข้อหนึ่งที่ว่า “เชื่อมั่นในคุณค่าของคน” ที่ไม่เพียงพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้ความสามารถเท่านั้น แต่ยังมุ่งส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนไทย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ โครงการนี้จึงนับเป็นเวทีสำคัญที่ให้โอกาสนิสิตนักศึกษา รวมถึงนักวิจัยได้แสดงออกถึงศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาและยกระดับวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับสากล ซึ่งเอสซีจี เคมิคอลส์ ได้ร่วมกับดาว เคมิคอล สนับสนุนโครงการนี้มาอย่างต่อเนื่อง”นายเทวารักษ์ ปานกลาง และนายสุพีระ นุชนารถ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่น กล่าวว่า “แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยของเรา คือการนำงานวิจัยจากหิ้งมาสู่ห้าง นั่นคือการสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถนำมาใช้ได้จริงเชิงพาณิชย์ โดยอยากจะสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจความงามและสปาซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงในด้านนี้อยู่แล้ว ปีนี้เป็นปีที่สองที่พวกเราส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ผมคิดว่าโครงการนี้มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะคำแนะนำจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้สามารถนำไปปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้น และพัฒนาผลงานไปในทิศทางที่ใช้ได้จริงมากขึ้น นอกจากนั้นการที่พวกเราได้เห็นผลงานดีๆ ของเพื่อนๆ ทีมอื่น ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่ดียิ่งขึ้นต่อไป” นางสาวรวมพร นิคม จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่น กล่าวว่า “เพิ่งส่งผลงานมาเป็นปีแรก รู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ต้องขอขอบคุณคำแนะนำดีๆ จากคณะกรรมการทุกท่านที่ทำให้เห็นแนวทางการพัฒนาผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่านในการจัดโครงการดีๆ ที่มีส่วนช่วยกระจายองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กว้างขวาง” โครงการความคิดริเริ่มทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐบาล จึงเป็นเสมือนเวทีที่ช่วยกระตุ้นให้เยาวชนไทยเกิดความรักและสนใจในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นการจุดประกายให้เยาวชนไทยรู้จักคิดนอกกรอบในแนวทางที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการดีๆ เช่นนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครอีกครั้งในเดือนตุลาคม เพื่อให้นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก ในสาขาวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับเคมี วัสดุ พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ได้นำเสนอไอเดียของคนรุ่นใหม่ และได้แสดงความสามารถของเด็กไทยที่มีไม่แพ้ชาติใดในโลก
560
news & activity / จีเอสเคเดินหน้า นโยบาย “ยาดีเข้าถึงได้” เปิดตัว “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน”
« on: June 07, 2011, 04:32:48 PM »
จีเอสเคเดินหน้า นโยบาย “ยาดีเข้าถึงได้” เปิดตัว “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” บริจาคยานวัตกรรมผ่านสภากาชาดไทย
1.นายวิริยะ จงไพศาล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ จีเอสเค และ นายแพทย์ทวิราป ตันติวงษ์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ พร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในงานแถลงข่าวเปิดโครงการ “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” บริจาคยานวัตกรรมผ่านสภากาชาดไทย เพิ่มการเข้าถึงยาคุณภาพของประชาชนทั่วประเทศ
2.หม่อมราชวงศ์ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารจากจีเอสเค นายวิริยะ จงไพศาล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด นายแพทย์ทวิราป ตันติวงษ์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ และนางโสมรสา พงษ์เพิ่มพฤกษ์ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ (ขวา) ร่วมเปิดตัวโครงการ “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” โดยมี นาย บอยปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ (ที่ 5 จากซ้าย) ตัวแทนศิลปินมาร่วมในงาน
โครงการ “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” มอบยาและวัคซีนแก่ผู้ด้อยโอกาสเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยาแก่ประชาชนตามนโยบาย “ยาดีเข้าถึงได้” และ ปี 2554 เป็นปีมหามงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” จะมอบวัคซีนนวัตกรรม 3 ชนิด สำหรับประชาชนจำนวน 900 คน ผ่านสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของสภากาชาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ และถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนส่งเสริมให้ประชากรไทยมีโอกาสเข้าถึงยาดีมีคุณภาพ
1.นายวิริยะ จงไพศาล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ จีเอสเค และ นายแพทย์ทวิราป ตันติวงษ์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ พร้อมด้วย หม่อมราชวงศ์ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในงานแถลงข่าวเปิดโครงการ “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” บริจาคยานวัตกรรมผ่านสภากาชาดไทย เพิ่มการเข้าถึงยาคุณภาพของประชาชนทั่วประเทศ
2.หม่อมราชวงศ์ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ศาสตราจารย์นายแพทย์อดิศร ภัทราดูลย์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารจากจีเอสเค นายวิริยะ จงไพศาล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด นายแพทย์ทวิราป ตันติวงษ์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ และนางโสมรสา พงษ์เพิ่มพฤกษ์ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ (ขวา) ร่วมเปิดตัวโครงการ “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” โดยมี นาย บอยปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ (ที่ 5 จากซ้าย) ตัวแทนศิลปินมาร่วมในงาน
โครงการ “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” มอบยาและวัคซีนแก่ผู้ด้อยโอกาสเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยาแก่ประชาชนตามนโยบาย “ยาดีเข้าถึงได้” และ ปี 2554 เป็นปีมหามงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 “จีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน” จะมอบวัคซีนนวัตกรรม 3 ชนิด สำหรับประชาชนจำนวน 900 คน ผ่านสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของสภากาชาดไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ และถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนส่งเสริมให้ประชากรไทยมีโอกาสเข้าถึงยาดีมีคุณภาพ
561
news & activity / KTAMขายตราสารหนี้ตปท.6เดือนชู3.10%ต่อปี
« on: June 07, 2011, 04:31:14 PM »
KTAMขายตราสารหนี้ตปท.6เดือนชู3.10%ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนกรุงไทยธนทรัพย์ บี 7 (KTSUPB7) อายุโครงการ 6 เดือน เสนอขาย 7 -14 มิถุนายน 2554 โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในต่างประเทศประมาณ 70% ซึ่งประกอบด้วย เงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) บัตรเงินฝาก Bank of China และ Euro Commercial Paper ( ECP ) ของ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC ) ส่วนที่เหลืออีก 30% ลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตราสารภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี
กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนที่มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตราสารเป้าหมายจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน ทั้งนี้ กองทุนที่เปิดจำหน่ายจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน จะสับเปลี่ยนไปยังกองทุนตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ภายหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.00% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่น้อยกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่สถาบันการเงินคาดว่าจะทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและสินเชื่อตามในสัปดาห์นี้ ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนหลังการปรับขึ้นดอกเบี้ย ปรากฎว่าค่าเงินบาทมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้น ประกอบกับในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้เผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญทั้งภาคแรงงานและอสังหาริมทรัพย์ซึ่งแสดงถึงความอ่อนล้าของการฟื้นตัวส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลก รวมทั้งเงินบาทของไทย ผลดังกล่าวทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น และค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมซึ่งมีผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศที่มีการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มทางเลือก สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนพันธบัตรภาครัฐ ในประเทศ โดยอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 3 เสนอขายถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ ทั้ง 100% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.65% ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนกรุงไทยธนทรัพย์ บี 7 (KTSUPB7) อายุโครงการ 6 เดือน เสนอขาย 7 -14 มิถุนายน 2554 โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในต่างประเทศประมาณ 70% ซึ่งประกอบด้วย เงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) บัตรเงินฝาก Bank of China และ Euro Commercial Paper ( ECP ) ของ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC ) ส่วนที่เหลืออีก 30% ลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตราสารภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี
กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และต้องการผลตอบแทนที่มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตราสารเป้าหมายจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน ทั้งนี้ กองทุนที่เปิดจำหน่ายจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน จะสับเปลี่ยนไปยังกองทุนตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ภายหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.00% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่น้อยกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่สถาบันการเงินคาดว่าจะทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและสินเชื่อตามในสัปดาห์นี้ ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนหลังการปรับขึ้นดอกเบี้ย ปรากฎว่าค่าเงินบาทมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้น ประกอบกับในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้เผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญทั้งภาคแรงงานและอสังหาริมทรัพย์ซึ่งแสดงถึงความอ่อนล้าของการฟื้นตัวส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลก รวมทั้งเงินบาทของไทย ผลดังกล่าวทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น และค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยมซึ่งมีผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศที่มีการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจึงให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มทางเลือก สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนพันธบัตรภาครัฐ ในประเทศ โดยอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือนคุ้มครองเงินต้น 3 เสนอขายถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ ทั้ง 100% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.65% ต่อปี