Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - news

Pages: 1 ... 305 306 [307] 308 309 ... 330
4591
“บิ๊กซี ฟันกำไรปี 2553 กว่า 2.8 พันล้านบาท ”
 
          บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ โชว์กำไรปี 2553 ทะลัก 2,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% ส่วนรายได้อื่นยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งยอดขายและค่าเช่าพื้นที่หลังขยายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตและจูเนียร์ในปีนี้

          นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำปี 2553 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,887 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 2,868 ล้านบาท กำไรสุทธิประจำปี 2553 เพิ่มขึ้นจำนวน 19 ล้านบาท หรืออัตรา 0.6% กำไรจากการดำเนินงานประจำปี 2553 มีจำนวน 3,994 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้านี้จำนวน 173 ล้านบาท หรืออัตรา 4.2% เนื่องจากกำไรจากการดำเนินงานปี 2553 มีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการซื้อธุรกิจคาร์ฟูร์ (ประเทศไทย) เป็นจำนวนเงิน 391 ล้านบาทรวมอยู่ด้วย ซึ่งในค่าใช้จ่ายนี้มีค่าธรรมเนียมเงินกู้สำหรับวงเงินสินเชื่อเพื่อการเข้าซื้อกิจการจำนวน 114.65 ล้านบาท

          สำหรับกำไรขั้นต้นประจำปี 2553 มีจำนวน 3,903 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 359 ล้านบาทหรืออัตรา 8.4% เป็นผลเนื่องมาจากการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน นอกจากนี้อัตรากำไรจากการดำเนินงานโดยรวมก็ยังแข็งแกร่งและเป็นไปตามความคาดหมายของบริษัทฯ ด้วย

          อย่างไรก็ตามในส่วนของยอดขายถึงแม้ว่าสาขาราชดำริจะปิดปรับปรุงชั่วคราว แต่ยอดขายของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำปี 2553 มีจำนวน 70,236 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 2,178 ล้านบาทหรืออัตรา 3.2% เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมและการขยายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 4 สาขาและจูเนียร์จำนวน 2 สาขาในระหว่างปีโดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4

อีกทั้งรายได้ค่าเช่าและค่าบริการในประจำปี 2553 มีจำนวน 4,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 152 ล้านบาทหรืออัตรา 3.7% ถึงแม้จะได้ผลกระทบจากสาขาราชดำริที่ปิดปรับปรุงชั่วคราว การเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลเนื่องมาจากการปล่อยพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตและจูเนียร์ในปีนี้

          นอกจากนี้ยังมีรายได้อื่น จำนวน 9,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 935 ล้านบาท หรืออัตรา 11% อันเนื่องมาจากการได้รับเงื่อนไขทางการค้าที่ดีขึ้นและการรับรู้รายได้ชดเชยความเสียหายจากการหยุดชะงักทางธุรกิจ

          ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารประจำปี 2553 มีจำนวน 13,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 จำนวน 901 ล้านบาท หรืออัตรา 7.1% เนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการซื้อธุรกิจรคาร์ฟูร์ (ประเทศไทย) เป็นจำนวนเงิน 391 ล้านบาทรวมอยู่ด้วยตามที่อธิบายไว้ข้างต้น นอกเหนือจากนี้บริษัทฯ ยังมีการบันทึกค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดสาขาของสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 4 สาขาและจูเนียร์จำนวน 2 สาขาในปี 2553 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 มีการเปิดสาขาเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น อีกทั้งค่าใช้จ่ายทางการเงินประจำปี 2553 มีจำนวน 6 ล้านบาท ลดลงอย่างมากถึง 104 ล้านบาท หรืออัตราร้อยละ 94.5 เมื่อเทียบกับปี 2552 เนื่องจากการมีภาระเงินกู้ยืมลดลง รวมถึงรายจ่ายภาษีนิติบุคคล ลดลงจากปี 2552 จำนวน 88 ล้านบาท
 
           สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
           บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด
          วิทยา วงศ์หล่อ
          ผู้ช่วยผู้จัดฝ่ายประชาสัมพันธ์
          โทรศัพท์ 084 438 2993 โทรสาร 02-6552914
          E-Mail: wowittaya@bigc.co.th

4592
งานกิจกรรมแนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่
 
          กิจกรรม กิจกรรมแนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์
          รายละเอียดกิจกรรม บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมสัมผัส “มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่ : Be Fascinated พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ในกิจกรรมแนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ทั่วประเทศ

          - กิจกรรมก่อนการเปิดตัว ณ ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด 12-13 มีนาคม 2554
          - เปิดขายอย่างเป็นทางการที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ 138 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ 19 มีนาคมเป็นต้นไป
          - กิจกรรมโรดโชว์ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่ 13 มีนาคมเป็นต้นไป
          กรุงเทพ สถานที่
          ห้างสรรพสินค้า แฟชั่น ไอส์แลนด์ 11-20 มีนาคม 2554
          ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ 14-20 มีนาคม 2554
          ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 15-21 มีนาคม 2554

          ต่างจังหวัด สถานที่
          ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ชลบุรี 19-25 มีนาคม 2554
          ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ขอนแก่น 21-27 มีนาคม 2554

          ทั้งนี้ผู้ที่สนใจยังสามารถชมและทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ใหม่ได้ในงานกิจกรรมแนะนำรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ ตั้งแต่ 12 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือประสานงานลูกค้ามิตซูบิชิ Customer Consulting Center โทร. 1800 900 009 ฟรี เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS ในวันและเวลาราชการ หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th 

4593
‘AGE’ ซื้อถ่านหินเพิ่ม 6 แสนตัน เชื่อผลงานแจ่มหนุน W1 เทรดคึกคัก
 
          ผู้บริหาร เอเชียกรีน เอนเนอจี มั่นใจหุ้นลูก AGE-W1 เข้าเทรดในกระดานวันแรก 1 มีนาคมนี้ คึกคัก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เพราะผลประกอบการในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตสูง ล่าสุดลงนามซื้อถ่านหินเพิ่ม 600,000 ตัน รองรับออเดอร์จากจีนที่โตกว่าคาด แถมราคาพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูง เผยเตรียมชงบอร์ดอนุมัติเงินปันผลต้นเดือนมีนาคม

          นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามในการซื้อถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อส่งออกเพิ่มอีก 600,000 ตัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากประเทศจีนที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายในไตรมาส 1/2554 มีคำสั่งซื้อจากประเทศจีนกว่า 150,000 ตัน

          “ถ่านหินที่ลงนามซื้อเพิ่มเข้ามา 600,000 ตัน จะคิดเป็นมูลค่าขายรวม 1,300 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มียอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนเข้ามาสูงมาก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในช่วงขยายตัว ทำให้มีความต้องการถ่านหินสูง” นายพนม กล่าว

          นายพนม กล่าวถึงใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่หนึ่งหรือAGE-W1 ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์พร้อมหุ้นเพิ่มทุนใหม่ในวันที่ 1 มีนาคม 2554 นี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา มีผลงานดีรวมถึงเป้าหมายใหม่ ปี2554 ยอดขายถ่านหินปีนี้น่าจะโตได้ไม่น้อยกว่า 50% เนื่องจากยอดสั่งซื้อจากจีนเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ สำหรับตลาดในประเทศจะโตประมาณ 30%

          นอกจากนี้ปัจจัยบวกที่สำคัญคือราคาพลังงานทั่วโลกกำลังปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วรวมถึงราคาถ่านหินก็จะไปในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับระยะสั้นนี้จีนยังมีความต้องการถ่านหินอีกมาก เชื่อว่าราคาถ่านหินน่าจะยังทรงตัวในระดับสูงปัจจุบันอยู่ในระดับ125-130 เหรียญต่อตัน

          นายพนม กล่าวเสริมด้วยว่าหลังจากเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน35 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน โดยผู้จองจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญหรือ AGE-W1 อัตรา 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 2 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ระยะเวลาใช้สิทธิภายในสามปี ทำให้หุ้นAGEได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากตอนนี้มีจำนวนผู้ถือหุ้นหลังเพิ่มทุนแล้วรวมกว่า 3,000ราย จากความมั่นใจว่าบริษัทจะมีแนวโน้มเติบโตในอนาคตตามแผนระยะยาวห้าปี(2554-2558)ที่ได้ประกาศไปแล้ว

          “เราเป็นหุ้นเล็กที่มีอัพไซด์เกนเยอะข้างหน้าก็มีข่าวดีรออยู่ เร็วๆนี้เราจะมีการประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผล สำหรับลูกหุ้นจำนวน 35 ล้านหุ้นที่เพิ่งชำระเงินระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-8 ก.พ.2554 จะได้รับปันผลด้วย” นายพนม กล่าว

4594
มูลนิธิรักษ์ไทย รณรงค์ “โครงการรู้ทันวัณโรค และจัดงานวันวัณโรคโลกสากล 24 มีนาคม 2554 รู้ทัน วัณโรค พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย”-
 
          มูลนิธิรักษ์ไทยร่วมกับสำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ กองทุนโลกด้านเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (The Global Fund) จัดงาน “รู้ทัน วัณโรค พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย” เนื่องในโอกาสวันวัณโรคโลกสากล 24 มีนาคม 2554 เพื่อสร้างกระแสให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันควบคุมวัณโรค รวมถึงการดูแลรักษาโรคอย่างถูกต้องผ่านการจัดกิจกรรมในหลายรูปแบบ เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับโรควัณโรคโดยเน้นการประชาสัมพันธ์และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทั่วไปในการช่วยขจัดวัณโรคในประเทศไทย

          นายพร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิการมูลนิธิรักษ์ไทย เปิดเผยว่า “จากรายงานขององค์การอนามัยโลก พบว่าวัณโรคเป็นโรคติดต่อที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข วัณโรคเป็นสาเหตุของการป่วยและการตายในหลายๆ ประเทศทั่วโลก สาเหตุที่ทำให้วัณโรคกลับมาระบาดใหม่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ความยากจน การย้ายถิ่นอาศัย และแรงงานอพยพ ส่งผลให้การแพร่ระบาดของวัณโรคมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีผู้ที่ติดเชื้อวัณโรคประมาณ 2 พันล้านคนทั่วโลก หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรโลกและมีผู้ที่ป่วยด้วยวัณโรคประมาณ 16-20 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 8-10 ล้านคน สามารถแพร่เชื้อวัณโรคให้ผู้อื่นได้ โดยร้อยละ 95 ของผู้ป่วยอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา และร้อยละ 75 ของผู้ป่วยอยู่ในวัยทำงาน มีอายุระหว่าง 15 – 54 ปี และมีผู้ป่วยวัณโรคเสียชีวิต 1.9 ล้านคนในแต่ละปี”

          “จากการคำนวณทางระบาดวิทยาในรายงานขององค์การอนามัยโลกคาดว่า ประเทศไทยน่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ทุกประเภทประมาณ 92,300 คน ในจำนวนนี้ประมาณครึ่งหนึ่งหรือ 44,475 คนเป็นผู้ป่วยที่สามารถแพร่เชื้อได้ และเสียชีวิตปีละ12,089 ราย นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ตรวจพบติดเอดส์ร่วมด้วยประมาณร้อยละ 17 ในปี 2552 ประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคที่ขึ้นทะเบียนรักษาทั้งสิ้น 62,010 รายในจำนวนนี้ตรวจเสมหะพบเชื้อ 32,810 ราย เสียชีวิต 2,300 ราย อัตราการรักษาสำเร็จของผู้ป่วยวัณโรคเฉลี่ยร้อยละ 83 นอกจากนี้ประเทศไทยยังพบปัญาหาวัณโรคดื้อยา จากผลการเฝ้าระวัง 2 ครั้งในช่วง พ.ศ. 2540-2541 และ พ.ศ. 2544-2545 พบว่า อัตราการดื้อยาขนานใดขนานหนึ่ง ลดลงจาก ร้อยละ 25.4 เป็น ร้อยละ 14.8 การดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) มีอัตราลดลงเช่นกัน คือ ร้อยละ 2.01 เป็น ร้อยละ 1.06 ส่วนการเฝ้าระวังครั้งล่าสุด (พ.ศ. 2549-2550) พบว่าอัตราการดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) ในผู้ป่วยใหม่ร้อยละ 1.65 ซึ่งถือว่าปัญหาการดื้อยาในผู้ป่วยที่ไม่เคยรักษามาก่อนยังไม่สูงมาก แต่จากการศึกษาในกลุ่มประชากรพิเศษ ได้แก่ ผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำ โรงพยาบาลในเขตเมืองใหญ่ แนวชายแดน และพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเอดส์สูง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีปัญหาในการควบคุมวัณโรค พบอัตราการดื้อยาปฐมภูมิ (Primary drug resistance) สูงถึง ร้อยละ 5 – 7 และในผู้ป่วยวัณโรคที่เคยได้รับยามาก่อน (Acquired drug resistance) พบอัตราการดื้อยาสูงกว่าผู้ป่วยใหม่หลายเท่า”

          “จากสถิติในการเกิดโรควัณโรคในประเทศไทยที่ผ่านมา สาเหตุที่สำคัญเกิดจากการบริหารจัดการกับคนไข้วัณโรคยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ โดยเฉพาะการควบคุมวัณโรคในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา สงขลา และเมืองใหญ่อื่นๆ ยังมีความสำเร็จในการรักษาต่ำกว่าเป้าหมาย รวมถึงผลกระทบจากการระบาดของเชื้อ HIV ทำให้ผู้ป่วยวัณโรคมีมากขึ้น อัตราตายสูง และมีปัญหาเชื้อดื้อยา ปัญหาแรงงานต่างชาติที่ผิดกฎหมายที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยซึ่งรัฐยังไม่มีงบประมาณที่ชัดเจนในการดำเนินการควบคุมวัณโรคในกลุ่มแรงงานเหล่านี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างเร่งด่วนโดยมีการจัดลำดับความสำคัญ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณและเร่งรัดประสิทธิภาพการควบคุมโรค”

          “ในวันวัณโรคโลกสากล วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม 2554 นี้ ทางมูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกับ สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ กองทุนโลกด้านเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (The Global Fund) จะจัดวันรณรงค์ “รู้ทัน วัณโรค พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย” โดยเน้นการจัดกิจกรรมให้ข้อมูลและความรู้ความเข้าใจถึงโรควัณโรคอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นในวงกว้างผ่านทางโซเชี่ยลเนทเวิร์ก (Social network) ซึ่งถือเป็นช่องทางที่มีอิทธิพลและมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในสังคมคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน การเผยแพร่ข้อมูลผ่านทาง Social network เน้นการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบันโดยได้จัดกิจกรรมการประกวดคลิปวิดีโอ “Teen Action รู้ทันวัณโรค” เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศที่สนใจได้สร้างสรรค์ผลงานผ่านทางเฟซบุค (Facebook)ที่ http://www.facebook.com/TeenActionTB ซึ่งคาดว่าจะได้รับการมีส่วนร่วมจากเยาวชนอย่างดี พร้อมทั้งได้จัดทำสื่อภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์รู้ทันวัณโรค ชุด “ด่วนกว่า” เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการสังเกตอาการเบื้องต้นของโรค เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันที ในการจัดกิจกรรม “รู้ทัน วัณโรค พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย” เนื่องในโอกาสวันวัณโรคโลกสากล 24 มีนาคม 2554 นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการช่วยขจัดวัณโรคเพื่อตัดวงจรการแพร่เชื้อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อวัณโรค ตามคำขวัญขององค์การอนามัยโลก ประจำปีนี้ คือ On the move against Tuberculosis “รู้ทัน วัณโรค พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย” ซึ่งหมายถึง วัณโรคหากตรวจพบก่อนหรือเร็ว (Early Detection) ก็จะเป็นผลดีกับผู้ป่วย ทำให้เข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น การเจ็บป่วยไม่รุนแรง มีโอกาสแพร่เชื้อให้ชุมชนในเวลาสั้น การรักษาหาย เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตัดวงจรการแพร่เชื้อ เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคไปยังผู้อื่นและชุมชน”

          สำหรับกิจกรรม “รู้ทัน วัณโรค พบก่อน รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย” เนื่องในโอกาสวันวัณโรคโลกสากล 24 มีนาคม 2554 นี้จะเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟรี ณ สถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) โดยจะมีนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับวัณโรค จากหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขและเครือข่ายองค์กรภาคีที่ร่วมจัดงานในครั้งนี้ รวมทั้งมีบริการตรวจเช็คสุขภาพและตรวจปอดฟรี การจำหน่ายสินค้าเพื่อการกุศล การแสดงโดยศิลปินว่าน ธนกฤต (ว่าน AF2) และการแสดงอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย

4595
“สัปดาห์วันไตโลก” รณรงค์ป้องกันโรคไตและร่วมบริจาค 840 ไต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
 
          สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันไตโลก (World Kidney Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 10 มีนาคมในปีนี้ โดยงานเปิดตัวกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 54 เวลา 06.00 – 17.00 น. ณ บริเวณหอนาฬิกา สวนสาธารณะ สวนจตุจักร เพื่อสร้างความตื่นตัวในการป้องกันโรคไตแก่ประชาชน และสร้างทัศนคติที่ดีในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไต พร้อมทั้งรณรงค์ร่วมบริจาค 840 ไต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยภายในงาน จัดให้มีกิจกรรมการเดินเทิดพระเกียรติ ถามตอบปัญหาสุขภาพเพื่อผู้ป่วยโรคไต การแสดงดนตรี ร่วมด้วยนักแสดงที่ให้เกียรติมาร่วมกิจกรรม อาทิ คิมเบอร์ลี แอน โวล เทมัส (จากละคร 4 หัวใจแห่งขุนเขา), แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, อเล็กซ์ เรนเดลล์ และบีม กวี ตันจรารักษ์ (จากวง D2B) ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุดาพร ฤทธิโรจน์ หรือ คุณชยวรรณ เกียรติวัชรชัย โทรศัพท์ 02 718 1898  email: kidney@loxinfo.co.th

4596
ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ร่วมกับ บริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด จัดงานเสวนาเปิดตัวสารคดี "Great Migrations อัศจรรย์ฝูงสัตว์อพยพ"





          ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ร่วมกับ บริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด ร่วมจัดงานเสวนาเปิดตัวสารคดีจาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชุด "Great Migrations อัศจรรย์ฝูงสัตว์อพยพ"  ในวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554  เวลา 16.00-18.00 น.  หน้าร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ สาขา สยามพารากอน ชั้น 4

          สารคดีชุด"Great Migrations อัศจรรย์ฝูงสัตว์อพยพ" นั้นเป็นสุดยอดผลงานที่รวบรวมปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งการอพยพของฝูงสัตว์นับล้านชนิด ดังคำโปรยที่ว่า MOVE AS MILLION SURVIVE AS ONE เคลื่อนทัพนับล้าน ผ่านวิกฤตการณ์ เพราะรวมเป็นหนึ่งเดียว ให้เสียงบรรยายภาษาอังกฤษโดย อเลค บอลด์วิน เจ้าของรางวัลเอมมี่อวอร์ด และ 3 รางวัลลูกโลกทองคำ และให้เสียงบรรยายภาษาไทย โดยคุณดู๋ สัญญา คุณากร พิธีกรแถวหน้าของเมืองไทย

          ก่อนเริ่มงานเสวนาภายในงานก็จะมีการชม VTR แนะนำสารคดีชุด"Great Migrations อัศจรรย์ฝูงสัตว์อพยพ" ซึ่งตื่นตาตื่นใจมากครับไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของ ภาพ เสียง หรือเทคนิคการถ่ายทำมากกว่า 3 ปีที่ทีมงานเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้คลุกคลีอยู่กับธรรมชาติ และเดินทางไกลกว่า 420,000 ไมล์ ข้ามผ่าน 20 ประเทศ ใน 7 ทวีป เพื่อให้ได้มาซึ่งโปรดักชั่นที่ดีที่สุดสู่สายตาชาวโลก ด้วยเนื้อหาหลักทั้ง 4 ตอน ของสารคดีชุดนี้ที่จะนำทุกท่านออกเดินทางสู่เส้นทางอันทรหด โดยในวันนี้ก็มีดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

          ดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมงาน
          - คุณดู๋ สัญญา คุณากร พิธีกรแถวหน้าของเมืองไทย ผู้ให้เสียงภาษาไทยสารคดี Great Migrations
          - ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักการตลาดและนักวิชาการชื่อดังของเมืองไทย
          - คุณโกวิทย์ ผดุงเรืองกิจ บรรณาธิการบริหาร นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก
          - รศ.นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร กูรูธรรมชาติวิทยาของเมืองไทย และดาราชื่อดัง
          - ซินดี้ สิรินยา บิชอพ, ไข่มุก ชุติมา ดำรงเดช, นก ยลลดา เกริกก้อง สวนยศ, เสนาลิง

          พิธีกรผู้ดำเนินงานเสวนาภายในงาน คือ คุณจักรพงษ์ สุธีสถาพร (กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด)

4597
มาลีท้าดวลไอเดียสุดคูล ส่ง “Malee MV contest” เน้นกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมทุ่มงบการตลาด และแผนการตลาดครบวงจร





          “มาลี” เปิดไตรมาสแรกของปี 2554 ด้วยการสานต่อกิจกรรม Malee MV contest: Color your Life & Love กิจกรรมประกวดมิวสิควีดีโอสุดคูล ชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท พร้อมทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท เปิดเวทีประลองไอเดียสร้างสรรค์ผลงานแสดงความสามารถของคนรุ่นใหม่ และตอกย้ำความสำเร็จของโครงการฯ รวมทั้งสร้างความวแปลกใหม่ให้กับวงการน้ำผลไม้เมืองไทย รวมถึงขยายฐานกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น พร้อมเผยกลยุทธ์และแผนการตลาดปี2554นี้

          นางปทุมรัตน์ เพียรชอบ ผู้อำนวยการใหญ่ สายธุรกิจตราผลิตภัณฑ์ บริษัท มาลี สามพราน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพแบรนด์ “มาลี” เปิดเผยว่า ในปี2553 ที่ผ่านมา บริษัทมีนโยบายการตลาดที่มุ่งขยายฐานผู้บริโภคไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมกับบริษัทฯได้ จึงส่งผลให้ตลาดน้ำผลไม้มาลีในปี 2553 ที่ผ่านมาได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ประมาณ 20-25 % จึงส่งผลให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดการจดจำในสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะสานนโยบายด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง

          โดยมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์มาลีให้มีความนิยม แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และต่อเนื่อง รวมทั้งวางกลยุทธ์และการตลาดให้ครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

          โดยแคมเปญ Malee MV contest : Color your Life & Love ในเพลง “รักคือผลไม้” ภายใต้คอนเซปต์ “มาลี รู้ดีเรื่องผลไม้” เป็นกิจกรรมแรกของปี 2554 นี้ ซึ่งเป็นแคมเปญการประกวดวิดีโอสุดคูลว่าผลงานใครจะชนะใจคณะกรรมการ และได้รับผลคะแนนโหวตมากที่สุด ซึ่งเป็นการส่งผลงานประกวดสุดยอดไอเดีย มิวสิคฯ น้ำผลไม้มาลี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีน้องๆกว่า 100 ทีมส่งผลงานเข้าประกวดภายในระยะเวลาสั้นๆ เวลาเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ บริษัทฯ จึงได้จัดกิจกรรมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศขึ้น นับเป็นกโครงการฯ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก รวมถึงน้ำผลไม้มาลียังคงอยู่ในใจของกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกด้วย

 แคมเปญ Malee MV contest: Color your Life & Love
 
          นับว่าผลิตภัณฑ์มาลี ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการตลาดน้ำผลไม้เมืองไทยเป็นครั้งแรกด้วยการจัดกิจกรรมท้าพลังความคิดสร้างสรรค์ กับแคมเปญ Malee MV contest: Color your Life & Love เวทีสร้างสรรค์ไอเดีย ดวลพลังสมองของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่งทางความคิด ชิงเงินรางวัลกว่า 300,000 บาท รับของรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ ไอ-โฟน, ไอ-แพด, ไอ-พอด และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย โดยแคมเปญนี้มีจุดเด่น คือ 1. เป็นกิจกรรมที่เปิดกว้างโอกาสให้น้องๆ ได้โชว์ความสามารถ โชว์ศักยภาพ สร้างสรรค์ผลงานมิวสิควีดีโอโดนๆ อย่างไร้ขีดจำกัด นำเสนอความคิดสร้างสรรค์และไอเดียเด็ดๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่จำกัดวิธีการและเทคนิคในการทำ 2. ใช้เพลงประจำแบรนด์มาลี “รักคือผลไม้” ในการประกวด เพราะเพลงเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ง่าย และสามารถเพิ่มความคุ้นเคยและจดจำผลิตภัณฑ์มาลีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเพลงนี้แต่งขึ้นเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ และได้นักร้องวงทรีโอหน้าใหม่ วง Now and Then มาร่วมร้อง

          โครงการประกวดเอ็มวีในครั้งนี้ เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา รวมถึงผู้บริโภคทั่วไปที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดยทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อจัดทำการประชาสัมพันธ์สื่อต่างๆ อย่างครบวงจร อาทิ จัดโรดโชว์เข้าตามมหาวิทยาลัยทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล สื่อวิทยุ สื่อนสพ. เป็นต้น รวมทั้งจัดกิจกรรมประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัดกับ 10 ทีมสุดท้ายที่เข้ารอบ และยังได้เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้โชว์ผลงานสุดคูลให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมชมด้วย อีกทั้งยังได้มีเหล่าดาราศิลปินได้มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย

 เจาะตลาดกลุ่มวัยทีนด้วยกิจกรรมสุดคูล

          กลุ่มเป้าหมายหลักของน้ำผลไม้มาลี ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีนโยบายการตลาดที่มุ่งขยายฐานกลุ่มวัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์การตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรทางการค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน จัดกิจกรรมที่ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วม รวมถึงการบุกสื่อดิจิตอลและเว็บไซต์มากขึ้น ล่าสุดได้จัดโครงการประกวดทำมิวสิควีดีโอ “Malee MV contest: Color your Life & Love” เพื่อเป็นสื่อกลางในการสานสัมพันธ์กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกลุ่มคนรุ่นใหม่จะชอบการทำกิจกรรมที่แปลกใหม่ สนุกสนาน ท้าทายความสามารถและโชว์ไอเดียสร้างสรรค์

          โครงการฯ นี้จึงเป็นกิจกรรมการตลาดที่สำคัญในการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น และสร้างความผูกพันระหว่างมาลีกับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยปรับภาพลักษณ์ของมาลีให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างสร้างสรรค์จะช่วยสร้างการจดจำในแบรนด์มาลี และสามารถดึงความสนใจจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

เผยแผนการตลาดและกลยุทธ์ปี 2011

          สำหรับโครงการ Malee MV contest: Color your Life & Love บริษัทจะมีการปรับใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ คือ การตลาดแบบสร้างสรรค์ เนื่องจากที่ผ่านมาเรามุ่งที่การโปรโมชั่น และกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นหลัก ดังนั้นแคมเปญฯนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่มาลีจะสร้างภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น โดยมีการใช้เพลงที่ทันสมัยเข้ามาเสริม เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มาลีมีความสนุกสนานและดูสดใสเหมาะกับคนรุ่นใหม่ และเป็นสื่อในการสร้างการจดจำมาลีได้ง่ายขึ้น ผนึกกับโครงการนี้เป็นกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถเหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบการสร้างสรรค์งานอยู่แล้ว นอกจากนี้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นสื่อไปกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก สามารถกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง

          อย่างไรก็ตามในปี 2554 นี้ มาลีจะมุ่งเน้นการตลาดแบบสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น จัดโปรโมชั่น จับมือพันธมิตรทางการค้า CSR และกิจกรรมตอบแทนผู้บริโภค ที่สำคัญในปีนี้เราก็ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นำนวัตกรรมแปลกใหม่มาสู่ตลาดน้ำผลไม้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโปรดักส์ไลน์ให้กับมาลี เพื่อมอบสุขภาพดีให้กับผู้บริโภค ซึ่งเรามั่นใจว่ามาลีจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างแน่นอน

          “ปัจจุบันตลาดน้ำผลไม้ปีที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำผลไม้ระดับ พรีเมี่ยม 3,500 ล้านบาท มีเดียมกว่า 600 ล้านบาท อีโคโนมี่ 3,000 ล้านบาท ซูเปอร์อีโคโนมี่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตดังนี้คือ ตลาดซูเปอร์อีโคโนมี่เติบโตสูงสุด 23% อีโคโนมี่เติบโต 10% และตลาดมีเดียม -1% สำหรับยอดขายน้ำผลไม้มาลี ในปีที่ผ่านมาเติบโตกว่า 20-30 % นับว่าเป็นการเติบโตที่ดีมากๆ และคาดว่าปีนี้ตลาดน้ำผลไม้ก็น่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 10 -20 %”

4598
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพิ่มความรู้ผู้บริหารสาขา ผ่านโครงการ Wealth Management @ Bank

          ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เดินหน้าโครงการ “Wealth Management @ Bank” แห่งที่ 5 เพิ่มพูนความรู้ด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคลแก่ผู้บริหารสาขา ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Wealth Management @ KRUNGSRI) มุ่งยกระดับการให้บริการทางการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการเงินแก่ลูกค้า พร้อมขยายฐานผู้ลงทุนใหม่ หลังประสบความสำเร็จจาก 4 ธนาคารใหญ่ในปีที่ผ่านมา

          นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำงานร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผ่านโครงการ “Wealth Management @ Bank” เป็นแห่งที่ 5 หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการทำงานร่วมกับ 4 ธนาคารขนาดใหญ่ในปี 2553 เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ผู้บริหารสาขาของธนาคารได้มีความรู้และทักษะการให้บริการด้านวางแผนการเงินส่วนบุคคล และรู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างดี เพื่อแนะนำต่อให้แก่ลูกค้าของธนาคาร ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายฐานผู้ลงทุนผ่านธนาคารพาณิชย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

          “โครงการ Wealth Management @ KRUNGSRI นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำงานร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในการจัดกิจกรรมอบรมหลักสูตรด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคลแก่ผู้บริหารสาขาของธนาคาร ซึ่งโครงการฯ จะสนับสนุนแนวทางพัฒนาการให้บริการทางการเงินในรูปแบบ Universal Banking ซึ่งจะทำให้ธนาคารเป็นศูนย์กลางการออมและการลงทุนที่สามารถให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร” นายจรัมพรกล่าว

          ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) จะจัดการอบรมแก่ผู้บริหารสาขาของธนาคารในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2554 ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างผู้ให้บริการทางการเงินมืออาชีพเพิ่มขึ้นอีก 500 คน

          นายพิริยะ วิเศษจินดา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา และตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดการให้บริการของธนาคารให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยผู้บริหารสาขาที่ผ่านโครงการฯ จะมีความรู้ความเข้าใจในการแนะนำทางเลือกด้านการเงินและการลงทุนที่หลากหลายให้กับลูกค้าเงินฝาก รวมทั้งสามารถบูรณาการการวางแผนการเงินให้สอดคล้องกับทุกช่วงชีวิตของลูกค้า โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายของธนาคารให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของลูกค้าเฉพาะบุคคล เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นคงได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวและบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่กำหนดไว้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้ารายเดิม และในขณะเดียวกันยังเป็นการขยายฐานการให้บริการทางการเงิน และเพิ่มปริมาณธุรกรรมไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วย”

          ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมมือกับ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในโครงการ Wealth Management @ Bankได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จจากการดำเนินโครงการเป็นอย่างมาก มีผู้บริหารสาขาเข้าร่วมโครงการกว่า 2,000 คน โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ถือเป็นธนาคารแห่งแรกที่เข้าร่วมโครงการในปีนี้

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222

4599
โอกาสทองของคนทำหนังสั้นกับ “มหกรรมประกวดหนังสั้น Bangkok Post 9FilmFest 2011” ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี



          รู้หรือไม่ว่า ผู้กำกับ “แฟนฉัน” หรือ “ชัตเตอร์ กด ติดวิญญาณ” ล้วนเกิดมาจากการทำหนังสั้นทั้งสิ้น…ถ้าคุณรักการทำหนังและฝันใฝ่สู่การเป็นผู้กำกับมือทองในอนาคต โอกาสดีมาถึงแล้ว กับ “มหกรรมประกวดหนังสั้น Bangkok Post 9FilmFest 2011” ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี จัดโดยบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมจับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งวงการต่างๆ ได้แก่ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, เอไอเอส, โซนี่, อ.ส.ม.ท. และ เอส เอฟ ซีเนม่า ภายใต้คอนเซปต์ "จากนี้ไป...เลข 9 จะเปลี่ยนชีวิตคุณ" ง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไทยหรือต่างชาติ แค่เพียงหยิบกล้องคู่ใจของคุณขึ้นมา แล้วถ่ายทอดเรื่องราวผสานความคิดสุดวิจิตรบรรเจิดที่สื่อสารได้อย่างเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย ด้วยรูปแบบ หรือวิธีการนำเสนอใดก็ได้ ในหัวข้อหรือประเด็นที่คุณอยากปลดปล่อยสู่การรับรู้ของสังคมโลก โดยหนังสั้นที่ส่งเข้าประกวด จะต้องมีสัญลักษณ์ "หมายเลข 9" ที่สำคัญไม่เคยส่งประกวดหรือได้รับการเผยแพร่ที่ใดมาก่อน รวมความยาวทั้งสิ้น 9 นาที ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 300,000 บาท

          ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครพร้อมส่งผลงานหนังสั้นได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 22 เมษายนศกนี้ โดยจะประกาศรายชื่อหนังสั้นที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ 9 เรื่อง ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ทาง www.9filmfest.com และประกาศผลการตัดสินรางวัลชนะเลิศ ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2554 สอบถามรายะเอียดเพิ่มเติมโทร.02-260-3025 อีเมล์ info@9filmfest.com หรือคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.9filmfest.com

4600
ข่าวประชาสัมพันธ์ “Broker Badminton Championship 2011 สามัคคีคือพลัง



สามัคคีคือพลัง
การจัดงาน Broker Badminton Championship 2011 ที่จัดขึ้นโดยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งโบรกเกอร์ สำนักงานก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และผู้สื่อข่าว  จบไปด้วยความชื่นมื่น มีผู้เข้าร่วมงานทั้งนักกีฬาและกองเชียร์รวมกว่า 400 ชีวิต และในงานนี้ทำให้ทุกคนได้รู้ถึงคำว่า “สามัคคีคือพลัง” ปีหน้าฟ้าใหม่ได้ บล.บัวหลวง รับเป็นเจ้าภาพจัดงานต่อจาก สมาคม บล.และ บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ที่เป็นพ่องานในปีนี้และงานนี้ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน..ก็ไม่น้อยหน้าใครทั้ง ดร. จงรัก ระรวยทรง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ จับมือกับ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป คว้ารางวัลเหรียญทองมาครองคู่กัน ในการแข่งขันประเภทชายคู่รุ่น 48 ปีขึ้นไป

4601
KTAM เปิดขายตราสารหนี้อิสราเอล1ปีชู2.90%

            นายสมชัย  บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุน  ได้แก่   กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 18 (KTFF18 )  เปิดจำหน่าย ระหว่างวันที่  3-8    มีนาคม  2554   อายุโครงการ  12  เดือน    โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี     กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลอิสราเอล (A/A1/Positive โดย S&P)  ทั้ง100% โดยเป็นตราสารสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ประเภท Euro Medium Term Note (EMTN) ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับการระดมเงินตราต่างประเทศ      และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

            กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น กว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย (BBB+/A2/Positive โดย S&P)    และเมื่อกองทุนครบอายุโครงการ  จะสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปยังกองทุนตลาดเงิน   เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น 

               สำหรับภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศ  ยังได้รับอิทธพลจากความไม่สงบในประเทศ เช่น ลิเบีย บาเรนห์ ซีเรีย จอร์แดน ตูนีเซีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะจำกัดอยู่เฉพาะภายในประเทศนั้นๆ   ไม่กระทบต่อภาวะเศรษฐิจ และความมั่นคงของประทศอิสราเอล   แต่ผลดังกล่าวกดดันให้ Credit Default Spread ปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศเหล่านี้ รวมถึงประเทศข้างเคียง และทำให้ราคาน้ำมันผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก    ส่งผลอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น   รวมถึงอัตราดอกเบี้ยสวอประหว่างสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และเงินบาท มีการปรับตัวสูงขึ้น   จึงทำให้อัตราผลตอบแทนเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาท  ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย      จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุน

              นอกจากนี้  กองทุนอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3   เปิดขายตั้งแต่วันที่ 28  กุมภาพันธ์  -  4  มีนาคม  2554    อายุโครงการ 3  เดือน  เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศเกือบ 100%     ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ธนาคารไอซีบีซี   ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.00%  ต่อปี    เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ  และต้องการลงทุนใน ระยะสั้น

4602
ไซแมนเทครายงานสถานการณ์อีเมลขยะและฟิชชิ่งประจำเดือนมกราคม 2554 ผลจากการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตในการก่อจราจลในอียิปต์ ส่งผลสแปมเมอร์  ฟิชชิ่ง ลดลงถึง 16% ในเดือนนี้

นายนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชัน เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ที่อียิปต์ ทำให้ต้องปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศแต่ส่งผลด้านดีในการปิดกั้นสแปมเมอร์ชาวอียิปต์ไปด้วย

นายนพชัย ตั้งไตรธรรม ที่ปรึกษาทางเทคนิคอาวุโส บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชัน เปิดเผยว่าภาพรวมของอีเมล์ขยะทั่วโลก กำลังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาว่าผ่านจุดต่ำสุดมาหรือยัง ในขณะที่ตัวเลขเปรียบเทียบเดือนต่อเดือนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมกราคม และการเพิ่มขึ้นช่วงต้นเดือนมกราคมดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของอีเมล์ขยะ

เราคาดว่า จะเห็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเทียบกันเดือนต่อเดือนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์, ที่ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2553 อีเมล์ขยะคิดเป็น 79.55 ของข้อความทั้งหมดในเดือนมกราคม, เปรียบเทียบกับ 81.69 % ที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม

ภาพรวมของฟิชชิ่งเองก็มีการลดลง16% ในเดือนนี้ โดยเป็นการลดลงในทุกส่วนของการทำฟิชชิ่ง และมีเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่มีเครื่องมืออัตโนมัติในการหลอกลวงลดลงประมาณ 39%, ในขณะที่การปลอม URL ลดลงประมาณ 1%
เว็บไซต์ที่ฟิชชิ่งด้วยไอพี โดเมน (เช่น โดเมนอย่าง http://255.255.255.255)  ลดลงประมาณ 49%

บริการเว็บโฮสติ้ง คิดเป็น 12 % ที่เกิดกิจกรรมการฟิชชิ่ง, ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และตัวเลขของเว็บไซต์ฟิชชิ่งที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษได้เพิ่มขึ้นประมาณ 5% ซึ่ง, ภาษาฝรั่งเศสและ ปอร์ตุเกส มีจำนวนมากที่สุดในช่วงเดือนมกราคม

ประเด็นที่น่าจับตามองในรายงานประจำเดือนกุมภาพันธ์  2554 ได้แก่


o   บทสรุปของตำนานปริมาณอีเมล์ขยะ
o   เหตุการณ์จลาจลในอียิปต์ ช่วยปิดกั้นสแปมเมอร์
o   สแกมเมอร์อาศัยกลวิธีหลอกเอารับเงินจากการบริจาคเพื่อช่วยเหยื่อน้ำท่วมใน Serrana
o   กลลวงบิ๊ก บราเธอร์ บราซิล กลับมาอีกครั้ง
o   การวิเคราะห์หัวข้อสแปมในช่วงเดือนมกราคม 2554

Metrics Digest
Global Spam Categories

Spam URL TLD Distribution

Average Spam Message Size

Spam Attack Vectors

บทสรุปตำนานปริมาณอีเมล์ขยะ ในรายงานของเดือนที่แล้ว ไซแมนเทคได้ชี้ให้เห็นถึงการลดลงของอีเมล์ขยะอย่างมากในในช่วงวันคริสมาสต์ และการเพิ่มขึ้นในวันที่ 10 มกราคม ตารางข้างล่างแสดงให้เห็นว่า ปริมาณอีเมล์ขยะทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เกิดจาก รุสต็อค บ็อตเน็ต (Rustock Botnet) ที่กลับมามีบทบาทในวันที่ 10 มกราคม

แม้จะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น, ปริมาณอีเมล์ขยะทั่วโลกในเดือนมกราคม 2554 ยังคงลดลง 15.7% เทียบกับช่วงเดือนธันวาคม 2553 เบื้องต้นมีสาเหตุมาจาก การปิดตัวลงของ รุสต็อก ที่ส่งผลต่อปริมาณในช่วง 10 วันแรกของปี ไซแมมนเทคยังได้คาดการณ์ว่า ปริมาณอีเมล์ขยะในเดือนกุมภาพันธ์จะเพิ่มขึ้นแบบเดือนต่อเดือน เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปริมาณอีเมล์ขยะ, จำนวนเปอร์เซนต์ของอีเมล์ขยะที่ยังดูเหมือนว่าเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

หนึ่งในการคาดการณ์ในปี 2554 นี้คือ ปริมาณอีเมล์ขยะจะเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่ช้ามาก เปรียบเทียบกับช่วงก่อนที่ แม็คโคโล่ (McColo) จะปิดตัวลง การคาดการณ์ยังคงเป็นความจริงไปอีกนาน, แม้ว่าจะดูเป็นช่วงเริ่มต้นของปี และในส่วนของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ, เปอร์เซนต์ของอีเมล์ขยะที่เราพบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเยอะมากขึ้น

o   เหตุการณ์จลาจลในอียิปต์ ช่วยปิดกั้นสแปมเมอร์
หลังจากการประท้วงในตูนีเซียที่ลามไปยังอียิปต์, ได้มีความพยายามในการจะปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อไม่ให้บรรดาผู้ประท้วงสามารถสื่อสารและ มีการแลกเปลี่ยนความเห็นบนเว็บ ในขณะที่การดำเนินการส่งผลสำเร็จ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายที่ใช้งานโดยผู้ชุมนุม ที่ให้ออกมาร่วมชุมนุม และยังถือเป็นการปิดกั้นสแปมเมอร์ไปในตัวด้วย

ช่วงเวลาประมาณ 14.00 ในวันที่ 27 มกราคม ไซแมนเทค พบการลดลงของทราฟฟิกของอีเมล์ขยะในอียิปต์ ซึ่งไม่ได้มีสัดส่วนสำคัญในปริมาณอีเมล์ขยะทั่วโลก คิดเป็นประมาณเพียง 0.1 % เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เราเห็นผลกระทบต่อสแปมเมอร์จากการปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ต ตารางข้างล่างนี้แสดงจำนวนสแปมจากเมืองใหญ่ๆ ของอียิปต์

o   สแปมเมอร์อาศัยกลวิธีหลอกเอารับเงินจากการบริจาคเพื่อช่วยเหยื่อน้ำท่วมใน เซอรานา (Serrana)
เมื่อเดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมาได้เกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายอย่างหนักในหลายพื้นที่ในเขตที่ราบสูงของบราซิลที่รู้จักกันในชื่อของเซอรานา จังหวัดริโอ เดอ จาเนโร เหมือนเช่นเดิมนักหลอกลวงก็ได้อาศัยโอกาสนี้แสวงหาหนทางเพื่อที่จะส่งข้อความออกไป เพื่อหลอกลวงผู้คนทั่วไปให้บริจาคเงินให้กับผู้ประสบภัย

วิธีการของนักหลอกลวงอาศัยชื่อโดเมนเนมสร้างความน่าเชื่อถือแล้วแฝงการฟิชชิ่ง ซึ่งจะมีข้อความภาษาบราซิลและโปรตุเกสแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “donations for the tragedy in Friburgo” Friburgo เป็นเหมือนตำบลหนึ่งในบราซิลที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติดังกล่าว จากการตรวจสอบแล้วชื่อโดเมนนั้นอยู่ในประเทศบราซิลแต่เซิร์ฟเวอร์นั้นกลับตั้งอยู่ในเมืองดัลลัส สหรัฐอเมริกา ส่วนหน้าเว็บเพจที่มีการฟิชชิ่งนั้นถูกเก็บอยู่ในบราซิล

ข้อความหลอกลวงดังกล่าวมีใจความพูดถึงภับพิบัติที่เกิดขึ้น และพยายามจูงใจให้ผู้ที่ได้รับข้อความร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยเป็นตัวเงินตายตัวอย่าง 5, 10, 15, 30 และ 50 ดอลลาร์สหรัฐ และเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเว็บไซต์ฟิชชิ่งเหล่านี้จะใส่โลโก้ของธนาคารที่มีชื่อเสียงต่างๆ ในโลกไว้บนหน้าเพจ

ด้วยวิธีดังกล่าวนักหลอกลวงสามารถจะหลอกรับเงินบริจาคจากหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากหน้าเพจฟิชชิ่งเพียงหน้าเดียว เมื่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตตกเหป็นเหยื่อของการฟิชชิ่งแบบดังกล่าว มีความเสี่ยงที่จะถูกขโมยข้อมูลทางการเงิน


o   กลลวงบิ๊ก บราเธอร์ บราซิล กลับมาอีกครั้ง

ในปี 2553 ไซแมนเทคได้รายงานฟิชชิ่งไซต์ ที่ปลอมตัวเป็นเครือข่ายสังคมชื่อดัง  โดย ฟิชชิ่งไซต์ ดังกล่าวได้สร้างเว็บ แอพลิเคชั่น ที่ทำให้ผู้ใช้งานปลายทางสามารถรับชมรายการ “ บิ๊ก บราเธอร์ บราซิล” ผ่านทางออนไลน์ การโจมตีดังกล่าวเปิดตัวในช่วง ซีซั่น 10 ของรายการโชว์ทางทีวี ที่ออกอากาศในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของ ปี 2553

ในวันที่ 11 มกราคม 2553 ในช่วงเริ่มต้นของซีซั่นที่ 11 และฟิชเชอรืได้กลับมาโจมตี ด้วยกลลวงแบบเดิมที่จะพยายามหลอกเอาข้อมูล ฟิชชิ่ง ไซต์ ล่าสุดถูกโฮสต์ในโดเมน ของบริการเว็บโฮสติ้ง

ในเว็บไซต์จริง ข้อมูลวีดีโอสด ของรายการนำเสนอตลอด 24 ชั่วโมง จากกล้องหลายตัวในบ้านบิ๊ก
 บราเธอร์ วีดีโอเหล่านี้ เหมาะสมสำหรับผู้ชมผู้ใหญ่เท่านั้น อีกด้านหนึ่ง ไม่มีข้อมูลวีดีโอในฟิชชิ่ง ไซต์ และการมีเว็บแอพลิเคชั่นถือเป็นเลห์กลในการหลอกผู้ใช้งาน ข้อความในภาพที่แสดงในฟิชชิ่ง ไซต์ เป็นภาษาโปรตุเกตุ และแปลเป็น “In ----- ที่ชื่อโดนลบออก บิ๊ก บราเธอร์ ไลฟ์  โปรดทราบ ล็อกอินเข้าไปในไซด์และตรวจสอบ” หากผู้ใช้งานตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงด้วยการให้ข้อมูลในการกรอก มีความเสี่ยงที่จะโดนขโมยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา, แรงจูงใจของฟิชเชอร์ในการลงมือหลอกให้ผู้ใช้งานมาจากจำนวนเหยื่อที่เพิ่มชึ้น ได้มีการสำรวจพบว่าภาพลามก หรือเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ได้เป็นกลยุทธ์หลักที่ใช้ในการล่อลวงผู้ใช้งาน แม้เนื้อหาลามกไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ฟิชชิ่ง ไซต์ กลยุทธ์ของฟิชเชอร์คือ การให้ความหวังผู้ใช้งานในการเข้าไปดูวีดีโอผู้ใหญ่ของคนดังในรายการทีวี

o   การวิเคราะห์หัวข้อสแปมในช่วงเดือนมกราคม 2554

วาเลนไนท์ส่งผลอะไรบ้าง? ในช่วงเดือนมกราคม 2554 หัวข้ออีเมล์ขยะยอดนิยมส่วนใหญ่เป็นอีเมล์ขยะของการนัดเดต อย่างที่แสดงให้เห็นในตาราง ส่วนของเนื้อหาเพื่อบันเทิงคิดเป็น 3%ในเดือนนี้

รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.symantec.com


4603
กรุงศรี มอบรถยนต์ นิสสัน มาร์ช แก่ผู้โชคดีที่ใช้บริการ สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อปลูกสร้างบ้าน



นายฐากร   ปิยะพันธ์  ( ซ้าย ) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดลูกค้าบุคคล   ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ( มหาชน ) มอบรถยนต์ นิสสัน มาร์ช  แก่ นายณัฐพล เปาริก ( ขวา ) ลูกค้าผู้โชคดีจากการใช้บริการ “สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อปลูกสร้างบ้าน” โดยใช้บริการสร้างบ้านของบริษัทในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ของธนาคาร

Krungsri presents Nissan March for lucky customer from using KRUNGSRI Home Construction Loan

Mr. Thakorn Piyapan (left), Executive Vice President, Consumer Banking Group,   Bank of Ayudhya PCL. presents a Nissan March to the lucky customer, Mr. Nattaphol Paorik, from KRUNGSRI Home Construction Loan’s recent campaign.

4604
โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ปรับกลยุทธ์ กระชับความสัมพันธ์พันธมิตรคู่ค้าในเอเชีย แปซิฟิก มุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งร่วมกัน
 
          พร้อมแลกเปลี่ยนแผนธุรกิจเพื่อสร้างผลประโยชน์และขับเคลื่อนตลาดไปด้วยกัน

          บริษัท โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ (ชื่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: MSI) ซึ่งแยกตัวมาจากโมโตโรล่าเมื่อต้นปี 2553 ประกาศกลยุทธ์สร้างการเติบโต หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือ การแบ่งสรรทรัพยากรกับพันธมิตรคู่ค้า เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ ตลอดจนเพิ่มความแข็งแกร่ง และสร้างผลประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้นร่วมกัน เพื่อให้โมโตโรล่า โซลูชั่นส์และพันธมิตรทั้งระบบมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมีขีดความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น

          โมโตโรล่า โซลูชั่นส์จะจัดงานประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โอกาสทางการค้า และแผนธุรกิจให้กับพันธมิตรคู่ค้าร่วม 2,000 ราย ประกอบด้วย นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น ผู้ให้บริการระบบ และตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ได้แก่ กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย

          ทั้งนี้ งานประชุมพันธมิตรคู่ค้าดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Seize the Moment. Begin. Believe. Become” เพื่อตอกย้ำความตั้งใจจริงของโมโตโรล่าที่มุ่งสนับสนุนให้พันธมิตรคู่ค้าเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการวางแผนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมทั้งแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันในการสร้างความเติบโตในตลาดกลุ่มใหม่ๆ ทั้งนี้ โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ จะเปิดตัวโปรแกรม PartnerEmpowerTM ให้กับคู่ค้าในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกภายในปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้และการเติบโตในช่องทางใหม่ๆ และสร้างชุมชนระดับเวิลด์คลาสให้แก่คู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์

          รายละเอียดของข้อเสนอใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจรูปแบบใหม่ให้กับพันธมิตรคู่ค้า ได้แก่
          - โปรแกรม PartnerEmpower™: โปรแกรมเดียวที่ผนวกรวมโซลูชั่นต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ออกแบบเพื่อรองรับและสร้างความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจพร้อมสร้างแต้มต่อในการแข่งขันให้กับพันธมิตรคู่ค้า อาทิ โซลูชั่นวิทยุสื่อสาร โซลูชั่นเครือข่ายไร้สาย โซลูชั่นการสื่อสารเคลื่อนที่สำหรับองค์กร เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าระอับองค์กรและภาครัฐ
          - จากการปรับกลยุทธ์ของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ที่มุ่งเน้นเจาะตลาดเฉพาะทางในแต่ละเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้พันธมิตรมีโอกาสในการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ที่หลากหลายพร้อมเติบโตไปด้วยกันกับโมโตโรล่า โดยมุ่งเน้นเจาะตลาดองค์กรที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก อาทิ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสุขภาพ กลุ่มซัพพลายเชน อุตสาหกรรม
การผลิต การศึกษา การคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ โรงพยาบาล และการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ เป็นต้น
          - ด้วยโปรแกรม PartnerEmpower’s™ ส่งผลให้พันธมิตรคู่ค้าสามารถสร้างจุดเด่นด้วยความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นและแตกต่าง ช่วยเพิ่มรายได้ ตลอดจนมีผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่าสูงสุดจากการสร้างความชำนาญในเทคโนโลยีและตลาดของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ พันธมิตรคู่ค้าจะมีลู่ทางใหม่ๆ ในการเพิ่มรายได้จากการเข้าถึงพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด โปรแกรมการฝึกอบรมและการรับรอง การขยายผลประโยชน์ทั้งทางด้านเทคนิคการขายและการตลาด เพื่อสามารถให้บริการแก่ลูกค้าของโมโตโรล่าได้ดียิ่งขึ้น

          สิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับพันธมิตรคู่ค้าของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ได้แก่
          - มีความแตกต่างและได้รับการยอมรับด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในตลาดและเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีแหล่งข้อมูลเพื่อยกระดับความชำนาญในอนาคต
          - มอบผลประโยชน์ที่ครบถ้วนเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับพันธมิตรคู่ค้า ส่งผลให้สามารถทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปิดการขายได้และพัฒนาโซลูชั่นส์ที่ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ผลประโยชน์ที่ได้รับจะมากยิ่งขึ้นมื่อพันธมิตรคู่ค้าก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นในโปรแกรมนี้
          - ขยายพอร์โฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำอย่างยาวนานของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ทั้งในตลาดเอ็นเทอร์ไพรส์ ระบบเครือข่ายไร้สาย และวิทยุสื่อสาร
          - เชื่อมต่อกับอีโคซิสเต็มระดับชั้นนำทั่วโลก รวบรวมพันธมิตรคู่ค้าที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
          - มีกรอบการทำงานเดียวสำหรับคู่ค้าของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ เสริมด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์โมโตโรล่า
          - โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ มีพันธมิตรคู่ค้ากว่า 2,500 รายในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และกว่า 25,000 รายทั่วโลก

          มร. เปย์ เทค โม รองประธานด้านองค์กร บริษัท โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ ประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก กล่าวถึงการเปิดตำนานความสำเร็จบทใหม่ในงานประชุมประจำปีที่จัดขึ้นสำหรับพันธมิตรคู่ค้าจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม บังคลาเทศ อินเดีย ฯลฯ ว่า “รูปแบบการทำธุรกิจของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ เป็นแบบ B2B และเราจะยังคงมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าของเราทั้งลูกค้าองค์กรและภาครัฐ ทั้งนี้ จากการแยกตัวเป็นอิสระจากบริษัทแม่ ทำให้โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ สามารถจัดสรรงบการลงทุนในธุรกิจที่เราให้ความสำคัญได้อย่างเต็มที่ และเป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและเป็นอิสระมากยิ่งขึ้นในอนาคต เราจะปรับกลยุทธ์และเป้าหมายในการทำงานที่จะช่วยขับเคลื่อนแบรนด์ใหม่ของเรา ภายใต้วิสัยทัศน์มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและเชื่อมโยงลูกค้าของเราให้ก้าวทันความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที”

          และเสริมว่า “เราเข้าใจดีถึงความสำคัญของสิ่งที่ลูกค้าคำนึงถึง และเราตระหนักว่าเราไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรคู่ค้าที่มีค่าของเรา ที่ผ่านมานั้นเราได้ทำงานร่วมกับคู่ค้าของเราอย่างราบรื่นและจะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับคอมมูนิตี้พันธมิตรคู่ค้า และอีโคซิสเต็มให้ช่วยกันผลักดันธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น”

          โปรแกรมนี้ตั้งใจที่จะช่วยให้คู่ค้าของเราสร้างความแตกต่างได้ด้วยรูปแบบการทำธุรกิจ ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในตลาดนั้นๆ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า อย่างไรก็ตามการมีพันธมิตรใหม่ๆ การสนับสนุนทางด้านการพัฒนาโซลูชั่นการจัดการกระบวนการและระบบการทำงานให้ง่ายขึ้น เพื่อลดต้นทุนในการทำธุรกิจนี้เป็นเพียงแค่สิทธิประโยชน์บางส่วนที่โมโตโรล่า โซลูชั่นส์มอบให้กับพันธมิตรคู่ค้าเท่านั้น

          “ในปี 2556 พนักงานกว่า 35% จะมีการทำงานแบบเคลื่อนที่ ส่งผลให้โซลูชั่นแบบเคลื่อนที่ทวีความสำคัญและจำเป็นมากยิ่งขึ้น ซึ่งโมโตโรล่า โซลูชั่นส์มีความพร้อมที่จะให้บริการ และทำงานร่วมกับพันธมิตรคู่ค้าของเรา สร้างสรรค์โซลูชั่นการทำงานแบบเคลื่อนที่สำหรับองค์กร และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดที่สุด” มร. เปย์ กล่าวทิ้งท้าย

เกี่ยวกับโมโตโรล่า โซลูชั่นส์
          โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ เป็นผู้นำในการให้บริการและผลิตภัณฑ์การสื่อสารที่มีความสำคัญแบบ mission-critical สำหรับลูกค้าองค์กร และภาครัฐ นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสื่อสารชั้นนำ และเป็นผู้นำระดับโลกที่สามารถช่วยให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การทำงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในขณะนั้นๆ
          โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ มีชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กว่า MSI สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่ www.motorolasolutions.com

4605
ป๊อก สุดช๊อค ก้อง ลื่นคร่อมทับผิดท่า ใน “ส้มหวาน น้ำตาลเปรี้ยว”


 
          เข้าใกล้ นายิกา (ป๊อก ปิยธิดา) ทีไรเป็นต้องเกิดเรื่องให้ นาคินทร์ (ก้อง สหรัถ) ต้องปวดหัวทุกทีไป อย่างเบื้องหลังฉากวุ่นๆ ที่เก็บภาพมาฝากกันวันนี้เป็นตอนที่ นายิกา เดินเล่นในไร่จนเลยไปถึงเรือนทดลองสุดหวงของ พ่อเลี้ยงนาคินทร์ และด้วยความซุ่มซ่ามของเธอบวกกับอารามตกใจเสียงของ พ่อเลี้ยงนาคินทร์ ที่แอบตามมาและตะโกนใสอย่างไม่พอใจที่ นายิกา ถือวิสาสะเข้ามาในนี้ได้อย่างไร

          ทำให้ นายิกา เผลอไปปัดข้าวของเครื่องมือหล่นกระจายเต็มพื้น นาคินทร์ ถึงกับฉุนปรี๊ด เปิดฉากโต้คารมใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ นาคินทร์ จะกึ่งลากกึ่งจูง นายิกา ออกมาด้านหน้าเรือนทดลองที่มีแต่ถังปุ๋ยหมักวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด และด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างยื้อยุด ฉุดกันไปมา ทำให้ นายิกา เสียหลักลื่นคะหมำลงไปชนถังปุ๋ยหมักล้มระเนระนาด ขณะที่ปุ๋ยดำๆ ก็ทะลักออกมานองเต็มพื้น และตัวนายิกา ที่ยังพยุงตัวเองขึ้นไม่ได้ ด้าน นาคินทร์ ถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่บันดาลโทสะอีกรอบเพราะถูก นายิกา ด่าหาว่าเป็นตุ๊ดถึงไม่ยอมช่วยเธอ
 
          งานนี้เล่นเอานาคินทร์ของขึ้นสุดๆ กัดฟันกรอด แต่ก็ยื่นมือไปดึง เลยทำให้ นาคินทร์ เสียหลักลื่นคะหมำลงไปที่พื้นอีกคน แต่หนักกว่าตรงที่หน้า นาคินทร์ ทิ่มลงถังปุ๋ยเต็มๆ ทำให้ นายิกา ขำก๊ากกับหน้าดำๆ ของนาคินทร์ ด้านนาคินทร์ไม่รู้จะทำยังไงทั้งโกรธทั้งอาย เลยกำปุ๋ยหาใส่ นายิกา ส่วนกันไปมา เลอะเทอะ ก่อนที่ทั้งคู่จะลื่นล้มลงไปพร้อมกันอีกรอบ ....ซึ่งคราวนี้ทำเอา นายิกา ถึงกับช๊อคหัวใจแทบจะเต้นทะลุอกที่ นาคินทร์ ล้มลงในท่าคร่อมตัวเธอจนหน้าแทบจะชนกัน ขณะที่ นาคินทร์ ก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน.....

          เรียกว่าเบื้องหลังการถ่ายทำวันนี้ค่อนข้างยาก และต้องซ้อมกันอยู่นานทั้งก้อง และป๊อก อยากให้ เท๊คเดียวผ่าน เพราะเป็นซีนที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเอามากๆ โดยเฉพาะหนุ่มก้อง ที่ต้องยอมหน้าดำปี๋ ลงไปนอนเปื้อนโคลน ตอนซ้อมนอนบนเสื่อ แต่พอผู้กำกับเอส คมกฤษณ์ สั่งเอาจริง ด้วยความเป็นพระนาง มืออาชีพเท๊คเดียวผ่านฉลุยคร่า......ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามชมกันต่อได้ในละคร “ส้มหวาน น้ำตาลเปรี้ยว” วันที่ 6-7 มีนาคมนี้ เวลา 18.45 น. ทางช่อง 7 สี จ้า!!

Pages: 1 ... 305 306 [307] 308 309 ... 330