Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - activity

Pages: 1 ... 50 51 [52] 53 54 ... 59
766




ล้างพิษกับเทศกาลกินเจโดย ภญ.กรรณิการ์ เอกศักดิ์  บริษัท เฮลธ์ อิมแพค จำกัด

ใกล้เทศกาลกินเจ  หลายคนก็เริ่มเตรียมตัว  อย่างน้อยหนึ่งปีเราได้ทำบุญ ละเว้นการกินเนื้อสัตว์อย่างน้อย 10 วัน หรือบางท่านก็คิดว่าดีเหมือนกันเราจะได้กินผัก ผลไม้ถือว่าเป็นการดูแลสุขภาพ ล้างพิษไปในตัว แต่ถ้าจะเลือกทานอาหารเจให้ได้คุณค่าก็ต้องเลือกให้ดีนะคะ  อย่างมัวกินแต่บะหมี่ผัดน้ำมันเยิ้ม  ที่มีผักแค่ไม่กี่เส้น  เดี๋ยวจะกลายเป็นกินแต่แป้งกับไขมัน  ยิ่งกินยิ่งอ้วน

เมื่อพูดถึงเรื่อง ดีท็อกซ์ หรือล้างพิษ  หลากคนก็หลากความคิดและวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการสวนทวาร การอบไอน้ำ การอบเซาน่า การออกกำลังกาย การนวด การเลือกกินผักผลไม้   การใช้สมุนไพร  ยา หรือวิธีที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเช่น การถ่ายเลือด  แต่จุดประสงค์หลักของการดีท็อกซ์นั้นก็เพื่อกำจัดสารพิษหรือท็อกซินออกจากร่างกาย  ซึ่งสารพิษเหล่านี้ เกิดจากแบคทีเรียตัวร้ายในลำไส้ใหญ่ปล่อยสารพิษออกมา  ทำให้ร่างกายเกิดโรคต่าง ๆ  ซึ่งภาวะนี้จะเกิดกับคนที่ทานอาหารพวกเนื้อสัตว์มากๆ ไม่ค่อยทานผัก และผลไม้ ทำให้มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย  ท้องผูกเรื้อรัง ทำให้รู้สึกอึดอัด ผิวพรรณไม่สดใส อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และยิ่งปล่อยให้มีอาการท้องผูกนาน ๆ อาจทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ได้  

ดังนั้น  เริ่มต้นการล้างพิษร่างกายด้วยแนวคิด อาหารเพื่อสุขภาพ คือการทานผัก ผลไม้สด อาหารไร้เนื้อสัตว์  และสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย สุขภาพลำไส้      ควรเพิ่มการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้   โดยวิทยาการสมัยใหม่การรับประทานใยอาหารพรีไบโอติกส์  อินนูลิน  ซึ่งเป็นใยอาหารโครงสร้างพิเศษ ที่ไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหาร  แต่เป็นอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพ  ปิฟิโดแบคทีเรีย ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่  ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์สุขภาพ  ช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียก่อโรค  ลดการสร้างและปล่อยสารพิษเข้าสู่ร่างกาย  ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น  นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการสร้างวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามิน B1 , B2 , B6 , Niacin , Folic acid และเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุวิตามินเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย  

สำหรับใยอาหารอินนูลินนั้น จะพบมากในหัวของชิโครี  ซึ่งเป็นพืชในเมืองหนาว ที่เรานำใบมาทานเป็นผักสลัด  ส่วนหัวนำไปสกัดเป็นใยอาหาร  ซึ่งปัจจุบันมีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยคือ นูลิน ในรูปผงชงดื่ม รสส้ม ทั้งบรรจุกระป๋องและรูปแบบซอง  สะดวกในการใช้ เพียงแค่ชง 1 ซองผสมในน้ำเย็น รับประทานวันละ  1 แก้ว ก็ได้ทั้งคุณค่าของใยอาหาร  พรีไบโอติกส์ และยังช่วยเรื่องการขับถ่ายและดีท็อกซ์ด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเรื่องอินนูลิน หรือหนังสือเรื่อง  “สุขภาพดีเริ่มที่ลำไส้” โดย อ.รุจิรา สัมมะสุต สามารถติดต่อได้ที่ 081-6572351

767
news & activity / รุกตลาดบรรจุภัณฑ์
« on: September 18, 2010, 11:14:17 AM »


นายสนั่น อังอุบลกุล (ซ้าย) ประธานกรรมการ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์(SITHAI) และนายปริญช์ ผลนิวาศ กรรมการ เปิดแถลงข่าวถึงแผนงานของปี 2553 โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวม 5.7 พันล้านบาท พร้อมรุกตลาดสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเต็มที่ และขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอินเดีย ณ ห้องเรสซิเดนท์ โรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ

768
news & activity / เปิดจองแล้ว
« on: September 18, 2010, 11:12:26 AM »


 
เปิดจองแล้ว

ได้ฤกษ์เปิดให้จองซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานอย่าง บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ หรือ UAC ที่เสนอขายวันนี้ (30 กันยายน)เป็นวันแรก โดยเปิดให้จองซื้อ  IPO 30 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. วันที่ 1 ต.ค.และ 4 ต.ค. 2553 และพร้อมลุยเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันที่ 11 ต.ค.53 ซึ่งนักลงทุนสามารถจองซื้อ และสอบถามรายละเอียดได้ที่ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) บล.เคที ซีมิโก้ และ บล.ไอร่า ใครสนใจโทรได้เลย…

769
22 โรงแรมและรีสอร์ทไทยในกรุงเทพฯและภูเก็ต ติดอันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกโดย 13 โรงแรมและรีสอร์ทในกรุงเทพฯและภูเก็ตได้รับการชื่นชมในเรื่องงานบริการ ความหรูหรา และความคุ้มค่าส่วนอีก 9 แห่ง ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในฐานะรีสอร์ทติดทะเลที่สวยที่สุดบูติครีสอร์ทที่มีความโดดเด่นพิเศษ และที่พักในราคาประหยัด


 
 
HotelClub (โฮเต็ล คลับ) (www.hotelclub.com) เว็บไซต์ที่ให้บริการรับจองห้องพักอันดับหนึ่งของโลก มีความยินดีที่จะประกาศชื่อ พร้อมมอบรางวัล HotelClub Awards 2010 ให้แก่โรงแรมและรีสอร์ท 22 แห่ง ในฐานะที่ได้รับเลือกเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดจากประเทศไทย
 
HotelClub Hotel Awards เป็นหนึ่งในแผนงานของ HotelClub เพื่อจัดอันดับโรงแรมที่พักและมอบรางวัลให้กับโรงแรมและรีสอร์ที่ดีที่สุดในแต่ละประเทศ โดยรางวัลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ รางวัล Popular Destinations Awards (หรือโรงแรมที่ตั้งอยู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ) และรางวัล The Best Kept Secrets Awards (หรือโรงแรมที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่มีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ) โดยในรางวัล Popular Destinations ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย ได้แก่ ความคุ้มค่า (Outstanding Value) การบริการ (Outstanding Service) และความหรูหรา (Outstanding Luxury) ซึ่งในรางวัลประเภทนี้เป็นการยกย่องโรงแรมที่ตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง ส่วนรางวัล The Best Kept Secrets นั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทเช่นเดียวกัน ได้แก่ รีสอร์ทติดทะเลยอดเยี่ยม (Outstanding Beach Resort)  รีสอร์ทสไตล์บูติคยอดเยี่ยม (Outstanding Secluded Boutique Hotel) และ โรงแรม-ที่พักในราคาประหยัดยอดเยี่ยม (Top Hotel on a Shoe String Budget) ซึ่งรางวัลเหล่านี้ มอบให้กับโรงแรมและรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม ในปี ค.ศ. 2010
 
ในปีนี้ 13 โรงแรมและรีสอร์ทจากไทย ที่ได้รับรางวัล Popular Destinations ดังนี้
 
รางวัลการบริการยอดเยี่ยม-กรุงเทพฯ (Winners of the Outstanding Service category – Bangkok )
•         โรงแรมชาเทรียม สวีท กรุงเทพฯ อะ ดุสิตธานี พาร์ทเนอร์
•        โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ
•        โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส กรุงเทพฯ
 
รางวัลการบริการยอดเยี่ยม-ภูเก็ต (Winners of the Outstanding Service category – Phuket)
•        โรงแรมฮิลตันภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา
•        มูเว่นพิค รีสอร์ท แอนด์ สปา กะรนบีช ภูเก็ต
•        โรงแรม มิลเลนเนียม รีสอร์ท ป่าตอง ภูเก็ต
 
รางวัลความหรูหรายอดเยี่ยม-กรุงเทพฯ (Winners of the Outstanding Luxury category – Bangkok )
•        โรงแรมเลอ บัว แอท สเตท ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ
•        โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ
•         โรงแรมชาเทรียม สวีท กรุงเทพฯ อะ ดุสิตธานี พาร์ทเนอร์
 
รางวัลความคุ้มค่าในเรื่องราคายอดเยี่ยม-กรุงเทพฯ (Winners of the Outstanding Value category – Bangkok )
•        โรงแรมเทนเฟซ เซอร์วิส เรซซิเดนซ์ กรุงเทพฯ
•        โรงแรมเดวิส กรุงเทพฯ
•        โรงแรมปาร์คพลาซ่า สุขุมวิท กรุงเทพฯ
 
รางวัลความคุ้มค่าในเรื่องราคายอดเยี่ยม-ภูเก็ต (Winners of the Outstanding Value category – Phuket)
•        โรงแรมป๊อปปา พาเลซ ภูเก็ต
•        โรงแรมเมอร์เคียว ป่าตอง ภูเก็ต
•        โรงแรมฮิลตันภูเก็ต อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา
 
ในส่วนของรางวัล The Best Kept Secrets Awards ถึงแม้ว่า โรงแรมและรีสอร์ทชนะเลิศส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ทางภาคใต้ของไทย แต่ยังมีโรงแรมและรีสอร์ทจากรุงเทพฯ เชียงใหม่ และขอนแก่น ที่ส่อแววความโดดเด่น และสามารถคว้ารางวัลในประเภทนี้มาครองได้ โดยมีผู้ชนะได้แก่
 
รางวัลรีสอร์ทติดทะเลยอดเยี่ยม (Winners of the Outstanding Beach Resorts)
•        สันทิยา รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะพะงัน
•        รสานันดา รีสอร์ท เกาะพงัน
•        รวิวาริน เกาะลันตา รีสอร์ท แอนด์ สปา
 
รางวัลรีสอร์ทสไตล์บูติคยอดเยี่ยม (Winners of the Outstanding Secluded Boutiques category)
•        อ่าวนาง ภูเภตรา รีสอร์ท กระบี่
•        วิชชิ่งทรี รีสอร์ท ขอนแก่น
•        รายาวดี รีสอร์ท กระบี่
 
รางวัลโรงแรมหรือรีสอร์ทราคาประหยัดยอดเยี่ยม (Winners of the Top Hotel on a Shoestring Budget category)
•        แทงโก้ ไวแบรนท์ ลิฟวิ่ง เพลส กรุงเทพฯ
•        อารี ธารา รีสอร์ท กระบี่
•        โรงแรมมณีนาราคร เชียงใหม่
 
การคัดเลือกและการจัดอับดับผู้ชนะเลิศในทั้ง 2 ประเภทนั้น ได้ผ่านการประเมินและพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก HotelClub ซึ่งโรงแรมชนะเลิศในประเภท Popular Destinations นั้น ได้ถูกจัดอันดับจากแขกที่มาพักจริงที่ส่งผลโหวตมาทางเว็บไซต์ www.hotelclub.com 
 
โรงแรมชนะเลิศและผู้เข้ารอบในแต่ละประเภทจะได้รับประกาศนียบัตรสวยหรู เพื่อนำไปติดตั้งในล๊อบบี้ หรือบริเวณส่วนต้อนรับของโรงแรม นอกเหนือจากนี้ ทางโรงแรมจะได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมด้านการตลาดกับ HotelClub ตลอดช่วง 12 เดือนข้างหน้า
 
ขั้นตอนการคัดเลือกและจัดอันดับหาโรงแรมหรือรีสอร์ทชนะเลิศในแต่ละประเภทนั้น กระทำโดยนำชื่อโรงแรมหรือรีสอร์ที่ได้รับการเสนอชื่อลงในเว็บไซต์ของ HotelClub ภายใต้หัวข้อ www.hotelclub.com/hotel-awards/ ซึ่งในแต่ละครั้งที่มีการลงคะแนน ทาง HotelClub จะรวบรวมคะแนนจนได้โรงแรมชนะเลิศ ทาง HotelClub  ได้ทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมดังกล่าวทาง Social Network ต่าง ๆ อาทิ Facebook และ Twitter กิจกรรมการมอบรางวัลในครั้งนี้ ท้ายสุดแล้ว ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือนักท่องเที่ยว ที่สามารถรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของโรงแรมมากขึ้นก่อนที่จะทำการจอง และยังสามารถรับคะแนนสะสม (HotelClub Member Dollars) ใน HotelClub Rewards Program ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการจองครั้งต่อไป
 
มร. ทิมเมอร์ตี้ ฮิวเจส (Timothy Hughes) รองประธานฝ่าย Hotel Services ประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิค ได้กล่าวถึงการมอบรางวัลในครั้งนี้ว่า “ในนามของ HotelClub ผมขอแสดงความยินดีต่อผู้ที่ได้รับรางวัล Hotel Awards ประจำปี 2010 โรงแรมที่ได้รับการยกย่องในปีนี้ ได้ผ่านการคัดเลือกและจัดอันดับอย่างเข้มงวด โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางด้านงานบริการทางโรงแรมจาก HotelClub และจากผลโหวตของลูกค้าที่ได้ไปพักจริงโดยผ่านเว็บไซต์ของเรา ทางเรามีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนและร่วมมือกับโรงแรมชนะเลิศเหล่านี้ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าและตลอดไป”
 
เกี่ยวกับ HotelClub.com
HotelClub เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ชั้นนำของโลกที่ให้บริการรับจองห้องพักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ รอบโลก ซึ่งสามารถทำการจองได้ถึง 12 เดือนล่วงหน้า ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1996 HotelClub มีห้องพักในระดับต่าง ๆ ให้เลือกกว่า 69,000 ห้อง ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ กว่า 7,300 เมือง ใน 138 ประเทศ โดยรายละเอียดการบริการและข้อมูลการจองได้ถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ถึง 14 ภาษา และสามารถจองห้องพักผ่านเว็บต่าง ๆ ถึง 3 เว็บด้วยกัน ได้แก่ HotelClub.com, RatesToGo.com  และ AsiaHotels.com.

770


บัตรเครดิตกรุงศรีและเซ็นทรัล เครดิตคาร์ด จัดแคมเปญพิเศษ มอบส่วนลดสูงสุด 50 % พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมาย  แก่ลูกค้าในงานเทศกาลอาหาร  Taste it all @ Ratchaprasong
 
นายสุขดี จงมั่นคง  (ที่ 2 จากซ้าย ) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด นายมนตรี สิทธิญาวณิชย์ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส  จำกัด นายชาย ศรีวิกรม์ (กลาง) นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์  ร่วมเปิดงาน เทศกาลอาหารTaste it all @ Ratchaprasong เป็นปีที่ 4 โดยผนึก 2 พันธมิตร บัตรเครดิตชั้นนำในเครือกรุงศรี ประกอบด้วย บัตรเครดิตกรุงศรี และเซ็นทรัล เครดิตคาร์ด โดยมอบส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50 % สำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่าน บัตรเครดิตกรุงศรี และยังได้รับสิทธิในการเข้าร่วมอิ่มอร่อยกับเมนูที่รังสรรค์โดย 5 เชฟระดับโลกและไวน์ชั้นดีจากห้องอาหารชั้นเลิศของโรงแรมห้าดาว และร้านอาหารชั้นนำกว่า 40 ร้าน และกิจกรรมพิเศษ เช่น การชิมไวน์ ที่  คัดสรรมาอย่างดีคู่กับ Signature Dish จาก 5 เชพระดับโลก พร้อมเวิร์คช็อปทำเบเกอรี่  ซึ่งเทศกาลดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ วันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2553

771


   
องค์กรธุรกิจต่างๆ ในไทย กำลังได้รับข้อเสนอที่เป็นโอกาสทอง ที่จะทำให้วางใจได้ว่า ซอฟต์แวร์ สินทรัพย์ทางธุรกิจประเภทหนึ่งที่ใช้กันอยู่ภายในองค์กรธุรกิจนั้น ได้รับการตรวจสอบและจัดการอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดทางกฏหมาย

ในงานแถลงข่าววันนี้ กลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ หรือ บีเอสเอ ได้ประกาศเปิดตัวโครงการรณรงค์ตัวใหม่ โดยมีชื่อแคมเปญว่า “โอกาสทอง ร่วมใจใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ถูกต้อง” ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์ให้องค์กรธุรกิจเร่งตรวจสอบและจัดการซอฟต์แวร์ภายในองค์กร และประชาสัมพันธ์ให้องค์กรธุรกิจตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วน โดยจะมอบรางวัลให้แก่องค์กรธุรกิจที่มีการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วน  หนึ่งในองค์กรธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ “โอกาสทอง ร่วมใจใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ถูกต้อง” มีสิทธิ์เป็นองค์กรธุรกิจที่โชคดีได้รับรางวัลเป็นประกาศนียบัตรทองคำมูลค่า 99,999 บาท ในกรณีที่ใช้ซอฟต์แวร์มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วน  โดยจะมีการจับรางวัลเพื่อหาองค์กรธุรกิจผู้โชคดีที่เข้าร่วมแคมเปญในครั้งนี้

องค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วนมีสิทธิที่จะได้รับรางวัลดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น องค์กรธุรกิจทั้งหมด ที่กรอกแบบสอบถาม และส่งกลับเข้าร่วมโครงการ “โอกาสทอง ร่วมใจใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ถูกต้อง” ภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2553 จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากบีเอสเอ ด้วย
วัตถุประสงค์ของแคมเปญนี้ คือ สร้างสรรค์ความร่วมมือกับองค์กรธุรกิจ เพื่อลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทย



“องค์กรธุรกิจต่างๆ นั้น มีโอกาสทองที่จะทำให้การใช้ซอฟต์แวร์ในองค์กรเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ”  คุณวารุณี รัชตพัฒนกุล ที่ปรึกษาของบีเอสเอประจำประเทศไทย กล่าว “สามสิบวันต่อจากนี้ไป จะเป็นโอกาสที่ดี ที่องค์กรธุรกิจจะตรวจสอบและจัดการการใช้ซอฟต์แวร์ให้มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วน และยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรทองคำอีกด้วย”
 
องค์กรธุรกิจสามารถเข้าไปกรอกแบบสอบถาม ได้ที่ www.stop.in.th หรือ ส่งแบบสอบถามดังกล่าวทางอีเมล์มายัง info@stop.in.th  โดย กำหนดหมดเขตส่งแบบสอบถามภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2553

โครงการรณรงค์ลักษณะนี้ ถือเป็นโครงการแรกที่จัดขึ้นโดยอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทย  องค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วนจะได้รับประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ และความปลอดภัยของข้อมูลธุรกิจที่สำคัญ จากการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วน
ในขณะที่ บริษัทที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือมีสิทธิในการใช้ (ไลเซ็นต์) ไม่ครบจำนวนที่จำเป็นต้องใช้ ต้องเผชิญกับปัญหาทางเทคนิคต่างๆ ประสิทธิภาพในการทำธุรกิจที่ลดลง และความเสี่ยงที่จะทำผิดพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์  

องค์กรธุรกิจใดที่ต้องการทราบว่าองค์กรของตนใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หรือที่ต้องการทราบว่าองค์กรของตนกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อยู่หรือไม่นั้น สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเครื่องมือตรวจสอบและจัดการซอฟต์แวร์ฟรีได้ที่ www.bsa.co.th.   ผู้จัดการแผนกไอที และที่ปรึกษาในองค์กรของท่าน ยังสามารถช่วยบอกได้ว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่มีลิขสิทธิ์ หรือได้รับอนุญาตให้ใช้ (ไลเซ็นต์) อย่างถูกต้องครบถ้วนหรือไม่

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา  มีองค์กรธุรกิจเป็นจำนวนมาก ที่ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องครบถ้วน โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 อัตราการระเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนพีซีในประเทศไทย ลดลงจากร้อยละ 80 มาอยู่ที่ร้อยละ 75    ทั้งนี้ บีเอสเอขอแสดงความชื่นชมต่อการทำงานอย่างจริงจัง และไม่ลดละความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสืบสวน ตรวจจับ และบังคับใช้กฏหมาย กับผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ อย่างต่อเนื่อง แทบจะเรียกได้ว่าทุกทุกสัปดาห์ ส่งผลให้มีองค์กรธุรกิจเป็นจำนวนไม่น้อย ที่ถูกตรวจค้นและพบว่ามีการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

คุณวารุณีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้องค์กรธุรกิจต่างๆ ได้มีความตระหนักเกี่ยวกับคุณค่าที่ได้รับจากการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องครบถ้วนกันมากขึ้น ประกอบกับทางกระทรวงพาณิชย์ และกรมทรัพย์สินทางปัญญาเอง ได้เดินหน้าอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นเรื่องลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์มากขึ้น

โครงการ “โอกาสทอง ร่วมใจใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ถูกต้อง” เป็นโครงการที่ดี ทั้งยังยกย่อง และให้ความสำคัญแก่องค์กรธุรกิจ ที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” กล่าวโดยคุณวารุณี  “เราควรระลึกเสมอว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่ลดลงนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจและภาพพจน์ของประเทศไทย เราหวังว่าองค์กรธุรกิจทุกแห่งในประเทศไทยจะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวนี้”

เกี่ยวกับบีเอสเอ
สมาชิกบีเอสเอรวมถึง อโดบี, อจิเล้นท์ เทคโนโลยีส์, อัลเตียม, แอปเปิ้ล, อควาโฟล,เออาร์เอ็ม, อาร์ฟิก เทคโนโลยี,               ออโต้เดสค์, ออโต้ฟอร์ม, อวีวา, เอวีจี,  เบนลี่ ซิสเต็มส์, ซีเอ,คาเดนส์, ซิสโก้ ซิสเต็มส์,  ซีเอ็นซี/มาสเตอร์แคม, คอเรล,       แดสเซิลท์ ซิสเต็มส์ โซลิดเวิร์คส์ คอร์ปอเรชั่น,  เดลล์, เอ็มบาร์คาเดโร, ฟรอนท์ไลน์ พีซีบี โซลูชั่นส์ – ในเครือบริษัท         ออร์โบเท็ค  วาเลอร์, เอชพี, ไอบีเอ็ม, อินเทล, อินทุธ, แคสเปอร์สกาย แล็บ,  แมคอาฟี, ไมโครซอฟท์, มินิแท็บ,                       พาราเม็ทตริกซ์ เทคโนโลยี คอร์เปอเรชั่น,โปรเกรส, ควาร์ค, เควสท์ ซอฟต์แวร์, โรเซ้ตต้า สโตน, เอสเอพี, ซีเมนส์, ไซเบส, ไซแมนเทค,ซินนอปซิส,  ไทยซอฟท์แวร์เอ็นเตอร์ไพร์ส และ เดอะ แมธเวิร์กส์



772
ข่าว gossip มหกรรมเครื่องเล่นมหาสนุก

   ชอบเรื่องผจญภัยเป็นชีวิตจิตใต “แน็ค-ชาลี” เลยชวน 2 พี่ชายสุดซี้ “ซัน-ประชากร” และ “ซูกัส-บัณฑวิช” ไปพิสูจน์ความกล้า ท้าความเสียว กับเครื่องเล่นสุดมันส์ ในมหกรรมเครื่องเล่นมหาสนุก วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553 เวลา 17.00 น. ที่พลัส มอลล์ ศรีนครินทร์


773
QLT เดินหน้าคว้างานใหม่ทั้งในและตปท.ลั่นรายได้ปี 54 โตไม่ต่ำกว่า 20%

บมจ.ควอลลีเทค เดินหน้าคว้างานทั้งในและต่างประเทศ พร้อมรอลุ้นงานประมูลท่อก๊าซเส้นที่ 4 (ส่วนที่ 2) ปลายปีนี้ มั่นใจแม้เศรษฐกิจซบแต่ธุรกิจทดสอบ-ตรวจสอบยังมีความจำเป็น พร้อมเตรียมขยายพื้นที่สำนักงานในระยอง และเร่งจับมือสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัดพัฒนาหลักสูตรปั้นบุคลากรเพิ่ม มั่นใจปี 53 รายได้โตได้ใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 279.71 ล้านบาท ส่วนปี 54 เห็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 20%

นายสรรพัชญ์   รัตคาม  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) หรือ QLT ผู้ให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การทดสอบแบบไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing) ตรวจสอบและรับรองคุณภาพ (Inspection & Certification) ของถังเก็บ ระบบท่อ และอุปกรณ์นิรภัยของเชื้อเพลิงทุกประเภท เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2553 บริษัทจะเน้นเข้าประมูลงานทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง   โดยในส่วนของงานประมูลท่อก๊าซเส้นที่ 4 (ส่วนที่ 2) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มูลค่า 140 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลประมูลผู้รับเหมาภายในปลายปี 2553 และมั่นใจว่าบริษัทฯ มีโอกาสจะได้รับงานดังกล่าวกว่า 80%

สำหรับงานในต่างประเทศนั้น  อาทิ งานตรวจสอบท่อก๊าซในพม่า และงานของเชฟรอน ในประเทศบังคลาเทศ รวมถึงอีกหลายประเทศที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการเจรจา ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท

“ที่ผ่านมาเราเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากลูกค้าใหม่แล้วฐานลูกค้ากลุ่มเดิมก็ยังมีเข้ามา ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ จะรับงานที่มีมาร์จิ้นอยู่ในระดับที่ดี ควบคู่ไปกับการให้บริการที่มีคุณภาพ” นายสรรพัชญ์ กล่าว 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายพื้นที่สำนักงานใหญ่ที่จังหวัดระยองให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับพนักงานที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท   รวมทั้งยังร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัดในการเข้าไปวางหลักสูตรการเรียน การสอน และฝึกอบรมในภาคปฏิบัติให้กับนักศึกษาระดับปวช. ปวส. และปริญญาตรี  เพื่อที่จะผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพรองรับตลาดแรงงานด้านนี้ที่ยังขาดแคลน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2553 และครึ่งปีหลัง 2553 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2553 ที่มีกำไรสุทธิ 7.12 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.08 บาท และในช่วงครึ่งปีแรก 2553 เนื่องจากยังมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งปี 2553 บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 279.71 ล้านบาท และมีมาร์จิ้นเติบโตไม่น้อยกว่า 15-16% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่าหากภาวะเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น จะส่งผลให้รายได้ในปี 2554 กลับมาเติบโตไม่ต่ำกว่า 20 %

“แนวโน้มรายได้ของบริษัททั้งปี 2553 จะยังมีการเติบโตแต่คงไม่หวือหวา  ซึ่งงานทดสอบส่วนใหญ่ยังคงอิงอยู่กับการขยายตัวของงานก่อสร้าง  และอุตสาหกรรมต่าง ๆ   ในขณะที่งานด้านการตรวจสอบ ลูกค้าจะใช้บริการก็ต่อเมื่อต้องการถึงปลอดภัยเป็นหลัก  ตลอดจนกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ทางภาครัฐออกมา ซึ่งหลังกรณีมาบตาพุดก็คาดว่าจะส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท” นายสรรพัชญ์ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากงานในประเทศ   95 %  และต่างประเทศ 5 %   โดยมีฐานลูกค้ากลุ่มหลัก ๆ ในกลุ่มปิโตรเคมี  พลังงาน และก๊าซ  ได้แก่  ESSO  UNIMIT  CHEVRON  IRPC  SCG รวมทั้งกลุ่มบริษัทในเครือปตท.  เป็นต้น

774
“ซาบีน่า” และ “เมืองไทยประกันชีวิต” ส่งความห่วงใยให้ผู้หญิงผ่านแคมเปญ “เป็นมะเร็งเต้านมก็ยิ้มได้ ซาบีน่าฝากให้ เมืองไทยประกันชีวิตดูแล”แจกประกันชีวิตคุ้มครองมะเร็งเต้านมฟรี 100 กรมธรรม์ทั่วประเทศ


บุคคลในภาพเรียงตามลำดับ (จากซ้ายไปขวา)
1. นางพิตราภรณ์  บุณยรัตพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
2. นายวชิระพล เขมนิพิฐพนธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
3. นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
4. นัท มีเรีย เบนเนเด็ตตี้
5. นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)
6. นายอมรเทพ  อสีปัญญา ผอ.ฝ่ายขายและการตลาดในประเทศบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน)
7. นางสาวปิติภัทร จิตณาธรรม ผอ.ฝ่ายส่งเสริมความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด

“ซาบีน่า” มุ่งมั่นสานต่อเจตนารมย์ในการเติมเต็มความห่วงใยและดูแลสุขภาพผู้หญิง สานต่อโครงการ “Sewing Cup Sewing Heart – บราเติมใจ คืนกำไรให้สังคม” ครั้งแรกที่ให้ความคุ้มครองโรคมะเร็ง    เต้านมแก่ผู้หญิงทั่วประเทศ กับการจับมือกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จัดแคมเปญ        “เป็นมะเร็งเต้านมก็ยิ้มได้ ซาบีน่าฝากให้ เมืองไทยประกันชีวิตดูแล” มอบฟรี “กรมธรรม์คุ้มครองโรคมะเร็งเต้านม” กรมธรรม์ที่ให้การดูแลครอบคลุมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมอย่างครบถ้วน ให้กับทั้งสมาชิกซาบีน่าคลับ สมาชิกเมืองไทย Smile Club และบุคคลทั่วไป จำนวนทั้งสิ้น 100 กรมธรรม์ กรมธรรม์คุ้มครองรวมมูลค่า 20 ล้านบาท เพื่อมอบหลักประกันและเติมเต็มรอยยิ้มในชีวิตให้แก่ผู้หญิงไทย     ทั่วประเทศ โดยหญิงสาวสามารถลุ้นเป็นหนึ่งในร้อยผู้โชคดีที่ได้รับกรมธรรม์ฟรีได้ง่ายๆ เมื่อมียอดซื้อสินค้าภายใต้ แบรนด์ซาบีน่าครบทุก 1,500 บาทระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึง 21 พฤศจิกายน 2553    ณ จุดขายซาบีน่าทุกแห่งทั่วประเทศ

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมชุดชั้นในสตรี ซาบีน่าเล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคร้ายที่อาจจะเกิดกับผู้หญิงมาโดยตลอด  ซาบีน่าจึงได้จัดโครงการต่างๆ ขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ผู้หญิงไทยใส่ใจในเรื่องการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งเต้านมอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเดินสายรณรงค์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมให้แก่ประชาชนทั่วทุกภาค และการจัดโครงการ “Sewing Cup Sewing Heart – บราเติมใจ...คืนกำไรให้สังคม” ซึ่งซาบีน่าร่วมกับ 4 ภาคีพันธมิตรเชิญชวนลูกค้าใจดีของซาบีน่ามาร่วมทำบุญ เย็บเต้านมเทียมจำนวน 2,000 เต้า เพื่อมอบให้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ขาดแคลนกำลังทรัพย์ ที่จัดขึ้นในปีที่ผ่านมา

นายบุญชัย กล่าวว่า “จากความสำเร็จของโครงการ Sewing Cup Sewing Heart ทำให้ “ซาบีน่า” ยิ่งเชื่อมั่นในแนวคิดในการมอบความห่วงใยและใส่ใจสุขภาพผู้หญิงไทยทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของการสานต่อโครงการฯ    โดยในปีนี้ซาบีน่าได้ร่วมมือกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จัดแคมเปญ “เป็นมะเร็งเต้านมก็ยิ้มได้     ซาบีน่าฝากให้ เมืองไทยประกันชีวิตดูแล” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยห่างไกลจากมะเร็งเต้านมมากที่สุด ตลอดจนต้องการมอบรอยยิ้มและหลักประกันในชีวิตจากภาวะความเสี่ยงที่ผู้หญิงมักถูกคุกคามจากมะเร็งเต้านมและโรคร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหญิงไทยที่ต้องเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมเป็นจำนวนมากขึ้นทุกวัน”


ทั้งนี้ แคมเปญ “เป็นมะเร็งเต้านมก็ยิ้มได้ ซาบีน่าฝากให้ เมืองไทยประกันชีวิตดูแล” จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึง 21 พฤศจิกายน 2553 นี้ โดยผู้สนใจสามารถมีส่วนร่วมลุ้นเป็น 1 ใน 100 ผู้หญิงโชคดีได้ง่ายๆ เพียงมียอดใช้จ่ายซื้อสินค้าแบรนด์ซาบีน่าครบทุก 1,500 บาท ณ จุดจำหน่ายสินค้าซาบีน่าทุกแห่งรวมกว่า 400 จุดทั่วประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับคูปองลุ้นรับสิทธิ์เป็น 1 ใน 100 ผู้โชคดีได้รับกรมธรรม์ฟรี และพิเศษยิ่งขึ้นกว่าใคร สำหรับสมาชิกผู้ถือบัตรซาบีน่าคลับการ์ด บัตรเมืองไทยสไมล์การ์ด บัตรเมืองไทยแพลทินัมการ์ด และบัตรเมืองไทยเพรจทีจการ์ด ได้รับสิทธิ์เพิ่มเท่าตัวด้วยจำนวนคูปอง 2 ใบต่อยอดใช้จ่ายซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” ครบทุก 1,500 บาท จำนวนทั้งสิ้น 100 กรมธรรม์ กรมธรรม์คุ้มครองรวมมูลค่า 20 ล้านบาท

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ซาบีน่าและเมืองไทยประกันชีวิตสร้างสรรค์แคมเปญ “เป็นมะเร็งเต้านมก็ยิ้มได้ ซาบีน่าฝากให้ เมืองไทยประกันชีวิตดูแล” ขึ้นในครั้งนี้เพื่อตอบแทนลูกค้าและสังคม ด้วยการมอบหลักประกันในชีวิตซึ่งให้ความคุ้มครองครอบคลุมมะเร็งเต้านมและโรคร้ายแรงของผู้หญิงโดยเฉพาะจากบริษัทประกันชีวิตทีมีคุณภาพและโดดเด่นทางด้านบริการอย่างเมืองไทยประกันชีวิต โดยนับเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการมอบความห่วงใยในสุขภาพผู้หญิง ควบคู่ไปกับกิจกรรมอื่นๆ ที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงตระหนักในการดูแลสุขภาพตนเอง ให้ห่างไกลจากภัยมะเร็งเต้านม

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศหญิงเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วไม่เพียงบั่นทอนสุขภาพและสภาวะจิตใจ แต่ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการรักษาอีกด้วย ซึ่ง “กรมธรรม์คุ้มครองโรคมะเร็งเต้านม” เป็นกรมธรรม์ที่ให้การดูแลครอบคลุมผู้ป่วยมะเร็งเต้านมอย่างครบถ้วนที่ผู้โชคดีทั้ง 100 ท่านจะได้รับการคุ้มครองระยะเวลา 1 ปีด้วยทุนประกัน 200,000 บาทต่อกรมธรรม์ โดยไม่เพียงแต่คุ้มครองการเสียชีวิต แต่ยังให้ความคุ้มครองอาการเจ็บป่วยจากโรคมะเร็งเต้านมและครอบคลุมไปถึงโรคร้ายแรงเฉพาะสตรีอีก 3 โรคด้วย

“ทางเมืองไทยมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับซาบีน่า เพราะทั้งเมืองไทยประกันชีวิตและซาบีน่า       มีเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งช่วยเหลือสังคมและผู้หญิงไทยทั้งประเทศ การร่วมมือกันครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มความมั่นใจให้กับสมาชิกเมืองไทย Smile Club ที่เป็นผู้หญิงยุคใหม่ ได้วางแผนเพื่อสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เพราะเมืองไทยประกันชีวิตมีความตั้งใจและตระหนักถึงสุขภาพของสตรีไทยที่ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรงนี้ เพื่อเป็นการเตรียมรับมือกับโรคมะเร็งเต้านมที่นับได้ว่าเป็นโรคที่มีอัตราเกิดขึ้นสูงมากในปัจจุบัน ทั้งนี้สำหรับความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ของเมืองไทยประกันชีวิตและซาบีน่า นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความร่วมมือที่ช่วยเหลือสังคม และพร้อมที่จะขยายไปสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไปเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของเรา   อีกทั้งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์แห่งความสุขและรอยยิ้มของทั้ง 2 องค์กรเพื่อสตรีไทยอีกด้วย”     นายสาระ กล่าว
 
นัท มีเรีย เบนเนเด็ตตี้ ตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่ใส่ใจกับภัยมะเร็งเต้านม กล่าวว่า “นัทรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการกระตุ้นเตือนให้ผู้หญิงทั่วประเทศหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะเราไม่ทราบว่าร่างกายของเรานั้นมีภัยร้ายใดๆ ซุกซ่อนอยู่หรือไม่ การตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะภัยร้ายอย่างมะเร็งเต้านมที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงไทยเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ และนอกจากการหมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอแล้ว      นัทอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอรวมถึงการทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ ลดภาวะความตึงเครียดในชีวิตประจำวันก็จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมลงได้”

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถลุ้นเป็นผู้โชคดีรับกรมธรรม์ฟรีได้ง่ายๆ เพียงซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ซาบีน่าครบทุก 1,500 บาท รับคูปองชิงโชคและกรอกรายละเอียดส่วนตัวลงบนคูปองแล้วส่งชิงโชคในกล่อง ณ จุดขาย โดยบริษัทจะทำการจับรางวัลผู้โชคดีในวันที่ 14 ธันวาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Sabina Call Center 0 2422 9430 หรือ 1766 เมืองไทย Smile

775


เอชทีซี เอาใจคอหนัง เปิดบริการใหม่ MyHTC Movie ดูหนังฟรี! เดือนละเรื่อง

เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดบริการใหม่ MyHTC Movie หนึ่งในบริการหมวด Entertainment บนบริการ MyHTC ให้ผู้ใช้งานที่มี MyHTC ทุกคนได้ดูหนังฟรีเดือนละ 1 เรื่อง ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ พารากอนซีนีเพล็กซ์ เอสพานาดซีนีเพล็กซ์ อีจีวี และพาราไดซ์ซีนีเพล็กซ์  ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2553

   เพียงคุณมีบริการ MyHTC ทางเอชทีซี เพิ่มบริการใหม่เอาใจคนรักหนัง คือ MyHTC Movie ให้คุณคลิ้กติดตั้ง หลังจากนั้น ถ้าต้องการชมภาพยนตร์ให้เลือกเรื่องที่ต้องการ และเลือกโรงภาพยนตร์ จากนั้นเลือกกดรอบฉายที่ต้องการชม เพื่อขอรหัสโปรโมชั่นจากเอชทีซี ไทยแลนด์ โดยผู้ใช้ทุกท่านควรกดขอรหัสโปรโมชั่นที่หน้าช่องขายตั๋ว เพราะรหัสจะแสดงขึ้นมาเพียงชั่วคราวเท่านั้น และสิทธิพิเศษนี้ใช้ได้ 1 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น     

บริการ MyHTC คือบริการใหม่เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้เอชทีซีเท่านั้น ประกอบด้วย 1) Chat & Share 2) Library 3) Entertainment  และ 4) News & Service

   สำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่มีบริการ MyHTC ผู้ใช้เอชทีซี แอนดรอยด์โฟนทุกรุ่น สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://myhtcsite.com/apk/  พร้อมอีเมล์เข้ามาขอ shop id ในการติดตั้งได้ที่ htc_care@htc.om และสำหรับผู้ใช้วินโดวส์ โฟน และแพลตฟอร์มบรูว์ อดใจรอ เร็วๆ นี้

776


คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง ชาแนล ถึงเลือกใช้โลโก้สี ขาว ดำ และทำไมนักธุรกิจถึงต้องใส่สูทดำ หลายท่านคงมีคำตอบในใจแล้ว แน่นอนว่าเมื่อเอ่ยถึงสีสุดเบสิค คงปฏิเสธไม่ได้ว่า    สีดำ – ขาว จะเป็นสีพื้นฐานที่อยู่ในใจ เพราะนอกจากจะเรียบง่ายแล้ว ยังส่งเสริมบุคลิคของผู้สวมใส่ให้ดูดีมีสไตล์ในแบบของตัวเอง และในทางจิตวิทยา สีสามารถสะท้อนอารมณ์ ความรู้สึก ตัวตนของผู้ที่สวมใส่ได้     จึงไม่แน่แปลกใจหากทฤษฏีสีนี้ถูกนำมาใช้ ไม่เว้นแม้แต่กับ Accessories อย่างนาฬิกา ไซโก ผู้นำนวัตกรรมเครื่องบอกเวลาจากประเทศญี่ปุ่น จึงจับเทรน Black or White ผสานเข้ากับ Sport Style ในแบบของ “ซามูไร ชูริเคน” ได้อย่างลงตัว

สำหรับเหล่าแฟนคลับ ซามูไร ชูริเคน คงถูกใจเป็นพิเศษ เพราะล่าสุด! ไซโก เผยโฉม “ซามูไร ชูริเคน” 2 สีใหม่ ที่สะท้อนความเป็นตัวตนในแบบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความสง่างามและทรงพลังในแบบ BLACK และความสะอาด บริสุทธิ์ในสไตล์ WHITE ที่สามารถ Mix & Match กับสไตล์การแต่งตัวของคุณในทุกวันได้อย่างง่ายดายพร้อมแฝงความเป็นสปอร์ตแมนตามสไตล์ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถดำน้ำลึกถึง 200 เมตร, Diashock เทคโนโลยีป้องกันแรงกระแทกเมื่อกระทบผิวน้ำ และลูมิไบร์ทแสดงเวลาชัดเจนแม้จะอยู่ในสภาพแสงน้อย เห็นแบบนี้คุณหนุ่มๆทั้งหลายไม่ควรพลาด

ร่วมสัมผัสความสง่างามและเป็นเจ้าของซามูไร ชูริเคน Black or White ได้แล้ววันนี้ที่เคาเตอร์ไซโก้   ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

777


แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ เปิดบริการ “ศูนย์โภชนาการนมแพะดีจี”สายด่วนเพื่อสุขภาพแม่และเด็ก

บริษัท แปซิฟิค เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดให้บริการ “ศูนย์โภชนาการนมแพะดีจี” สายด่วนเพื่อสุขภาพแม่และเด็ก เพื่อให้คำปรึกษาและคำแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการดูแลเด็กทารกแก่ ประชาชนทั่วไป โดยทีมโภชนากรผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาคอยให้บริการตอบคำถามและไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกนม   ให้เหมาะกับการเลี้ยงดูบุตรในวัยต่างๆ เพื่อให้มีพัฒนาการในการเจริญวัยอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อศูนย์โภชนาการนมแพะดีจี  “สายด่วน เพื่อสุขภาพแม่และเด็ก” ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2683-3394-6 ทุกวันทำการตั้งแต่เวลา 8.15 – 17.15 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dgsmartmom.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  


778
บลจ.กรุงไทยเปิดขายกองทุนRMFลงทุนทองคำ จัดโปรโมชั่นรับมันนี่มาร์เก็ตสูงสุด1.3หมื่นบาท

            นายสมชัย     บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า     บริษัทได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่สามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษี  จึงได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม  โกลด์  เพื่อการเลี้ยงชีพ  ( KT- GOLD RMF )    ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 5  ตุลาคม  2553     ราคา IPO ที่ 10.00  บาท   และ เงินลงทุนขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 500  บาท    มูล่าโครงการ 2,000 ล้านบาท     เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR  ® Gold   Trust  (กองทุนรวมหลัก)  เพียงกองทุนเดียว   โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ  80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน    โดยกองทุนรวมหลัก  จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสวิสเซอร์แลนด์  และบริหารจัดการโดย   World Gold    Trust    Services, LLC     กองทุนรวมหลัก    มีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง  เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ

          นอกจากนี้  กองทุนดังกล่าว ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  นิวยอร์ก  ญี่ปุ่น   ฮ่องกง   และสิงคโปร์    ซึ่งบริษัทจัดการจะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าว  ในตลาดหลักทรัพย์  ประเทศ สิงคโปร์   และใช้สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ      ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก     หรือตราสารหนี้ทั่วไป  หรือเงินฝากในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย  ที่มีอายุตราสารหรือสัญญา   หรือระยะเวลาการฝากเงิน  แล้วแต่กรณี ต่ำกว่า 1 ปี  เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับดำเนินงานของกองทุน   รอการลงทุนในต่างประเทศ   หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน    ตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด     กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ 

           นายสมชัย  กล่าวต่อไปว่า   ทองเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดประเภทหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาทองปรับตัวขึ้นมาก  จากประมาณ $400/oz ในปี 2547 มาอยู่ที่ประมาณ $1,200/oz ในปัจจุบัน (7,500 บาท/ทอง 1 บาท มาเป็น 18,500 บาท/ ทอง 1 บาท) ซึ่งผู้ซื้อทอง หรือผู้ลงทุนในทองในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้กำไรถึงร้อยละ 200 ซึ่งเป็นระดับกำไรที่สูงมาก เมื่อลองเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น (SET Index) ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 40 

                  ทั้งนี้  ถึงแม้ว่า ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นมากแล้ว  ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับราคาทองในอนาคต  ราคาทองมักถูกผลักดันจากปัจจัยพื้นฐานหลายปัจจัย ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงินดอลล่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ความต้องการลงทุนของนักลงทุน และความต้องการลงทุนเพื่อเป็นเงินทุนสำรองของธนาคารกลาง   

              ปัจจัยทางด้านภาวะเศรษฐกิจ   โดยปรกติแล้วราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หรือความเสี่ยงของประเทศ (Economic and Sovereign Risks) ราคาทองปรับตัวขึ้นจาก$650/oz เป็น $950/oz ในปี 2550 จากความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ   และได้มีการปรับตัวขึ้นจาก $1,090/oz เป็น $1,230/oz ในช่วงต้นปี 2553 จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ภาครัฐในยุโรป  คาดการณ์ว่า ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจน่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก    และการลงทุนระยะยาวในกองทุนทองคำถือเป็นการกระจายสินทรัพย์ในการลงทุนอีกด้วย 

         ในโอกาสนี้  บริษัทได้จัดโปรโมชั่น สำหรับผู้ลงทุนในกองทุนประเภท RMF  และ LTF  โดยลงทุนตั้งแต่วันที่2 มกราคม -30 ธันวาคม 2553  จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์  มูลค่าสูงสุด 13,000 บาท  และ หากลงทุนในโครงการ Wealth  Plus   โดยหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ หรือตัดผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เป็นรายเดือน   โดยมียอดหักบัญชีรวม  ตั้งแต่ 30,000 บาท  ขึ้นไป  รับเพิ่มกระเป๋าพับเอนกประสงค์

779
ใกล้หมดเขตแล้ว !!! หนุ่มใหญ่ไม่ควรพลาด ฟุตบอล 7 คน ชิงถ้วย “S-ONE Cup 2010” 

                    เพียงอีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตรับสมัครแล้ว...สำหรับหนุ่มใหญ่ที่ยังไฟอยู่ และ     ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลไม่ควรพลาดงานนี้เด็ดขาด...กับการแข่งขันฟุตบอล 7 คน อายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป “S-ONE CUP 2010” (เอส-วัน คัพ 2010) ชิงเงินรางวัลกว่า 20,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ โดยกำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2553 เริ่มทำการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2553 

                   อ้าว !!! หนุ่มใหญ่แก๊งไหนสนใจ รีบสอบถามข้อมูล หรือสมัครได้ที่สนามฟุตบอลเอส-วัน ถนนบางนา-ตราด กม.4 โทร 02-746-7433 หรือ www.s-one.in.th รีบสมัครกันหน่อยนะ เพราะงานนี้เขารับเพียง 16 ทีมเท่านั้น !!!

780
UAC เสนอขายหุ้นละ 4 บาท เปิดจอง 30 ก.ย. และ 1 , 4 ต.ค.

กรุงเทพ-บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ ขายหุ้น IPO จำนวน 30ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4 บาท ตั้ง บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นแกนนำและรับประกันขายหุ้น พร้อมดึง บล. เคที ซีมิโก้ และบล. ไอร่า ร่วมเป็น Co-Underwriter คาดเปิดจองซื้อหุ้นได้ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. และ วันที่ 1, 4 ต.ค.นี้ จ่อคิวเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ประมาณ 11 ต.ค.นี้

นายกิตติ  ชีวะเกตุ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด(มหาชน) หรือ UAC ผู้นำเข้าและจำหน่ายสารเคมี และอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน โรงปิโตรเคมี โรงผลิตน้ำมันหล่อลื่น โรงงานอุตสาหกรรมโพลิเมอร์ และพลาสติก โรงงานอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ โรงไฟฟ้า และสาธารณูปโภค เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นละ 4 บาท ในระหว่างวันที่ 30 กันยายน วันที่ 1 และ 4 ตุลาคม 2553   

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST เป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น (Lead Underwriter) พร้อมด้วย บล. เคที ซีมิโก้ จำกัด และ บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้น (Co-Underwriter)

สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ และ/หรือลงทุนเพิ่มในบริษัทร่วม (บริษัท บางจากไบโอฟูลเอล จำกัด หรือ BBF) รวมถึงลงทุนในโครงการผลิตก๊าซชีวภาพอัดแรงดันสูง (Compressed Bio-Methain Gas : CBG) 

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 150 ล้านบาท และเป็นทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วจำนวน 120 ล้านบาท โดยหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้คิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเพิ่มทุน

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีมาเป็นเวลากว่า 15 ปี โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับผู้ผลิตชั้นนำรายใหญ่ของโลกกว่า 30 ราย และจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจ ปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนในปี 2550 โดยได้เริ่มร่วมทุนกับบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) BCP ในสัดส่วน 30% และ 70% ตามลำดับ เพื่อจัดตั้งบริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด หรือ BBF เพื่อผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล (บี100) BBF ได้เริ่มการผลิตตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552  จึงทำให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BBF ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 เป็นจำนวน 21.36 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 405.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 296.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 36.69% และมีกำไรสุทธิ 34.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100.40% เนื่องจากการขยายตัวของยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น และสารเติมแต่ง (Base oil and Additives) และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม BBF

ด้านนายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า UAC เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดีและมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนานจะเห็นได้จากอัตราการเติบโตของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาซึ่งสามารถสร้างอัตราผลตอบแทน ผู้ถือหุ้นในระดับที่ดีเฉลี่ยประมาณ 20-25% ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ค่อนข้างต่ำอยู่ที่ระดับ 1.5 เท่า และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40 % ของกำไรสุทธิ

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST ในฐานะแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า การกำหนดราคาขายหุ้น UAC ที่ราคาหุ้นละ 4 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม

โดยเป็นราคาที่มีส่วนลดจากราคาตามปัจจัยพื้นฐานประมาณ 15–20 % ซึ่งประเมินจากค่า P/E Ratio เทียบเคียงกับธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 8 – 10 เท่า โดยธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโตที่ดีตามธุรกิจพลังงานทดแทน จึงเชื่อว่า UAC จะเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน   

Pages: 1 ... 50 51 [52] 53 54 ... 59