Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
“ภาคเอกชนเขาใหญ่ จับมือ!! ปั้นแคมเปญ ราคาเดียว เที่ยวได้ทั้งปี”




23 เมษายน 2567 เดอะเปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ จัดพิธีลงนามความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ตลอดทั้งปี โดย สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เขาใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง


เขาใหญ่ ราคาเดียว ( Khao Yai One Price) โครงการมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ นอกฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาใหญ่และพื้นที่โดยรอบ มีกิจกรรม และโปรแกรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย แม้ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็น ฤดูการเปิดสวนผลไม้ ช่วงเดือน พฤษภาคม กิจกรรมเขาใหญ่คาร์ฟรีเดย์ ช่วงเดือนกันยายน เป็นต้น เราจึงมีความตั้งใจที่จะประชาสัมพันธ์ โปรแกรมท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก และ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น


โครงการนี้เราได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย พิธีลงนามความร่วมมือครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ท่าน ดร.สันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ และ ภาคีเครือข่ายเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา เข้าเป็นสักขีพยาน


ทั้งนี้ โครงการเขาใหญ่ วัน ไพรซ์ ยังมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนด้านการตลาด ให้กับผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงออนไลน์ โดยการจัดการโปรแกรมการท่องเที่ยว ไปยังผู้ประกอบการที่เข้าร่วม และ ทำการแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยวไปยังนักท่องเที่ยวโดยตรง ทั้งชาวไทย และต่างชาติ ด้วยแพลตฟอร์มการจัดการระบบอัจฉริยะ และทันสมัย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว แม้ในช่วง Low Season เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยว ตัดสินใจมาเขาใหญ่เพิ่มขึ้น


เรามุ่งหวังที่จะเห็นความยั่งยืนของผู้ประกอบการในพื้นที่ ระยะยาว และมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ เป็นพื้นที่ต้นแบบของประเทศไทย ในการทำโปรแกรมท่องเที่ยว ราคาเดียวตลอดปี


อีกทั้ง ความร่วมของผู้ประกอบการในครั้งนี้ เรายังเล็งเห็นโอกาสอันดีในการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และเป็นเมือง 3 มรดกโลก ริเริ่มการท่องเที่ยวสีเขียว ความหมายคือ การทำธุรกิจแบบ Lite carbon การสร้างขยะจากธุรกิจให้น้อยลง หรือการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น เพื่อต้นแบบ การท่องเที่ยวรักษ์โลก อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ทิ้งภาระให้กับโลก หรือ สังคมภาพรวม


ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็น ความหมายของ เขาใหญ่ วัน ไพรซ์ ซึ่งหมายรรวมถึงการจับมืองกันเป็น 1 เดียว คิด สร้าง และ ทำเรื่องเดียวกันอย่างมีเอกภาพ และ สร้างความยั่งยืนได้ในทุกมิติ และที่สำคัญที่สุดคือการตอกย้ำนโยบายของท่านรัฐมนตรี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ว่า “ท่องเที่ยวทำคนเดียวไม่ได้” จึงอยากขอเชิญชวน นักท่องเที่ยว ร่วมสนับสนุน และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ด้วยกัน พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าว


โครงการเขาใหญ่ วัน ไพรซ์ หรือเขาใหญ่ราคาเดียว ในฐานะผู้ยริหารโครงการ เราตั้งใจใช้กลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยว และเทคโนโลยีด้านการตลาด รวมถึงระบบจัดการข้อมูลนักท่องเที่ยวอัจฉริยะ มาปรับใช้ให้เหมาะกับ พื้นที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่ ที่มีกิจกรรมน่าสนใจ และ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ให้เป็นที่รู็จัก และเดินทาง มาท่องเที่ยวได้ทั้งปี


โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็น 4 ประเภท

กลุ่ม Accomodation ธุรกิจโรงแรม ห้องพัก รีสอร์ท และ ที่พักอื่นๆ
กลุ่ม Attraction ธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว อาทิ สวนดอกไม้ ฟาร์ม กิจกรรมกลางแจ้ง
กลุ่ม Cafe’ & Restaurant ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร ของที่ระลึก
กลุ่ม Golf & Sport ธุรกิจสนามกอล์ฟ และ กีฬาอื่นๆ


ใช้กลยุทธทางการตลาด เพื่อสร้างฐานนักท่องเที่ยว รวมถึง จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดช่วงเวลา 7-8 เดือน ที่นักท่องเที่ยวลดลง โดย สร้างฐานเดิม ฐานใหม่ และ ฐานใกล้เคียง ด้วย loyalty Program


Target Audiens 4 กลุ่ม เป้าหมาย 100,000 ราย

กลุ่มนักท่องเที่ยว/บุคคลทั่วไป เดินทางมาเขาใหญ่ประจำ
กลุ่มที่อาจจยังไม่เคยมาเที่ยวเขาใหญ่เลย
กลุ่มผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รัศมี 200 กิโลเมตร ( เดินทางด้วยรถยนต์ 2-3 ชม. )
กลุ่มนักกอล์ฟ


ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด และ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด เป็นเครื่องมือ ในการสร้างแรงจูงใจ และเลือกจุดหมายปลายทาง การท่องเที่ยว ในแต่ละครั้ง จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ที่วางไว้ รวมถึง การสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับเขาใหญ่ จนส่งผลทั้งทางตรงแล้วทาง ไปจนถึง ปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 20-40 % ภายในปี 2567-2568 หรือ ไปแตะที่ 1-1.5 ล้านคนต่อปี ได้


ด้านรายได้ โครงการนี้ สามารถสร้างรายได้สะพัดหมุนเวียน ในช่วงเวลาที่กำหนด ได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท และยังรวมถึง การสร้าง New Demand เพื่อให้ สอดคล้องกับ Supply ในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเขาใหญ่ ทั้งระบบ อย่างเป็นรูปธรรม


ด้านความยั่งยืน โครงการนี้ จะส่งผลด้านการรับรู้ และประสบการใหม่ ให้กับการมาเที่ยวเขาใหญ่ มีตัวแปรใหม่สำหรับการตัดสินใจ รวมถึง ขยายฐานนักท่องเที่ยวไปยังทั้ง ไทย และ ต่างประเทศ สอดรับการ Supply Chain ที่เขาใหญ่มีอยู่แล้วทั้งระบบ ส่งผลเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ ในทุกๆ ปี คล้ายๆ กับหลาย Festival ที่จัดขึ้น และ มีตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทุกปี ภาณุเมศวร์ เศรษฐสิริสุนทร ผู้ก่อตั้งโครงการ / ผู้บริหาร บจ. จีโอดี โซลูชั่น กล่าว











2
เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”
ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35 ปี


             เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด” ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และสุขภาพ B2B ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 300 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก อาทิเช่น Unilever, Boots, Srichand, IN2IT, DKSH และอื่นๆอีกมากมาย ให้ผลิตสินค้าจำนวนมากกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งออกไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี โดยล่าสุดทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับการผลิตที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริษัทด้านการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าเป็นองค์กรณ์ที่ยั่งยืนโดยมี อัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หลักในทุกปี


             นางสาวรุ่งระวี กิตติสินชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร B2B ครอบคลุมประเภทสินค้า Skin Care, Personal Care, Color Cosmetics, Toiletries, Hair Product, Medical Device, Food Supplement, Household Product ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2532 โดยการร่วมทุนกับ บริษัท ไมลอทท์ คอสเมติค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตสินค้า OEM TOP 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 85 ปี โดยผสมผสานความรู้ด้านการผลิตที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เข้ากับที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การผลิตและแรงงานที่มีราคาถูก มีคุณภาพของประเทศไทย ให้บริการแบบ “One Stop Service” ตั้งแต่กระบวนการนำเสนอ Concept จนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมวางจำหน่ายโดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ 51% และกลุ่ม ไมลอทท์ ประเทศญี่ปุ่น 49%


             ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้

FAITH    F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า

A คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก

I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก

T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม

H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม


             ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า  1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%


             เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่าที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน


             บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเองดังนั้น ต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

             คณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment  ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์  ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย

             สำหรับ”หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต” นางรุ่งระวี กล่าวสรุปในตอนท้าย
3
เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”
ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35 ปี


             เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด” ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และสุขภาพ B2B ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 300 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก อาทิเช่น Unilever, Boots, Srichand, IN2IT, DKSH และอื่นๆอีกมากมาย ให้ผลิตสินค้าจำนวนมากกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งออกไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี โดยล่าสุดทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับการผลิตที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริษัทด้านการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าเป็นองค์กรณ์ที่ยั่งยืนโดยมี อัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หลักในทุกปี


             นางสาวรุ่งระวี กิตติสินชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร B2B ครอบคลุมประเภทสินค้า Skin Care, Personal Care, Color Cosmetics, Toiletries, Hair Product, Medical Device, Food Supplement, Household Product ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2532 โดยการร่วมทุนกับ บริษัท ไมลอทท์ คอสเมติค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตสินค้า OEM TOP 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 85 ปี โดยผสมผสานความรู้ด้านการผลิตที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เข้ากับที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การผลิตและแรงงานที่มีราคาถูก มีคุณภาพของประเทศไทย ให้บริการแบบ “One Stop Service” ตั้งแต่กระบวนการนำเสนอ Concept จนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมวางจำหน่ายโดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ 51% และกลุ่ม ไมลอทท์ ประเทศญี่ปุ่น 49%


             ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้

FAITH    F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า

A คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก

I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก

T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม

H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม


             ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า  1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%


             เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่าที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน


             บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเองดังนั้น ต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

             คณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment  ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์  ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย

             สำหรับ”หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต” นางรุ่งระวี กล่าวสรุปในตอนท้าย
4
ถิรไทย ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 พร้อมจ่ายปันผล 0.21 บาทต่อหุ้น


ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ร่วมเป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 เพื่อสรุปผลดำเนินงานพร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.21 บาทต่อหุ้น โดยมี นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว, นายอรรณพ เตกะจรินทร์, นายบุญชัย โสวรรณวนิชกุล, นายไต้ จงอี้ ร่วมประชุมด้วย ณ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็ว ๆ นี้
5
"ไวไว" ร่วมสืบสานงานบุญ
"ดอกคูนเสียงแคนและถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2567"


นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการส่งเสริมการตลาด (ฝ่ายการตลาด) บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า "ไวไว" นำทีมผู้บริหารและพนักงาน ร่วมงานบุญในงาน "ดอกคูนเสียงแคน และถนนข้าวเหนียว ประจำปี 2567" พร้อมร่วมรดน้ำขอพรผู้สูงอายุในจ.ขอนแก่น เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของพี่น้องชาวขอนแก่น ที่ปฏิบัติต่อเนื่องในทุกปี โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้การต้อนรับ ณ ศาลหลักเมืองขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น เมื่อเร็ว ๆ นี้
6
ให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นรับสงกรานต์ หลีกหนีความวุ่นวายด้วยกลิ่นหอมจาก Maison Berger Paris มอบทั้งส่วนลดพิเศษและผลิตภัณฑ์สมนาคุณในกลุ่มน้ำหอมบ้าน




             สงกรานต์นี้ สดชื่นดับร้อนด้วยความหอมภายในบ้าน ที่จะกระตุ้นให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อนอันเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานด้วย เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ผู้นำด้านเครื่องหอมสำหรับบ้านเกรดพรีเมียมจากประเทศฝรั่งเศส เป็นแบรนด์ที่มีกลิ่นน้ำหอมให้เลือกมากที่สุดกว่า 50 กลิ่น กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน และยังปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง มีการพัฒนานวัตกรรมความหอมบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคุณสมบัติของตะเกียงน้ำหอมที่ช่วยฟอกอากาศให้สะอาดสดชื่น


             ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2567 จัดโปรโมชัน Scents Escape ชวนคุณปลีกตัวจากความวุ่นวายรอบตัว พักผ่อนและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่สร้างขึ้นได้ง่าย ๆ ภายในบ้านด้วยตะเกียงน้ำหอมช่วยฟอกอากาศ คลายร้อนเรียกความสดชื่นทุกเวลา ในราคาสุดพิเศษลดจากปกติ 20% อีกทั้งเมื่อซื้อน้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ขนาด 1 ลิตร รับฟรี น้ำหอมขนาด 500 มิลลิลิตร (มูลค่า 1,190 บาท) ซื้อน้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือน้ำหอมสำหรับเติมก้านกระจายความหอม ขนาด 200 มิลลิลิตร รับฟรี น้ำหอมอีก 1 ขวด (มูลค่า 1,190 – 1,590 บาท) โดยคัดสรรมาในกลุ่มของกลิ่นที่สร้างอารมณ์สดชื่น ผ่อนคลาย ได้แก่ Zest of Verbena, Green Apple, Sandalwood, Lavender Fields, Lolita Lempicka, Ocean Breeze, Cotton Caress, White Cashmere, Summer Rain, Bouquet Liberty

             คุ้มอีกต่อด้วยสิทธิพิเศษ เมื่อซื้อสินค้าครบ 5,000 บาทขึ้นไป รับก้านกระจายความหอม Cube ฟรี 1 ชิ้น สามารถเลือกกลิ่นได้ และเมื่อซื้อสินค้าครบ 8,000 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์แลกซื้อชุดเซ็ตตะเกียงน้ำหอม Essential ที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ในราคาพิเศษ 850 บาท จากปกติ 2,470 บาท

             เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ดำเนินธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท อีโมเซีย กรุ๊ป (Emosia Group) พัฒนานวัตกรรมเครื่องหอมบ้านมากว่า 125 ปี และได้รับตราสัญลักษณ์ EPV (Entreprise du Patrimoine Vivant) จากรัฐบาลฝรั่งเศส แสดงถึงผลิตภัณฑ์ทรงคุณค่าภูมิปัญญาของฝรั่งเศส มีความหลากหลายทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ ได้แก่ ตะเกียงน้ำหอม น้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ก้านกระจายความหอม เทียนหอม เครื่องกระจายความหอมอัตโนมัติ และคลิปน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ พบกับผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับบ้าน เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) พร้อมโปรโมชันที่น่าสนใจได้ที่ร้าน เมซอง แบร์เช่ ปารีส ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ Facebook:MaisonBergerThailand LINE:@maisonbergerthai IG:maisonbergerthailand www.maisonbergerthailand.com, Lazada, Shopee, SabuySoft ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความหอมที่พร้อมให้บริการถึง 10 สาย สอบถามรายละเอียด โทร. 02-672-2088

#MaisonBergerParis #MaisonBergerThailand #CarDiffuser #HomeDecor #น้ำหอมสำหรับรถยนต์ #น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ #HomeFragrance #ตะเกียงน้ำหอม #ก้านกระจายความหอม #เครื่องพ่นกระจายความหอม #เทียนหอม #น้ำหอมสำหรับบ้าน #น้ำหอมสำหรับบ้านสไตล์ฝรั่งเศส #ก้านไม้หอมระเหย #เครื่องหอมคอลเล็กชันเอ็กซ์คลูซีฟ #ไอเดียของขวัญ #ไอเดียของแต่งบ้าน #เครื่องหอมสำหรับบ้าน #บ้านสวยหรูหราด้วยเครื่องหอมจากเมซองแบร์เช่ปารีส #แต่งบ้านให้สวยเหมือนบ้านดารา #บ้านในฝัน #คอนโดหรู
7
ดาต้า เพาเวอร์ สนับสนุนซีรีส์น้ำดีเรื่องใหม่ล่าสุด “Unlock Your Love : รักได้ไหม ? ยัยตัวร้าย” ชูความรักและความปลอดภัยเป็นของคู่กัน ตอกย้ำผู้นำปลั๊กไฟในประเทศประสบการณ์กว่า 40 ปี


              นายอภิสฤษฎิ์ นิรุชทรัพย์รดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไปไกลมากจนหลายคนละเลยในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรอบข้างหรือคนใกล้ตัว โดยเฉพาะเรื่องของความรักที่บางคนยังไม่ค่อยยอมรับในมองมุมที่แตกต่างของความรัก ทำให้อาจเจอปัญหาและส่งผลถึงการดำเนินชีวิตตามมาในอนาคต


              บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด (DATA POWER) เป็นบริษัทผู้ผลิตปลั๊กไฟที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 40 ปี ผู้นำทางด้านคุณภาพสินค้ามาตรฐานที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมาโดยตลอด ล่าสุด ได้สนับสนุน Soft Power ของไทย ผ่านซีรีส์เรื่องใหม่ “Unlock Your Love : รักได้ไหม? ยัยตัวร้าย ตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ลูกค้าภายใต้คอนเซปต์ “ความรักและความปลอดภัยเป็นของคู่กัน” เช่นเดียวกับดาต้าที่ต้องการนำเสนอแง่มุมเชิงบวกให้สังคม โดยเฉพาะเยาวชน ให้ตระหนักร่วมกันซึ่งหลายครั้งคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามเรื่องความปลอดภัย หรือความรักที่หลายคนอาจละเลย มองมุมต่าง ดังนั้นซีรีส์ “Unlock Your Love : รักได้ไหม? ยัยตัวร้าย” คือการปลดล็อคเกี่ยวกับความรักในมุมมองใหม่ เหมือนแบรนด์ดาต้า ที่ต้องการสนับสนุนซีรีส์น้ำดีเรื่องนี้ เพราะซีรีส์เรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องความปลอดภัยด้วย ยกตัวอย่างฉากหนึ่งในซีรีส์ที่จะต้องมีซีนอุบัติเหตุกับปลั๊กไฟ ที่ตัวละครจะต้องจับปลั๊กไฟที่หลุด แต่ด้วยปลั๊กไฟดาต้าที่มีความปลอดภัยสูง สุดท้ายจึงไม่เป็นอะไร


              ซึ่งละครฉากนี้ก็ได้สะท้อนในเรื่องของการละเลยความปลอดภัยใกล้ตัว เช่น การใช้ปลั๊กไฟที่ไม่มีมาตรฐาน มอก. หรือ ไม่ได้มาตรฐาน มอก. 100% อาจส่งผลร้ายตามมาและนำพาความเสียหายที่ประเมินค่ามิได้ สำหรับสินค้าของดาต้าเน้นผลิตปลั๊กไฟคุณภาพรองรับกำลังวัตต์สูงที่สามารถรองรับกำลังไฟได้สูงถึง 3600 วัตต์ โดยเฉพาะรุ่น 16 แอมป์พลัส ดับเบิ้ลโพรเทคชั่น กับรุ่น 16 แอมป์ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีรุ่น 10 แอมป์ที่รองรับไฟสูงถึง 2300 วัตต์ ซึ่งเป็นปลั๊กไฟ มอก. แท้ คุณภาพ 100% ในราคาจับต้องได้ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่มองเห็นโอกาสและร่วมสนับสนุนซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน อาทิ Dreamy Bubble Milk tea ภายใต้ Dreamy brand มารวย สมุนไพร เป็นต้น


              “เราพยายามจับกลุ่มตลาดนิวเจน อายุ 18-25 โดยมีการทำอีสปอร์ตไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงกระแสไอดอลและ LGBTQ ของคนรุ่นใหม่ ที่พูดถึงอิสระเสรีภาพ เพศทางเลือก ความเชื่อ ไลฟ์สไตล์ ดังนั้นปลั๊กไฟดาต้าควรอยู่ในทุกเจน เพราะ D A T A คือ Durability, Anytime, Technology, Anywhere เราเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่สุด ภายใต้ Concept : Data Trusted Power” นายอภิสฤษฎิ์ กล่าว

              สำหรับเรื่องราวของซีรีส์ “Unlock Your Love : รักได้ไหม ? ยัยตัวร้าย” เป็นเรื่องราวที่ความผิดหวังและความเจ็บปวดจากความรักได้พัดพาให้เรนและเลิฟ ต้องโคจรมาเจอกัน เพื่อก้าวผ่านกำแพงความเจ็บปวดและอุปสรรคที่เรนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น โดยมีดีนและเเพท เป็นผู้ช่วยปลดล็อกในการเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองคน รวมถึงปลดล็อคความสัมพันธ์ของตัวพวกเธอด้วย พร้อมตัวละครที่มีบทบาทเข้มข้นอีกมากมาย ที่มาพร้อม ซีนรัก ซีนโรแมนติก ให้คนดูได้ฟิน ได้จิ้นจิกหมอนอย่างหนักแน่นอน พร้อมด้วยนักแสดงนำ “บีมาย จิรัชญา, เนียร์ อินทิรา, ชาช่า ริต์ตา” และ “เค้ก นวพร” รวมถึงนักแสดงลับ “มาตา ภัทริยากร” รับชมได้ทางช่อง GMM25 เริ่ม 11 กันยายนนี้ ทุกวันพุธ เวลา 23.00 น.

              สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ DATA POWER มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Shopee: https://shopee.co.th/datatrustedpower, Lazada: https://www.lazada.co.th/shop/data-power/, Facebook: https://www.facebook.com/datatrustedpower
8
สจล. เตรียมเปิดบ้านครั้งยิ่งใหญ่ KMITL Open House 2024 Digital Life & Smart Campus
พบทุกหลักสูตรที่งาน Dek-D’s TCAS Fair, 27 - 28 เมษายน 2567
เวลา 09.00 - 17.00 น.  ณ Hall EH98 ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค


สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  เชิญผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมชมงานเปิดบ้านครั้งยิ่งใหญ่  KMITL Open House 2024 Digital Life & Smart Campus เปิดรายละเอียดทุกหลักสูตรจากคณะ/ วิทยาลัย/ วิทยาเขต ที่งาน Dek-D’s TCAS Fair 27 - 28 เมษายน 2567 เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร วิทยาลัยเทคโนโลยีนวัตกรรมวัสดุ วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ วิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต วิทยาเขตชุมพรเขตอุดุมศักดิ์

น้องๆ มัธยมเตรียมตัวให้พร้อม ใครที่อยากได้ทริคหรือคำปรึกษาดี ๆ จากรุ่นพี่ และอาจารย์  ห้ามพลาดกิจกรรมเด่นๆ ในงาน อาทิ กิจกรรมสะสม e-stamp ลุ้นแลกของที่ระลึก และKMITL Master Class ให้ไปเรียนฟรีอีก 5 วิชา ที่สำคัญมี e-certificate ให้ทุกคนไปใส่ Portfolio ได้อีกด้วย ผู้สนใจไม่ต้องลงทะเบียน สามารถเดินทางเข้าร่วมงานได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายพบกันที่บูธ VIP และบูธ 49-52 ใหญ่ที่สุด ณ Hall EH98 ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค   

ผู้สนใจติดตามข้อมูลหลักสูตรได้ที่ :
https://curriculum.kmitl.ac.th/
9
"JGAB 2024" จัดเต็มครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน
กับกิจกรรมและโซนจัดแสดงเครื่องประดับสุดพิเศษ
พร้อมต้อนรับนักธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก เริ่ม 1 พ.ค. 67 นี้


Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 หรือ JGAB 2024 งานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับระดับนานาชาติ พร้อมแล้วสำหรับการต้อนรับผู้ประกอบไทยและทั่วโลก ในวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมยกระดับงานให้ยิ่งใหญ่กว่าเคยด้วยไฮไลท์จัดแสดงอัญมณีและเครื่องประดับสุดพิเศษครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียน อาทิ โซนจัดแสดงเครื่องประดับเงิน The Gallery of Thai Silver, ห้องจัดแสดงอัญมณีหายากในรูปแบบ Immersive display 360 องศา Gems Museum Showcase และกิจกรรมประกวด The Next Gem Awards 2024 ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 45,000 บาท พร้อม Showcase แสดงผลงานนักออกแบบหน้าใหม่ และเวทีเสวนาหลากหลายไอเดียพร้อมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ตลอด 4 วันเต็ม


- 1 พ.ค. 2567: ประกาศผลผู้ชนะการประกวด The Next Gem Contest 2024 ภายใต้แนวคิด "Jewellery & Gem: The Spirit of Thai Cultural Treasure" เวทีค้นหานักศึกษาและ Young Designer นักออกแบบเครื่องประดับและอัญมณี ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 45,000 บาท โล่ประกาศเกียรติคุณ และ 5 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกจะได้ร่วมจัดแสดงผลงานในงาน JGAB 2024
- 2 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "โอกาสของธุรกิจเครื่องประดับในตลาดจีนเมืองรอง" โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ นำโดย รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา ประธานหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- 3 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "การใช้ AI สร้างสรรค์ดีไซน์เครื่องประดับให้เป็นจริงได้อย่างไร?" นำเสนอองค์ความรู้ยุคใหม่กับการออกแบบโดยใช้ AI มาประยุกต์สร้างผลงานจริงร่วมกับเทคโนโลยี 3D PRINT และ CNC Model Wax
- 4 พ.ค. 2567: เสวนาหัวข้อ "Understanding Lab-grown gemstone in the market: an update" พัฒนาการของเทรนด์อัญมณีห้องแล็บที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมการนำมาสร้างสรรค์ผลงานตามความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด
- 1, 3 และ 4 พ.ค. 2567: กิจกรรมเวิร์คช็อป "การลงยาสีเย็นเครื่องประดับ" และ "การชุบ ล้าง เครื่องประดับ / ชุบทอง ชุบโรเดียม"



เตรียมความพร้อมเพื่อโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการไทยด้านอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่ต้องการเติบโตและขยายธุรกิจไปสู่ตลาดสากล ในงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน JGAB 2024 พร้อมลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้าได้แล้วที่ https://bit.ly/3wbBlRR พบกัน 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์










หรือดูรายละเอียดและติดข่าวสารเพิ่มเติม ได้ทาง
Website: https://jewellerygemaseanbkk.com
Facebook: https://www.facebook.com/JGABThailand
IG: https://www.instagram.com/jewelleryandgemaseanbangkok/
LinkedIn: https://www.linkedin.com/in/jewellery-and-gem-asean-bkk/
Line: https://lin.ee/cp9sd85
10
หน้าร้อนประเทศไทย แตะ 45 องศา
เปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ อาจเป็นวิธีดับร้อนดีกว่าที่คิด


ที่มักปรากฏตามหน้าสื่อพร้อมสร้าง New High อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองร้อนแบบไทยๆ คงได้แต่ต้องนั่งทำใจ และหาหลากหลายวิธีการมาดับร้อนให้ตัวเอง มีตั้งแต่เปิดพัดลม อาบน้ำ ทานของเย็นๆ จนถึงใช้วิธีที่ได้ผลชะงักที่สุดอย่างการหยิบรีโมตมากดเปิดแอร์เสียให้จบไป

ซึ่งแม้ต้องแลกมากับบิลค่าไฟที่ชวนเหงื่อตกเสียหน่อย แต่ตัวเลขในตลาดเครื่องปรับอากาศ ที่มีแนวโน้มโตทะลุเพดาน (คาดการเติบโต 20% ในปีนี้) ก็ชี้ให้เห็นว่าคนไทยในปี 2024 พร้อมจะควักกระเป๋าเพื่อซื้อแอร์รวมถึงเปลี่ยนแอร์เก่าเป็นเครื่องใหม่อยู่แล้ว โดยข้อดีหลักๆ ที่ชวนให้พวกเราตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น ส่วนใหญ่มาจาก 1. ปัจจัยเรื่องราคาแอร์ถูกลง เมื่อเฉลี่ยกับค่าไฟแล้วคุ้มค่า 2. แอร์ยุคใหม่ มีเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์และติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยลดค่าไฟ 3. แคมเปญลดราคา ผ่อนชำระ ที่มีทางเลือกมาให้ช้อปสบายตลอดหน้าร้อน

และยังมีปัจจัยเรื่องอื่นๆ แล้วแต่ว่าใครจะถูกใจ ซึ่งเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ก็เกี่ยวพันกับเรื่องที่แอร์เก่าๆ ในบ้านเรา สามารถช่วยลดโลกร้อน หรือ Climate Change ได้ (ถ้าได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี) ตัวอย่างที่มีให้เห็นเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เช่น โฆษณาชุด #ดับร้อนไวไปโฮมโปร ที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาความร้อนสุดจะทนไหว วิธีดับร้อนที่ควรจะได้ผลก็ไม่ช่วย เพราะแอร์ตัวเก่าไม่เย็นฉ่ำ โฮมโปรจึงได้นำเสนอแคมเปญดับร้อนไว โดยทำหน้าที่ให้บริการแบบครบจบ และอย่างที่บอกไปคือ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมรักษ์โลกไปพร้อมกันด้วย



จุดเด่นของแคมเปญนี้ คือ ชวนให้ทุกคนนำแอร์เก่า หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า มาเข้าร่วมกับโครงการ #แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ (Trade-In) ที่สามารถแลกข้ามได้ภายในหมวดสินค้าเดียวกัน โดยที่โฮมโปรจะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านลูกค้า ไปจัดการ

ด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยไม่ให้อากาศเมืองไทยร้อนไปกว่านี้ อีกเหตุผลคือ เจ้าของแอร์เก่าจะได้ส่วนลดและเงินคืน รวมแล้วกว่า 14,000 บาท สำหรับการซื้อเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ หรือรวมไปถึงสิทธิข้ออื่นๆ เช่น ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน (ร่วมกับบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อที่ร่วมรายการ)

นอกจากนี้ โฮมโปรยังไม่อยากให้คนไทยต้องฝ่าอุณหภูมิทะลุ 45 องศาเซลเซียส เพื่อเดินทางมาที่สาขา จึงได้ยกแคมเปญไปไว้บนช่องทางออนไลน์ พร้อมๆ กับเตรียมทีมช่าง Home Service ไว้คอยบริการในรูปแบบของ #SameDay เรียกง่ายๆ ว่าสามารถเปลี่ยนแอร์เก่า ซื้อแอร์เครื่องใหม่+ส่วนลด พร้อมส่งถึงบ้าน ติดตั้ง รื้อถอน

แบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และเกิดเป็นบริการที่สะดวกขึ้น รวดเร็วขึ้น ทุกอย่างเสร็จ เย็นฉ่ำภายในวันเดียว ตามชื่อแคมเปญ #ดับร้อนไวไปโฮมโปร นั่นเอง

สุดท้ายนี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ว่า ฤดูร้อนเมืองไทยจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม แต่แบบที่เรารู้กันดีว่าแสงแดดเมืองไทยมักอยู่นอกเหนือการคำนวณ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแอร์เครื่องใหม่จะเป็นวิธีการดับร้อนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจข้อเสนอ #ดับร้อนไวไปโฮมโปร สามารถเลือกใช้บริการได้ที่โฮมโปรและเมกาโฮมทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.homepro.co.th หรือ Call Center 1284
Pages: [1] 2 3 ... 10