Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - activity

Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 105
46
CUB House เปิดตัวแคมเปญ “Why I Love?” เล่าความผูกพันระหว่างคนกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระดับตำนาน








CUB House เปิดตัวแคมเปญล่าสุด “Why I Love?” ตอกย้ำความผูกพันและความทรงจำที่ดี ระหว่างคนกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระดับตำนานอย่าง Monkey, C125 และ CT125 ด้วยการดึงสาวกผู้เป็นเจ้าของตัวจริงและมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง มาร่วมบอกเล่าประสบการณ์และความประทับใจที่มีต่อรถคันโปรดของตัวเอง พร้อมนำเสนอผ่านรูปแบบคลิปวีดีโอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ บนแฟนเพจเฟซบุ๊ก CUB House : fb.com/cubhousebyhonda

ผู้ที่สนใจเรื่องราวดีๆ ของแคมเปญ Why I Love? เพราะความรัก...เป็นมากกว่ามอเตอร์ไซค์ สามารถคลิกติดตามรายละเอียดได้ที่ : fb.com/watch/?v=645007742833340

#WhyILove #CUBHouse #NAUGHTYCUB #Monkey #CLASSICCUB #C125 #TRAILCUB #CT125 #สนุกกันมันส์กี้ #เท่ดีมีคลาส #ลุยไปให้สุดTRAIL

47

เอเอเอสฯ จัดกิจกรรมฝึกอบรมการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่อย่างปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ


Mr. Peter Rohwer Managing Direcotor of Porsche Thailand

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตอกย้ำนโยบาย “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ” จัดกิจกรรมฝึกอบรมและเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษสำหรับท่านเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ที่ซื้อรถยนต์กับเอเอเอสฯ ภายใต้งาน Porsche Driver’s Safety Training ประจำปี 2020 เพื่อให้เจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ได้สัมผัสสมรรถนะของรถยนต์ปอร์เช่อย่างแท้จริง พร้อมเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้องปลอดภัย โดยมีผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ที่ได้รับการรับรองจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี (Certified Porsche Instructor) ดูแลและคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์

เอเอเอสฯ จัดกิจกรรม “Porsche Driver’s Safety Training” อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถจากทางบริษัทและนำรถยนต์ปอร์เช่คู่ใจมาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะ พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ ของรถรวมถึงวิธีการควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยในทุกสถานการณ์และทุกสภาวะของถนน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถนำไปปรับใช้กับการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงวิธีการนั่งขับขี่อย่างถูกวิธี (Seating Position) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับขี่ที่ปลอดภัย ซึ่งเอเอเอสฯ ได้จำลองสถานการณ์การขับขี่ 3 สถานี เริ่มต้นด้วยสถานี “Handling” ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงอาการของรถเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทาง การเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ในสถานีนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการยึดเกาะถนนและระบบช่วงล่างของรถยนต์ปอร์เช่ได้เป็นอย่างดี สถานีที่ 2 “Braking” ผู้ขับขี่จะได้พบกับระบบเบรกที่มีความปลอดภัยสูงสุดของรถยนต์ปอร์เช่ทั้งระบบรักษาเสถียรภาพและระบบป้องกันการลื่นไถลบนท้องถนน โดยผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำวิธีการใช้เบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการเบรกกะทันหัน อย่างถูกต้องและปลอดภัย และสถานีสุดท้าย “Slalom” ผู้ขับขี่จะได้เรียนรู้วิธีการควบคุมรถยนต์โดยใช้พวงมาลัยหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนน พบกับการควบคุมทิศทางที่แม่นยำและความคล่องตัวของรถขณะเข้าโค้งทางแคบด้วยความเร็ว รวมถึงศักยภาพการทรงตัวของรถยนต์ปอร์เช่ที่เป็นเลิศ สำหรับสถานีนี้จัดให้มีการแข่งขัน พร้อมมอบโล่รางวัลสำหรับผู้ที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในสถานี และทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมยังได้รับประกาศนียบัตรที่รับรองโดยปอร์เช่ ประเทศไทย

กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้มีเพียง เอเอเอสฯ ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถมอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและเร้าใจให้กับท่านเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ได้ นอกจากจะเป็นการสร้างความใกล้ชิดระหว่าง เอเอเอสฯ กับลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังเน้นย้ำให้เห็นถึงการดูแลที่เหนือระดับตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในโชว์รูมเพื่อเลือกซื้อรถยนต์ปอร์เช่ไปจนถึงการบริการหลังการขายที่เอาใจใส่ทั้งรถและคุณ ซึ่งกิจกรรมนี้ลูกค้าจะได้รับคำแนะนำ เทคนิคในการขับขี่จากผู้เชี่ยวชาญและได้ใช้รถยนต์ปอร์เช่คู่ใจอย่างเต็มสมรรถนะ รวมไปถึงเข้าใจระบบการทำงานส่วนต่างๆ ของรถมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยและสามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนนได้ ไม่เพียงเท่านี้ เอเอเอส ยังได้รับความร่วมมือจาก บจก. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก ร่วมจัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องการเลือกน้ำมันเชื้อเพลิง และประชาสัมพันธ์สถานีบริการชาร์จไฟสำหรับรถพลังงานไฟฟ้า EV Station ที่จะให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมบริการแอพพลิเคชั่น EV Station ที่จะใช้รองรับผู้ใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในประเทศไทยในอนาคต

รถยนต์ปอร์เช่ จากเอเอเอสฯ เท่านั้น ที่มีการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนีนาน 2 ปี และการซื้อการรับประกันเพิ่มนานสูงสุดถึง 9 ปี พร้อมการบริการหลังการขาย (After sales Service) ระดับมาตรฐานจากผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อที่คุณไว้วางใจ “AAS The Name You Can Trust”

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องการให้บริหารหลังการขาย โดย เอเอเอนส ทุ่มงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูและทั้งรถและคุณ AAS Lookingafter YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นในได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok (ICONSIAM) ชั้น 1 โทร 02-288-0911










48
ฮอนด้าเปิดตัว All New Scoopy ด้วยคอนเซปต์ Fun District มันส์ ให้สุดเวย์ ดีไซน์ใหม่ เครื่องใหม่ เฟรมใหม่ ฟังก์ชันทันสมัยครบครัน ตอบโจทย์ความ Fun ทุกไลฟ์สไตล์
 




เอ.พี. ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว All New Honda Scoopy รถแฟชั่น เอ.ที. โมเดลใหม่ล่าสุด พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “Fun District มันส์...ให้สุดเวย์” ผสานความสมบูรณ์แบบของดีไซน์ใหม่สไตล์โมเดิร์น และเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อย่างลงตัว

มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “การวางตลาดฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอในเมืองไทยเมื่อปี 2009 ได้เปลี่ยนโฉมวงการรถจักรยานยนต์ไทยสู่ยุคของรถ เอ.ที. อย่างเต็มตัว โดยฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว มียอดจำหน่ายสะสมจนถึงปัจจุบันสูงถึง 2.4 ล้านคัน และยังคงเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นไทยที่ชื่นชอบรถที่มีสไตล์”

“วันนี้ ฮอนด้าพร้อมส่งมอบนิยามใหม่ให้กับวงการแฟชั่น เอ.ที. อีกครั้งด้วย All New Scoopy ภายใต้คอนเซปต์ Fun District มันส์... ให้สุดเวย์ นำเสนอดีไซน์ที่โดดเด่นและสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยรถรุ่นนี้มีทั้งหมด 3 สไตล์ ประกอบด้วยคลับทเวลฟ์ที่มาพร้อมสีสันแบบไม่สมมาตร แตกต่างไม่เหมือนใคร ในขณะที่เพรสทีจให้ความเรียบหรู แต่มีลูกเล่นจากเอ็มเบล็มสีคอปเปอร์เพิ่มมิติอย่างมีชั้นเชิง และเออร์เบินที่จัดจ้านในสีสัน เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่ใช่เพียงแค่ดีไซน์ใหม่เท่านั้น แต่ All New Scoopy ยังมาพร้อมกับสมรรถะที่เหนือชั้นกว่าเดิม จากการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ตอบสนองการขับขี่ให้ทันใจมากขึ้น ในขณะที่เฟรมรถก็ได้รับการพัฒนาใหม่โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบเดียวกับรถยนต์ ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลงถึง 5 กิโลกรัม และมีความคล่องตัวในการขับขี่มากขึ้น กลายเป็นความลงตัวครั้งใหม่ของ All New Scoopy”

All New Honda Scoopy โดดเด่นในสไตล์โมเดิร์นด้วยไฟหน้าใหม่ Modern Ring LED Headlight เต็มวง เห็นชัด ส่องสว่างแต่ไกล ไฟท้าย LED โค้งมน เรือนไมล์ดีไซน์ใหม่ แสดงข้อมูลครบครัน ทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน การจับทริประยะทาง การแจ้งเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง นาฬิกา และไฟ Eco Lamp เมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดน้ำมัน ล้อแม็กขนาด 12 นิ้ว ดีไซน์ใหม่แบบก้านคู่ ลงตัวกับยางจุ๊บเลสหน้ากว้าง ยึดเกาะถนนดีเยี่ยม ถังน้ำมันความจุ 4.2 ลิตร ให้ความสนุกกับการขับขี่ได้ไกลกว่าเดิม

All New Honda Scoopy มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ eSP New Generation ขนาด 110 ซีซี หัวฉีด PGM-FI ให้อัตราเร่งติดมือ ขับขี่สนุกยิ่งกว่า และให้อัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 55.6 กม./ลิตร จากการทดสอบภายใต้มาตรฐานไอเสียระดับ 7 โดยสถาบันยานยนต์

All New Honda Scoopy มาพร้อมกับเฟรมใหม่ eSAF (Enhanced Smart Architecture Frame) ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยการปั๊มขึ้นรูปแบบเดียวกับรถยนต์ ให้ความแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักเบา โดยตัวรถมีน้ำหนักรวมลดลงถึง 5 กก. ทำให้ควบคุมรถง่ายขึ้น มีความคล่องตัวสูงกว่าเดิม

All New Honda Scoopy ให้ความสะดวกสบายด้วยช่องเสียบชาร์จโทรศัพท์แบบ USB Socket พร้อมที่แขวนสัมภาระ Rotation Hook แบบพับเก็บและล็อกได้ พรีเมียมกว่าด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda SMART Key ครั้งแรกในคลาส รถแฟชั่น เอ.ที. 110 ซีซี ส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งตัวรถ และป้องกันการโจรกรรม พร้อมกล่องเก็บของ U BOX ความจุ 15.4 ลิตร บรรทุกสัมภาระได้อย่างจุใจ

เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย All New Honda Scoopy ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น 3 สไตล์ ได้แก่

รุ่น Club12 ล้อแม็ก มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ แดง—ขาว, น้ำเงิน-เหลือง, ดำ-เทา และ ขาว-ชมพู ราคาแนะนำ 53,100 บาท

รุ่น Prestige ล้อซี่ลวด มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ, น้ำเงิน และ แดง ราคาแนะนำ 49,600 บาท

รุ่น Urban ล้อซี่ลวด มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ ขาว-เหลือง และ ขาว-ชมพู ราคาแนะนำ 49,100 บาท

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ : www.aphonda.co.th

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : fb.com/hondamotorcyclethailand

#AllNewHondaScoopy #AllNewScoopy #Scoopy #Club12

#FunDistrict #มันส์ให้สุดเวย์

#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #APHonda #HondaMotorcycle #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า

49

ฮาร์ลีย์-เดวิดสันขอเชิญนักขับขี่ค้นพบเมืองไทยอีกครั้ง กับ Freedom Challenge ชิงรางวัลสุดพิเศษจากการขับขี่ผ่านความท้าทายอย่างต่อเนื่องและจุดความปรารถนาในการผจญภัยของคุณอีกครั้ง


กรุงเทพฯ, 12 พฤศจิกายน 2563 –  ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เปิดแคมเปญ Freedom Challenge หรือการท้าทายแห่งอิสรภาพ อันเป็นความริเริ่มและการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น เพื่อให้รางวัลผู้ขับขี่ทุกคนซึ่งรักการผจญภัย

นับเป็นเวลานานกว่า 117 ปีมาแล้ว ที่ฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้เชื่อมโยงคนคอเดียวกันไว้ด้วยวิสัยทัศน์เดิม นั่นคือ ประสบการณ์แห่งการผจญภัยและอิสรภาพแห่งวิญญาณ บัดนี้ ฮาร์ลีย์-เดวิดสันนำเสนอความปรารถนาร่วมดังกล่าวนี้อย่างชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเชิญผู้ขับขี่มาสัมผัสการผจญภัยอีกครั้ง ยิ่งขี่เยอะ ยิ่งขี่มาก ก็ยิ่งได้ลุ้นรางวัลจาก Harley-Davidson Freedom Challenge มากขึ้น

แคมเปญนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 13 พฤศจิกายน และดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2563 นักขับขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสันในประเทศไทยสามารถบันทึกการเริ่มและสิ้นสุดการเดินทางได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนักขับขี่ผู้ทำระยะทางไกลที่สุดสามอันดับแรกจะได้รับรางวัลพิเศษสุดจากฮาร์ลีย์-เดวิดสัน

“Freedom Challenge ได้รับแรงบันดาลใจจากชุมชนนักขับขี่ของเราซึ่งหลงใหลพาหนะสองล้อเหมือนกัน เราหวังว่าความริเริ่มนี้จะเป็นการจุดไฟแห่งความปรารถนาการผจญภัยและการค้นพบให้ติดขึ้นอีกครั้ง รวมถึงการสร้างความทรงจำที่ประทับใจ และที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างเครือข่ายชุมชนนี้ให้ตื่นขึ้นอีกครั้งแม้กายจะอยู่ไกลกันในขณะที่เรากำลังพยายามผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้” นายซาจีฟ รัชเกคาราน กรรมการผู้จัดการฮาร์ลีย์-เดวิดสันสำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย กล่าว

นักขับขี่ที่สนใจร่วมกิจกรรมนนี้ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ H-D.com/dealerlocator ผู้ลงทะเบียน 10 รายแรกจะได้รับของขวัญพิเศษเป็นป้าย Freedom Challenge โดยคุณสามารถเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณให้ผู้ขับขี่คนอื่นๆ รู้ได้โดยพิมพ์ #HDFreedomChallenge ในข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ของคุณ และแท็กเราบนเฟสบุ๊ค (@harleydavidsonasia)

เกี่ยวกับฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี
บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี และ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยืนหยัดเพื่อค้นหาการผจญภัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดและมอบอิสระให้จิตวิญญาณด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดดเด่นและสามารถปรับแต่งได้ นอกเหนือจากประสบการณ์การขับขี่ อุปกรณ์เสริมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์การขับขี่และเครื่องแต่งกายแล้ว ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ยังให้บริการทางด้านสินเชื่อและประกันภัยรวมไปถึงรายการอื่นๆ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน บนท้องถนนได้ขับขี่อย่างปลอดภัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.harley-davidson.com

50

เอเอเอสฯ เปิดประสบการณ์ขับขี่สุดเร้าใจกับรถสปอร์ตไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ปอร์เช่ ไทคานน์"








กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรม “Porsche Taycan Driving Experience 2020” โดยเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ 100% รุ่นแรกของแบรนด์ ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โดยมีผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด แก่สื่อมวลชนผู้ร่วมกิจกรรมเพื่อให้การทดสอบเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยอย่างสูงสุดณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์

นับเป็นครั้งแรกที่เอเอเอสฯ ได้เชิญกลุ่มสื่อมวลชนไทยมาสัมผัสกับสมรรถนะ อันยอดเยี่ยมของที่สุดแห่งยนตรกรรม ไฟฟ้าแห่งยุค ผ่านการทดลองขับ ปอร์เช่ ไทคานน์(Porsche Taycan) บนสนามทดสอบสมรรถนะ 3 สถานี

สถานี Handling การทดสอบบังคับควบคุมรถ ซึ่งจะทดสอบการทรงตัวและการตอบสนองอย่างฉับไว ของพวงมาลัย เมื่อขับขี่ด้ววยความเร็วสูง ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงอาการของรถเมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางหรือการ เลี้ยวอย่างรวดเร็ว ในสถานีนี้จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ของการยึดเกาะถนน และระบบช่วงล่าง ของรถยนต์ปอร์เช่เมื่อขับขี่ ในโหมด ที่เปิดการตั้งค่า Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้เป็นอย่างดี

สถานี Braking สร้างความมั่นใจและปลอดภัย ได้ทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรกมาตรฐานจากปอร์เช่ซึ่งได้รับ การยอมรับว่าเป็นระบบเบรคที่ดีที่สุดในโลก โดยผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำวิธีการใช้เบรกในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการ เบรกกะทันหันอย่างถูกต้องและปลอดภัย

สถานี Slalom ทดสอบความแม่นยำ ความรวดเร็วในการตอบสนองของช่วงล่าง จากระบบอัจฉริยะของปอร์เช่ อาทิ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง Rear axle steering และระบบควบคุมตัวถัง Porsche 4D Chassis  Control 

นอกจากนี้ เอเอเอสฯ ยังได้รับความร่วมมือจาก บจก. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก ร่วมจัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่อง การเลือกน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง และประชาสัมพันธ์สถานีบริการชาร์จไฟสำหรับรถพลังงานไฟฟ้า EV Station ที่จะให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมบริการแอพพลิเคชั่น EV Station ที่จะใช้รองรับผู้ใช้ยานพาหนะไฟฟ้าใน ประเทศไทยในอนาคต

ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan)
รถสปอร์ตซาลูน 4 ประตู ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และคงไว้ซึ่งงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo) มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับในรุ่น ไทคานน์ 4เอส (Taycab 4S) ที่สามารถติดตั้ง Performance Battery Plus ให้พละกำลังเพิ่มขึ้นสูงสุด 571 แรงม้า พร้อมทะยานทะลุความเร็วสูงสุดกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ มีพิสัยการเดินทางเฉลี่ย 380-450 กิโลเมตร ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท

51

ฮอนด้าเปิดตัว New ADV150 ใหม่ รถมอเตอร์ไซค์ SUV รุ่นแรกของเมืองไทย




เอ.พี. ฮอนด้า ผู้นำแห่งวงการรถจักรยานยนต์ไทย เปิดตัว New ADV150 รถพรีเมียม เอ.ที. ด้วยแนวคิด SUV Bike รุ่นแรกของเมืองไทย ชูดีไซน์ล้ำสมัยเน้นความสปอร์ตสมรรถนะสูง ผสานฟังก์ชันเพิ่มความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

New ADV150 ใหม่ มาพร้อมคอนเซปต์ “The First SUV Bike ให้ทางเดิม ไม่เหมือนเดิม” ยกระดับการสื่อสารภาพลักษณ์ของรถ SUV ที่สามารถขับขี่ใช้งานได้ทุกเส้นทาง พร้อมปรับโฉมความสปอร์ตด้วยสีสันโมโนโทนเกรดพรีเมียม เส้นสายตัวรถเรียบหรู สะท้อนภาพความแข็งแกร่ง ดุดัน เสริมความเท่ด้วยล้อแม็กสีทองให้อารมณ์สปอร์ตเร้าใจเหนือใคร

New ADV150 ใหม่ ขับเคลื่อนอย่างทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ eSP ขนาด 150 ซีซี 4 จังหวะ ระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมอุปกรณ์ติดรถมอเตอร์ไซค์แบบ SUV นำโดย แฮนด์แบบแทปเปอร์บาร์ให้ความมั่นคง ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ผสานการออกแบบระยะความสูงจากพื้นถึงตัวรถมากที่สุดในคลาส เพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ นั่งสบาย พลิกเลี้ยวรวดเร็วทันใจ เสริมด้วยระบบกันสะเทือนหลังแบบทวินซับแท็งก์จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Showa พร้อมรองรับการขับขี่ทุกรูปแบบ มั่นใจเรื่องความปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS พร้อมดิสก์เบรกหน้า-หลัง และดอกยางแบบ On-Off ที่ออกแบบให้ยึดเกาะได้ดีทุกสภาพถนน

New ADV150 ใหม่ ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย โดดเด่นด้วยระบบไฟแบบ Full LED รอบคัน พร้อมระบบไฟ DRL (Daytime Running Light) และระบบ ESS (Emergency Stop Signal) ไฟสัญญาณกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกหนักอย่างกะทันหัน เรือนไมล์ Full LCD แยกส่วนการแจ้งเตือนต่างๆ ของตัวรถ แสดงข้อมูลครบถ้วนและให้การมองเห็นที่ชัดเจน กระจกบังลมหน้าปรับได้สองระดับ ใช้งานสะดวกสบายให้ความคล่องตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยที่ชาร์จไฟสำรองในพื้นที่เก็บของคอนโซลขนาดใหญ่ด้านหน้า กุญแจรีโมทอัจฉริยะแบบสมาร์ทคีย์ มาพร้อมฟังก์ชันระบุตำแหน่งตัวรถ และป้องกันการโจรกรรม

เอ.พี. ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย New ADV150 ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำแม็ตกันพาวเดอร์แบล็คเมทัลลิค, สีขาวเพิร์ลหิมาลายันส์ไวท์, สีแดงแคนดี้โรซีเร้ด และสีเทาสวอร์ดซิลเวอร์เมทัลลิค ด้วยราคาแนะนำ 98,900 บาท ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ






ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของ New ADV150 ใหม่ ได้ที่

เว็บไซต์ www.aphonda.co.th

เฟซบุ๊ก www.fb.com/hondamotorcyclethailand

ยูทิวบ์ www.youtube.com/hondamotorcycletha


#NewHondaADV150 #ADV150 #TheFirstSUVBike #SUVBike #ให้ทางเดิมไม่เหมือนเดิม #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #APHonda #Honda #HondaMotorcycle #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า

52

รถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันไลฟ์ไวร์นำเสนอความตื่นเต้นของการแข่งแดร็กแห่งอนาคตในสารคดี“ศาสตร์แห่งความเร็ว” ทีมนักแข่งสกรีมิน อีเกิล/แวนซ์ แอนด์ ฮายน์ที่เร่งเครื่องสู่อนาคต



กรุงเทพฯ – 2 พฤศจิกายน 2563 - พบปัจจัยแห่งชัยชนะในการแข่งขันเอ็นเอชอาร์เอ โปร สต็อค มอเตอร์ไซเคิล และการแข่งแดร็กแห่งอนาคต กับทีมนักแข่งแดร็กสกรีมิน อีเกิล/แวนซ์ แอนด์ฮายน์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสันซึ่งครองตำแหน่งชนะเลิศมาแล้ว 10 สมัย ในสารคดีตอนล่าสุด “ศาสตร์แห่งความเร็ว” หรือ  “Science of Speed” โดยฮาร์ลีย์-เดวิดสัน นักแข่งในทีมอย่าง เอ็ดดี้ แครเว็ค แอนดรู ฮายน์ และ อองแจล แซมเพย์ ได้เผยทักษะ กลยุทธ์ และประสบการณ์ในการขี่จักรยานยนต์บนสนามแข่งแดร็กระยะหนึ่งส่วนสี่ไมล์ของพวกเขา

สารคดี “ศาสตร์แห่งความเร็ว” แสดงให้เห็นว่าการขับเคลื่อนยานพาหนะด้วยไฟฟ้าจะเปลี่ยนกีฬาแดร็กไปอย่างไรด้วยการเปรียบเทียบจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ปี 2020 กับจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันไลฟ์ไวร์ปี 2020 แรงบิดซึ่งเกิดขึ้นทันทีและการเร่งความเร็วอย่างไร้รอยต่อเมื่อบิดคันเร่งของจักรยานยนต์ไลฟไวร์ ทำให้นักแข่งเหล่านี้รู้ได้ทันทีว่าความเร็วแห่งอนาคตนั้นจะเป็นเช่นไร นี่หมายถึง การเตรียมก่อนแข่งนานขึ้น อัตราเร่งที่ทันใจ และความเร็วซึ่งต่อเนื่องไม่สะดุดจนถึงเส้นชัย

“ดิฉันอยากบอกคุณว่ามันน่าทึ่ง” อองแจลกล่าว “นี่คือครั้งแรกที่ดิฉันได้ขับไลฟ์ไวร์ดิฉันเห็นแล้วอยากขี่มันทันที ไลฟ์ไวร์ขี่ง่ายมาก แค่บิดคันเร่งแล้วก็ไปได้เลย มันไปจริง ๆ ค่ะ”

เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2563 อองแจลซึ่งเป็นแชมป์โปร สต็อค มอร์เตอร์ไซเคิลสามสมัย ขับไลฟ์ไวร์ในสนามแดร็ก และทำสถิติใหม่ด้านเวลาการแข่งเร็วที่สุดและความเร็วสูงสุดสำหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ผลิตเพื่อขายทั่วไป อองแจลลงจากรถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันเอฟเอ็กซ์ดีอาร์ ที่ใช้แข่งโปร สต็อค เพื่อลองขับรถไลฟ์ไวร์สร้างสถิติระยะหนึ่งส่วนสี่และหนึ่งส่วนแปดไมล์ สำหรับระยะหนึ่งส่วนแปดไมล์ทำเวลาได้ 7.017 วินาที และระยะหนึ่งส่วนสี่ไมล์ทำเวลาเพียง 11.156 วินาทีที่ความเร็ว 110.35 ไมล์ต่อชั่วโมง ความเร็วสูงสุดของรถจักรยานยนต์ไลฟ์ไวร์ปี 2020 ถูกจำกัดไว้ที่ 110 ไมล์ต่อชั่วโมง

จักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันไลฟ์ไวร์เป็นจักรยานยนต์แบบใหม่และเป็นจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งคันได้รับการออกแบบเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความตื่นเต้นและประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีสมรรถนะสูง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ตลอดจนให้รูปลักษณ์แห่งคุณภาพและความรู้สึกอันเป็นเอกลักษณ์แห่งผลิตภัณฑ์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รถจักรยานยนต์ไลฟ์ไวร์สามารถเร่งความเร็วได้ทันใจเพียงบิดคันเร่งเท่านั้นไม่ต้องใช้คลัทช์หรือเปลี่ยนเกียร์

แรงบิดที่เกิดขึ้นทันใดจากชุดส่งกำลังเอช-ดี เรเวอเลชั่นสร้างอัตราเร่งอย่างมีพลังทันทีที่ออกตัวรถจักรยานยนต์ไลฟ์ไวร์สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง(0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)ได้ใน 3.0 วินาที และจาก 60 ถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง(100 ถึง 129 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)ใน 1.9 วินาที แรงบิดสูงสุดที่เรียกใช้ได้ทันทีทำให้เกิดอัตราเร่งแซงที่โดดเด่น จุดศูนย์ถ่วงที่วางตำแหน่งอย่างดีที่สุด โครงรถอลูมิเนียมอันแข็งแกร่ง และชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนคุณภาพเยี่ยมที่ปรับได้ทำให้รถจักรยานยนต์ไลฟ์ไวร์มอบการขับขี่ทีเต็มไปด้วยพลัง ระยะทางขับขี่ที่ไปได้ไกลถึง 146 ไมล์(ในเมือง)*เป็นสมรรถนะที่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองที่สุด

ชุดส่งกำลังระบบไฟฟ้าเอช-ดี เรเวอเลชั่นทำให้เกิดแรงสะเทือน ความร้อนและเสียงน้อยที่สุดเพิ่มความสบายให้ผู้ขับขี่ และสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เว้นแม้จะอยู่ในสนามแข่งแดร็ก

*ระยะวิ่งโดยประมาณอยู่ที่ 146 ไมล์(ในเมือง)หรือ 95 ไมล์(ในเมืองและบนทางหลวง) ประเมินตามกระบวนการทดสอบระยะขับขี่แบบ SAE J2982 และสมรรถนะซึ่งคาดว่าจะได้จากแบตเตอรี่ที่อัดประจุไฟฟ้าเต็มและทำงานในสภาพแวดล้อมที่กำหนด ระยะการขับขี่จริงจะแปรผันไปตามพฤติกรรมการขับขี่ สภาพอากาศ และสภาพของอุปกรณ์

เกี่ยวกับฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี
บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสันมอเตอร์ คอมพานี และ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยืนหยัดเพื่อค้นหาการผจญภัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดและมอบอิสระให้จิตวิญญาณด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดดเด่นและสามารถปรับแต่งได้ นอกเหนือจากประสบการณ์การขับขี่ อุปกรณ์เสริมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์การขับขี่และเครื่องแต่งกายแล้ว ฮาร์ลีย์-เดวิดสันไฟแนนเชียล เซอร์วิส ยังให้บริการทางด้านสินเชื่อและประกันภัยรวมไปถึงรายการอื่นๆ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน บนท้องถนนได้ขับขี่อย่างปลอดภัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.harley-davidson.com

53
“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัวเทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ที่สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม จังหวัดปทุมธานี”









บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ (ในภาษาญี่ปุ่น "เดน" หมายถึง ไฟฟ้า "โด" หมายถึง การขับเคลื่อน "เดนโด" จึงหมายถึง "การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า) ที่สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม จังหวัดปทุมธานี เพื่อจัดแสดงระบบนิเวศพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถยนต์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับที่พักอาศัยได้อย่างไร พร้อมกับนำเสนอความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในด้านเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตที่มีการใช้พลังงานแบบยั่งยืน

เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ถือเป็นนวัตกรรมสำหรับที่พักอาศัย ซึ่งประกอบด้วย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ ปลั๊กอินไฮบริด (พีเอชอีวี) เครื่องอัดและจ่ายประจุไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่สำรองกระแสไฟฟ้าในที่พักอาศัย โดย เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากที่พักอาศัยได้เอง เพื่อนำไปใช้ในการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่ยานพาหนะ และในทางกลับกันยังสามารถดึงกระแสไฟฟ้าออกจากยานพาหนะเพื่อนำกลับมาใช้ในที่พักอาศัยได้อีกด้วย

โดยหัวใจสำคัญของระบบนิเวศฯ นี้ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่มิได้เป็นเพียงแค่รถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดทั่วไป แต่จะมาพลิกโฉมด้านคมนาคม โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และวิถีชีวิตของผู้คนในการใช้พลังงานหมุนเวียนในแบบที่ยั่งยืน

มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า"เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ที่สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม ถือเป็นพื้นที่การศึกษารูปแบบใหม่ที่ให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสกับ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังได้เรียนรู้งานดีไซน์ควบคู่กับงานด้านวิศวกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้าชมได้ค้นพบว่า มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และเทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ สามารถเข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนได้เป็นอย่างดี"

ทั้งนี้ผู้เข้าชมยังมีโอกาสได้สัมผัสกับ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ในรูปแบบประสบการณ์ภายใต้แนวคิด เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ที่ใช้เทคโนโลยีระบบพลังงานแบบ Vehicle-to-Home (V2H) ซึ่ง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้จัดแสดงให้เห็นถึงอรรถประโยชน์ของการใช้ชีวิตที่พึ่งพาการใช้พลังงานแบบพอเพียง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียนในแบบที่ยั่งยืน

เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ที่สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม จะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนปี 2563 พร้อมความมุ่งมั่นที่ต้องการให้พื้นที่การศึกษารูปแบบใหม่นี้เป็นสถานที่สำหรับผู้มาเยี่ยมชมเพื่อพบปะและพูดคุยเกี่ยวกับนวัตกรรมเทคโนโลยีของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในอนาคต

54

Porsche Classic Service Clinic 2020

เอเอเอสฯ จัดแคมเปญตรวจเช็คสภาพและดูแลรถยนต์ปอร์เช่รุ่นคลาสสิก โดยช่างระดับเหรียญทอง มาตรฐาน ประเทศเยอรมนี




กรุงเทพฯ. บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดแคมเปญ Porsche Classic Service Clinic ตรวจเช็คและดูแลรถยนต์ปอร์เช่รุ่นคลาสสิก ด้วยการให้บริการจากช่างผู้ชำนาญการที่ผ่านการฝึกอบรมและรับรองมาตรฐานระดับเหรียญทอง พร้อมการคัดสรรอะไหล่แท้ จากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี โดยท่านเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่รุ่นคลาสสิก รุ่น ปอร์เช่ 356, 914, 959, 911 Type 930 964 และ 993 รถยนต์ปอร์เช่ 4 สูบ และ 8 สูบ ได้แก่ 924, 944, 968 และ 928 รวมถึงรถยนต์ ปอร์เช่ บ็อกซ์เตอร์ type 986 และ ปอร์เช่ 911 type 996 สามารถเข้ารับบริการดูแลและตรวจสภาพรถในแคมเปญ Porsche Classic Service Clinic ได้ในระหว่างวันที่ 2  – 20 พฤศจิกายน 2563 ณ ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่ดอนเมือง (Porsche Centre Bangkok) และ ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่พัฒนาการ (Porsche Centre Pattanakarn)

โดยเอเอเอสฯ มอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าที่นำรถยนต์ปอร์เช่รุ่นคลาสสิกเข้ามาตรวจเช็คสภาพในแคมเปญ Porsche Classic Service Clinic มากมาย อาทิ
-   ฟรีตรวจเช็คสภาพ 24 จุด
-   ฟรีบริการน้ำมันเครื่อง Mobil 1 สำหรับลูกค้า 20 ท่านแรกที่มียอดค่าซ่อมแซมก่อนหักส่วนลดเกิน 50,000 บาท
-   ส่วนลดเพิ่มเติม 5% สำหรับค่าแรง อะไหล่ และ Tequipment
-   ส่วนลดค่าอะไหล่เพิ่มเติม 5% สำหรับแผนกสี
-   ส่วนลดเพิ่มเติม 5% เมื่อซื้อสินค้า Porsche’s Driver Selection
-   ฟรีค่าฝากดูแลรักษารถ 3 เดือนแรกสำหรับ Porsche Pre-owned car มูลค่า 5,000 บาท
-   บริการทำความสะอาดและเคลือบเงารถด้วยผลิตภัณฑ์ Autoglym ฟรี 1 ครั้ง
-   ฟรีบริการอบโอโซนและทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค Covid-19 ในห้องโดยสาร

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

โดยสามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการได้ที่
-   ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่ดอนเมือง (Porsche Centre Bangkok) โทร. 02-522-6655 ต่อ 400-404
-   ศูนย์บริการรถยนต์ปอร์เช่พัฒนาการ (Porsche Centre Pattanakarn) โทร. 02-369-1111 ต่อ 400-403

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911

55




มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดงานแถลงวิสัยทัศน์ ใหม่ ‘The Legend Reinvented’ ก้าวข้าม สร้างตำนานใหม่ ไม่สิ้นสุด พร้อมเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
 
กรุงเทพฯ – 29 ตุลาคม 2563: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมความพร้อมก่อนเปิดตัว มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ แบบปลั๊กอินไฮบริด (พีเอชอีวี) ในประเทศไทย ด้วยการจัดงานแถลงวิสัยทัศน์และทิศทางใหม่ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ‘The Legend Reinvented’ ก้าวข้าม สร้างตำนานใหม่ ไม่สิ้นสุด ให้แก่สื่อมวลชนที่สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม จังหวัดปทุมธานี


มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานด้วยชัยชนะถึง 12 ครั้ง จากสนามแข่งสุดหฤโหดระดับโลก “ปารีส-ดาการ์” ทำให้ “ปาเจโร” เป็นสุดยอดตำนานแห่งรถเอสยูวี รวมถึง “มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน” เจ้าแห่งสนาม “เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ” (WRC) ที่มีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) เป็นหนึ่งในตำนานแห่งสมรรถนะ รวมทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายจริงรุ่นแรกของโลกอย่าง “ไอ-มีฟ” (i-MiEV) ทั้งหมดนี้คือความยิ่งใหญ่ระดับตำนาน”

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของโลก และเป็นรถพีเอชอีวีที่ขายดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการผสาน DNA เข้ากับเทคโนโลยีรถยนต์ระดับตำนานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้ถูกคิดค้นและพิสูจน์แล้วในหลายประเทศทั่วโลก เพื่อตอบโจทย์ความกังวลเหล่านี้ ทั้งในด้านความทนทานและสมรรถนะ เราตอบโจทย์จากความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตรถเอสยูวีที่มีความแข็งแกร่งระดับตำนาน พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ดีที่สุดจาก มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน และยังสามารถใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันช่วยคลายข้อกังวลในเรื่องของข้อจำกัดด้านระยะทางการขับขี่ และสบายใจได้เรื่องค่าใช้จ่ายในด้านการบำรุงรักษาเพราะรถยนต์รุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตในประเทศไทย มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยแพคเกจการรับประกันและการบำรุงรักษาที่เราจัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้า มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากยุครถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ช่วงท้ายของกิจกรรม สื่อมวลชนยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม เพื่อเป็นการยืนยันถึงแผนงานและความพร้อมด้านการขายและบริการหลังการขาย เพื่อมุ่งมั่นสร้างตำนานบทใหม่ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเพื่อลูกค้าทุกคนในประเทศไทย เตรียมพบกันเร็วๆ นี้

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานีผลิตภัณฑ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

   สำหรับลูกค้าที่สนใจชม หรือทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์

   ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

Website   :   www.mitsubishi-motors.co.th

Facebook       :   www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

Instagram   :   @MitsubishiMotorsTh

Youtube Channel   :   Mitsubishi Motors Thailand

Line Official Account/ ID   :   Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh







56



มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดแสดงยานยนต์แห่งสุนทรียภาพที่งานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2020
 





กรุงเทพฯ 28 ตุลาคม 2563 – มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดแสดงยนตรกรรมครบทุกรุ่นที่งานฟาสต์ ออโต้ โชว์ ไทยแลนด์ 2020 โดยผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสทั้ง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชัน, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต จีที-พลัส, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่, มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส และ มิตซูบิชิ ไทรทัน

สำหรับผู้เข้าร่วมงานในปีนี้สามารถสัมผัสและทดลองขับรถยนต์ มิตซูบิชิ ครบทุกรุ่นรวมทั้ง มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ที่พึงเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ และได้นำมาจัดแสดงอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายในงานนี้

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ ที่ได้รับการปรับเพิ่มดีไซน์ให้มีความโดดเด่นมากขึ้นด้วย ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และเสาอากาศแบบครีบฉลาม พร้อมเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ ที่มาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ สีเทา Graphite Gray

“อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยกำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขอยืนหยัดเคียงข้างคนไทยในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพและสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม โดยเรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า” มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในบูธมิตซูบิชิ ที่ได้นำมาจัดแสดง ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต จีที-พลัส ใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า สามารถสั่งการด้วยระบบแฮนด์ฟรี และจอภาพขนาด 12.1 นิ้ว บนเพดานเพื่อความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล พร้อมรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน USB และ HDMI ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ อาทิ ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อจอดอยู่กับที่ (BAH) ระบบเบรกมืออัตโนมัติ (APB) กล้องมองภาพรอบคัน (MAM) และเซ็นเซอร์ช่วยจอด ขณะที่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น ใหม่ ที่มาพร้อมความหรูหรา พรีเมียม และสไตล์ที่เหนือระดับสะท้อนความสำเร็จที่แตกต่างในแบบฉบับที่เป็นคุณด้วยแนวคิด ‘เดอะ มาสเตอร์พีซ’

พร้อมกันนี้ยังได้จัดแสดงยนตรกรรมคุณภาพครบครัน อาทิ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต, มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ มิตซูบิชิ ได้ง่ายขึ้นพร้อมด้วยประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม บริษัทฯ เตรียมมอบข้อเสนอพิเศษพร้อมโปรโมชั่นมากมายสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นภายในงานฟาสต์ ออโต้ โชว์ ไทยแลนด์ 2020

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส A06 ที่งาน ฟาสต์ ออโต้ โชว์ ไทยแลนด์ 2020 ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคมถึง 1 พฤศจิกายน 2563 ที่ฮอลล์ 105 – 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานีผลิตภัณฑ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

   สำหรับลูกค้าที่สนใจชม หรือทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์

   ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

Website   :   www.mitsubishi-motors.co.th

Facebook       :   www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

Instagram   :   @MitsubishiMotorsTh

Youtube Channel   :   Mitsubishi Motors Thailand

Line Official Account/ ID   :   Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh

57
คาเยนน์ (Cayenne) และ 911 ยนตรกรรมสปอร์ตยอดนิยม

ปอร์เช่ รายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งตลอด 9 เดือนแรกของปี






สตุ๊ทการ์ท. ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2020, ปอร์เช่สามารถสร้างยอดส่งมอบรถใหม่ ถึงมือลูกค้าทั่วทุกมุมโลกได้ถึง 191,547 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่ายอดขายลดลงในสัดส่วนเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น “ปอร์เช่ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัว เพื่อรับมือกับวิกฤติการณ์ไวรัสโคโรน่าได้อย่างยอดเยี่ยมต้องยกประโยชน์ ให้กับบรรดาผลิตภัณฑ์รถสปอร์ตรุ่นล่าสุดของเราซึ่งช่วยให้เราสามารถรักษายอดจำหน่ายที่ลดลงให้กลับสู่ระดับปกติ” ข้างต้นคือคำกล่าวจาก Detlev von Platen สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้ดูแลส่วนงานขาย และการตลาดของ Porsche AG “ประเทศจีนเป็นตลาดที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากการ lockdown สิ้นสุดลง รวมทั้งความต้องการซื้อจากตลาด กลุ่มอื่น มีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อการดำเนินงานที่เป็นไปด้วยดี”

การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภูมิภาคเอเซีย
ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ ในแง่ของปริมาณการจำหน่าย ทั้งนี้ยอดขายรวมกว่า 62,823 คัน คือผลงานที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงกันยายน แนวโน้มเชิงบวกยังคงปรากฎให้เห็นในภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก แอฟริกา และตะวันออกกลาง ด้วยยอดส่งมอบทั้งหมด 87,030 คัน ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมัน ทำผลงานได้ดี ขึ้นคิดเป็นอัตราส่วน 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ในส่วนของยอดขายในสหรัฐอเมริกามีตัวเลขที่ 39,734 คัน  สำหรับทวีบยุโรป ปอร์เช่มียอดจำหน่ายที่ 55,483 คัน ระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน

เมื่อพิจารณาในแง่ของรุ่นรถยนต์ ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) สามารถรักษาสถานะรถสปอร์ต SUV จากปอร์เช่ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ด้วยตัวเลขรวม 64,299 คัน ที่ส่งถึงมือลูกค้าใน 3 ไตรมาส จากความนิยมที่ต่อเนื่องของรุ่นคูเป้ (Coupé) ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในส่วนของยนตรกรรมสปอร์ตระดับตำนาน ปอร์เช่ 911 ยังคงได้รับความนิยมชม ชอบจากนักขับ ทั่วโลกไม่เสื่อมคลาย ด้วยยอดส่งมอบสูงถึง 25,400 คัน หรือเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนหนึ่งเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) มียอดจำหน่าย 55,124 คัน  ทางด้านไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่ ถูกส่งมอบให้แก่ลูกค้าไปแล้วรวม 10,944 คัน ในช่วงเวลา 3 ไตรมาส แรกของปี “แม้ว่าปอร์เช่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโคโรน่าไวรัสเเต่เรายังคงคาดหวังอนาคตข้างหน้าที่สดใสเพื่อการ นี้ต้องขอบคุณ ผลิตภัณฑ์ยานยนต์อันยอดเยี่ยมทุกรุ่นที่เรามี รวมทั้งคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ” Detlev von Platen กล่าวขอบคุณ 

Porsche AG  ยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่   มกราคม – กันยายน
2019   2020   อัตราการเติบโต
ทั่วโลก    202,318   191,547   -5%
ทวีปยุโรป   60,764   55,483   -9%
ประเทศเยอรมนี   22,705   17,462   -23%
ทวีปอเมริกา   55,319   49,034   -11%
ประเทศสหรัฐอเมริกา   45,062   39,734   -12%
เอเซีย แปซิฟิก, แอฟริกา และตะวันออกกลาง    86,235   87,030   1%
ประเทศจีน   64,237   62,823   -2%

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับ ลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์บริปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911

58






ตลาดยางรถจักรยานยนต์ระอุ !! “บริดจสโตน” กลับมาเขย่าบัลลังก์อีกครั้ง พร้อมสร้างปรากฎการณ์ใหม่
 
“บริดจสโตน” ยางรถจักรยานยนต์มาตรฐานระดับโลก ประกาศกลับมาทำตลาดในเมืองไทยอย่างเต็มตัว นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดย บริษัท เพซแม็กซ์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด ชูจุดแข็งด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่งระดับเวิลด์คลาส ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ผ่าน “ยางรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมี่ยม” ในราคาที่จับต้องได้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเซ็กเมนต์ ชี้มั่นใจศักยภาพอุตสากรรมยางรถจักรยานยนต์ไปได้สวยแม้อยู่ในช่วงโควิด 19 พร้อมให้บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศด้วยตัวแทนจำหน่ายกว่า 40 แห่ง


บรรยากาศงานเปิดตัวยาง Bridgestone 20 10 63
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=41s5zHtYltM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=41s5zHtYltM</a>

สัมภาษณ์ คุณโอ๊ต เปิดตัวยาง Bridgestone
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=UsRVPvGOUFA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=UsRVPvGOUFA</a>

(กรุงเทพมหานคร, 20 ตุลาคม 2020) บริษัท เพซแม็กซ์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “ยางรถจักรยานยนต์บริดจสโตน” (Bridgestone) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยนับเป็นการดึงยางระดับโลกแบรนด์นี้ กลับมาเดินหน้าทำการตลาดในเมืองไทยอย่างเต็มตัวทุกเซ็กต์เมนต์ โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากวงการรถจักรยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ต รวมทั้งสื่อมวลชนตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง




นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซแม็กซ์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า บริดจสโตน เป็นบริษัทยางชั้นนำของโลกสัญชาติญี่ปุ่น ครองใจผู้ใช้ทั่วโลกด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสูงสุด รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดและทีมวิจัยที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาด ครองแชมป์ยอดขายอันดับ1ของโลกหลายสมัยในอดีต และเป็นอันดับ1ของโลกตั้งแต่ปี 2008-2018

บริดจโตนเป็นยางที่ได้รับการยอมรับในวงการมอเตอร์สปอร์ต ด้วยประสบการณ์การพัฒนายางสำหรับการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP ตั้งแต่ปี 2001-2015 และเป็นยางที่นักแข่งระดับแชมป์โลกหลายคนเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ แชมป์โลก 9 สมัยชาวอิตาเลียน หรือนักบิดระดับตำนานอย่าง เคซี่ สโตเนอร์

นอกจากนี้ บริดจสโตน ยังให้ความสำคัญกับการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ (Endurance World Championship : EWC) ซึ่งเป็นเรซแบบมาราธอนที่แข่งขันที่ยาวนานกว่า 6-24 ชั่วโมง โดยให้การสนับสนุนทีมชั้นนำระดับโลกอย่าง เอฟ.ซี.ซี. ทีเอสอาร์ ฮอนด้า ฟรานซ์ (F.C.C TSR Honda France) ที่คว้าแชมป์ในศึก เลอมองส์ 24 ชั่วโมง 2020 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ รวมไปถึงทีมละดับโลกอย่าง ยาร์ท ยามาฮ่า (Yart Yamaha) ที่พึ่งจะครองแชมป์การแข่ง 16 ชั่วโมงที่สนาม ESTORIL ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ ในเรื่องการแข่งขันเอ็นดูรานซ์นับได้ว่าบริดจสโตนไม่เป็นรองใครด้วยดีกรีการคว้าแชมป์รายการระดับตำนานอย่าง Suzuka 8 ชั่วโมง 14 สมัยซ้อนจนถึงปัจจุบัน นับได้ว่าจุดแข็งของบริดจสโตนคือการพัฒนาที่ถอดแบบมาจากการแข่งขันโดยเฉพาะการแข่งประเภทเอ็นดูรานซ์ (Endurance) อย่างแท้จริง เพราะมีการพัฒนาทั้งในเรื่องสมรรถนะในการทำความเร็วควบคู่ไปกับความทนทานและอายุการใช้งาน ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเช่นกัน 

“ปัจจุบันบริดจสโตนมียางจำหน่ายใน 7 เซ็กเมนต์ ได้แก่ สปอร์ต, แอดเวนเจอร์, ทัวริ่ง, ออฟโร้ด, ครุยเซอร์,  สกู๊ตเตอร์ และยางสำหรับแข่งขันในสนามแข่ง ซึ่งทางเพซแม็กซ์ ทยอยนำเข้ามาสู่ตลาดและได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดจากผู้ใช้ ทำให้ช่วงที่ผ่านมายางขาดสต๊อกไปอย่างรวดเร็วในหลายรุ่นด้วยกัน”



สำหรับสินค้าที่โดดเด่นที่นำเข้าสู่ตลาดในช่วงนี้ ได้แก่ ยาง Battlax Hypersport S22 ยางสปอร์ตที่ บริดจสโตนใช้เวลาถึง 3 ปีในการวิจัยก่อนจะออกสู่ตลาด ซึ่งโดยปกติแต่ละรุ่นจะใช้เวลาคิดค้น 2 ปี ซึ่งยาง S22 ได้รับการจัดอันดับล่าสุดจากนิตยสารโมโตราดให้เป็นยางไฮเปอร์สปอร์ต (Hypersport) อันดับ 1 ในคลาสของปี 2019 โดดเด่นด้วยสมรรถนะการยึดเกาะระดับสูง ด้วยการคิดค้นลายยางที่ให้เกิดแรงผลักจากผิวสัมผัสได้ดีที่สุด และการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่พัฒนาเนื้อยางถึงระดับโมเลกุล หรือ Nano Protech ซึ่งทำให้เนื้อยางใหม่มี “ซิลิกา ระดับนาโนโมเลกุล” ซึ่งสามารถกระจายตัวไปสู่ผิวสัมผัสได้มากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะได้ดีขึ้นในถนนเปียก โดยยางหลังเป็น 5 โซน 3 คอมพาว เป็นยางที่สมรรถนะครบทุกด้าน ทำความเร็วได้ดีทั้งถนนเปียกและแห้ง มีอายุการใช้งานยาวนาน ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างคุ้มค่า

นอกจากนี้ บริดจสโตนยังให้ความสำคัญกับยางสำหรับสกูตเตอร์ รุ่น Battlax SC ซึ่งเป็นรุ่นที่คนไทยรู้จักดี เป็นยางสกูตเตอร์ที่มียอดจำหน่ายสูงมาก ซึ่งทำให้ยางขาดตลาดไปอย่างรวดเร็ว ใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน คุ้มค่ากับราคา ดีไซน์พัฒนามาจากรถไฮเปอร์สปอร์ต ลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ มีร่องยางกว้าง เพื่อการระบายน้ำที่ดี และมีเส้นกลางช่วยเพิ่มความยืนหยุ่น ทำให้อายุการใช้งานนานขึ้น





นายตนัยศิริ กล่าวถึง แนวทางการตลาดของยางรถจักรยานยนต์บริดจสโตนในประเทศไทยว่า “ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต้องยอมรับว่ากระทบต่อกำลังการซื้อถดถอยไปจากเดิม บริดจสโตน มองเห็นเข้าใจปัญหาดังกล่าว จึงมีนโยบายในการตั้งราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ผู้บริโภคยังคงสามารถได้มีโอกาศได้ใช้สินค้าคุณภาพระดับสูงในราคาที่จับต้องได้ได้ง่ายขึ้น เพราะเรื่องยาง ถือเป็นหัวใจหลักในการขับขี่รถจักรยานยนต์”

“เรามีกลยุทธ์ขยายการเติบโตในเมืองไทย ด้วยการทำการตลาดอย่างจริงใจและให้ความรู้เรื่องยางกับผู้บริโภคให้มากที่สุด รวมถึงการร่วมมือกันกับกลุ่มพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าต่างๆ ที่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้สินค้าไปถึงมือผู้บริโภคได้มากขึ้นและรวดเร็ว นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่และทดสอบยาง รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของอีเว้นต์ต่างๆระดับโลก บนสนามอันดับ 1 ของประเทศไทย สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มาให้แฟนๆผู้ใช้บริดจสโตนได้สัมผัสกันอย่างเต็มอิ่ม”

“ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลกและการร่วมมือกับพันธมิตรที่ดีทั่วประเทศ วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะพา บริดจสโตน เข้ามาครองใจผู้ใช้รถจักรยานยนต์ชาวไทย และเชื่อว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดยางรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมี่ยมได้อย่างแน่นอน” นายตนัยศิริ กล่าว




ปัจจุบัน บริษัท เพซแม็กซ์ มอเตอร์สปอร์ต จำกัด มีตัวแทนจำหน่ายยางบริดจสโตนกว่า 40 แห่ง ทั่วประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างทั่วถึง ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.bridgestonemotothailand.com หรือ www.facebook.com/bridgestonemotothailand  LINE Official : @bridgestonemoto (มีเครื่องหมาย@ นำหน้า)









59


ร่วมเปิดประสบการณ์ความอร่อยแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

เอเอเอสฯ จัดกิจกรรม Porsche Macan Driving & Exclusive Dining at Ruenjarung Ayutthaya






กรุงเทพฯ. บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รังสรรค์กิจกรรม “Porsche Macan Driving & Exclusive Dining at Ruenjarung Ayutthaya” โดยพากลุ่มลูกค้าเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ มาคันน์ ที่ได้รับรางวัลจากแคมเปญพิเศษ ร่วมทริปขับรถและเปิดประสบการณ์ความอร่อย ณ เรือนจรุง ร้านอาหารไทยชื่อดังในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563

กิจกรรม “Porsche Macan Driving & Exclusive Dining at Ruenjarung Ayutthaya” เริ่มต้นที่โชว์รูม Porsche Centre Bangkok โดยมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ปอร์เช่ (Porsche Instructor) ขับรถนำขบวนมุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยทีมงานเอเอเอสฯ ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ร่วมทริปตลอดเส้นทาง เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางในบรรยากาศบ้านเรือนไทยกลางทุ่งนาเขียวชอุ่ม “เชฟเหมียว” จรัส ภาคอัด เจ้าของร้านเรือนจรุง ต้อนรับเหล่าผู้มาเยือนด้วยเมนู Welcome Drink มะม่วงหาวมะนาวโห่ลอยแก้ว ก่อนแบ่งปันเรื่องราวความเป็นมาของร้านที่เกิดขึ้นจากแนวคิดที่อยากจะนำบ้านทรงไทยมาประยุกต์ใช้เป็นสถานที่รับประทานอาหารร่วมกันในรูปแบบเป็นกันเอง ที่ผู้ร่วมวงสำรับสามารถพูดคุยกันได้อย่างอบอุ่นในระหว่างรับประทานอาหาร

จากนั้นสำรับอาหารไทยเลิศรสที่จัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถันก็ถูกลำเลียงมาเสิร์ฟบนโต๊ะแบบอาหาร Long table ตามคอนเซ็ปต์ของเชฟเหมียว ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริก 2 แม่, ยำจรุง, ไข่พะโล้, แกงส้มปูหน่อไม้ดอง, ลูกชิ้นปลายกรายซอสเขียวหวาน, เนื้อแดดเดียว และกุ้งเผาตัวโต ปิดท้ายของหวานด้วยกล้วยบวชชี จบทริปพร้อมความอิ่มเอมกับประสบการณ์รับประทานอาหาร ณ ร้านชื่อดังที่ขึ้นชื่อว่าจองยากที่สุดในประเทศไทย นี่คือหนึ่งในประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ทางเอเอเอส มอบให้แด่ลูกค้าคนพิเศษของเรา
 
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์บริปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911

60



มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พัฒนาเทคโนโลยีด้านการแปลงพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับระบบไฟฟ้า







นนทบุรี – 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563: บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) และดร. จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ขวา) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เพื่อร่วมกันพัฒนาศึกษาแนวทาง ทดสอบ และเก็บข้อมูล การแปลงพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับโครงข่ายไฟฟ้า (V2G) ด้วย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี จากศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ พิธีลงนามฯ ดังกล่าวจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นอกจากนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมถึงแผนการจัดแสดงเทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานกลาง เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมพลังงานเพื่อความยั่งยืน

เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ คือระบบสำหรับที่พักอาศัยซึ่งประกอบด้วย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี  เครื่องอัดและจ่ายประจุไฟฟ้าแบบ Vehicle-to-Home หรือ V2H ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการจ่ายและรับกระแสไฟฟ้าระหว่างยานพาหนะและที่พักอาศัย แผงโซลาร์เซลล์ และแบตเตอรี่สำหรับที่พักอาศัย เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ คือระบบที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากที่พักอาศัย เพื่อนำไปใช้ในการชาร์จ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และในทางกลับกันยังสามารถดึงพลังงานไฟฟ้ากลับจากตัวรถ เพื่อนำไปใช้ในที่พักอาศัย จึงมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยลดการบริโภคพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าสำรองในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

“มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ไม่เพียงแต่สามารถขับเคลื่อนได้แต่ยังนำกระแสไฟฟ้ากลับคืนสู่ที่พักอาศัย และแม้กระทั่งโครงข่ายไฟฟ้า ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและพัฒนาระบบนิเวศพลังงานแห่งอนาคต ที่สามารถดึงพลังงานไฟฟ้าจากรถพีเอชอีวีของมิตซูบิชิ กลับเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้า เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการสำรองไฟฟ้าเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการระบบไฟฟ้าของประเทศ โดยบริษัทฯ จะทำงานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” มร. ชกกิ กล่าว

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานีผลิตภัณฑ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด

   สำหรับลูกค้าที่สนใจชม หรือทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ

ทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์

   ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

Website   :   www.mitsubishi-motors.co.th

Facebook       :   www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

Instagram   :   @MitsubishiMotorsTh

Youtube Channel   :   Mitsubishi Motors Thailand

Line Official Account/ ID   :   Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh

Pages: 1 2 3 [4] 5 6 ... 105