Show Posts
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
781
news & activity / กรุงศรีจัดสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส”
« on: September 18, 2010, 10:56:37 AM »
กรุงศรีจัดสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” ที่ภูเก็ต
เชิญผู้เชี่ยวชาญเสวนาการสร้างโอกาสทางธุรกิจ การลงทุนและความสามารถในการแข่งขัน
ภูเก็ต 24 กันยายน 2553 – ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุกต่อยอดสร้างความสัมพันธ์ลูกค้าพร้อมตอกย้ำความสำคัญของเศรษฐกิจภาคใต้ เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจทั้งมหภาคและจุลภาค ด้านการเงิน การลงทุน การท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ร่วมงานสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ตลอดจนการรับมือและการสร้างโอกาส แก่ลูกค้าธนาคารในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง
นายพิริยะ วิเศษจินดา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาคใต้ถือเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระแสความต้องการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การผลิต และการส่งออก จากความสำคัญนี้เองธนาคารได้ปรับการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ ทั้งการเพิ่มจำนวนสาขา และตั้งศูนย์ลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และลูกค้าเอสเอ็มอี ส่งผลให้ธนาคารเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการทางการเงินในพื้นที่ดังกล่าว นอกเหนือจากการให้บริการด้านการเงินโดยตรงแล้ว ธนาคารได้จัดกิจกรรมให้ความรู้และกระชับความสัมพันธ์ลูกค้า โดยในครั้งนี้ ธนาคารได้จัดสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ตลอดจนมุมมองจากภาครัฐและภาคเอกชนให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถวางแนวทางในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย
การจัดสัมมนาครั้งนี้ธนาคารได้เชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การเงิน การท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ อาทิ จาก ดร. วรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ให้ความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณอุดม เมธาธำรงค์ศิริ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหัวข้อ “เปิดมุมมอง เศรษฐกิจไทยพุ่งแรงแจ้งเกิด จริงหรือ?” เพื่อให้ลูกค้าของธนาคารได้รับแง่คิดจากหน่วยงานภาครัฐและธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ
“การจัดสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” นี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่แสดงถึงความตั้งใจของเครือกรุงศรีที่พร้อมเดินเคียงข้างลูกค้าบนเส้นทางแห่งโอกาสสู่ความสำเร็จร่วมกัน” นายพิริยะ กล่าวในที่สุด
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 851,575 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 580 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร www.krungsri.com
เชิญผู้เชี่ยวชาญเสวนาการสร้างโอกาสทางธุรกิจ การลงทุนและความสามารถในการแข่งขัน
ภูเก็ต 24 กันยายน 2553 – ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุกต่อยอดสร้างความสัมพันธ์ลูกค้าพร้อมตอกย้ำความสำคัญของเศรษฐกิจภาคใต้ เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจทั้งมหภาคและจุลภาค ด้านการเงิน การลงทุน การท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ร่วมงานสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ตลอดจนการรับมือและการสร้างโอกาส แก่ลูกค้าธนาคารในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง
นายพิริยะ วิเศษจินดา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาคใต้ถือเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระแสความต้องการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การผลิต และการส่งออก จากความสำคัญนี้เองธนาคารได้ปรับการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ ทั้งการเพิ่มจำนวนสาขา และตั้งศูนย์ลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และลูกค้าเอสเอ็มอี ส่งผลให้ธนาคารเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการทางการเงินในพื้นที่ดังกล่าว นอกเหนือจากการให้บริการด้านการเงินโดยตรงแล้ว ธนาคารได้จัดกิจกรรมให้ความรู้และกระชับความสัมพันธ์ลูกค้า โดยในครั้งนี้ ธนาคารได้จัดสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ตลอดจนมุมมองจากภาครัฐและภาคเอกชนให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถวางแนวทางในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย
การจัดสัมมนาครั้งนี้ธนาคารได้เชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การเงิน การท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ อาทิ จาก ดร. วรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ให้ความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณอุดม เมธาธำรงค์ศิริ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหัวข้อ “เปิดมุมมอง เศรษฐกิจไทยพุ่งแรงแจ้งเกิด จริงหรือ?” เพื่อให้ลูกค้าของธนาคารได้รับแง่คิดจากหน่วยงานภาครัฐและธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ
“การจัดสัมมนา “KRUNGSRI Journey of Opportunities : เส้นทางแห่งโอกาส” นี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่แสดงถึงความตั้งใจของเครือกรุงศรีที่พร้อมเดินเคียงข้างลูกค้าบนเส้นทางแห่งโอกาสสู่ความสำเร็จร่วมกัน” นายพิริยะ กล่าวในที่สุด
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 851,575 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 580 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร www.krungsri.com
782
news & activity / หมอโอ๊ค สมิทธิ์ หมอหน้าใส เผยความรู้ การดูแลผิวหน้า
« on: September 18, 2010, 10:55:50 AM »
หมอโอ๊ค สมิทธิ์ หมอหน้าใส เผยความรู้ การดูแลผิวหน้า ต้องระวังผ้าเย็นที่มีแอลกอฮอล์
อาทิตย์ที่ผ่านมา น.พ.สมิทธิ์ อารยะสกุล หรือหมอโอ๊คนักร้องหนุ่มหน้าใสขวัญใจสาวๆ ได้จังหวะดีกับทางบริษัทคัสมาร์ เจ้าของแบรนด์เวคอัพ ผ้าเย็นสูตรใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ ที่เชิญคุณหมอโอ๊คมาโชว์ดีกรีความเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ พร้อมร่วมกิจกรรมให้ความรู้ และมอบเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับการดูแลและรักษาผิวหน้า โดยเฉพาะจากใช้การผ้าเย็น ที่มีแอลกอฮอล์ ที่อาจจะส่งผลต่อผิวหน้าได้ เพราะทำให้ทั้งตึง ทั้งแห้ง บางรายอาจเกิดอาการแพ้หนักๆ ได้นะจ๊ะ ส่วนใครอยากลองใช้ผ้าเย็นเวคอัพสูตรใหม่ ไร้แอลกอฮอล์กัน เค้าเริ่มโรดโชว์ตามร้านอาหารและผับดังๆ ทั่วกรุงเทพฯ กันแล้วนะ หรือหาซื้อได้ที่ Tiger Mart, Family Mart, Top Supermarket ทั่วประเทศ และร้านอาหารชั้นนำ ของเค้าดีจึงรีบบอกต่อจ้า
783
news & activity / MTS โกลด์ แม่ทองสุก เข้าร่วมงานสัมมนาตีแตกวิเคราะห์การลงทุนใน Gold Futures
« on: September 18, 2010, 10:54:59 AM »
ข่าวประชาสัมพันธ์ MTS โกลด์ แม่ทองสุก เข้าร่วมงานสัมมนาตีแตกวิเคราะห์การลงทุนใน Gold Futures
กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก จำกัด นำโดย คุณหมอกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ ได้เข้า ร่วมงาน “รวมพลคนเทรดเทคนิค พิชิตลงทุน – มุ่งแนววิเคราะห์” และเป็นวิทยากรพูดเรื่อง “ตีแตกการวิเคราะห์การลงทุนใน Gold Futures" จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปเข้าใจในการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ซึ่งงานรวมพลคนเทรดเทคนิค “ถึงเวลาลงทุนจริง” จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 28 กันยายน 2553 เวลา 13.00 – 15.00 น. ณ ห้องประชุม 3 – 4 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำรองที่นั่งล่วงหน้าที่ Call Center หรือสอบถามโทร.02-222-5959
กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก จำกัด นำโดย คุณหมอกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ ได้เข้า ร่วมงาน “รวมพลคนเทรดเทคนิค พิชิตลงทุน – มุ่งแนววิเคราะห์” และเป็นวิทยากรพูดเรื่อง “ตีแตกการวิเคราะห์การลงทุนใน Gold Futures" จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปเข้าใจในการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ซึ่งงานรวมพลคนเทรดเทคนิค “ถึงเวลาลงทุนจริง” จะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 28 กันยายน 2553 เวลา 13.00 – 15.00 น. ณ ห้องประชุม 3 – 4 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำรองที่นั่งล่วงหน้าที่ Call Center หรือสอบถามโทร.02-222-5959
784
news & activity / “ศรีไทยซุปเปอร์แวร์” ปั๊มยอดขายปีนี้ 5.7 พันล้าน
« on: September 18, 2010, 10:53:50 AM »
“ศรีไทยซุปเปอร์แวร์” ปั๊มยอดขายปีนี้ 5.7 พันล้านพร้อมทุ่มงบ 250 ล้านบาท บุกตลาดอินเดีย
บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง รุกเพิ่มโปรดักส์ใหม่กลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่ม ปั๊มกำลังผลิตในเวียดนามเพิ่ม เร่งแตกไลน์การผลิตในศรีไทย ชิน-โอซาก้า พร้อมอัดงบลงทุน 250 ล้านบาท ขยายฐานการผลิตไปอินเดีย ลั่นทั้งปียอดขายรวมโตตามเป้า 5.7 พันล้านบาท
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2553 ว่า บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตของยอดขายสายธุรกิจหลักทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่องานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Food & Beverage Packaging เช่น บรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับ Chilled Food และ Ready-to-eat, บรรจุภัณฑ์แก้วน้ำผนังบางตามร้านสะดวกซื้อ, ถังป๊อบคอร์น และแก้วน้ำที่มีลวดลายสวยงามและจำหน่ายตามโรงภาพยนตร์ ขณะที่บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้แก่ ฝาและขวด PET นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องเป่าขวด PET และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 4/2553 ซึ่งจะช่วยให้บริษัทบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร และมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น
ส่วนสายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเมลามีนจะมีการขยายกำลังการผลิตเพื่อให้สามารถรองรับกับความต้องการในตัวสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยจัดหาเครื่องอัดเมลามีนเพิ่มเติม ขยายสายการผลิตบางส่วนจากโรงงานโคราชมาไว้ที่โรงงานสุขสวัสดิ์เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในเวียดนาม ขยายสายการผลิตไปสู่บริษัทในเครือ คือ ศรีไทย ชิน-โอซาก้า รวมทั้งขยายฐานการผลิตไปยังอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท
สำหรับสายธุรกิจซื้อมาขายไป บริษัทมีแผนจะขยายระบบธุรกิจเครือข่ายเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ในนาม “SNatur” โดยครอบคลุมกลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ อาหารเสริม (Food Supplement) เช่น เครื่องดื่มสมุนไพร (S-Ladina, S-Manna) เป็นต้น, เครื่องสำอาง (Cosmetic) เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม Mangostana เป็นต้น, ของใช้ส่วนตัว (Personal Care) เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Mangostana เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Home Care) เช่น ยาสีฟัน, ผงซักฟอก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 5,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์พลาสติกอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท เมลามีนอยู่ที่ 1,930 ล้านบาท และ Trading อยู่ที่ 270 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 21% ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2553 และช่วงครึ่งปีหลัง 2553 คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก 2553 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 81.7 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการเพื่อขอชดเชยค่าสินไหมทดแทน ซึ่งในเบื้องต้นได้รับมาจากบริษัท เมืองไทยประกันภัยมาแล้วจำนวน 100 ล้านบาท และคาดว่าได้รับส่วนที่เหลือภายในสิ้นปี 2553 ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ จะทำให้มีรายได้ดังกล่าวเข้ามาชดเชยผลขาดทุนจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โกดังโรงงานเก็บเม็ดพลาสติก
นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้า “SNatur” ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และนักขายอิสระในระบบ MLM จนส่งผลให้ยอดขายของธุรกิจซื้อมาขายไปซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าภายในปี 2554 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท
นายสนั่น กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจเมลามีน ยังมีความต้องการสินค้าสูงเกินกว่ากำลังการผลิต จึงเชื่อว่ายังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะตลาดส่งออก ส่วนผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัสดุที่สามารถนำมาทดแทนวัสดุอื่นได้เป็นอย่างดีเพราะมีคุณสมบัติคงทน และน้ำหนักเบา คาดว่าจะยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกเช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์เมลามีนอยู่ที่ประมาณ 13,500 ตันต่อปี โดยบริษัทได้ลงทุนในเครื่องอัดเมลามีนเพิ่มในระหว่างปี 2553 เป็นจำนวนกว่า 88 เครื่อง,ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศเวียดนาม จากปัจจุบันให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 ตันต่อปี ส่วนผลิตภัณฑ์พลาสติกปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 45,000 ตันต่อปี และสาขาโรงงานในประเทศเวียดนามมีกำลังการผลิตพลาสติกประมาณ 2,500 ตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีฐานลูกค้าทั้งในประเทศ และมีตลาดส่งออกไปยัง 107 ประเทศทั่วโลก โดยกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์เมลามีนในประเทศ ประกอบด้วย ตัวแทนจำหน่าย นักขายอิสระในระบบการขายตรง (Direct Sales), ลูกค้าสถาบัน (โรงแรม, ร้านอาหาร, สายการบิน) ส่วนกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ และค่ายเพลง รวมทั้งยังมีการจัดงานมหกรรมลดราคาประจำปี ส่วนระบบธุรกิจเครือข่าย SNatur มีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ นักขายอิสระในระบบ MLM
บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง รุกเพิ่มโปรดักส์ใหม่กลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่ม ปั๊มกำลังผลิตในเวียดนามเพิ่ม เร่งแตกไลน์การผลิตในศรีไทย ชิน-โอซาก้า พร้อมอัดงบลงทุน 250 ล้านบาท ขยายฐานการผลิตไปอินเดีย ลั่นทั้งปียอดขายรวมโตตามเป้า 5.7 พันล้านบาท
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2553 ว่า บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตของยอดขายสายธุรกิจหลักทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่องานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Food & Beverage Packaging เช่น บรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับ Chilled Food และ Ready-to-eat, บรรจุภัณฑ์แก้วน้ำผนังบางตามร้านสะดวกซื้อ, ถังป๊อบคอร์น และแก้วน้ำที่มีลวดลายสวยงามและจำหน่ายตามโรงภาพยนตร์ ขณะที่บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้แก่ ฝาและขวด PET นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องเป่าขวด PET และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 4/2553 ซึ่งจะช่วยให้บริษัทบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร และมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น
ส่วนสายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเมลามีนจะมีการขยายกำลังการผลิตเพื่อให้สามารถรองรับกับความต้องการในตัวสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยจัดหาเครื่องอัดเมลามีนเพิ่มเติม ขยายสายการผลิตบางส่วนจากโรงงานโคราชมาไว้ที่โรงงานสุขสวัสดิ์เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในเวียดนาม ขยายสายการผลิตไปสู่บริษัทในเครือ คือ ศรีไทย ชิน-โอซาก้า รวมทั้งขยายฐานการผลิตไปยังอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท
สำหรับสายธุรกิจซื้อมาขายไป บริษัทมีแผนจะขยายระบบธุรกิจเครือข่ายเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อผู้บริโภค ในนาม “SNatur” โดยครอบคลุมกลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ อาหารเสริม (Food Supplement) เช่น เครื่องดื่มสมุนไพร (S-Ladina, S-Manna) เป็นต้น, เครื่องสำอาง (Cosmetic) เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม Mangostana เป็นต้น, ของใช้ส่วนตัว (Personal Care) เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Mangostana เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Home Care) เช่น ยาสีฟัน, ผงซักฟอก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 5,700 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์พลาสติกอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท เมลามีนอยู่ที่ 1,930 ล้านบาท และ Trading อยู่ที่ 270 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 21% ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2553 และช่วงครึ่งปีหลัง 2553 คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก 2553 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 81.7 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินการเพื่อขอชดเชยค่าสินไหมทดแทน ซึ่งในเบื้องต้นได้รับมาจากบริษัท เมืองไทยประกันภัยมาแล้วจำนวน 100 ล้านบาท และคาดว่าได้รับส่วนที่เหลือภายในสิ้นปี 2553 ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ จะทำให้มีรายได้ดังกล่าวเข้ามาชดเชยผลขาดทุนจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โกดังโรงงานเก็บเม็ดพลาสติก
นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้า “SNatur” ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และนักขายอิสระในระบบ MLM จนส่งผลให้ยอดขายของธุรกิจซื้อมาขายไปซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยคาดว่าภายในปี 2554 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท
นายสนั่น กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจเมลามีน ยังมีความต้องการสินค้าสูงเกินกว่ากำลังการผลิต จึงเชื่อว่ายังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะตลาดส่งออก ส่วนผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัสดุที่สามารถนำมาทดแทนวัสดุอื่นได้เป็นอย่างดีเพราะมีคุณสมบัติคงทน และน้ำหนักเบา คาดว่าจะยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกเช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์เมลามีนอยู่ที่ประมาณ 13,500 ตันต่อปี โดยบริษัทได้ลงทุนในเครื่องอัดเมลามีนเพิ่มในระหว่างปี 2553 เป็นจำนวนกว่า 88 เครื่อง,ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศเวียดนาม จากปัจจุบันให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 ตันต่อปี ส่วนผลิตภัณฑ์พลาสติกปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 45,000 ตันต่อปี และสาขาโรงงานในประเทศเวียดนามมีกำลังการผลิตพลาสติกประมาณ 2,500 ตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีฐานลูกค้าทั้งในประเทศ และมีตลาดส่งออกไปยัง 107 ประเทศทั่วโลก โดยกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์เมลามีนในประเทศ ประกอบด้วย ตัวแทนจำหน่าย นักขายอิสระในระบบการขายตรง (Direct Sales), ลูกค้าสถาบัน (โรงแรม, ร้านอาหาร, สายการบิน) ส่วนกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ และค่ายเพลง รวมทั้งยังมีการจัดงานมหกรรมลดราคาประจำปี ส่วนระบบธุรกิจเครือข่าย SNatur มีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ นักขายอิสระในระบบ MLM
785
news & activity / กรุงศรีสนับสนุนโครงการคอนโดมิเนียม “185 ราชดำริ”
« on: September 18, 2010, 10:53:10 AM »
นายพิสุทธิ์ อัมยงค์ ( ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แสดงความยินดีต่อ มร. อูแบร์ วิริออท (กลาง) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไรมอนด์ แลนด์ จำกัด (มหาชน) ในโอกาสเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม “185 ราชดำริ” คอนโดมิเนียมที่พักอาศัยระดับหรูบนถนนราชดำริ ซึ่งธนาคารได้สนับสนุนสินเชื่อจำนวน 2,790 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
KRUNGSRI congratulates 185 Rajadamri Condominium Project
Mr. Pisuthi Amyongka (right), Executive Vice President, Bank of Ayudhaya Public Company Limited, congratulates Mr. Hubert Viriot (center), Raimon Land PCL.’s CEO, at the launch of 185 Rajadamri Condominium. KRUNGSRI has supported THB 2,790 million credit facilities to Raimon Land in developing this elegant project on the prime Rajadamri Road.
786
news & activity / “Run for good –วิ่งสร้างสิ่งดี ๆ ให้กรุงเทพฯ”รวมพลังคนรักกรุงเทพฯ
« on: September 18, 2010, 10:52:22 AM »
“Run for good –วิ่งสร้างสิ่งดี ๆ ให้กรุงเทพฯ”รวมพลังคนรักกรุงเทพฯ ส่ง “คลิปวิ่ง” ขึ้นเฟสบุ๊ค สร้างมิวสิควิดีโอกรุงเทพฯ กระหึ่มประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ต้อนรับปี 2554
ท่านทราบไหมว่า ในปี 2553 กรุงเทพมหานครมีอายุครบ 228 ปี พระบรมรูปทรงม้าสร้างมา 102 ปี ศาลาเฉลิมกรุงมีอายุ 77 ปี โรงพยาบาลศิริราชครบมีอายุ 122 ปี สถานีรถไฟหัวลำโพงเปิดใช้มา 94 ปี สวนสัตว์ดุสิตครบ 115 ปี สะพานพระพุทธยอดฟ้า มีอายุ 81 ปี ถนนเยาวราชครบ 110 ปี รถไฟฟ้า BTS เปิดใช้มา 7 ปี สนามบินสุวรรณภูมิครบ 4 ปี และ อื่น ๆ อีกมากมาย ... เพราะ มหานคร “กรุงเทพฯ” แห่งนี้มีทั้งประวัติศาสตร์และความศิวิไลซ์ มีแหล่งท่องเที่ยวงดงาม และสถานที่อันวิจิตร หรือทันสมัยสุด ๆ ในภูมิภาคนี้
วันนี้ ความประทับใจต่าง ๆ ของผู้คนที่มีต่อกรุงเทพฯ ได้กลายเป็นที่มาของแคมเปญ “ Run for good – วิ่งรวมพลัง สร้างสรรค์สิ่งดี” โดยความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง กรุงเทพมหานคร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมกันรณรงค์ให้คนรักกรุงเทพฯ ได้แสดงพลังแห่งความรักในเมืองหลวง ภายใต้การแข่งขันสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน ครั้งที่ 23
กิจกรรมโดดเด่นอินเทรนด์สุด ๆ ของการแข่งขันสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอนปีนี้ ยังรวมไปถึงการเชิญชวนให้คนรักกรุงเทพฯร่วมกันส่งคลิปวิดีโอการวิ่งของตนเองในสถานที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ไปที่เฟสบุ๊คเฉพาะกิจ www.facebook.com/runforgood.bkkmarathon ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน ศกนี้ โดยทุกคลิปที่ส่งไปจะถูกนำมารวมกันเพื่อสร้างเป็นมิวสิควิดีโอแห่งมหานครที่ยิ่งใหญ่ เสมือนสัญลักษณ์แสดงพลังความเป็นหนึ่ง ที่จะถูกเปิดในการแข่งขันสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอนครั้งที่ 23
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นับเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกในรอบ 23 ปีที่เกิดขึ้นกับการแข่งขันกรุงเทพมาราธอน คือการแสดงพลังของนักร้องชั้นนำ และนักประพันธ์เพลงชั้นครูของเมืองไทยอย่างจิรพรรณ อังศวานนท์ เข้ามาเป็นผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลง “กรุงเทพฯของเรา” และ “Bangkok is Our Home” ให้กับกิจกรรมครั้งสำคัญนี้ โดยมีนักร้องชั้นนำของเมืองไทย “อัญชลี จงคดีกิจ” และ “สุรสีห์ อิทธิกุล” มาเป็นผู้ขับร้อง
ซึ่งนักร้องชื่อดัง “ปุ๊ - อัญชลี จงคดีกิจ” เปิดใจถึงการได้เข้าร่วมกับ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน ว่า “ปลื้มสุดๆ ส่วนตัวแล้วเกิดและโตที่กรุงเทพฯ จึงอยากเห็นคนรักกรุงเทพฯมารวมพลังกัน เริ่มตั้งแต่ส่งคลิปวิ่งในมุมที่เรารัก หรือถ่ายในสถานที่ หรือมุมที่คนอื่นไม่เคยได้สัมผัสจากกรุงเทพฯเข้าไปที่ facebook ซึ่งเท่ากับได้ทำกุศลไปในตัวด้วย ยิ่งส่งมาก็ยิ่งได้เงินจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไปช่วยคนเยอะขึ้น หรือจะไปวิ่งไปเดินด้วยกัน ชวนครอบครัวไปรวมตัวกัน เป็นการแสดงความสามัคคีอย่างหนึ่ง ”
นางสาวนภัส เปาโรหิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าว่า”ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเชื่อว่าการวิ่งมาราธอนเป็นการแสดงพลังบวกที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคลออกมา และยังเป็นกีฬาที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของธนาคารได้เป็นอย่างดี เราได้สนับสนุนการแข่งขันวิ่งมาราธอนในประเทศต่างๆ มากว่า 10 ปี ใน 10 ประเทศทั่วโลก สำหรับกิจกรรมปีนี้ ธนาคารฯ ยังร่วมทำความดีโดย ทุก ๆ 1 นาทีจากทุก ๆ คลิปที่ส่งเข้ามา ธนาคารฯ จะบริจาคเงิน 60 บาทสมทบทุนเข้าโครงการ Seeing is believing – ให้ดวงตา ให้ชีวิต” เพื่อบริจาคให้กับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยในการช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ประสบปัญหาด้านสายตา จึงขอเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันส่งคลิปเข้ามากันให้มาก ๆ “
ฟากสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย โดยพลเอกมนัส คล้ายมณี นายกสมาคมฯ ยังได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “นอกเหนือจากการแข่งขันวิ่งประเภทมาราธอน 42.195 ก.ม. ฮาล์ฟมาราธอน 21.100 ก.ม. และ มินิมาราธอน 10 ก.ม. แล้ว เรายังเปิดประเภทไมโครมาราธอน 5 ก.ม. เป็นการเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพที่ไม่เน้นแข่งขันเพื่อรางวัลใด ๆ แต่ทุกคนจะได้รับเหรียญที่ระลึกเมื่อถึงเส้นชัย รวมทั้ง ประเภทเดินเพื่อสุขภาพ 2.5 ก.ม. สำหรับครอบครัวชวนกันมาออกกำลังกายและได้มีส่วนร่วมในงานนี้ด้วยกัน ซึ่งสามารถกลับตัวครึ่งทางหรือย่อระยะทางลงได้ จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกรุ่นวัยได้มาร่วมแสดงพลังสามัคคี สร้างสิ่งดี ๆ ให้กรุงเทพฯด้วยกัน”
ในประเทศพัฒนาแล้วมักจะนำการวิ่งมาใช้สร้างยุทธศาสตร์ทางสังคม หรือจัดให้มีงานประเพณีวิ่งของเมืองต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างยั่งยืน เมืองใดที่สามารถจัดให้มีงานวิ่งมาราธอนประเพณีสม่ำเสมอจนได้รับการยอมรับจากชาวเมืองและชาวโลก ยังถือว่าประสบความสำเร็จในการบริหารบ้านเมืองด้านสาธารณสุขอีกด้วย
จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่วันนี้สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน ได้รับการยอมรับจากนักวิ่งกว่า40 ประเทศรวมกว่า 50,000 คนทั่วโลกมาเข้าร่วมวิ่งในบริเวณสนามไชย ด้านหน้าพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วกันเป็นประจำทุกปี จนถือเป็นงานวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เป็นที่รอคอยของนักวิ่งและผู้รักสุขภาพทั่วไป โดยในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายน ศกนี้ ...คนไทยจึงไม่น่ามองข้าม
....เหลือเวลาอีก 2 เดือนที่ทุกคนจะลุกขึ้นมาเริ่มต้นเตรียมตัว “วิ่ง..เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี” ให้กับ “ตัวเอง”และเมืองหลวง...”กรุงเทพฯของเรา” กัน...
ท่านทราบไหมว่า ในปี 2553 กรุงเทพมหานครมีอายุครบ 228 ปี พระบรมรูปทรงม้าสร้างมา 102 ปี ศาลาเฉลิมกรุงมีอายุ 77 ปี โรงพยาบาลศิริราชครบมีอายุ 122 ปี สถานีรถไฟหัวลำโพงเปิดใช้มา 94 ปี สวนสัตว์ดุสิตครบ 115 ปี สะพานพระพุทธยอดฟ้า มีอายุ 81 ปี ถนนเยาวราชครบ 110 ปี รถไฟฟ้า BTS เปิดใช้มา 7 ปี สนามบินสุวรรณภูมิครบ 4 ปี และ อื่น ๆ อีกมากมาย ... เพราะ มหานคร “กรุงเทพฯ” แห่งนี้มีทั้งประวัติศาสตร์และความศิวิไลซ์ มีแหล่งท่องเที่ยวงดงาม และสถานที่อันวิจิตร หรือทันสมัยสุด ๆ ในภูมิภาคนี้
วันนี้ ความประทับใจต่าง ๆ ของผู้คนที่มีต่อกรุงเทพฯ ได้กลายเป็นที่มาของแคมเปญ “ Run for good – วิ่งรวมพลัง สร้างสรรค์สิ่งดี” โดยความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง กรุงเทพมหานคร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมกันรณรงค์ให้คนรักกรุงเทพฯ ได้แสดงพลังแห่งความรักในเมืองหลวง ภายใต้การแข่งขันสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน ครั้งที่ 23
กิจกรรมโดดเด่นอินเทรนด์สุด ๆ ของการแข่งขันสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอนปีนี้ ยังรวมไปถึงการเชิญชวนให้คนรักกรุงเทพฯร่วมกันส่งคลิปวิดีโอการวิ่งของตนเองในสถานที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ไปที่เฟสบุ๊คเฉพาะกิจ www.facebook.com/runforgood.bkkmarathon ภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน ศกนี้ โดยทุกคลิปที่ส่งไปจะถูกนำมารวมกันเพื่อสร้างเป็นมิวสิควิดีโอแห่งมหานครที่ยิ่งใหญ่ เสมือนสัญลักษณ์แสดงพลังความเป็นหนึ่ง ที่จะถูกเปิดในการแข่งขันสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอนครั้งที่ 23
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นับเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกในรอบ 23 ปีที่เกิดขึ้นกับการแข่งขันกรุงเทพมาราธอน คือการแสดงพลังของนักร้องชั้นนำ และนักประพันธ์เพลงชั้นครูของเมืองไทยอย่างจิรพรรณ อังศวานนท์ เข้ามาเป็นผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลง “กรุงเทพฯของเรา” และ “Bangkok is Our Home” ให้กับกิจกรรมครั้งสำคัญนี้ โดยมีนักร้องชั้นนำของเมืองไทย “อัญชลี จงคดีกิจ” และ “สุรสีห์ อิทธิกุล” มาเป็นผู้ขับร้อง
ซึ่งนักร้องชื่อดัง “ปุ๊ - อัญชลี จงคดีกิจ” เปิดใจถึงการได้เข้าร่วมกับ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน ว่า “ปลื้มสุดๆ ส่วนตัวแล้วเกิดและโตที่กรุงเทพฯ จึงอยากเห็นคนรักกรุงเทพฯมารวมพลังกัน เริ่มตั้งแต่ส่งคลิปวิ่งในมุมที่เรารัก หรือถ่ายในสถานที่ หรือมุมที่คนอื่นไม่เคยได้สัมผัสจากกรุงเทพฯเข้าไปที่ facebook ซึ่งเท่ากับได้ทำกุศลไปในตัวด้วย ยิ่งส่งมาก็ยิ่งได้เงินจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไปช่วยคนเยอะขึ้น หรือจะไปวิ่งไปเดินด้วยกัน ชวนครอบครัวไปรวมตัวกัน เป็นการแสดงความสามัคคีอย่างหนึ่ง ”
นางสาวนภัส เปาโรหิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าว่า”ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเชื่อว่าการวิ่งมาราธอนเป็นการแสดงพลังบวกที่อยู่ในตัวของแต่ละบุคคลออกมา และยังเป็นกีฬาที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของธนาคารได้เป็นอย่างดี เราได้สนับสนุนการแข่งขันวิ่งมาราธอนในประเทศต่างๆ มากว่า 10 ปี ใน 10 ประเทศทั่วโลก สำหรับกิจกรรมปีนี้ ธนาคารฯ ยังร่วมทำความดีโดย ทุก ๆ 1 นาทีจากทุก ๆ คลิปที่ส่งเข้ามา ธนาคารฯ จะบริจาคเงิน 60 บาทสมทบทุนเข้าโครงการ Seeing is believing – ให้ดวงตา ให้ชีวิต” เพื่อบริจาคให้กับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยในการช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ประสบปัญหาด้านสายตา จึงขอเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันส่งคลิปเข้ามากันให้มาก ๆ “
ฟากสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย โดยพลเอกมนัส คล้ายมณี นายกสมาคมฯ ยังได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “นอกเหนือจากการแข่งขันวิ่งประเภทมาราธอน 42.195 ก.ม. ฮาล์ฟมาราธอน 21.100 ก.ม. และ มินิมาราธอน 10 ก.ม. แล้ว เรายังเปิดประเภทไมโครมาราธอน 5 ก.ม. เป็นการเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพที่ไม่เน้นแข่งขันเพื่อรางวัลใด ๆ แต่ทุกคนจะได้รับเหรียญที่ระลึกเมื่อถึงเส้นชัย รวมทั้ง ประเภทเดินเพื่อสุขภาพ 2.5 ก.ม. สำหรับครอบครัวชวนกันมาออกกำลังกายและได้มีส่วนร่วมในงานนี้ด้วยกัน ซึ่งสามารถกลับตัวครึ่งทางหรือย่อระยะทางลงได้ จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกรุ่นวัยได้มาร่วมแสดงพลังสามัคคี สร้างสิ่งดี ๆ ให้กรุงเทพฯด้วยกัน”
ในประเทศพัฒนาแล้วมักจะนำการวิ่งมาใช้สร้างยุทธศาสตร์ทางสังคม หรือจัดให้มีงานประเพณีวิ่งของเมืองต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างยั่งยืน เมืองใดที่สามารถจัดให้มีงานวิ่งมาราธอนประเพณีสม่ำเสมอจนได้รับการยอมรับจากชาวเมืองและชาวโลก ยังถือว่าประสบความสำเร็จในการบริหารบ้านเมืองด้านสาธารณสุขอีกด้วย
จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่วันนี้สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน ได้รับการยอมรับจากนักวิ่งกว่า40 ประเทศรวมกว่า 50,000 คนทั่วโลกมาเข้าร่วมวิ่งในบริเวณสนามไชย ด้านหน้าพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วกันเป็นประจำทุกปี จนถือเป็นงานวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย เป็นที่รอคอยของนักวิ่งและผู้รักสุขภาพทั่วไป โดยในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายน ศกนี้ ...คนไทยจึงไม่น่ามองข้าม
....เหลือเวลาอีก 2 เดือนที่ทุกคนจะลุกขึ้นมาเริ่มต้นเตรียมตัว “วิ่ง..เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดี” ให้กับ “ตัวเอง”และเมืองหลวง...”กรุงเทพฯของเรา” กัน...
787
ข่าวภาพยนตร์ / SF แจกจริง รถกระบะ mazda BT 50 ใน Promotion องค์บาก
« on: September 18, 2010, 10:25:35 AM »
โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ร่วมกับ สหมงคลฟิล์ม และ บริษัท มาสด้า เซล์ล ประเทศไทย จำกัด นำโดย คุณสุพัฒน์ งามวงศไพบูลย์, คุณอวิกา เตชะรัตนประเสริฐ และคุณสุรีทิพย์ ละอองทอง ร่วมมอบรถสปอร์ตปิกอัพ Mazda NEW BT-5 มูลค่ากว่า 628,000 บาท จำนวน 1 คัน ให้กับ คุณธวัชชัย ชะฎามล และครอบครัว ผู้โชคดีที่ชมภาพยนตร์เรื่ององค์บาก 3 ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ เมื่อเร็วๆ นี้
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ SF Call Center 02-268 8888 หรือ www.sfcinemacity.com และ we love SF http://www.facebook.com/weloveSF
788
ข่าวภาพยนตร์ / SF ร่วมกับ ไมโครซอฟ, HP และ Si-Com ทำเก๋...จัดอีเว้นท์อิงกระแสอิงหนังผีชีวะ
« on: September 18, 2010, 10:22:43 AM »
SF ร่วมกับ ไมโครซอฟ, HP และ Si-Com ทำเก๋...จัดอีเว้นท์อิงกระแสอิงหนังผีชีวะ Resident Evil 4 ชวนคอหนังประกวดคอสเพลย์, แข่งขันเกมส์ พร้อมบูธแต่งหน้าผี
เมื่อเร็วๆ นี้ โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ร่วมกับ ไมโครซอฟ, HP และ Si-Com นำโดย คุณสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และ คุณชัชวาล จิตติกุลดิลก ผู้จัดการฝ่ายขาย กลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำเก๋...จัดอีเว้นท์ RESIDENT EVIL: AFTERLIFE THAILAND FAN FEST’ 10 อิงกระแสหนังแอ็คชั่น – ไซไฟฟอร์มยักษ์ ในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Resident Evil 4: Afterlife ซึ่งจัดขึ้นที่ SFX Cinema ชั้น 6 เซ็นทรัลลาดพร้าว โดยเป็นการรวมตัวของเหล่าสาวกผีชีวะพันธุ์แท้จำนวนมาก ที่มาร่วมประกวดคอสเพลย์เลียนแบบตัวละครกับคอนเซ็ปต์ After Life Team และ Alice Cloning พร้อมทั้งยังได้จัดให้มีการแข่งเกม Resident Evil 5 ซึ่งผู้ที่ชนะจากทั้ง 2 รายการนี้จะได้รับเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100, 000 บาทไปครอง และในงานทาง SF ยังได้จัดซุ้มแต่งหน้าผีแฟนซีให้กับผู้ที่มาร่วมงานอีกด้วย ถือเป็น Gimmick ที่สามารถสร้างสีสันให้กับงานในวันนั้นเป็นอย่างมาก ปิดท้ายด้วยการชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Resident Evil 4: Afterlife ที่คอหนังทั่วโลกต่างรอคอย
แล้วพบกันกับกิจกรรมดีๆ อย่างนี้ได้อีก ที่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ทุกสาขา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SF Call Center 02-268 8888 หรือ www.sfcinemacity.com พร้อมติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ we love SF http://www.facebook.com/weloveSF
789
news & activity / กลุ่มทรู เปิดแคมเปญใหญ่ “ทรู...ใช้ร้อยชิงล้าน” แจกไม่อั้นกว่า 10 ล้านบาท
« on: September 12, 2010, 10:53:28 AM »
กลุ่มทรู เปิดแคมเปญใหญ่ “ทรู...ใช้ร้อยชิงล้าน” แจกไม่อั้นกว่า 10 ล้านบาท มอบคุ้มค่าสูงสุด ตอบแทนลูกค้าทรู
บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น โดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด และนายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ควงปู-ไปรยา สวนดอกไม้ เปิดแคมเปญ “ทรู...ใช้ร้อยชิงล้าน” แจกรางวัลทุกวัน ถึงต้นปี 2554 รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท มอบความคุ้มค่าสูงสุดตอบแทนลูกค้ามือถือทรูมูฟ ทรูวิชั่นส์ บริการโทรศัพท์บ้าน บริการอินเทอร์เน็ต 56K และ ไฮ-สปีดอินเทอร์เน็ต บริการ NetTalk จากทรูออนไลน์ วีพีซีที บริการโทรทางไกลต่างประเทศรหัส 006 ทรูไลฟ์พลัสแพ็กเกจ บัตรทรูคอฟฟี่ เพียงซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านทรูช้อป ทรูพาร์ทเนอร์ ทรูคอฟฟี่ หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครบทุก 100 บาท รับทันที 1 สิทธิ์ ลุ้นทองคำทุกวันๆ ละ 1 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท รวม 66 รางวัล รวมมูลค่า 660,000 บาท หรือร่วมลุ้นทองคำประจำสัปดาห์ ๆ ละ10 รางวัลๆละ 1 หมื่นบาท รวม 130 รางวัล รวมมูลค่า 1.3 ล้านบาท และลุ้นรางวัลใหญ่ ทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท รถยนตร์ฟอร์ดเฟียสต้า และรางวัลอื่นๆ กว่า 1,500 รางวัล จับแจกในรายการชิงร้อยชิงล้าน วันที่ 18 มกราคม 2554 สำหรับผู้สมัครใช้บริการใหม่รับทันที 10 สิทธิ์ ร่วมลุ้นรับรางวัลง่ายๆ เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ (IVR) โทร 02-900-9008 ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2553
บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น โดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด และนายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ควงปู-ไปรยา สวนดอกไม้ เปิดแคมเปญ “ทรู...ใช้ร้อยชิงล้าน” แจกรางวัลทุกวัน ถึงต้นปี 2554 รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท มอบความคุ้มค่าสูงสุดตอบแทนลูกค้ามือถือทรูมูฟ ทรูวิชั่นส์ บริการโทรศัพท์บ้าน บริการอินเทอร์เน็ต 56K และ ไฮ-สปีดอินเทอร์เน็ต บริการ NetTalk จากทรูออนไลน์ วีพีซีที บริการโทรทางไกลต่างประเทศรหัส 006 ทรูไลฟ์พลัสแพ็กเกจ บัตรทรูคอฟฟี่ เพียงซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านทรูช้อป ทรูพาร์ทเนอร์ ทรูคอฟฟี่ หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครบทุก 100 บาท รับทันที 1 สิทธิ์ ลุ้นทองคำทุกวันๆ ละ 1 รางวัลๆ ละ 1 หมื่นบาท รวม 66 รางวัล รวมมูลค่า 660,000 บาท หรือร่วมลุ้นทองคำประจำสัปดาห์ ๆ ละ10 รางวัลๆละ 1 หมื่นบาท รวม 130 รางวัล รวมมูลค่า 1.3 ล้านบาท และลุ้นรางวัลใหญ่ ทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท รถยนตร์ฟอร์ดเฟียสต้า และรางวัลอื่นๆ กว่า 1,500 รางวัล จับแจกในรายการชิงร้อยชิงล้าน วันที่ 18 มกราคม 2554 สำหรับผู้สมัครใช้บริการใหม่รับทันที 10 สิทธิ์ ร่วมลุ้นรับรางวัลง่ายๆ เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ (IVR) โทร 02-900-9008 ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2553
790
news & activity / ไอบีเอ็มประกาศขยายธุรกิจในหัวเมืองทั่วอาเซียน
« on: September 12, 2010, 10:51:58 AM »
มร. ทิม วอง รองประธานกลุ่มธุรกิจทั่วไป ไอบีเอ็มอาเซียน (กลาง) ประกาศกลยุทธ์มุ่งขยายธุรกิจในกลุ่มอาเซียน เดินหน้าเปิดสำนักงานในหัวเมืองนอกเมืองหลวง 13 แห่งในภูมิภาคอาเซียน อาทิ เมืองโกตากินะบะลู มาเลเซีย, เมืองดานัง เวียดนาม และเมืองมาคาสซาร์ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค (Geo Expansion) ของไอบีเอ็มในปีนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของไอบีเอ็มในการให้บริการแก่ลูกค้าในระดับภูมิภาค พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว “ไอบีเอ็ม อาเซียน มิดมาร์เก็ต โมบาย คีออส” (IBM ASEAN Midmarket Mobile Kiosk) เป็นครั้งแรกในอาเซียน โดยเป็นคีออสที่จัดแสดงโซลูชันจากไอบีเอ็มอย่างครอบคลุม ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ โดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง (Mid-market) ตามหัวเมือง โดยจะจัดแสดงหมุนเวียนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วอาเซียนภายใน 1 ปีนี้ โดยเปิดตัวที่เชียงใหม่เป็นที่แรก ในงานสัมมนา “IBM Geo Academy and Regional Business Partner Summit” เมื่อเร็วๆ นี้
บรรยายภาพ จากซ้ายไปขวา
1. กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
2. ทิม วอง รองประธานกลุ่มธุรกิจทั่วไป ไอบีเอ็มอาเซียน
3. วิบูลย์ ฐานันดรสุข ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจภูมิภาค ธุรกิจทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
791
news & activity / CS LOXINFO เปิดบริการ Disaster Recovery Center ใหม่
« on: September 12, 2010, 10:51:03 AM »
ซีเอส ล็อกซอินโฟ ผู้ให้บริการ Internet Data Center ได้เปิดให้บริการ Disaster Recovery Center (บริการให้เช่าพื้นที่สำรองเพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตภายในศูนย์อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์) ตัวช่วยใหม่ยามฉุกเฉินของทุกกิจกรรมขององค์กรเพื่อบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่คาดคิด และมีบททดสอบที่เกิดขึ้นจริงกับเหตุการณ์ย่านธุรกิจจนทำให้ DRC เข้ามาเป็นตัวช่วยกับหลายๆ องค์กรโดยมีบทบาทหน้าที่ในการเป็นสำนักงานสำรอง หรือศูนย์สำรองข้อมูล เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้เป็นกระแสยอดฮิตขึ้นมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
792
news & activity / นมแพะ ดีจี-3 แอดวานซ์ อีกหนึ่งทางเลือก เพื่อเติมเต็มพัฒนาการของลูกรัก
« on: September 12, 2010, 10:49:48 AM »
บริษัท แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ นมแพะดีจี-3 แอดวานซ์ สูตร3 สำหรับเด็กอายุ ขวบปีขึ้นไปและทุกคนในครอบครัว ผลิตและนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ เพราะนมแพะมีระบบคัดหลั่งคล้ายคลึงกับนมแม่ (Aprocrine secretion) จึงอุดมด้วยสารอาหารที่ใกล้เคียงกับนมแม่ อาทิ นิวคลีโอไทด์, ARA, โพลีเอมีนส์, ทอรีน, โคลีนและวิตามินอื่นๆ อีกมากมาย สามารถย่อยได้ดีกว่านมวัวและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดี เป็นที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียและยุโรป โดยโด้รับสัญลักษณ์คุณภาพ “ใบเฟิร์น” แห่งนิวซีแลนด์ ราคาจำหน่ายกระป๋องละ 372 บาทสำหรับขนาด 400g และ 720 บาทสำหรับขนาด 800g วางจำหน่ายที่โมเดิรน์เทรด อาทิ เทสโก้ โลตัส, คาร์ฟูร์, ท็อปส์, บิ๊กซี, และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ได้แก่ เดอะมอลล์, แมคโคร, จัสโก้, ฟู้ดแลนด์ และร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dgsmartmom.com
793
news & activity / ประกาศการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น
« on: September 12, 2010, 10:48:21 AM »
ประกาศการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น
กรุงเทพฯ – เพื่อความสะดวกสำหรับผู้มีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่นในประเทศไทย ทางบริษัท วีเอฟเอส โกลบอล ผู้ดำเนินการจัดการบริการด้านกงสุลให้กับสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเริ่มบริการด้านกงสุลโดยมีการรับคำร้องขอวีซ่าพร้อมรับชำระค่าธรรมเนียม และจัดส่งหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลทั่วไปได้ที่เคาน์เตอร์ยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี (อำเภอศรีราชา) พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครราชสีมา และพิษณุโลก โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ศกนี้ เป็นต้นไป อนึ่ง บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางการทูต หนังสือเดินทางข้าราชการ และบุคคลที่ต้องการขอวีซ่าในกรณีฉุกเฉินที่มีเหตุผลทางมนุษยธรรม ยังต้องดำเนินการขอวีซ่าโดยตรงกับสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ
การที่ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านทางที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด สามารถลดขั้นตอนการเดินทางเข้ามายื่นด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ และเมื่อขั้นตอนการพิจารณาได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ยื่นคำร้องสามารถเลือกที่จะรับหนังสือเดินทางคืนได้ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 น. – 16.30 น. หรือจะให้จัดส่งไปยังบ้านท่าน โดยค่าใช้จ่ายการจัดส่ง ทาง วีเอฟเอส จะเป็นผู้รับผิดชอบ
โดยทั่วไปแล้ว การขอวีซ่า จะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอย่างน้อย 7-8 วัน ทำการ นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องจนถึงได้รับหนังสือเดินทางคืน บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการเฉพาะการรับยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินผลของวีซ่าแต่อย่างใด ทางสถานทูตญี่ปุนประจำประเทศไทย ยังคงเป็นผู้พิจารณาผลของการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท และระยะเวลาของการพิจารณาวีซ่านั้น จะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี
หากท่านต้องการสอบถามขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น สามารถโทรติดต่อได้ที่ (02) 632-1541 หรือทางอีเมล์ info.jpth@vfshelpline.com, หรือทางเว็บไซต์ www.jp-vfsglobal-th.com.
บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านกงสุลที่ใหญ่ที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุด ในปัจจุบัน วีเอฟเอส โกลบอล ได้เปิดดำเนินการให้บริการอย่างเป็นทางการกับสถานทูต 31 แห่ง โดยมีศูนย์รับยื่นวีซ่ามากกว่า 350 แห่ง ใน 47 ประเทศทั่วโลก และได้ดำเนินการเกี่ยวกับการรับยื่นวีซ่าให้กับผู้ยื่นวีซ่ามากกว่า 7.5 ล้านคนในแต่ละปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.vfsglobal.com
วีเอฟเอส (ไทยแลนด์) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2005 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยุ่ ณ กรุงเทพฯ ปัจจุบันให้บริการทางด้านกงสุลให้กับสถานทูต 7 แห่ง ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย อังกฤษ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ค
กรุงเทพฯ – เพื่อความสะดวกสำหรับผู้มีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่นในประเทศไทย ทางบริษัท วีเอฟเอส โกลบอล ผู้ดำเนินการจัดการบริการด้านกงสุลให้กับสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเริ่มบริการด้านกงสุลโดยมีการรับคำร้องขอวีซ่าพร้อมรับชำระค่าธรรมเนียม และจัดส่งหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลทั่วไปได้ที่เคาน์เตอร์ยื่นคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น ณ ที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี (อำเภอศรีราชา) พระนครศรีอยุธยา ระยอง นครราชสีมา และพิษณุโลก โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ศกนี้ เป็นต้นไป อนึ่ง บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางการทูต หนังสือเดินทางข้าราชการ และบุคคลที่ต้องการขอวีซ่าในกรณีฉุกเฉินที่มีเหตุผลทางมนุษยธรรม ยังต้องดำเนินการขอวีซ่าโดยตรงกับสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ
การที่ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านทางที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด สามารถลดขั้นตอนการเดินทางเข้ามายื่นด้วยตนเองที่กรุงเทพฯ และเมื่อขั้นตอนการพิจารณาได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ยื่นคำร้องสามารถเลือกที่จะรับหนังสือเดินทางคืนได้ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 น. – 16.30 น. หรือจะให้จัดส่งไปยังบ้านท่าน โดยค่าใช้จ่ายการจัดส่ง ทาง วีเอฟเอส จะเป็นผู้รับผิดชอบ
โดยทั่วไปแล้ว การขอวีซ่า จะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอย่างน้อย 7-8 วัน ทำการ นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องจนถึงได้รับหนังสือเดินทางคืน บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการเฉพาะการรับยื่นวีซ่าเท่านั้น มิได้มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินผลของวีซ่าแต่อย่างใด ทางสถานทูตญี่ปุนประจำประเทศไทย ยังคงเป็นผู้พิจารณาผลของการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท และระยะเวลาของการพิจารณาวีซ่านั้น จะแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี
หากท่านต้องการสอบถามขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายขอบเขตสถานที่บริการรับยื่นคำร้องขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่น สามารถโทรติดต่อได้ที่ (02) 632-1541 หรือทางอีเมล์ info.jpth@vfshelpline.com, หรือทางเว็บไซต์ www.jp-vfsglobal-th.com.
บริษัท วีเอฟเอส โกลบอล เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านกงสุลที่ใหญ่ที่สุด และมีประสบการณ์มากที่สุด ในปัจจุบัน วีเอฟเอส โกลบอล ได้เปิดดำเนินการให้บริการอย่างเป็นทางการกับสถานทูต 31 แห่ง โดยมีศูนย์รับยื่นวีซ่ามากกว่า 350 แห่ง ใน 47 ประเทศทั่วโลก และได้ดำเนินการเกี่ยวกับการรับยื่นวีซ่าให้กับผู้ยื่นวีซ่ามากกว่า 7.5 ล้านคนในแต่ละปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.vfsglobal.com
วีเอฟเอส (ไทยแลนด์) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2005 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยุ่ ณ กรุงเทพฯ ปัจจุบันให้บริการทางด้านกงสุลให้กับสถานทูต 7 แห่ง ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย อังกฤษ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ค
794
news & activity / KTAMปันผลกองทุนKTLF0.50บาทต่อหน่วย
« on: September 12, 2010, 10:47:24 AM »
KTAMปันผลกองทุนKTLF0.50บาทต่อหน่วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2553 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 20 กันยายน 2553 และจะทำการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 27 กันยายน 2553
โดยกองทุนดังกล่าว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด เป็นกองทุนที่ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน 15% ของเงินได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน KTLF ซึ่งคำนวณตามมาตรฐาน AIMC สิ้นสุด ณ วันที่ 10 กันยายน 2553 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 20.52% เทียบกับ Benchmark คือ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 20.36% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 29.08% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 28.26% ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ 33.30% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 33.09 % ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 31.70% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 31.50%
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่น สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนประเภท RMF /LTF ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2553 และถือครองหน่วยลงทุน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 จะได้รับของสมนาคุณเป็นหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ มูลค่าสูงสุดถึง 13,000 บาท และหากเข้าร่วมโครงการ Wealth Plus โดยหักบัญชีเงินฝาก หรือตัดผ่านบัตรเครดิตเป็นรายเดือน โดยมียอดบัญชีรวม ตั้งแต่ 30,000 บาท ขึ้นไป รับเพิ่มกระเป๋าเอนกประสงค์ นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมออกบูธในงาน Emporium Asset & Wealth Management Expo ระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน 2553 ที่ห้างสรรพสินค้า Emporium ชั้น 1 โดยผู้ลงทุนที่ซื้อกองทุน RMF/LTF ในงานจะได้รับเพิ่ม Gife Vocher Emporium มูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ส่วนกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการ ลงทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับ Gife Vocher Emporium มูลค่า 100 บาท รวมสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดซื้อหน่วยลงทุนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน6 ( KTSIV6M6 ) ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2553 โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ33% ลงทุนในเงินฝาก 23.50% และตั๋วแลกเงิน 43.50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.70% ต่อปี และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2553 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 20 กันยายน 2553 และจะทำการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 27 กันยายน 2553
โดยกองทุนดังกล่าว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด เป็นกองทุนที่ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน 15% ของเงินได้รวมทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน KTLF ซึ่งคำนวณตามมาตรฐาน AIMC สิ้นสุด ณ วันที่ 10 กันยายน 2553 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 20.52% เทียบกับ Benchmark คือ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 20.36% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 29.08% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 28.26% ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ 33.30% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 33.09 % ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 31.70% เทียบกับ SET Index ซึ่งอยู่ที่ 31.50%
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่น สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนประเภท RMF /LTF ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2553 และถือครองหน่วยลงทุน ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 จะได้รับของสมนาคุณเป็นหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ มูลค่าสูงสุดถึง 13,000 บาท และหากเข้าร่วมโครงการ Wealth Plus โดยหักบัญชีเงินฝาก หรือตัดผ่านบัตรเครดิตเป็นรายเดือน โดยมียอดบัญชีรวม ตั้งแต่ 30,000 บาท ขึ้นไป รับเพิ่มกระเป๋าเอนกประสงค์ นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมออกบูธในงาน Emporium Asset & Wealth Management Expo ระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน 2553 ที่ห้างสรรพสินค้า Emporium ชั้น 1 โดยผู้ลงทุนที่ซื้อกองทุน RMF/LTF ในงานจะได้รับเพิ่ม Gife Vocher Emporium มูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ส่วนกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการ ลงทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับ Gife Vocher Emporium มูลค่า 100 บาท รวมสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดซื้อหน่วยลงทุนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน6 ( KTSIV6M6 ) ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2553 โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ33% ลงทุนในเงินฝาก 23.50% และตั๋วแลกเงิน 43.50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.70% ต่อปี และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย
795
news & activity / KTAMบุกแดนหมีขาว
« on: September 12, 2010, 10:45:17 AM »
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าว เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย รัสเซีย ฟิกซ์อินคัม 1 ระหว่างวันที่ 22 - 28 กันยายน 2553 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุ 2 ปี 7 เดือน จ่ายผลตอบแทนคืนทุก 3 เดือน เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.50 %ต่อปี พร้อมจัดโปรโมชั่น ลงทุน 500,000 บาท ขึ้นไป รับตุ๊กตาหมีขาว โดยมีนายสมชัย บุญนำศิริ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ นำทีมผู้บริหารแถลงข่าว เมื่อวานนี้ ที่ รร.แกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ