Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - news

Pages: 1 ... 242 243 [244] 245 246 ... 301
3646
3 หน่วยงานเอ็ตด้ารับใบรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ย้ำความน่าเชื่อถือผู้พัฒนา Soft Infrastructure ของประเทศ









03 พฤศจิกายน 2559 – 3 หน่วยงานภายใต้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รับใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Management Systems) ISO 27001:2013 ตอกย้ำภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือองค์กรในฐานะผู้พัฒนา Soft Infrastructure เพื่อการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับองค์กรทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ และเพื่อรองรับแผนเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม

สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า 3 หน่วยงานที่ได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับการพัฒนาระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศครั้งนี้ ได้แก่ ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือไทยเซิร์ต (ThaiCERT) ศูนย์ดิจิทัลฟอเรนสิกส์ (Digital Forensics Center) และหน่วยงานผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (Thailand Root Certification Authority: Thailand NRCA) ที่ต่างมีบทบาท และหน้าที่ในการสอดส่องด้านความปลอดภัย ตลอดไปจนถึงให้บริการเพื่อรองรับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่องค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐ และเอกชน อย่างมั่งคงปลอดภัย

ISO/IEC 27001 คือมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งองค์กรจะต้องกำหนดและปรับปรุงเกณฑ์ความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ พร้อมทั้งวางมาตรการการจัดการความเสี่ยง เลือกวิธีการควบคุมและจัดการความเสี่ยง เพื่อลดโอกาสและปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร รวมทั้งจัดการระบบความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 คือการเน้นย้ำความสำเร็จในการทำงาน และการวางรากฐาน Soft Infrastructure รวมถึงความน่าเชื่อถือของหน่วยงานทั้งสามภายใต้การดูแลของเอ็ตด้า ที่ดำเนินงานด้วยการคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ ทั้งขององค์กร และของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐ และเอกชนเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ พร้อมกับป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยทางด้านสารสนเทศ สอดคล้องกับการผลักดันให้ประเทศไทยไปสู่การเป็น SMART Thailand ตามกรอบนโยบาย ICT 2020 อีกด้วย” สุรางคณา กล่าว

ทั้งนี้ ไทยเซิร์ต มีหน้าที่ในการยกระดับความพร้อมเพื่อรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ที่มีต่อภาคธุรกิจ การค้า การเงิน การลงทุน อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ศูนย์ดิจิทัลฟอเรนสิกส์ คือหน่วยงานที่ให้บริการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลเพื่อใช้ในกระบวนการยุติธรรมให้แก่หน่วยงานด้านกฎหมาย และอื่น ๆ ภายนอก ขณะเดียวกัน หน่วยงานผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ Thailand NRCA คือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ National Root CA ในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ รวมทั้งสามารถตรวจสอบลายมือชื่อดิจิทัลหรือตรวจสอบใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกจากผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Certification Authority: CA) ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่รองรับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขอบเขตครอบคลุมมิใช่แต่เพียงการซื้อขาย การให้บริการ หรือการจ้างแรงงาน การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังรวมไปถึงการให้บริการของรัฐทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือในงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ การให้บริการด้านระบบ National Single Window ของระบบ e-Logistics และการให้บริการด้านสาธารณสุขทางออนไลน์ในระดับชาติ (National Healthcare)

3647
โปรโมชั่นบูธเอซุสในงาน Commart Work 2016



ทางเอซุสขอแจ้งแก้ไขราคาของโน้ตบุ๊ก ASUS ROG G752VS-GC150T (สเปครุ่นมุมขวาบน ของในหน้าเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก) ในตัวเลขจากราคาโปรโมชัน 64,990 บาท แก้ไขเป็น 94,990 บาทครับ
 
พร้อมกันนี้ ผมขอแนบไฟล์ PDF ที่ทำการแก้ไขข้อมูลแล้วให้อีกครั้งนะครับ และสามารถดาวน์โหลดไฟล์ฉบับเต็มได้จากในลิ้งค์นี้ครับ

https://drive.google.com/file/d/0B2aNst3IEr-uRUVSbGdNT0dJTGc/view

3648
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ชวนคนไทยติดตั้งเบรกเกอร์กั นไฟดูด ไฟช็อต ลดภัยจากไฟฟ้า
 


ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ชวนประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นของการติดตั้งอุปก รณ์กันไฟดูดประจำบ้านเรือน ที่ช่วยป้องกันอันตรายร้ายแรงจา กกระแสไฟฟ้ารั่ว ไฟช็อต ไฟเกิน เพื่อลดการบาดเจ็บการสูญเสียชี วิตและทรัพย์สิน พร้อมเผยการใช้ตู้คอนซูเมอร์ยู นิต และเซอร์กิตเบรกเกอร์กันไฟดูดที่ ดีควรเลือกแบบตัดไฟได้เฉพาะจุด เพราะง่ายในการค้นหาความผิดปกติ สะดวก ไฟฟ้าไม่ดับทั้งบ้าน และไม่ควรปรับไดเร็ค หากยังไม่ทราบสาเหตุ

ตัวเลขสถิติเกี่ยวกับไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย กรุงเทพมหานคร พบว่า ช่วง ระหว่างวันที่ 13 มี.ค.-26 มี.ค. 59 เพียงไม่กี่วัน พบว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้า ลัดวงจร จำนวน 20 ครั้ง หากย้อนหลังไป จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในรอบ 4 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2550-2554 พบว่าจำนวนผู้ได้ รับบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกไฟฟ้า ดูดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูด 1,173 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 120 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟฟ้า ดูดมีตั้งแต่อายุ 1 ขวบถึง 90 ปี ผู้ที่บาดเจ็บจากการถูกไฟฟ้าดูด ส่วนใหญ่จะมีอาการช็อก หมดสติ คิดเป็นร้อยละ 45 อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุ ดคือมือและข้อมือร้อยละ 35 รองลงมาคือศีรษะและคอร้อยละ 16

ไฟฟ้าอยู่รอบตัวเรา เพียงแต่เราไม่สามารถมองเห็น จึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่ าเราจะสัมผัสโดนไฟฟ้าเมื่อใด จึงต้องพึ่งพาอุปกรณ์ที่จะช่วยใ นเรื่องการจัดการไฟฟ้าที่ดีที่สุ ด และปลอดภัยที่สุดมาไว้ประจำบ้าน   ซึ่งโดยปกติแล้วบ้าน ที่พักอาศัยมักเป็นที่ละเลยในกา รดูและเรื่องความปลอดภัยจากไฟฟ้ าอย่างเท่าที่ควรจะเป็น อาจเป็นเพราะการใช้ชีวิตอย่ างเร่งรีบในเมือง หรือการใช้ชีวิตอย่างคุ้นเคย และคิดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บ้านบางหลังสร้างมานาน อาจการติดตั้งอุปกรณ์ยังเป็นคัต เอาต์ที่อาจจะเสื่อมสภาพแล้ว ฟิวส์ไม่ตัดเมื่อเกิดเหตุ สายไฟที่หมดอายุการใช้งาน โดยปกติอายุการใช้งานจะประมาณ 15 -20 ปี หากตากแดด อายุอาจจะเหลือเพียง 10 ปี ดังนั้นเมื่ออุปกรณ์เหล่านี้หมด อายุ จึงควรเปลี่ยน เพราะอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือ ไฟช็อต จนเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องสายไฟนับว่าเ ป็นปลายทาง แต่ตู้ไฟ หรือที่รู้จักกันในวงการไฟฟ้าว่ าตู้คอนซูเมอร์ยูนิต และเบรกเกอร์นั้นนับเป็นเรื่ องสำคัญที่สุด ที่ช่วยปกป้องเราได้จากไฟฟ้า

นายสุรเชษฏ์ บุญยศักดิ์เสรี ผู้อำนวยการธุรกิจค้าปลีก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า การเลือกตู้คอนซูเมอร์ยูนิต หรือ ตู้ไฟในบ้านเป็นเรื่องสำคัญอั นดับต้นๆ ในการสร้างบ้าน เพราะคือการออกแบบระบบไฟฟ้าเพื่ อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ให้กับผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้ น เจ้าของบ้านควรเลือกขนาดตู้ไฟที่ มีขนาดสัมพันธ์กับบ้าน ทั้งจำนวนห้อง จำนวนอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงที่คว รติดตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น ปั๊มน้ำ เต้ารับไฟฟ้าในห้องน้ำ หน้าห้องน้ำ อุปกรณ์ไฟฟ้านอกอาคาร ที่อยู่ในที่ชื้นแฉะ และตากฝน กระทั่งกริ่งไฟฟ้าหน้าบ้าน  ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้เสี่ยงต่อการเ ปียกน้ำ และอยู่ใกล้น้ำ ที่เป็นตัวนำไฟฟ้า จึงมีโอกาสที่ผู้ใช้จะถูกไฟดูดไ ด้ หรือแม้กระทั่งปลั๊กไฟ ที่เด็กอาจจะเอานิ้วไปแหย่อย่าง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือ มอเตอร์สำหรับม่านไฟฟ้า ที่เสี่ยงต่อการช็อตจนเกิดเพลิง ไหม้ได้ อุปกรณ์เหล่านี้ ควรมีการติดตั้ง “เบรกเกอร์กันไฟดูด ไฟช็อต ไฟเกินด้วย อาจจะที่ตู้ไฟเลย หรือตามจุดต่างๆ ” เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เบรกเกอร์จะทำการตัดไฟให้เรา อย่างเบรกเกอร์ลูกย่อยกันไฟดูด ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะมีแถบแสดงสถานะเมื่อเกิดเหตุ ไฟรั่ว ไฟช็อต ไฟเกิน จะตัดไฟในเวลาเพียง 0.04 วินาที และเมื่อไฟตัด ไม่ควรเปิดการทำงานของเบรกเกอร์ ในทันทีควรหาสาเหตุการตัดไฟให้พ บก่อน สำหรับของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะไม่มีการปรับไดเร็ค ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยอย่ างแท้จริง โดยให้ผู้อยู่อาศัย หรือช่างสามารถดำเนินการแก้ไขที่ ต้นเหตุก่อน สำหรับบ้านที่ติดตั้ง   เบรกเกอร์กันไฟดูดแบบลูกย่อย ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค อย่างถูกวิธี ไฟจะไม่ดับทั้งบ้าน จะดับเพียงแค่จุดที่เบรกเกอร์ตั ดเท่านั้น ส่วนห้องอื่นๆ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ มั่นใจได้ว่ายังคงทำงานได้ปกติ ที่เป็นแบบนี้เพราะเรามองว่า เป็นการป้องกันอุบัติเหตุจากควา มมืด เมื่อไฟฟ้าถูกตัด และสามารถหาสาเหตุการตัดได้ง่าย จากส่วนที่เชื่อมต่อ รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลั งทำงานอยู่ หากมีการตัดไฟโดยกะทันหันหลายๆค รั้ง อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพเร็วก ว่าการปิดโดยปกติ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การเลือกใช้ชุดเบรกเกอร์ ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยชีวิตเรา แต่ยังรวมไปถึงการยืดอายุ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย

สำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค การช่วยให้คนไทยสามารถใช้ชีวิตโ ดยไม่ต้องกังวลเรื่องภัยจากไฟฟ้ าถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นพันธ กิจที่สำคัญ “โครงการคนไทยปลอดภัยจากไฟดูดที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทำมาในแต่ละปี ถือเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรั บชไนเดอร์ อิเล็คทริค เรารู้สึกยินดีแม้เป็นเพียงส่วน หนึ่ง ที่พอจะให้ความรู้ และเทคโนโลยี การที่จะให้บ้านเรือนมีสถิติ ไฟดูด ไฟช็อต ลดลงหรือเป็น 0 ได้นั้น ส่วนที่เหลืออยู่ที่ผู้ใช้ไฟฟ้า ทุกคน จะต้องทำความเข้าใจเรื่องไฟฟ้า และให้ความสำคัญ เพราะ เมื่อไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อมีความผิดปกติขึ้นมา เราจำเป็นต้องเซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่มีมาตรฐาน และมีคุณภาพสูง ช่วยให้เราสามารถรู้ความผิดปกติ “แบบเฉพาะจุด” จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาไปได้ง่าย และสะดวก อย่างปลอดภัย” นายสุรเชษฎ์ กล่าวทิ้งท้าย

3649
สวทช. ขอเชิญร่วมสัมมนา ฟรี!! “ตอบโจทย์ความคิด : ทำธุรกิจเชิงรุกยุคดิจิทัล”

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ขอเชิญผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มอุตสาหกรรมไม้ อุตสาหกรรมสินค้าไลฟ์สไตล์ ตลอดจนผู้สนใจ เข้าร่วมสัมมนา ฟรี!!! ในหัวข้อ “ตอบโจทย์ความคิด : ทำธุรกิจเชิงรุกยุคดิจิทัล” ในวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.00 - 16.00 น. ณ ห้องกินรี 1 โรงแรมอมารี ดอนเมือง กรุงเทพฯ งานนี้ผู้เข้าสัมมนาจะได้รับฟังแนวทางการทำธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเน้นการปรับทัศนคติและปรับตัวทางการตลาดของ SMEs อุตสาหกรรมไม้ ให้เข้ากับยุคดิจิทัล พร้อมรับฟังแนวทางการทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ที่จะช่วยให้ SMEs พร้อมในเรื่องข้อมูลสำหรับทำธุรกิจในตลาดดิจิทัล ด่วน! รับจำนวนจำกัดเพียง 50 ท่าน เท่านั้น ลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ http://www.nstda.or.th/pizza-model หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2564 7000 ต่อ 1301

3650
Ben Q ยกขบวนสินค้า ร่วมงาน  "COMMART  WORK  2016"



Ben Q  ยกขบวนสินค้าราคาพิเศษร่วมงาน  “COMMART  WORK  2016” พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับงาน  Commart  Work  2016 เปิดตัวจอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับคอเกมส์  XL2735  ราคาเพียง 26,900 บาท  ( ปกติ 29,900บาท )  และจอรุ่น XL2411 พิเศษเฉพาะในงานเพียง 8,900 บาท ( ปกติ 9,900 บาท )  พร้อมรับฟรี!!  Central Gift  Voucher  มูลค่า 2,000 บาท  เมื่อซื้อจอมอนิเตอร์สำหรับช่างภาพมืออาชีพ รุ่น SW2700PT  แล้วพบกันได้ที่บูธ  J.I.B. Computer  ห้อง PLAZA HALL และบูธ  Advice บริเวณหน้ายักษ์ทางเข้า Plenary Hall  ระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายน 2559  เวลา 10.00 – 20.00 น.  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BenQ (Thailand) Co., Ltd. โทรศัพท์ 02-670-0310 ต่อ 116   ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.30 น.

3651
ปฏิทินข่าวเปิดรับสมัครโครงการJUMC WoW 4



สมาคมนิสิตเก่า เอ็มบีเอ  คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชิญชวนผู้บริหารและนักธุรกิจรุ่นใหม่ อายุไม่เกิน 35 ปี ที่สนใจหาแรงบันดาลใจและไอเดียต่อยอดในการทำธุรกิจ ร่วมสมัครเรียนโครงการ JUMC WoW 4 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sharing and Networking Lead to the Future” หลังประสบความสำเร็จมาแล้ว 3 รุ่น โดย JUMC WoW รุ่นที่ 4 นี้ จะมุ่งให้ผู้เรียนต่อยอดประสบการณ์การบริหารจัดการธุรกิจ เน้นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้เรียน วิทยากร โค้ช และกรรมการโครงการฯ รวมถึงการดูงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตนเอง ทั้งด้านบุคลิกภาพ ศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และสายสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันจนเกิดเป็นมิตรภาพที่สามารถต่อยอดไปยังเรื่องต่างๆ ในอนาคต

ผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯสมัครได้ที่ www.jumc.in.th/jumcwow หรือ www.facebook.com/jumcwow/ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนถึงวันที่ 14 มกราคม 2560

3652
เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยผลวิจัย 83%ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น รู้สึกเหมือนโดนคุกคามจาก สตาร์ทอัพ

เริ่มเห็นเค้าลางวิกฤติดิจิทัล 1ใน 2ของผู้นำ กลัวว่าดิจิทัลสตาร์ทอัพจะทำให้ธุรกิจของตนตกยุคภายใน 3-5ปี


ประเด็นข่าวที่น่าสนใจ
•   58% ของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ยังไม่รู้ว่าอุตสาหกรรมของตนจะเป็นอย่างไรในอีก 3 ปีข้างหน้า (48% ของทั่วโลก)
•   83% ของธุรกิจมองว่าดิจิทัลสตาร์ทอัพคือการคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นเวลานี้ หรือในอนาคต (78% ของทั่วโลก)
•   ประมาณ 6 ใน 10 ของธุรกิจไม่สามารถตอบสนองความต้องการระดับสูงของลูกค้าได้
•   ในทั่วโลก มีเพียง 5% ของธุรกิจเท่านั้น ที่สามารถจัดระดับการเป็น “ผู้นำด้านดิจิทัล”
•   77% ยอมรับว่าการเปลี่ยนโฉมสู่ดิจิทัลน่าจะแพร่หลายมากยิ่งขึ้น(73% ของทั่วโลก)

ข้อความสำหรับทวีต:งานวิจัยใหม่โดย @Dell: 4 ใน 5 ของภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นรู้สึกถึงการโดนคุกคามโดยดิจิทัลสตาร์ทอัพ http://bit.ly/2dfPNg3 #DigitalTransformation



กรุงเทพฯ – 01 พฤศจิกายน 2559 – 83 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เชื่อว่าดิจิทัลสตาร์ทอัพ ดูจะเป็นการคุกคามองค์กร ไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคต สอดคล้องตาม ผลวิจัยใหม่จากเดลล์ เทคโนโลยีส์ ที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้  ปรากฏการณ์ครั้งนี้ นับเป็นการขับเคลื่อนบริษัทที่มีนวัตกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมเป็นตัวเร่งไปสู่การสิ้นสุดของธุรกิจอื่นที่ไม่มีนวัตกรรม  กว่าครึ่ง(52%) ของธุรกิจที่เข้าร่วมการสำรวจกลัวว่าตัวเองจะตกยุคภายใน3 ถึง 5 ปีข้างหน้าจากการแข่งขันกับบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพที่ถือกำเนิดจากดิจิทัล (45 % ทั่วโลก)

บางบริษัทรู้สึกว่าโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัสจากย่างก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้  6 ใน 10 (61%) ของผู้นำธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น มีประสบการณ์ในการปฏิรูปครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมในช่วง3 ปีที่ผ่านมาอันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT ส่วนอีก 58 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจในภาคพื้นดังกล่าวยังมองไม่ออกว่าอุตสาหกรรมจะเป็นอย่างไรต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า

ซึ่งข้อความข้างต้นเป็นผลที่ได้มาจากการสำรวจที่จัดทำโดย Vanson Bourneซึ่งทำการสำรวจผู้นำธุรกิจ 4,000 ราย จากองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ ครอบคลุม 16 ประเทศและ 12 อุตสาหกรรม

“อิทธิพลจากการปฏิวัติทางดิจิทัลนำไปสู่การทลายกำแพงระหว่างอุตสาหกรรม และด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทั้งภาครัฐบาลและเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เราได้เห็นว่ามีดิจิทัลสตาร์ทอัพเกิดขึ้นมากมาย” อมิต มิดาห์ ประธานฝ่ายธุรกิจคอมเมอร์เชียลประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ อีเอ็มซี กล่าว “ความล้มเหลวในการคิดค้นนวัตกรรมจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบรรดาธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัล”

ความก้าวหน้าที่ยังไม่ลงตัว หรือเค้าลางของวิกฤติดิจิทัล
คงไม่ใช่การกล่าวเกินเลย หากจะพูดว่าความก้าวหน้ายังไปไม่ทั่วถึงเพราะบางบริษัทแทบจะยังไม่ได้เริ่มปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลเลย  หลายบริษัทใช้วิธีการค่อยๆเริ่มทีละนิดมีเพียงไม่กี่องค์กรที่ก้าวไปสู่จุดของการปฏิรูปสู่ดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ มีเพียงแค่หนึ่งในสามของธุรกิจทั้งหมดที่ร่วมการสำรวจเท่านั้นกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดีในการสร้างส่วนสำคัญสำหรับธุรกิจดิจิทัล  ในขณะที่ในอีกหลายธุรกิจ มีเพียงบางฟังก์ชั่นขององค์กรเท่านั้นที่มีการคิดและทำงานในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งส่วนใหญ่ (77%) ยอมรับว่าการปฏิรูปสู่ดิจิทัลควรทำให้ครอบคลุมทุกส่วนงานทั่วทั้งองค์กร

มีถึง6 ใน 10 บริษัทที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าในระดับสูงได้ เช่นความต้องการระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นและช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงทั้งข้อมูลและการบริการตลอดเวลาแบบ 24/7 ได้รวดเร็วขึ้น และเกือบสองในสาม (65%) ยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการแบบอัจฉริยะได้ในลักษณะเรียลไทม์

“ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ และด้วยความคาดหวังของลูกค้าว่าจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการเฉพาะ เหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนโฉมสู่ยุคดิจิทัลเพื่อให้ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางการแข่งขันได้  แม้ว่าธุรกิจทั่วภูมิภาคกำลังเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว แต่ตอนนี้นับเป็นช่วงเวลาที่ต้องเร่งเดินไปสู่การปฏิรูปดิจิทัล โดยเริ่มต้นด้วยการปฏิรูปไอที” เดวิด เว็บสเตอร์ ประธานฝ่ายธุรกิจเอ็นเตอร์ไพร์ซประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เดลล์ อีเอ็มซี กล่าว “ด้วยความต้องการด้านผลิตภัณฑ์และการบริการยุคดิจิทัลในรูปแบบใหม่ๆมีเพิ่มมากขึ้น หมายถึงการเพิ่มขึ้นของทั้งจำนวนผู้ใช้และข้อมูลในปริมาณมหาศาล ฉะนั้นการมุ่งเน้นที่การปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยรวมถึงการลงทุนเพื่อด้านทักษะการพัฒนาซอฟต์แวร์ จึงเป็นหัวใจหลักสำหรับธุรกิจที่ต้องการมอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

ดัชนีการเปลี่ยนโฉมสู่ดิจิทัลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ สอดคล้องกับผลวิจัยและจัดอันดับบริษัททั่วโลกบนพื้นฐานข้อมูลด้านการรับรู้ของผู้ตอบการสำรวจในเรื่องประสิทธิภาพด้านการปฏิรูปองค์กรของตนไปสู่ดิจิทัล ทั้งนี้จากตัวชี้วัด มีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจใน 16 ประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจนก้าวสู่กลุ่มผู้นำด้านดิจิทัล ในขณะที่มีธุรกิจอีกเกือบครึ่งหนึ่งที่ถือว่าล้าหลัง

1.   ผู้นำด้านดิจิทัล (Digital Leaders) 5 เปอร์เซ็นต์ การพลิกโฉมสู่ดิจิทัลถูกฝังแน่นอยู่ในดีเอ็นเอของธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ
2.   ผู้นำดิจิทัลมาใช้ (Digital Adopters)14 เปอร์เซ็นต์ มีแผนงานดิจิทัลที่ชัดเจน มีการลงทุนและมีนวัตกรรมในองค์กร
3.   ผู้ประเมินดิจิทัล (Digital Evaluators)34 เปอร์เซ็นต์ ระมัดระวัง และค่อยๆตอบรับการปฏิรูปสู่ดิจิทัล มีการวางแผนและการลงทุนเพื่ออนาคต
4.   ผู้ตามดิจิทัล(Digital Followers)32 เปอร์เซ็นต์ ลงทุนด้านดิจิทัลน้อยมาก และมีแนวโน้มว่าอาจจะเริ่มวางแผนสำหรับอนาคต
5.   ผู้ตกกระแสดิจิทัล(Digital Laggards)15 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีแผนงานด้านดิจิทัล มีการลงทุนและความริเริ่มที่ค่อนข้างจำกัด

แผนฟื้นฟูสู่ดิจิทัล
เรื่องของการคุกคามจากการปรับโฉมธุรกิจที่เกิดขึ้นฉับพลันนั้น บรรดาธุรกิจในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นกำลังเริ่มหาทางแก้ไข และเพื่อเดินหน้าไปสู่การปฏิรูปทางดิจิทัล

•   78 เปอร์เซ็นต์ เห็นพ้องว่าธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารจัดการเทคโนโลยีได้จากศูนย์กลางเป็นอันดับหนึ่ง
•   70 เปอร์เซ็นต์ กำลังวางแผนลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีและความเป็นผู้นำเรื่องทักษะทางดิจิทัล
•   73 เปอร์เซ็นต์ กำลังขยายขีดความสามารถด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์

ผลจากการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น พบว่า การลงทุนด้านไอทีหลักที่มีการวางแผนภายใน 3 ปีข้างหน้าได้แก่
1.   ระบบวิเคราะห์ บิ๊กดาต้า และระบบประมวลผลข้อมูล (Analytics, big data and data processing)(ตัวอย่างเช่น Data Lakes)
2.   ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบควบรวม (Converged infrastructure)
3.   เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงเป็นพิเศษ (Ultra-high performance technologies)(ตัวอย่างเช่น แฟลช)
4.    เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things technologies)

นอกจากนี้ มีหนึ่งในสาม จนถึงสามในสี่ของธุรกิจ ที่สร้างงบกำไรขาดทุนด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (34%) กำลังเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทสตาร์ทอัพ เพื่อนำโมเดลที่ใช้นวัตกรรมแบบเปิดกว้างมาใช้ (34%) มีการแยกส่วนธุรกิจออกมาจากบริษัทเดิม (31%) หรือตั้งใจที่จะเพิ่มทักษะและนวัตกรรมที่ต้องการโดยการควบรวมกิจการ (27%)  มีเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ ที่วัดความสำเร็จจากจำนวนสิทธิบัตรที่จด และเกือบครึ่ง (46%) กำลังผนวกเอาเป้าหมายด้านดิจิทัลรวมไว้ในวัตถุประสงค์การดำเนินงานของทุกแผนกงานและเป้าหมายของพนักงาน

“การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล เป็นผลมาจากการผสานพลังของเทคโนโลยีที่หลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมที่มีการยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เข้าใจถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีที่มีต่อธุรกิจ แต่ยังเข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างอนาคตขององค์กรเอ็นเตอร์ไพร์ซ” แดเนียล นิวแมน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวิจัย Futurum Researchกล่าว “ผู้นำระดับสูงทุกคนที่กำลังมองว่าจะลงทุนเพื่อเปลี่ยนโฉมองค์กรสู่ดิจิทัล ต้องเข้าใจถึงภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมและเข้าใจว่าเทคโนโลยีจะนำพาธุรกิจไปสู่อีกขั้นได้อย่างไรเพื่อให้ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางการแข่งขันได้”

เกี่ยวกับเดลล์ เทคโนโลยีส์
เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะที่มอบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและสำคัญในการสร้างอนาคตดิจิทัลให้แก่องค์กรธุรกิจ ทั้งเปลี่ยนรูปแบบของไอที และให้การปกป้องข้อมูลที่ถือเป็นสินทรัพย์สำคัญ เดลล์ เทคโนโลยีส์ให้การดูแลสนับสนุนลูกค้าทุกขนาดองค์กรใน180ประเทศ - เริ่มตั้งแต่ 98 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่จัดอันดับใน Fortune 500 ไปจนถึงลูกค้ารายย่อย – ด้วยสายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดตั้งแต่ปลายทางสู่ส่วนกลางตลอดจนคลาวด์

เกี่ยวกับแวนสัน บอร์น
แวนสัน บอร์นเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระในการทำวิจัยด้านการตลาดสำหรับภาคเทคโนโลยี ชื่อเสียงขององค์กรมาจากการวิเคราะห์ที่มีพื้นฐานจากงานวิจัยที่แข็งแกร่ง และน่าเชื่อถือ ซึ่งมีรากฐานอยู่อยู่บนหลักการในการทำวิจัยอย่างถูกต้องแม่นยำ และความสามารถในการแสวงหาความคิดเห็นจากผู้มีอำนาจการตัดสินใจในระดับอาวุโสทั้งในฟังก์ชันการทำงานทั้งในด้านเทคนิค และธุรกิจ ในทุกภาคธุรกิจ และในทุกตลาดสำคัญต่างๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมที่ www.vansonbourne.com.

3653
ภาพข่าว : งาน “Connect 2016” พลิกโฉมอุตสาหกรรมมาสู่ยุค 4.0



มร.เดวิด ออกาซ (ซ้าย) รองประธานอาวุโส ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ชไนเดอร์ อิเล็คทริค และ มร.แมทธิว กอนซาเลซ (ขวา) รองประธาน หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย









โชว์เคสนวัตกรรมทั้งอุปกรณ์ - ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ควบคุมด้วยระบบออโตเมชั่น



ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดงาน “Connect 2016”  งานแสดงนวัตกรรมโซลูชันด้านความปลอดภัย และระบบควบคุม รวมถึงกระบวนการอัตโนมัติ ที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางความคิด และนวัตกรรมสำหรับภาคอุตสาหกรรม นับเป็นการพลิกโฉมวงการ มาสู่ยุค Industry 4.0 ได้อย่างล้ำหน้าก่อนใคร ด้วยเทคโนโลยี IIOT (Industry Internet of Things) ที่ช่วยประสานการทำงานระหว่างระบบปฏิบัติการ และไอทีมารวมกัน ช่วยให้สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ได้ทั้งหมด และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความแม่นยำ รวดเร็ว และคาดการณ์ได้ นำโดย มร.เดวิด ออกาซ (ซ้าย) รองประธานอาวุโส ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ชไนเดอร์ อิเล็คทริค และ  มร.แมทธิว กอนซาเลซ (ขวา) รองประธาน หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนมิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา เมื่อเร็วๆนี้

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านระบบการบริหารจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น โดยมีรายได้ประจำปีงบประมาณ 2558 คิดเป็นมูลค่า 27 พันล้านยูโร ในปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีพนักงาน 160,000 คนไว้คอยให้บริการลูกค้าในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เพื่อช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการพลังงานและกระบวนการทำงานได้อย่างปลอดภัย มีเสถียรภาพ ประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ นับตั้งแต่สวิทช์ไฟแบบเรียบง่ายที่สุด ไปจนถึงระบบการทำงานที่ซับซ้อน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และการบริการที่ช่วยให้ลูกค้ายกระดับประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ และการดำเนินงานได้แบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อของเราจะช่วยปรับโฉมอุตสาหกรรม เปลี่ยนเมือง และช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับชไนเดอร์

อิเล็คทริค เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “Life is On” www.schneider-electric.com/th
 
Hashtags: #SIAlliance #SIAlliancepartner

3654
ก.วิทย์ฯ-สวทช. เดินหน้าผลัก “งานวิจัยสู่ห้าง” ในงาน Thailand Tech Show ภูมิภาค จ.ขอนแก่น



ผู้บริหาร สวทช. มหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้สนับสนุนการจัดงาน


นางสุภิวา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช.



บรรยากาศผู้ร่วมสัมมนา



บรรยากาศผู้ร่วมสัมมนา เยี่ยมมบูทนิทรรศการผลงาน



(27 ตุลาคม 2559) ที่ห้องมงกุฎเพชร 1 โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น: นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานเปิดงานโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ “หิ้งสู่ห้าง” หรือ Thailand Tech Show ภูมิภาค ครั้งที่ 2 (ประจำภาคอีสาน) เพื่อเพิ่มโอกาสผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งรวมงานวิจัยและพัฒนาได้ง่าย ให้เกิดการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยมีผลงานวิจัยจากองค์กรวิจัย สวทช. และมหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมถ่ายทอดสู่เชิงพาณิชย์มาร่วมแสดงผลงานและสัมมนาให้ความรู้ในการใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.)

นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “New S Curve สู่ Thailand 4.0” ว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จัดเป็นหนึ่งหน่วยงานในกระทรวงเศรษฐกิจ ได้ขยายบทบาทจากเดิมเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยการทำวิจัยและพัฒนา จะทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผู้สร้างงานวิจัยและภาคอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ใช้งานวิจัย นอกจากนี้ยังสร้างการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากเดิม รัฐบาลมีนโยบายในการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศจากการผลิตในอุตสาหกรรมหนักที่ใช้แรงงานและเครื่องจักรไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และนวัตกรรมเป็นขับเคลื่อน หรือ “ประเทศไทย 4.0” กำหนดขีดความสามารถพื้นฐานของประเทศไทยและความต้องการของตลาดในอุตสาหกรรมเป้าหมายไว้ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ 2. กลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ 3. กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมืออุปกรณ์อัฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม 4. กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อและบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว และ 5.กลุ่มอุตสาหกรรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็น New S-Curve นี้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ผ่านการขับเคลื่อนในรูปแบบของ “ประชารัฐ” หรือ Public Private Partnership (PPP) ในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่จากการลงทุนของต่างชาติในอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตามการจัดงานครั้งนี้ จะเป็นการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ให้ก้าวไปข้างหน้าตามแนวคิด “ประเทศไทย 4.0” เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความมั่นคงทางเทคโนโลยี ลดการพึ่งพิงจากต่างประเทศ  ซึ่ง สวทช. ร่วมกับองค์กรพันธมิตร นำผลงานวิจัยจากทุกองค์กรวิจัยและมหาวิทยาลัย เพื่อไปนำเสนอตามภูมิภาคต่างๆ ให้เป็นตลาดเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่ายในลักษณะผู้ซื้อพบผู้ขาย ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เป็นโครงการที่เชื่อมโยงภาคเอกชนให้สามารถเข้าถึงและนำผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาจากสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยออกสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงทำ “โครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์” ขึ้น เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชนให้เกิดการนำไปใช้ในการผลิต จำหน่าย หรือนำไปประกอบธุรกิจแบบไม่สงวนสิทธิ์ (Non-exclusive)

สำหรับงาน Thailand Tech Show ภูมิภาคครั้งนี้ มีผลงานวิจัยที่น่าลงทุนและต่อยอดเชิงพาณิชย์มากมาย ได้แก่ เทคโนโลยีแนะนำ (ราคาเดียว 30,000 บาท) จาก ศูนย์นาโนเทค สวทช. เช่น ครีมกันแดดไล่ยุง ทำจากสารสกัดธรรมชาติ ผสมผสานสารไล่ยุงและสารป้องกันแสงแดด (SPF15) ช่วยป้องกันยุงได้นานมากกว่า 6 ชั่วโมง ผลงานวิจัยอื่นๆ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เช่น กล่องสำหรับใส่ชิ้นเนื้อ ลดการเน่าเสียของเนื้อเยื่อ, แผ่นฟิล์มต้านจุลชีพ สามารถนำส่งยาต้านจุลชีพเข้าสู่บริเวณร่องลึกรักษาโรคปริทันต์อักเสบออกฤทธิ์นานอย่างน้อย 5 วัน, ผลิตภัณฑ์ครีมขัดผิวกาย สารสกัดจากถั่วเหลือง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง และ ปุ๋ยเพิ่มแร่ธาตุไนโตรเจนสำหรับอ้อย ที่สามารถลดการใช้ปุ๋ยยูเรียได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งช่วยเพิ่มการแตกกอของอ้อยที่ได้รับปุ๋ยยูเรียอย่างเดียวได้ 2-3 เท่าด้วย สำหรับ เทคโนโลยีไฮไลท์ (เจรจาเงื่อนไข) ก็มีจากหลายหน่วยงานมาร่วมออกบูทและพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้แก่ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เช่น ผลิตภัณฑ์ตำรับโอสถพระนารายณ์ สูตรเนื้อครีมนวดคลายกล้ามเนื้อและเนื้อบาล์มแก้แมลงสัตว์กัดต่อย และ เซรั่มจากสารสัดโปรตีนไหม สูตรตำรับเซรั่มบำรุงผิวโดยใช้เทคโนโลยีห่อหุ้มเซริซินด้วย ลิโพโซม เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรรณใน 2 สัปดาห์ และให้ความกระจ่างใสเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ และยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับองค์ความรู้ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เรื่องวัสดุปูสระจากน้ำยางธรรมชาติ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร โดยใช้วัตถุดิบจากน้ำยางธรรมชาติร่วมกับวัสดุเสริมแรง และกรรมวิธีการปูเคลือบสระด้วยการฉีดพ่น ช่วยป้องกันน้ำซึมลงสู่ผิวดิน มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี

นอกจากนั้นแล้วภายในงานยังมีการสัมมนาเพื่อให้ภาคเอกชน และผู้สนใจรับรู้และรับทราบผลงานวิจัย  อีกมาก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยในภาคเอกชน รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาต่อยอดในภาคเอกชนและขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

3655
BenQ W2000 ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ EISA โฮมเธียเตอร์ระดับไฮเอนท์โปรเจคเตอร์ 2016 - 2017 โปรเจคเตอร์ w2000 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมด้านเสียงและวิดีโอ





BenQ W2000 โปรเจคเตอร์ระบบ  DLP  HD เต็มประสิทธิภาพ ด้วยภาพคมชัดเปี่ยมไปด้วยรายละเอียด พร้อมรางวัลอันทรงเกียรติ EISA การันตีคุณภาพโฮมเธียเตอร์ระดับไฮเอนท์โปรเจคเตอร์ 2016 – 2017 สามารถปรับขนาดภาพได้ 100 นิ้ว  ด้วยระยะห่าง  2.5 เมตร ความสว่างสูง ให้ภาพคมชัด  เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในห้องมืดและห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ  พร้อมการพัฒนาและรองรับมาตรฐานระบบ  Rec.709  ผ่านการทดสอบจากมืออาชีพ  รับประกันว่าให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส สีเหมือนจริงตามธรรมชาติ  รองรับความบันเทิงทั้งแบบ 2D และ 3D  พร้อมการติดตั้งที่ง่ายกับชุดอุปกรณ์  HD แบบไร้สาย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฉายภาพขนาดใหญ่ คุณภาพสมราคา เพียงราคาเครื่องละ  46,900  บาท

สามารถหาซื้อได้ที่ ร้าน Projector Pro สาขา ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต ชั้น 3 , ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ชั้น 3 และ ชั้น 4 , บริษัท โปรเจคเตอร์ เอาท์เล็ต จำกัด ฟอร์จูนทาวน์ ชั้น 3 , บริษัท คอมเซเว่น จำกัด และ ร้าน MEGA SHOP  ( เซียร์ รังสิต ) ชั้น G
.......สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BenQ (Thailand) Co., Ltd.   เบอร์โทรศัพท์ 02-670-0310 ext. 116 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.30 น.

3656
กลุ่มทรู โชว์ศักยภาพนวัตกรไทยในเวทีโลก คว้ารางวัลพิเศษ สุดยอดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ต่างประเทศ และ 6 รางวัล จาก 2 ผลงาน นวัตกรรมเพื่อผู้ด้อยโอกาส Kare และ MEM ในงาน 10th International Warsaw Invention Show (IWIS 2016) ณ กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ งานแสดงผลงานนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป







กลุ่มทรู ตอกย้ำศักยภาพและความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง โดย ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ (กลาง) หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วยทีมงานศูนย์นวัตกรรมกลุ่มทรู โชว์ความสำเร็จล่าสุดของผลงานนวัตกรรม Kare แอพพลิเคชั่น และ MEM ที่สามารถคว้า 7 รางวัล และ รางวัลพิเศษสุดยอดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ต่างประเทศ (IWIS Award of Foreign Best Invention) ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดของงาน 10th International Warsaw Invention Show (IWIS 2016) ณ กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์  ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงผลงานนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป

โดยในงาน 10th International Warsaw Invention Show (IWIS 2016) ณ กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์  กลุ่มทรูได้นำเสนอผลงานนวัตกรรมเพื่อผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งผลงาน “Kare” แอพพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษ คว้า 3 รางวัล คือ รางวัลพิเศษสุดยอดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ต่างประเทศ (IWIS Award of Foreign Best Invention) , รางวัลเหรียญทอง  และยังได้รับรางวัลถ้วยทอง พร้อมประกาศนียบัตร จากสมาคมผู้ชนะเลิศการประกวดรางวัลนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ระดับสากลจากประเทศไต้หวัน (Taiwan International Invention Award Winners Association)

ขณะที่ผลงาน MEM (My Eye Memory) อุปกรณ์คีย์บอร์ดสำหรับผู้พิการทางสายตา ได้รับ 4 รางวัล คือ รางวัลเหรียญทอง(รางวัลพิเศษ) จากสมาคมนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์สาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese Innovation & Invention Society (CIIS)), รางวัลเหรียญเงิน, รางวัลเหรียญ iCAN (รางวัลพิเศษ) ด้านความโดดเด่นของการจัดแสดงนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ และประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติพิเศษด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ จากสมาคมนวัตกรรมและความก้าวหน้าด้านทักษะระดับสากลจากเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา (Toronto International Society Of Innovation & Advanced Skills (TISIAS) – Canada)

ทั้งนี้ งาน 10th International Warsaw Invention Show (IWIS 2016) จัดขึ้นที่ กรุงวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ โดยสมาคมนักประดิษฐ์และนักสร้างสรรค์   (Association of Polish Inventors and Rationalizers)  ร่วมกับ สำนักงานสิทธิบัตรโปแลนด์ (Patent Office of The Republic of Poland)  ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งกรุงวอร์ซอว์ (Warsaw University of Technology) ซึ่งเป็นงานแสดงผลงานนวัตกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโปแลนด์ และเป็นหนึ่งในงานแสดงผลงานนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรปอีกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชั่นจากสถาบันวิจัยโปแลนด์ มหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีหลายแห่ง ตลอดจนองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ด้านนวัตกรรม รวมถึงบุคลากรนักประดิษฐ์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งแถบทวีปอาเซียน แอฟริกา อเมริกา และยุโรป  และมีการนำเสนอนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ภายในงานมากกว่า 400 ผลงาน ทั้งนีผลงานจากกลุ่มทรูได้รับการคัดเลือกเพื่อประกวดในเวทีดังกล่าวจาก สมาคมส่งเสริมนวัตกรรมและการประดิษฐ์ไทย (Association of Thai Innovation and Invention Promotion)

เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น Kare สำหรับเด็กพิเศษ และอุปกรณ์ MEM คีย์บอร์ดสำหรับผู้พิการทางสายตา
Kare เป็นแอพพลิเคชั่นการศึกษาที่กลุ่มทรู ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้และการปฏิบัติตนตามสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน  สู่การช่วยเหลือตนเองแบบบูรณาการสำหรับเด็กพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยการเรียนรู้เชิงสถานการณ์ เช่น บ้าน โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร เพื่อการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ นำไปสู่การประยุกต์ใช้ และสามารถดูแลช่วยเหลือตนเองเพื่อการเข้าสู่สังคมได้ดียิ่งขึ้น รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Andriod โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaispecialcare.com

อุปกรณ์คีย์บอร์ดสำหรับผู้พิการทางสายตา (MEM) หรือ My Eye Memory เป็นผลงานนวัตกรรมที่กลุ่มทรู ได้นำมาพัฒนาต่อยอดร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา ให้สามารถบันทึกข้อมูลด้วยการกดปุ่มตามอักษรเบรลล์ และย้อนกลับไปฟังความถูกต้องได้ รวมถึงแก้ไขข้อมูล ทำสำเนา และส่งข้อมูลที่บันทึกไปยังอุปกรณ์ไอที เพื่อส่งต่อข้อความหรือสร้างเอกสารให้คนอื่นได้ รองรับทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวก ด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะช่วยให้ผู้พิการทางสายตา สามารถใช้จดบันทึกการเรียนรู้ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

3657


Razer เปิดตัวสุดยอด Razer Blade Pro นวัตกรรมแล็ปท็อปเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด

Razer Blade Pro รุ่นล่าสุดเปิดตัวครั้งแรกในฐานะแล็ปท็อปที่บางและเบาที่สุดในโลก ด้วยจอแสดงผล G-Sync IGZO ขนาด 17.3 นิ้ว CPU quad-core i7 รุ่นล่าสุดจาก Intel กราฟิกจากการ์ดจอ NVIDIA® GeForce® GTX® 1080 GPU SSD ความจุ 2 TB พร้อมกับคีย์บอร์ดแบบ Ultra-low profile mechanical









   
กรุงเทพฯ ประเทศไทย  – Razer™ ผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์เชื่อมต่อและซอฟต์แวร์สำหรับเกมเมอร์ เปิดตัว Razer Blade Pro รุ่นใหม่ หน้าจอขนาด 17 นิ้ว ที่ได้รับออกแบบใหม่ทั้งหมด ระบบได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาพิเศษสำหรับผู้ที่ชอบทำงานบนแล็ปท็อปมีที่ต้องการเดสก์ท็อปที่ทรงประสิทธิภาพขณะที่ยังคงความคล่องตัว โดยมาพร้อมกับพลังที่เหนือกว่าบนแล็ปท็อปที่มีความหนาไม่ถึง 1 นิ้ว  ระบบล่าสุดจาก Razer สามารถใช้สร้างสรรค์งานต่างๆได้อย่างแม่นยำทุกที่ทุกเวลา

Razer Blade Pro รุ่นใหม่มาพร้อมกับระบบคอร์ โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7 quad-core รุ่นล่าสุด และ NVIDIA® GeForce® GTX 1080 GPU รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดที่ได้รับการผลิตโดย Razer และเป็นแล็ปท็อปที่บางที่สุดที่รองรับ GTX 1080 นอกจากนี้ Razer Blade Pro รุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับ Thunderbolt 3 สำหรับตัวเลือกในการเชื่อมต่อ ระบบหน่วยความจำ 2 ทาง ขนาด 32 GB DDR4 พร้อม SSD แบบ PCI M.2 RAID 0 ความจุ 2 TB และอุปกรณ์อ่านข้อมูลที่บิลท์อินมาอย่างครบครัน

ในขณะที่อุปกรณ์ทดแทนจำพวกเดสก์ท็อปอื่นๆ ทั่วไปมีความหนามากกว่า 2 นิ้ว และมีน้ำหนักมากกว่า 10 ปอนด์ แต่ Razer Blade Pro รุ่นใหม่ ได้รักษาความโดดเด่นเหนือปัจจัยต่างๆเหล่านั้น ด้วยโครงสร้างรูปแบบ unibody ที่ผลิตจาก อลูมิเนียม CNC ที่บางเพียง 0.88 นิ้ว ด้วยน้ำหนักน้อยกว่า 8 ปอนด์ AC adapter ที่มีระบบการใช้พลังงานขนาดย่อมที่เสริมเข้ามา อีกทั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆจาก Razer Blade Pro

นอกจากนี้นวัตกรรมที่ความโดดเด่นด้านระบบการจัดการความร้อน Razer Blade Pro ได้ติดตั้งระบบการจัดการความร้อนใหม่ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยระบบระบายความร้อนที่บางที่สุดในโลก (vapor chamber cooling) สำหรับแล็ปท็อป ระบบระบายความร้อนนี้จะช่วยลดการต้านทานความร้อนด้วยการกระจายความร้อนอย่างรวดเร็วอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ พัดลมที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะและอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนใช้งานร่วมกับระบบระบายความร้อนจะช่วยเพิ่มการกระจายความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้  Razer Blade Pro เป็นแล็ปท็อปที่ทรงพลังและมีโครงสร้างบางที่สุดเท่าทีเคยมีมา

ส่วนประกอบอื่นๆของแล็ปท็อปนี้ประกอบด้วยจอแสดงผล 4K IGZO ขนาด 17.3 นิ้ว ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีกราฟิก NVIDIA G-SYNC™ที่จะช่วยเพิ่มอัตราความคมชัด หน้าจอยังใช้ความแม่นยำด้านสีสัน 100 เปอร์เซ็นต์ จาก  Adobe RGB color เพื่อส่งมอบอรรถรสการรับชมภาพแก่บรรดาเกมเมอร์

นอกจากนี้ Razer Blade Pro ยังเป็นแล็ปท็อปรุ่นแรกที่ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดระบบ Ultra-Low-Profile Mechanical ซึ่งแต่ละปุ่มจะประกอบด้วยระบบที่แม่นยำเพื่อรองรับการสัมผัส ซึ่งใช้แรงกดเพียง 65 กรัม โดยจำลองสัมผัสจากคีย์บอร์ด mechanical แบบ full-size คีย์บอร์ดและ trackpad ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Razer Chroma™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสร้างเอฟเฟ็คแสงที่สามารถปรับได้ตามความต้องการของผู้เล่นและแสดงตามจังหวะของเกม

Razer Blade Pro มีสเปคที่เหนือกว่าความต้องการของฮาร์ดแวร์ HTC Vive™ Oculus Rift และ OSVR HDK 2 ซึ่งทำให้ Razer Blade Pro เป็นหนึ่งในอุปกรณ์  VR-ready ที่คล่องตัวที่สุดสำหรับบรรดาเกมเมอร์และนักพัฒนาทุกคน

Min-Liang Tan ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของ Razer กล่าวว่า “Razer Blade รุ่นแรกสุดขนาด 17 นิ้ว เป็นแล็ปท็อปรุ่นแรกที่ได้ประสานพลังและความคล่องตัวไว้ด้วยกันในแล็ปท็อป PC และขณะนี้เราได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วย Razer Blade Pro รุ่นใหม่ ระบบการจัดการความร้อนนั้นเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพมาก นี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่เรามาได้ไกลขนาดนี้ จากเดิมที่มีผลิตภัณฑ์เพียงแค่ชิ้นเดียวและทีมเล็กๆ จนถึงวันนี้ที่เรามีระบบแคตตาล็อกเกมและทีมวิศวกร รวมถึงดีไซน์เนอร์จำนวนมากที่ช่วยผลักดันและสร้างสรรค์ Portable gaming machine ให้เกิดขึ้นได้”

Mark Aevermann หัวหน้าอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับ GeForce gaming laptops บริษัท NVIDIA กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากที่ Razer สามารถรวบรวมสุดยอดนวัตกรรมต่างๆลงใน Razer Blade Pro รุ่นใหม่ พวกเขาได้ออกแบบแล็ปท็อปเล่นเกมด้วยเทคโนโลยี GeForce GTX 1080 รุ่นเรือธง ในรูปแบบที่เกมเมอร์สามารถพกพาไปกับพวกเขาได้ในทุกที่”

Razer Blade Pro ขนาด 17 นิ้ว เตรียมเข้าร่วมในรายชื่อผลิตภัณฑ์ของ Razer ที่ได้รับรางวัลมากมาย ชุด Razer Blade ขนาด 14 นิ้วได้สร้างมาตรฐานสำหรับแล็ปท็อปเล่นเกม ในขณะที่ Razer Blade Stealth ขนาด 12.5 นิ้ว ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ PC ที่ยอดเยี่ยมที่สุด” ณ CES เมื่อต้นปีนี้ สำหรับการผสมผสานในด้านประสิทธิภาพ คุณค่า การเพิ่มขีดความสามารถ และความคล่องตัว โดยทั้งสองรุ่นได้ประกาศการกลับมาอีกครั้งและปัจจุบันอยู่ในระหว่างการส่งออก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Razer Blade Pro รุ่นใหม่ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลในช่วงเวลาจัดจำหน่าย ได้ที่ razerzone.com/bladepro โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์จะวางจำหน่ายทาง Razerzone.com และร้านค้าในเดือนพฤศจิกายน

ราคา
เริ่มต้นที่ US$ 3,699


ช่องทางการจัดจำหน่าย
Razerzone.com – วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนในสหรัฐอเมริกาและยุโรป


คุณสมบัติสินค้า:

•   NVIDIA GeForce GTX 1080 พร้อมหน่วยความจำ VRAM แบบ GDDR5X ขนาด 8 GB
•   ระบบคอร์ โปรเซสเซอร์ Intel Core i7-6700HQ Quad-Core (2.6 GHz / 3.5 GHz)
•   หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว IGZO UHD G-SYNC สัดส่วนภาพ 16:9 ratio ความละเอียด 3840 x 2160 LED backlight และระบบสัมผัสแบบมัลติทัช
•   ระบบปฏิบัติการ Windows® 10 64 bit
•   512 GB SSD RAID 0 (2x 256 GB PCIe M.2) / 1 TB SSD RAID 0 (2x 512 GB PCIe M.2) / 2 TB SSD RAID 0 (2x 1 TB PCIe M.2) ให้เลือก
•   หน่วยความจำระบบ Dual-Channel ขนาด 32 GB (DDR4, 2133 MHz)
•   ระบบ mechanical คีย์บอร์ดที่สามารถกดได้พร้อมกันหลายปุ่มและเอฟเฟ็คแสง
•   Killer DoubleShot™ Pro:
o   Killer™ Wireless-AC 1535 (IEEE 802.11a/b/g/n/ac + Bluetooth® 4.1)
o   Killer™ E2400 (Gigabit Ethernet 10/100/1000)
•   Thunderbolt™ 3 (USB-C™)
•   USB 3.0 จำนวน 3 พอร์ต (ความเร็วสูง)
•   HDMI 2.0 video and audio output
•   การ์ดอ่านข้อมูล SDXC
•   Built-in stereo speakers
•   Dolby® Digital Plus Home Theater Edition
•   7.1 Codec support (via HDMI)
•   ช่องคอมโบสำหรับหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม.
•   Built-in webcam (2.0 MP)
•   ระบบไมโครโฟนตัดเสียงภายนอก
•   ระบบ Razer Synapse ที่สามารถใช้งานบนคีย์บอร์ด trackpad ระบบแสง Backlight และระบบควบคุมพัดลม
•   Trusted Platform Module (TPM 2.0) security chip embedded
•   Kensington™ security slot
•   Adapter Compact ขนาด 250 W
•   แบตเตอรี่ lithium-ion polymer แบบ Built-in ขนาด 99 Wh
•   ขนาดประมาณ 0.88 นิ้ว / 22.5 มม. (สูง) x 16.7 นิ้ว / 424 มม. (กว้าง) x 11 นิ้ว / 281 มม. (ลึก)
•   น้ำหนักประมาณ 7.80 ปอนด์ / 3.54 กก.

รูปภาพ:
สำหรับหน้าจอดิจิทัล (เว็บไซต์ อุปกรณ์มือถือ โซเชียลมีเดีย)

http://rzr.to/bladepro-2016-pr-png

สำหรับพิมพ์ (นิตยสาร โปสเตอร์ แผ่นพับ)
Black Background
White Background

วิดีโอ:
http://rzr.to/bladepro-2016-video

เกี่ยวกับ Razer
Razer™ คือผู้นำระดับโลกด้านอุปกรณ์เชื่อมต่อและซอฟต์แวร์สำหรับเกมเมอร์

Razer เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเล่นเกม มีส่วนร่วมกับนักเล่นเกมคนอื่น ๆ และกำหนดไลฟ์สไตล์เฉพาะของเกมเมอร์ขึ้นมา บริษัทได้รับรางวัล "Best of CES" ถึงหกปีซ้อน ความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังคงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ ๆ ให้แก่ชุมชนนักเล่นเกมซึ่งคาดว่ามีเกมเมอร์มากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก

ดีไซน์และเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัลของ Razer ได้แก่ อุปกรณ์และระบบอินเทอร์เฟสผู้ใช้ ระบบเสียงบนเครือข่าย IP สำหรับเกมเมอร์  และแพลตฟอร์มระบบคลาวด์สำหรับปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพให้อุปกรณ์สำหรับเล่นเกม

Razer ก่อตั้งในปี 2005 ได้รับการสนับสนุนโดย Intel Capital, IDG-Accel และ Heliconia Capital Management (Heliconia) บริษัทในเครือที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Temasek ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของสิงคโปร์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่ http://www.razerzone.com/about-razer.

Razer - For Gamers. By Gamers.™

3658
ออราเคิลปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

ออราเคิลนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับบริการคลาวด์ที่เหนือชั้น พัฒนาประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการทำงาน


ออราเคิลเปิดตัวชุดให้บริการโครงสร้างพื้นฐานบนระบบคลาวด์ (IaaS) ในรูปแบบ Bare Metal Cloud Services ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วกว่า 11.5 เท่า ในราคาที่ถูกกว่าผู้ให้บริการคู่แข่งถึง 20 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งการขยายบริการออราเคิลคลาวด์แพลตฟอร์มช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้บริการระบบซอฟต์แวร์ทั้งแบบ multi-tenant และ single-tenant และสามารถใช้บริการออราเคิลอื่นคลาวด์อื่นๆ ได้แก่  Oracle Bare Metal Cloud Services, Oracle Ravello Cloud Service, Oracle Container Cloud Service รวมทั้งยกระดับการทำงานของ Oracle Cloud services

เห็นได้ชัดว่าขณะนี้องค์กรธุรกิจใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์สาธารณะมากขึ้น หลายองค์กรเผชิญปัญหาในการทำงานทั้งระบบความปลอดภัย และข้อคำนึงด้านการบริหารจัดการ นั่นหมายความว่าองค์กรไม่สามารถยกเลิกระบบไอทีเดิมและถ่ายเทข้อมูลการทำงานทั้งหมดไปยังระบบคลาวด์ได้  ซึ่งบริการคลาวด์ IaaS ล่าสุดจากออราเคิล ช่วยให้องค์กรสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ โดยเพิ่มความสามารถในการควบคุมการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ และในขณะเดียวกันยังคงประโยชน์ที่ได้จากการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ ภายในองค์กรอีกด้วย

Oracle Bare Metal Cloud Services ถือบริการคลาวด์สาธารณะขั้นสูง ที่ประกอบด้วยสภาพแวดล้อมระบบการทำงานเครือข่ายแบบจำลองเต็มรูปแบบ นวัตกรรมการให้บริการรูปแบบใหม่เหล่านี้ช่วยให้การทำงาน Database-as-service, ระบบจัดเก็บข้อมูล และ การเชื่อมต่อ VPN สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ Oracle Bare Metal Cloud Services ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเพิ่มความสามารถผ่านการทำงานของซอฟต์แวร์ Virtual Cloud Network (VCN) ที่ทำให้หน้าที่ดูแลการทำงานในส่วนของความปลอดภัยและความยืดหยุ่นของเครือข่ายแบบ on-premise ภายในองค์กร อีกทั้ง Oracle Bare Metal Cloud Services ยังช่วยเพิ่มความเร็วของเครือข่ายโดยการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างคอมพิวเตอร์และโหนด

การทำงานของ Oracle Bare Metal Cloud Services ประกอบด้วยสามโดเมนที่ช่วยสร้างความพร้อมใช้งานสูงและเพิ่มระบบที่คงทนต่อความเสียหายของแอพพลิเคชั่นคลาวด์  ซึ่งยังสามารถทำงานร่วมกับ Oracle Cloud Platform เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบออราเคิลคลาวด์
 
เพื่อยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์, เครือข่าย และโครงสร้างพื้นฐานเซิร์ฟเวอร์ ให้ล้ำสมัยที่สุด Oracle Bare Metal Services ถูกออกแบบด้วยวิธีการที่แตกต่างในการพัฒนาคลาวด์แพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกและความยืดหยุ่นในกานใช้งานระบบคลาวด์มากขึ้น  โดยมาพร้อม Ultra-Dense Compute Servers ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปริมาณงานภายในองค์กร ด้วยการให้ค่าปริมาณสูงสุดในการอ่านและเขียนไฟล์ ( IOPS ) และปริมาณการรับและการส่งข้อมูลผ่านเซิร์ฟเวอร์สตอเรจได้สูงสุดอีกด้วย

อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถกำหนด ความเร็วของ IOPS ได้ถึง 10 เท่า ซึ่อถือเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่มองหาระบบคลาวด์ในราคาย่อมเยา  นอกจากนิ้ยังให้การทำงานประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์บนโฮสต์คอมพิวเตอร์ ซึ่งออราเคิลสามารถลดความเสี่ยงและส่งมอบการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในระบบคลาวด์

เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Oracle Cloud Platform  ออราเคิลยังเปิดตัว Oracle Ravello Cloud Service ระบบการให้บริการคลาวด์แบบแรกที่ให้ลูกค้าสามารถใช้ VMware และ Kernel-based Virtual Machine (KVM) ในระบบคลาวด์สาธารณะโดยไม่ต้องมีการตั้งค่าแอพลิเคชันหรือเปลียนเครือช่าย

นอกจากนี้ยังเปิดตัว Oracle Container Cloud Service ที่องกรค์สามารถติดตั้งใช้งานได้อย่างง่ายดาย และ Oracle FastConnect เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้สามารถเชื่มต่อดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างปลอดภัยและให้การเชื่อมต่อกับโครงข่ายแบบ IPsec VPN และ  MPLS อีกด้วย

นายโธมัส คูเรียน ประธานกรรมการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ออราเคิล กล่าวว่า “เนื่องจากหลายองค์กรเริ่มใช้บริการคลาว์ดเพื่อลดความซับซ้อนในการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานไอทีและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการจัดการฝ่ายไอที บริการใหม่ล่าสุดของ Oracle Cloud Platform ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อการใช้งานผ่านระบบ Virtual Cloud Network (VCN) ที่สามารถทำงานร่วมกับดาต้าเซ็นเตอร์ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

3659
ซิป้า รุกขยายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ผุดแอปพลิเคชั่น “SEE THRU THAILAND” ซึ่งสามารถดาวโหลดได้แล้วโดยรองรับการใช้งานได้ถึง 4 ภาษา เพื่อตอบโจทย์ Smart Living Community และเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล



ปัจจจุบันภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยยังคงเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลาย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงสิงหาคมถึงเดือนกันยายน 2559 ที่ผ่าน พบว่า นักท่องเที่ยวจีนมองว่าประเทศไทยเป็นปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย โดยสิ่งที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด คือ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อาทิ ภูเขา ทะเล รองลงมา ได้แก่ กิจกรรมบันเทิง กีฬา อาหารไทย และกิจกรรมการช้อปปิ้ง ตามลำดับ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างที่สำรวจนี้ร้อยละ 41.1 มีแผนที่จะเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีก ไม่เพียงเท่านี้สำหรับนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่จะเดินทางมาประเทศไทย คาดว่ามีจำนวนถึง 6.95 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5.5 จากปีที่แล้ว นอกจากนี้ในส่วนของนักท่องเที่ยวจากสหภาพยุโรปที่ไม่รวมสหราชอาณาจักร คาดว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 - 8.5 หรือประมาณ 3.72 - 3.75 ล้านคน ยังไม่รวมถึงนักท่องเที่ยวไทยที่นิยมเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ

นายศุภชัย จงศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ กล่าวว่า  เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอซีที (Hard Infrastructure และ Soft Infrastructure) ให้กับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวทางซิป้าได้จัดทำแอปพลิเคชันเรียกว่า “SEE THRU THAILAND” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี  AR (Augmented Reality) ผสานรวมโลกแห่งความเป็นจริง (Real) เข้ากับโลกเสมือน (Virtual) จะทำให้ภาพที่เห็นในจอภาพกลายเป็นวัตถุ 2 หรือ 3 มิติ ลอยอยู่เหนือพื้นผิวจริง นับเป็นการเปิดมุมมองการนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ และตอบโจทย์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว  โดยเฉพาะผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวด้วยตนเอง  รวมทั้งยังเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวสามารถนำมาต่อยอดการทำการตลาดให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายโดยตรงช่วยลดต้นทุนการทำการตลาดในระยะยาว

การทำงานของแอปพลิเคชัน “SEE THRU THAILAND”  จะมีข้อมูลการท่องเที่ยวไทยกว่า 10 จังหวัด ประกอบด้วยภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี, ภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ตราด, ภาคตะวันตก ได้แก่ กาญจนบุรี เพชรบุรี, ภาคคใต้ ได้แก่ ตรัง พังงา ซึ่งข้อมูลแต่ละจังหวัดประกอบด้วยแผนที่นำทางที่จะพาผู้ใช้ หรือนักที่องเที่ยวไปยังสถานที่เป้าหมายพร้อมทั้งสามารถค้นหา สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พัก ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง

นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกความทรงจำ โดยการถ่ายภาพตกแต่งด้วยกรอบ และสติ๊กเกอร์น่ารักแบบไทยๆ ได้อีกด้วย และไม่เพียงเท่านี้แอปพลิเคชันดังกล่าวยังมีการนำเทคโนโลยี AR เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ใช้งาน โดยแบ่งรูปแบบการนำเสนอเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ได้แก่ หมวด Living History ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพในอดีตของสถานที่นั้นๆ บุคคลที่เกี่ยวข้องในอดีต รวมไปถึงประเพณีหรือกิจกรรมที่เคยเกิดขึ้น หมวด Movie hunt ผู้ใช้สามารถชมฉากประทับใจจากภาพยนตร์ที่เคยถ่ายทำในสถานที่นั้นจริงๆ  หมวด 360 องศา สนุกไปกับภาพในมุมมองใหม่ไม่ว่าจะเป็นภาพใต้น้ำ ภาพมุมสูง Time-lapse ฯลฯ

รวมทั้งทางซิป้ายังเปิดให้ทดลองใช้งานโดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวเพียงเข้าไปที่ Google Play พิมพ์ “See Thru Thailand” เท่านั้นก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวได้ทันที พร้อมด้วยการรองรับผู้ใช้งานได้ถึง 4 ภาษาประกอบด้วย  ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน, ภาษาญี่ปุ่น  สำหรับผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS ขอให้อดใจรออีกไม่นาน

ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นนี้ทางซิป้าหวังว่า แอปพลิเคชัน “SEE THRU THAILAND” จะเป็นส่วนช่วยในการกระตุ้นธุรกิจภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย และช่วยเอื่อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โดยอาจจะนำไปพัฒนาต่อยอดและถือเป็นโอกาสในการทำการตลาดต่อไปในอนาคต

3660
บริษัทซีเอ เทคโนโลยีแต่งตั้ง มาร์ติน แมคเคย์ เป็นผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น





บริษัทซีเอ เทคโนโลยี ประกาศแต่งตั้งมาร์ติน แมคเคย์ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น โดยมีผลนับตั้งแต่บัดนี้ในทันที โดยผู้บริหารคนเดิม เคนเนท อาร์เรดอนโด ประธานบริษัทประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกับมาร์ติน แมคเคย์ จนกระทั่งสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2017 เพื่อให้การสานต่อตำแหน่ง และการทำงานต่อเป็นไปอย่างราบรื่นสำหรับทั้งลูกค้า  พาร์ตเนอร์และพนักงานในบริษัท โดยหลังจากนั้น เคนเนท อาร์เรดอนโด จะเข้ารับตำแหน่งใหม่ในบริษัทซีเอ เทคโนโลยีนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2017 ต่อไป

มาร์ติน แมคเคย์  จะปฏิบัติหน้าที่จาก สำนักงานในสิงคโปร์และรายงานขึ้นตรงกับอดัม เอลสเตอร์ ซึ่งเป็นประธานฝ่ายปฏิบัติงานทั่วไประดับโลกของบริษัท โดยจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการผลักดันยอดการเติบโตโดยช่วยให้ทั้งลูกค้าและพาร์ตเนอร์ได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่น  โดยจะทำหน้าที่ด้านบริหารทั้งการขาย และการพัฒนาธุรกิจ ในภูมิภาคนี้ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวันและประเทศไทย

"เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ผู้บริหารมือดีที่มีความสามารถสูงในระดับของมาร์ติน มาร่วมทีม" อดัม เอลสเตอร์ ประธานฝ่ายปฏิบัติงานทั่วไประดับโลก บริษัทซีเอ เทคโนโลยี กล่าวพร้อมกับเสริมว่า "ผมมีความเชื่อมั่นว่ามาร์ตินจะนำทีมนี้ไปสู่ ก้าวของการเติบโตใหม่และเดินหน้าต่อไปเพื่อช่วยให้ลูกค้าและ พาร์ตเนอร์ของเรานำไอทีมาใช้ประโยชน์เปลี่ยนผ่านธุรกิจและสร้างมูลค่าทางธุรกิจใหม่ขึ้นมาในระยะยาว และผมอยากขอขอบคุณ เคนเนท อาร์เรดอนโด  ที่ได้ช่วยสร้างรากฐาน ของการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทซีเอเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่ผ่านมา"

"ทั้งอดัมและผม ไม่เคยสงสัยเลยว่า ยุทธศาสตร์และโอกาสต่างๆ ของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นจะรุดหน้าต่อไปภายใต้การนำของมาร์ตินและ เราสามารถสานต่อความสำเร็จที่ได้บรรลุมาในภูมิภาคนี้และนำบริษัทซีเอ เทคโนโลยี ไปสู่เส้นทางใหม่ของการเติบโตต่อไป" เคนเนท อาร์เรดอนโด   กล่าว

แมคเคย์มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี ในหลายภาคส่วน ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเข้าเคยนำทีมซอฟต์แวร์ระดับเอนเทอร์ไพรซ์ และทีมการขายแชนแนลธุรกิจในยุโรป ในสหรัฐและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ส่วนประสบการณ์ก่อนหน้าที่จะร่วมงาน กับซีเอ เทคโนโลยีนั้น เขาเคยมีบทบาทนำในหลายบริษัทข้ามชาติรายใหญ่เช่น PeopleSoft/Oracle และ  Verisign เป็นต้น นอกจากนี้เขายังเคยเป็นCEOของบริษัทNeverfail  ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูงสำหรับลูกค้า และก่อนหน้านั้นเคยเป็นCEOของบริษัทCalyx Managed Services ซึ่งมีผลงานโดดเด่นทั้งในด้านการขยายตัวและผลกำไรภายในช่วงเวลา 18 เดือนที่บริหารงาน
 
"ผมเองรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสร่วมทีมกับซีเอ เทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น และมีโอกาสขยายงานธุรกิจในภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างสูง" มาร์ติน แมคเคย์ กล่าวพร้อมกับเสริมว่า "ด้วยโซลูชั่นที่เรามีครบวงจรและแรงสนับสนุนจากพาร์ทเนอร์ของเรา ทำให้เรามีที่มั่นที่ดี ในภูมิภาคนี้ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถวางแผนสร้างและบริหารจัดการระบบแอพพลิเคชั่นที่มีความปลอดภัย เพื่อนำเสนอลูกค้าได้เป็นอย่างดี"

มาร์ติน แมคเคย์  สำเร็จการศึกษาด้าน ภาษาสมัยใหม่จาก มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

เกี่ยวกับ ซีเอ เทคโนโลยี
ซีเอ เทคโนโลยี (NASDAQ: CA) เป็นผู้จัดหาโซลูชั่นเพื่อการบริหารจัดการไอที ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการและรักษาความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมของระบบไอทีที่ซับซ้อนเพื่อรองรับการให้บริการธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ทั้งนี้ องค์กรต่างๆ ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์และโซลูชั่นในกลุ่ม SaaS ของซีเอ เทคโนโลยี เพื่อสร้างนวัตกรรม ปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและอัตลักษณ์ต่างๆ นับตั้งแต่ระดับดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงระบบคลาวด์ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีเอ เทคโนโลยี ได้ที่ www.ca.com

Pages: 1 ... 242 243 [244] 245 246 ... 301