This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
33676
ข่าวภาพยนตร์ / “รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ” วิ่งแรงแซง “แฟนฉัน”โกยรายได้ 140 ล้าน กลายเป็นหนังทำเงินสูง
« on: November 16, 2009, 03:07:56 PM »
“รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ” วิ่งแรงแซง “แฟนฉัน”
โกยรายได้ 140 ล้าน กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดแห่งปี
“รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ” หนังสุดฮอตแห่งปี กลับประโยคเด็ดโดนใจ “หล่อทะลุแป้ง” ค่าย จีทีเอช มาแรงวิ่งแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างแฟนฉันไปอย่างเหนือชั้น โดยโกยรายได้ไปถึง 140 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ทำลายสถิติหนังรักทุกเรื่อง กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดแห่งปี
ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ผู้กำกับ เผยว่า “ รู้สึกตกใจมากครับที่หนัง รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ ทำรายได้แซงหน้าแฟนฉันที่ทำเงิน 137 ล้าน และรถไฟฟ้าฯ สามารถพุ่งแรงมาได้ถึง 140 ล้าน มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะไม่เคยคิดว่ามันจะมาไกลถึงขนาดนี้จริงๆ ผม ตั้งเป้าไว้สูงสุดของหนังไทยแนวนี้ที่เคยมีมามันจะเฉลี่ยประมาณ 60-80ล้าน ซึ่งตั้งเป้าสูงสุดไว้แค่นั้น แค่นั้นเราก็แฮปปี้แล้ว เพราะหนึ่งคือหนังไม่ขาดทุน และคนดู แฟนหนังให้การต้อนรับ แค่นั้นก็ได้ตามเป้าที่วางไว้ พอมันไปไกลก็ตกใจ และดีใจมากครับที่ได้เสียงตอบรับเข้ามาดีสุดๆ มีคนดูซ้ำหลายรอบ ที่หนังเรื่องนี้มาได้ไกลขนาดนี้ ผมต้องขอขอบคุณนักแสดงทุกคน เคน-ธีรเดช , คริส หอวัง, โอปอล์-ปาณิสรา, ซันนี่, พีค-ภัทรศยา, แอฟ-ทักษอร ฯลฯ ทีมงานทุกฝ่าย ทีมโปรโมท ที่ช่วยเหลือและผลักดันจนทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมันเป็นกำลังใจสำคัญในการทำหนังเรื่องต่อไปของผม ทุกครั้งของการทำหนังเรื่องใหม่ นั่นคือการนับหนึ่งใหม่ เราจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จจากเรื่องที่แล้ว แต่ผมจะเอาประสบการณ์ ในการทำงาน มาพัฒนางานเรื่องต่อๆ ไป ทำหนังเรื่องใหม่ คือการเริ่มต้นใหม่ ความคาดหวังใหม่ ที่เราจะต้องทำให้หนังออกมาดีครับ ผมขอขอบคุณแฟนหนัง ผู้ชมทุกคนที่ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปดู ลองไปดูกันนะครับ”
โกยรายได้ 140 ล้าน กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดแห่งปี
“รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ” หนังสุดฮอตแห่งปี กลับประโยคเด็ดโดนใจ “หล่อทะลุแป้ง” ค่าย จีทีเอช มาแรงวิ่งแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างแฟนฉันไปอย่างเหนือชั้น โดยโกยรายได้ไปถึง 140 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ทำลายสถิติหนังรักทุกเรื่อง กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดแห่งปี
ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ผู้กำกับ เผยว่า “ รู้สึกตกใจมากครับที่หนัง รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ ทำรายได้แซงหน้าแฟนฉันที่ทำเงิน 137 ล้าน และรถไฟฟ้าฯ สามารถพุ่งแรงมาได้ถึง 140 ล้าน มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อน เพราะไม่เคยคิดว่ามันจะมาไกลถึงขนาดนี้จริงๆ ผม ตั้งเป้าไว้สูงสุดของหนังไทยแนวนี้ที่เคยมีมามันจะเฉลี่ยประมาณ 60-80ล้าน ซึ่งตั้งเป้าสูงสุดไว้แค่นั้น แค่นั้นเราก็แฮปปี้แล้ว เพราะหนึ่งคือหนังไม่ขาดทุน และคนดู แฟนหนังให้การต้อนรับ แค่นั้นก็ได้ตามเป้าที่วางไว้ พอมันไปไกลก็ตกใจ และดีใจมากครับที่ได้เสียงตอบรับเข้ามาดีสุดๆ มีคนดูซ้ำหลายรอบ ที่หนังเรื่องนี้มาได้ไกลขนาดนี้ ผมต้องขอขอบคุณนักแสดงทุกคน เคน-ธีรเดช , คริส หอวัง, โอปอล์-ปาณิสรา, ซันนี่, พีค-ภัทรศยา, แอฟ-ทักษอร ฯลฯ ทีมงานทุกฝ่าย ทีมโปรโมท ที่ช่วยเหลือและผลักดันจนทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งมันเป็นกำลังใจสำคัญในการทำหนังเรื่องต่อไปของผม ทุกครั้งของการทำหนังเรื่องใหม่ นั่นคือการนับหนึ่งใหม่ เราจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จจากเรื่องที่แล้ว แต่ผมจะเอาประสบการณ์ ในการทำงาน มาพัฒนางานเรื่องต่อๆ ไป ทำหนังเรื่องใหม่ คือการเริ่มต้นใหม่ ความคาดหวังใหม่ ที่เราจะต้องทำให้หนังออกมาดีครับ ผมขอขอบคุณแฟนหนัง ผู้ชมทุกคนที่ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปดู ลองไปดูกันนะครับ”
33677
ของสะสมประเภท handbill / PC/the REBOUND
« on: November 16, 2009, 02:58:10 PM »
คนที่เอาให้ บอกว่าได้มาจากงานwedding
33679
ของสะสมประเภท handbill / HB/PARANORMAL ACTIVITY
« on: November 16, 2009, 02:15:45 PM »
ขนาดA5แผ่นเดี่ยว
33680
ของสะสมประเภท handbill / HB/THE FOURTH KIND
« on: November 16, 2009, 02:12:57 PM »
ขนาดA5 แผ่นคู่เปิดกลาง
33681
ของสะสมประเภท handbill / HB/The REBOUND
« on: November 12, 2009, 02:08:19 PM »
ขนาดA5 แผ่นเดี่ยว ขอโทษภาพมืดอีกแล้วครับ
33682
ของสะสมประเภท handbill / HB/NEW MOON แบบที่2
« on: November 12, 2009, 01:56:29 PM »
เป็นแผ่นพับ 3 พับ ได้จากRCA
33684
news & activity / กิจกรรมรณรงค์ยุติธรรมความรุนแรง ต่อเด็ก สตรี และครอบครัว
« on: November 09, 2009, 04:12:51 PM »สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายในการกิจกรรมยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 ที่กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” เพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมมือกันขจัดปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา
โดยแนวคิดของการจัดงานในปีนี้ คือ “ เส้นสายของสีแสง...สู่สีขาวแห่งพลังอ่อนโยน ” เป็นการนำแนวคิดของการรวมแสง ที่มีสีสันต่างๆซึ่งต่างก็มีความหมายเฉพาะตัวของตัวเอง เมื่อสีแสงมารวมกัน กลายเป็น แสงสีขาว ที่จะสะท้อนแง่มุมที่หลากหลาย...สู่ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการสร้างพลัง ร่วมกันยุติความรุนแรง ต่อเด็ก สตรีและความรุนแรงในครอบครัวทุกรูปแบบ
กิจกรรมรณรงค์ในปีนี้ประกอบด้วย การจัดกิจกรรมติดริบบิ้นสีขาวให้แก่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี โดยมีตัวแทนศิลปินดารา อาทิ นางเอกสาว โดนัส มนัสนันท์ ,โอ๋ เพชรดา ,หลุยส์ สก็อต, เปปเปอร์ รัฐศาสตร์ และจอหน์ วิญญู จะเข้าติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาวเพื่อร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัว ในวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2552 ณ อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ชั้น ๑ ทำเนียบรัฐบาล , การจัดงานแถลงข่าวฯพร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ศิลปินดารา ที่ร่วมรณรงค์ ในวันที่ 19พฤศจิกายน 2552 และการจัดงาน รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและความรุนแรงในครอบครัว ประจำปี 2552 ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์การจัดงานและสร้างกระแสรณรงค์ให้ยุติปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัวให้เผยแพร่อย่างกว้างขวางเพื่อสร้างการรับรู้ ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ยุติปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัว
33685
ข่าวบันเทิง / “สิน-ยงยุทธ” ปลื้มสายลับเดอะซีรี่ส์ฟีตแบ็คดี คนดูชื่นชอบ แขกรับเชิญเพียบ!!
« on: November 06, 2009, 02:35:51 PM »
ฟีตแบ็คดี คนดูชื่นชอบ แขกรับเชิญเพียบ!!
[สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้กำกับซี่รีส์สุดฮอตทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี “สายลับเดอะซี่รี่ส์ กับ 24 คดี สุดห้ามใจ” ค่าย จีทีเอช เกิดอาการเป็นปลื้ม เมื่อกระแสตอบรับดีเกินคาด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ชมช่วงเสาร์-อาทิตย์หลังข่าว เตรียมทำเทปพิเศษ นำภาพหลุดๆ สนุกๆ มาให้ชมกันวันอาทิตย์นี้
สิน-ยงยุทธ เผยว่า “ตอนนี้สายลับเดอะซี่รี่ส์ฯ ออกอากาศมาได้ครึ่งทางแล้ว นักแสดงนำแต่ละคนเริ่มเข้าขากัน รับส่งมุข และสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฉลาม (แดน-วรเวช ดานุวงศ์), แอ้ม (แพท-อังศุมาลิน สิริภัทรศักดิ์เมธา), หมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี), ขนุน (แจ็ค-เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีระวงศ์) เล่นเข้าขากันเป็นอย่างดี ทำให้ตัวละครมีสีสันสนุกสนาน ยิ่งเราได้แขกรับเชิญในแต่ละอาทิตย์ที่น่าสนใจ ยิ่งทำให้เรื่องราวน่าติดตาม ผ่านมาครึ่งทางกระแสตอบรับดีมาก ผู้ชมเริ่มลุ้นไปกับตัวละคร ว่าจะลงเอยอย่างไร ระหว่าง แดน-เต๋อ และแพท วันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย.นี้ เราจะนำภาพความสนุกๆ หลุดๆ แต่ละตอนมารวมมิตรให้ชมเพื่อบอกเล่าที่มาแบล็กกราวน์ของตัวละคร เป็นการเรียกน้ำย่อย เพื่อให้ตอนต่อไปน่าติดตาม เพราะจะมีนักแสดงรับเชิญอีกมากมาย มาร่วมงาน อาทิ เต้ย-จรินทร์พร, เอ๋-มณีรัตน์, ติ๊ก-กัญญารัตน์, วรุฒ วรธรรม, อิม-อชิตะ ฯลฯ มาสร้างความสนุก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ชมได้ลุ้นสืบเรื่องลับ และลุ้นเรื่องรักในแต่ละตอน ติดตามความสนุกได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.25น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี”
/color]
[สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้กำกับซี่รีส์สุดฮอตทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี “สายลับเดอะซี่รี่ส์ กับ 24 คดี สุดห้ามใจ” ค่าย จีทีเอช เกิดอาการเป็นปลื้ม เมื่อกระแสตอบรับดีเกินคาด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ชมช่วงเสาร์-อาทิตย์หลังข่าว เตรียมทำเทปพิเศษ นำภาพหลุดๆ สนุกๆ มาให้ชมกันวันอาทิตย์นี้
สิน-ยงยุทธ เผยว่า “ตอนนี้สายลับเดอะซี่รี่ส์ฯ ออกอากาศมาได้ครึ่งทางแล้ว นักแสดงนำแต่ละคนเริ่มเข้าขากัน รับส่งมุข และสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฉลาม (แดน-วรเวช ดานุวงศ์), แอ้ม (แพท-อังศุมาลิน สิริภัทรศักดิ์เมธา), หมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี), ขนุน (แจ็ค-เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีระวงศ์) เล่นเข้าขากันเป็นอย่างดี ทำให้ตัวละครมีสีสันสนุกสนาน ยิ่งเราได้แขกรับเชิญในแต่ละอาทิตย์ที่น่าสนใจ ยิ่งทำให้เรื่องราวน่าติดตาม ผ่านมาครึ่งทางกระแสตอบรับดีมาก ผู้ชมเริ่มลุ้นไปกับตัวละคร ว่าจะลงเอยอย่างไร ระหว่าง แดน-เต๋อ และแพท วันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย.นี้ เราจะนำภาพความสนุกๆ หลุดๆ แต่ละตอนมารวมมิตรให้ชมเพื่อบอกเล่าที่มาแบล็กกราวน์ของตัวละคร เป็นการเรียกน้ำย่อย เพื่อให้ตอนต่อไปน่าติดตาม เพราะจะมีนักแสดงรับเชิญอีกมากมาย มาร่วมงาน อาทิ เต้ย-จรินทร์พร, เอ๋-มณีรัตน์, ติ๊ก-กัญญารัตน์, วรุฒ วรธรรม, อิม-อชิตะ ฯลฯ มาสร้างความสนุก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ชมได้ลุ้นสืบเรื่องลับ และลุ้นเรื่องรักในแต่ละตอน ติดตามความสนุกได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.25น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี”
/color]
33686
ข่าวบันเทิง / “จีทีเอช” รวมไฮไลท์ความสนุกใน “สายลับฯ”(ติดตามได้ในสายลับ เดอะ ซีรี่ส์ 8 พ.ย.น
« on: November 06, 2009, 02:33:55 PM »
สายลับ เดอะ ซีรี่ส์ กับ 24 คดี สุดห้ามใจ”
ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 20.40 น.- 21.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
“จีทีเอช” รวมไฮไลท์ความสนุกใน “สายลับฯ”
พาย้อนเวลา เฮฮากับคดีสุดอลเวง
(ติดตามได้ในสายลับ เดอะ ซีรี่ส์ 8 พ.ย.นี้)
ออกอากาศสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาได้พักใหญ่ อาทิตย์นี้ (8 พ.ย.) ค่ายอารมณ์ดี จีทีเอช ขอรวบรวมเอาความสนุกสนานของ “สายลับ เดอะ ซีรี่ส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ” ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุด โดยคัดเฉพาะไฮไลท์เด็ดๆมายำรวมมิตรให้ผู้ชมได้อมยิ้มกันอีกครั้ง งานนี้ แฟนของ ฉลาม (แดน-วรเวช), ขนุน (แจ็ค แฟนฉัน), แอ้ม (แพท-อังศุมาลิน) และหมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พลาดไม่ได้ รับประกันความหรรษาแน่นอน!!
อยากรู้ว่าจะประทับใจขนาดไหน ติดตามชมกันได้ใน“สายลับ เดอะ ซีรี่ส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ” วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 20.40 น.-21.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 20.40 น.- 21.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
“จีทีเอช” รวมไฮไลท์ความสนุกใน “สายลับฯ”
พาย้อนเวลา เฮฮากับคดีสุดอลเวง
(ติดตามได้ในสายลับ เดอะ ซีรี่ส์ 8 พ.ย.นี้)
ออกอากาศสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาได้พักใหญ่ อาทิตย์นี้ (8 พ.ย.) ค่ายอารมณ์ดี จีทีเอช ขอรวบรวมเอาความสนุกสนานของ “สายลับ เดอะ ซีรี่ส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ” ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุด โดยคัดเฉพาะไฮไลท์เด็ดๆมายำรวมมิตรให้ผู้ชมได้อมยิ้มกันอีกครั้ง งานนี้ แฟนของ ฉลาม (แดน-วรเวช), ขนุน (แจ็ค แฟนฉัน), แอ้ม (แพท-อังศุมาลิน) และหมวดโอภาส (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พลาดไม่ได้ รับประกันความหรรษาแน่นอน!!
อยากรู้ว่าจะประทับใจขนาดไหน ติดตามชมกันได้ใน“สายลับ เดอะ ซีรี่ส์ กับ 24 คดีสุดห้ามใจ” วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 20.40 น.-21.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
33687
ข่าวภาพยนตร์ / Couples Retreat เกาะสวรรค์ บำบัดหัวใจ
« on: November 05, 2009, 02:20:38 PM »
Couples Retreat เกาะสวรรค์ บำบัดหัวใจ
[ชื่อไทย เกาะสวรรค์ บำบัดหัวใจ
วันที่เข้าฉาย 3 ธันวาคม 2552
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)/color]
เนื้อเรื่องย่อ
วินซ์ วอห์นนำทีมนักแสดงชื่อดังในภาพยนตร์ตลกขำขัน Couples Retreat ในภาพยนตร์เรื่องนี้ สี่คู่ชู้ชื่นชาวมิดเวสต์ ออกเดินทางครั้งสำคัญในชีวิต มุ่งหน้าสู่เกาะสวรรค์สุดหรู ขณะที่หนึ่งคู่เดินทางไปที่นั่นเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตสมรส อีกสามคู่ที่เหลือตั้งใจจะไปเพลิดเพลินกับเจ็ทสกี สุขแสนสบายในสปา และเริงร่าท่ามกลางแสงอาทิตย์ อย่างไรก็ดี แค่ไม่นานพวกเขาก็พบว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบำบัดชีวิตคู่แบบไม่เหมือนที่ไหนของรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นไปได้ทุกอย่าง ยกเว้นการมีทางเลือก จู่ๆ การเดินทางไปพักผ่อนแบบราคาเหมาเป็นกลุ่มของพวกเขาก็มาพร้อมบทเรียนบางอย่าง
เกาะเจ้าปัญหา ยินดีต้อนรับ………………
เดฟ (วินซ์ วอห์น) และรอนนี่ (เมลิน เอเคอร์แมน) เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางทางสังคมของกลุ่มเพื่อน ตลอดหลายปีมานี้ พวกเขาได้สร้างชีวิตแบบครบวงจรผ่านการทุ่มเทให้กับทั้งลูกๆ เพื่อนๆ และหน้าที่การงาน
หลังจากอยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่นมานาน 8 ปี เจสัน (เจสัน เบ็ทแมน) และซินเธีย (คริสเตน เบลล์) ก็มาถึงทางแยกของชีวิต คู่ที่เคยมีความสุขทำเอาเหล่าเพื่อนสนิท อันประกอบไปด้วย เดฟและรอนนี่, โจอี้ (จอน แฟฟโรว์) และลูซี่ (คริสติน เดวิส) และเชน (ไฟซอน เลิฟ) และแฟนสาวคนใหม่ของเขา ทรูดี้ (นักแสดงหน้าใหม่ คาลี ฮอว์ก) แทบช็อค เมื่อพวกเขาประกาศว่าพวกเขากำลังคิดจะหย่าร้างกัน
เพื่อรักษาชีวิตสมรสเอาไว้ เจสันและซินเธียตัดสินใจร่วมใจกันแก้ปัญหาเป็นครั้งสุดท้าย….
เจสันและซินเธียพบข้อมูลเกี่ยวกับอีเดนรีสอร์ท ที่พักบนเกาะสวรรค์ในเซ้าธ์แปซิฟิก ที่เชี่ยวชาญในการบำบัดชีวิตคู่ แต่หนทางเดียวที่พวกเขาจะมีเงินมากพอจะเดินทางไปยังรีสอร์ทหรูแห่งนี้ได้ ก็คือต้องซื้อ “แพ็คเกจพิลิแกน” ซึ่งเป็นแพ็คเกจแบบเหมาซื้อเป็นกลุ่ม งานนี้มีแต่ได้กับได้ ขณะที่พวกเขาเข้ารับการบำบัดตามที่ต้องการ เพื่อนๆ ก็สามารถออกไปนอนอาบแดดอยู่บนหาดทรายขาว ผ่อนคลายในสปา ขี่เจ็ทสกี และหาความบันเทิงใส่ตัวได้ง่ายๆ
แม้จะฟังดูน่าไปแค่ไหน (รวมถึงทุกคนยังอยากจะช่วยเจสันและซินเธียใจจะขาด) แต่ดูเหมือนไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ทุกคนจะแห่ไปเที่ยวพร้อมกันได้...จนกระทั่งเดฟและรอนนี่ตกลงใจที่จะไปด้วย บัดนี้ สี่คู่ชู้ชื่นออกเดินทางมุ่งไปยังเกาะสวรรค์ และนั่นก็คือ “การเริ่มเดินเครื่อง” บนเกาะสวรรค์เขตร้อน
แต่มีเงื่อนไขเล็กๆ อยู่ข้อหนึ่ง …
ทั้งแปดคนพบว่าทุกคู่รักจะต้องมีส่วนร่วมในเทคนิคการบำบัดที่แหวกแนวของมองซิเออร์ มาร์เซล (ฌ็อง รีโน) “นักบำบัดชีวิตคู่” ที่มีชื่อเสียงของอีเดนรีสอร์ทแห่งนี้ ถ้าไม่เข้ารับการบำบัดทุกคน ก็ไม่ต้องเข้ากันเลยสักคน และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เชิญกลับบ้านกันได้ ในไม่ช้า ทั้งสี่คู่ต่างพบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของพวกเขาเอง สิ่งที่ติดตามมาคือการมองปัญหาในโลกที่แท้จริงที่คนทุกคู่ต้องเผชิญในแบบที่ทั้งสนุกสนานเฮฮาและอบอุ่นใจ
เบื้องหลังงานสร้าง
ย้อนสู่จุดกำเนิด:Couples Retreat เริ่มบังเกิด
ในปี 1996 วินซ์ วอห์น และจอน แฟฟโรว์ เริ่มสร้างชื่อในแวดวงฮอลลีวู้ดด้วยภาพยนตร์ตลกเฮฮาเรื่อง Swingers ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เขียนบทโดยแฟฟโรว์ พูดถึงชีวิตของนักแสดงตกงานสองคนที่พยายามจีบสาว และสร้างชื่อในแอลเอ Swingers กลายเป็นภาพยนตร์ที่ติดทำเนียบคลาสสิกในทันใด และยังช่วยสร้างชื่อเปิดหนทางดังให้กับทั้งวอห์นและแฟฟโรว์ และยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้กับภาพยนตร์เรื่อง Couples Retreat อย่างไม่น่าเกิดขึ้นได้ ในปี 2007 Swingers ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่คนดูชื่นชอบ แถมยังมีคนกล่าวขวัญถึงภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ คว้ารางวัล Guy Movie Hall of Fame Award ที่งานแจกรางวัล Guys Choice Awards ของสไปก์ทีวี หลังการบันทึกเทปงานแจกรางวัลดังกล่าว วอห์นและแฟฟโรว์ได้กลับไปเยือนหนึ่งในสถานที่แห่งหนึ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนั้นเพื่อเฉลิมฉลอง และที่นั่น วอห์นได้เสนอไอเดียของ Couples Retreat ให้กับแฟฟโรว์
“ผมเกิดไอเดียเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่แต่งงานแล้ว และกำลังมีปัญหาในชีวิตคู่ เพียงแต่บางคนอาจมีปัญหาสุดกู่มากกว่าคนอื่นๆ” วอห์นบอก “หนึ่งในสี่คู่เปรียบได้กับตัวเร่งปฏิกิริยาที่บอกกับคนอื่นๆ ว่า ‘ฉันพบสถานที่แห่งหนึ่งที่จะเป็นนครเมกกะในทุกเรื่องสำหรับคู่รัก’ เขาอยากให้เพื่อนๆ ของเขาไปด้วย เพราะหนทางเดียวที่เขากับเมียจะมีปัญญาจ่ายค่ารีสอร์ทแห่งนั้นได้ก็คือการต้องไปเที่ยวแบบราคาเหมายกแก๊งค์ แล้วคู่รักคู่อื่นๆ ก็ถือกันว่านี่คงจะเป็นการพักผ่อนที่แสนสุขี แต่เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาต้องเข้าร่วมการบำบัดชีวิตคู่ ที่ตลกก็คือการได้มาเห็นว่าทุกแง่มุมในความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องถูกจับตาดูตลอด”
“ผมอยากหยิบเรื่องของคนธรรมดาๆ กับปัญหาที่พวกเขาต้องเจอทุกวัน แล้วจับพวกเขาไปอยู่ในสถานที่ที่แปลกที่สุด” วอห์นอธิบายต่อ “เนื้อหาต้องสัมพันธ์กับคนดู เพื่อให้คนดูเกิดอารมณ์ร่วมเหมือนพวกเขาเป็นหนึ่งในคนสี่คู่นี้ และหัวเราะสนุกไปกับสถานการณ์และอุปสรรคต่างๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญ และต้องแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปให้ได้ นอกจากนี้ ผมยังอยากให้บทภาพยนตร์เรื่องนี้แทรกในเรื่องของความหวังและความสมหวังไว้ด้วย ถึงแม้จะต้องพยายามกันหลายๆ เรื่อง แต่การได้มีความรักและลองแก้ไขปัญหาเรื่องชีวิตคู่ไปแล้ว ย่อมดีกว่าการไม่ทำอะไรเสียเลย”
แฟฟโรว์พร้อมจะกลับไปร่วมงานกับเพื่อนรักที่คบหามายาวนานอย่างวอห์นอยู่แล้ว “วินซ์เสนอไอเดียให้เรากลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี” แฟฟโรว์เล่า “และเมื่อเขาเล่าไอเดียของ Couples Retreat ให้ผมฟัง ผมคิดว่าคอนเซ็ปต์ของมันน่าสนใจมาก”
วอห์นยังติดต่อไปหา สก็อตต์ สตูเบอร์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่เคยอำนวยการสร้างภาพยนตร์ร่วมกับวอห์น ตอนสร้างภาพยนตร์ตลกสุดฮิตในปี 2006 เรื่อง The Break-Up โดยได้พูดคุยกับสตูเบอร์ให้กลับมาร่วมทีมกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ “วินซ์กับผมมักจะคุยกันถึงไอเดียใหม่ๆ เสมอ เมื่อเขาเล่าให้ผมฟังถึงคอนเซ็ปต์ของ Couples Retreat ผมคิดว่ามันเป็นหนทางที่ดีมากในการสำรวจเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ผ่านไอเดียตลกๆ แบบนี้” สตูเบอร์บอก
เมื่อแฟฟโรว์ตกลงปลงใจที่จะร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้กับวอห์น และดาน่า ฟ็อกซ์ พวกเขาก็เริ่มคิดสร้างเรื่องราวขึ้นมาพวกเขาเน้นเรื่องไปที่คู่รักสี่คู่จากมิดเวสต์ ได้แก่ คู่ที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบอย่างเดฟกับรอนนี่, คู่ที่ดูมีปัญหา เจสันกับซินเธีย, คู่ที่พร้อมจะแยกกัน โจอี้กับลูซี่ และเชนกับแฟนสาววัย 20 ปี ทรูดี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสี่คู่กำลังจะผ่านการทดสอบ ณ รีสอร์ทแห่งนี้
สำหรับแฟฟโรว์ เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเขาทีเดียว และอาจได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่เป็นส่วนตัวที่สุดของเขานับจากเรื่อง Swingers “ผมผ่านประสบการณ์การแต่งงานและการมีลูกเล็กๆ มาแล้ว มีเรื่องขำขันเกิดขึ้นเยอะมาก นี่คือเรื่องที่ผมยังไม่เคยสำรวจด้วยตัวเองมาก่อนเหมือนกัน”
สตูเบอร์กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ผมชอบในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ มันสำรวจพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของมนุษย์ มีทั้งความหวังและความสนุกสนาน ผมรู้ดีว่ามันคงจะดีแน่ที่ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับกลุ่มของเราที่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ยิ่งคุณสร้างภาพยนตร์กับคนที่มีอารมณ์คล้ายๆ กับคุณเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งอยากกลับไปทำงานด้วยกันซ้ำแล้วซ้ำอีกเท่านั้น”
วอห์นเริ่มต้นค้นหาตัวผู้กำกับ และลงเอยที่ตัว ปีเตอร์ บิลลิงสลี่ย์ ซึ่งประเดิมงานกำกับชิ้นแรกด้วยเรื่อง Couples Retreat บิลลิงสลี่ย์ประสบความสำเร็จกับการทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง โดยเขาเคยร่วมงานกับวอห์นมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Made, The Break-Up และ Four Christmases และเคยร่วมงานกับแฟฟโรว์ ในเรื่อง Made, Zathura, Iron Man และผลงานทางทีวีอย่างเรื่อง Dinner for Five อย่างไรก็ดี ความหวังของบิลลิงสลี่ย์ที่จะได้กำกับภาพยนตร์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นนักแสดงหนุ่ม โดยเขาเคยได้รับเลือกให้รับบทเป็น ราล์ฟฟี่ หนุ่มที่ชอบเล่นปืนบีบีกันในภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง A Christmas Story
“ขณะที่เรากำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง A Christmas Story อยู่นั้น ผมได้ใช้เวลาอยู่ในกองถ่ายกับผู้กำกับบ็อบ คล๊าร์กบ่อยมาก” บิลลิงสลี่ย์เล่า “ตลอดหลายปีนั้น ผมอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของเขา เขาเองก็ให้คำแนะนำกับผมอย่างดีที่สุดเมื่อผมบอกเขาว่าผมอยากจะเป็นผู้กำกับหนัง เขาบอกว่า ‘เข้าไปที่ห้องตัดต่อซิ เพราะนั่นคือที่ที่นายจะได้เรียนรู้ว่าจะสร้างหนังยังไง’ ดังนั้น ผมก็เลยเริ่มต้นใช้เวลาอยู่กับการทำงานโพสต์โปรดักชั่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมรู้สึกว่าถ้างานกำกับคือสิ่งที่ผมต้องทำ โปรเจ็กต์เหมาะๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก”
ในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทไวลด์ เวสท์ พิคเจอร์ โชว์ โปรดักชั่นส์ของวอห์น การตัดสินใจร่วมงานกับวอห์นในครั้งนี้เป็นเรื่องง่ายมาก “วินซ์กับผมรู้ใจกัน ซึ่งเกิดมาจากการที่เราเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเป็นเพื่อนกันมานาน” บิลลิงสลี่ย์บอก “Couples Retreat คือภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่เราร่วมงานกัน ซึ่งผลงานเรื่องแรกๆ ของเราช่วยเตรียมตัวผมให้พร้อมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมเข้าใจดีว่าวินซ์อยากจะพัฒนาเรื่องและตัวละครไปอย่างไร เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าเราต้องการความสำเร็จแบบไหนกับภาพยนตร์เรื่องนี้”
เมื่อได้ตัวบิลลิงสลี่ย์มาทำหน้าที่ผู้กำกับ งานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ปักหลักกันที่ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภายใต้ข้อตกลงกับบริษัทไวลด์ เวสท์ พิคเจอร์ โชว์ โปรดักชั่นส์ ของวอห์น และบริษัทสตูเบอร์ พิคเจอร์ส ของสตูเบอร์
นักท่องเที่ยวผจญกูรู:การคัดเลือกตัวนักแสดง
วินซ์ วอห์น, เจสัน เบ็ทแมน, จอน แฟฟโรว์ และไฟซอน เลิฟได้รับการวางตัวให้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนที่บทภาพยนตร์จะถูกเขียนจนเสร็จด้วยซ้ำ ทำให้ทางทีมเขียนบทรู้บุคลิกเด่นของทีมดารานำชายก่อนหน้าที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น “เพราะวินซ์กับผมสามารถทำให้ภาพยนตร์ได้รับไฟเขียวได้แล้ว เขาจึงสามารถวางตัวนักแสดงที่เราอยากให้มาเล่นบทนำฝ่ายชายได้” แฟฟโรว์เล่า “นี่ถือเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อผมรู้ว่าผมกำลังเขียนบทให้ใครเล่น ทำให้การทำงานของผมง่ายขึ้นเยอะ”
เมื่อทำการวางตัวนักแสดง ทั้งผู้กำกับและทีมผู้อำนวยการสร้างไม่ได้มองหาแต่เพียงนักแสดงตลกเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นนักแสดงที่สามารถรับมือกับฉากดราม่าได้ด้วย “คนสามในสี่คู่แต่งงานกันมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องมีอารมณ์แบบคนที่แต่งงานแล้ว” สตูเบอร์บอก “นักแสดงชายทุกคนต้องดูน่าชื่นชม และมีการพูดจาโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ วินซ์, จอน, เจสันและไฟซอนเป็นเพื่อนกันมานาน แต่คริสติน, คริสเตน และเมลินถือเป็นหน้าใหม่ในกลุ่มนี้ พวกเธอสามคนเหมือนคลิกลงตัวเป๊ะ จนดูเหมือนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมา ผมรู้ว่าคนดูจะต้องอินไปกับคนแต่ละคู่ และเอาใจช่วยพวกเขาให้เอาชนะปัญหา และทำให้ชีวิตคู่ราบรื่นไปได้”
สำหรับวอห์น เดฟคือตัวละครที่เขารู้สึกเข้าใจเป็นอย่างดี และเป็นตัวละครที่คนดูสามารถเชื่อมโยงถึงได้ด้วย “เดฟคือผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีชีวิตที่เป็นสุข” วอห์นบอก “เขายังเป็นพ่อและสามีที่ดี แต่เขาไม่เคยดื่มด่ำกับช่วงเวลาให้ช้าลง และชื่นชมชีวิตของตัวเองเลย เมื่อเขามาถึงเกาะแห่งนี้ เขาถูกบังคับให้หยุดและสะท้อนให้เห็นปัญหาว่า ‘ฉันกับภรรยามีปัญหากัน หรือพวกที่ปรึกษาที่นี่ทำตัวล้ำเส้นเกินไปแล้วกันแน่’”
บิลลิงสลี่ย์รู้สึกดีใจที่เพื่อนของเขาตัดสินใจที่จะรับบทที่ดูเหมือนเป็นตัวละครแสนธรรมดาตัวนี้ เขากล่าวว่า “เซนต์ในเรื่องการเลือกเรื่อง ตัวละคร และวัตถุประสงค์ของวินซ์เยี่ยมยอดมาก คุณจับคนไปอยู่ในสถานการณ์หนึ่ง แล้วหาวิธีที่จะแสดงออกมาอย่างน่าสนใจ เมื่อเขาเกิดความเข้าอกเข้าใจตัวละครขึ้นมา เขาพบวิธีที่ดีขึ้นในการแสดงความตั้งใจออกมาได้ดีกว่าที่อยู่ในหน้ากระดาษของบทเสียอีก”
เจสัน เบ็ทแมนรับบท เจสัน สามีจอมวิเคราะห์ที่ลงทุนทำพาวเวอร์พอยต์เพื่อชวนเพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวที่อีเดน “ตัวละครของเจสันเป็นคนเริ่มต้นเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้” วอห์นอธิบาย “เขากับภรรยากำลังมีปัญหาในชีวิตแต่งงาน และพวกเขาก็คิดกันว่าการเดินทางไปเกาะสวรรค์ของคู่รัก จะช่วยทำให้การตัดสินใจของพวกเขากระจ่างขึ้นว่าควรจะอยู่ด้วยกันต่อไปหรือจะหย่าจากกันดี สุดท้ายแล้ว ทุกคู่ต่างมีเหตุผลที่จะเดินทางไป”
“ผมได้รับโทรศัพท์ และได้ยินว่ามีภาพยนตร์ตลกเรื่องหนึ่งที่มีวินซ์ วอห์นกับจอน แฟฟโรว์ ไปถ่ายทำกันในโบราโบร่า แล้วพวกเขาก็ตั้งชื่อตัวละครของผมตามชื่อจริงของผม คงไม่มีทางหางานที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว” เบ็ทแมนหัวเราะ “พวกเขาเขียนตัวละครตัวนี้ขึ้นมาตามแบบอารมณ์ขันของผมเลย ทั้งวิธีการพูดของผม ทุกอย่างเป็นผมหมด ผมน่าจะต้องจ่ายเงินคืนให้กับยูนิเวอร์แซลด้วยซ้ำ แต่ผมหวังว่าผมคงจะชดเชยเงินนั่นด้วยการแสดงของผมได้นะ”
แฟฟโรว์ต้องทำสองหน้าที่ คือเป็นทั้งหนึ่งในทีมเขียนบท และรับบทเป็นโจอี้ ชายที่มีเมียแล้ว แต่ไร้ความสุขที่ยืนอยู่ปากเหวใกล้หย่าเหมือนกัน “ประสบการณ์ส่วนตัวของผมถูกสะท้อนให้เห็นใน เดฟ ตัวละครของวินซ์เสียมากกว่า ส่วนตัวละครตัวอื่นๆ เป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงตัวอย่างที่ว่าชีวิตคู่สามารถเดินผิดทางได้อย่างไร” แฟฟโรว์ยอมรับ “โจอี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่อคุณเลิกกระตือรือร้นกับชีวิตแต่งงาน และทุกอย่างก็เริ่มตายซาก แต่คุณก็ผ่านเส้นทางนั้นมาร่วม 20 ปีแล้วนี่”
“ผมว่าคนมากมายน่าจะอินไปกับเรื่องของโจอี้และลูซี่ ซึ่งตอนนี้ลูกของพวกเขาไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว และพวกเขาก็กำลังประสบปัญหากับบ้านที่เหมือนว่างเปล่า” สตูเบอร์บอก “ในไม่ช้า ก็กลายเป็นว่า ‘เรายังเป็นผัวเมียกันอยู่หรือเปล่า เรายังผูกพันกันอยู่ใช่ไหม’ จอนเป็นทั้งมือเขียนบทและนักแสดงที่น่าทึ่ง เขาสามารถแสดงอารมณ์เหล่านี้ออกมาบนจอหนังได้ ความคุ้นเคยที่เขามีต่อวินซ์และทีมนักแสดง ยังช่วยยกระดับการแสดงให้ดีขึ้นด้วย”
ที่แยกทางกับภรรยาและกำลังผจญกับวิกฤตวัยกลางคน ก็คือ เชน ซึ่งรับบทโดย ไฟซอน เลิฟ เพื่อนร่วมงานขาประจำอีกคนของทั้งวอห์นและแฟฟโรว์ “ตอนที่พวกเขาทาบทามผมให้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโปรเจ็กต์การบ้านส่งโรงเรียน เพราะจอน, วินซ์, ปีเตอร์ และผมเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้ว” เลิฟเล่า “เชนยังไม่ลงตัวกับชีวิตนัก และเขามีแฟนสาวอายุ 20 ปี แต่เธอทำให้เขารู้สึกเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็พยายามลืมความจริงที่ว่าเขากำลังจะหย่า”
“ไฟซอนคือหนึ่งในผู้ชายที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร คุณเป็นต้องเหมือนถูกดึงให้เดินเข้าหาเขาตลอด” วอห์นให้ความเห็นไว้ “ตัวละครของเขาตลกมาก แต่เขายังน่ารักด้วย เพราะคุณมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่เขาต้องเจอ ไฟซอนเหมาะกับบทนี้มาก เพราะเขาปล่อยอารมณ์ที่เป็นส่วนผสมของคนที่ทั้งตลก และเป็นคนที่คุณคอยเอาใจช่วยออกมา”
ในการคัดเลือกตัวนักแสดงหญิงในบทนำ ซึ่งลงตัวที่ เมลิน เอเคอร์แมน, คริสเตน เบลล์, คริสติน เดวิส และคาลี ฮอว์ก ทางทีมผู้สร้างพบการผสมผสานของทีมนักแสดงหญิงที่ดูเหมือนจริงมากในบทเพื่อน และยังเป็นเหมือนมุมตรงข้ามที่แข็งแกร่งของทีมนักแสดงชาย
คนที่เข้ามารับบท รอนนี่ ภรรยาของเดฟ ก็คือนักแสดงสาวชาวสวีเดน เมลิน เอเคอร์แมน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งไปรับบทเป็นซิลก์ สเป็คเตอร์ ที่ 2 ในภาพยนตร์แอ็กชั่น เรื่อง Watchmen อย่างไรก็ดี คนดูมากมายรู้จักเอเคอร์แมนจากบทตลกในภาพยนตร์เรื่อง The Heartbreak Kid และ The Proposal “สิ่งที่ทำให้ฉันชอบในเรื่องนี้ก็คือคนสี่คู่นี้แตกต่างกันมาก” เอเคอร์แมนอธิบาย “ฉันแต่งงานมาได้สองปีแล้ว และเรื่องนี้ก็เข้ากันกับชีวิตของฉันมาก ความสัมพันธ์เป็นเรื่องยากนะ ต้องผ่านการปรับตัวเยอะมาก บางครั้งเราก็จริงจังกับเรื่องต่างๆ มากเสียจนเราหลงลืมว่าเรื่องเล็กๆ ง่ายๆ ก็สำคัญเหมือนกัน”
บิลลิงสลี่ย์ได้พูดถึงการเลือกเอเคอร์แมนให้มารับบทนี้ว่า “รอนนี่กับเดฟเป็นเหมือนตัวแทนคนดู ถ้าพวกเขาเป็นคู่ปกติในโลกผิดปกตินี้ พวกเขาก็ต้องเป็นหลักที่หนักแน่นที่สุด เราเคยเห็นเมลินในภาพยนตร์เรื่อง The Heartbreak Kid และคิดว่าเธอตลกมาก และเหมาะกับบทรอนนี่ เมลินต้องแสดงมุขฮามากๆ ในภาพยนตร์เรื่องนั้น ซึ่งต้องได้การแสดงที่ทุ่มเทอย่างมาก เราคิดว่าถ้าคนๆ หนึ่งสามารถทำแบบนั้นได้อย่างงดงามและทุ่มเทได้อย่างน่าชื่นชมขนาดนั้น นั่นเป็นตัวบ่งบอกถึงการเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ บวกกับความจริงที่ว่าเมลินมีความผ่อนคลายในตัว ซึ่งทำให้ตัวละครของเธอดูเชื่อมั่น เท่านี้ก็จบ”
การคัดเลือกตัวนักแสดงในบท ซินเธีย ภรรยาที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์พอกันของเจสัน ทางทีมผู้สร้างหันไปหา คริสเตน เบลล์ ดารานำของภาพยนตร์ฮิตประจำปี 2008 เรื่อง Forgetting Sarah Marshall “ซินเธียเป็นตัวละครที่มีความสำคัญด้วยเหตุผลสองข้อ” บิลลิงสลี่ย์อธิบาย “ในชีวิตแต่งงานของเธอ ไม่มีการนอกใจ แต่เธอเป็นพวกที่รู้สึกว่ายังมีเส้นทางและขั้นตอนสำหรับทุกอย่าง ถ้าคุณเดินไปตามเส้นทางนั้น หลายอย่างมักจะลงเอยด้วยดี เราต้องการคนที่ทั้งสวยและดูเป็นภรรยาที่น่าทึ่งสำหรับเจสัน คริสเตนมีคุณสมบัติเหล่านั้น ผมไม่เคยพบเธอมาก่อน แต่หลังจากได้ใช้เวลาในห้องประชุมอยู่กับเธอหนึ่งชั่วโมง เราทุกคนเชื่อสนิทใจเลยว่าเธอควรจะได้เล่นเป็นซินเธีย”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันเห็นตัวเองในตัวซินเธียมากขนาดนี้ แต่มันดูเป็นงานที่ง่ายเหลือเกิน” เบลล์หัวเราะ “เธอเป็นคนที่ฉันไม่รังเกียจที่จะเป็นเธอ เธอเป็นคนที่มาทันเวลาเสมอ เป็นคนที่ให้ความสำเร็จกับกำหนดเวลา เป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจ และมักจะอยู่เหนือใครในทุกเรื่อง เธอมุ่งมั่นไปที่ปัญหา แต่เธอก็ให้ความสำคัญในเรื่องของการหาทางออก แต่คุณจะใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอกับสามีถึงกำลังมีปัญหาชีวิตคู่”
สำหรับบท ลูซี่ คู่ชีวิตที่ไม่ซื่อสัตย์ของโจอี้ ทีมผู้สร้างตัดสินใจเลือกนักแสดงที่อาจขัดกับบท ด้วยการเลือก คริสติน เดวิส จาก Sex and the City มารับบทนี้ “ลูซี่เป็นบทที่แตกต่างออกไปมากสำหรับฉัน” เดวิสบอก “มันตลก เพราะตอนที่ฉันอ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรก ฉันคิดว่า ‘เขาอยากให้ฉันเล่นเป็นลูซี่จริงๆ หรือนี่’ ฉันเอาแต่กลับไปอ่านคำบรรยายถึงตัวเธอใหม่อีกรอบ เพราะฉันไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับบทนี้เลย แต่นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันสนุกและน่าตื่นเต้น บางครั้งก็ต้องให้นักแสดงคนอื่นๆ มองนักแสดงอีกคนต่างออกไปจากเดิมเหมือนกัน”
ทางทีมผู้สร้างรู้สึกว่ามันคงตลกแน่ถ้าจะสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับคู่ชีวิต โดยไม่พูดถึงเรื่องการนอกใจเลย สำหรับบทคุณแม่ยังสาวที่สายตาล่อกแล่กไปเรื่อย บิลลิงสลี่ย์และทีมผู้อำนวยการสร้างรู้สึกว่าเดวิสน่าจะนำพลังที่ดูน่าชื่นชมใส่ในตัวละครที่น่ารังเกียจตัวนี้ได้ วอห์นกล่าวว่า “คริสตินแสดงภาพยนตร์ตลกมานานแล้ว เธอตลก และมีจังหวะในการปล่อยมุขที่ดี และยังมีลักษณะที่ดูน่าคบหาอยู่ในตัวโดยธรรมชาติด้วย เธอดูลงตัวกับบทนี้ เพราะเราต้องการคนที่คนดูจะคอยเอาใจช่วย และยินดีจะร่วมเดินทางไปกับเธอ”
ที่มารับบทนำในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในบท ทรูดี้ แฟนสาววัย 20 จอมเอะอะของเชน ก็คือ คาลี ฮอว์ก “ทรูดี้ทำในสิ่งที่เธอต้องการ แล้วเธอก็ไม่เสียใจในสิ่งที่ทำไปด้วย” ฮอว์กบอก “ฉันมีเพื่อนที่มีลักษณะคล้ายๆ ตัวละครตัวนี้ หลายอย่างที่ทรูดี้พูดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คล้ายกับที่เพื่อนฉันพูดในชีวิตจริง ฉันจะเป็นคนที่ระวังตัวมากกว่า ขณะที่ทรูดี้ ถ้าเธอไม่ชอบอะไร เธอก็จะโพล่งออกมาเลย เธอดูไม่น่าจะเข้ากับเชนและเพื่อนๆ ของเขาได้ แต่เธอเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เคยหมดสนุกไปกับทุกเรื่อง”
ทางทีมผู้สร้างได้จัดออดิชั่นนักแสดงหลายคนเพื่อคัดเลือกตัวในบท ทรูดี้ และตัดสินใจเลือกฮอว์ก สตูเบอร์ให้ความเห็นไว้ว่า “คาลีมีงานยากรออยู่ตรงหน้าเมื่อเธอได้รับเลือกให้แสดงเป็นทรูดี้ ซึ่งเธอก็ตั้งตัวได้อย่างง่ายดาย หลังจากเวลาผ่านไป แค่เพียงเหลือบสายตามองเล็กน้อย หรือหันหน้ามาทั้งตัว เธอทำให้เราหัวเราะออกมาเสียงดังเลยทีเดียว”
หลังจากเจสันและซินเธียกล่อมให้เพื่อนๆ ร่วมเดินทางไปยังอีเดนได้แล้ว คู่อื่นๆ กลับพบว่ากิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขารอคอย อย่างเช่นการขี่เจ็ทสกี หรือการนอนอาบแดดบนชายหาดสุดหรู จะมีได้ก็หลังจากผ่านการบำบัดชีวิตคู่ และเข้าโครงการสร้างเสริมทักษะที่เริ่มต้นกันตั้งแต่หกโมงเช้า และที่คอยดูแลการบำบัดของแต่ละคู่ ก็คือ สแตนลี่ย์ ผู้ดูแลรีสอร์ทและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงตลกชาวอังกฤษ ปีเตอร์ เซราฟีโนวิคซ์ สแตนลี่ย์เป็นพวกหัวโบราณ ชอบเม้มปากให้ดูเคร่งขรึม และกลายเป็นคู่ปรับสุดฮาของเดฟ
ที่เข้ามาเสริมทัพทีมตัวละครเจ้าหน้าที่รีสอร์ทที่สุดจะมีสีสัน ก็คือ ครูสอนโยคะ ซัลวาดอร์ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงชายชาวเปอโตริโก คาร์ลอส ปอนเซ่ ด้วยรูปร่างสมส่วน เทคนิคการสอนของซัลวาดอร์เป็นตัวผลักดันขอบเขตจำกัดส่วนตัวของคนทุกคู่ที่เขาสอน
การเรียนการสอนทั้งหมดที่อีเดนยืนอยู่บนหลักการปรัชญาของกูรูเรื่องชีวิตคู่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง มองซิเออร์มาร์เซล ซึ่งรับบทโดยฌ็อง รีโน “ถ้าจะมีสาระข้อไหนที่มาร์เซลอย่างแบ่งปันให้กับคนทั้งโลก มันก็คงจะเป็นการเปลือยกายต่อหน้าคนที่คุณชอบนี่แหละ” รีโนหัวเราะ “เป็นการเปลือยกายในหัวคุณนะ ไม่ใช่แค่เปลือยเสื้อผ้าล้อนจ้อน อย่าปิดบัง อย่าโกหก ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่การพูดความจริงกับคนที่คุณรักย่อมดีกว่าเสมอ”
ที่ได้รับเลือกให้มารับบทเป็นลูกชายของเดฟและรอนนี่ ก็คือ แก็ตต์ลิน กริฟฟิธ จากภาพยนตร์เรื่อง Changeling และนักแสดงหน้าใหม่ โคลิน ไบอ็อคชี่ การแสดงที่สุดประทับใจในบท โรเบิร์ต วัย 8 ขวบ และเควิน วัย 5 ขวบ
ในบรรดาทีมนักแสดงสมทบของภาพยนตร์เรื่อง Couples Retreat ได้แก่ ทาช่า สมิธ จากภาพยนตร์เรื่อง Why Did I Get Married? มารับบท เจนนิเฟอร์, เทมูร่า มอร์ริสัน จากภาพยนตร์ชุด Star Wars รับบท บริกส์ รองผู้บัญชาการของมาร์เซล, นักแสดงหน้าใหม่ จอนน่า วอลช์ รับบท ลาซี่ย์ ลูกสาวของลูซี่และโจอี้ที่จากบ้านไปเพื่อเรียนมหาวิทยาลัย และจอห์น ไมเคิล ฮิกกิ้นส์ จาก The Break-Up และเคน เจียง จาก The Hangover รับบทนักบำบัดแหวกแนวทั้งสองคนของอีเดนรีสอร์ท
เมื่อกระบวนการคัดเลือกตัวนักแสดงสิ้นสุดลง ทางทีมผู้สร้างจึงเริ่มต้นค้นหาโลเกชั่นที่เหมาะจะสมมติเป็นอีเดนรีสอร์ท สถานที่พักผ่อนที่น่าตื่นตะลึงที่สุดในโลกสำหรับคู่ชีวิต
[ชื่อไทย เกาะสวรรค์ บำบัดหัวใจ
วันที่เข้าฉาย 3 ธันวาคม 2552
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)/color]
เนื้อเรื่องย่อ
วินซ์ วอห์นนำทีมนักแสดงชื่อดังในภาพยนตร์ตลกขำขัน Couples Retreat ในภาพยนตร์เรื่องนี้ สี่คู่ชู้ชื่นชาวมิดเวสต์ ออกเดินทางครั้งสำคัญในชีวิต มุ่งหน้าสู่เกาะสวรรค์สุดหรู ขณะที่หนึ่งคู่เดินทางไปที่นั่นเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตสมรส อีกสามคู่ที่เหลือตั้งใจจะไปเพลิดเพลินกับเจ็ทสกี สุขแสนสบายในสปา และเริงร่าท่ามกลางแสงอาทิตย์ อย่างไรก็ดี แค่ไม่นานพวกเขาก็พบว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมในการบำบัดชีวิตคู่แบบไม่เหมือนที่ไหนของรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นไปได้ทุกอย่าง ยกเว้นการมีทางเลือก จู่ๆ การเดินทางไปพักผ่อนแบบราคาเหมาเป็นกลุ่มของพวกเขาก็มาพร้อมบทเรียนบางอย่าง
เกาะเจ้าปัญหา ยินดีต้อนรับ………………
เดฟ (วินซ์ วอห์น) และรอนนี่ (เมลิน เอเคอร์แมน) เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางทางสังคมของกลุ่มเพื่อน ตลอดหลายปีมานี้ พวกเขาได้สร้างชีวิตแบบครบวงจรผ่านการทุ่มเทให้กับทั้งลูกๆ เพื่อนๆ และหน้าที่การงาน
หลังจากอยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่นมานาน 8 ปี เจสัน (เจสัน เบ็ทแมน) และซินเธีย (คริสเตน เบลล์) ก็มาถึงทางแยกของชีวิต คู่ที่เคยมีความสุขทำเอาเหล่าเพื่อนสนิท อันประกอบไปด้วย เดฟและรอนนี่, โจอี้ (จอน แฟฟโรว์) และลูซี่ (คริสติน เดวิส) และเชน (ไฟซอน เลิฟ) และแฟนสาวคนใหม่ของเขา ทรูดี้ (นักแสดงหน้าใหม่ คาลี ฮอว์ก) แทบช็อค เมื่อพวกเขาประกาศว่าพวกเขากำลังคิดจะหย่าร้างกัน
เพื่อรักษาชีวิตสมรสเอาไว้ เจสันและซินเธียตัดสินใจร่วมใจกันแก้ปัญหาเป็นครั้งสุดท้าย….
เจสันและซินเธียพบข้อมูลเกี่ยวกับอีเดนรีสอร์ท ที่พักบนเกาะสวรรค์ในเซ้าธ์แปซิฟิก ที่เชี่ยวชาญในการบำบัดชีวิตคู่ แต่หนทางเดียวที่พวกเขาจะมีเงินมากพอจะเดินทางไปยังรีสอร์ทหรูแห่งนี้ได้ ก็คือต้องซื้อ “แพ็คเกจพิลิแกน” ซึ่งเป็นแพ็คเกจแบบเหมาซื้อเป็นกลุ่ม งานนี้มีแต่ได้กับได้ ขณะที่พวกเขาเข้ารับการบำบัดตามที่ต้องการ เพื่อนๆ ก็สามารถออกไปนอนอาบแดดอยู่บนหาดทรายขาว ผ่อนคลายในสปา ขี่เจ็ทสกี และหาความบันเทิงใส่ตัวได้ง่ายๆ
แม้จะฟังดูน่าไปแค่ไหน (รวมถึงทุกคนยังอยากจะช่วยเจสันและซินเธียใจจะขาด) แต่ดูเหมือนไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ทุกคนจะแห่ไปเที่ยวพร้อมกันได้...จนกระทั่งเดฟและรอนนี่ตกลงใจที่จะไปด้วย บัดนี้ สี่คู่ชู้ชื่นออกเดินทางมุ่งไปยังเกาะสวรรค์ และนั่นก็คือ “การเริ่มเดินเครื่อง” บนเกาะสวรรค์เขตร้อน
แต่มีเงื่อนไขเล็กๆ อยู่ข้อหนึ่ง …
ทั้งแปดคนพบว่าทุกคู่รักจะต้องมีส่วนร่วมในเทคนิคการบำบัดที่แหวกแนวของมองซิเออร์ มาร์เซล (ฌ็อง รีโน) “นักบำบัดชีวิตคู่” ที่มีชื่อเสียงของอีเดนรีสอร์ทแห่งนี้ ถ้าไม่เข้ารับการบำบัดทุกคน ก็ไม่ต้องเข้ากันเลยสักคน และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เชิญกลับบ้านกันได้ ในไม่ช้า ทั้งสี่คู่ต่างพบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของพวกเขาเอง สิ่งที่ติดตามมาคือการมองปัญหาในโลกที่แท้จริงที่คนทุกคู่ต้องเผชิญในแบบที่ทั้งสนุกสนานเฮฮาและอบอุ่นใจ
เบื้องหลังงานสร้าง
ย้อนสู่จุดกำเนิด:Couples Retreat เริ่มบังเกิด
ในปี 1996 วินซ์ วอห์น และจอน แฟฟโรว์ เริ่มสร้างชื่อในแวดวงฮอลลีวู้ดด้วยภาพยนตร์ตลกเฮฮาเรื่อง Swingers ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เขียนบทโดยแฟฟโรว์ พูดถึงชีวิตของนักแสดงตกงานสองคนที่พยายามจีบสาว และสร้างชื่อในแอลเอ Swingers กลายเป็นภาพยนตร์ที่ติดทำเนียบคลาสสิกในทันใด และยังช่วยสร้างชื่อเปิดหนทางดังให้กับทั้งวอห์นและแฟฟโรว์ และยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้กับภาพยนตร์เรื่อง Couples Retreat อย่างไม่น่าเกิดขึ้นได้ ในปี 2007 Swingers ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่คนดูชื่นชอบ แถมยังมีคนกล่าวขวัญถึงภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ คว้ารางวัล Guy Movie Hall of Fame Award ที่งานแจกรางวัล Guys Choice Awards ของสไปก์ทีวี หลังการบันทึกเทปงานแจกรางวัลดังกล่าว วอห์นและแฟฟโรว์ได้กลับไปเยือนหนึ่งในสถานที่แห่งหนึ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนั้นเพื่อเฉลิมฉลอง และที่นั่น วอห์นได้เสนอไอเดียของ Couples Retreat ให้กับแฟฟโรว์
“ผมเกิดไอเดียเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่แต่งงานแล้ว และกำลังมีปัญหาในชีวิตคู่ เพียงแต่บางคนอาจมีปัญหาสุดกู่มากกว่าคนอื่นๆ” วอห์นบอก “หนึ่งในสี่คู่เปรียบได้กับตัวเร่งปฏิกิริยาที่บอกกับคนอื่นๆ ว่า ‘ฉันพบสถานที่แห่งหนึ่งที่จะเป็นนครเมกกะในทุกเรื่องสำหรับคู่รัก’ เขาอยากให้เพื่อนๆ ของเขาไปด้วย เพราะหนทางเดียวที่เขากับเมียจะมีปัญญาจ่ายค่ารีสอร์ทแห่งนั้นได้ก็คือการต้องไปเที่ยวแบบราคาเหมายกแก๊งค์ แล้วคู่รักคู่อื่นๆ ก็ถือกันว่านี่คงจะเป็นการพักผ่อนที่แสนสุขี แต่เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาต้องเข้าร่วมการบำบัดชีวิตคู่ ที่ตลกก็คือการได้มาเห็นว่าทุกแง่มุมในความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องถูกจับตาดูตลอด”
“ผมอยากหยิบเรื่องของคนธรรมดาๆ กับปัญหาที่พวกเขาต้องเจอทุกวัน แล้วจับพวกเขาไปอยู่ในสถานที่ที่แปลกที่สุด” วอห์นอธิบายต่อ “เนื้อหาต้องสัมพันธ์กับคนดู เพื่อให้คนดูเกิดอารมณ์ร่วมเหมือนพวกเขาเป็นหนึ่งในคนสี่คู่นี้ และหัวเราะสนุกไปกับสถานการณ์และอุปสรรคต่างๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญ และต้องแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปให้ได้ นอกจากนี้ ผมยังอยากให้บทภาพยนตร์เรื่องนี้แทรกในเรื่องของความหวังและความสมหวังไว้ด้วย ถึงแม้จะต้องพยายามกันหลายๆ เรื่อง แต่การได้มีความรักและลองแก้ไขปัญหาเรื่องชีวิตคู่ไปแล้ว ย่อมดีกว่าการไม่ทำอะไรเสียเลย”
แฟฟโรว์พร้อมจะกลับไปร่วมงานกับเพื่อนรักที่คบหามายาวนานอย่างวอห์นอยู่แล้ว “วินซ์เสนอไอเดียให้เรากลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี” แฟฟโรว์เล่า “และเมื่อเขาเล่าไอเดียของ Couples Retreat ให้ผมฟัง ผมคิดว่าคอนเซ็ปต์ของมันน่าสนใจมาก”
วอห์นยังติดต่อไปหา สก็อตต์ สตูเบอร์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่เคยอำนวยการสร้างภาพยนตร์ร่วมกับวอห์น ตอนสร้างภาพยนตร์ตลกสุดฮิตในปี 2006 เรื่อง The Break-Up โดยได้พูดคุยกับสตูเบอร์ให้กลับมาร่วมทีมกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ “วินซ์กับผมมักจะคุยกันถึงไอเดียใหม่ๆ เสมอ เมื่อเขาเล่าให้ผมฟังถึงคอนเซ็ปต์ของ Couples Retreat ผมคิดว่ามันเป็นหนทางที่ดีมากในการสำรวจเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ผ่านไอเดียตลกๆ แบบนี้” สตูเบอร์บอก
เมื่อแฟฟโรว์ตกลงปลงใจที่จะร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้กับวอห์น และดาน่า ฟ็อกซ์ พวกเขาก็เริ่มคิดสร้างเรื่องราวขึ้นมาพวกเขาเน้นเรื่องไปที่คู่รักสี่คู่จากมิดเวสต์ ได้แก่ คู่ที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบอย่างเดฟกับรอนนี่, คู่ที่ดูมีปัญหา เจสันกับซินเธีย, คู่ที่พร้อมจะแยกกัน โจอี้กับลูซี่ และเชนกับแฟนสาววัย 20 ปี ทรูดี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสี่คู่กำลังจะผ่านการทดสอบ ณ รีสอร์ทแห่งนี้
สำหรับแฟฟโรว์ เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเขาทีเดียว และอาจได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่เป็นส่วนตัวที่สุดของเขานับจากเรื่อง Swingers “ผมผ่านประสบการณ์การแต่งงานและการมีลูกเล็กๆ มาแล้ว มีเรื่องขำขันเกิดขึ้นเยอะมาก นี่คือเรื่องที่ผมยังไม่เคยสำรวจด้วยตัวเองมาก่อนเหมือนกัน”
สตูเบอร์กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ผมชอบในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ มันสำรวจพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของมนุษย์ มีทั้งความหวังและความสนุกสนาน ผมรู้ดีว่ามันคงจะดีแน่ที่ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับกลุ่มของเราที่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ยิ่งคุณสร้างภาพยนตร์กับคนที่มีอารมณ์คล้ายๆ กับคุณเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งอยากกลับไปทำงานด้วยกันซ้ำแล้วซ้ำอีกเท่านั้น”
วอห์นเริ่มต้นค้นหาตัวผู้กำกับ และลงเอยที่ตัว ปีเตอร์ บิลลิงสลี่ย์ ซึ่งประเดิมงานกำกับชิ้นแรกด้วยเรื่อง Couples Retreat บิลลิงสลี่ย์ประสบความสำเร็จกับการทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้าง โดยเขาเคยร่วมงานกับวอห์นมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Made, The Break-Up และ Four Christmases และเคยร่วมงานกับแฟฟโรว์ ในเรื่อง Made, Zathura, Iron Man และผลงานทางทีวีอย่างเรื่อง Dinner for Five อย่างไรก็ดี ความหวังของบิลลิงสลี่ย์ที่จะได้กำกับภาพยนตร์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นนักแสดงหนุ่ม โดยเขาเคยได้รับเลือกให้รับบทเป็น ราล์ฟฟี่ หนุ่มที่ชอบเล่นปืนบีบีกันในภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง A Christmas Story
“ขณะที่เรากำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง A Christmas Story อยู่นั้น ผมได้ใช้เวลาอยู่ในกองถ่ายกับผู้กำกับบ็อบ คล๊าร์กบ่อยมาก” บิลลิงสลี่ย์เล่า “ตลอดหลายปีนั้น ผมอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของเขา เขาเองก็ให้คำแนะนำกับผมอย่างดีที่สุดเมื่อผมบอกเขาว่าผมอยากจะเป็นผู้กำกับหนัง เขาบอกว่า ‘เข้าไปที่ห้องตัดต่อซิ เพราะนั่นคือที่ที่นายจะได้เรียนรู้ว่าจะสร้างหนังยังไง’ ดังนั้น ผมก็เลยเริ่มต้นใช้เวลาอยู่กับการทำงานโพสต์โปรดักชั่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมรู้สึกว่าถ้างานกำกับคือสิ่งที่ผมต้องทำ โปรเจ็กต์เหมาะๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก”
ในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทไวลด์ เวสท์ พิคเจอร์ โชว์ โปรดักชั่นส์ของวอห์น การตัดสินใจร่วมงานกับวอห์นในครั้งนี้เป็นเรื่องง่ายมาก “วินซ์กับผมรู้ใจกัน ซึ่งเกิดมาจากการที่เราเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเป็นเพื่อนกันมานาน” บิลลิงสลี่ย์บอก “Couples Retreat คือภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่เราร่วมงานกัน ซึ่งผลงานเรื่องแรกๆ ของเราช่วยเตรียมตัวผมให้พร้อมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมเข้าใจดีว่าวินซ์อยากจะพัฒนาเรื่องและตัวละครไปอย่างไร เราทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าเราต้องการความสำเร็จแบบไหนกับภาพยนตร์เรื่องนี้”
เมื่อได้ตัวบิลลิงสลี่ย์มาทำหน้าที่ผู้กำกับ งานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ปักหลักกันที่ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภายใต้ข้อตกลงกับบริษัทไวลด์ เวสท์ พิคเจอร์ โชว์ โปรดักชั่นส์ ของวอห์น และบริษัทสตูเบอร์ พิคเจอร์ส ของสตูเบอร์
นักท่องเที่ยวผจญกูรู:การคัดเลือกตัวนักแสดง
วินซ์ วอห์น, เจสัน เบ็ทแมน, จอน แฟฟโรว์ และไฟซอน เลิฟได้รับการวางตัวให้แสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนที่บทภาพยนตร์จะถูกเขียนจนเสร็จด้วยซ้ำ ทำให้ทางทีมเขียนบทรู้บุคลิกเด่นของทีมดารานำชายก่อนหน้าที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น “เพราะวินซ์กับผมสามารถทำให้ภาพยนตร์ได้รับไฟเขียวได้แล้ว เขาจึงสามารถวางตัวนักแสดงที่เราอยากให้มาเล่นบทนำฝ่ายชายได้” แฟฟโรว์เล่า “นี่ถือเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อผมรู้ว่าผมกำลังเขียนบทให้ใครเล่น ทำให้การทำงานของผมง่ายขึ้นเยอะ”
เมื่อทำการวางตัวนักแสดง ทั้งผู้กำกับและทีมผู้อำนวยการสร้างไม่ได้มองหาแต่เพียงนักแสดงตลกเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นนักแสดงที่สามารถรับมือกับฉากดราม่าได้ด้วย “คนสามในสี่คู่แต่งงานกันมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องมีอารมณ์แบบคนที่แต่งงานแล้ว” สตูเบอร์บอก “นักแสดงชายทุกคนต้องดูน่าชื่นชม และมีการพูดจาโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ วินซ์, จอน, เจสันและไฟซอนเป็นเพื่อนกันมานาน แต่คริสติน, คริสเตน และเมลินถือเป็นหน้าใหม่ในกลุ่มนี้ พวกเธอสามคนเหมือนคลิกลงตัวเป๊ะ จนดูเหมือนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมา ผมรู้ว่าคนดูจะต้องอินไปกับคนแต่ละคู่ และเอาใจช่วยพวกเขาให้เอาชนะปัญหา และทำให้ชีวิตคู่ราบรื่นไปได้”
สำหรับวอห์น เดฟคือตัวละครที่เขารู้สึกเข้าใจเป็นอย่างดี และเป็นตัวละครที่คนดูสามารถเชื่อมโยงถึงได้ด้วย “เดฟคือผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีชีวิตที่เป็นสุข” วอห์นบอก “เขายังเป็นพ่อและสามีที่ดี แต่เขาไม่เคยดื่มด่ำกับช่วงเวลาให้ช้าลง และชื่นชมชีวิตของตัวเองเลย เมื่อเขามาถึงเกาะแห่งนี้ เขาถูกบังคับให้หยุดและสะท้อนให้เห็นปัญหาว่า ‘ฉันกับภรรยามีปัญหากัน หรือพวกที่ปรึกษาที่นี่ทำตัวล้ำเส้นเกินไปแล้วกันแน่’”
บิลลิงสลี่ย์รู้สึกดีใจที่เพื่อนของเขาตัดสินใจที่จะรับบทที่ดูเหมือนเป็นตัวละครแสนธรรมดาตัวนี้ เขากล่าวว่า “เซนต์ในเรื่องการเลือกเรื่อง ตัวละคร และวัตถุประสงค์ของวินซ์เยี่ยมยอดมาก คุณจับคนไปอยู่ในสถานการณ์หนึ่ง แล้วหาวิธีที่จะแสดงออกมาอย่างน่าสนใจ เมื่อเขาเกิดความเข้าอกเข้าใจตัวละครขึ้นมา เขาพบวิธีที่ดีขึ้นในการแสดงความตั้งใจออกมาได้ดีกว่าที่อยู่ในหน้ากระดาษของบทเสียอีก”
เจสัน เบ็ทแมนรับบท เจสัน สามีจอมวิเคราะห์ที่ลงทุนทำพาวเวอร์พอยต์เพื่อชวนเพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวที่อีเดน “ตัวละครของเจสันเป็นคนเริ่มต้นเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้” วอห์นอธิบาย “เขากับภรรยากำลังมีปัญหาในชีวิตแต่งงาน และพวกเขาก็คิดกันว่าการเดินทางไปเกาะสวรรค์ของคู่รัก จะช่วยทำให้การตัดสินใจของพวกเขากระจ่างขึ้นว่าควรจะอยู่ด้วยกันต่อไปหรือจะหย่าจากกันดี สุดท้ายแล้ว ทุกคู่ต่างมีเหตุผลที่จะเดินทางไป”
“ผมได้รับโทรศัพท์ และได้ยินว่ามีภาพยนตร์ตลกเรื่องหนึ่งที่มีวินซ์ วอห์นกับจอน แฟฟโรว์ ไปถ่ายทำกันในโบราโบร่า แล้วพวกเขาก็ตั้งชื่อตัวละครของผมตามชื่อจริงของผม คงไม่มีทางหางานที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว” เบ็ทแมนหัวเราะ “พวกเขาเขียนตัวละครตัวนี้ขึ้นมาตามแบบอารมณ์ขันของผมเลย ทั้งวิธีการพูดของผม ทุกอย่างเป็นผมหมด ผมน่าจะต้องจ่ายเงินคืนให้กับยูนิเวอร์แซลด้วยซ้ำ แต่ผมหวังว่าผมคงจะชดเชยเงินนั่นด้วยการแสดงของผมได้นะ”
แฟฟโรว์ต้องทำสองหน้าที่ คือเป็นทั้งหนึ่งในทีมเขียนบท และรับบทเป็นโจอี้ ชายที่มีเมียแล้ว แต่ไร้ความสุขที่ยืนอยู่ปากเหวใกล้หย่าเหมือนกัน “ประสบการณ์ส่วนตัวของผมถูกสะท้อนให้เห็นใน เดฟ ตัวละครของวินซ์เสียมากกว่า ส่วนตัวละครตัวอื่นๆ เป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงตัวอย่างที่ว่าชีวิตคู่สามารถเดินผิดทางได้อย่างไร” แฟฟโรว์ยอมรับ “โจอี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่อคุณเลิกกระตือรือร้นกับชีวิตแต่งงาน และทุกอย่างก็เริ่มตายซาก แต่คุณก็ผ่านเส้นทางนั้นมาร่วม 20 ปีแล้วนี่”
“ผมว่าคนมากมายน่าจะอินไปกับเรื่องของโจอี้และลูซี่ ซึ่งตอนนี้ลูกของพวกเขาไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว และพวกเขาก็กำลังประสบปัญหากับบ้านที่เหมือนว่างเปล่า” สตูเบอร์บอก “ในไม่ช้า ก็กลายเป็นว่า ‘เรายังเป็นผัวเมียกันอยู่หรือเปล่า เรายังผูกพันกันอยู่ใช่ไหม’ จอนเป็นทั้งมือเขียนบทและนักแสดงที่น่าทึ่ง เขาสามารถแสดงอารมณ์เหล่านี้ออกมาบนจอหนังได้ ความคุ้นเคยที่เขามีต่อวินซ์และทีมนักแสดง ยังช่วยยกระดับการแสดงให้ดีขึ้นด้วย”
ที่แยกทางกับภรรยาและกำลังผจญกับวิกฤตวัยกลางคน ก็คือ เชน ซึ่งรับบทโดย ไฟซอน เลิฟ เพื่อนร่วมงานขาประจำอีกคนของทั้งวอห์นและแฟฟโรว์ “ตอนที่พวกเขาทาบทามผมให้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโปรเจ็กต์การบ้านส่งโรงเรียน เพราะจอน, วินซ์, ปีเตอร์ และผมเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้ว” เลิฟเล่า “เชนยังไม่ลงตัวกับชีวิตนัก และเขามีแฟนสาวอายุ 20 ปี แต่เธอทำให้เขารู้สึกเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็พยายามลืมความจริงที่ว่าเขากำลังจะหย่า”
“ไฟซอนคือหนึ่งในผู้ชายที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร คุณเป็นต้องเหมือนถูกดึงให้เดินเข้าหาเขาตลอด” วอห์นให้ความเห็นไว้ “ตัวละครของเขาตลกมาก แต่เขายังน่ารักด้วย เพราะคุณมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่เขาต้องเจอ ไฟซอนเหมาะกับบทนี้มาก เพราะเขาปล่อยอารมณ์ที่เป็นส่วนผสมของคนที่ทั้งตลก และเป็นคนที่คุณคอยเอาใจช่วยออกมา”
ในการคัดเลือกตัวนักแสดงหญิงในบทนำ ซึ่งลงตัวที่ เมลิน เอเคอร์แมน, คริสเตน เบลล์, คริสติน เดวิส และคาลี ฮอว์ก ทางทีมผู้สร้างพบการผสมผสานของทีมนักแสดงหญิงที่ดูเหมือนจริงมากในบทเพื่อน และยังเป็นเหมือนมุมตรงข้ามที่แข็งแกร่งของทีมนักแสดงชาย
คนที่เข้ามารับบท รอนนี่ ภรรยาของเดฟ ก็คือนักแสดงสาวชาวสวีเดน เมลิน เอเคอร์แมน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งไปรับบทเป็นซิลก์ สเป็คเตอร์ ที่ 2 ในภาพยนตร์แอ็กชั่น เรื่อง Watchmen อย่างไรก็ดี คนดูมากมายรู้จักเอเคอร์แมนจากบทตลกในภาพยนตร์เรื่อง The Heartbreak Kid และ The Proposal “สิ่งที่ทำให้ฉันชอบในเรื่องนี้ก็คือคนสี่คู่นี้แตกต่างกันมาก” เอเคอร์แมนอธิบาย “ฉันแต่งงานมาได้สองปีแล้ว และเรื่องนี้ก็เข้ากันกับชีวิตของฉันมาก ความสัมพันธ์เป็นเรื่องยากนะ ต้องผ่านการปรับตัวเยอะมาก บางครั้งเราก็จริงจังกับเรื่องต่างๆ มากเสียจนเราหลงลืมว่าเรื่องเล็กๆ ง่ายๆ ก็สำคัญเหมือนกัน”
บิลลิงสลี่ย์ได้พูดถึงการเลือกเอเคอร์แมนให้มารับบทนี้ว่า “รอนนี่กับเดฟเป็นเหมือนตัวแทนคนดู ถ้าพวกเขาเป็นคู่ปกติในโลกผิดปกตินี้ พวกเขาก็ต้องเป็นหลักที่หนักแน่นที่สุด เราเคยเห็นเมลินในภาพยนตร์เรื่อง The Heartbreak Kid และคิดว่าเธอตลกมาก และเหมาะกับบทรอนนี่ เมลินต้องแสดงมุขฮามากๆ ในภาพยนตร์เรื่องนั้น ซึ่งต้องได้การแสดงที่ทุ่มเทอย่างมาก เราคิดว่าถ้าคนๆ หนึ่งสามารถทำแบบนั้นได้อย่างงดงามและทุ่มเทได้อย่างน่าชื่นชมขนาดนั้น นั่นเป็นตัวบ่งบอกถึงการเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ บวกกับความจริงที่ว่าเมลินมีความผ่อนคลายในตัว ซึ่งทำให้ตัวละครของเธอดูเชื่อมั่น เท่านี้ก็จบ”
การคัดเลือกตัวนักแสดงในบท ซินเธีย ภรรยาที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์พอกันของเจสัน ทางทีมผู้สร้างหันไปหา คริสเตน เบลล์ ดารานำของภาพยนตร์ฮิตประจำปี 2008 เรื่อง Forgetting Sarah Marshall “ซินเธียเป็นตัวละครที่มีความสำคัญด้วยเหตุผลสองข้อ” บิลลิงสลี่ย์อธิบาย “ในชีวิตแต่งงานของเธอ ไม่มีการนอกใจ แต่เธอเป็นพวกที่รู้สึกว่ายังมีเส้นทางและขั้นตอนสำหรับทุกอย่าง ถ้าคุณเดินไปตามเส้นทางนั้น หลายอย่างมักจะลงเอยด้วยดี เราต้องการคนที่ทั้งสวยและดูเป็นภรรยาที่น่าทึ่งสำหรับเจสัน คริสเตนมีคุณสมบัติเหล่านั้น ผมไม่เคยพบเธอมาก่อน แต่หลังจากได้ใช้เวลาในห้องประชุมอยู่กับเธอหนึ่งชั่วโมง เราทุกคนเชื่อสนิทใจเลยว่าเธอควรจะได้เล่นเป็นซินเธีย”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันเห็นตัวเองในตัวซินเธียมากขนาดนี้ แต่มันดูเป็นงานที่ง่ายเหลือเกิน” เบลล์หัวเราะ “เธอเป็นคนที่ฉันไม่รังเกียจที่จะเป็นเธอ เธอเป็นคนที่มาทันเวลาเสมอ เป็นคนที่ให้ความสำเร็จกับกำหนดเวลา เป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจ และมักจะอยู่เหนือใครในทุกเรื่อง เธอมุ่งมั่นไปที่ปัญหา แต่เธอก็ให้ความสำคัญในเรื่องของการหาทางออก แต่คุณจะใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอกับสามีถึงกำลังมีปัญหาชีวิตคู่”
สำหรับบท ลูซี่ คู่ชีวิตที่ไม่ซื่อสัตย์ของโจอี้ ทีมผู้สร้างตัดสินใจเลือกนักแสดงที่อาจขัดกับบท ด้วยการเลือก คริสติน เดวิส จาก Sex and the City มารับบทนี้ “ลูซี่เป็นบทที่แตกต่างออกไปมากสำหรับฉัน” เดวิสบอก “มันตลก เพราะตอนที่ฉันอ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรก ฉันคิดว่า ‘เขาอยากให้ฉันเล่นเป็นลูซี่จริงๆ หรือนี่’ ฉันเอาแต่กลับไปอ่านคำบรรยายถึงตัวเธอใหม่อีกรอบ เพราะฉันไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับบทนี้เลย แต่นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันสนุกและน่าตื่นเต้น บางครั้งก็ต้องให้นักแสดงคนอื่นๆ มองนักแสดงอีกคนต่างออกไปจากเดิมเหมือนกัน”
ทางทีมผู้สร้างรู้สึกว่ามันคงตลกแน่ถ้าจะสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับคู่ชีวิต โดยไม่พูดถึงเรื่องการนอกใจเลย สำหรับบทคุณแม่ยังสาวที่สายตาล่อกแล่กไปเรื่อย บิลลิงสลี่ย์และทีมผู้อำนวยการสร้างรู้สึกว่าเดวิสน่าจะนำพลังที่ดูน่าชื่นชมใส่ในตัวละครที่น่ารังเกียจตัวนี้ได้ วอห์นกล่าวว่า “คริสตินแสดงภาพยนตร์ตลกมานานแล้ว เธอตลก และมีจังหวะในการปล่อยมุขที่ดี และยังมีลักษณะที่ดูน่าคบหาอยู่ในตัวโดยธรรมชาติด้วย เธอดูลงตัวกับบทนี้ เพราะเราต้องการคนที่คนดูจะคอยเอาใจช่วย และยินดีจะร่วมเดินทางไปกับเธอ”
ที่มารับบทนำในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในบท ทรูดี้ แฟนสาววัย 20 จอมเอะอะของเชน ก็คือ คาลี ฮอว์ก “ทรูดี้ทำในสิ่งที่เธอต้องการ แล้วเธอก็ไม่เสียใจในสิ่งที่ทำไปด้วย” ฮอว์กบอก “ฉันมีเพื่อนที่มีลักษณะคล้ายๆ ตัวละครตัวนี้ หลายอย่างที่ทรูดี้พูดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คล้ายกับที่เพื่อนฉันพูดในชีวิตจริง ฉันจะเป็นคนที่ระวังตัวมากกว่า ขณะที่ทรูดี้ ถ้าเธอไม่ชอบอะไร เธอก็จะโพล่งออกมาเลย เธอดูไม่น่าจะเข้ากับเชนและเพื่อนๆ ของเขาได้ แต่เธอเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เคยหมดสนุกไปกับทุกเรื่อง”
ทางทีมผู้สร้างได้จัดออดิชั่นนักแสดงหลายคนเพื่อคัดเลือกตัวในบท ทรูดี้ และตัดสินใจเลือกฮอว์ก สตูเบอร์ให้ความเห็นไว้ว่า “คาลีมีงานยากรออยู่ตรงหน้าเมื่อเธอได้รับเลือกให้แสดงเป็นทรูดี้ ซึ่งเธอก็ตั้งตัวได้อย่างง่ายดาย หลังจากเวลาผ่านไป แค่เพียงเหลือบสายตามองเล็กน้อย หรือหันหน้ามาทั้งตัว เธอทำให้เราหัวเราะออกมาเสียงดังเลยทีเดียว”
หลังจากเจสันและซินเธียกล่อมให้เพื่อนๆ ร่วมเดินทางไปยังอีเดนได้แล้ว คู่อื่นๆ กลับพบว่ากิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขารอคอย อย่างเช่นการขี่เจ็ทสกี หรือการนอนอาบแดดบนชายหาดสุดหรู จะมีได้ก็หลังจากผ่านการบำบัดชีวิตคู่ และเข้าโครงการสร้างเสริมทักษะที่เริ่มต้นกันตั้งแต่หกโมงเช้า และที่คอยดูแลการบำบัดของแต่ละคู่ ก็คือ สแตนลี่ย์ ผู้ดูแลรีสอร์ทและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงตลกชาวอังกฤษ ปีเตอร์ เซราฟีโนวิคซ์ สแตนลี่ย์เป็นพวกหัวโบราณ ชอบเม้มปากให้ดูเคร่งขรึม และกลายเป็นคู่ปรับสุดฮาของเดฟ
ที่เข้ามาเสริมทัพทีมตัวละครเจ้าหน้าที่รีสอร์ทที่สุดจะมีสีสัน ก็คือ ครูสอนโยคะ ซัลวาดอร์ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงชายชาวเปอโตริโก คาร์ลอส ปอนเซ่ ด้วยรูปร่างสมส่วน เทคนิคการสอนของซัลวาดอร์เป็นตัวผลักดันขอบเขตจำกัดส่วนตัวของคนทุกคู่ที่เขาสอน
การเรียนการสอนทั้งหมดที่อีเดนยืนอยู่บนหลักการปรัชญาของกูรูเรื่องชีวิตคู่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง มองซิเออร์มาร์เซล ซึ่งรับบทโดยฌ็อง รีโน “ถ้าจะมีสาระข้อไหนที่มาร์เซลอย่างแบ่งปันให้กับคนทั้งโลก มันก็คงจะเป็นการเปลือยกายต่อหน้าคนที่คุณชอบนี่แหละ” รีโนหัวเราะ “เป็นการเปลือยกายในหัวคุณนะ ไม่ใช่แค่เปลือยเสื้อผ้าล้อนจ้อน อย่าปิดบัง อย่าโกหก ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่การพูดความจริงกับคนที่คุณรักย่อมดีกว่าเสมอ”
ที่ได้รับเลือกให้มารับบทเป็นลูกชายของเดฟและรอนนี่ ก็คือ แก็ตต์ลิน กริฟฟิธ จากภาพยนตร์เรื่อง Changeling และนักแสดงหน้าใหม่ โคลิน ไบอ็อคชี่ การแสดงที่สุดประทับใจในบท โรเบิร์ต วัย 8 ขวบ และเควิน วัย 5 ขวบ
ในบรรดาทีมนักแสดงสมทบของภาพยนตร์เรื่อง Couples Retreat ได้แก่ ทาช่า สมิธ จากภาพยนตร์เรื่อง Why Did I Get Married? มารับบท เจนนิเฟอร์, เทมูร่า มอร์ริสัน จากภาพยนตร์ชุด Star Wars รับบท บริกส์ รองผู้บัญชาการของมาร์เซล, นักแสดงหน้าใหม่ จอนน่า วอลช์ รับบท ลาซี่ย์ ลูกสาวของลูซี่และโจอี้ที่จากบ้านไปเพื่อเรียนมหาวิทยาลัย และจอห์น ไมเคิล ฮิกกิ้นส์ จาก The Break-Up และเคน เจียง จาก The Hangover รับบทนักบำบัดแหวกแนวทั้งสองคนของอีเดนรีสอร์ท
เมื่อกระบวนการคัดเลือกตัวนักแสดงสิ้นสุดลง ทางทีมผู้สร้างจึงเริ่มต้นค้นหาโลเกชั่นที่เหมาะจะสมมติเป็นอีเดนรีสอร์ท สถานที่พักผ่อนที่น่าตื่นตะลึงที่สุดในโลกสำหรับคู่ชีวิต
33688
ของสะสมประเภท handbill / HB/CROSSING OVER
« on: November 05, 2009, 01:34:27 PM »
ขนาดA5ใบเดี่ยว ใครเจอเก็บมาฝากด้วยคับ ได้มาใบเดียวน่าจะมีแจกที่SFเห็นมีโลโก้sfด้านหลัง
33689
ของสะสมประเภท handbill / HB/THE ROAD
« on: November 05, 2009, 01:33:08 PM »
ขนาดA5ใบเดี่ยว ใครเจอเก็บมาฝากด้วยคับ ได้มาใบเดียวน่าจะมีแจกที่SFเห็นมีโลโก้sfด้านหลัง
33690
ของสะสมประเภท handbill / HB/CLOUDY with a chance of MEAT BALLS
« on: November 05, 2009, 01:29:54 PM »
แบบยาว ด้านหลัง 3m หาได้ที่B2S