Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - pooklook

Pages: 1 ... 104 105 [106] 107 108
1576
ว้าว....สงกรานต์มีที่เทียวละ

1577
 :'(   อันนี้ก็ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ

1578
แผ่นพับนี่ไม่เคยเห็นเลย ::)

1579
แจ่มล้ำ :D

1580
จาก  Forward mail:

> วันนี้ไปซื้อไอติมฮาเก้นดาดแล้วให้เขาใส่น้ำแข็งแห้ง กะสักประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านเพราะ
> ต้องแวะไปซื้อของที่อื่นด้วย ไปได้สัก 1 ชั่วโมงเราก็จอดลงไปซื้อขนมประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้
> ขึ้นมาบนรถเห็นแฟนที่รออยู่บนรถหอบเหนี่อย ก็ไม่อะไรสตาทรถออกมาตามปรกติ เราก็ไม่เอะใจอะไร
> สักพักลูกเรา5เดือนก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา ปรกติเขาไม่เคยร้องแบบนี้ เราก็เอานมให้ลูกกินคิดว่าลูกหิว
> เขาก็ไม่กิน เราเองก็รู้สึกเหนี่อยขึ้นทุกทีคล้ายจะหอบ ก็เลยบ่นกับแฟนว่าเป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกเหนี่
> อยเหลือเกิน แฟนก็เลยบอกว่าเขาก็เป็น ตอนแรกเขาคิดว่าเขาอ้วนเลยเป็นอย่างนั้น เราก็เลยรีบ
> เปิดกระจกรถกันใหญ่ พออากาศถ่ายเทเข้ามาในรถเท่านั้นแป็บเดียวก็เป็นปรกติลูกเราหยุดร้องทันที
> อาการทั้งของเราและแฟนก็หายเป็นปรกติทันที รถเราเป็นรถโตโยต้าวิช มันทะลุถึงกันหมด เพิ่งรู้ว่า
> คนที่จอดรถนอนแล้วตายเป็นอย่างนี้นี่เอง ขอให้เป็นอุทธาหรณ์ของทุกๆคนนะค่ะ สงสารลูกที่สุดเลยค่ะ
> เขาคงทรมานมากพูดก็พูดไม่ได้
> ก้อนน้ำแข็งแห้ง มันคือคาร์บอนไดออกไซด์เพียวๆ เลย ซึ่งจัดว่าเป็นก๊าซอันตรายต่อระบบทางเดินหาย
> ใจค่ะ
>
> เคยได้รับเมลมา เรื่องคล้ายๆกัน ขออนุญาตนำมาแปะนะคะ
>
> เรื่องน่ากลัวค่ะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปไหว้พระบาทกัน ขับรถไปกันเอง
> ป๊าน้องปลื้มเป็นคนขับ ไปกัน 7 คน นั่งตอนละ 2 คน น้องปลื้มก็นั่งคาร์ซี
> ทตอน 2 ไหว้พระเสร็จก็ประมาณบ่าย 2-3 โมง ขากลับหิวข้าวเลยแวะกินสเต็ก(ลือชื่อแถวรังสิต)
>
> ทานเสร็จอาม่าของน้องปลื้มกับอาเหล่าโกว (อาของป๊าน้องปลื้ม) ก็ช็อปปิ้งไอติมกัน แล้วก็ซื้อกลับบ้าน
> ด้วย ทางร้านก็แพคใส่กล่องโฟม มีสติ๊กเกอร์แปะอยู่ 2 ข้างเพื่อไม่ให้ฝาหลุด
>
> ขากลับน้องปลื้มไม่ยอมนั่งคาร์ซีท เลยเอาไอติมวางไว้ที่คาร์ซีท
> แล้วน้องปลื้มก็มานั่งกับเราที่ตอน 3 ระหว่างทางอาม่าก็บอกว่าทำไมรู้สึก
> เหนื่อยจัง เหมือนหายใจไม่ออก แล้วเค้าก็มีอาการหอบ
> ป๊าของน้องปลื้มก็บอกว่าเค้าก็เป็น ทำไมถึงเป็นไม่รู้
>
> คุยกันไม่มานึกว่าเค้า 2 คนกินอะไรเหมือนกันที่คนอื่นไม่ได้กินหรือเปล่า
> เราก็สังเกตุเห็นทำไมน้องปลื้มหายใจแรงจัง หายใจหอบๆ เสียงลมหายใจฟี้ดๆ แล้วน้องปลื้มก็เอานิ้ว
> แคะจมูก เราก็นึกว่ามี ขึ้มูกทำให้หายใจไม่สะดวก
> ก็เลยแคะให้แต่ก็ไม่เห็นมีนี่นา อาม่าของปลื้มก็หอบใหญ่เลย ปลื้มก็หายใจถี่ แรง แล้วก็หอบมากขึ้น
>
> อาเหล่าโกวก็เอะใจถามว่าไอติที่เราซื้อมามีดรายไอซ์หรือเปล่า
>
> มีนะเพราะซื้อ ทุกครั้งเค้าก็แพคให้
>
> เลยถึงบางอ้อ! ค่ะ เพราะดรายไอซ์นี่เอง มันเป็นคาร์บอนไดออกไซค์ รถปิด หน้าต่างเปิดแอร์ ทำ
> ให้ออกซิเจนในรถน้อยลง อากาศไม่ไหลเวียน
> เลยรีบเปิดหน้าต่าง อาการของทั้ง 3 คน หายทันทีเลยคะ
>
> ตกอกตกใจกันไปทั้งรถ มั่วแต่หาสาเหตุอื่นๆ ไม่ได้คิดถึงกล่องไอติมเลย รู้
> ทั้ง รู้ แต่นึกไม่ถึงคะ
>
> ถ้ารถเก๋งวางไว้กระโปรงหลังคิดว่าคงไม่เป็ไร แต่นี่รถ 3 ตอน แถมวางไว้ตรงตอน 2 กลางรถพอดี
> มันก็เลยไหวเวียนอยู่ในรถนั่นแหละ น่ากลัวมากๆเลย
> ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทุกคน หลับกันหมด หรือน้องปลื้มหลับ
> เค้าจะมีอาการแสดงให้เราเห็นหรือเปล่า
>
> ป๊าของน้องปลื้มบอกว่ารู้แล้วว่าคนขาดอากาศหายใจตายเป็นไง รีบเอาดรายไอซ์ทิ้งหมดเลยค่ะ หรือ
> ถ้าแพคใส่กล่องแต่ปิดเทปรอบปากกล่องก็คงดีกว่า
>
> เลยอยากมาเล่าให้พ่อ ๆ แม่ๆฟังกัน เรื่องที่รู้ทั้งรู้นะแต่นึกไม่ถึงว่าจะ
> อันตรายขนาดนี้คราวหน้าคราวหลังถ้าซื้อไอติมมาคงต้องแพคให้หนาแน่นกว่านี้

1581
บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง
เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่า
ภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ
อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น...........
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…   
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….   
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง   

1583
เอ่อ....หนังเรื่องนี้เนี่ยปีไหนคะ ไม่รู้จักอ่ะ

1584
จริงๆ ก็อยากให้ออกมาเป็นขนาดเดียวกันนะจะได้เก็บง่ายๆ
แต่ที่ออกมาเป็นแปลกๆ บางทีก็สวยน่าเก็บดีเหมือนกัน

1585
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งได้เห็นวันนี้แหล่ะ  ;D

1586
น่ารักมากเลยพี่  อยากได้  เท่าไหร่คะ  :o

1587
ไร้สังกัด / Fwd: เกิดที่ night square
« on: March 23, 2009, 06:17:56 PM »
เรียนพี่น้องไทยออยล์ที่รักทุกท่าน
วันนี้ผมอยากจะเล่าประสพการณ์จริงให้กับทุกท่านฟัง เพื่อที่ท่านจะได้ระมัดระวังกันไว้ คือวันที่ 22 มีนาคม 52 เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผมได้พาครอบครัวโดยมีผม ภรรยา ลูกสาวคนโต และลูกสาวคนเล็ก ไปเดินซื้อสินค้าที่ตลาดศรีราชาไนท์สแคว โดยผมได้จอดรถกระบะ วีโก้ 4 ประตูไว้ใกล้ๆกับร้านอาหาร COSMOS  ตรงข้ามกับบริษัท กีฟฟารีน  ซึ่งเป็นสถานที่ไม่เปลี่ยวเลย เมื่อผมและครอบครัวซื้อสินค้าเสร็จโดยใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงกว่าๆ จึงเดินกลับมาเพื่อจะขึ้นรถ แต่ได้แวะซื้อผลไม้ก่อน เมื่อซื้อเสร็จผมได้ปลดล๊อกระบบกันโขมยเพื่อให้สมาชิกครอบครัวได้ขึ้นรถแต่ยังไม่ทันขึ้นรถ ขณะที่ผมไขกุญแจฝาครอบกระบะท้ายเพื่อเก็บผลไม้ อยู่ๆก็มีคนร้ายยื่นกระดาษมาให้หนึ่งแผ่นแล้วคนร้ายก็วิ่งไปล็อกคอลูกสาวคนเล็ก (อายุ 10 ปี)ที่กำลังจะขึ้นรถที่ประตูหลังด้านขวา ( ด้านหลังคนขับ ) พร้อมใช้อาวุธมีดจี้คอเอาไว้ ผมอยู่ท้ายรถผมได้ดูที่กระดาษที่คนร้ายส่งให้ ซึ่งมีข้อความขึ้นต้นว่า “อยู่เฉยๆ” ผมอ่านได้แค่นี้ผมได้ตะโกนว่า โจรจี้ๆ และให้ภรรยาแจ้งตำรวจด้วย  ส่วนผมไปอยู่ทางด้านซ้ายของรถ ขณะนั้นคนร้ายเริ่มเปิดประตูรถแต่ยังไม่ได้ขึ้นรถ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเข้าไปเปิดประตูด้านหลังซ้ายแล้วล้วงเอาอาวุธปืนที่เก็บไว้ในรถออกมาพร้อมขึ้นลำเตรียมยิงทันที เมื่อคนร้ายเห็นว่าผมมีอาวุธปืนจึงได้รีบวิ่งหนีไป และอีก 5 นาทีต่อมาตำรวจจึงมาถึงที่เกิดเหตุ ผมและครอบครัวจึงได้พากันไปแจ้งความ  และต่อไปนี้คือข้อความแบบเต็มๆที่คนร้ายเขียนด้วยดินสอและยื่นให้ผมครับ.
“อยู่เฉยๆ ผมไม่ทำอะไรลูกคุณหรอก แต่ถ้าคุณดัง ผมพร้อมตายพร้อมลูกคุณ ผมแค่อยากเจรจาด้วย เอาโทรศัพท์ส่งมา 1 เครื่อง แล้วอีก 5 นาทีโทรหาผม ผมขอกระเป๋าเงินของพี่ 2 คนด้วย ขอยืมกุญแจรถพี่ด้วย รับรองรถและลูกพร้อมกระเป๋าของพี่จะปลอดภัย ผมกระจายกันอยู่ หากพี่กระโตกกระตาก ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมขอเวลาไม่นาน ขอบคุณ”
และนี่คือประสพการณ์จริงที่อยากจะฝากเตือนพี่ๆน้องๆไทยออยล์ทุกท่านโปรดระมัดระวังด้วยว่าขณะที่ท่านกำลังซื้อสินค้าหรือไปไหนมาไหนอาจมีคนแอบติดตามและจ้องทำร้ายท่านอยู่โดยที่ท่านอาจไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบด้วยความปรารถนาดี
                                                                                           ด้วยรักและห่วงใยทุกท่าน
                                                                                               ธรรมรงค์  ปานโต
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
น่ากลัวจังเลย

1588
ไร้สังกัด / มารยาหญิง
« on: March 23, 2009, 06:12:01 PM »
ผู้หญิงกับผู้ชายขับรถมาชนกันอย่างจัง
โชคดีที่ทั้งสอง ไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างคลานออกมาจากซากรถ
ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่า
หญิงสาวคู่กรณีหน้าตาดีทีเดียว

เธอหันมาบอกเขาว่า
" ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราสองคนจะรอดมาได้ อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสของเราก็ได้"

เธอเจื้อยแจ้วต่อไปว่า
"รถของฉันพังยับทั้งคันแต่ไวน์ขวดนี้ไม่บุบสลายแสดงว่าเราเกิดมาเพื่อคู่กันแน่ ๆ เลยงั้นเรามาดื่มฉลองความรักของเราในอนาคตกันเถอะ"

"ยินดีครับ"
ขายหนุ่มตอบรับด้วยหัวใจพองโต
แล้วดื่มไวน์ไปครึ่งขวด
ก่อนจะส่งคืนให้หญิงสาว

"ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าจะนั่งรอตำรวจเงียบ ๆ ดีกว่า"

จาก www.zidogang.com

1589
นี่คือเรื่องราวสัพเพเหระที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตในที่ทำงานแบบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
อ่านแล้วนำไปพิสูจน์กัน ว่าทำแล้วจะช่วยให้ออฟฟิศของเราน่าอยู่น่าทำงานขึ้นอีกไหม

● หากล่องเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนชิ้นเล็กๆ เช่น คลิปดำหนีบกระดาษ แฟ้มเก็บเอกสาร ที่เข้าสันห่วงแบบกระดูกงู
และคลิปดำหนีบกระดาษให้เป็นที่เป็นทาง เพราะบ่อยครั้งที่มันจะกระจัดกระจายแล้วถูกกวาดลงถังขยะโดยที่สภาพยังดีอยู่
ช่วยเจ้านายประหยัดเงินได้อีกเยอะทีเดียว

● ปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์และปุ่ม Send บนเครื่องแฟกซ์
รวมไปถึงที่จับประตูในห้องน้ำเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคมากที่สุดในที่ทำงาน

● หนุ่มสาวออฟฟิศต้องจำไว้ การดื่มกาแฟ เกินวันละ 300 มิลลิกรัมนอกจากจะมีส่วนทำให้กระดูกพรุนแล้ว
ยังทำให้แก่ก่อนวัยอีกต่างหาก

● ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนาพบว่า มีเชื้อแบคทีเรียอยู่บนโต๊ะทำงาน มากกว่าบนฝารองนั่งในห้องน้ำหลายร้อยเท่า
โดยจำนวนเชื้อโรคบนโทรศัพท์ในออฟฟิศมีเฉลี่ย 25,127 คีย์บอร์ด 3,295 และเมาส์ 1,676 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว
ในทางกลับกัน ฝารองนั่งในห้องน้ำมีเชื้อโรคอาศัยอยู่เพียง 49 ตัวต่อ 1 ตารางนิ้วเท่านั้น สาเหตุมาจากการที่เราละเลย
การทำความสะอาดหลังจากที่เรากินขนมจุบจิบบนโต๊ะทำงานนั่นเอง

● องค์การนาซาการันตีว่า ต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่เราปลูกไว้เพื่อประดับโต๊ะทำงาน เช่น ต้นเยอร์บีรา ต้นเดซี่ ต้นพลูด่าง ต้นกวนอิม
ต้นเบญจมาศ มีประโยชน์มากกว่าการสร้างบรรยากาศให้สวยงาม เพราะสามารถช่วยให้อากาศในที่ทำงานดีขึ้นด้วย โดยการช่วยดูดสารพิษ
จากเครื่องใช้สำนักงาน เช่น สารคาร์บอน สารเบนซิน (มาพร้อมกับหมึกพริ้นเตอร์พลาสติก และยางลบ) ซึ่งช่วยลดอัตราการป่วยของคน
ในออฟฟิศได้ ดูรายชื่อต้นไม้ที่ควรปลูกเพิ่มเติมที่ www.zone10.com

● อย่าทิ้งสติ๊กเกอร์คั่นหน้าหนังสือแบบโพสต์อิท หากคุณเพิ่งใช้มันเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะประสิทธิภาพของกาวยังสามารถนำมาใช้
แปะคั่นหนังสือได้อีก 2 - 3 ครั้ง นี่คือจุดเล็กๆ ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทาง

● ถ้าทุกคนช่วยกันประหยัดกระดาษสำนักงานโดยการนำมารีไซเคิลจะสามารถช่วยชาติประหยัดน้ำได้ถึง 55 เปอร์เซ็นต์
และประหยัดพลังงานมวลรวมภายในประเทศได้มากถึง 60 - 70 เปอร์เซ็นต์

● วิธีการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เพื่อช่วยลดการป่วยเป็นไข้หวัดในที่ทำงานได้ง่ายๆ คือ การหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลัง
จากรับประทานอาหารอย่าขี้เกียจเลยนะ เพราะการล้างมืออย่างตั้งใจใช้เวลาเพียงแค่ 20 วินาที หรือเทียบเท่ากับการร้องเพลงแฮ็ปปี้เบิร์ธเดย์แค่รอบเดียวเท่านั้นเอง

● การดื่มน้ำและกินอาหารมื้อย่อยๆ ในแต่ละวัน ช่วยลดอาการเครียด หงุดหงิด และลดความกังวลจากงานลงได้

● คอมพิวเตอร์เก่าตกรุ่นของออฟฟิศ อย่าทิ้งขว้างให้เป็นของไร้ค่า เพราะตอนนี้เอามาวางขายในตลาดออนไลน์อย่าง www.ebay.co.uk ได้แล้ว

● สองวิธีช่วยลดการใช้กระดาษในสำนักงาน จากเว็บไซต์ www.thegreenworkplace.com

1. ลองปรับเครื่องพริ้นเตอร์ให้เป็นแบบ Double–sided ซึ่งสามารถพริ้นต์เอกสารออกได้ทั้งสองด้านในแผ่นเดียว ภายใน 1 เดือน
จะลดการใช้กระดาษได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์
2. ปรับระยะขอบกระดาษใน Microsoft Word เป็น 1/4 นิ้ว จากเดิมที่เคยตั้งค่ามาตรฐานไว้ 1 นิ้วทุกด้าน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการพิมพ์


● มีการสำรวจจากประเทศอังกฤษมาแล้วว่า ถ้าหนุ่มสาวออฟฟิศทุกคนในประเทศลดการใช้ลูกแม็กซ์เพียงวันละ 1 ตัว
แล้วหันมาใช้คลิปหนีบกระดาษที่นำกลับมาใช้ต่อได้เรื่อยๆ จะช่วยลดการใช้เหล็กในการผลิตลูกแม็กซ์ได้มากถึง 120 ตันต่อปีเลยทีเดียว

● หากป่วยเป็นไข้หวัด อย่าลังเลในการใช้สิทธิลาป่วย เพราะทุกครั้งที่คุณจาม เชื้อไวรัสจะกระจายไปทั่วห้องทำงานและมีชีวิตอยู่ได้ 3 วัน
เป็นการแพร่เชื้อให้เพื่อนร่วมงานแบบไม่รู้ตัว และน่ากลัวเป็นที่ซู้ด

● รายงานของสถาบันวิจัยด้านสุขอนามัยจากอเมริกาบอกไว้ว่า เพียงสละเวลาแค่ 5 - 10 นาทีในแต่วัน เพื่อเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทำงาน
ให้สะอาดเอี่ยมโดยการใช้กระดาษทิชชูเปียก (Wipe) หรือสำลีชุบแอลกอฮอล์ ก็ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

[~ Zido Gang ~]

1590
> | 1.อย่าสูบบุหรี่!! |
> | จากผลการทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า |
> | การสูบบุหรี่หลังอาหาร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10 มวน |
> | (ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น ซึ่งสูบปกติก็มีโอกาสเป็นอยู่แล้ว) |
> | |
> | 2. อย่ากินผลไม้ทันทีหลังอาหาร !! |
> | เพราะมันไปพองในท้องคุณ |
> | ให้กินผลไม้ 1 หรือ 2 ชม. ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้จะดีกว่า |
> | |
> | |
> | 3. อย่าดื่มน้ำชา !! |
> | เพราะว่าใบชามีความเป็นกรดสูง |
> | ทำให้โปรตีนในอาหารที่เรากินกระด้างขึ้นทำให้ย่อยยาก |
> | |
> | 4. อย่าขยายเข็มขัดหลังกินอิ่ม !! |
> | เพราะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ปกติ |
> | |
> | |
> | 5. อย่าอาบน้ำหลังกินข้าว !! |
> | เพราะการอาบน้ำ จะทำให้โลหิตไหลเวียนไปที่มือ และเท้าทั่วร่างกาย |
> | เป็นเหตุให้ปริมาณโลหิตไหลเวียนบริเวณท้องก็เพิ่มขึ้น |
> | ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ |
> | |
> | 6. อย่าเดินหลังอาหาร !! |
> | แม้คุณจะเคยได้ยินว่า |
> | กินข้าวแล้วให้เดินสัก 100 ก้าวจะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี !?! |
> | การเดินทันทีทำให้การย่อยเพื่อดูดซึมสารอาหารทำได้ไม่ดี |
> | ควรรออย่างน้อยสักชั่วโมงค่อยเดินถ้าต้องการ |
> | |
> | |
> | 7. อย่านอนทันที !! |
> | อาหารที่รับประทานเข้าไปไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ |
> | อาจทำให้เกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหาร |


Thank:[~ Zido Gang ~]

Pages: 1 ... 104 105 [106] 107 108