Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 1895 1896 [1897] 1898 1899 ... 2405
28441
“SMEs สร้างอาชีพ อวอร์ด ครั้งที่ 1” รางวัลเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี


               นางสาวพรทิพย์ แก่นจันทร์ (คนกลาง) บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร SMEs สร้างอาชีพ  จัดงานประกาศรางวัลเชิดชูเกียรติกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีชั้นนำ ภายใต้ชื่อ SMEs สร้างอาชีพ อวอร์ด ครั้งที่ 1 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ โดยในครั้งนี้มี 5 คนดังร่วมงานรับรางวัลในกลุ่ม Star Business  คือ ใหม่ สุคนธวา , ฟิล์ม รัฐภูมิ , เชียร์ ทิฆัฆพร –การ์ตูน อินทิรา และคุณลอร่า ศศิธร วัฒนกุล ณ สมาคมธรรมศาสตร์ สาทร เมื่อเร็วๆนี้

28442
เลอโนโว A ซีรี่ยส์ใหม่ สมาร์ทโฟนของแชมป์คนพันธุ์อึด แกร่งเกินพิกัด

·         เลอโนโวประกาศศักดา จับมือแชมป์ “บัวขาว บัญชาเมฆ” พรีเซ็นเตอร์สมาร์ทโฟนพันธุ์อึดคู่ใจคนไทยพันธุ์แกร่ง

·         สมาร์ทโฟน เลอโนโว A859 ทนทาน ประสิทธิภาพเหนือราคา

·         สมาร์ทโฟน  เลอโนโว A526 แบตเตอรี่ยาวนาน ใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน


(ซ้าย) คุณทวนทอง ศรีวิเชียร, ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน เลอโนโว (ขวา) คุณจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร, กรรมการผู้จัดการ เลอโนโว ประเทศไทยร่วมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเลอโนโว A ซีรี่ยส์ใหม่

พร้อมแนะนำแชมป์คนพันธุ์อึด “บัวขาว บัญชาเมฆ” พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของสมาร์ทโฟนเลอโนโวอย่างเป็นทางการ

เลอโนโว เปิดตัวสมาร์ทโฟน A  ซีรียส์ใหม่  ด้วยประสิทธิภาพการทำงานเหนือระดับ ในราคาที่ทุกคนสามารถครอบครองได้ เลอโนโว A ซีรี่ยส์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ รุ่น A859  และ รุ่น A526 คือสมาร์ทโฟนพันธุ์อึด ให้ประสิทธิกภาพแบตเตอร์รี่ยาวนาน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน  มาพร้อมชื่อเสียงและคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับอย่างเลอโนโว

สมาร์ทโฟน เลอโนโว A859 และ A526 2 รุ่นใหม่ที่ช่วยเสริมทัพไลน์สมาร์ทโฟนเลอโนโวให้มีความแข็งแกร่งและครบถ้วนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในด้านราคา ข้อมูลจาก IDC รายงานว่า เลอโนโวคือผู้นำอันดับ 3 ของผู้ผลิตอุปกรณ์ Smart Connected Device และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา เลอโนโวได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนไปแล้วใน 18 ประเทศทั่วโลก







เพื่อเป็นการสื่อให้เห็นถึงคุณลักษณะของสมาร์ทโฟน A ซีรี่ยส์ เลอโนโวได้เซ็นต์สัญญากับพรีเซ็นต์เตอร์คนพันธุ์แกร่ง ขวัญใจมหาชน “บัวขาว บัญชาเมฆ” เจ้าของเข็มขัดแชมป์สภามวยไทยโลก บัวขาวคือนักมวยที่มีคุณสมบัติของความแข็งแกร่ง อดทน  ทั้งยังเป็นแชมป์ของโลกซึ่งตรงกับคุณสมบัติเด่นของสมาร์ทโฟน เลอโนโวรุ่น A ซีรียส์ โดยในการเซ็นต์สัญญาในครั้งนี้ บัวขาวจะเข้าร่วมเป็นส่วนสำคัญในโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ รวมทั้งโฆษณาในโรงภาพยนตร์และอีเว้นท์ที่เลอโนโวจัดทำขึ้นทั่วประเทศ

“สมาร์ทโฟน A ซีรี่ยส์ ใหม่ได้รวมเทคโนโลยีล่าสุด พร้อมกับราคาที่ผู้บริโภคสามารถครอบครองได้ เลอโนโว A526 ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าในราคาที่ผู้บริโภคพอใจ อีกทั้งแบตเตอร์รี่ยังยาวนาน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเครื่องที่ทนทาน พกพาได้ทุกที่ ทุกเวลา  เลอโนโว  A859 มาพร้อมหน้าจอ HD  ดีไซน์เครื่องสวยงาม บางเบา ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือชั้นในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ เลอโนโวมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับคุณบัวขาว และเชื่อว่าการร่วมงานกันในครั้งนี้จะสามารถสื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นในคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนเลอโนโว A ซีรี่ยส์ อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสมาร์ทโฟนของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ตลาดสมาร์ทโฟนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว


สมาร์ทโฟน เลอโนโว A859 ประสิทธิภาพเหนือกว่า ครบครันสูงสุด


สมาร์ทโฟน เลอโนโว A859 คือหนึ่งในรุ่นท็อปของสมาร์ทโฟน A-Series ที่มาพร้อมหน้าจอแบบทัชสกรีน IPS LCD ขนาด 5 นิ้ว ให้ความคมชัด เหมาะสำหรับการดูหนัง เล่นเกมส์ หรือใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซีพียู 1.3GHz Quad Core  ความเร็วRAM 1 กิ๊ก ให้ความความบันเทิงที่ลื่นไหลถึงขีดสุด เลอโนโว A859 ปฎิบัติการณ์บนระบบ Jelly Bean Android 4.2 OS ให้ความสะดวกในการดาว์นโหลดแอพพลิแคชั่น เพื่อให้เหมาะสมแก่ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานทุกคน

นอกจากนี้ เลอโนโว A859 มีกล้องหลังที่ให้ความละเอียดถึง 8 ล้านเมกะพิกเซล   ระบบออโต้ โฟกัส (AF) และแฟลซไลท์แบบ LED ให้ประสิทธิภาพการถ่ายภาพที่ดีเยี่ยมในทุกสถานะและสภาพแสง ความจุเครื่องขนาด 8 GB ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกความทรงจำในช่วงเวลาต่างๆผ่านรูปภาพและวิดีโอความละเอียดสูง โดยความจุของเครื่องยังสามารถขยายได้สูงสุดถึง 32 กิ๊ก ผ่าน microSD  นอกจากนี้ยังสามารถสนทนาผ่านวิดีโอ(video chat) ผ่านกล้องหน้าที่มีความละเอียดที่ 1.6 ล้านเมกะพิกเซล


สมาร์ทโฟน เลอโนโว A526 เอนกประสงค์ทุกองศาการใช้งาน แบตเตอร์รี่ทนทาน


สมาร์ทโฟน เลอโนโว A526 ปฎิบัติการณ์บนระบบแอนดรอยส์ 4.2 Jelly Bean OS มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว ในราคาสบายกระเป๋า  เครื่องตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้วยโปรเซสเซอร์ 1.3GHz quad core ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกมส์ หรือดูวิดีโอโดยไม่มีสะดุด นอกจากนั้นยังสามารถสนทนาผ่านวิดีโอ(video call) รวมทั้งการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง ผ่านกล้องหลังความละเอียดขนาด  5 ล้านเมกะพิกเซล เครื่องมาพร้อมแบตเตอร์รี่ความจุสูง สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมง

นอกจากนี้เครื่องยังมาพร้อมระบบนำทางแบบดาวเทียม GPS ที่แม่นยำ ช่วยให้การเดินทางของคุณง่ายดายถึงแม้ไม่มีอินเตอร์เน็ต(โหมดออฟไลน์) รองรับระบบ dual sim-card ช่วยให้ใส่ซิมการ์ดได้ถึง 2 ซิมในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการทำงงานหรือไลฟ์สไตล์ เลอโนโว A526 ตอบได้ทุกโจทย์ของผู้ใช้งาน


ราคาและการวางจำหน่าย

สมาร์ทโฟน เลอโนโว A859 จำหน่ายแล้ววันนี้ที่ราคา 5,990 บาท  ณ  ร้านค้าชั้นนำและตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟน เลอโนโวทั่วประเทศ

สมาร์ทโฟน เลอโนโว A526 จำหน่ายแล้ววันนี้ที่ราคา 4,090  บาท ณ  ร้านค้าชั้นนำและตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟน เลอโนโวทั่วประเทศ

รับข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเลอโนโวได้ทาง RSS feeds หรือติดตามได้ใน Twitter และ http://www.facebook.com/LenovoMobileThailand  หรือเว็บไซต์ http://www.lenovothailand.comสอบถามข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์โทร 081-371-6000  บริษัท The Value System โทร 0-2661-6666 ติดต่อศูนย์บริการหลังการขายบริษัท Aserve Global Solution โทร. 0-2633-9885

28443

ไอเอฟเอส แลบส์ เผยโปรแกรมทางธุรกิจสามารถทำงานร่วมกับ Wearable Technology ได้อย่างไร

ไอเอฟเอส แลบส์ (IFS Labs) ฝ่ายสร้างสรรค์ของไอเอฟเอส บริษัทผู้พัฒนา Enterprise Application ระดับโลก ได้สร้างเครื่องพิสูจน์แนวคิดที่แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้โปรแกรมทางธุรกิจนั้นจะสามารถได้ประโยชน์จากอุปกรณ์เทคโนโลยีเพื่อการสวมใส่ หรือ Wearable Technology ได้อย่างไร ซึ่งได้ยกตัวอย่างการเปิดตัวซัมซุง เกียร์ 2 เมื่อเร็วๆนี้






จากตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงการแจ้งเตือนจากโปรแกรมทางธุรกิจของไอเอฟเอสที่สามารถถูกส่งไปยัง Wearable Technology ด้วยการใช้ APIs ของซัมซุงสำหรับการแจ้งเตือน โดยที่ไอเอฟเอสจะเชื่อมต่อกับส่วนต่างๆของระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร (Enterprise Resource Planning - ERP) ระบบบริหารจัดการสินทรัพย์ขององค์กร (Enterprise Asset Mangement – EAM) และระบบบริหารจัดการด้านการบริการ (Enterprise Service Management - ESM) เพื่อส่งการแจ้งเตือนให้เกิดการปรับปรุงเพื่อกระบวนการที่แม่นยำ ยกตัวอย่างเช่น ฝ่ายงานด้านบริหารจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีการจัดส่งรายการสำคัญ การเริ่มต้นหรือเสร็จสิ้นของโครงการสำคัญ หรือแม้กระทั่งได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีการชำระใบแจ้งหนี้

เดวิด แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยการของไอเอฟเอส แลบส์ กล่าวว่า “ไอเอฟเอสมีความมุ่นมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงแอพพลิเคชั่นให้สะดวกต่อการพกพามากยิ่งขึ้น ลูกค้าของเราจำนวนมากกล่าวถึงความสำคัญของการใช้แอพพลิเคชั่นแบบพกพาในการทำธุรกิจก็เพื่อที่จะเอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานในการเข้าถึงข้อมูลที่พวกเขาต้องการและสามารถตัดสินใจได้อย่างมีระบบไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหนก็ตาม   ซึ่งในฐานะที่เราเป็นผู้นำในตลาด ERP เราให้ความสำคัญในการคิดค้น ทดสอบ และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานของลูกค้าเมื่อใช้แอพพลิเคชั่นในการทำธุรกิจ”

นักวิเคราะห์ในด้านอุตสาหกรรมคาดการณ์การเติบโตในตลาด Wearable โดย Gartner ประเมินว่าตลาด Wearable Electronics จะเติบโตสูงถึง 10 ล้านดอลล่าสหรัฐภายในปี พ.ศ. 2559 และ CCS Insight คาดการณ์ว่าจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับสมาร์ทโฟน สูงถึง 100 ล้านเครื่อง (เช่น นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ – Smart Watch) ภายในปี พ.ศ. 2560



28444


วีซ่าชวนแฟนบอลชาวไทยร่วมฉลองฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 ผ่านโปรแกรมการแข่งขันแบบโต้ตอบได้



ช่วยสร้างประสบการณ์ร่วมให้แฟนบอลชาวไทยได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 โปรแกรมการแข่งขันแบบโต้ตอบได้


รูปภาพจากเว็บไซต์ของวีซ่า http://worldcup.visa.com/teletransporter/

วีซ่า ผู้นำในการให้บริการการชำระเงินระดับโลก ร่วมเป็นพันธมิตรในการให้บริการด้านการเงินแต่เพียงผู้เดียวแก่ ฟีฟ่า สำหรับ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 ที่ประเทศบราซิล (2014 FIFA World Cup Brazil™)  โดยวีซ่าได้นำโปรแกรมต่างๆมาเพิ่มประสบการณ์การในการเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลโลก ให้แก่แฟนบอล ลูกค้า และพันธมิตรนับล้านคนในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย

“เป้าหมายของเราคือการทำให้ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งและมีประสบการณ์ร่วมกันกับฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 นี้ได้” มร. ชาลีย์ สคาฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วีซ่า อิงค์ กล่าว “จากโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับแฟนลูกหนัง ตลอดจนการร่วมเป็นพันธมิตรที่สร้างสรรค์นี้ได้ช่วยให้เทคโนโลยีด้านการชำระเงินก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับที่ประเทศบราซิล วีซ่า ได้เชื่อมต่อผู้คนมากขึ้นด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมระดับโลกเช่นนี้”


เชื่อมแฟนบอลให้กว้างไกลไปทั่วโลกด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ผ่านอินเตอร์เนต

ตอนนี้ทั้งโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับฟุตบอลโลกอย่าง ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 วีซ่าได้ใช้วิดีโอในการป็นเครื่องมือควบคู่ไปกับเครื่องมือที่โต้ตอบได้เพื่อเชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาและโปรแกรมให้เหมาะสมกับความสนใจของแต่ละท่าน นอกจากนี้ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรด้านโซเชียลมีเดียระดับโลกอย่าง เฟสบุค และ ทวิตเตอร์ จึงทำให้วีซ่า สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สนทนาโต้ตอบและเชื่อมต่อกับแฟนบอลได้อย่างรวมเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

แฟนบอลสามารถร่วมรับชม เรียนรู้ แบ่งปัน และแสดงความเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลกฟีฟ่า ได้ผ่านทางช่องทางของวีซ่าที่ www.worldcup.visa.com


·       แซมบ้า ออฟ เดอะเวิลด์ (Samba of the World)

ความพยายามในการสร้างสรรคค์งานชิ้นนี้ถือเป็นครั้งแรกของวีซ่า ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากผู้สร้างภาพยนตร์ระดับโลก จำนวนทั้งสิ้น 32 คน ในการถ่ายทอดจุดเด่นของแต่ละประเทศที่ได้ร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 ซึ่งแต่ละคนจะสร้างภาพยนตร์ความยาว 90 วินาที โดยใช้รูปแบบและเพลงประกอบเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการฉลองเทศกาลฟุตบอลโลกของแต่ละประเทศว่ามีลักษณะอย่างไร ซึ่งวิดิโอดังกล่าวจะถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ของวีซ่า

·       วีซ่า แฟนบาสเดอร์ (Visa Fanbassadors)

กลุ่มผู้นำและผู้สร้างสรรค์เนื้อหา จำนวน 10 คนจากประเทศต่างๆ อาทิ บราซิล เม็กซิโก ญี่ปุ่น และอังกฤษโดยวีซ่าได้นำพวกเขาเข้าร่วม ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 ในครั้งนี้เพื่อเก็บรวบรวมและถ่ายทอดเรื่องราวการแข่งขันผ่านวิดีโอและภาพถ่าย ซึ่งแฟนบอลสามารถรับชมข้อมูลต่างๆเหล่านี้ได้ที่เฟสบุคและทวิตเตอร์ของวีซ่า (www.facebook.com/visa และ @visa; www.twitter.com/visa)

·       วีซ่า เทเลทรานสปอทเตอร์ (Visa Teletransporter)

โปรแกรมอันสร้างสรรค์นี้จะทำให้การแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2014 พาพวกเข้าสู่ศูนย์กลางของงานที่สร้างแรงบันดาลใจในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก เพียงแค่แฟนบอลแทรกรุปของพวกเขาไปที่วิดิโอตามฉากต่างๆที่พวกเขาเลือก ไม่ว่าจะเป็นฉากการร่วมรับประทานอาหารอันแสนโรแมนติดร่วมกับแชมป์เก่าอย่าง ฟาบีโอ กันนาวาโร นักเตะมายากลที่นำทีมคว้าแชมป์โลก 3 สมัยอย่าง ซีเนดีน ซีดาน โดยวิดิโอดังกล่าวจะถูกเผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ตลอดโปรแกรมการแข่งขัน ซึ่งวีซ่าจะเผยแพร่แบบเรียลไทม์ในช่วงการแข่งขันเพื่อพาสาวกทั้งหลายไปในที่ที่พวกเขาต้องการ

ฟุตบอลทางการเงิน โดย วีซ่า (Visa Financial Football)

ในการสนับสนุนการแข่งขันปีนี้ วีซ่าได้เปิดตัววีดีโอเกมส์ที่ให้ความรุ้เกี่ยวกับฟุตบอลโลก ฟีฟ่า ซึ่งเป็นเกมส์ออนไลน์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลแก่นักเรียนและบุคคลทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเกมส์ดังกล่าวมีภาษารองรับมากถึง 30 ภาษา  โดยมีผู้เข้ามาเล่นมากถึง 3 ล้านต่อวันทางเว็บไซต์ www.FinancialFootball.com ซึ่งเครื่องมือการให้ความรู้ทางการเงินนี้จะช่วยบุกเบิกความรู้เรื่องการเงินส่วนบุคคลผ่านรูปแบบหรือกลไกในลักษณะเกมส์

เกี่ยวกับวีซ่าและฟีฟ่า

การเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างวีซ่าและฟีฟ่านั้น ได้เชื่อมโยงแบรนด์การชำระเงินชั้นนำระดับโลกกับฟุตบอลซึ่งถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการสร้างความพอใจและความภักดีในตราสินค้าของวีซ่า ขณะที่ได้สร้างการมีส่วนรวมในการแข่งขันให้แก่ผู้ชม มากขึ้นด้วย

การแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า ทำให้วีซ่าได้รับสิทธิพิเศษสำหรับการให้บริการทางการเงินจากพันธมิตร รวมถึงคู่แข่งมากกว่า 40 แห่ง ยังถูกกระตุ้นจากลูกค้าของสถาบันทางการเงินและพันธมิตรทางการค้าด้วย โดยประเภทบัตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรเติมเงินของแบรนด์วีซ่านั้น จะเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่สามารถใช้คู่กับเงินสด เพื่อใช้สำหรับซื้อสินค้าภายในสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า

วีซ่าร่วมเป็นพันธมิต่ร่วมกันฟีฟ่าตั้งแต่ปี 2007 โดยวีซ่าประกาศครบรอบการร่วมเป็นพันธมิตรครบ 8 ปี เมื่อเดือนมกราคม 2014 และได้รับสิทธิ์การมีส่วนร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกไปจนถึงปี 2022 ที่กาตาร์


###

เกี่ยวกับวีซ่า

วีซ่าคือบริษัทผู้ให้บริการด้านเครือข่ายการชำระเงินระดับโลก แก่ลูกค้าบุคคล ธุรกิจ และสถาบันการเงิน ตลอดจนองค์กรรัฐ ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีด้านเงินตราดิจิตอลที่รวดเร็ว ปลอดภัย และวางใจได้ โดยมี VisaNet หนึ่งในระบบเครือข่ายการทำงานด้านเงินตราดิจิตอลที่ทันสมัยมากที่สุดระบบหนึ่งของโลกเป็นรากฐาน ซึ่งสามารถประมวลและควบคุมการทำธุรกรรมได้กว่า 47,000 รายการในหนึ่งวินาที พร้อมด้วยระบบป้องกันการปลอมแปลงสำหรับลูกค้าบุคคล และการรับประกันการชำระเงินสำหรับร้านค้า วีซ่าไม่ใช่ธนาคารและมิได้มีบริการการออกบัตร เพิ่มวงเงินเครดิต หรือกำหนดอัตราค่าบริการแก่ผู้ถือบัตร หากแต่ให้บริการนวัตกรรมซึ่งส่งเสริมให้สถาบันการเงินสามารถมอบทางเลือกที่มีความหลากหลายให้แก่ลูกค้าได้ เช่น บริการชำระเงินจากยอดเงินในบัตรเดบิต หรือการใช้จ่ายด้วยวงเงินล่วงหน้าผ่านผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตต่างๆ

28445
เบ็นดิกซ์ ปูพรมสินค้า ครองตลาดผู้นำรักษาระบบเบรก
ส่ง จาระบีเซรามิคสังเคราะห์ เพิ่มส่วนแบ่งตลาด


               เบ็นดิกซ์ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลและรักษาระบบเบรก อันดับ 1 ของเมืองไทย ล่าสุดส่งผลิตภัณฑ์จาระบีเซรามิคสังเคราะห์จากเบ็นดิกซ์ จาระบีนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา แท้ 100% มีสูตรพิเศษจากส่วนผสมที่สกัดจากน้ำมันสังเคราะห์บริสุทธิ์ และยังส่วนประสมพิเศษของการเพิ่มสารป้องกันการสึกหรอ สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดอายุการใช้งานของผ้าเบรก และอีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษของจาระบีเบ็นดิกซ์ คือสามารถทนความร้อนได้สูงกว่าจาระบีทั่วไปถึง 2 เท่า ลดอัตราการสึกหรอ และช่วยป้องกันการกัดกร่อนของชิ้นส่วนเบรก

               นายประพัฒน์  อัศวาดิศยางกูร  ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาค บริษัท เอฟ เอ็ม พี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวถึง จาระบีเซรามิคสังเคราะห์ จากเบ็นดิกซ์ ว่า “สำหรับการดูแลและรักษาระบบเบรกนั้น นอกจากการเลือกผ้าเบรกที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสุดต่อรถแล้วนั้น การเลือกจาระบีก็เป็นอีกหนึ่งส่วนความสำคัญที่จะทำให้ประสิทธิภาพการเบรก สมบูรณ์แบบเต็ม 100 % ซึ่งความสำคัญนี้ยังมีหลายคนที่มองข้ามความปลอดภัยดังกล่าวไป เพราะการเลือกใช้จาระบีผิดประเภทอาจนำมาซึ่งความเสียหายของระบบเบรกได้ สำหรับจาระบีเพื่อการหล่อลื่นทั่วไปในท้องตลาดนั้น มีขีดจำกัดในเรื่องของการทนความร้อนในอุณหภูมิที่สูง ซึ่งเป็นอันตรายเป็นอย่างมากถ้านำมาใช้ในการหล่อลื่นสำหรับระบบเบรก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด จึงควรเลือกใช้จาระบีที่ผลิตมาสำหรับการดูแลรักษาระบบเบรกโดยเฉพาะ เพื่อความมั่นใจทุกครั้งที่แตะเบรกของผู้ขับขี่


               สำหรับผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของเบ็นดิกซ์ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเบ็นดิกซ์ กว่า 350 ร้านค้า ทั่วประเทศ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.bendix.co.th” นายประพัฒน์ กล่าวปิดท้าย

28446
“เอ๋ พรทิพย์”  ควง “ก้อง สหรัถ” เปิดตัวแคมเปญ “CP Tofu Heroes เต้าหู้ผักพิทักษ์โลก”
พร้อมโชว์เมนูเด็ดเอาใจเด็กไม่กินผัก

ซีพีเปิดตัว 4 ฮีโร่เต้าหู้ผักพิทักษ์โลก: นายวิทวัส ตันติเวสส  (ที่3 จากขวา)รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านการตลาด บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในนามผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสดในรูปแบบแพ็ค แบรนด์ ซีพี  พร้อมด้วย นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล (ที่3จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ ด้านการตลาด และ นายทิศักดิ์ องค์วัฒนกุล (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)  ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “CP Tofu Heroes เต้าหู้ผักพิทักษ์โลก” แนะนำเหล่าฮีโร่ทั้ง 4 กับครั้งแรกที่ผักอยู่ในเต้าหู้ไข่ไก่ โดยมี เอ๋ พรทิพย์ สกิดใจ และ ก้อง สหรัถ สังคปรีชา  มาแบ่งปันเมนูการทำอาหารง่าย ๆ พร้อมแชร์เรื่องการดูแลใส่ใจสุขภาพและโภชนาการของลูกรัก โดยมี หนิง ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา จีระแพทย์ เป็นผู้ดำเนินงานแถลงข่าว ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันก่อน

               ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการเปิดตัว “CP Tofu Heroes เต้าหู้ผักพิทักษ์โลก” เหล่าฮีโร่ทั้ง 4 กับซีพี เต้าหู้ไข่ไก่ โอเมก้า ผสมผัก (แครอท, ฟักทอง, บร็อคโคลี่) เอาใจคุณแม่ที่ต้องการสร้างสุขลักษณะการทานที่ดีแก่ลูกรัก ภายในงานมีการแนะนำ 4 ฮีโร่ นำโดยพี่หู้ต่าย, พี่แครอท, พี่บร็อคโคลี่, น้องพัมพ์กิ้น และผู้ดูแลบัญชาการฮีโร่ทั้ง 4 กัปตันโอเมก้า ที่จะมาเป็นตัวช่วยในการสร้างสุขลักษณะการทานที่ดีให้แก่เด็ก ๆ ในงานนี้คุณแม่คนสวย เอ๋ พรทิพย์ สกิดใจ ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์การสร้างสุขลักษณะการทานที่ดี และร่วมแชร์การดูแลใส่ใจสุขภาพและโภชนาการแก่ลูกรัก และยังได้พูดคุยกับพระเอกฮีโร่ขวัญใจสาว ๆ ก้อง สหรัถ สังคปรีชา ที่จะมาแชร์เรื่องราวการดูแลสุขภาพและสุขลักษณะการทานที่ดี


เอ๋ พรทิพย์

               เอ๋ พรทิพย์ เผยว่า “การดูแลลูกเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนคงกังวล โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่เรารู้ ๆ กันอยู่ว่าเด็ก ๆ จะไม่ชอบทานผัก ทำให้พ่อแม่ต้องกังวลว่าลูกจะได้สารอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ เดี๋ยวจะมีผลต่อการพัฒนาการของลูก แต่ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่คงคลายความกังวลไปได้เลย เมื่อทางซีพีได้นำ เต้าหู้ไข่ไก่มาผสมกับผัก ทำให้เด็ก ๆ ทานง่ายขึ้น และยังเพิ่มโอเมก้า 3 ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายท่านคงทราบว่าเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์แก่เด็กมาก และถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ลงตัวมากเลยค่ะ วัตถุดิบหลักที่ใช้ถูกคัดสรรมาอย่างดีใส่ใจในทุกกระบวนการผลิต ทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนแน่นอนเลยค่ะ และอีกอย่างเอ๋อยากรู้มากเลยค่ะว่าพี่ก้องทำได้ยังไงเป็นฮีโร่ทั้งเด็ก ๆ และสาว ๆ และดูแลสุขภาพได้ดีมาก ๆ เผื่อเอ๋เอาไว้สอนลูกบ้าง ”


ก้อง สหรัถ

               ก้อง สหรัถ เผยว่า “ขอบคุณนะครับน้องเอ๋ แต่ก็ชมเกินไปพี่ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ  พี่เพิ่งรู้เหมือนกันครับว่าพี่เป็นฮีโร่ทั้งเด็ก ๆ และสาว ๆ อาจจะเพราะบทบาทที่พี่ได้รับจากละครที่เพิ่งจบ ส่วนเรื่องการดูแลสุขภาพ ผมก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ขั้นพื้นฐานเลยคือ การออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และอีกอย่างที่สำคัญการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก และผลไม้ เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ และคนที่ไม่ชอบทานผักผมว่าก็มีวิธีการนำผักมาประยุกต์ทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ผมรู้สึกทึ้งกับนวัตกรรมใหม่ของซีพีมากครับที่นำเต้าหู้ไข่ไก่มาผสมกับผักได้อย่างลงตัว เป็นอาหารที่ทานได้ทุกเพศทุกวัย และยังเพิ่มโอเมก้า 3 ลงไปอีกด้วย และอยากฝากถึงเด็ก ๆ ทุกคนนะครับถ้าเราดูแลร่างกายตั้งแต่อายุน้อย ๆ ร่างกายก็จะแข็งแรงอย่างแน่นอนครับ และถ้าอยากเป็นฮีโร่ทานของที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะครับ”
















28447
หนุ่มสาว SCB เป็นปลื้ม “เต๋า AF 8” เสิร์ฟหมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ
ในแคมเปญ“คาราวาน หมูดำ  ซีพี-คูโรบูตะ อร่อยนุ่มมมมม นุ่ม นุ่ม นุ่ม จนต้องบอกต่อ”

ซีพีเอฟ ส่งคาราวาน “หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ อร่อยนุ่มมมมม นุ่ม นุ่ม นุ่ม จนต้องบอกต่อ” ตะลุย SCB Park : นายนรวีร์ เศรษฐบุตร (คนกลาง) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ส่งคาราวาน หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ พร้อมพระเอกหนุ่มบ้าน  AF เต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ มาร่วมขบวนการออกเสิร์ฟ และเชิญชวนบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศ SCB มาร่วมพิสูจน์ความอร่อย…นุ่มมมมม จนต้องบอกต่อ โดยคาราวานในครั้งนี้ได้ตะลุยออกเสิร์ฟ ณ SCB Park เมื่อวันก่อน และติดตามคาราวานที่พร้อมออกตะลุยทั่วกรุงเทพ ตลอดเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมนี้

               บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในนามผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ เนื้อหมูนุ่มระดับพรีเมี่ยม  ส่งคาราวานหมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ ออกตะลุยทั่วกรุงเทพ โดยครั้งนี้มีพระเอกหนุ่มเสียงดี เต๋า AF 8 มาร่วมขบวนการออกเสิร์ฟความอร่อย ถึงแม้งานนี้ต้องออกห่างจากคู่จิ้นบ้าน AF  แต่หนุ่มเต๋าไม่มีทางเหงาแน่นอน เมื่อบรรดาเหล่าแฟนคลับมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม ทำให้มีแรงใจในการเสิร์ฟ ให้บรรดาหนุ่มสาว SCB ได้พิสูจน์ความอร่อย…นุ่มมมมม จนต้องบอกต่อ นอกจากนี้ยังทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยการถ่ายรูปของตัวเองกับหมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ ตรงบริเวณที่จัดคาราวาน แล้วแชร์เพื่อนเพื่อรับของรางวัลมากมาย พร้อมถ่ายรูปร่วมกับเต๋า AF 8 ซึ่งเจ้าตัวได้เผยประสบการณ์กับคาราวานในครั้งนี้ว่า


เต๋า AF8


วีร์ เศรษฐบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านการตลาด


               “ดีใจมากครับที่วันนี้ได้มาเสิร์ฟความอร่อยให้กับหนุ่มสาว SCB ได้ลองชิม หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ ซึ่งได้รับการต้อนรับที่ดีมาก และอีกอย่างผมต้องขอบคุณแฟนคลับด้วยนะครับที่อุตส่าห์มารอเจอกัน ในระหว่างที่เสิร์ฟความอร่อยผมได้ลองชิมรสชาติใหม่หมูดำหมักซอสฮอตแอนด์สไปซี่ ผมบอกได้เลยว่าอร่อยมากครับ รสชาติเข้มข้นมาก ไม่เผ็ดจนเกินไป เนื้อหมูนุ่มมาก นุ่มจนต้องบอกต่อจริง ๆ นอกจากที่นี้ พวกเราจะไปเสิร์ฟกัน โดยแต่ละที่จะมีเพื่อน ๆ นักร้อง นักแสดงมาร่วมคาราวานความอร่อย…นุ่มมมม ให้ทุกคนในกรุงเทพฯ ได้ชิมกันถึงที่ ตลอดเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ส่วนคาราวานจะไปที่ไหน และจะพบกับเพื่อน ๆ ผมคนไหนนั้น สามารถติดตามรายละเอียดและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของกิจกรรมได้ที่ facebook.com/brandcp และ Cool 93 Fahrenheit” เต๋า AF 8 กล่าวทิ้งท้าย










28448
สมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่สุดทน ผนึกกำลัง
เดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมกับ สมอ. กรณีตรวจสอบมาตรฐานรถนำเข้า แนวทางการทำงานไม่ชัดเจน เลือกปฎิบัติ
ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการเดือดร้อนกันถ้วนหน้า


               นายอภิชาติ สมรพิทักษ์กุล นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เปิดเผยว่า “ในขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ใหม่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ออกระเบียบให้ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระต้องนำรถยนต์ที่นำเข้ามาทำการตรวจสอบมาตรฐานก่อนการจำหน่ายทุกคัน ในขณะที่บริษัทผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Authorizer Dealers) ในประเทศไทยได้รับยกเว้นหรือผ่อนผัน ทั้งๆ ที่รถยนต์ที่ผู้นำเข้าอิสระกับผู้แทนจำหน่ายนั้น สั่งนำเข้ารถยนต์มาจากแหล่งผลิตหรือโรงงานเดียวกันจากต่างประเทศ”

               [แนวทางการปฏิบัติงานของ สมอ.ดังกล่าวนี้ เป็นการปฎิบัติที่ไม่เป็นธรรมส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ให้กับผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระ อาทิ ต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคขาดเสรีภาพและโอกาสในการเลือกซื้อ ระยะเวลาที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงตามที่ระบุไว้ในหลักเกณฑ์ กล่าวคือ สมอ. ระบุว่าจะสามารถตรวจสอบมาตรฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่ในทางปฎิบัติจริงแล้วใช้เวลาตรวจสอบอย่างน้อย 90 ถึง 120 วัน ส่งผลให้การส่งมอบรถให้ลูกค้าเกิดความล่าช้าเสียหาย/size]


               อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ไม่มีมาตรฐานในการจัดเก็บที่แน่นอน โดยในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน มีการปรับเปลี่ยนหลักการจัดเก็บถึง 3 ครั้ง กล่าวคือ ครั้งแรกประมาณต้นปี 2556 ผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระ ได้ยื่นขอตรวจสอบรถยนต์นำเข้า สมอ. คิดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต มูลค่าประมาณ 100,000 บาท ต่อมา สมอ. ได้มีการเปลี่ยนแปลงคิดค่าธรรมเนียมโดยแยกตามประเภทของเครื่องยนต์ โดยดีเซลคิดค่าธรรมเนียม 19,000 บาท และ เบนซินคิดค่าธรรมเนียม 49,000 บาท ซึ่งในขณะนั้นใบอนุญาตใบแรกก็ยังไม่ออกเสียด้วยซ้ำ ล่าสุดมีการปรับค่าธรรมเนียมการจัดเก็บเครื่องยนต์ดีเซลอยู่ที่ 46,000 บาท และ เครื่องยนต์เบนซินอยู่ที่ 78,000 บาท ซึ่ง สมอ. ไม่เคยชี้แจงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บเงินจำนวนเงินดังกล่าวเลย

               “และด้วยคำสั่งล่าสุด ให้รถยนต์นำเข้าต้องผ่านการตรวจมาตรฐานเพื่อรับใบอนุญาตจาก สมอ. ทุกชิฟเม้นท์ ก่อให้เกิดความตระหนกตกใจ รวมถึงความไม่เชื่อถือในหมู่ผู้บริโภคทั้งที่เป็นลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ และบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ อีกทั้งคำว่า “ทุกชิฟเม้นท์” นี้ก็ไม่มีความชัดเจนว่าคืออะไร สมาคมฯได้ทำหนังสือถามเพื่อความชัดเจนไปที่ สมอ. ซึ่งยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจนถึงทุกวันนี้

               ถ้าเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Authorized Dealers) สมอ.กลับผ่อนผันยกเว้นด้วยการใช้วิธีตรวจสอบจากการเทียบเคียงในรถรุ่นเดียวกันสามารถใช้ใบอนุญาต 1 ใบ ต่อรถจำนวน 5,000 คัน หรือไปตรวจสอบ ณ โรงงานผู้ผลิต แต่สำหรับผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระแล้ว สมอ.ระบุว่าต้องตรวจทุก ชิฟเม้นท์ ซึ่งสมาคมฯ ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากในขณะนี้”


               ทั้งนี้ สมาคมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เข้าพบเพื่อหารือหาแนวทางแก้ไขกับผู้มีอำนาจรับผิดชอบในสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) หลายๆ ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมา โดยล่าสุดสมาคมฯ ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 25 เมษายน 2557 ต่อ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้พิจารณาให้ความเป็นธรรมในเรื่องการขอปรับเกณฑ์ในการตรวจสอบเพื่อการอนุญาตสำหรับผู้นำเข้ารถยนต์รายย่อย แต่คำร้องดังกล่าวยังไม่ได้รับการตอบรับจาก สมอ. แต่อย่างใด

               “ดังนั้น ในนามสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่จึงได้ร่วมกันชี้แจ้งข้อเท็จจริง เพื่อให้มีการตรวจสอบอำนาจหน้าที่ และการทำงานของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่ต้องทำงานด้วยความสุจริต โปร่งใส ยุติธรรม และสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ และนับจากวันนี้สมาคมฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อพิจารณาและสรุปการดำเนินการในขั้นต่อไป” นายอภิชาติ กล่าวทิ้งท้าย

28449
ฮอนด้าบิ๊กไบค์เตรียมเผยโฉม 3 โมเดลใหม่รับตลาดบิ๊กไบค์โตสวนกระแส

เอ.พี.ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย เตรียมเปิดตัวรถบิ๊กไบค์นำเข้ารุ่นใหม่รวดเดียวถึง 3 รุ่น หลังกระแสรถบิ๊กไบค์ยังมาแรงสวนกระแสเศรษฐกิจตกต่ำ ประเดิมเผยโฉมเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่งานบางกอกมอเตอร์ไบค์เฟสติวัล 2014


               นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ตลาดบิ๊กไบค์ในเมืองไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ปัญหาทางการเมืองยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคต่างๆ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดบิ๊กไบค์มากนักเนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำลังซื้อสูงอยู่แล้ว หากนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2014 จนถืงเดือนมิถุนายนนี้ ตลาดมีตัวเลขยอดจดทะเบียนล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 7,150 คัน เติบโตขึ้นราว 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2013 ในขณะที่ฮอนด้าบิ๊กไบค์มียอดจดทะเบียนประมาณ 2,300 คัน เติบโตขึ้นราว 57% และมีสัดส่วนครองตลาดอยู่ที่ 32%”

               สำหรับแนวโน้มในครึ่งปีหลังนั้น หากปัจจัยทางการเมืองไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้มากนัก ตลาดรวมบิ๊กไบค์เมืองไทยตลอดทั้งปี 2014 น่าจะแตะถึงระดับ 15,000 คัน หรือเติบโตขึ้นราว 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยฮอนด้าบิ๊กไบค์น่าจะมียอดจดทะเบียนราวๆ 4,500 คัน หรือเติบโตขึ้นประมาณ 65% ซึ่งฮอนด้าได้เตรียมกระตุ้นตลาดบิ๊กไบค์ครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัวรถนำเข้ารุ่นใหม่พร้อมกันรวดเดียวถึง 3 รุ่น  ได้แก่ NM4, Gold Wing F6C และ CB1100EX โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ตลาดกลุ่มไฮเอนด์ที่มีกำลังซื้อสูง และชอบขับขี่รถบิ๊กไบค์ระดับท็อปคลาส ซึ่งรถทั้ง 3 รุ่นนี้จะได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่งานบางกอกมอเตอร์ไบค์เฟสติวัล 2014 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ระหว่างวันที่ 2 ถึง 6 กรกฏาคม 2557

28450
บางจากไฮดีเซล เพิ่มแรง ไม่เพิ่มราคา ฮอตฮิต
ดันยอดขายบางจากชึ้นอันดับสองตลาดน้ำมัน


              “บางจากไฮดีเซล” ดีเซลคุณภาพสูง สะอาด แรงกว่าเดิมด้วย 2 สารเพิ่มคุณภาพใหม่ล่าสุด แต่จำหน่ายราคาเดิม ไม่เพิ่มภาระคนไทย ดันส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกขึ้นอันดับ 2 หลังผู้ใช้ดีเซลตอบรับดีเกินคาด

              บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)  ได้จัดกิจกรรมนำสื่อมวลชนสายยานยนต์ กว่า 15 หน่วยงาน ร่วมทดสอบคุณภาพน้ำมันบางจากไฮดีเซล ผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลใหม่ล่าสุดของบางจากฯ เส้นทางกรุงเทพฯ – เขาใหญ่ โดยใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลยอดนิยม อาทิเช่น  BMW X1 2.0 D, ISUZU MU-7,  CHEVROLET CAPTIVA,  MITSUBISHI PAJERO, NISSAN NAVARA, TOYOTA FORTUNER เป็นต้น วิ่งทดสอบทุกลักษณะเส้นทางทั้งทางราบ ทางชัน


นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์

              นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า น้ำมันดีเซลเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงหลักของภาคคมนาคมขนส่งเมืองไทย ดังนั้นจึงต้องพัฒนาให้มีคุณภาพสูง  คุ้มค่าต่อการใช้งาน บริษัทฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ บางจากไฮดีเซล ใหม่ ที่เพิ่มสมรรถนะด้วยเทคโนโลยีสารเพิ่มคุณภาพใหม่ล่าสุด ซึ่งทดสอบแล้วว่าให้ประสิทธิภาพสูงกับเครื่องยนต์ ทั้งในด้านความแรง ความประหยัด แต่บริษัทฯ จะยังคงจำหน่ายในราคาเดิม เพื่อไม่เพิ่มภาระให้ผู้บริโภค  และให้คนไทยได้ใช้ของดี โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง ด้วยจุดเด่นของไฮดีเซล คือ เพิ่มแรง แต่ไม่เพิ่มราคา นอกจากบริษัท ยังท้าพิสูจน์คุณภาพน้ำมัน “บางจากไฮดีเซล” ผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลใหม่ล่าสุดของบางจากฯ โดยให้สื่อมวลชนได้ทดสอบเส้นทางกรุงเทพฯ –เขาใหญ่ ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลยอดนิยม อาทิเช่น  BMW X1 2.0 D, ISUZU MU-7,  CHEVROLET CAPTIVA,  MITSUBISHI PAJERO, NISSAN NAVARA, TOYOTA FORTUNER เป็นต้น วิ่งทดสอบทุกลักษณะเส้นทางทั้งทางราบ ทางชัน

              บางจากไฮดีเซล ผสมสารเพิ่มประสิทธิภาพ (Additive) คือ สารไฮคลีน (Hi Clean) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องยนต์สะอาด ทำงานได้เต็มสมรรถนะ จึงช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และสารไฮเพาเวอร์ (Hi Power) ที่ช่วยให้เครื่องยนต์แรงขึ้น  ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทดสอบคุณสมบัติน้ำมันไฮดีเซลใหม่จนมั่นใจในคุณภาพ และยังได้ให้ ดร.นภดล กลิ่นทอง อาจารย์สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ  ทดสอบในห้องทดลองและด้วยการใช้งานจริง  พบว่าสมรรถนะดีขึ้นในทุกด้าน ทั้งความประหยัด  อัตราเร่ง และเสียงของเครื่องยนต์ที่วิ่งได้เงียบขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯ เริ่มจำหน่ายบางจากไฮดีเซลใหม่ เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2557  ที่สถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ




              นอกจากนั้น เพื่อกระตุ้นการทดลองใช้ในระยะแรก บริษัทฯ ได้จัดลุ้นรางวัลใหญ่ บางจากไฮดีเซล ให้รถ ให้โชค มอบรถ BMW X1 มูลค่า 2,799,000 บาท โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์  มูลค่า 1,209,000 บาท บัตรเติมน้ำมัน  เสื้อแจ็กเก็ต  รวมรางวัลตลอดรายการกว่า 800 รางวัล มูลค่ากว่า 5,300,000 บาท โดยเติมน้ำมันบางจากไฮดีเซลทุก 900 บาท รับคูปองลุ้นโชค 1 ใบ สมาชิกบางจากดีเซลคลับรับคูปองเพิ่มเป็น 2 ใบ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2557  จับรางวัล 2 ครั้งๆ ที่ 1 วันที่ 16 กรกฎาคม 2557  ครั้งที่ 2 วันที่ 25 กันยายน 2557  ประกาศผลทาง www.bangchak.co.th

              นายพงษ์ชัยได้กล่าวถึงผลการตอบรับบางจากไฮดีเซลว่า หลังจากเริ่มจำหน่ายไประยะหนึ่ง ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ดีเซลเป็นอย่างดี   ส่งผลให้ขณะนี้บางจากฯ  มีส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันขึ้นมาเป็นอันดับ 2  สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันดีเซลของไทยนั้น ปัจจุบันมีการใช้เดือนละประมาณ 1,806 ล้านลิตร  เป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางสถานีบริการน้ำมันเดือนละประมาณ 1,063 ล้านลิตร  ขณะที่บางจากฯ มีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกน้ำมันดีเซลประมาณ 13% หรือคิดเป็นยอดขายเฉลี่ยเดือนละ 138.1 ล้านลิตร














28451
ต้อนรับ “ถังเบียร์ เทม นัน”
เข้าสังกัด “สหภาพดนตรี”



               เปิดบ้านสหภาพดนตรี ต้อนรับสามนักร้องจากเวที “ทรู อคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น10” พร้อมเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด งานนี้บอสใหญ่ “นิติพงษ์ ห่อนาค” เป็นตัวแทนสหภาพดนตรีอ้าแขนรับ คาดปลายปีได้ฟังกันแน่นอน


               “นิติพงษ์ ห่อนาค” บอสใหญ่แห่ง “สหภาพดนตรี” และยังเป็นอีกหนึ่งในครูบ้านอคาเดมี แฟนเทเชีย  พร้อมด้วย ศรีล สุขุม ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร และ กลุ่มโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลงมือดีของบริษัท ได้ร่วมกันต้อนรับ 3 นักร้องจากบ้าน อคาเดมี แฟนเทเชีย “ถังเบียร์ - ภูริวัชร์ ธีระชาติ, เทม - เมธี ทับทิมทอง และ นัน - สุนันทา ยูรนิยม”




               “วันนี้ได้ชักชวนคุณศรีลและทีมโปรดิวเซอร์เป็นตัวแทนของสหภาพดนตรี และตัวแทนของคุณวุฒินันต์ ภิรมย์ภักดีมาต้อนรับน้องๆ ทั้ง 3 แห่งบ้านแฟนเทเซีย ก่อนจะเข้ามาทำงานเพลงเต็มตัวกับสหภาพดนตรี โดยทั้ง 3 คนเข้าทำงานเพลงภายใต้การดูแลของคุณวุฒินันต์ตรงเลย” บอสคนเก่งกล่าว

               แฟนเพลงสามารถติดตามข่าวสารและตารางงานต่างๆ ของ “ถังเบียร์ เทม และ นัน” ได้ทาง   https://www.facebook.com/wearemusicunion

28452

8 เทคนิคเพื่อประสบการณ์ช้อปออนไลน์แบบสบายใจ
จากราคูเท็นตลาดดอทคอม

ด้วยความนิยมในการช้อปปิ้งออนไลน์ในหมู่คนไทยขยายวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 2 ปัจจัยสำคัญที่เร่งเครื่องอย่างอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ถูกเปรียบเทียบให้เป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ของชีวิตผู้คนในเมือง บวกกับ อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีให้เลือกอย่างหลากหลายมากขึ้นครอบคลุมทุกระดับราคา จนกลายเป็นที่มาของอัตราการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซขยับตัวสูงขึ้นกว่า 30% ต่อปี “ราคูเท็น (Rakuten)” หนึ่งในผู้นำด้านตลาดออนไลน์ของโลกและผู้เป็นเจ้าของราคูเท็นตลาดดอทคอม (Rakuten TARAD.com) ในประเทศไทย ได้รวบรวมเอา 8 เทคนิคสำหรับนักช้อปออนไลน์ เพื่อประสบการณ์ช้อปปิ้งซื้อสินค้าออนไลน์อันน่าพึงพอใจทุกครั้งที่ช้อปออนไลน์ ใน 8 แง่มุมดังนี้

                1.       ช้อปออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว เพิ่มความปลอดภัยให้ข้อมูลสมาชิกตลอดจนข้อมูลการชำระเงินของคุณได้ง่ายๆแค่หลีกเลี่ยงทำรายการช้อปออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์สาธารณะ ปัจจุบันนี้ เว็บไซต์ช้อปออนไลน์ชั้นนำหลายๆรายรวมถึง ราคูเท็นตลาดดอทคอมเองนั้นถูกออกแบบให้เป็นหน้าเว็บที่รองรับทุกรูปแบบหน้าจออุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้อัตโนมัติไม่ว่าคุณจะช้อปออนไลน์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเล็ต

                2.       ดูรายละเอียดให้ถี่ถ้วนแน่ใจก่อนคลิกซื้อ นักช้อปออนไลน์มืออาชีพต้องไม่ลืมที่จะเลื่อนเมาส์ลงอ่านข้อมูลสินค้าอย่างถี่ถ้วนก่อนคลิกสั่งซื้อ นอกเหนือจากราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ชื่อรุ่น สี ไซส์ น้ำหนัก คุณสมบัติ การรับประกันและแหล่งที่มาของสินค้า อาทิ ประกันครอบคลุมศูนย์บริการในเมืองไทยหรือไม่ หรือ วันหมดอายุและวันที่ผลิตสำหรับสินค้าเพื่อการบริโภค หากเป็นไปได้ ควรมองหาช่องทางการซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งมักจะมีนโยบายการันตีคืนเงินกรณีไม่ได้รับสินค้า หรือ กรณีสินค้าที่ได้รับบกพร่องด้านคุณภาพ เขียนไว้บนเว็บไซต์อย่างชัดเจน เพื่อมอบความเชื่อมั่นและความคุ้มครองแก่ผู้บริโภค

                3.       ทำความรู้จักร้านค้าออนไลน์ ดูตัวตนและความน่าเชื่อถือของร้านค้า การซื้อสินค้าจากร้านค้าที่มีหน้าโฮมเพจเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ นอกเหนือจากจะอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆให้แก่ลูกค้าได้มากกว่าแล้ว ยังเป็นส่วนสะท้อนความตั้งใจในการทำธุรกิจออนไลน์ได้เป็นอย่างดี เพราะการช้อปปิ้งซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ที่มีหน้าร้านเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ช่วยยืนยันได้ถึงตัวตนและแหล่งที่มาของสินค้าได้ ตลอดจน วันที่เริ่มเปิดร้านค้า จำนวนสินค้า และการบริการหลังการขาย เป็นต้น

                4.       เลือกรูปแบบการชำระเงินที่ตรงสไตล์คุณ การช้อปปิ้งผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบนั้นมักจะมีบริการชำระเงินที่หลากหลายรองรับความต้องการของลูกค้าไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตของธนาคารต่างๆ การชำระเงินสดปลายทางเมื่อสินค้าส่งถึงมือ (Cash on Delivery)  หรือ อาจเลือกชำระผ่านช่องทางออฟไลน์ที่คุ้นเคยอย่างเครื่องเอทีเอ็ม หรือ จุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ ด้วยการสั่งพิมพ์เอกสารแล้วนำไปชำระด้วยบาร์โค้ด

                5.       สำรวจโปรโมชั่นให้ครบแบบนักช้อปมือโปร จากหน้าฟีด (Feed) สินค้าที่คุณสนใจบนโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ หากมีลิงก์ให้คลิกกลับมาที่หน้าร้านค้าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเมื่อไหร่ อย่าลืมมองหาโปรโมชั่นเสริม ซึ่งโดยปกติแล้วเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้า อาทิ โค้ดส่วนลดพิเศษ ของแถม คูปองต่างๆ ตลอดจน ทางเลือกในการผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตจากธนาคารต่างๆ ซึ่งยิ่งตอกย้ำได้ดีว่าเหตุใดบัตรเครดิตจึงเป็นรูปแบบการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกนิยม เพราะไม่เพียงมีโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ แต่สถาบันการเงินยังทำหน้าที่เป็นคนกลางทำหน้าที่พยานยืนยันการชำระเงิน พร้อมระบุวันและเวลาอย่างชัดเจนได้อีกด้วย

                6.       สมัครสมาชิกก่อนซื้อเพื่อสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า หากพบว่าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซดังกล่าวมีระบบสมาชิกให้บริการอยู่แล้ว ซึ่งช่วยให้นักช้อปสามารถติดต่อสื่อสารกับร้านค้าหรือเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกฉับไวเพียงแค่อ้างอิงข้อมูลหรือหมายเลขสมาชิก นอกจากนี้ การมีระบบสมาชิกย่อมหมายสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าเฉพาะสมาชิกที่แลกมาด้วยระยะเวลาการสมัครไม่กี่นาที อาทิ  เว็บไซต์ราคูเท็นมีการออกแบบโปรแกรมสมาชิกเพื่อให้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่าแก่นักช้อปออนไลน์จากทั่วโลก โปรแกรมสะสมแต้มทุกยอดการซื้อครบ 100 บาทบนเว็บไซต์ราคูเท็นตลาดดอทคอม มอบแต้มสะสม “ราคูเท็น ซูเปอร์พอยท์ (Rakuten Super Points)” 1 แต้มสำหรับใช้แทนเงินสด 1 บาทในการซื้อครั้งต่อไป รวมถึง ส่วนลดเพิ่มเติมเฉพาะสมาชิก และสิทธิพิเศษอื่นๆ

                7.       รอรับสินค้าอย่างไรสบายใจหลังช้อป ภายหลังจากทำรายการสั่งซื้อสินค้าพร้อมชำระเงินเสร็จสิ้นก็เข้าสู่ระยะเวลาการรอคอย โดยปกติระยะเวลาการส่งสินค้ามีตั้งแต่ 1-7 วันขึ้นอยู่กับรูปแบบการชำระเงินและการส่งสินค้าที่ท่านเลือก อาทิ ท่านที่เลือกชำระเงินด้วย Cash on Delivery เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการใช้สินค้าโดยด่วนและพร้อมชำระเงินปลายทางได้ในวันทำการถัดไป เป็นต้น หากยังไม่ได้รับสินค้าภายในระยะเวลาดังกล่าว ได้เวลาที่นักช้อปควรเข้าไปตรวจสอบสถานะการสั่งซื้อบนระบบ หรือ เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ เปิดเราให้สามารถติดต่อร้านค้าหรือผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆได้มากมาย ทั้ง Facebook Twitter รวมถึงการส่งอีเมล เพื่อลดเวลาการรอคอย และ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการโทรศัพท์ไปสอบถาม

                8.       รีวิวหรือให้คะแนนร้านค้าหลังช้อป จะดีแค่ไหนหากนักช้อปออนไลน์สามารถเห็นคำยืนยัน/คำแนะนำจากนักช้อปท่านอื่นๆให้มั่นใจก่อนช้อป ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสมัยใหม่จึงให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นรีวิวร้านค้า เพื่อสร้างความมั่นใจในการช้อปสินค้าในรูปแบบของการบอกต่อ ทำให้นักช้อปออนไลน์ทุกคนมีส่วนช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ให้กับเพื่อนนักช้อปด้วยกัน ด้วยการให้ความเห็นต่อร้านค้าบนบริการรีวิวร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำ คำติชมร้านค้า หรือแม้แต่รีวิวสินค้าที่ประทับใจ


28453
สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ อาหารไทยครึ่งปีแรกยังเป็นบวก

               สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมอาหารไทยครึ่งปีแรกของปี 2557 ภาพรวมยังอยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีต่อยอดคำสั่งซื้อและยอดขายจากตลาดต่างประเทศ คาดการณ์ไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ดัชนีความเชื่อมั่นมีแนวโน้มสูงขึ้น หวั่นสภาพอากาศที่ร้อนจัดและขาดน้ำเพื่อการเพาะปลูก ทั้งฝนตกหนักในบางพื้นที่ อาจส่งผลกระทบด้านปริมาณและระดับราคาวัตถุดิบในตลาดผันผวน


นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม

               นายเพ็ชร ชินบุตร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมเผยว่าศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ได้รายงานผลการสำรวจ CEOs Food Index หรือความเชื่อมั่นของผู้บริหารในภาคอุตสาหกรรมอาหารไทยครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยครอบคลุมกิจการขนาดใหญ่และขนาดกลางเป็นหลัก พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมอาหารไทยในภาพรวมทุกกลุ่มสินค้า อยู่ที่ระดับ 51.1 ซึ่งมีค่ามากกว่า 50.0 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นทางธุรกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มุ่งผลิตสินค้าเพื่อส่งออกในตลาดต่างประเทศ  โดยดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ในภาพรวมพบว่าอยู่ที่ระดับ 56.5 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มสูงขึ้น

               “กลุ่มสินค้าที่มีระดับความเชื่อมั่น อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น(เหนือระดับ50.0) คือ กลุ่มสินค้าสับปะรดกระป๋อง อยู่ที่ระดับ 62.5 ไก่แช่แข็งและไก่แปรรูป อยู่ที่ระดับ 59.7 กุ้งแช่แข็งและกุ้งแปรรูป อยู่ที่ระดับ 54.2 เครื่องปรุงรส อยู่ที่ระดับ 50.9 ข้าวและแป้งข้าว อยู่ที่ระดับ 50.2 และอาหารอื่นๆ (แป้งมันสำปะหลัง ขนมปังอบกรอบ หมูแปรรูป และอาหารทะเลแปรรูป) อยู่ที่ระดับ 50.1 อย่างไรก็ตามเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและยังมีบางพื้นที่ที่ขาดน้ำเพื่อการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์อยู่ อีกทั้งปริมาณและระดับราคาวัตถุดิบที่อาจปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยมีกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบคือ กลุ่มประมง ปศุสัตว์ เครื่องเทศ ผักและผลไม้    แต่หลังจากปัญหาทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและกลับเข้าสู่ความสงบสุข ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนความเชื่อมั่นให้เพิ่มขึ้นจากนโยบาย และมาตรการที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจและประเทศเดินหน้าต่อไป รวมทั้งสภาพอากาศที่เริ่มมีฝนตกหนักจากลมมรสุมที่พัดเข้ามาจากประเทศข้างเคียงและกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน  การขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์จึงอาจส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น”

        นายเพ็ชร กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋องมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 62.5 ความต้องการบริโภคในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น  ส่งผลดีทั้งในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ให้เป็นบวกได้ต่อในช่วงไตรมาสที่ 1และ 2 นี้ ซึ่งจะเน้นในตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ยุโรป สหรัฐฯ และตะวันออกกลาง โดยผู้ส่งออกไทยมีความกังวลลดน้อยลงในเรื่องปริมาณวัตถุดิบ  เนื่องจากพื้นที่ที่เพาะปลูกสับปะรดส่วนใหญ่ได้รับปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างเพียงพอ ทำให้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 8.5 - 9 พันตัน ส่งผลให้ระดับราคาสับปะรดขายหน้าโรงงานปรับตัวลดลง โดยคาดว่าตลาดต่างประเทศจะกลับมาขยายตัวดีอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายเพื่อรองรับช่วงเทศกาลปลายปี   

        สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมไก่ อยู่ที่ระดับ 59.7 โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่สำคัญคือ ยุโรป ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น และอาเซียน ส่งผลให้ระดับความเชื่อมั่นด้านยอด คำสั่งซื้อและยอดขายมีดัชนีอยู่เหนือระดับ 50.0 โดยภาคธุรกิจมีความกังวลต่อการเจริญเติบโตของไก่เนื้อในฟาร์มที่เลี้ยงในสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมทั้งต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก

        นายเพ็ชร กล่าวต่อว่า ด้านดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมกุ้งไทย มีทิศทางที่เป็นบวก สอดรับกับภาวะตลาดที่มีความต้องการบริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยอยู่ที่ระดับ 54.2 ปัจจัยด้านยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่มีเข้ามาต่อเนื่อง และด้วยมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยในสินค้าถือเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าที่สำคัญทั้งญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป โดยในกลุ่มผู้ส่งออกขนาดกลางและขนาดใหญ่ของไทยที่ยังคงมีความเชื่อมั่นกับภาวะตลาดในต่างประเทศ แต่จากปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบกุ้งขาวภายในประเทศที่เป็นอยู่ได้สะท้อนภาพถึงระดับความเชื่อมั่นในด้านกำลังผลิตและปริมาณผลผลิตในกลุ่มสินค้ากุ้งขาวที่ทรงตัว(ระดับ 50.0) หากแต่การคาดการณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่สำรวจแหล่งเพาะเลี้ยงกุ้งขาวและสอบถามผู้ผลิต และผู้ส่งออกของไทยต่างให้ข้อคิดเห็นว่าในขณะนี้ผลผลิตกุ้งขาวในไทยเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณช่วงไตรมาส 3 ซึ่งถือเป็นผลดีต่อการผลิตให้ทันกับความต้องการของตลาดในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้

        ด้านดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรส มีทิศทางดีขึ้น โดยอยู่ที่ระดับ50.9 จากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (ขนาดกลางทรงตัวอยู่ระดับ 50.0) ที่มีต่อตลาดต่างประเทศเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามยังคงมีความกังวลจากภาคธุรกิจในด้านวัตถุดิบที่อาจเกิดความเสียหายและมีไม่เพียงพอกับการผลิต     จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและการเกิดพายุจนทำให้มีปริมาณฝนที่มากเกินไป

        ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมข้าวไทย อยู่ที่ระดับ 50.2 ทั้งยอดขาย กำลังการผลิต ปริมาณผลผลิต และผลประกอบการ โดยยอดคำสั่งซื้อทรงตัว ลูกค้าในต่างประเทศได้ชะลอคำสั่งซื้อในบางส่วนไว้ (ประมาณ 35-45%) เพื่อรอระดับราคาสินค้าที่มีแนวโน้มจะลดลงอีกในระยะสั้น เช่น ข้าวขาว 5% ขึ้นไปที่จะมีการแข่งขันด้านราคากันสูงมากในตลาด ในขณะที่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อตลาดข้าวไทยในต่างประเทศอยู่ในระดับดี ยกเว้นตลาดภายในประเทศที่ภาคธุรกิจมองว่าขาดแรงกระตุ้นเพื่อให้เกิดการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้นได้

        โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในภาพรวม จากผลสำรวจในช่วงครึ่งปีแรกผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่า มาจากวัตถุดิบมีปริมาณและระดับราคาในตลาดผันผวน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและพายุทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ส่วนใหญ่ รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตโดยรวม ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจต้องแบกรับภาระเพิ่มสูงขึ้น

28454
3 ผู้กำกับ GTH โต้ง-ปิ๊ง-ต้น ลัดฟ้าสู่เชียงใหม่ร่วมเปิด“เทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรป (European Union Film Festival 2014)”


3 ผู้กำกับ GTH.

                ทำเอาสาวก GTH ชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงปลื้มแบบสุดๆ เมื่อ 3 ผู้กำกับคิวทองอย่าง อย่าง โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายจากภาพยนตร์เรื่องพี่มาก, ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ผู้กำกับภาพยนตร์รถไฟฟ้ามาหานะเธอ และ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร กับผลงานล่าสุดเรื่องคิดถึงวิทยา บินลัดฟ้ามาร่วมงานเปิด “เทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรป (European Union Film Festival 2014)” พร้อมร่วมมีทแอนด์กรี๊ด เปิดอกแบบหมดเปลือกเกี่ยวกับหนังยุโรปในดวงใจที่เป็นแรงบันดาลใจสู่หนัง 100 ล้าน ที่  C.A.M.P. ชั้น 5 เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์


กิจกรรมเสวนาที่ CAMP

                งานนี้ได้รับความสนใจจากบรรดาคอหนังตัวจริงที่มาร่วมมีทแอนด์กรี๊ดและพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองพร้อมแชร์ประสบการณ์และเผยเทคนิคการกำกับหนังที่มีแรงบันดาลใจมาจากหนังสไตล์ยุโรป โดย โต้ง-บรรจุง ปิสัญธนะกูล เผยว่า “หนังยุโรปมันมีความเป็นศิลปะสูงมาก ทั้งภาพทั้งองค์ประกอบทุกอย่าง ดูละเมียดละไมกว่าหนังฮอลลีวู้ดมาก ส่วนตัวชอบดูหนังยุโรปอยู่แล้ว พอทราบว่ามีเทศกาลหนังจากสหภาพยุโรปก็เลยอยากจะเชิญชวนน้องๆที่สนใจมาชมกันเยอะๆ มีหนังจากหลายประเทศ น้องๆจะได้มุมมองในการทำหนังที่กว้างขึ้นอีกมาก” ด้านปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม “หนังยุโรปในดวงใจก็มีหลายเรื่องนะ หนึ่งในนั้นก็มี Midnight in Paris ชอบทุกอย่างทั้งเพลงทั้งภาพ สวยมาก ปีนี้หนังในเทศกาลที่อยากดูก็มี The Great Beauty  ที่คว้ารางวัลออสการ์และรางวัลลูกโลกทองคำ น่าสนใจมากเรื่องนี้” ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร “ตอนที่ทำหนังหนีตามกาลิเลโอก็ได้มีโอกาสไปถ่ายที่ประเทศในแถบยุโรปหลายๆประเทศ เลยเข้าใจว่าทำไมหนังยุโรปถึงมีเสน่ห์ในด้านของศิลปะสูง เพราะเค้าให้ความสำคัญกับความเป็นอาร์ตในทุกๆรายละเอียด ไม่ว่าจะป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม ทุกอย่างดูสวยดูลงตัวมาก” นอกจากนี้ 3 ผู้กำกับยังได้ร่วมสร้างสีสันให้กับงานเปิด “เทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรป 2014” ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนๆชาวเชียงใหม่เป็นอย่างมาก รวมถึงภายในงานยังได้รับเกียรติจาก สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข ดารานักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง “ภวังค์รัก” พร้อมเหล่าบรรดาเซเลบริตี้แถวหน้าของเชียงใหม่ที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง


โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล


ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร


ด้านปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม


สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข

                เทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรป (European Film Festival 2014) ในครั้งนี้เปิดฉายให้ได้ชมฟรี!! พร้อมบทบรรยายอังกฤษ หรือภาษาไทยและ อังกฤษทุกเรื่อง ทุกรอบ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อรับบัตรชมภาพยนตร์ก่อนรอบฉาย 30 นาที ณ จุดลงทะเบียน ในระหว่างวันที่ 13-22 มิถุนายน  2557 ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า ไลฟ์สไตล์  ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เชียงใหม่

28455
วศ./ก.วิทย์ฯ เดินหน้าOTOPผ้าทอ จับมือผู้เชี่ยวชาญพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าทอ จังหวัดแพร่

                ผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทผ้าทอ ได้แก่ ผ้าทอมือ ผ้าฝ้าย/ผ้าไหมพื้นเมือง เป็นกลุ่มสินค้า OTOP ประเภทหนึ่งของไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผ้าทอเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เป็นภูมิ ปัญญาท้องถิ่น มีประวัติศาสตร์สามารถบ่งบอกเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ของผ้าไทยมายาวนานไม่แพ้ชาติใดในโลก การทอผ้าที่เป็นภูมิปัญญาของไทยนั้นจึงสืบทอดต่อๆ กันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ยังประสบ ปัญหาในการผลิตผ้าทอ บางครั้งผลิตได้ผ้าที่มีคุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ( มผช.)

        นางสาวเสาวณี มุสิแดง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย มีภารกิจหลักในการให้บริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่หลากหลายแก่สังคมและชุมชนโดยมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เป้าหมายหนึ่งของกรมวิทยาศาสตร์บริการ คือ นำกลไกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยสินค้าไทย การใช้และถ่ายทอดความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อทำให้เกิดการรับรองสินค้าในเชิงคุณภาพและความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นว่าสินค้ามีความปลอดภัย มีคุณภาพรวมทั้งมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของมาตรวิทยาการมาตรฐาน การทดสอบที่จำทำให้เกิดความเชื่อถือสินค้า ตลอดจนวัตถุดิบและกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสินค้าทุกชิ้นตอนนี้ต้องมีทั้งมาตรฐานและคุณภาพสิ่งที่จะเป็นหลักประกันนั่นคือต้องผ่านการทดสอบจากห้องแลป ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์บริการมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือทำการทดสอบขั้นเบื้องต้น และจากการทดสอบผ้าทอเราพบว่าผ้าทอเป็นจุดอ่อนไม่ผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานซึ่งปัญหาหลักคือขั้นตอนการเลือกวัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพ นำมาซึ่งการยื่นขอการรับรองมาตรฐานแล้วสินค้าผ้าทอไม่ได้รับการรับรอง ดังนั้นเพื่อพัฒนาและยกระดับศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP กลุ่มผ้าทอ จึงได้ร่วมมือกับคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการถ่ายทอดความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าทอเพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และสามารถเข้าสู่ระบบการขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เป็นสินค้าเป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นแก่ผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ

        ผศ.ดร.วรนุช เกิดสินธ์ชัย คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทผ้าทอ เป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่มีศักยภาพในการพัฒนาและยกระดับ กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้มอบหมายให้คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีดำเนินการจัดอบรม ถ่ายทอดความรู้ และให้คำปรึกษาทางวิชาการแก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพ สามารถเข้าสู่ระบบการขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน อันนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าและรายได้ สร้างชื่อเสียงของชุมชนให้เป็นที่รู้จัก อีกทั้งให้ชุมชนมีโอกาสขยายตลาดเพื่อรองรับกับการขยายตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคต วัตถุประสงค์ของโครงการนั้นก็เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการสินค้าผ้าทอในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อม การบำบัดน้ำเสียอันเกิดจากกรับวนการผลิต และจัดทำบัญชีรายชื่อสีต้องห้าม ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ จะคลอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี แม่ฮ่องสอน และแพร่ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ชุมชนประเภทผ้าทอ จำนวนไม่น้อยกว่า 50 ผลิตภัณฑ์ สามารถเข้าสู่ระบบการขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน สำหรับพิธีเปิดและสัมมนาชี้แจงในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงาน เป็นจำนวนมากประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ผ้าทอ นักวิชาการจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ ผู้แทนจากอุตสาหกรรมจังหวัด พัฒนาชุมชนจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และคณาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

        นางสาวรัตนา ปันฟอง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่  ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าฯ การพัฒนา OTOP ผ้าทอให้ ได้มาตรฐานนั้น เราต้องเริ่มจากการคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดิบที่ซื้อ พัฒนาตัวแบบผ้าเลือกผ้าที่มีคุณภาพ ทางด้านการออกแบบลายทอผู้ประกอบการควรปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ รวมถึงการเลือกอุปกรณ์ทอผ้าถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จะทำให้ผ้าทอของเรามีคุณภาพ ตัวอย่างจากการลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพผ้าทอ ทางเราพบความเป็นกรดเป็นด่างในผ้าเราจะลงมือแก้ไขและแนะนำวิธีการที่ถูกต้องทันที ในส่วนของมาตรฐานรายละเอียดจะเยอะมากถ้าผู้ประกอบการต้องการข้อมูลส่วนใดสามารถสอบถามเข้ามาได้ทางฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมยินดีให้คำปรึกษา อยากให้สินค้าของกลุ่มประกอบการได้รับมาตรฐาน ตลาด OTOP ผ้าทอจะได้กว้าง ขึ้นเพื่อรองรองการเข้าสู่ AEC

        นายประดิษฐ ภู่พัด พาณิชย์จังหวัดแพร่ กล่าวว่า มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เปรียบเสมือนเป็นต้นน้ำที่จะยกระดับสินค้าก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้น รวมถึงระดับการส่งออกถ้าสินค้าไม่ได้รับการรับรองก็จะทำให้สินค้าขยายตลาดลำบาก ขอยืนยันว่า มผช. มีความจำเป็นอย่างมากถือเป็นเครื่องต่อรองราคากับลูกค้าได้ ถ้าสินค้าเรามีมาตรฐานเมื่อลูกค้าชอบในคุณภาพของสินค้าแล้วเชื่อมั่นว่าการซื้อขายก็จะง่ายขึ้น นอกจากนั้นอยากให้ผู้ประกอบการคำนึงในเรื่องของมาตรฐาน ขนาดของผ้า สี ความประณีต และปริมาณของผ้า อยากให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนจากคำว่าหัตถกรรมเป็นหัตถอุตสาหกรรม สร้างคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานเหมือนกันทุกชิ้น

Pages: 1 ... 1895 1896 [1897] 1898 1899 ... 2405