Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - activity

Pages: 1 [2] 3 4 ... 105
16
เอเอเอสฯ สร้างจุดเช็ค-อินใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ด้วยผลงาน the Taycan with a special Porsche Thailand x NaRaYa livery”


Porsche Model Range


Taycan Base Model Range

เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส เตรียมกำหนดจุดเช็ค-อินใหม่ ในงานมอเตอร์โชว์ ด้วยผลงาน the Taycan with a special Porsche Thailand x NaRaYa livery เป็นการร่วมมือระหว่าง 2 องค์กรของไทย เพื่อผสมผสาน เทคโนโลยีล้ำยุคให้เข้ากับศิลปะการออกแบบของไทย โดยการนำเสนอผ่านการตกแต่งบนปอร์เช่ ไทคานน์ รถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมไทย ได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2021 (The 42nd Bangkok International Motor Show) ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 4 เมษายน 2564 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

พร้อมกันนี้ เอเอเอสฯ เตรียมประกาศราคาอย่างเป็นทางการสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าใหม่ล่าสุด ไทคานน์ (The new Taycan) รุ่นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง

และยังมีทัพรถสปอร์ตสมรรถนะสูงหลากรุ่นร่วมจัดแสดง

ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S)
ไทคานน์ เทอร์โบ (Taycan Turbo)
911 ทาการ์ 4เอส เฮอริเทจ ดีไซน์ อิดิชัน (911 Targa 4S Heritage Design Edition)
คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid)
คาเยนน์ อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne E-Hybrid Coupe)
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด เอ็กซ์เซคคูทีฟ (Panamera 4 E-Hybrid Executive)
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid)
มาคันน์ (Macan)
718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster)

ร่วมจัดแสดงในงาน ให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ปอร์เช่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยผู้จองรถยนต์ปอร์เช่ ภายในงานจะได้รับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะสิทธิการซื้อการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนีนานสูงสุด 15 ปี*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

17
ปอร์เช่ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน Rimac Automobili เป็น 24 เปอร์เซ็นต์

Deputy Chairman of the Executive Board and Member of the Executive Board for Finance and IT at Porsche AG

ปอร์เช่เปิดไฟเขียวเดินหน้าขยายเครือข่ายยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า คณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลกิจการของ Porsche AG มีมติเห็นชอบ ให้ปรับสัดส่วนของการถือหุ้นใน Rimac Automobili จากปัจจุบัน 15 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเป็น 24 เปอร์เซ็นต์ โดยบริษัทสัญชาติโครเอเชียแห่งนี้ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา และผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยชั้นสูงสำหรับยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า รวมถึงระบบขับเคลื่อน และแบตเตอรี่สมรรถนะสูง นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังผลิตรถไฟฟ้าระดับซูเปอร์สปอร์ตได้อีกด้วย ปอร์เช่ตัดสินใจเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทรถสปอร์ตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัยแห่งนี้ในฐานะผู้ร่วมลงทุนเมื่อปี 2018 และเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ ในเดือน กันยายน 2019 มูลค่าการลงทุนที่สูงขึ้น สะท้อนภาพกลยุทธ์การขยายเครือข่ายความร่วมมือที่มีต่อพันธมิตรทางธุรกิจ ปอร์เช่กำลังจะลงทุนเพิ่มอีก 70 ล้าน ยูโร หมายความว่า บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำระดับโลกจะถือครองหุ้นถึง 24 เปอร์เซ็นต์ โดยปราศจากนโยบายในการบังคับควบคุมใดๆ


Mate Rimac, founder and CEO at Rimac Automobili

“Rimac มีภาพลักษณ์ยอดเยี่ยม ในฐานะองค์กรขนาดเล็กที่มีความชำนาญในการแก้ไขปัญหา” ข้างต้นคือคำอธิบายจาก Lutz Meschke รองประธาน และสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของ Porsche AG กล่าว “Mate Rimac และทีมงานของเขาเป็นผู้ร่วมงานที่สำคัญโดยเฉพาะจากการมีส่วนช่วยในการพัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ Rimac ทราบดีถึงกรรมวิธีการทำงานเพื่อ เป็นผู้ผลิตเเละพัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ อันดับ 1 สำหรับปอร์เช่ รวมไปถึงผู้ผลิตยนตรกรรมรายอื่นในด้านของการผลิตชิ้นส่วนด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ปอร์เช่มอบความไว้ วางใจเลือก Rimac เป็นแห่งแรกในการพัฒนานวัตกรรมชั้นสูงเหล่านั้น” Meschke กล่าว ทั้ง 2 บริษัทต่างเอื้อประโยชน์ ระหว่างกันจากการยกระดับความร่วมมือที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เขากล่าวต่อว่า “Mate Rimac สร้างแรงบันดาลใจให้กับปอร์เช่เป็นอย่างมา ผ่านความคิดสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรมของเขา ในอีกด้านนึง Mate Rimac  เขาย่อมได้รับประโยชน์ จากองค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิต และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ จากปอร์เช่ เช่นกัน”

18


ปอร์เช่ ประเทศไทย จับมือ EGAT ร่วมลงนามความร่วมมือ EV Charging station and Platform Co Crea-tion for Electric Vehicles Project



Mr.Peter Roher Managing Director of Porsche Thailand


กรุงเทพฯ. บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ยุคสมัยแห่งยนตรกรรมไฟฟ้า จับมือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และพันธมิตรบริษัทรถยนต์ชั้นนำ ร่วมลงนามความร่วมมือโครงการ “EV Charging station and Platform Co Creation for Electric Vehicles Project” เพื่อเดินหน้าจัดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค เป็นการยกระดับความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมี มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย เป็นตัวแทนร่วมพิธีลงนามและร่วมนำเสนอภาพ อนาคตในหัวข้อ การเปลี่ยนผ่านสู่โลกยานยนต์ไฟฟ้า ในงาน The Next Future Journey EGAT EV Business Solutions ณ โรงแรมแบงค็อกแมริออท เดอะสุรวงศ์  เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

“ยานพาหนะไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยเราคาดการณ์ว่ารถยนต์ปอร์เช่ที่จะถูกส่งมอบในปี 2025 เป็นต้นไป จะเป็นรถไฟฟ้ามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อรองรับการใช้งานรถไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าในอนาคต เอเอเอสฯ ได้ดำเนินการติดตั้งสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้ากำลังสูงในศูนย์บริการของปอร์เช่ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตร ผู้ให้บริการชาร์จไฟฟ้าชั้นนำจัดตั้งสถานีชาร์จไฟตามจุดหมายปลายทางต่างๆ ทั้งนี้ การร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในโครงการ EV Charging station and Platform Co Creation for Electric Vehicles Project ถือเป็นคำมั่นสัญญาว่า เอเอเอสฯ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมผลักดัน ให้เกิดสถานีชาร์จไฟฟ้า ให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าปอร์เช่ รวมถึงผู้ใช้ยานพาหนะไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ ” มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าว

นอกจากนี้ภายในงานยังมีปาฐกถาพิเศษเเละเปิดตัว “EGAT EV Business Solutions” เพื่อสนับสนุนเเละยกระดับ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย โดย คุณกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานและคุณบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

19

“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่”




บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง มร. เออิอิชิ โคอิโตะ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ต่อจาก มร. โมะริคาซุ ชกกิ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวมานานถึง 6 ปี ทั้งนี้ มร. ชกกิ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ให้กับบริษัทฯ ต่อไปในบทบาทใหม่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัท โดยมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 นี้เป็นต้นไป

มร. โคอิโตะ เริ่มทำงานร่วมกับ มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น มาตั้งแต่ปี 2537 และได้รับการมอบหมายให้รับผิดชอบในตำแหน่งที่สำคัญต่างๆ อาทิ ด้านการวางแผนผลิตภัณฑ์ ด้านการขายและการตลาด รวมทั้งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลธุรกิจที่หลากหลายในต่างประเทศ ต่อมาในปี 2557 ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งเป็น General Manager, After Sales Planning Department มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น Division General Manager, ASEAN A Division และก้าวขึ้นเป็น Assistant Co-COO เมื่อช่วงต้นปี 2563


ในเดือนกันยายนปี 2564 มร. โคอิโตะ ได้รับการแต่งตั้งเป็น กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ สายงานกลยุทธ์การขาย สายงานพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และสายงานบริการหลังการขาย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย โดย มร. โคอิโตะ ได้ร่วมกับ มร. ชกกิ ผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างการดำเนินงาน พร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าในการขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้ก้าวสู่ความสำเร็จและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้บริษัทฯ เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า พร้อมมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเป็นผู้นำยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยการแต่งตั้ง มร. โคอิโตะ นี้ ยังแสดงถึงความต่อเนื่องและความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

ทั้งนี้ มร. ชกกิ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2558 จะยังคงให้การสนับสนุนการบริหารงานของบริษัทฯ ต่อไปในบทบาทใหม่ ด้วยความเชี่ยวชาญพร้อมประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยที่ขับเคลื่อนให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กลายเป็นหนึ่งในผู้นำของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ ที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เพื่อการจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังทั่วโลกอีกกว่า 120 ประเทศ พร้อมกันนี้ มร. ชกกิ ยังมีส่วนสำคัญในความสำเร็จของบริษัทฯ ที่สามารถผลิตรถยนต์ มิตซูบิชิ ครบ 6 ล้านคันจากศูนย์การผลิตรถยนต์แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ในปีนี้

ด้วยประสบการณ์และความสามารถของ มร. โคอิโตะ และ มร. ชกกิ พร้อมความมุ่งมั่นในการเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ให้ก้าวสู่ความสำเร็จและเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้แผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ที่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย

20
ปอร์เช่ นำเสนอประสบการณ์การจำหน่ายยนตรกรรมสปอร์ตรูปแบบใหม่ Porsche Studio กรุงฮานอย เวียดนาม

Porsche Studio Hanoi นับเป็น Porsche Studio  แห่งแรกของเวียดนามและแห่งที่ 2 ของภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ รองจาก Porsche Studio Bangkok ในประเทศไทย

เป้าหมายใหม่ของการใช้ชีวิตใจกลางมหานคร พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายและจัดกิจกรรมเพื่อ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดพิเศษ

Porsche Studio Hanoi ออกแบบขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความตระหนักรู้ และสร้างความเติบโต อย่างแข็งแกร่งของแบรนด์ปอร์เช่ในประเทศเวียดนาม







ฮานอย/เวียดนาม. ปอร์เช่ ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยการมาถึงของ Porsche Studio Hanoi ในประเทศเวียดนาม หนึ่งในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดของปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็น Porsche Studio แห่งแรกของประเทศและเป็นหนึ่งในสตูดิโอแรกของโลกที่ออกแบบจากแนวคิดใหม่ล่าสุดของเเบรนด์

นอกจากสถิติประเทศที่มีอัตราการเติบโตของ GDP สูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก เวียดนามยังมีสัดส่วนประชากรลูกค้า ที่มีอายุน้อยที่สุดของปอร์เช่อีกด้วย เพื่อเป็นการเชื่อมโยงกลุ่มผู้สนใจในยนตรกรรมสปอร์ต ซึ่งพำนัก อยู่บริเวณกรุงฮานอย  เมืองหลวงอันเป็นศูนย์กลางของเวียดนาม Porsche Studio คือสถานที่ในการยกระดับการรับรู้และเผยแพร่ประสบการณ์ ในแบรนด์ปอร์เช่ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มเจเนอเรชันต่อไปที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าของยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ ในอนาคต

กรุงฮานอย คือ มหานครหลักที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางการของผสมผสาน และการเจริญเติบโตทางวัฒนธรรม ของเวียดนาม Porsche Studio Hanoi มาพร้อมด้วยพื้นที่พิเศษเพื่อรองรับการรวมตัวและเชื่อมต่อระหว่างบรรดา คนรุ่นใหม่ที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยแรงผลักดันจากความฝัน เช่นเดียวกับยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ รวมทั้งแบ่งปัน ความประทับใจจากคุณภาพชั้นเลิศและคุณค่าของงานฝีมือผ่านยนตรกรรมยานยนต์ที่สั่งสมเกียรติประวัติมา อย่างยาวนาน

“ปอร์เช่ และกรุงฮานอย คือ 2 สิ่งที่เติบโตผ่านกาลเวลามาอย่างยั่งยืน จากเอกลักษณ์เฉพาะตัว อันเปรียบเสมือนตัวแทนที่สื่อถึงนวัตกรรมและวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย กรุงฮานอยมีประชากรคนรุ่นใหม่ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนและกระตุ้นให้บรรยากาศของเมืองตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเรามุ่งมั่น สร้างสรรค์ Porsche Studio แห่งที่ 2 ของภูมิภาค ให้ถือกำเนิดขึ้นอย่างสง่างามท่ามกลางความเจริญรุ่งเรือง ของมหานครขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนาม คือหนึ่งในตลาดที่มีอัตราการ เติบโตรวดเร็วที่สุดของปอร์เช่” Arthur Willmann ประธานกรรมการบริหารของ Porsche Asia Pacific กล่าว

“แรงผลักดัน ความหลงใหลต่อแบรนด์ปอร์เช่และรถสปอร์ตของเราในประเทศเวียดนาม เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะ เวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา การมาถึงของ Porsche Studio โดยมีที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองจะสามารถทำให้ แบรนด์ของเราใกล้ชิดกับผู้คนยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสร้าง Porsche community ซึ่งเป็นสังคม ของผู้ที่หลงใหล ในยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ได้มีโอกาสแบ่งปันพื้นที่ทางสังคมเเละประสบการณ์ที่ดีต่อเเบรนด์ปอร์เช่ ร่วมกัน” Andreas Klingler ผู้อำนวยการใหญ่ของ Porsche Vietnam กล่าวย้ำ

ผ่านงานออกแบบใหม่ล่าสุดของ Porsche Studio ปอร์เช่ ปรับเปลี่ยนการนำเสนอสินค้าให้เป็นเเบบ “Destination Porsche” ภายใน Porsche Studio Hanoi สามารถสัมผัสได้ถึงประสบการณ์และตัวตนของยนตรกรรมสปอร์ต ในบรรยากาศร่วมสมัยเน้นย้ำวิถีชีวิตในบรรยากาศเเบบบูติก สามารถสัมผัสกับประวัติความเป็นมาของแบรนด์เเละเรียนรู้ ในยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าเคียงข้างด้วยการจัดแสดงรถสปอร์ตในรุ่นที่น่าสนใจ Porsche Studio ได้รวมเอาพื้นที่ สำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะและนิทรรศการอิสระที่ถูกสร้างสรรค์ โดยศิลปินในท้องถิ่นสะท้อนจิตวิญญาณแห่งการ คิดค้นนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรม ได้อย่างไร้ข้อจำกัดเน้นให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกถึงบริการด้วยใจและ คุณภาพในทุกรายละเอียดตลอดระยะเวลาแห่งความสุข ที่สามารถสัมผัสได้ภายใน Porsche Studio เเห่งใหม่นี้

จุดนัดพบแห่งใหม่นี้มาพร้อมพื้นที่ส่วนตัวสำหรับคุณเเละรถสปอร์ตคันโปรด ลูกค้าสามารถพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการ ขายโดยปราศจากการรบกวนท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นเเละเป็นส่วนตัว ลูกค้าสามารถออกแบบรถสปอร์ตอันเป็น เอกลักษณ์และอุปกรณ์ตกแต่งได้ตามความต้องการผ่านระบบ configuration table ใหม่ล่าสุด ที่จะนำเสนอยนตรกรรม สปอร์ตได้ตรงใจลูกค้าในรูปเเบบภาพเสมือนจริงด้วย projection surface

นอกจากนี้ Porsche Studio ยังได้รับการติดตั้ง Porsche Destination Charging เครือข่ายการชาร์จพลังงานระดับ โลกพร้อมสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้า AC-charging points เพื่อรองรับการใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบ

เกี่ยวกับ Porsche Studios
Porsche Studios คือรูปแบบของพื้นที่สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยานยนตร์ มุ่งมั่นการบริการอย่างจริงใจเคียงข้าง กับการถ่ายทอดสาระบันเทิงจากแบรนด์และรถยนต์ สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การดำเนินงาน Porsche’s Future Retail Strategy โดยมีเป้าประสงค์ในการเสาะแสวงหาและเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ซึ่งอาศัยอยู่ ณ ใจ กลางเมืองใหญ่ แนวคิดใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการนำมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรกใน กรุงฮานอย

เกี่ยวกับ Porsche Asia Pacific Pte Ltd
Porsche Asia Pacific Pte Ltd เป็นบริษัทในเครือของ Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG ในฐานะผู้ผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับชั้นนำของโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองสตุ๊ทการ์ท ประเทศเยอรมนี มีวิสัยทัศน์ในการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นประสิทธิผลสูงสุดสำหรับการส่งมอบยานพาหนะชั้นเลิศให้แก่ผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นที่รู้จัก ในนาม 911 นอกจากนั้นปอร์เช่ยังสร้างสรรค์ยนตรกรรมสปอร์ตหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) มาคันน์ (Macan) พานาเมร่า (Panamera) 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) ในปี 2019 ได้เปิดตัวปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรก

ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิก เริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 2001 ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการทำหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานในตลาดภูมิภาค เอเซีย แปซิฟิก อย่างใกล้ชิดโดยปอร์เช่ สำนักงานใหญ่ มุ่งเน้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์รวมทั้งให้ความช่วยเหลือผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็น ทางการทั้งในด้านของงานบริการ การพัฒนาธุรกิจ การตลาด สื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ รวมทั้งงานขาย ปอร์เช่ เอเซีย แปซิฟิก รับบทบาทในการประสานงานครอบคลุม 13 ประเทศในภูมิภาค ประกอบด้วย: บรูไน, กัมพูชา, เฟรนช์ โพลีนีเซีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, มองโกเลีย, นิว คาลิโดเนีย, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ไทย และเวียดนาม

21
ปอร์เช่ คว้า 3 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมเเห่งปี “Car of the year 2021”

ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย

ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย

กรุงเทพฯ. ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำโดย ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ เเละ ธนบดี กุลทล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ ประเทศไทย รับรางวัลในงานประกาศผลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 หรือ “Car of The Year 2021” โดยปอร์เช่ คว้ารางวัลอันทรงเกียรติถึง 3 รุ่น ได้แก่ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ (Porsche Taycan Turbo) คว้ารางวัล “Best EV Supercar” ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) คว้ารางวัล “Best Hybrid Luxury SUV” และ ปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) คว้ารางวัล “Best Performance Compact SUV” เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2021 ณ รอยัล จูบิลี บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี


Macan


Cayenne E-Hybrid


Taycan Turbo

22

“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประสบความสำเร็จคว้า 7 รางวัล รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2564 พร้อมฉลองครบ 60 ปี ในประเทศไทย”











มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2564 มากถึง 7 รางวัลและครบทุกรุ่นสำหรับรถยนต์ มิตซูบิชิ ที่จำหน่ายภายในประเทศไทย พร้อมความมุ่งมั่นที่ต้องการส่งมอบยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและคุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าชาวไทย
 
การคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีหลายรางวัลในในปีนี้ตรงกับช่วงเวลาแห่งความพิเศษที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฉลองครบ 60 ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย โดยตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทอย่างต่อเนื่อง เพื่อการสร้างสรรค์ออกแบบ การพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ คุณภาพระดับโลก พร้อมมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
 
“เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีมากถึง 7 รางวัลในปีนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่สำคัญในด้านคุณภาพและการดำเนินงานที่เป็นเลิศของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่ได้นำเสนอยานยนต์คุณภาพมาอย่างต่อเนื่องตลอด 60 ปี โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการยกระดับคุณภาพของทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการของเรา เพื่อมอบให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
 
โดยการพิจารณาตัดสินเพื่อมอบรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีนี้จัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่ร่วมกันพิจารณาตามหลักเกณฑ์ในด้านต่างๆ โดยรถยนต์ทุกรุ่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลในปีนี้สามารถตอบโจทย์หลักเกณฑ์การพิจารณาได้อย่างดีเยี่ยม อาทิ  ด้านรูปลักษณ์การออกแบบ ความสะดวกสบาย ด้านความปลอดภัย ด้านสมรรถนะ ด้านเทคโนโลยี ด้านความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้านความคุ้มค่า และด้านความพึงพอใจของลูกค้า
 
เริ่มด้วย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับรางวัล รถปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี ยอดเยี่ยม ที่ได้รับการพิสูจน์ถึงการเป็นสุดยอดรถเอสยูวีที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พร้อมรองรับทุกการใช้งานและยังมีสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ตอกย้ำการเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก
 
ส่วน มิตซูบิชิ ไทรทัน ได้รับรางวัล รถกระบะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์ดีเซลต่ำกว่า 2,500 ซีซี ยอดเยี่ยม ที่มาพร้อมกับแนวคิด แกร่ง ลุยทุกอุปสรรค โดดเด่นด้วยสมรรถนะอันทรงพลังและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย 
 
ในขณะที่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สามารถคว้า 2 รางวัลยอดเยี่ยม โดย มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้รับรางวัล รถอเนกประสงค์พีพีวี ขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์ดีเซลต่ำกว่า 2,500 ซีซี ยอดเยี่ยม และรางวัล รถอเนกประสงค์พีพีวีราคาคุ้มค่ายอดเยี่ยม พิสูจน์แล้วถึงการเป็นรถรถอเนกประสงค์ยอดเยี่ยมที่ครบครันด้วยเทคโนโลยีและระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ดีที่สุดในเซกเมนต์ เพื่อมอบความเหนือระดับในทุกการเดินทางให้แก่ผู้ขับขี่ 
 
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รถครอสโอเวอร์ยอดนิยมสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ ได้รับรางวัล รถอเนกประสงค์เอ็มพีวี เครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,600 ซีซี ยอดเยี่ยม หลังจากได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอดนับตั้งแต่เปิดตัว
 
และรถซิตี้คาร์ มิตซูบิชิ แอททราจ ได้รางวัล รถยนต์อีโคคาร์ 4 ประตู ราคาคุ้มค่ายอดเยี่ยม และ มิตซูบิชิ มิราจ ได้รับรางวัล รถยนต์อีโคคาร์ ประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยม โดยรถซิตี้คาร์ทั้งสองรุ่นยังคงสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่อยู่ในเมืองอย่างต่อเนื่อง

เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้จัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อร่วมฉลองโอกาสสำคัญนี้ พร้อมขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจเลือกซื้อและใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ ด้วยแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” มอบรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งหนัก 60 บาท มูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ อาทิ ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวี SAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล และ โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 
 
มั่นใจได้เมื่อซื้อรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกคันด้วยบริการหลังการขายภายใต้สโลแกน ‘เราดูแล คุณแค่ขับ’ ที่พร้อมดูแลลูกค้าด้วยสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพ อะไหล่แท้ การบริการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมเพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตลอดจนความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการด้วยเครือข่ายผู้จำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
 
เชิญชมรถยนต์ มิตซูบิชิ ทุกรุ่นที่บูธ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย A13 ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42  ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 – 3 เมืองทองธานี ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อขอทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ที่เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

23
Oliver Blume and Aksel Lund Svindal at the Taycan Cross Turismo world premiere.

การเปิดตัวครั้งแรกของโลก กับ ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo): ยนตรกรรมสปอร์ตอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า





สตุ๊ทการ์ท/มิวนิค. ปอร์เช่ พร้อมเผยโฉม ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) ออกสู่สายตาสาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในรูปแบบ virtual world premiere บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับชั้นนำของโลก ได้ทำการเสริมทัพให้แก่ยนตรกรรมรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกของแบรนด์ด้วยเวอร์ชัน off-road อเนกประสงค์ต่อยอดความสำเร็จอย่างงดงามบนเส้นทางของการพัฒนา รถสปอร์ต ซาลูน ไทคานน์ (Taycan) ยานพาหนะพลังงานทางเลือกเพื่อความยั่งยืน ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม (Taycan Cross Turismo) ยังรักษาไว้ซึ่งความโดดเด่นจากนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แรงดัน 800 โวลท์ ช่วงล่างประกอบไปด้วย เทคโนโลยีขั้นสูงพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all wheel drive และระบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension รองรับสมรรถนะการขับขี่รูปเเบบสปอร์ต และเส้นทาง off-road พื้นที่เหนือศรีษะภายในห้องโดยสารตอนหลัง ที่ยกระดับเพิ่มสูงขึ้นถึง 47 มิลลิเมตร รวมทั้งพื้นที่บรรทุกสัมภาระท้ายรถที่มีความจุมากขึ้นกว่า 1,200 ลิตร เข้าถึงอย่างสะดวกสบายผ่านบานฝาท้ายขนาดใหญ่  นี่คืออรรถประโยชน์ที่ได้จาก ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) สุดยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ตัวจริง

“ในปี 2019 เราได้ส่งสัญญาณผ่านการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่จากรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกของเรา” Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG อธิบายในระหว่างงานแถลงเปิดตัว world premiere ของยนตรกรรมสปอร์ตอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด “เรามองเห็นตัวเองเสมือนนักประดิษฐ์ผู้คิดค้นยานพาหนะที่ยั่งยืน โลกแห่งอนาคตภายในปี 2025 รถยนต์ใหม่ที่เราส่งมอบจะเป็นรถที่ถูกติดตั้งด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่หรือระบบ plug-in hybrid ก็ตาม ในปี 2020 ที่ผ่านมา 1 ใน 3 ของรถที่เราจำหน่ายในทวีปยุโรป เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รถไฟฟ้าคือคำตอบของยานพาหนะแห่งอนาคตและเรากำลังจะก้าวไปบน เส้นทางนี้อีกระดับด้วย ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม (Taycan Cross Turismo)”

ครอส ทัวริสโม(Cross Turismo)รองรับความต้องการที่หลากหลาย

ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) เปิดตัวพร้อมกันด้วยทางเลือกหลากหลายถึง 4 ระดับ ชุดเก็บพลังงาน Performance Battery Plus ที่ให้กำลังสูงสุด 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานประกอบด้วย รุ่นต่างๆ  ดังต่อไปนี้

ไทคานน์ 4 ครอส ทัวริสโม (Taycan 4 Cross Turismo) พละกำลังสูงสุด 380 แรงม้า (280 กิโลวัตต์) เมื่อใช้ระบบ overboost power สำหรับ Launch Control กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 476 แรงม้า (350 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยเดินทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน WLTP) 389 – 456 กิโลเมตร

ไทคานน์ 4เอส ครอส ทัวริสโม(Taycan 4S Cross Turismo) พละกำลังสูงสุด 490 แรงม้า (360 กิโลวัตต์) เมื่อใช้ระบบ overboost power สำหรับ Launch Control กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 571 แรงม้า (420 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยเดินทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน WLTP) 388 – 452 กิโลเมตร

ไทคานน์ เทอร์โบ ครอส ทัวริสโม(Taycan Turbo Cross Turismo) พละกำลังสูงสุด 625 แรงม้า (460 กิโลวัตต์) เมื่อใช้ระบบ overboost power สำหรับ Launch Control กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 680 แรงม้า (500 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยเดินทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน WLTP) 395 – 452 กิโลเมตร

ไทคานน์ เทอร์โบ เอส ครอส ทัวริสโม(Taycan Turbo S Cross Turismo) พละกำลังสูงสุด 625 แรงม้า (460 กิโลวัตต์) เมื่อใช้ระบบ overboost power สำหรับ Launch Control กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 761 แรงม้า (560 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิสัยเดินทางสูงสุด (ตามมาตรฐาน WLTP) 388 – 419 กิโลเมตร

ช่วงล่างล้ำสมัย พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all wheel drive และระบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้ง 4 รุ่น สามารถสั่งติดตั้งเเพ็คเกจเสริม ออฟโร้ด ดีไซน์ (Off-Road Design Package) เพิ่มระดับความสูงใต้ท้องรถได้ถึง 30 มิลลิเมตร หมายความว่า ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) มาพร้อมด้วย ศักยภาพในรูปเเบบ  off-road เเละยังมีการขับขี่ในโหมด Gravel  ซึ่งจะทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานบนเส้นทาง ที่มีอุปสรรรคให้แก่รถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้าอเนกประสงค์รุ่นล่าสุด

เมื่อพิจารณารูปลักษณ์ภายนอก ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) มีความใกล้เคียง อย่างยิ่งกับรถยนต์ต้นแบบ Mission E Cross Turismo concept study ซึ่งเคยจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนตร์  Geneva Motor Show ปี 2018 ทรวดทรงโดยรวมของตัวรถถูกกำหนด ด้วยเส้นโค้งของแนวหลังคาที่ลาดยาวจรดท้าย ให้อารมณ์สปอร์ตเต็มตัว โดยเส้นดังกล่าวมีชื่อเรียกจากบรรดานักออกแบบ ของปอร์เช่ว่า “flyline” รูปลักษณ์ภายนอก ที่บ่งบอกความเป็น Off-road ประกอบไปด้วยซุ้มล้อชิ้นส่วนด้านล่างของกันชนหน้าและหลัง รวมไปถึงสเกิร์ตข้าง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นเดียวกันกับชุดแต่ง Off-Road Design Package ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) ติดตั้งครีบดักอากาศพิเศษบริเวณมุมกันชนหน้า กันชนหลังและส่วนท้ายของสเกิร์ตข้างทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งหมดนี้ช่วย เสริมให้รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถมีความกร้าวแกร่ง อีกทั้งยังมีส่วนในการป้องกันการกระแทก จากเศษหินในขณะขับขี่

อุปกรณ์ตกแต่งสุดสปอร์ต carrier ขนย้ายจักรยานรุ่นใหม่และจักรยานไฟฟ้า Porsche e-bikes

พิเศษสุดเฉพาะ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) ปอร์เช่ พัฒนาอุปกรณ์ ขนย้ายสำหรับติดตั้งจักรยานบริเวณท้ายรถได้สูงสุดถึง 3 คัน นับเป็นบรรทัดฐานใหม่เมื่อพิจารณาในเชิงของขนาด และประสิทธิภาพจุดยึด แบบ universal ใช้งานได้กับรถจักรยานหลากหลายแบบฝาท้ายสามารถเปิดได้ แม้ในขณะขนย้าย จักรยานคือหนึ่งในนวัตกรรมสุดล้ำ นอกจากนี้ปอร์เช่ยังนำเสนอจักรยานไฟฟ้า e-bikes คุณภาพสูง พร้อมกันถึง 2 รุ่น ประกอบด้วย eBike Sport และ eBike Cross ผสานการออกแบบที่เรียบหรูท้าทายกาลเวลา พัฒนาด้วยเทคโนโลยีพลังขับเคลื่อนเหนือระดับ จักรยานทั้ง 2 รุ่นเหมาะสมลงตัวอย่างยิ่งในการใช้งานร่วมกับ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo)

ราคา

ปอร์เช่ ไทคานน์ 4 ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan 4 Cross Turismo) ราคาเริ่มต้น 6.69 ล้านบาท ปอร์เช่ ไทคานน์ 4เอส ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan 4S Cross Turimo) ราคาเริ่มต้น 7.69 ล้านบาท เเละ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Turbo Cross Turimo) ราคาเริ่มต้น 10.19 ล้านบาท พร้อมรับคำสั่งซื้อเเล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด

สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตไฟฟ้าขั้นสูง กับการปรากฏตัวครั้งเเรกสู่สายตาสาธารณชน

การเปิดตัวครั้งแรกในโลกของ ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) ได้ถูกจัดขึ้น Hyperbowl Studio ศูนย์แสดงสินค้า Munich Trade Fair Centre นำเสนอผ่านหน้าจอ curved LED wall 270 องศา ซึ่งมีความยาวกว่า 40 เมตร และสูงถึง 5.5 เมตร เชื่อมต่อการทำงานกับ LED ceiling เพื่อฉายภาพขนาด 478 ตารางเมตร ด้วยความละเอียด 70 ล้านพิกเซล สามารถรับชมงาน world premiere ผ่านเว็บไซต์ newstv.porsche.com

อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล ที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภค ตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้นไม่สามารถนำมา เปรียบเทียบ กับค่าการตรวจวัดอัตราการบริโภคของ NEDCที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้

สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอน   ไดออกไซด์ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ  สามารถค้นหาได้จากเอกสาร “Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” [Leitfaden über den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

24
การทดสอบสุดโหด ขั้นตอนสุดท้ายก่อนเปิดตัวครั้งแรกของโลก

บทพิสูจน์ยนตรกรรมอเนกประสงค์: โปรแกรมทดสอบ ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Porsche Taycan Cross Turismo)









สตุ๊ทการ์ท ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Porsche Taycan Cross Turismo) ผ่านการขับทดสอบครั้งสุดท้ายไปอย่างสมบูรณ์แบบ โปรแกรมการทดสอบของปอร์เช่ ซึ่งครอบคลุมทุกลักษณะการใช้งาน เกิดขึ้นภายในสนามแข่งระดับตำนาน Nürburgring Nordschleife และสนามกรังด์ปรีซ์ Hockenheim (ตั้งอยู่ในประเทศ เยอรมนีทั้ง 2 แห่ง) รวมถึงบนเส้นทางหลากหลายสถานการณ์ทั่วทุกมุมโลก และในเมือง Nardò ทางตอนใต้ของประเทศ อิตาลี นอกจากนี้ รถสปอร์ต ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) ยังสามารถพิชิตบททดสอบต่างๆ ทั้งในสนามแข่งของ ประเทศฝรั่งเศสและถนนบนเทือกเขาพิเรนิส สำหรับการทดสอบแบบ off-road สุดท้าทายจัดขึ้นบนสนาม Safari track โดยเป็นการจำลองพื้นเเถบทุรกันดารในทวีปแอฟฟริกามาไว้ยังศูนย์วิจัยและพัฒนา Weissach Development Centre ด้วยระยะทางที่ใช้ทดสอบรวม 998,361 กิโลเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) คันโปรโตไทป์ สามารถวิ่งรอบโลกได้เกือบ 25 รอบ เมื่อวัดเทียบจากความยาวของเส้นศูนย์สูตร

อีกหนึ่งการขับทดสอบที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันของ ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม (Porsche Taycan Cross Turismo) ที่ได้รับการพรางตัว รถคันดังกล่าวผ่านการขับทดสอบไปทั่วโลกโดยตัวแทนของสื่อมวลชน ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ด้วยระยะเวลาเพียง 6 สัปดาห์ มันได้แวะเวียนไปถึง 5 ประเทศ ซึ่งล้วนเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของ ไทคานน์ (Taycan) รุ่นตัวถังอเนกประสงค์ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี

นวัตกรรมเทคโนโลยีอันเหนือชั้นที่นับเป็นความยอดเยี่ยมของ รถสปอร์ต ซาลูน อย่าง ไทคานน์ (Taycan) อาทิ สมรรถนะ ในการขับขี่และระยะทางอันยาวไกลที่สามารถวิ่งได้ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all wheel drive และช่วงล่างถุงลม air suspension ปรับระดับอัตโนมัติ ได้รับการเสริมความได้เปรียบจากพื้นที่เหนือศรีษะสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และปริมาตรความจุห้องบรรทุกสัมภาระท้ายรถที่เพิ่มขึ้น ปรับปรุงอรรถประโยชน์การใช้งานต่างๆ โดยคำนึงถึงทุกรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนผ่านแบบจำลองห้องโดยสารเสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายใน ฟังก์ชั่นการทำงาน จากการออกเเบบต่างๆ มากกว่า  650 รูปแบบ ใช้ระยะเวลาในการทำเวิร์คช็อปทั้งในแบบอิเลกทรอนิกส์ และการติดต่อประสานงานโดยตรงมากกว่า 1,500 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์เเบบที่สุด

“ในระหว่างกระบวนการพัฒนา ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่  (The new Taycan Cross Turismo) ทีมงานของเราได้ผ่านประสบการณ์การสร้างรถยนต์ ไทคานน์ (Taycan) ตัวถัง สปอร์ต ซาลูน มาแล้ว ดังนั้นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะในรูปเเบบสปอร์ตกับศักยภาพการขับขี่ในรูปเเบบ off-road” Stefan Weckbach รองประธานกรรมการ Model Line กล่าว “ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) จำเป็นต้องมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมทั้งบนสนามแข่งความเร็วสูง และขีดความสามารถในการขับขี่เเบบ off-road ไปบนเส้นทางอันยากลำบากที่เต็มไปด้วยกรวดหิน โคลนเลน และอุปสรรคต่างๆ” เงื่อนไขประการที่ 2  ได้รับการยืนยันด้วยสนามทดสอบจำลอง “Endurance Testing Ground” ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนา Weissach Development Centre นอกจากนี้ Weckbach ยังกล่าวต่อว่า “ผลการทดสอบออกมาเป็นที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) ไม่ใช่รถ off-road พันธุ์แท้ แต่รถคันนี้มาพร้อมประสิทธิภาพในการฝ่าฟันเส้นทางขรุขระและถนนลูกรัง รถสปอร์ตซาลูนไฟฟ้าคันนี้ มีความอเนกประสงค์ ในลักษณะเดียวกับอุปกรณ์มีดพับ Swiss army knife ที่ติดตั้งอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว”

สำหรับปอร์เช่ รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันจะถูกทดสอบด้วยโปรแกรมที่เข้มงวด เช่นเดียวกันกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์สันดาป ภายใน สิ่งที่จะต้องแสดงให้เห็นนอกเหนือจากสมรรถนะการขับขี่ระดับสุดยอด ยังต้องพิสูจน์ความเพียบพร้อมในเรื่องอรรถ ประโยชน์ในการใช้งานประจำวัน ท่ามกลางทุกสภาพอากาศ ความสามารถในการรองรับความต้องการอื่นๆ อาทิ การชาร์จ แบตเตอรี่ หรือการควบคุมอุณหภูมิของระบบส่งกำลังและห้องโดยสารภายใต้สภาพแวดล้อมสุดขั้ว ทั้ง ยังต้องพิจารณาถึง วิธีการทดสอบเกี่ยวกับกำลังที่ได้จากแบตเตอรี่แต่ละรุ่นเป้าหมายการพัฒนาส่วนอื่นเป็นไปในทิศทาง เดียวกับปอร์เช่ทุกรุ่น นั่นคือ ประสิทธิภาพการขับขี่บนสนามแข่งเสถียรภาพในการวิ่งออกตัวเต็มคันเร่งติดต่อกันและพิสัยการเดินทาง ที่เหมาะสมต่อการใช้งาน

ขั้นตอนการทดสอบ ครอบคลุมถึงการปฏิบัติงานในห้องทดลอง การติดตั้งอุปกรณ์ทดสอบ การพัฒนา และตรวจสอบผลลัพธ์ด้านอากาศพลศาสตร์ของ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) ท่ามกลางกระแสลมแรงในอุโมงค์ลม เป็นระยะเวลากว่า 325 ชั่วโมง สำหรับ ไทคานน์ (Taycan) ใช้เวลาในการทดสอบ ส่วนนี้ ไปแล้ว 1,500 ชั่วโมงระหว่างการวิจัยพัฒนา

อุปกรณ์ขนย้ายจักรยาน rear bicycle carrier ได้รับการออกเเบบโดยปอร์เช่ เพื่อรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งยังสามารถผ่านโปรแกรมการทดสอบอันหนักหน่วงบนถนนขรุขระ และการขับขี่สไตล์สปอร์ต นี่คือหนึ่งในการสร้าง บรรทัดฐานใหม่เชิงประสิทธิภาพการ บังคับควบคุม สรีรศาสตร์ ระบบความปลอดภัยและระบบควบคุมเสถียรภาพ  จักรยาน e-bikes หลากหลายรุ่นสามารถติดตั้งกับอุปกรณ์ขนย้ายได้อย่างสะดวกสบาย

ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) เสริมทัพยนตรกรรม สปอร์ตพลังงานไฟฟ้า

ไทคานน์ (Taycan) ปรากฎตัวด้วยความสำเร็จในฐานะยนตกรรมสปอร์ตซาลูนพลังงานไฟฟ้า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 และบัดนี้ ถึงเวลาของรุ่นตัวถัง ครอส ทัวริสโม (Cross Turismo) ที่พกพาเอาสมรรถนะชั้นเลิศจากแนวคิด Porsche E-Performance พร้อมเสริมอรรถประโยชน์สูงสุดเพื่อการใช้งานประจำวัน รวมทั้งสนองตอบต่อไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าผู้นิยม การใช้ชีวิตกลางแจ้ง ปอร์เช่ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม ใหม่ (The new Taycan Cross Turismo) มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในทวีป ยุโรป ช่วงฤดูร้อน ปี 2021 นี้

ปอร์เช่ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของยานพาหนะพลังไฟฟ้า จากตัวเลขยอดส่งมอบไทคานน์ (Taycan) ที่มากกว่า 20,000 คัน ไปยังลูกค้าทั่วโลกตลอดปี 2020 ในประเทศนอร์เวย์ ไทคานน์ (Taycan) คือรุ่นที่ทำยอดจำหน่ายถึง 70 % จากจำนวนทั้งหมดของรถยนต์ปอร์เช่ที่ขายได้ นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าผู้ตัดสินใจเป็นเจ้าของไทคานน์ (Taycan) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว หรือคิดเป็นตัวเลขยอด ขายถึง 1,000 คันในนอร์เวย์ นี่คือรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าที่กวาดรางวัลเกียรติยศระดับนานาชาติมาแล้วมากกว่า 50 รางวัล ทั้งในตลาดหลักของโลกไม่ว่าจะเป็น ประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศจีน และสำหรับ ไทคาน (Taycan) รุ่นล่าสุดขับเคลื่อนล้อหลัง ยังสามารถสร้างสถิติ Guinness World Record™ ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดริฟท์ได้ไกลที่สุด โดยเป็นการสไลด์ด้านข้างแบบไม่หยุดรวมระยะทางกว่า 42.171 กิโลเมตร

ยนตรกรรมสปอร์ต Cross Utility พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ มีกำหนดเปิดตัวในรูปแบบ digital world premiere ในวันที่ 4 มีนาคม เวลา 16:00 (CET) ผ่านเว็บไซท์ newstv.porsche.com

อัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐาน สากลที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจ วัดอัตราบริโภคตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบ ในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราบริโภคของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้

สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์ ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร “Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars” [Leitfaden über den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
AAS Auto Service Co., Ltd. http:dealer.porsche.com/thailand
Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร. 02-288-0911

25
‘ไทร์พลัส’ เปิดตัว ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายทอดความสบายใจและมั่นใจเมื่อใช้บริการ


ไทร์พลัส เปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุดล่าสุดที่มี ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ เป็นพรีเซนเตอร์ ชูจุดยืนเรื่องความสบายใจและความมั่นใจของลูกค้าซึ่งเข้าใช้บริการที่ไทร์พลัส ตอกย้ำการเป็นศูนย์บริการรถยนต์และยางรถยนต์ครบวงจรด้วยทีมช่างมืออาชีพมากประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญสูงตามมาตรฐานสากล พร้อมเครือข่ายมากกว่า 150 สาขาทั่วประเทศ

แคมเปญโฆษณาชุดล่าสุดของไทร์พลัส ประกอบด้วยภาพยนตร์โฆษณาทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้ชื่อว่า “เรื่องยาง...โอ้ไว้ใจไทร์พลัส” ซึ่งจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป ตลอดจนสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาและสื่อส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ สื่อโฆษณาทุกประเภทมุ่งสื่อสารไปในทิศทางเดียวกันถึงความสบายใจและมั่นใจที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้บริการทั้งเรื่องรถและเรื่องยางที่ไทร์พลัส โดยสะท้อนผ่านภาพลักษณ์ที่สดใสอารมณ์ดี ดูเป็นกันเองและจริงใจ สบาย ๆ ของ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’

ในโอกาสนี้ ไทร์พลัสยังได้จัดกิจกรรมพิเศษ “แชะคู่โอ้ โชว์ความสบายใจ” ให้ลูกค้าที่เข้ารับบริการที่ไทร์พลัสได้ร่วมสนุกและลุ้นรับของรางวัลมากมายด้วยการถ่ายรูปกับป้ายสแตนดี้มาริโอ้ที่ไทร์พลัสทุกสาขา และแชร์ในเฟซบุ๊กของตนเอง พร้อมใส่แฮชแท็ก #เรื่องยางมั่นใจไทร์พลัส และ #ไทร์พลัส(ชื่อสาขาที่เข้าใช้บริการ)( แล้วถ่ายภาพหน้าจอมาลงในโพสท์กิจกรรมบนหน้าเฟซบุ๊กของไทร์พลัสประเทศไทย เพื่อลุ้นรับ iPad Air 2020 มูลค่า 19,900.- บาท หรือ เครื่องเล่นเกม Play Station 5 มูลค่า 16,990.- บาท ทุกสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2564 รวม 8 สัปดาห์ (ทั้งหมด 8 รางวัล) อีกทั้งยังมีรางวัลพิเศษประจำเดือนมีนาคมและเมษายน เดือนละ 2 รางวัล สำหรับภาพที่ถูกใจมาริโอ้และภาพที่มียอด Like สูงสุด (ทั้งหมด 4 รางวัล) รวมทั้งสิ้น 12 รางวัล

ผู้สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดและกติกาเพิ่มเติม พร้อมทั้งติดตามการประกาศผลรางวัลได้ที่ www.facebook.com/TYREPLUSThailand

เกี่ยวกับ ไทร์พลัส
ไทร์พลัส เป็นเครือข่ายแฟรนไชส์ศูนย์บริการรถยนต์และยางรถยนต์มืออาชีพ พร้อมผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและบริการอื่น ๆ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย ให้บริการดูแลรักษารถยนต์และยางรถยนต์ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคและดูแลให้ทุกความกังวลเรื่องรถและยางหมดไป ด้วยช่างระดับมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงตามมาตรฐานสากล คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.tyreplus.co.th/

26
‘มิชลิน’ ผนึกพันธมิตรกับ ‘นีโอไลน์’ ยกระดับโลจิสติกส์สู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
 

ล่าสุด ‘มิชลิน’ ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงให้ ‘นีโอไลน์’ (Neoline) บริษัทเจ้าของเรือสัญชาติฝรั่งเศส เป็นผู้ดำเนินการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางระหว่างแคนาดาและฝรั่งเศส โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของมิชลิน เพื่อบรรลุเป้าหมายองค์กรที่ต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในทุกเขตพื้นที่ดำเนินงานภายในปี 2593

ทั้งนี้ นีโอไลน์ เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่นำเสนอนวัตกรรมบริการขนส่งสินค้าทางเรือแบบปลอดคาร์บอนฯ (Carbon-Free Shipping Services) โดยเรือขนส่งสินค้าความยาว 136 เมตรใช้ระบบขับเคลื่อนหลักด้วยใบเรือขนาด 4,200 ตารางเมตรและพลังงานลมซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ถือเป็นนวัตกรรมโซลูชั่นที่โดดเด่นซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางทะเลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้สูงถึงร้อยละ 90


ปิแอร์-มาร์ติน ฮูเอท์ (Pierre-Martin Huet) ผู้อำนวยการฝ่ายซัพพลายเชนของกลุ่มมิชลิน เปิดเผยว่า “การร่วมพันธมิตรครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกในการขนส่งสินค้าแบบปลอดคาร์บอนฯ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของมิชลิน โดยจะมีส่วนผลักดันให้มิชลินบรรลุเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเกิดจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ระหว่างปี 2561 ถึงปี 2573 ลงให้ได้ร้อยละ 15”

ฌอง ซานุตตินี (Jean Zanuttini) ประธานบริษัท นีโอไลน์ กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการแก่กลุ่มมิชลินซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและการสัญจรที่ยั่งยืน การร่วมพันธมิตรในระยะแรกนี้ครอบคลุมเส้นทางสายตะวันออกจากทวีปอเมริกาไปยังทวีปยุโรป และเส้นทางสายตะวันตกจากทวีปยุโรปไปยังทวีปอเมริกา ด้วยเรือขนส่งสินค้าแบบใช้ใบเรือของเรา เราได้พัฒนารูปแบบการขนส่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบันของผู้ส่งสินค้า โดยไม่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล”

ภายใต้การลงนามเซ็นสัญญาครั้งนี้ มิชลินได้มอบหมายให้นีโอไลน์เป็นผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ยางมิชลินที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ทางเรือบนเส้นทางนำร่องจากเมืองฮาลิแฟกซ์ (Halifax) ประเทศแคนาดา ไปยังเมืองแซงต์-นาแซร์ และเมืองมงตัวร์ เดอ เบรอตาญ (Saint-Nazaire - Montoir de Bretagne) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจะผ่านหมู่เกาะแซงต์-ปิแยร์ (Saint Pierre) และมีเกอลง (Miquelon) ตลอดจนเมืองบัลติมอร์ (Baltimore) ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

ทั้งนี้ นีโอไลน์ มีแผนที่จะเปิดเส้นทางเดินเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยเรือเดินสมุทรลำแรกในปี 2566 และมีกำหนดเปิดให้บริการเรือเดินสมุทรลำที่สองในปี 2567 โดยกลุ่มมิชลินจะทยอยมอบหมายให้ นีโอไลน์ เป็นผู้ดำเนินการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผลิตภัณฑ์ยางมิชลินในสัดส่วนร้อยละ 50 ของตู้คอนเทนเนอร์สินค้าทั้งหมดที่กลุ่มมิชลินขนส่งทางเรือบนเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนี้

เกี่ยวกับนีโอไลน์
นีโอไลน์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือที่ต้องการพัฒนาธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือให้เป็นการขนส่งสินค้าทางทะเลที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น  เป้าหมายของนีโอไลน์คือการเป็นบริษัทเจ้าของเรือรายแรกที่ใช้พลังงานอย่างรอบคอบ โดยอาศัยการขับเคลื่อนด้วยใบเรือและพลังงานลมเป็นหลัก ล่าสุด ในปี 2563 กลุ่มบริษัท Sogestran Group และบริษัทในเครืออย่าง Cie Maritime Nantaise ได้เข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับนีโอไลน์

เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิทัล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร  กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 127,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 69 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 200 ล้านเส้นในปี 2562  คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

27



ท่องไปให้ไกลสุดขอบฟ้ากับรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันรุ่นใหม่ล่าสุด Pan America™ 1250 และ Pan America ™ 1250 Special สร้างขึ้นเพื่อความทนทาน ดีไซน์มาเพื่อการสำรวจ และออกแบบทางวิศวกรรมมาเพื่อการผจญภัย

2021 Pan America Global Reveal | Harley-Davidson
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=MQh_9tCVKQw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=MQh_9tCVKQw</a>

Everything is a Road: The Path to Pan America
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=WF3pBM4eViE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=WF3pBM4eViE</a>

กรุงเทพฯ, 23 กุมภาพันธ์ 2564 – ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน พร้อมมอบอิสรภาพและการผจญภัยแบบไร้ขอบเขตผ่านรถมอเตอร์ไซค์ Pan America™  เพราะทุกๆที่คือเส้นทางของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รถมอเตอร์ไซค์คันนี้จึงถูกพัฒนาขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการบุกไปทุกสนาม ลุยไปทุกภูมิประเทศ ไม่ว่าจะข้ามแม่น้ำ ไต่ภูเขา ตะลุยทะเลทราย หรือแม้กระทั่งเผชิญหิมะอันหนาวเหน็บ รถมอเตอร์ไซค์อเนกประสงค์อันบึกบึน ดุดัน และมีกำลังล้นเหลือคันเหลือนี้ ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่หมดจดโดยยังคงอยู่บนพื้นฐานของความเป็นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ พร้อมมอบประสบการณ์และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ให้แก่ผู้ขับขี่เลือกออกไปท้าทายในทุกเส้นทาง

ฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้นำวิศวกรรมและการออกแบบที่ยอดเยี่ยม มาเพื่อสร้างรถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์-ทัวร์ริงตัวล่าสุด นั่นคือ Pan America™ 1250 และ Pan America™ 1250 Special โดยแต่ละรุ่นนั้น ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มาพร้อมกับคุณสมบัติระดับท็อป สมรรถนะที่โดดเด่น และอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์สุดพรีเมี่ยม

ถึงแม้ว่ารถมอเตอร์ไซค์สไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริงที่แตกต่างและคาดไม่ถึงรุ่นนี้ เสมือนเป็นแนวคิดใหม่จากฮาร์ลีย์-เดวิดสัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่สไตล์แอดเวนเจอร์ทัวร์ริงนี้มามากกว่าศตวรรษซึ่งหยั่งรากลึกมาตั้งแต่เริ่มแรก “ตอนที่บริษัทของเราก่อตั้งขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ถนนต่างๆ ล้วนเต็มไปด้วยเส้นทางลุยฝุ่นเขรอะขระ ในขณะที่ฮาร์ลีย์-เดวิดสันของเราก็ยึดมั่นในอิสรภาพแห่งการการผจญภัยเสมอมา ดังนั้นผมจึงรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอ Pan America™ ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวแอนเวนเจอร์ทัวร์ริงรุ่นแรกที่ถูกออกแบบและผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา” โจเชน ซีดส์ ประธาน ผู้อำนวยการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กล่าว “รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America™ นี้คือสัญลักษณ์แห่งการผจญภัย ซึ่งนักขับขี่ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกหลงไหลที่จะสัมผัสประสบการณ์สู่อิสระภาพผ่านการขึ้นขี่เจ้ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้”  เจสัน โมมัว นักแสดง แบรนด์แอมบาสเดอร์ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน และผู้หลงใหลในการผจญภัยกล่าว  นอกจากนี้ เขายังได้มีร่วมในการสร้างสรรค์รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America™ เพื่อนำเสนออิสระภาพอันไร้ขอบเขตออกสู่สายตาชาวโลก

รับชมวีดีโอเปิดตัวสุดพิเศษจาก เจสัน โมมัว ได้ที่ https://bit.ly/3kcrOA1

และสามารถรับชมวีดีโอเปิดตัว Pan America™ ฉบับเต็มได้ที่ https://bit.ly/2NUM3WA

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America™ 1250 และ Pan America™ 1250 Special ใช้เครื่องยนต์ Revolution® Max 1250 แบบ V-Twin ใหม่ มีความจุกระบอกสูบ 1,250 ซีซี ซึ่งออกแบบมาให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกช่วงความเร็ว แม้กำลังความเร็วรอบเครื่อง (RPM) จะสูงก็ตาม โดยเครื่องยนต์ Revolution® Max สุดล้ำนั้นถูกผนวกอยู่ในส่วนกลางของโครงรถเพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถมอเตอร์ไซค์ให้เบาได้มากที่สุด (Pan America 1250 มีน้ำหนัก 242 กิโลกรัม ส่วน Pan America 1250 Special มีน้ำหนัก 258 กิโลกรัม)

ฮาร์ลีย์-เดวินสันได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมายเพื่อให้ Pan America™ สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่อันไร้ที่ติให้แก่เหล่านักผจญภัย รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America™ นี้มีการใช้ระบบควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความปลอดภัย เช่น ระบบการเข้าโค้งอย่าง Cornering Rider Safety Enhancements ที่ผนึกกำลังของเทคโนโลยีหลากหลายตัวเพื่อช่วยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อม และเพื่อการเกาะถนนที่ดีขึ้นขณะเร่งเครื่อง เบาเครื่อง และขณะเบรก ส่วนของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America™ 1250 Special นั้นใช้ระบบกันสะเทือนหน้าและหลังแบบ Semi-Active ซึ่งทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รถมอเตอร์ไซค์ Pan America™ ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมสุดทันสมัยนี้ ยังมีระบบ Adaptive Ride Height (ARH) ซึ่งเป็นระบบกันสะเทือนที่พัฒนาขึ้นมาใหม่หมดจดอีกด้วย ซึ่งจะช่วยปรับระดับความสูงของตัวรถโดยอัตโนมัติ โดยตัวรถจะมีความสูงพอดีเหมาะแก่การขับขี่เมื่อรถวิ่งอยู่ และจะลดต่ำลงเมื่อรถหยุดนิ่ง 

ทีมออกแบบและวิศวกรของฮาร์ลีย์-เดวิดสันได้ร่วมกันสร้างสรรค์คุณสมบัติต่างๆของรถรุ่น Pan America™ 1250 และ Pan America™ 1250 Special โดยเน้นพัฒนาด้านประสิทธิภาพการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งการออกแบบชิ้นส่วนทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นแฮนด์เดิลบาร์ ที่วางกระเป๋า และไฟหน้าแนวนอนสำหรับส่องถนนออฟโรด รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Pan America™ 1250 และ Pan America™ 1250 Special นี้ มีแรงบันดาลใจมาจากเส้นทางออฟโรดและสภาพภูมิประเทศอันขรุขระในทวีปอเมริกาเหนือ ทำให้เจ้ารถรุ่นPan America™ นี้มีสไตล์ที่เหมาะแก่การตะลุยแบบแอดเวนเจอร์ทัวร์ริงสุดๆ รวมถึงยังสะท้อนสมรรถนะไร้ขีดจำกัดของตัวมอเตอร์ไซค์อีกด้วย

เหล่านักขับขี่ทุกท่านสามารถพบกับเสื้อผ้าและอุปกรณ์เสริมต่างๆใหม่ครบชุดสำหรับ Pan America™ 1250 และ Pan America™ 1250 Special ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบเก็บสัมภาระสามชิ้นสุดทน และเครื่องแต่งกายสำหรับนักขับขี่ทั้งชายหญิง ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างฮาร์ลีย์-เดวิดสันกับ REV’IT! ผู้นำด้านเครื่องแต่งกายสำหรับเหล่านักมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมจากยุโรป

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน Pan America ™ 1250 และ Pan America ™ 1250 รุ่นพิเศษ Pan America ได้ที่ www.harley-davidson.com  การวางจำหน่ายอาจแตกต่างกันไปตามตลาด โปรดดูรายละเอียดจากตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่

ติดตามเรื่องราวของ Pan America บนโซเชียลมีเดียได้ที่

https://www.instagram.com/hdpanamerica

https://www.facebook.com/hdpanamerica


เกี่ยวกับฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี
บริษัท ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี และ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ยืนหยัดเพื่อค้นหาการผจญภัยที่ไม่มีวันสิ้นสุดและมอบอิสระให้จิตวิญญาณด้วยรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความโดดเด่นและสามารถปรับแต่งได้ นอกเหนือจากประสบการณ์การขับขี่ อุปกรณ์เสริมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์การขับขี่และเครื่องแต่งกายแล้ว ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ยังให้บริการทางด้านสินเชื่อและประกันภัยรวมไปถึงรายการอื่นๆ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน บนท้องถนนได้ขับขี่อย่างปลอดภัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.harley-davidson.com. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์และผลิตภัณฑ์ของฮาร์ลีย์ – เดวิดสันได้ที่ h-dmediakit.com

















28




งาน GWM SAWASDEE THAILAND เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่มีการเปิดกิจกรรมให้ทายผลว่า เกรท วอลล์ จะนำรถรุ่นใดมาจำหน่ายในปีนี้  ซึ่งตุ๊กกี้ก็เชื่อว่า หลายๆท่าน ก็ส่งมาทายผลเหมือนกัน และเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เราก็ทำการจับสลากทันทีค่ะ และ ตอนนี้เราก็ได้ผู้โชคดีสำหรับบัตรกำนัลสำหรับซื้อรถยนต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มูลค่า 1,000,000 บาท พบกับกิจกรรมดีๆ ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ในครั้งต่อไปนะคะ  ติดตามกันนะคะ  แต่ที่แน่ๆ เราพบกันแน่ที่งาน Motor Show นะคะ อย่าลืมไปแวะเยี่ยมให้หายคิดถึงกันนะคะ                                                                                                                               

29
มิชลินตั้งเป้าผลิตยางล้อที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2593

·      ภายในปี 2593 ยางมิชลินจะผลิตขึ้นจากวัสดุหมุนเวียน (Renewable), วัสดุที่ได้จากการรีไซเคิล, วัสดุที่มาจากแหล่งชีวภาพ หรือวัสดุที่มีความยั่งยืนทั้งหมด

·      มิชลินเผยวิธีผลิตยางล้อที่ยั่งยืน 100%

·   พร้อมทะยานสู่การบรรลุเป้าหมายด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าด้านการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรม






กลุ่มมิชลินตั้งเป้าที่จะผลิตยางล้อซึ่งมีความยั่งยืนเต็มร้อยภายในปี 2593 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากยางต้นแบบภายใต้แนวคิด VISION ซึ่งเปิดตัวในปี 2560 โดยเป็นโซลูชั่นยางล้อที่ยั่งยืนเต็มรูปแบบ, ดอกยางสามารถพิมพ์ขึ้นใหม่ได้ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (Rechargeable), ทำงานบนระบบเครือข่ายเชื่อมต่อ (Connected) และไม่ต้องเติมลมยาง (Airless) 

ปัจจุบัน ส่วนประกอบเกือบร้อยละ 30 ที่ใช้ในการผลิตยางของกลุ่มมิชลินมาจากวัตถุดิบที่มีความยั่งยืน วัตถุดิบที่ได้จากการรีไซเคิล หรือวัตถุดิบจากธรรมชาติอยู่แล้ว

ยางมิชลินเป็นผลิตภัณฑ์ไฮเทคที่ประกอบขึ้นจากส่วนประกอบมากกว่า 200 ชนิด โดยมียางธรรมชาติเป็นส่วนประกอบหลัก และมีส่วนประกอบอื่น ๆ อาทิ ยางสังเคราะห์, โลหะ, เส้นใย (Fibers) และส่วนประกอบที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างยางล้อ ได้แก่ คาร์บอนแบล็ค (Carbon Black), ซิลิกา (Silica) และสารเพิ่มความยืดหยุ่น (Plasticizers) เช่น เรซิน (Resins) ส่วนประกอบในสัดส่วนที่เหมาะสมเหล่านี้ต่างมีส่วนช่วยให้ยางมีความสมดุลสูงสุด ทั้งในแง่สมรรถนะ ประสิทธิภาพในการขับขี่ และความปลอดภัย ทั้งยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

มิชลินเผยวิธีผลิตยางล้อที่ยั่งยืน 100%

บรรลุเป้าหมายด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าด้านการวิจัยและพัฒนา


ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเชิงวัสดุของมิชลินมีรากฐานมาจากศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง โดยมีทีมบุคลากรกว่า 6,000 คน ทำงานอยู่ในศูนย์วิจัยและพัฒนาทั่วโลกรวม 7 แห่ง ตามความเชี่ยวชาญเฉพาะทางรวม 350 สาขา ความมุ่งมั่นทุ่มเทของวิศวกร นักวิจัย นักเคมี และนักพัฒนาเหล่านี้ส่งผลให้มีการยื่นจดสิทธิบัตรซึ่งครอบคลุมการออกแบบและผลิตยางล้อรวม 10,000 ฉบับ ในแต่ละวันบุคลากรเหล่านี้ต่างทำงานอย่างหนักเพื่อคิดค้นวิธีที่จะพัฒนายางให้ปลอดภัย ทนทาน รวมทั้งมีสมรรถนะด้านการขับขี่และอื่นๆ ที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนทำให้ยางมีความยั่งยืน 100% ภายในปี 2593

...สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับธุรกิจด้านนวัตกรรม

มิชลินตระหนักดีว่าการพัฒนานวัตกรรมให้เกิดขึ้นและเป็นไปได้อย่างรวดเร็วนั้นจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือในรูปแบบใหม่ๆ ดังนั้นจึงได้ผสานพันธมิตรกับธุรกิจสตาร์ทอัพซึ่งนำเสนอนวัตกรรมล้ำหน้าที่สร้างโอกาสความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสามารถใช้ได้ดีกับอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการผลิตยางล้อ โดยช่วยให้อุตสาหกรรมเหล่านั้นได้ประโยชน์จากวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังทำให้สามารถรีไซเคิลโพลีสไตรีน (Polystyrene) และนำคาร์บอนแบล็ค (Carbon Black) หรือน้ำมันไพโรไลซิส (Pyrolysis Oil) จากยางใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ได้

‘แอคเซนส์’ (Axens) และ ‘ไอเอฟพี เอเนอจีส์ นูเวลล์ส’ (IFP Energies Nouvelles) สองบริษัทซึ่งรับหน้าที่เป็นหัวหอกดำเนินโครงการ BioButterfly ได้ทำงานร่วมกับมิชลินในการผลิตบิวทาไดอีนจากชีวมวล (Bio-Sourced Butadiene)[ii] เพื่อนำมาใช้แทนบิวทาไดอีนที่ได้จากปิโตรเลียมมาตั้งแต่ปี 2562 การใช้ชีวมวลจากไม้, แกลบ, ใบไม้, ซังข้าวโพด และของเหลือทิ้งจากพืชประเภทอื่น ๆ จะส่งผลให้มีการนำเศษไม้สับ (Wood Chips) ปริมาณสูงถึง 4.2 ล้านตันต่อปี มาใช้เป็นส่วนประกอบของยางมิชลิน

มิชลิน และ ‘ไพโรเวฟ’ (Pyrowave) บริษัทซึ่งมีฐานการดำเนินงานอยู่ในประเทศแคนาดา ได้ลงนามเป็นพันธมิตรกันในเดือนพฤศจิกายน 2563 เพื่อผลิตสไตรีนจากการรีไซเคิลพลาสติกซึ่งใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ เช่น ถ้วยโยเกิร์ต และถาดใส่อาหาร หรือใช้เป็นแผ่นฉนวนกันความร้อน ทั้งนี้ สไตรีน (Styrene) เป็น “โมโนเมอร์” (Monomer) หรือสารตั้งต้นที่สำคัญของโพลิเมอร์ ใช้ในการผลิตโพลีสไตรีนและยางสังเคราะห์สำหรับยางล้อและสินค้าอุปโภคบริโภคมากมาย ในอนาคตจะสามารถนำขยะโพลีสไตรีนหลายหมื่นตันต่อปีมารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เดิมหรือผลิตเป็นยางมิชลินได้

‘คาร์ไบโอส์’ (Carbios) บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติฝรั่งเศสซึ่งจะมีฐานการดำเนินงานอยู่ภายในเขตพื้นที่ปฏิบัติงานของมิชลินตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นไป ได้พัฒนากระบวนการล้ำหน้าด้วยการนำเอนไซม์มาใช้แยกโครงสร้างขยะพลาสติกประเภท PET[iii] ให้คืนสภาพกลับไปอยู่ในรูปโมโนเมอร์บริสุทธิ์แบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถนำไปใช้งานใหม่หรือนำไปใช้ผลิตพลาสติก PET ขึ้นใหม่ซ้ำได้ไม่สิ้นสุด หนึ่งในพลาสติกที่ได้จากกระบวนการรีไซเคิลดังกล่าว คือ เส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ซึ่งใช้ในการผลิตยางรถยนต์  ในอนาคตขวดพลาสติกราว 4 ล้านขวดต่อปีอาจถูกนำมารีไซเคิลเพื่อผลิตเป็นยางมิชลินได้

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา มิชลินได้ประกาศเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานรีไซเคิลยางล้อแห่งแรกในโลกของมิชลินขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับ ‘เอ็นไวโร’ (Enviro) บริษัทสัญชาติสวีเดนซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่ได้รับสิทธิบัตรในการนำคาร์บอนแบล็ค, น้ำมันไพโรไลซิส, เหล็กกล้า, ก๊าซ และวัสดุใหม่ชนิดนำกลับมาใช้ซ้ำได้คุณภาพสูงอื่น ๆ จากยางที่สิ้นอายุใช้งานแล้วกลับมาใช้ใหม่ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้สามารถแปรรูปทุกส่วนของยางที่สิ้นอายุใช้งานแล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่หรือนำกลับมาใช้ซ้ำในกระบวนการผลิตหลากหลายรูปแบบที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบหลัก

นอกจากนี้ มิชลินยังสนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ดังจะเห็นได้จากการเข้าร่วมสมาคมแบล็คไซเคิลประจำยุโรป (European BlackCycle Consortium) โดยโครงการนี้ซึ่งประสานงานโดยกลุ่มมิชลินและได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหภาพยุโรป เป็นการนำพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนรวม 13 รายมาร่วมกันออกแบบกระบวนการผลิตยางล้อรุ่นใหม่จากยางล้อที่สิ้นอายุใช้งานแล้ว

เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิทัล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร  กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็องประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 123,600 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 71 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 170 ล้านเส้นในปี 2563  คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

ในปี 2563 กลุ่มมิชลินใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนในการผลิตยางคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 28

[ii] บิวทาไดอีนเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของยางสังเคราะห์ที่ใช้ในการผลิตยางล้อ

[iii] โพลีเอธิลีน เทเรฟธาเลต (Polyethylene Terephthalate: PET) เป็นพลาสติกซึ่งปัจจุบันผลิตจากน้ำมัน โดยโมโนเมอร์ 2 ชนิด ได้แก่ เอธิลีน
    ไกลคอล (Ethylene Glycol) และกรดเทเรฟธาลิก (Terephthalic Acid) มาจากปิโตรเลียม  พลาสติกประเภทนี้ถูกนำมาใช้ผลิตเป็นหนึ่งใน
    เส้นใยโพลีเอสเตอร์หลักที่ใช้เสริมความแข็งแกร่งให้กับยางล้อ

30



เติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ ประเดิมศึกรถสูตรครั้งแรกด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในฐานะนักแข่งดาวรุ่ง

อาบูดาบี, สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์. ปิดฉากไปอย่างสุดมันส์กับการแข่งขันรถสูตร Formula 4 UAE Championship 2021 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามดูไบ ออโต้โดม (Dubai Autodrome) และ ยาส มาริน่า เซอร์กิต (Yas Marina Circuit) เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยรายการนี้ ถือเป็นการแจ้งเกิดนักแข่งสายเลือดไทย วัย 15 ปี อย่าง เติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ ที่เข้าร่วมศึกความเร็วรายการนี้ ภายใต้ต้นสังกัดทีม “เอ็กซ์เซล มอเตอร์สปอร์ต” (Xcel Motorsport) ด้วยรถแข่งหมายเลข 14 โดย เติ้น ทัศนพล สามารถเปิดตัวเข้าสู่วงการรถสูตรครั้งแรกของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการจบการแข่งขัน Formula 4 UAE Championship 2021 ด้วยคะแนนรวม 154 คว้าอันดับที่ 5 (Overall) และคว้าอันดับที่ 3 ในรุ่น Rookie หรือนักแข่งดาวรุ่งไปครองได้สำเร็จ

ศึกรถสูตร 4 ครั้งนี้ ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดและร้อนระอุ โดยนักแข่งนานาชาติต้องลงดวลศึกกันทั้งหมด 5 สนาม (5 Round) สนามละ 4 Race ทางด้าน เติ้น ทัศนพล นักแข่งสายเลือดไทยหนึ่งเดียวในรายการนี้ก็ไม่ทำให้แฟนชาวไทยต้องผิดหวังสามารถขับเคี่ยวกับคู่ปรับมากฝีมือจากประเทศต่างๆ และฝ่าฟันอุปสรรคตลอดการแข่งขัน โดยเฉพาะเมื่อประสบอุบัติเหตุจากการปะทะกันกับคู่แข่งระหว่างการแข่งขันอยู่หลายครั้ง ทำให้รถแข่งมีสภาพไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ เติ้น ก็ยังสามารถเค้นพละกำลังที่กลั่นจากประสบการณ์ที่ได้ฝึกฝนและสั่งสมมาเกือบ 10 ปี เพื่อรับมือและแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และทำผลงานในแต่ละสนามได้อย่างน่าประทับใจ โดยสามารถครองโพเดียมอันดับที่ 3 ได้ถึง 2 สนาม ได้แก่ สนามที่ 1 Race ที่ 4 และ สนามที่ 2 Race ที่ 4 และขึ้นครองโพเดียมอันดับที่ 2 ได้ในสนามที่ 4 Race ที่ 4 อีกด้วย

เกี่ยวกับนักแข่ง
เติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ ปัจจุบันอายุ 15 ปี ถือเป็นนักแข่งดาวรุ่งสายเลือดไทยที่น่าจับตามอง เติบโตมาจากความทุ่มเท มุ่งมั่นฝึกซ้อม เก็บเกี่ยวประสบการณ์และการสร้างผลงานการแข่งขัน Go Kart ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างยอดเยี่ยมเกือบ 10 ปี ก่อนตัดสินใจลงประเดิมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบในประเภท Formula 4 หรือ  รถสูตร “ล้อเปิด” ในปี 2021 นี้ ภายใต้ทีม Xcel Motorsport กับ รถหมายเลข 14 โดยมี AAS Motorsport by AAS Auto service และ CTI Logistics เป็นผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขันตลอดทั้งฤดูการแข่งขัน

เกี่ยวกับรายการแข่งขัน
การแข่งขัน Formula 4 นั้นเป็นการแข่งขันที่ถูกสร้างขึ้นโดย Federation Internationale de l'Automobile (FIA) หรือ สหพันธยานยนต์นานาชาติ ภายใต้เจตนารมย์สร้างโอกาสให้นักแข่งเยาวชนที่อายุระหว่าง 15 - 19 ปี ได้ลงทำการแข่งขันเท่านั้น ซึ่งการแข่งขัน Formula 4 เป็นการแข่งขันที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการแข่งขันรถ Kart และ Formula 3  ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2014 โดยใช้กฎ กติกา ข้อบังคับตามมาตรฐาน FIA ทุกอย่าง ทั้งมาตรฐานความปลอดภัย หรือ ใบอนุญาตขับขี่รถแข่ง ซึ่งการแข่งขัน Formula 4 นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นโปรแกรมการแข่งขันที่พัฒนานักแข่งเยาวชนที่ดีที่สุดในโลก ที่สำคัญการแข่งขันในรายการนี้ยังสามารถเก็บสะสมแต้ม FIA F1 Super License ที่จะทำให้ความฝันให้นักแข่งเข้าใกล้ความฝันในการลงแข่ง F1 (Formula 1) ได้อีกด้วย

รายการแข่งขัน Formula 4 UAE Championship เกิดขึ้นในปี 2016 โดยมี Automobile & Touring Club of the United Arab Emirates และ AUH Motorsports Dubai. เป็นผู้บริหารจัดการแข่งขัน ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับรายการแข่งขันในปี 2021 จะจัดขึ้นทั้งหมด 5 สนาม (5 Rounds) สนามละ 4 Race การแข่งขัน โดยจัดแข่งสลับกันระหว่าง สนาม Dubai Autodrome และ สนาม Yas Marina, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Formula 4 UAE Championship ถือเป็นการแข่งขันรถดับนานาชาติซึ่งได้รับการยอมรับ และมีผู้สนใจติดตามชมทั่วโลก

สามารถรับข้อมูล ข่าวสาร ติดตามชมและร่วมเชียร์ เติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ แบบ Real time ชิดติดขอบสนามได้ทาง Facebook : www.facebook.com/aasmotorsport และ Instagram : aas_motorsport













Pages: 1 [2] 3 4 ... 105