Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 1449 1450 [1451] 1452 1453 ... 2397
21751
บทความประชาสัมพันธ์ จากเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์

Aqua Fitness ยืดอายุด้วยการออกกำลังกายในน้ำ


เมื่ออายุมากขึ้น การออกกำลังกายอาจจะกลายเป็นเรื่องยาก ด้วยสรีระและความแข็งแรงที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องคำนึงถึงปัจจัยอันจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวหลายประการ เช่น น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น และข้อต่าง ๆ ที่ค่อย ๆ เสื่อมลง ซึ่งเมื่อออกแรงมาก ๆ รังแต่จะก่อให้เกิดปัญหามากกว่าเสริมสร้างสุขภาพที่ดี แต่มีวิธีออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่เหมาะกับผู้สูงวัย นั่นคือ การออกกำลังกายในน้ำ หรือ Aqua Fitness

เดิมการออกกำลังกายในน้ำรู้จักกันเฉพาะในวงการแพทย์ ซึ่งใช้สำหรับฟื้นฟูสมรรถภาพนักกีฬาหลังอาการบาดเจ็บ แต่ช่วงหลังมานี้ด้วยความนิยมในการออกกำลังกายที่สูงขึ้น จึงมีการค้นพบว่า Aqua Fitness เป็นการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างแท้จริง จนกลายเป็นกระแสและถูกนำมาประยุกต์เข้ากับการออกกำลังกายรูปแบบต่าง ๆ เช่น จ๊อกกิ้งในน้ำ แอโรบิกในน้ำ การเต้นในน้ำ ฯลฯ ด้วยความที่น้ำมีคุณสมบัติในการลอยตัว ฉะนั้นเมื่อออกกำลังกายในน้ำจึงช่วยรองรับน้ำหนักตัว และลดแรงกดที่ข้อต่าง ๆ ให้น้อยลงได้ ทั้งยังพยุงไม่ให้ล้มง่าย และช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกายทำได้ง่ายดายกว่าการออกกำลังกายบนบก จึงแทบจะไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บเลย โดยคุณสมบัติของการออกกำลังกายในน้ำมี 4 ประการ ดังนี้


แรงดันใต้น้ำ ทำให้เลือดดำไหลกลับสู่หัวใจได้ง่าย และส่งผลต่อระบบหายใจ ทำให้ปริมาณอากาศหลังหายใจออกค้างอยู่ในปอดน้อยลง ดังนั้นการออกกำลังกายในน้ำจึงช่วยลดความดันโลหิต ทำให้ชีพจรเต้นช้าลง ช่วยให้การสูบฉีดและการไหลเวียนโลหิตในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แรงลอยตัว ช่วยพยุงให้น้ำหนักตัวลดลงเหลือเพียง 15 – 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่ออยู่ในน้ำลึกระดับคอ ดังนั้นในขณะที่อยู่ใต้น้ำร่างกายจึงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ข้อต่อต่าง ๆ สามารถทำงานได้ดี ร่างกายมีความยืดหยุ่นสูงจึงลดแรงกระทบกระเทือนที่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บต่อกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในระหว่างการออกกำลังกายได้

ความต้านทานในน้ำ น้ำจะต้านการเคลื่อนไหวของร่างกายทุกทิศทาง ทำให้ควบคุมได้ยากกว่าอยู่บนบก แต่กลับช่วยบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายได้อย่างทั่วถึง ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และส่งผลให้รูปร่างเพรียวสมส่วนได้ด้วย

อุณหภูมิของน้ำ เมื่ออยู่ในน้ำร่างกายสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าบนบกถึง 25 เท่า ทำให้รู้สึกสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย จึงช่วยป้องกันอันตรายจากความร้อนอย่างอาการลมแดด หรือ Heat Stroke ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่เคยว่ายน้ำมาก่อน หรือกลัวการลงน้ำ ก็สามารถออกกำลังกายในน้ำได้ เพราะทั่วไปแล้วจะเริ่มต้นที่ความลึกเพียง 1 เมตรหรือระดับเอว ก่อนจะเพิ่มความลึกขึ้นไปจนถึงระดับอกหรือไหล่ ซึ่งความลึกในแต่ละระดับจะช่วยพยุงและทอนน้ำหนักลงไปได้ 50 – 80 เปอร์เซ็นต์ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงวัยที่ไม่มีปัญหาสุขภาพ
 
นอกจากนี้การออกกำลังกายในน้ำยังส่งผลดีต่อการคลอดลูก ผู้มีภาวะความเครียด และผู้ที่มีปัญหาหมอนรองกระดูก เพราะช่วยในการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสมรรถภาพได้ดี แม้แต่ผู้อ่อนแรงหรืออ่อนแอมาก ๆ อย่างคนที่เป็นอัมพฤกษ์ก็สามารถออกกำลังกายในน้ำเบา ๆ ได้เช่นกัน จึงนับได้ว่าการออกกำลังกายในน้ำเป็นทางเลือกใหม่ของผู้รักสุขภาพ ที่จะช่วยนำไปสู่การมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างแท้จริง


ที่มา:

บริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์
บริษัทอะควาฟิตเนส จำกัด aquafitness.co.th
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส)thaihealth.or.th
ศูนย์บริการเทคนิคการแพทย์คลินิกคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ams.cmu.ac.th

21752
ฮิตาชิ ซันเวย์ฯ พร้อมรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลขั้นสูง
เป็นผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ รายแรกที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือพีซีไอ ดีเอสเอส

                         กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 20 กรกฎาคม 2560 -- บริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศมาเลเซีย) จำกัด  (“Hitachi Sunway”)  บริษัทชั้นนำด้านการบริการและโซลูชั่นไอทีแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนและบริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดาต้า เซ็นเตอร์ ของบริษัทที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บางนา กรุงเทพมหานคร ได้รับใบรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์  หรือ พีซีไอ ดีเอสเอส (Payment Card Industry Data Security Standard: PCI DSS) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


Ralph Tay_Hitachi Sunway Information Systems

                         พีซีไอ ดีเอสเอส (PCI DSS)  เป็นมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวดสำหรับบัญชีชำระเงินที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมและทั่วโลก  การได้รับใบรับรองในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการรักษามาตรฐานระดับสูงสุดด้านความสมบูรณ์ของข้อมูลและการจัดเตรียมกระบวนการธุรกรรมสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์อย่างปลอดภัยสำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ มาตรฐานพีซีไอ- ดีเอสเอส (PCI-DSS) ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลด้านการชำระเงิน

                         ทั้งนี้ ดาต้า เซ็นเตอร์ ของบริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ฯ ในกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ให้บริการแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลที่เข้มงวด ซึ่งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูล นโยบาย กระบวนการ สถาปัตยกรรมเครือข่าย การออกแบบซอฟต์แวร์ รวมถึงมาตรการป้องกันอื่นๆ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ค้าหรือผู้ให้บริการที่ใช้จัดเก็บ หรือส่งข้อมูลจากบัตรชำระเงิน

                         “บริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ฯ มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าทุกคน ด้วยการเดินหน้าผลักดันแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งใบรับรองมาตรฐาน PCI-DSS ที่มีความเข้มงวดอย่างมาก  การดำเนินงานภายใต้มาตรฐาน PCI-DSS จะช่วยผลักดันให้ศูนย์ข้อมูลของเรามีความโดดเด่นด้านความปลอดภัยขั้นสูงและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของเรา ที่มีต่อการปกป้องข้อมูล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย และการนำเสนอบริการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าได้อย่างเห็นผล” นายราล์ฟ  เทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ฯ ประจำภูมิภาคอินโดจีนกล่าว และเพิ่มเติมอีกว่า

                         “การที่เราได้รับใบรับรองมาตรฐาน PCI-DSS จะช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าของเราสามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่ ไปใช้เพื่อดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย  นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถประหยัดทรัพยากรและต้นทุนเมื่อสมัครใช้บริการกับดาต้า เซ็นเตอร์ที่ได้มาตรฐาน PCI-DSS ของเราด้วย  โดยดาต้า เซ็นเตอร์ของเรามีความพร้อมให้บริการด้วยเครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุด”

                         บริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ฯ ยังเป็นเจ้าของดาต้า เซ็นเตอร์ในประเทศมาเลเซียและสิงค์โปรอีกด้วย  และนอกจากมาตรฐาน PCI-DSS แล้ว ศูนย์ข้อมูลของเรายังได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 27001, ISO 20000 และ ISO 50001 ด้วยเช่นกัน

                         นายราล์ฟ กล่าวต่อว่า “เราพบว่าองค์กรต่างๆ ต้องการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการคุ้มครองและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและกฎระเบียบอื่นๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อผูกมัดให้ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ข้อมูลของเราภายใต้มาตรฐาน PCI-DSS และ ISO จึงมีความแตกต่างที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด”
   
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.hitachi-sunway-is.com


###

เกี่ยวกับบริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศมาเลเซีย) จำกัด

                         บริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ เป็นบริษัทชั้นนำด้านการให้บริการและโซลูชั่นไอซีทีแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ด้วยจำนวนสำนักงานสาขา 15 แห่ง ใน 9 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์  และมีพนักงานมากกว่า 400 คนที่พร้อมให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,000 รายในภูมิภาคแห่งนี้ บริษัทแห่งนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ฮิตาชิ ซิสเต็มส์ จำกัด และบริษัท ซันเซย์ เทคโนโลยี (ประเทศมาเลเซีย) จำกัด ทำให้เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นอย่างมากในตลาดและพร้อมช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถดำเนินงานหรือขยายกิจการของตนภายในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างราบรื่น  ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) การบริหารวงจรผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle Management : PLM) ไปจนถึงการผสานรวมระบบอย่างครบวงจร  การรักษาความปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ  โซลูชั่นดาต้า เซ็นเตอร์ โซลูชันระบบคลาวด์ การรับจ้างดูแลระบบไอที และอื่นๆ อีกมากมาย  ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่รอบด้าน ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขั้นสูง การได้รับรางวัลรับรองต่างๆ มากมาย  และประวัติการทำงานที่ดีเยี่ยม ทำให้บริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ฯ ยังคงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าให้บรรลุผลตามวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่วางไว้ได้

                         สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.hitachi-sunway-is.com

                         บริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ ซันเวย์ อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศมาเลเซีย) จำกัด

21753
UIH เผยศักยภาพการพลิกโฉมองค์กรสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล
ด้วยพันธมิตรหลักTCCtech ผู้นำด้านบริการดาต้าเซ็นเตอร์ผสานคลาวด์


19 กรกฎาคม 2560 – ยูไอเอช ผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของประเทศไทย เลือกดาต้า เซ็นเตอร์ของ ทีซีซีเทค เสริมศักยภาพองค์กรสู่แพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัล ด้านทีซีซีเทคพร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจของยูไอเอช ในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง นายสันติ เมธาวิกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (ยูไอเอช) เปิดเผยว่า "ยูไอเอชได้เลือกดาต้า เซ็นเตอร์ของบริษัท ทีซีซี เทคโนโลยี (TCCtech ) จำกัด เพื่อใช้เป็นที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่สามารถ ตอบโจทย์การเติบโตทางธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ยูไอเอช เล็งเห็นว่าTCCtech เป็นผู้บุกเบิกการให้บริการ ดาต้า เซ็นเตอร์ในประเทศไทยและศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ของTCCtech ยังเหมาะสม สำหรับการตั้งโครงข่ายของยูไอเอช นอกจากนั้นบริการดาต้า เซ็นเตอร์ของTCCtech ยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง ได้ตลอดเวลา" 
 
ทั้งนี้ ยูไอเอช มีแผนสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพิ่มขึ้น เช่น การเชื่อมต่อเครือข่าย ที่จำเป็นต้องมีศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีประสิทธิภาพสูงและได้วางแผนที่จะพัฒนาบริการด้านบรอดแบนด์ ด้วยการลงทุนในการวางเส้นใยแก้วนำแสง ตามทางรถไฟที่ยาวถึง 2,600 กิโลเมตรตลอดเส้นทางรถไฟทั่วประเทศไทย เพิ่มเติมจากสายใยแก้วนำแสง หลักสองเส้นทางในปัจจุบันเพื่อเพิ่มความเสถียรให้กับเครือข่ายใยแก้วนำแสง ยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทฯ กำลังเตรียมที่ จะให้บริการด้านความปลอดภัยที่ทันสมัยและบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถให้บริการด้าน ดิจิทัลแพลตฟอร์มในอนาคต       
 
นายวรดิษฐ์ วิญญรัตน์ กรรมการบริหารและรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด (TCCtech)กล่าวว่า "TCCtech มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านการเชื่อมต่ออย่างยูไอเอช เนื่องจากยูไอเอช สามารถยกระดับการบริการอันมีพื้นฐานจากการเชื่อมต่อทุกประเภทให้กลายเป็นการบริการบริหารจัดการโครงข่าย (Managed Network) โดยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ สินค้า และบริการของลูกค้าได้ นอกจากนั้นยังมีโซลูชั่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การบริการด้านความปลอดภัยและคลาวด์ เพื่อตอบโจทย์การก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีดาต้า เซ็นเตอร์ของTCCtech เป็นกำลังสำคัญ"
 
จากบทวิจัยของไอดีซีจะเห็นได้ว่า ตลาดมีความรู้ความเข้าใจในโซลูชั่นต่างๆ ของการบริการดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น องค์กรต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการมืออาชีพแทนการลงทุนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เองภายในองค์กร การเลือก ผู้ให้บริการมืออาชีพจะช่วยบริหารค่าใช้จ่าย ใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพ ของขั้นตอนการทำงาน ในอนาคตการเลือกผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์มืออาชีพจะกลายเป็นแนวโน้ม ที่นิยม สำหรับ องค์กรต่างๆ ในประเทศไทย
 
ทั้งนี้สามารถอ่านบทวิจัยฉบับเต็ม เรื่อง "ยูไอเอชกับการพลิกโฉมธุรกิจเสริมด้วยองค์ความรู้และ พันธมิตรทางธุรกิจ ชั้นเยี่ยม" ที่จัดทำโดย โดย อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์เปอร์เรชั่น (ไอดีซี) ได้ที่เว็บไซต์ www.tcc-technology.com


###

เกี่ยวกับ ทีซีซี เทคโนโลยี

บริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด (ทีซีซีเทค) เป็นบริษัทในเครือของทีซีซี หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทีซีซีเทค เป็นผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ และเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจาก SAP ถึงสามด้าน  ได้แก่ด้านโฮสติ้ง คือ SAP Certified in Hosting Services  ด้านCloud คือ SAP Certified in Cloud Services และด้านOperational Services  คือ SAP Hana Operations Certified Partner รวมถึง Microsoft Certified Partner  ทีซีซีเทค ให้บริการโฮสติ้งโซลูชั่นสำหรับคลาวด์ที่ดีที่สุด best-in-class Cloud-Based Solutions จากการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่คัดสรรแล้วทั่วโลก ปัจจุบัน ทีซีซีเทคให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ผสาน บริการคลาวด์ Cloud-Enabled Data Center ซึ่งเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความปลอดภัย ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง กรุงเทพฯ  ดาต้าเซ็นเตอร์ย่าน ตะวันออกของกรุงเทพฯ ดาต้าเซ็นเตอร์ในย่าน นิคมอุตสาหกรรม และดาต้าเซ็นเตอร์ระหว่างประเทศ ผ่านทางพันธมิตรกลุ่ม Asia Data Center Alliance (ADCA) ทั้ง 5 ประเทศ

www.tcc-technology.com


เกี่ยวกับ ยูไอเอช

ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร ได้รับสัมปทานในการให้บริการสื่อสัญญาณความเร็วสูงให้กับองค์กรธุรกิจ ในปี พ.ศ. 2539 โดย UIH บริหารภายใต้กลุ่มเบญจจินดา ซึ่งมีประสบการณ์ด้านโทรคมนาคมมายาวนานกว่า 50 ปี และประสบการณ์กว่า 20  ปี ในธุรกิจสื่อสารความเร็วสูง ทำให้ UIH มีความเข้าใจความต้องการทางธุรกิจอย่างแท้จริงให้บริการระบบเครือข่ายความเร็วสูง และโซลูชันการสื่อสารโทรคมคมนาคมครบถ้วน ตั้งแต่เครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริการอินเทอร์เน็ตระดับองค์กร บริการคลาวด์แบบครบวงจร บริการด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ รวมถึงบริหารจัดการระบบเครือข่าย WAN และ LAN ในองค์กรอย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ติดตั้งวางระบบ รวมถึงดูแลรักษาโครงข่ายสื่อสารภายในองค์กรของลูกค้า เพื่อช่วยให้การดำเนินงานทางด้านไอทีขององค์กรลูกค้ากลายเป็นเรื่องง่ายๆ ทำให้การติดต่อสื่อสารทางธุรกิจเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว เข้าถึงเป้าหมายใหม่ด้วยความมั่นใจ
 
ปัจจุบันมีการขยายธุรกิจเส้นทางเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูงไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ภายใต้บริษัท เมียนมาร์ อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ ลิมิเต็ด หรือ MIH ผู้นำการให้บริการบรอดแบนด์ระดับพรีเมียมในพม่า โดย MIH ได้รับสิทธิ์จากการไฟฟ้าย่างกุ้ง (YESC) พาดสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) บนเสาไฟฟ้าทั่วเมืองย่างกุ้งเและมีแผนจะขยายไปยังเมืองเศรษฐกิจการค้าหลักต่อไปในอนาคต ณ วันนี้ MIH พร้อมให้บริการสื่อสารความเร็วสูงในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์แล้วด้วยมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับที่ UIH ให้บริการบรอดแบนด์ในประเทศไทย
 
www.UIH.co.th

21754
ทำไมจีนและอินเดียเลือกคลื่น 2300MHz เทคโนโลยี TDD
เปิดบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรองรับจำนวนประชากรเกือบครึ่งโลก



ขณะที่ทั่วโลกมีความต้องการในการใช้งานอินเทอร์เน็ตเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่คลื่นความถี่กลับเป็นทรัพยากรมีปริมาณจำกัด และไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นในยุคดิจิทัล ทำให้ต้องหาทางออกที่ดีกว่าเพื่อรองรับนวัตกรรมบริการต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอีกมาก ทำให้เกิดการพัฒนาคลื่นความถี่สู่ LTE-TDD ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ หรือดาต้าความเร็วสูง และเทคโนโลยี LTE-TDD กำลังเป็นเทรนด์ในการบริหารการใช้ทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัดอย่างคลื่นความถี่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีปริมาณการใช้งานดิจิทัลสูงมากอย่างจีนและอินเดีย

คลื่น 2300MHz กำลังเริ่มต้น LTE-TDD ก็กำลังเริ่มต้นเช่นกัน
ถ้าเรายังต้องการเพียงแค่โทรศัพท์ทางเสียงหากัน เทคโนโลยี 2G แบบเดิมๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่เพราะทุกอย่างพัฒนาไปข้างหน้า 3G, 4G จึงเกิดขึ้น และจะไปถึง 5G ในอนาคต การติดต่อสื่อสารขยายรูปแบบ พัฒนาเป็น VDO Call รวมถึงการบริโภคคอนเทนต์ประเภท VDO ที่แพร่หลายไปทั่วโลก
 
การเกิดขึ้นของ Internet of Things (IoT) การเชื่อมต่อระหว่าง Machine to Machine (M2M) แปลว่า ไม่ได้มีแค่คนที่ติดต่อกัน แต่คอมพิวเตอร์กำลังส่งข้อมูลถึงกัน ทำให้เกิดบริการใหม่ๆ เช่น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟน และอีกหลายอย่างที่เราจะจินตนาการได้กำลังเกิดขึ้น
 
ในปี 2020 สมาคมจีเอสเอ็มยังคาดการณ์ว่าการเข้าถึงการใช้งานของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 60%





นั่นเป็นอีกเหตุผลทำให้จำนวนคลื่นความถี่ที่ให้บริการในปัจจุบันไม่เพียงพอ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ LTE TDD ในประเทศไทย ด้วยคลื่นความถี่ 2300MHz

กำหนดมาตรฐาน LTE-TDD ตอบรับคนใช้ดาต้ามากกว่าวอยส์
ปัจจุบันสหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ ผู้กำหนดมาตรฐานโทรคมนาคมโลก หรือ ITU ได้กำหนดให้ LTE-TDD และคลื่นความถี่ 2300MHz เป็นมาตรฐานเทคโนโลยีแล้ว เท่ากับเป็นการยืนยันว่า แนวโน้มของผู้ใช้งานมือถือทั่วโลก กำลังใช้ดาต้า หรืออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
 
ขณะที่การใช้งานวอยส์ หรือ การโทรด้วยเสียงตามปกติลดลง หรืออีกนัยหนึ่ง การโทรด้วยเสียง ขยับไปอยู่บน VoLTE แทน
 
เมื่อมีการกำหนดมาตรฐานอย่างชัดเจนแล้ว ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่จะผลิตต่อจากนี้สามารถรองรับ LTE-TDD บนคลื่น 2300MHz ได้อย่างเต็มที่ จากเดิมที่มีอุปกรณ์รองรับการใช้งานไม่น้อยอยู่แล้วด้วย
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ที่มีประชากรกว่า 1.37 พัน ล้านคนทั่วประเทศ ก็มีการใช้งาน LTE-TDD ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา


จีน – อินเดีย พร้อม 56 ประเทศทั่วโลกกำลังใช้งาน LTE-TDD
มีกรณีศึกษาหลายประเทศที่น่าสนใจ เช่น จีน ประเทศจีน มีประชากรประมาณ 1.37 พันล้านคน มีอัตราเฉลี่ยใช้ SIM CARD 1.79 SIM ต่อคน เท่ากับว่าทุกคนมีอุปกรณ์พกติดตัวมากกว่าแค่สมาร์ทโฟน อาจมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงมีการใช้งานแบบ M2M และจำนวนการใช้งานก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้ให้บริการหลัก 3 รายในจีน ได้แก่ China Unicom, China Telecom และ China Mobile ล้วนใช้เทคโนโลยี LTE-TDD บนคลื่น 2300MHz ทั้งหมด เฉพาะ China Mobile ที่ถือว่าเป็นผู้ให้บริการที่มีโครงข่าย 4Gใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนโครงข่าย 2300 + 2600MHz รวมอยู่กว่า 1.5 ล้านโครงข่าย
 
อีกประเทศที่น่าสนใจเช่นเดียวกันคือ ประเทศอินเดีย ที่มีประชากรประมาณ 1.31 พันล้านคน ไล่เลี่ยมากับจีน โดยมีทั้งประเทศที่ใหญ่และประชากรหนาแน่น ทำให้มีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่สูงตามไปด้วย ผู้ให้บริการที่ใช้เทคโนโลยี LTE-TDD บนคลื่น 2300 เช่น Airtel มีผู้ใช้ 276.5 ล้านราย, Jio มีผู้ใช้ 112.6 ล้านราย, Aircel มีผู้ใช้ 90.6 ล้านราย เป็นต้น
 
ทั้งจีน และอินเดีย มีจำนวนประชากรมหาศาลรวมกันจะมีจำนวนราวเกือบครึ่งโลก ประเทศที่มีขนาดกว้างใหญ่ การใช้งานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี LTE-TDD มารองรับการใช้งาน เรื่องอุปกรณ์ทั้งโครงข่าย และเครื่องลูกข่าย เช่น สมาร์ทโฟน ที่จะมารองรับจึงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
 
นอกจากนี้ Global Mobile Supplier Association (GSA) เปิดเผยว่า มีผู้ให้บริการ 97 รายจาก 56 ประเทศทั่วโลกเริ่มติดตั้งและใช้งานเชิงพาณิชย์ โครงข่าย LTE-TDD เรียบร้อยแล้ว สำหรับประเทศใกล้เคียงกับไทย เช่น Kingtel ในกัมพูชา, YTL ในมาเลเซีย, ผู้ให้บริการหลายรายในอินโดนีเซีย, Softbank และ UQ Communication ในญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ
 
ข้อมูลเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า LTE-TDD บนคลื่นความถี่ 2300MHz มีความต้องการและเป็นที่นิยมทั่วโลก ดังนั้นหากนำมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ในปริมาณมาก ก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทย


ประเทศไทยถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยี LTE TDD
GSMA ได้เปิดเผยว่า การติดตั้งโครงข่าย 4G LTE เริ่มตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ถึงปี 2016 มีการเชื่อมต่อผ่านโครงข่าย 4G LTE กว่า 1,100 ล้านจุด และคาดว่าการเชื่อมต่อจะเพิ่มเป็น 2,500 ล้านในปี 2020 ในจำนวนนี้คาดว่ามีการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี LTE TDD กว่า 22%
 
ทั่วโลกกำลังใช้งานเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับประเทศไทย นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่จะนำคลื่นความถี่ 2300MHz ออกมาใช้งาน และเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี LTE-TDD
 
ในอดีต ไทยเป็นประเทศเกือบสุดท้ายที่ได้ใช้งาน 3G บนคลื่นความถี่ใหม่ แต่ครั้งนี้คนไทยจะมีโอกาสใช้งานเทคโนโลยีใหม่ LTE-TDD เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ แล้ว
 
ครั้งนี้ ดีแทคจะพัฒนาคลื่นความถี่ 2300 MHz จำนวน 60MHz ออกมาใช้งานในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้บริการ 4G LTE-TDD สามารถรองรับบริการ โมบาย บรอดแบนด์ และ ฟิกซ์ บรอดแบนด์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม สามารถดาวน์โหลดได้ที่ความเร็ว 300 Mbps และสามารถเพิ่มความเร็วขึ้นได้อีก
 
คาดการณ์ว่าช่วงปลายปีนี้ ดีแทคจะนำเทคโนโลยี 4G LTE-TDD ออกมาให้บริการแบบจัดเต็ม รวมถึง ทีโอที จะให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกลตามนโยบายของรัฐบาล นี่คือประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ เพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

21755
“โรเฌร์ วิวีเยร์” ฉลองเปิดตัวบูทีคแบบ pop-up store
แห่งแรกของไทย พร้อมอวดรองเท้า 4 รุ่น ร่วมกับคอลเลกชั่น ฟอล-วินเทอร์


                       โรเฌร์ วิวีเยร์ (Roger Vivier) แบรนด์รองเท้าและเครื่องหนังประดับบัคเคิลสุดคลาสสิกระดับตำนานจากฝรั่งเศส สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมบัคเคิลบนหัวรองเท้าและแอสเซสเซอร์รี่ของ โรเฌร์ วิวีเยร์ (Roger Vivier) นั้นเป็นสัญลักษณ์ของสไตล์ที่เรียบหรู เคียงคู่เรียวเท้าผู้หญิงทั่วโลกมาตั้งแต่ยุค 1960s เมื่อหญิงสาวสมัยใหม่สะดุดตากับรองเท้าที่นางแบบบนแคทวอล์กของอีฟ แซงต์ โลรองต์ สวมใส่ และยังเป็นรองเท้าที่นางเอกสาวเปรี้ยว แคเธอรีน เดอเนิฟ สวมใส่ในภาพยนตร์เรื่อง Belle du Jour

                       โดยล่าสุด เครือ พีพี กรุ๊ป ได้จัดงานฉลองเปิดตัวบูทีค โรเฌร์ วิวีเยร์ (Roger Vivier) ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น M ภายใต้คอนเซปต์ pop-up แห่งแรกในเมืองไทยที่มีขนาดกว่า 130 ตารางเมตร ในธีม
สีชมพูสว่างสดใสตัดกับลายทางกราฟฟิคสีขาวดำที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีเพื่อแต่งเติมมิติของบูทีคให้น่าดึงดูด นับว่าเป็นการสะท้อนการผสมผสานระหว่างความสนุกสนานและความเรียบหรู คลาสสิกตามแบบฉบับโรเฌร์ วิวีเยร์ ได้อย่างลงตัวเป็นที่สุด  โดยงานนี้
“สุวดี พึ่งบุญพระ” และ “โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์” สองผู้บริหารใหญ่ แห่ง พีพี กรุ๊ป ได้จัดงานในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ซึ่งงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้ชั้นนำของเมืองไทยตบเท้าร่วมงาน อาทิ จริยดี ธรรมวิทย์ สเปนเซอร์, ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์, พราวพรรณ เลาหะพงศ์ชนะ, ม.ล.อรดิศ สนิทวงศ์, ศันสนีย์ วงศ์วรเศรษฐ, กรกนก ยงสกุล และอีกมากมาย








                       ภายในงานได้มีการเผยโฉมรองเท้า 4 รุ่นยอดฮิตอย่าง สไลด์ดี้ วิฟ, กอมแมตต์, สนีกกี้ วิฟ, และ ดอร์เซ่ย์ & เซกซี่ชอค รองเท้าในดวงใจของหญิงสาววิวีเยร์ ความพิเศษสุดคือการนำโทนสีขาวดำอันคลาสสิกตามแบบฉบับของแบรนด์มาเป็นลูกเล่นโดยถูกออกแบบอย่างประณีตลงบนรองเท้ารุ่นต่างๆ ในคอลเลกชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์คลูซีฟ 2017 (Thailand Exclusive 2017 Collection) ถือได้ว่าเป็นตัวแทนที่สุดของผู้หญิง 4 ไลฟ์สไตล์ 4 บุคลิกอันโดดเด่น มาในจำนวนจำกัด และไม่สามารถหาได้จากบูทีคอื่นๆในโลกนอกจาก โรเฌร์ วิวีเยร์ สโตร์ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอนเท่านั้น ซึ่งได้รับเกียรติจาก 4 สุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของเมืองไทย ตัวแทนที่สุดของผู้หญิง 4 ไลฟ์สไตล์ 4 บุคลิกอันโดดเด่น ได้แก่ แวว - ธีรวัลคุ์  ปังศรีวงศ์ ตัวแทนที่สุดของนักธุรกิจ และสาวนักเดินทางสมัยใหม่ สวมใส่รองเท้าลำลองรุ่น สไลด์ดี้ วิฟ (Slidy Viv’), แอน - อินทิรา ธนวิสุทธิ์ ตัวแทนที่สุดของแฟชั่นนิสต้า ผู้มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ สวมใส่รองเท้าบัลเลต์รุ่น กอมแมตต์ (Gommette), แอน ทองประสม ตัวแทนที่สุดของหญิงเก่งครบเครื่องแห่งวงการบันเทิง สวมใส่รองเท้าทรงสลิปออนรุ่น สนีกกี้ วิฟ (Sneaky Viv’) และสู่ขวัญ บูลกุล ตัวแทนที่สุดของเวิร์คกิ้ง มัมใส่รองเท้าส้นสูงรุ่น ดอร์เซ่ย์ & เซกซี่ชอค (Dorsay & Sexy Choc)

                       นอกจากนี้ยังได้แนะนำคอลเลกชั่นใหม่ในฤดูกาล ฟอล-วินเทอร์ 2017/2018 (Fall-Winter 2017/2018) หญิงสาวของโรเฌร์ วิวีเยร์ (Roger Vivier) ผู้มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นได้ปรากฏโฉมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน เธอได้รับแรงบันดาลใจหลักมาจากองค์ประกอบของการตกแต่งภายใน (interior design) อันวิจิตรงดงามราวกับว่าเธอได้หยิบยกรายละเอียดเหล่านั้นมารังสรรค์การแต่งตัวของเธอเอง และในการนี้เธอยังได้เปิดเผยถึงความหลงใหลในศิลปวัตถุอันล้ำค่าจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ สิ่งทอสมัยจักรวรรดิออตโตมันในศตวรรษที่19, ผนังที่ถูกปูด้วยวอลเปเปอร์กราฟฟิคลายทาง, แผ่นหนังลายเสือดาว และหมู่มวลดอกไม้ นอกจากนี้หญิงสาววิวีเยร์ยังเป็นหญิงสาวผู้ใจกว้างและเป็นมิตรกับคนรอบข้าง ชื่นชอบในสิ่งที่มีความคอนทราสกันและนั่นเป็นที่มาว่าทำไมเธอจึงให้ความสำคัญกับความเป็นสากลอันเลอค่าในยุค 70s มากเท่ากับศิลปะและการออกแบบแนวสตรีทในยุคปัจจุบัน

                       ร่วมสัมผัสความเอ็กซ์คลูซีฟอย่างเหนือระดับกับ โรเฌร์ วิวีเยร์ POP-UP สโตร์และคอลเลกชั่น ฟอล-วินเทอร์ 2017/2018 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น M  โทร. 02 129 4491


Roger Vivier Fall Winter 17-18 Collection Pilgrim de Jour Ottowoman


กรกนก ยงสกุล                                                                      จริยดี ธรรมวิทย์ สเปนเซอร์


ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์                                                                   พราวพรรณ เลาหะพงศ์ชนะ


มล.อรดิศ สนิทวงศ์                                                                    ศันสนีย์ วงศ์วรเศรษฐ


สองใหญ่ อินศรีเชียงใหม่                                                        โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ และ อิศวรา กูรมะโรหิต


แอน ทองประสม                                                                    สู่ขวัญ บูลกุล


สุวดี พึ่งบุญพระ และ โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์                                        โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ และ อิศวรา กูรมะโรหิต


โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ ปณุ สมบัติยานุชิต และ จริยดี ธรรมวิทย์ สเปนเซอร์

21756
ชุดเครื่องนอนสุดน่ารัก ไข่ขี้เกียจ จากเจสสิก้า


กรุงเทพฯ – ชุดเครื่องนอนเจสสิก้า โดย บริษัท ทีแอล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการมอบสัมผัสประสบการณ์การนอนที่เหนือระดับ เปิดตัวคอลเสคั่นลายใหม่สุดพิเศษ “Gudetama หรือ เจ้าไข่ขี้เกียจ” คาแรคเตอร์น้องใหม่ขวัญใจใครหลายๆคน ลิขสิทธิ์แท้จากซานริโอ (sanrio) เชิญชวนมาตกแต่งห้องนอนให้น่ารัก พร้อมจะล้มตัวลงนอนไปกับเจ้าไข่ขี้เกียจ สัมผัสนุ่ม สบาย ด้วยเนื้อผ้าคอตตอน 100% ความละเอียด 360 เส้นด้าย ต่อ 10 ตร.ซม. และเนื้อผ้าแบบคอตตอนผสม พร้อมนวัตกรรมป้องกันไรฝุ่นและแบคทีเรีย ยับยั้งกลิ่นอับชื้น MCTRONMED HEALTH จัดจำหน่าย ณ แผนกชุดเครื่องนอนในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและโชว์รูมชุดเครื่องนอนเจสสิก้า ศูนย์การค้าเอสพลานาด ถนนรัชดาภิเษกชั้น M 

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ บริษัท ทีแอล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด โทร 02-870-8466 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์เจสสิก้าที่ www.jessica.co.th





###

บริษัท ทีแอล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

บริษัท ทีแอล มาร์เก็ตติ้ง จำกัดคือ ผู้จัดจำหน่ายและนำเข้าชุดเครื่องนอนแบรนด์ “ทิวลิป” “เจสสิก้า” และ “วีลาซเซ่” มีความเชี่ยวชาญในการมอบสัมผัสประสบการณ์การนอนที่เหนือระดับ ครอบคลุมความต้องการที่แตกต่างได้อย่างลงตัว มากว่า 40ปี ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้รับการยอมรับในคุณภาพ จัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำรวมถึงร้านค้าส่ง ร้านค้าปลีก ตัวแทนจำหน่าย และยังส่งออกในอีกหลายประเทศพร้อมด้วยโชว์รูมชุดเครื่องนอนเจสสิก้า ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอสพลานาดถนนรัชดาภิเษกชั้น M

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อ บริษัท ทีแอลมาร์เก็ตติ้ง จำกัด โทร 02-870-8466 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.tulip.co.th และ www.jessica.co.th

21757
เครือเฮอริเทจจัดโปรโมชั่นเอาใจคนรักสุขภาพในงาน Tops World Food Fun Fair 2017
ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2560


                      เครือเฮอริเทจ ผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้ส่งออก สินค้าของว่าง อาหารแห้ง และเครื่องดื่ม หลากหลายแบรนด์ คัดสรรขนมและเครื่องดื่มเอาใจเหล่าคนรักสุขภาพ จัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า ในงาน Tops World Food Fun Fair 2017 พิเศษ!!!เฉพาะงานนี้ กับการวางจำหน่ายบลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ เครื่องดื่มนมอัลมอนด์ ครบ 4 รสชาติในประเทศไทย ได้แก่ รสออริจินอล (Original), สูตรไม่เติมน้ำตาล (Unsweetened), รสวานิลลา (Vanilla) และ รสช็อกโกแลต (Chocolate) ในราคาพิเศษ 1 แพ็ค (3 กล่อง) 49 บาท จากปกติ 59 บาท และขนมอื่นๆ อาทิ บลูไดมอนด์ อัลมอนด์  จากราคา 135 บาท ลดเหลือ 124 บาท ซันคิสท์ พิสทาชิโอ จากราคา 115 บาท ลดเหลือ 109 บาท พร้อมรับฟรีกระเป๋าเฮอริเทจ 1 ใบเมื่อซื้อสินค้าภายในงานครบ  450 บาท
 
                      ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2560 ณ ลานโปรโมชั่น โซน B เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว เวลา 11.00-20.00น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-813-0954-5 หรือติดตามกิจกรรมของเครือเฮอริเทจได้ที่ www.heritagethailand.com และ www.facebook.com/Heritagesnacksandfood

21758
ไขคดีฆาตกรรมกับไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ ใน The Snowman แฮรี โฮล กับคดีฆาตกรมนุษย์หิมะ


ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ (จากภาพยนตร์ซีรีย์ X-Men), รีเบ็กกา เฟอร์กูสัน (จาก Mission: Impossible—Rogue Nation), ชาร์ล็อตต์ เกนส์เบิร์ก (Independence Day: Resurgence) และ เจ.เค.ซิมมอนส์ นำแสดงใน The Snowman แฮรี โฮล กับคดีฆาตกรมนุษย์หิมะ ทริลเลอร์สุดระทึกจากผู้กำกับโทมัส อัลเฟรดสัน (Let the Right One In, Tinker Tailor Soldier Spy) สร้างจากนวนิยายขายดีของ โจ เนสโบ
 
แฮร์รี โฮล หัวหน้าทีมสอบสวน (ฟาสส์เบนเดอร์) ต้องไขปริศนาลึกลับสุดท้าทายในคดีอาชญากรรมสุดสะพรึง เมื่อฆาตกรแฝงตัวในเงามืดแล้วเข้าประชิดตัวเหยื่อ โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ยกเว้นตุ๊กตาหิมะเพียงตัวเดียว! ฆาตกรต่อเนื่องยังคงลอยนวลอยู่และเขาเกรงว่าฆาตกรอาจจะกลับมาก่อเหตุฆาตกรรมอีกครั้ง ดังนั้น เขาจึงเชื่อมต่อคดีเก่าหลายสิบปีเข้ากับคดีใหม่สุดโหด ด้วยความช่วยเหลือของสมาชิกใหม่ในทีม (เฟอร์กูสัน)


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=wqEdK0s1iW8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=wqEdK0s1iW8</a>

ผลงานโดยเวิร์กกิ้ง ไทเทิล ฟิล์ม ร่วมสร้างกับอะนาเธอร์ พาร์ค ฟิล์ม และร่วมสร้างความระทึกโดย เนสโบ, นิคลาส ซาโลมอนส์สัน, มาร์ติน สกอร์เซซี, อัลเฟรดสัน, ลิซ่า ชาซิน และอเมเรีย แกรนเกอร์

เข้าฉายไทย 16 พฤศจิกายน ในโรงภาพยนตร์

21759
“แฌม เลอ เดเชอเน” เซ็ทอาหารกลางวันสุดหรูจาก
สุดยอดเชฟมิชลินสตาร์ ฌอง-มิเชล โลรองต์

สัมผัสรสชาติชั้นเลิศกับเซ็ทอาหารกลางวัน 5 คอร์ส ในราคาเพียง 1,100 บาท ณ ห้องอาหารแฌม








กรุงเทพฯ 21 กรกฎาคม 2560 – ห้องอาหารแฌม ชั้น 2 โรงแรมยู สาทร กรุงเทพฯ นำเสนอเซ็ทอาหารกลางวันสุดหรู 5 คอร์ส ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แฌม เลอ เดเชอเน (J’AIME le Déjeuner)” บริการเมนูอาหารรสเลิศพร้อมการตกแต่งอาหารอย่างประณีตและสวยงาม คิดค้นและรังสรรค์โดยสุดยอดเชฟระดับมิชลินสตาร์ชาวฝรั่งเศส ฌอง-มิเชล โลรองต์ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์แห่งมื้ออาหารด้วยสุนทรีภาพแห่งรสสัมผัสระดับสูงอย่างสมบูรณ์แบบ ในราคาเพียง 1,100 บาทสุทธิต่อท่าน เซ็ทอาหาร แฌม เลอ เดเชอเน ประกอบด้วยซุปรสชาติกลมกล่อม เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร เสิร์ฟด้วยการจัดวางอย่างสวยงามน่ารับประทาน สำหรับอาหารจานหลักและอาหารหวาน สามารถเลือกได้จากสองรายการตามความชอบของแต่ละท่าน โดยบริการเซ็ทอาหารกลางวัน เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 – 14.30 น. (ยกเว้นวันอังคาร และวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนซึ่งจะให้บริการเซ็ทบรั๊นช์พิเศษ)

แฌม เลอ เดเชอเน เสิร์ฟจานแรกด้วยซุปข้าวโพดหวานรสกลมกล่อมและไชฟ์ครีมคู่กับข้าวโพดอ่อนย่าง ตามมาด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอีกสองจาน ได้แก่ สลัดผักและผลไม้รวม เสิร์ฟพร้อมครีมพูเร่ฟักทอง และกงฟีหอยตลับ มะเขือเทศ และเลมอน เสิร์ฟพร้อมซอสข้นที่เคี่ยวจากหอยและอิตาเลียนเบซิลหอมกรุ่น สำหรับอาหารจานหลักสามารถเลือกได้จาก 2 รายการคือ ปลาร็อคฟิชเสิร์ฟสไตล์ซุปเนื้อปลาเข้มข้นคู่กับครีมพูเร่ยี่หร่าและหญ้าฝรั่น หรือ ปามองเตียเนื้อส่วนขาและแก้มหมูอบ เสิร์ฟคู่กับราวิโอลีและครีมพูเร่แครอทกับแอปเปิล ส่วนอาหารหวานคือไอศกรีมนมพิชตาชิโอกับแมนดารินซอร์เบท์มาร์เบิล เสิร์ฟกับขนมตูเลแยมส้มและดาร์กช็อกโกแลต

แฌม เลอ เดเชอเน ยังนำเสนอเซ็ทอาหารกลางวันจานด่วนแบบ 3 คอร์ส สไตล์ “Express 3-course Business Lunch” เพื่อตอบสนองความต้องการของแขกในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพสำหรับนักธุรกิจที่มีเวลาจำกัด ด้วยเมนูอาหารคุณภาพระดับพรีเมียมเช่นเดียวกับเซ็ทอาหารกลางวันปกติในราคาเพียง 990 บาทสุทธิต่อท่าน
 
เอเมอริโก ติโต เซสติ หัวหน้าพ่อครัว ห้องอาหารแฌม รับหน้าที่สร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ตามสูตรที่คิดค้นโดยสุดยอดเชฟระดับมิชลินสตาร์ชาวฝรั่งเศส ฌอง-มิเชล โลรองต์ แต่ละเมนูของห้องอาหารแฌมแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลและแรงบันดาลใจในการปรุงอาหารของ ฌอง-มิเชล ด้วยการคัดสรรพืชผัก สมุนไพร และเครื่องเทศของประเทศเขตร้อนนำมาผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบชั้นเลิศจาก 4 มุมของโลก ห้องอาหารแฌมยังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะการเลือกใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวงในการรังสรรค์อาหารรสเลิศ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ห้องอาหารแฌมยังได้นำเสนอศิลปะแห่งอาหารระดับ 5 ดาวแก่ผู้บริโภคในราคาที่สมเหตุสมผลเพื่อให้เหล่านักชิมในกรุงเทพฯ สามารถเข้าถึงศิลปะอาหารระดับสูงของฝรั่งเศสได้ง่ายยิ่งขึ้น แนวคิดของร้านอาหารแฌมคือการนำเสนออาหารฝรั่งเศสขนานแท้ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและรสชาติตามแบบฉบับของอาหารบนมาตรฐานเดียวกับห้องอาหาร ลา โกต์ แซงต์ ฌาคส์ อันเป็นสาขาต้นตำหรับในเมืองชัวนี ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลโลรองต์
 
ห้องอาหารแฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์ ตั้งอยู่ภายในโรงแรมยู สาทร กรุงเทพฯ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองโต๊ะ กรุณาติดต่อหมายเลข 02 119 4899 อีเมล reserve@jaime-bangkok.com  และติดตามข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ www.jaime-bangkok.com


###

เกี่ยวกับ ห้องอาหารแฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์

ห้องอาหารแฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์ ณ โรงแรมยู สาทร กรุงเทพฯ เป็นห้องอาหารชั้นหรูซึ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่นักชิมระดับสูงของกรุงเทพฯ และเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่ต้องการสัมผัสกับรสชาติของเมนูชั้นเลิศภายในห้องอาหารชั้นนำ ใจกลางเมือง ก่อตั้งโดย ฌอง-มิเชล โลรองต์ สุดยอดเชฟมิชลินสตาร์ และควบคุมคุณภาพอาหารโดย เชฟเอเมอริโก เซสติ ซึ่งผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดโดยตรงจากเชฟฌอง-มิเชล โลรองต์ และเชฟชั้นนำระดับโลกอีกหลายคน ห้องอาหารแฌมนำเสนอประสบการณ์ใหม่แห่งบริการมื้ออาหารฝรั่งเศสในรูปแบบที่ทันสมัย หากยังคงรสชาติชั้นเลิศดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยบริการเป็นเลิศนับตั้งแต่ก้าวแรกที่แขกมาเยือนกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากมารีน โลรองต์ ผู้จัดการ และบุตรสาวของ ฌอง-มิเชล โลรองต์ เมื่อเข้าสู่ภายในห้องอาหาร ผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงการตกแต่งที่สวยงามในสไตล์ “Upside Down” เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศแห่งมื้ออาหารที่แปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยสัมผัสจากที่ใดมาก่อน ห้องอาหารแฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองต์ เป็นร้านอาหารโดย ฌอง-มิเชล โลรองต์ แห่งแรกในเอเชีย มุ่งเน้นการนำเสนอประสบการณ์แห่งมื้ออาหารที่เป็นเลิศและน่าประทับใจเพื่อนักชิมตัวจริง เปิดบริการทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) 2 ช่วงเวลา คือมื้อกลางวัน 12.00 - 14.30 น. และมื้อค่ำ 18.00 - 22.00 น.  พร้อมทั้งยังมีบริการอาหารมื้อสายทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนในเวลา 12.00 - 15.00 น. โดยสามารถติดต่อสำรองโต๊ะได้ที่ โทรศัพท์ 02 119 4899 หรืออีเมล reserve@jaime-bangkok.com

21760
รายงานประจำปีเวียตเจ็ทได้รับรางวัลแพลตทินัม
จากงาน The Vision Awards 2016 ประเทศสหรัฐอเมริกา

โฮจิมินห์ 21 กรกฎาคม 2560 – รายงานประจำปี 2016 ของสายการบินเวียตเจ็ท ได้รับรางวัลแพลตทินัม (Platinum Award) อันดับ 4 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับที่ 11 จาก 100 บริษัททั่วโลก ในงานประกาศผลรางวัล The Vision Awards 2016 จัดโดยสหพันธ์วิชาชีพการสื่อสารแห่งอเมริกา (League of American Communications Professionals: LACP)
 
รายงานประจำปีจำนวน 150 หน้า ภายใต้แนวคิด “เที่ยวบินสู่อนาคต (The Flight to the Future)” ของเวียตเจ็ทได้คะแนน 99 จาก 100 คะแนน โดยวัดจากเกณฑ์การให้คะแนนทั้งในด้านความประทับใจเมื่อแรกเห็น (30/30) หน้าปกรายงาน (10/10) สาสน์ถึงผู้ถือหุ้น (10/10) คำบรรยายของรายงาน (10/10) ข้อมูลทางการเงิน (10/10) ความคิดสร้างสรรค์ (10/10) ความชัดเจนของข้อมูล (10/10) และ การเข้าถึงข้อมูล (9/10)
 
นอกจากนี้ รายงานประจำปีของเวียตเจ็ทยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอีกหลายสาขา ทั้งในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
 
นายไทซัน ฮีน ผู้อำนวยการ สหพันธ์วิชาชีพการสื่อสารแห่งอเมริกา (LACP) กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่เวียตเจ็ท ได้รับรางวัลจากงาน The Vision Awards 2016 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกย่องสายการบินที่มีการปฏิบัติงานยอดเยี่ยมว่า “รายงานประจำปีของเวียตเจ็ทนั้น แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะเฉพาะที่พิเศษ ซึ่งควรค่ากับรางวัลนี้อย่างแท้จริง”
 
งาน The Vision Awards 2016 รวบรวมบริษัทชั้นนำกว่า 1,000 รายทั่วโลก โดยเวียตเจ็ทได้รับรางวัลนี้ทันทีที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีแรก จึงถือเป็นสิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่โดดเด่น ความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด ความกล้าหาญ และพันธกิจในการเป็นสายการบินยุคใหม่ที่ทั่วโลกยอมรับ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำในเรื่องความโปร่งใสในการบริหารจัดการและการดำเนินธุรกิจของสายการบินภายใต้มาตรฐานสากล นำมาซึ่งประโยชน์ต่อผู้โดยสาร นักลงทุน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนทั่วไป
 
สำนักงานใหญ่ของสหพันธ์วิชาชีพการสื่อสารแห่งอเมริกา (LACP)  ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินธุรกิจด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการประชุมสัมมาที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะเดียวกัน ยังทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกบริษัทซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านประสิทธิภาพการสื่อสาร ซึ่งงาน The Vision Awards เป็นงานประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติ จัดอันดับรายงานประจำปีของบริษัทที่มีความโดดเด่นและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในระดับโลกด้วยมาตรฐานสากล
 
สำหรับข้อมูลรายงานประจำปี 2016 ของสายการบินเวียตเจ็ท สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://goo.gl/gRPFtT




###

เกี่ยวกับ เวียตเจ็ท

สายการบินเวียตเจ็ท คือสายการบินในประเทศเวียดนามรายแรกซึ่งดำเนินธุรกิจสายการบินยุคใหม่ พร้อมทางเลือกบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งนอกจากบริการขนส่งผู้โดยสาร สายการบินเวียตเจ็ทยังใช้เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซใหม่ล่าสุด เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการมากมายแก่ผู้บริโภค เมื่อเร็ว ๆ นี้ สายการบินเวียตเจ็ทได้รับบรรจุเป็นสมาชิกของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาตา (International Air Transport Association: IATA) โดยสมบูรณ์ หลังจากได้รับใบรับรองการบริหารความปลอดภัยของสายการบินจากไออาตาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เวียตเจ็ทยังได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 500 แบรนด์ชั้นนำของเอเชียประจำปี พ.ศ. 2559 (Top 500 Brands in Asia 2016)โดย เนลเซน สถาบันวิจัยการตลาดระดับโลก และได้รับรางวัล “สายการบินต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในเอเชีย (Best Asian Low Cost Carrier)” ในงานประกาศผลรางวัล TTG Travel Awards 2015 ซึ่งรางวัลนี้เกิดจากการโหวตคะแนนเสียงของนักเดินทาง สำนักงานท่องเที่ยว และบริษัทนำเที่ยวในทวีปเอเชีย โดยสายการบินเวียตเจ็ทถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสายการบินที่มีการเติบโตบนเฟซบุ๊ครวดเร็วที่สุดของโลกโดย Socialbakers
 
ปัจจุบัน  เวียตเจ็ทให้บริการผู้โดยสารด้วยเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A320 และ A321 จำนวน  48 ลำ และ ดำเนินการบิน 350 เที่ยวบินต่อวัน เปิดให้บริการ 67 เส้นทางในเวียดนามและทั่วภูมิภาค รวมถึงเส้นทางสู่จุดหมายในประเทศต่างๆ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และเมียนมาร์ ซึ่งให้บริการแก่นักเดินทางมาแล้วกว่า 40 ล้านคน
 
ในประเทศไทย ไทยเวียตเจ็ทให้บริการด้วยเครื่องบินลำใหม่ที่ทันสมัยรุ่น A320 อีก 3 ลำโดยทำสีตัวเครื่องหนึ่งลำเป็นโลโก้ “Amazing Thailand” เส้นทางบินภายในประเทศไทยในปัจจุบัน ได้แก่ กรุงเทพฯ - ภูเก็ต, กรุงเทพฯ - เชียงใหม่, และ ภูเก็ต – เชียงราย ส่วนเส้นทางระหว่างไทยและเวียดนาม เชื่อมกรุงเทพฯ สู่ 3 เมืองในเวียดนาม ได้แก่ โฮจิมินห์, ฮานอย, และ ไฮฟอง
 
สายการบินเวียตเจ็ทมีแผนการขยายเครือข่ายเส้นทางให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคต่อไปและได้เตรียมการทำสัญญาสั่งซื้อเครื่องบินลำใหม่ที่ทันสมัยจำนวนมากจากบรรดาผู้ผลิตอากาศยานชั้นนำระดับโลก
 
ท่านสามารถกดไลค์เฟซบุ๊คเวียตเจ็ทได้ที่ www.facebook.com/vietjetthailand หรือติดตามข่าวสารที่ทวิตเตอร์ https://twitter.com/vietjetvietnamและรับชมวีดีโอของเราได้ที่ www.youtube.com/user/vietjetvietnam 



21761
“เบโค” แนะนำตู้เย็นรุ่น “มิดไนต์ แบล็ค ซีรีส์”
มาพร้อมระบบทำความเย็นแยกส่วนอัจฉริยะนีโอฟรอสต์


กรุงเทพฯ (21 กรกฎาคม 2560) – บริษัท เบโค (ไทย) จำกัด แนะนำตู้เย็นรุ่น มิดไนท์ แบล็ค ซีรีส์ (Midnight Black Series) สีดำใหม่ล่าสุดด้วยดีไซน์เรียบหรูทันสมัย มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีนีโอฟรอสต์ (NeoFrost) ระบบทำความเย็นแยกส่วนอัจฉริยะระหว่างช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น กลิ่นไม่ปะปนกัน ช่วยรักษาความชื้นในอาหารได้มากถึง 90% คงความสดของอาหารได้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมด้วยช่องแช่ผักและผลไม้เทคโนโลยีเอเวอร์ เฟรช พลัส (EverFresh+) ที่ช่วยคงความสดให้ผักและผลไม้ยาวนานถึง 30 วัน และยังช่วยให้ประหยัดไฟมากขึ้นด้วยคอมเพลสเซอร์โปรสมาร์ท อินเวอร์เตอร์ (ProSmart Inverter) นอกจากนี้ยังช่วยให้งานปาร์ตี้ของคุณราบรื่นไม่มีสะดุดด้วยปาร์ตี้ ไอซ์ บ๊อกซ์ (Party Ice Box) กล่องทำน้ำแข็งแบบใหม่ที่สามารถจุน้ำแข็งได้มากถึง 168 ก้อน

พบกับตู้เย็นรุ่น มิดไนท์ แบล็ค ซีรีส์ (Midnight Black Series) สีดำใหม่ล่าสุด ขนาด 7-11 คิว ราคาเริ่มต้น 10,990 – 16,490 บาท  ได้แล้ววันนี้ ที่เบโค แฟล็กชิพ สโตร์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, เพาเวอร์ มอลล์ ทุกสาขา, เพาเวอร์ บาย และโฮมโปร รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำทั่วประเทศ

21762
ซัมซุง เอาใจสายหวานซ่อนเปรี้ยว
เปิดตัว ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 8+ สี Rose Pink ใหม่


กรุงเทพฯ (21 กรกฎาคม 2560) – ซัมซุง เปิดตัว สี Rose Pink ซึ่งเป็นสีใหม่ล่าสุดสำหรับสมาร์ทโฟน ไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 8+ โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 21 กรกฎาคมนี้  สี Rose Pink ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความซับซ้อนของกลีบดอกกุหลาบที่สะท้อนถึงความเรียบหรูและทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสีชมพูแต่แอบซ่อนไปด้วยความเปรี้ยวอยู่ในตัว ทั้งนี้ สี Rose Pink จะมีขายในประเทศไทยเฉพาะรุ่น ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 8+ เท่านั้น

โปรโมชั่นพิเศษ ! ผ่อน 0% เป็นระยะเวลาสูงสุด 24 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 2,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2560 เมื่อซื้อ ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 8 และ เอส 8+ ทุกสี




###

เกี่ยวกับ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์

บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จุดประกายแรงบันดาลใจและสร้างวิถีแห่งอนาคตด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น โดยบริษัทได้สร้างนิยามใหม่ให้กับโลกของโทรทัศน์ สมาร์ทโฟน อุปกรณ์อัจฉริยะสวมใส่ได้ แท็บเล็ต กล้องถ่ายภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์การแพทย์ ระบบเครือข่าย สารกึ่งตัวนำและ LED โซลูชั่น สำหรับข่าวสารล่าสุด ท่านสามารถเยี่ยมชม Samsung Newsroom ได้ที่ news.samsung.com

21763
มาสเตอร์การ์ด นำเสนอวิวัฒนาการของเงินตราในภูมิภาคอาเซียน
ตั้งแต่เบี้ยสู่บัตรแบบไร้สัมผัส ในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ
คลิกลิงค์ http://view.ceros.com/mastercard/from-cowries-to-contactless/p/2วิวัฒนาการของเงินตรา


กรุงเทพฯ (20 กรกฎาคม 2560) – สิ่งประดิษฐ์ที่เก่าแก่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดของมนุษย์คือวิวัฒนาการของเงิน ล่าสุด มาสเตอร์การ์ด ได้จัดทำเว็บไซต์ในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ เพื่อนำเสนอวิวัฒนาการของเงินตราเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามลิงค์ http://view.ceros.com/mastercard/from-cowries-to-contactless/p/2

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิวัฒนาการของเงิน มีส่วนกำหนดรูปแบบการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค เริ่มจากยุคโบราณที่ใช้เปลือกหอยหรือเบี้ยและเหรียญดีบุกรูปสัตว์ต่างๆ แทนเงินในการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างกัน และวิวัฒนาการมาเป็นธนบัตรและบัตรพลาสติก ในปัจจุบัน และยิ่งกว่านั้น เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจึงได้เกิดนวัตกรรมการเงินใหม่ที่เรียกว่า “สกุลเงินเสมือนจริง (Virtual reality currency)” ซึ่งถือเป็นการเริ่มยุคทองของติจิตอล (Digital Gold) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้จากนี้ไปเราไม่จำเป็นต้องนำกระเป๋าสตางค์ติดตัวออกจากบ้าน นวัตกรรมเหล่านี้เป็นเส้นทางสู่การค้าขายสำหรับโลกอนาคต ที่เปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะใช้งานหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์ที่สวมใส่ (wearables) รวมถึงสามารถระบุตัวตนเฉพาะของแต่ละบุคคลหรือระบบไบโอเมตริกซ์ได้


สภาเศรษฐกิจโลก(World Economic Forum) ได้คาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคมดิจิตอลว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคอาเซียน (Gross domestic product) มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อจากนี้ไปอีกสิบปีข้างหน้า

ผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม วิวัฒนาการของเงินตราในภูมิภาคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ จะเปลี่ยนไปเป็นแบบใดเพื่อรองรับรูปแบบการเงินในอนาคต สามารถเข้าศึกษาได้ที่ “From Cowries to Contactless” หรือ  http://view.ceros.com/mastercard/from-cowries-to-contactless/p/1


###

เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด

MasterCard (NYSE: MA เว็บไซต์ www.mastercard.com ) เป็นบริษัทเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการชำระเงินระดับสากล บริษัทฯ ดำเนินงานผ่านเครือข่ายกระบวนการชำระเงินที่รวดเร็วที่สุดในโลก เชื่อมต่อผู้บริโภค สถาบันการเงิน ผู้ค้า หน่วยงานรัฐบาล และ ธุรกิจในกว่า 210 ประเทศ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นของมาสเตอร์การ์ดช่วยให้ธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจับจ่ายซื้อสินค้า การท่อง เที่ยว การดำเนินธุรกิจ และการจัดการทางการเงิน เป็นเรื่องง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ ได้ทาง ทวิตเตอร์ที่ @MasterCardAP และ @MasterCardNews ร่วมสนทนากับบริษัทฯ ผ่านทาง Beyond the Transaction Blog และ  สมัครที่นี่  เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดผ่าน Engagement Bureau

21764
คลัสเตอร์มะพร้าวบูม SMEตอบรับดีทะลุุเป้า 3,300 ราย

                      สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2560 ในกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าว ตามที่ได้รับมอบหมายจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เผยเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว ผู้ประกอบการภาคการผลิตและแปรรูปทั่วประเทศตอบรับดี สมาชิกเครือข่ายทะลุเป้า 3,300 รายแล้ว เฉพาะจ.ประจวบคีรีขันธ์มีผู้ให้ความสนใจมากกว่า 1,000 ราย รวม 9 กลุ่มเครือข่าย รองลงมาคือสุราษฎร์ธานีไม่น้อยกว่า 450 ราย รวม 3 กลุ่มเครือข่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งทีมผู้เชี่ยวชาญประชุมกลุ่มในหลายพื้นที่ จัดอบรมพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจหลายหลักสูตร เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การรวมกลุ่มให้ครบตามเป้าหมายไม่น้อยกว่า 25 กลุ่มเครือข่าย(Cluster) ภายในเดือนสิงหาคมนี้


นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์

                      นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามที่สถาบันอาหารได้รับมอบหมายจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)ให้เป็นหน่วยงานดำเนินการโครงการสนับสนุนเครือข่ายSME ปี 2560 ในกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าว ขณะนี้สถาบันอาหารได้จัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญไปประชุมกลุ่ม จัดอบรมพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เกษตรกร และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ โดยทยอยดำเนินการในพื้นที่เป้าหมายรวม 17 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ชุมพร พังงา สตูล ปัตตานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก นครสวรรค์ เลย ขอนแก่น หนองคาย นครราชสีมา และร้อยเอ็ด แบ่งเป็น 27 กลุ่ม รวมจำนวน 3,300 ราย โดยจ.ประจวบคีรีขันธ์มีผู้ให้ความสนใจสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายสูงสุดราว 1,350 ราย เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวมากที่สุดในประเทศคือประมาณ 422,000 ไร่ คาดว่าจะสามารถรวมกลุ่มได้ 9 กลุ่มเครือข่าย จาก 4 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมือง อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอสามร้อยยอด รองลงมาคือจ.สุราษฏร์ธานี มีผู้สนใจเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 450 ราย คาดว่าจะสร้างเครือข่ายได้ 3 กลุ่มเครือข่าย ส่วนที่เหลือจังหวัดละ 1 เครือข่าย

                      หลังจากนั้นจะผลักดันให้เกิดการรวมกลุ่มให้ได้อย่างน้อย  25 เครือข่ายตามเป้าหมาย ภายในเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมคัดเลือกผู้ประสานงานเครือข่าย (Cluster Development Agent-CDA) จำนวน  2-3 คนต่อกลุ่มเครือข่าย รวมไม่น้อยกว่า 70 คน เพื่อจัดทำแผนพัฒนากลุ่มคลัสเตอร์ทั้งระยะสั้น (1 ปี) ระยะกลาง (3 ปี) และระยะยาว (5 ปี) ในลำดับต่อไป

                      “ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันอาหาร ได้จัดให้มีประชุมกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าว ในกลุ่มจังหวัดสมุทรสาคร ในพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว ณ เทศบาลตำบลบ้านแพ้ว มีผู้เข้าร่วมจำนวน 156 คน โดยนางนิตยา พิระภัทรุ่งสุริยา รักษาการรองผู้อานวยการสถาบันอาหาร และนางสุนีย์ สุขสุเดช ปลัดอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร มาร่วมงานด้วย พร้อมจัดอบรมสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องสถานการณ์การผลิตและการตลาดพร้อมแนวโน้มอุตสาหกรรมมะพร้าว ความสำคัญของการรวมกลุ่มเครือข่าย (Cluster)  ความคาดหวังในการรวมกลุ่ม การสร้างความสัมพันธ์กลุ่ม การจัดโครงสร้างกลุ่ม การจัดทำการประเมินตนเอง(Self Assessment) การจัดทำ Cluster Map การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะพร้าว โดย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการและการตลาด  นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำเรื่องการเลือกพื้นที่ปลูก การเลือกพันธุ์มะพร้าว เทคนิคการปลูก การดูแลรักษา และการปลูกพืชเสริมกรณีผู้ปลูกใหม่ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการปลูกและการดูแลรักษามะพร้าว นายสิทธิชัย ทิมเทียม จากสวนไทรทอง  ศูนย์การเรียนรู้มะพร้าวพันธ์ดี”

                      โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าว เน้นส่งเสริมผู้ประกอบการต้นน้ำเป็นหลัก สนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มธุรกิจเกษตรเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าว เนื่องจากผลผลิตในปัจจุบันไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันในภาคการผลิตและแปรรูปจะมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจมะพร้าวประเภท การผลิตกะทิสำเร็จรูป เครื่องดื่มน้ำมะพร้าว และเครื่องสำอางที่ใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มนี้ตลาดมีอัตราการเติบโตสูง เฉพาะในปี 2560 คาดว่าการส่งออกมะพร้าวของไทยจะมีมูลค่า 17,492 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3  ในระยะยาวยังคงมีแนวโน้มเติบโตตามกระแสนิยมบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ SMEไทยจึงควรพยายามเร่งผลผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อจะไม่พลาดโอกาส

                      อนึ่ง ตลอดระยะเวลา 5  ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมในกลุ่มมะพร้าวมีการส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในปี 2559  มีมูลค่าส่งออก 14,544 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 ตลาดส่งออกหลักของไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนร้อยละ 30.3 รองลงมาคือสหภาพยุโรป และจีน มีสัดส่วนร้อยละ 28.3 และ 10.9 ตามลำดับ โดยจีนถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดถึงร้อยละ 100.2 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555 – 2559) ซึ่งเป็นผลจากความนิยมบริโภคน้ำกะทิเป็นเครื่องดื่มของชาวจีน โดยผลิตภัณฑ์ส่งออกมะพร้าวที่สำคัญของไทย ได้แก่ กะทิสำเร็จรูป (75.1%) มะพร้าวอ่อน (14.5%) มะพร้าวแห้ง (5.4%)  มะพร้าวสด (2.5%) และน้ำมันมะพร้าว(2.4%) โดยผลิตภัณฑ์มะพร้าวสดขยายตัวโดดเด่นที่สุด คิดเป็น   ร้อยละ 178.9 จากความต้องการของประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือน้ำมันมะพร้าว ขยายตัวร้อยละ 60.4


สมาชิก cluster มะพร้าว@สมุทรสาคร


สมาชิก cluster มะพร้าว@สมุทรสาคร


อบรม cluster มะพร้าว@สมุทรสาคร


สสว+สถาบันอาหาร จัดอบรม Cluster มะพร้าว@สมุทรสาคร

21765
10 ร้านอาหาร ประชันความมุ่งมั่นสานความฝัน โชว์ 10 เมนูเด็ด เรียกคะแนนโค้งสุดท้ายเพื่อคว้าตำแหน่งสุดยอดนักปรุงผู้พิชิตฝัน


22 กรกฎาคม 60 - กรุงเทพฯ/ เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว สำหรับกิจกรรม “UFS ปรุงชีวิตพิชิตฝัน” โดยยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ (UFS) โครงการสานฝันเพื่อผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีความมุ่งมั่นและต้องการพัฒนาตนเอง ชวนประชาชนทั่วไปร่วมชิมเมนูเด็ดจาก 10 นักปรุงผู้พิชิตฝัน และลงคะแนนโหวตเป็นกำลังใจในโค้งสุดท้าย อีกทั้งยังรับฟังเคล็ดลับดีๆ ในการทำธุรกิจร้านอาหารจากยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ และไอดอลผู้ประกอบการร้านอาหาร “เจ๊จงหมูทอดร้อยล้าน” ที่มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจเพื่อสานฝันในการทำธุรกิจร้านอาหารต่อไป

นางสาวมนจุฑา ปรียารัตน์ กรรมการผู้จัดการ ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการยกระดับพัฒนาผู้ประกอบการร้านอาหารในทุกกลุ่ม ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ ประเทศไทย จึงได้จัดโครงการ “UFS ปรุงชีวิตพิชิตฝัน หรือ Hero Behind The Dish” เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องจากเราเปรียบผู้ประกอบการร้านอาหารกลุ่มนี้เสมือน “ฮีโร่” ที่เป็นตัวแทนของคนไทยที่มีส่วนทำให้ร้านอาหารของไทยกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทย”

“เพื่อเป็นการช่วยติดอาวุธให้กับฮีโร่ของเรา และสร้างฝันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์จึงได้นำความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารงานครัว และร้านอาหาร จาก “กูรูด้านอาหารของยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์” ซึ่งล้วนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเป็นปรึกษาให้แก่ร้านอาหารขนาดใหญ่ ร้านอาหารโรงแรม และร้านอาหารเครือข่าย ผสานกับแรงบันดาลใจจากผู้เป็นเสมือนไอดอลของพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหาร “เจ๊จงหมูทอดร้อยล้าน หรือคุณจงใจ กิจแสวง” ผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อความยากลำบาก จนประสบความสำเร็จ และยังเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์ ฟู้ดโซลูชั่นส์ ตัวจริง ทั้งคนอร์ รสทิพ และคนอร์ ผงรสมะนาวในการปรุงรสชาติอาหารจนเป็นที่นิยม โดยผู้ประกอบการร้านอาหารที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเป็น “นักปรุงผู้พิชิตฝัน” จำนวน 10 ร้าน ล้วนได้เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น ได้แก่ การบริหารงานครัว การบริหารต้นทุนร้านอาหาร และการสร้างสรรค์เมนูอาหาร ซึ่งสิ่งที่ได้จากการอบรมทั้งหมดนี้ได้นำมาโชว์จริงผ่านเมนูเด็ดของแต่ละร้านทั้ง 10 เมนู รวมถึงการนำเสนอแนวทางการพัฒนาร้านและต่อยอดสานฝันให้เป็นจริงต่อไป” 






ในกิจกรรม “UFS ปรุงชีวิตพิชิตฝัน รอบชิงชนะเลิศ” นักปรุงผู้พิชิตฝัน ทั้ง 10 คน ได้นำเอาเมนูเด็ดเมนูใหม่ที่ได้สร้างสรรค์จากการเวิร์คช็อปมาจัดแสดงและจัดให้ประชาชนทั่วไปได้ชิมจริง  ดังนี้ U1 นักปรุงใจพระ รังสรรค์ ปรางวิเศษ ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่ กรุงศรี จ. พระนครศรีอยุธยา “เมนูต้มยำไข่เต่าเจ้าพระยา” U2 นักปรุงหนุ่มคนซื่อ สมชาย เหว่ยแม  อาหารตามสั่งป้าดาว  จ. ราชบุรี “เมนูผัดกระเพราหมูกรอบ” U3 นักปรุงเพื่อชีวิตใหม่ นลินี ม้าเทศ ร้านกริลส์ชิล่า ปิ้งย่าง จ. กาญจนบุรี “เมนูกุ้งบอมบ์” U4 นักปรุงโรแมนติก วรเมธ อู่แสงทอง ร้านตำฮัก จ. สมุทรสาคร “เมนูปูไข่ดองทะเลยำ U5 นักปรุงไทยใจอินเตอร์ วรุณวรรณ คงตะแบก ร้านอาหารไทย ๔ ภาค จ. กรุงเทพมหานคร “เมนูห่อหมกทะลผัดแห้ง” U6 นักปรุงยอดกตัญญู พนิดา นนท์ตา ร้าน by พนิดา จ. ศรีสะเกษ “เมนูก๋วยจั๊บโบราณ” U7 นักปรุงหัวใจแกร่ง ปภาดา วุฒวัณณ ร้านครัว ตัว ต. จ. อุบลราชธานี “เมนูสเต็กหมูภูธร” U8 นักปรุงคิดนอกกรอบ เกรียงไกร ยอดสิงห์ ร้าน Friend’s Steak จ.กรุงเทพมหานคร “เมนูสปาเกตตี้ไข่ลาวา” U9 นักปรุงดอกไม้เหล็ก กุลชญา คงมั่น ร้านเรา จ. กรุงเทพมหานคร “เมนูแกงเขียวหวานหมู” และ U10 นักปรุงอารมณ์ดี ดรุณี นาคะวะรังค์ ร้านเจ๊หนูโคตรอร่อย จ.นนทบุรี “เมนูทะเลกรอบราดซอสมะขาม” อีกทั้งจะต้องนำเสนอผลงาน พร้อมกับเล่าความฝันในการพัฒนาร้านของตัวเองต่อคณะกรรมการในรอบชิงชนะเลิศนี้ด้วย

สำหรับกติกาการตัดสินนั้น แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ จากการสังเกตการพัฒนา และการนำความรู้ที่ได้ไปปรับปรุงร้านตลอดระยะเวลาที่มาเข้าอบรมจนถึงก่อนวันชิงชนะเลิศของคณะกรรมการ (50 คะแนน) จากการนำเสนอของผู้เข้าแข่งขันในวันตัดสิน โดยพิจารณา 3 ปัจจัย ได้แก่ หนึ่ง ความน่าสนใจ แรงบันดาลใจ และที่มาที่ไปของเมนู สอง รสชาติอาหารที่อร่อยถูกปาก  และสาม แผนและแนวการพัฒนาร้านที่ชัดเจนในอนาคต (30 คะแนน) และสุดท้ายยังได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วม ด้วยการให้คะแนนจากการโหวตจากทางออนไลน์ทางเว็บไซต์ปรุงชีวิตพิชิตฝัน (20 คะแนน) ซึ่งเปิดโหวต ตั้งแต่วันที่ 1 - 22 กรกฎาคม 2560 โดยผู้ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับทุนสนับสนุนรวม 500,000 บาท ผู้ชนะเลิศอันดับ 2 รับทุนสนับสนุนรวม 300,000 บาท ผู้ชนะเลิศอันดับ 3 รับทุนสนับสนุนรวม 100,000 บาท และรางวัลชมเชยรับทุนสนับสนุนรวม 10,000 บาท  รวมทั้งสิ้น 7 รางวัล

“ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการเดินทางสู่เส้นทางความสำเร็จไปพร้อมกับผู้ประกอบการร้านอาหารให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และให้การสนับสนุนด้วยการจัดกิจกรรมดีๆ เพื่อช่วยติดอาวุธและยกระดับผู้ประกอบการร้านอาหารในทุกๆ ด้านต่อไป” นางสาวมนจุฑากล่าวปิดท้าย

นอกจากโครงการ UFS ปรุงชีวิตพิชิตฝัน ยูนิลีเวอร์ ฟู้ด โซลูชั่นส์ยังมีกิจกรรมเวิร์คช็อป อบรม และสัมมนาให้ความรู้ในธุรกิจร้านอาหารอย่างสม่ำเสมอ ผู้สนใจสามารถติดตามและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ทาง Facebook มือโปรความอร่อย LINE @ufsthailand หรือ โทร 0-2554-2400

























Pages: 1 ... 1449 1450 [1451] 1452 1453 ... 2397