enjoyjam.net

นวัตกรรมยานยนต์ => นวัตกรรมยานยนต์ - รถยนต์ - มอเตอร์ไซต์ - อุปกรณ์เสริม => Topic started by: MSN on November 27, 2013, 07:12:49 AM

Title: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 27, 2013, 07:12:49 AM
งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30



          งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
          Exhibition Public 28 November 2013 10 December 2013
          Venue : ชาเลนเจอร์ 1-3
          งานแสดงเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์, รถยนต์และการตกแต่งรถยนต์ทั้งภายในและภายนอก พร้อมโอกาสดีๆ ที่เลือกซื้อรถยนต์และอุปกรณ์เครื่องมือ
          28 พ.ย.วันผู้สื่อข่าว และแขกรับเชิญ (Press & VIP Day)
          29 พ.ย.วันมหากุศล (Grand Charity Day)
          จ. - ศ. 12.00 - 22.00 น..
          ส. - อา. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.00 - 22.00 น.
          ค่าบัตรผ่านประตู : 100 บาท
          Contact Event Organiser
          บริษัท สื่อสากล จำกัด
          โทร: 02-641 8444
          โทรสาร: 02-641 8480
          เว็บไซต์ : http://www.autoinfo.co.th/motorexpo
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 27, 2013, 08:04:14 AM
ฮอนด้า ชูแนวคิด “Shining Through The Next Era” ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30


 
          ฮอนด้า ชูแนวคิด "Shining Through The Next Era" ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 โชว์ซูเปอร์สปอร์ตไฮบริดต้นแบบฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ และเปิดตัวรถยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ พร้อมตอบรับทุกความต้องการ
 
          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยโฉมบูธฮอนด้า ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ภายใต้แนวคิด “Shining Through The Next Era” สะท้อนแนวคิดของฮอนด้าในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือก สอดคล้องวิสัยทัศน์และเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการคิดค้นและพัฒนายนตรกรรมที่มีสมรรถนะสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อมอบความสุขในการเดินทางให้กับผู้คน (The Joy and Freedom of Mobility) ควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในสังคมที่ยั่งยืน (A Sustainable Society where People Can Enjoy Life)

          สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ฮอนด้าเตรียมนำรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตไฮบริดต้นแบบ ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ ที่มีระบบ Sport Hybrid SH-AWD (Super Handling All Wheel Drive) เป็นไฮไลท์เพื่อนำเสนอความสนุกและนิยามใหม่ของความเป็นอิสระในการขับขี่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอวดโฉม ตอกย้ำฐานะผู้นำแห่งนวัตกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือก ไม่พลาด! กับการเปิดตัวรถยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ พร้อมรถยนต์พลังงานทางเลือกหลากหลายรุ่นและรถยนต์ฮอนด้าครบทุกรุ่นที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ร่วมติดตามยนตรกรรมแห่งอนาคตและข้อเสนอพิเศษเดียวในงานนี้เท่านั้น ณ บูธฮอนด้า ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2556
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 27, 2013, 08:09:23 AM
Gossip News: สุรยุทธิ์ โพธิ์ศิริสุข งาน Motor Expo 2013


 
          ตอบโจทย์ความปลอดภัย คุ้มค่า ต้องยกให้กระบะสายพันธุ์แกร่งของ สุรยุทธิ์ โพธิ์ศิริสุขบิ๊กบอสสามมิตร กรีนพาวเวอร์ ที่ขยันคิดค้นนวัตกรรมรถยนต์เอาใจคนรักซีเอ็นจีให้มีทางเลือกใหม่ๆ ไม่เคยขาดล่าสุดเตรียมส่งกระบะน้องใหม่ “เอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี”ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์“ แรง ทน คุ้มค่า” เป็นครั้งแรก จะแรง ทน คุ้มค่า แค่ไหน ไปสัมผัสกันได้ในงาน Motor Expo 2013 พร้อมข้อเสนอดีๆ ที่มีมาเซอร์ไพรส์เป็นพิเศษกับดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน หรือ ดาวน์เริ่มต้น 29,900 บาท ก็ถอยรถออกมาขับได้เลยอัดเข้มเต็มสูบส่งท้ายปี ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.-10 ธ.ค. 56 ที่บูธB02 อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานีดูข้อมูลได้ที่ www.sgp.co.th

Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:07:43 AM
ทาทา มอเตอร์ส ขนกองทัพรถยนต์หลากหลายรูปแบบ จัดแสดงครั้งแรกใน มอเตอร์ เอ๊กซ์โป 2013








 
           รถที่นำมาจัดแสดงในงาน :
          - ทาทา นาโน (Tata Nano)
          - ทาทา วิสต้า ดี90 (Tata Vista D90)
          - ทาทา มานซ่า คลับ (Tata Manza Club)
          - ทาทา เอเรีย 4X4 (Tata Aria 4x4)
          - ทาทา ซาฟารี สตอร์ม (Tata Safari Storme)
          - ทาทา เมจิก ไอริส (Tata Magic Iris)
          - ทาทา ซูเปอร์เอซ ซิตี้ไจแอนท์ (ดีไซน์เป็นร้านค้าเคลื่อนที่ mobile shop)
          (Tata Super Ace City Giant)
          - ทาทา เอซ (Tata Ace Dicor)
          - ทาทา ซูเปอร์เอซ ซิตี้ไจแอนท์ สีใหม่ ขาวไอวอรี่ ไวท์ และ เทา คาสเซิลเกรย์
          (Tata Super ACE City Giant )(New Ivory White and Castle Grey)
          - กระบะ ทาทา ซีนอน หลากหลายรุ่น (Tata Xenon Pickup Range)
          - รถหัวลาก แดวูโนวัส (Daewoo Novus V3TSF 6X4 Diesel Tractor)

          บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำรถยนต์หลากหลายประเภท ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์ มาจัดแสดงในงาน มอเตอร์ เอ๊กซ์โป ครั้งที่ 30 หรือ Thailand International Motor Expo 2013 และในบรรดารถเพื่อการพาณิชย์ที่ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย นำมาจัดแสดงนั้น จะมีรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กอย่าง ทาทา ซูเปอร์เอซ ซิตี้ไจแอนท์ สีใหม่ คือ สีขาวไอวอรี่ ไวท์ และ สีเทา คาสเซิล เกรย์ และ ทาทา ซูเปอร์เอซ ซิตี้ไจแอนท์ ที่ดีไซน์พิเศษ โชว์แนวคิดทำเป็นร้านค้าเคลื่อนที่ แบบ mobile shop ขณะเดียวกันยังนำรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดกะทัดรัด อย่าง ทาทา เมจิก ไอริส ที่สามารถเป็นได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลแบบ 4 ที่นั่ง พร้อมมีพื้นที่สำหรับเป็นรถตู้ขนส่งสินค้า และ ทาทา เอซ เครื่องยนต์ดีเซล Dicor ที่เป็นรถกระบะขนาดกะทัดรัดที่มีความคล่องแคล่วกับการใช้งานในเมืองและให้ความประหยัดเชื้อเพลิง
 
          ในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ มีทั้งรถครอสโอเวอร์ ระหว่าง เอ็มพีวี กับ เอสยูวี อย่าง ทาทา เอเรีย 4x4 รถอเนกประสงค์เอสยูวี ทาทา ซาฟารี สตอร์ม รถซีดาน ทาทา มานซ่า คลับคลาส รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ทาทา วิสต้า ดี90 และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดกะทัดรัดอย่าง ทาทา นาโน นอกจากนี้ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังนำรถหัวลากที่ปรับโฉมมาใหม่อย่าง แดวู โนวัส V3TSF 6x4 เครื่องยนต์ดีเซล จาก ทาทาแดวู คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิล รวมทั้งรถกระบะ ทาทา ซีนอน อีกมากมายหลากหลายรุ่น มาจัดแสดงไว้ในงานนี้ด้วย

          ทางด้าน มร.ซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการนำรถประเภทต่างๆ มาจัดแสดงในครั้งนี้ว่า “วันนี้เรารู้สึกภูมิใจที่ได้นำบางส่วนในบรรดารถที่ขายดีที่สุดของเรามาจัดแสดง ทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์ และด้วยผลิตภัณฑ์อันหลากหลายเหล่านี้ เรากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะนำเสนอให้กับลูกค้าชาวไทย รถรุ่นต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการผลิตรถยนต์ที่สามารถวางใจได้ว่า มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม คุ้มค่า คุ้มราคา คุณภาพที่เหนือระดับ ให้ทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัย และด้วยปรัชญาการทำงาน ฮอไรซอนเน็กซ์ (Horizonext) ยิ่งทำให้เราเสริมสร้างความมุ่งมั่นตั้งใจกับลูกค้าชาวไทย ในการนำเสนอสิ่งต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้นในตลาดที่น่าตื่นเต้นในประเทศนี้”

          สำหรับปรัชญาการดำเนินงาน Horizonext นั้น เป็นแนวคิดที่มี 4 องค์ประกอบหลักในการสร้างประสบการณ์การซื้อรถที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า นั่นคือ การมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใช้มาตรฐานการผลิตในระดับโลก มอบประสบการณ์การซื้อรถที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า และความสม่ำเสมอในการมอบคุณภาพการบริการหลังการขาย

          ส่วนรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย นำมาจัดแสดง มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
          ทาทา นาโน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดกะทัดรัด ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 624 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 38 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 51 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำ
          รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู ทาทา วิสต้า ดี90 ใช้เครื่องยนต์ควอดราเจ็ท ดีเซล (Quadrajet Diesel) ขนาด 1.3 ลิตร 90 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยอย่างครบครัน ให้อัตราเร่งจาก 0-100กม./ชม. ที่ 15.5 วินาที
          ทาทา ซาฟารี สตอร์ม รถอเนกประสงค์ SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล VariCOR 2.2 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์เจอร์ ให้กำลังสูงสุดที่ 138 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร
          ส่วน ทาทา มานซ่า คลับ คลาส เป็นรถยนต์ซีดานขนาดกลาง 4 ประตู ปกติจะมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบเครื่องยนต์ ดีเซล คอมและเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งตัวที่นำมาจัดแสดงนี้เป็น เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร 88.5 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
          ทาทา เอเรีย รถครอสโอเวอร์ ที่เป็นทั้งรถอเนกประสงค์สะดวกสบายแบบ MPV 7 ที่นั่ง และมีความเป็น SUV ที่มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 4x2 และ 4x4 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Dicor 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร
รถหัวลาก แดวู โนวัส V3TSF 6x4 ใช้เครื่องยนต์ดูซาน Doosan ดีเซล แบบ วี 6 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 10,964 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ให้กำลังสูงสุด 420 แรงม้า ที่ 1,800 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 1,834 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 1,100 รอบต่อนาที พร้อมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ รวมทั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่างๆ อีกมากมาย
          ทาทา เมจิก ไอริส รถขนาด 3+1 ที่นั่ง ที่เป็นได้ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและมีพื้นที่สำหรับการบรรทุกขนส่งสินค้า ใช้เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 611 ซีซี ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีปริมาตรบรรจุเชื้อเพลิงเพียง 10 ลิตร เพราะให้อัตราสิ้นเปลืองต่ำที่ประมาณ 30-35 กิโลเมตรต่อลิตร
          ทาทา เอส รถมินิทรัค หรือรถกระบะขนาดเล็ก ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Dicor แบบ 4 สูบ ขนาด 800 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 40.2 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 94 นิวตันเมตร และถึงแม้จะเป็นรถกระบะขนาดเล็กแต่มีความสามารถในการบรรทุกได้มากถึง 800 กิโลกรัม และด้วยความคุ้มค่าคุ้มราคาของ ทาทา เอส ทำให้เป็นรถที่มียอดจำหน่ายทั่วโลกสูงถึง 1.1 ล้านคัน
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:09:48 AM
เมอร์เซเดส-เบนซ์ยกทัพขบวนรถหรูหลากรุ่นสร้างสีสันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 30









          - พบกับรถยนต์ต้นแบบ the concept GLA พร้อมเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ 4 รุ่นได้แก่ the new GL 350 BlueTEC AMG Premium, the E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic, the C 200 Edition C และ the C 250 AMG Plus

          บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมกระตุ้นตลาดรถหรูส่งท้ายปีในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมี่ยม จัดทัพนำขบวนยนตรกรรมหรูรวมกว่า 21 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ รวมทั้งรถยนต์ต้นแบบและยนตรกรรมใหม่ล่าสุด จัดแสดงในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

          มร. ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “งานมอเตอร์เอ็กซ์โปเป็นหนึ่งในกิจกรรมการตลาดส่งท้ายปี ซึ่งในปีนี้เราได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการจัดแสดงสุดยอดยนตรกรรมไว้อย่างยิ่งใหญ่ในฐานะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็น ผู้บุกเบิกโลกแห่งยนตรกรรมมามากกว่า 125 ปี โดยบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้สะท้อนถึงปรัชญาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ว่า “The best or nothing.”โดยเราได้นำขบวนยนตรกรรมหลากหลายเทคโนโลยีและดีไซน์มาจัดแสดงกว่า 21 รุ่น รวมทั้งรถยนต์ต้นแบบและ ยนตรกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกกลุ่มพร้อมกับราคาที่น่าสนใจด้วย”

          ไฮไลท์พิเศษของงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปีนี้ คือ การนำเสนอยนตรกรรมต้นแบบ และยนตรกรรมใหม่ล่าสุด โดยเริ่มจาก Concept GLA รถยนต์ต้นแบบ SUV คอมแพ็คพรีเมี่ยม ที่ได้รับการออกแบบโดยได้รับอิทธิพลมาจากรถยนต์รุ่น A-Class และ B-Class ที่เน้นความเป็นสปอร์ตเหมาะสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สำคัญโดดเด่นด้วยนวัตกรรมไฟส่องสว่างที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบันคือเทคโนโลยีระบบเลเซอร์โปรเจ็คเตอร์ ในโคมไฟหน้าที่จะให้แสงสว่างที่คมชัดและสามารถฉายภาพยนต์ได้ด้วย GL 350 BlueTEC AMG Premium ยนตรกรรมหรู SUV ใหม่ระดับลักซ์ชัวรีที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์อันทรงพลังและสมรรถนะรวมถึงระบบความปลอดภัยใหม่ที่เหนือกว่าพร้อมพื้นที่ภายในกว้างขวาง ถัดมาเป็นสมาชิกล่าสุดในตระกูล E-Class family คือ E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic ยนตรกรรมหรูที่มาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยอรรถประโยชน์กว้างขวาง C 200 Edition C ที่มาพร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น มีสไตล์ ในทุกองค์ประกอบ บ่งบอกถึงความปราดเปรียว สปอร์ต แข็งแกร่ง สะกดทุกสายตา ตั้งแต่กระจังหน้าแบบสปอร์ต เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม รวมทั้งชุดแต่ง AMG และ C 250 AMG Plus โดดเด่นในทุกรายละเอียด สะท้อนถึงอารมณ์ความเป็นสปอร์ตที่เร้าใจกว่าเดิม ตั้งแต่ไฟหน้าแบบไบซีนอน พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าอัจฉริยะ ช่วงล่างแบบสปอร์ต พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG Plus

          Concept GLA – Escape the everyday ต้นแบบนวัตกรรมคอมแพ็คพรีเมี่ยม SUV
          Mercedes-Benz Concept GLA เป็นยนตรกรรมต้นแบบของรถยนต์พรีเมี่ยม SUV ขนาดคอมแพ็คใหม่ล่าสุด มีขนาดมิติตัวถังความยาว 4,383 มิลลิเมตร กว้าง 1,978 มิลลิเมตร และสูง 1,579 มิลลิเมตร ได้รับการออกแบบโดยได้รับอิทธิพลมาจากรถยนต์รุ่น A-Class และ B-Class โดย Concept GLA มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 155 กิโลวัตต์ 211 แรงม้า ขนาดความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี ใช้ระบบส่งกำลังแบบคลัทช์คู่เดินหน้า 7 จังหวะ (7G-DCT) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4MATIC

          Concept GLA รถยนต์พรีเมี่ยม SUV ขนาดคอมแพ็คได้รับการปฏิวัติในการดีไซน์ใหม่โดยให้มีรูปลักษณ์ภายนอกสปอร์ตและทันสมัยเหมือนรถยนต์คูเป้มากขึ้น แต่มีบุคลิกที่แข็งแกร่ง ดุดันกว่า เต็มไปด้วยพละกำลัง ภายใต้แนวคิด “Escape the everyday” เมอร์เซเดส-เบนซ์ Concept GLA จึงเหมาะแก่การใช้งานเพื่อการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อหลีกหนีความจำเจในชีวิตประจำวันอีกด้วย

          รูปลักษณ์ภายนอก สวยงามโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ล้ำหน้าไปในอนาคต กระจังหน้าแบบสปอร์ตพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตรงกลาง โคมไฟหน้าและหลังมีขนาดใหญ่และยาวขึ้น ลายเส้นพลิ้วไหวโค้งนูนด้านข้างดึงดูดสายตาแสดงให้เห็นถึงพลังและความมุ่งมั่น ภายในได้รับการดีไซน์ให้มีความสปอร์ตทันสมัยล้ำยุค สวยงามสมบูรณ์แบบเหมือนงานประติมากรรมชั้นเลิศ สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างอีกระดับที่เปี่ยมด้วยคุณภาพของรถคอมแพ็ค SUV ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ห้องโดยสารโดยรวมให้อารมณ์สปอร์ตและความทันสมัยด้วยโทนสีเฉดน้ำตาลสลับสีเทา เบาะแบบสปอร์ต 4 ที่นั่งแยกอิสระ ช่องแอร์บนแผงคอนโซลหน้าและด้านหลังมีรูปแบบเหมือนในรุ่น Concept A-Class และ Concept Style Coupe แต่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นคือสามารถปรับสีได้ตามอุณหภูมิ คือ จะเป็นสีขาวถ้าอุณหภูมิที่ 22 องศาเซลเซียส และจะเป็นสีฟ้าถ้าอุณหภูมิต่ำลง หากร้อนขึ้นจะเป็นสีแดง

          ที่สำคัญเมอร์เซเดส-เบนซ์ Concept GLA มาพร้อมกับนวัตกรรมด้านแสงไฟใหม่ล่าสุดแห่งโลกยนตรกรรมในปัจจุบัน คือ ดวงไฟหน้าติดตั้งด้วยระบบเลเซอร์โปรเจ็คเตอร์ ที่ไม่เพียงให้ลำแสงไฟที่สว่างมากขึ้นสะดวกในการขับขี่ แต่ยังสามารถทำงานร่วมกันระหว่างเซ็นเซอร์ในระบบไฟหน้าและระบบนำทางผ่านดาวเทียม (navigation system) เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สภาพท้องถนนล่วงหน้า นอกจากนี้ยังสามารถฉายภาพ และภาพยนตร์จาก smartphone และจากอินเตอร์เน็ตอื่นๆ ได้อีกด้วย นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญแห่งวิศวกรรมยานยนต์ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถให้มากขึ้น

          GL 350 BlueTEC AMG Premium : SUV หรูระดับเฟิร์สคลาส พร้อมในทุกสถานการณ์
          GL 350 BlueTEC AMG Premium เป็นยนตรกรรม SUV หรูในระดับลักซ์ชัวรีออฟโรด 7 ที่นั่งขับเคลื่อน 4 ล้อ โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ภายในและภายนอก ด้วยดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวแฝงไปด้วยพละกำลัง แต่ยังคงความหรูหรา สะดวกสบายและปลอดภัย ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยม พร้อมด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางให้ความสะดวกสบายในทุกอิริยาบถ แม้จะอยู่ในเบาะคู่แถวที่ 3 โดยพนักพิงเบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบบ 1/3 และ 2/3 ด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนเบาะนั่งแถว 2 สามารถพับ-เลื่อนเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าออกรถสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 (EASY-ENTRY) รวมทั้งเบาะแถวที่ 3 ยังสามารถพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน โดย GL 350 BlueTEC AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2,987 ซีซี ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 190 กิโลวัตต์ (258 แรงม้า) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. โดยขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) แบบ DIRECT SELECT พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles) และยังเพียบพร้อมไปด้วยระบบความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind Assist) ระบบรักษาการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ขณะเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูง และเมื่อขับขี่แบบออฟโรด (Active Curve System) และเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับด้วยกล้องแสดงภาพ 360 องศา เป็นต้น GL 350 BlueTEC AMG Premium ราคา 8,990,000 บาท

          E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic
          E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic เป็นยนตรกรรมรุ่นล่าสุดในตระกูล E-Class family ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน เน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ตั้งแต่แผงกระจังหน้าและโคมไฟคู่หน้า ด้วยการนำไฟแบบ LED มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนภายในห้องโดยสารมีคัดสรรวัสดุชั้นดีมีคุณภาพสูงมาใช้ให้ดูหรูหราขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง โดยพื้นที่เก็บบรรทุกสัมภาระด้านหลังมีความจุถึง 1,905 ลิตร ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ทั้งยังประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ ระบบเปิด-ปิดฝาท้ายอัตโนมัติ EASY-PACK tailgate เพียงปลายนิ้วสัมผัส แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย แบบดึงกลับ-เลื่อนเปิดขึ้นอัตโนมัติ และระบบ quickfold ซึ่งปรับที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังออกเป็น 1/3 : 2/3 ตอนได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย พร้อมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) ที่ 4,200 รอบ/นาที และให้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า)ให้แรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 1,800 รอบ/นาทีและให้แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 280 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 232 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic ราคา 4,190,000 บาท

          C 200 Edition C
          C 200 Edition C ยนตรกรรมที่ได้รับการออกแบบให้โดดเด่นมีดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น ตั้งแต่กระจังหน้าแบบสปอร์ตสีดำเคลือบเงาเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และไฟหน้าแบบฮาโลเจน (halogen) รมดำ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น Edition C ซึ่งทำให้เพิ่มความปราดเปรียว ดุดัน และดูกระฉับกระเฉงมากขึ้น เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งการตกแต่งภายในที่ใช้วัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยม มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 1,796 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์ (184 แรงม้า) ที่ 5,250 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 270 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 4,600 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.8 วินาที และความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) C 200 Edition C ราคา 2,290,000 บาท

          C 250 AMG Plus
          C 250 AMG Plus เป็นยนตรกรรมที่สะท้อนถึงอารมณ์ความเป็นสปอร์ตที่เร้าใจกว่าเดิม ตั้งแต่ไฟหน้าแบบไบซีนอน พร้อมระบบปรับโคมไฟหน้าอัจฉริยะ หลังคาซันรูฟแบบกระจก เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ช่วงล่างแบบสปอร์ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวและยึดเกาะถนนอย่างมั่นคง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต รวมทั้งชุดแต่ง AMG bodystyling ตั้งแต่ภายนอก ทั้งกันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอย AMG ลาย 7 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต ทูโทน ดำ-บรอนซ์เงิน สปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้าย ไปจนถึงภายในห้องโดยสารที่มีเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfiber สีดำเดินด้ายสีแดง มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 1,796 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) ที่ 5,500 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 310 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,300 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 7.2 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) C 250 AMG Plus ราคา 2,990,000 บาท

          นอกจากไฮไลท์ดังกล่าว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนสุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 21 คันในทุกเซ็กเมนต์ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ อาทิ S 400 HYBRID, E 200 Executive, E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic, A 250 AMG Sport, CLA 250 AMG Sport, ML 250 BlueTEC AMG Dynamic, C 180 Coupe AMG Dynamic และ Vito 115 CDI เป็นต้น

          ข้อเสนอพิเศษในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป
          นอกเหนือจากขบวนรถมากมายที่นำมาจัดแสดงภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้จัดข้อเสนอพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2556 ดังนี้
          - สำหรับทุกท่านที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นและรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2556 (ยกเว้นรุ่น CLA-Class, M-Class และ S-Class) ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
          เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมต้นแบบและยนตรกรรมใหม่ล่าสุดทั้ง 4 รุ่นและยนตรกรรมหลากหลายรุ่นได้ใน งานมอเตอร์เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมศกนี้ ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:11:44 AM
สามมิตร กรีนพาวเวอร์ โชว์ที่สุดนวัตกรรมรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง “เอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” นิยามใหม่ของความ“แรง ทน คุ้มค่า” เผยโฉมตัวจริงครั้งแรกในโลกที่งาน Motor Expo 2013









สามมิตร กรีนพาวเวอร์ชูธงผู้นำนวัตกรรมรถกระบะซีเอ็นจีแบรนด์ไทยมาตรฐานระดับโลก ยกระดับการคิดค้นยนตรกรรมทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัว “กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี”น้องใหม่สายพันธุ์แกร่งที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์“แรง ทน คุ้มค่า” ตอกย้ำมาตรฐานเหนือระดับกับเทคโนโลยีชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNGซึ่งเป็นระบบการเผาไหม้ล่าสุด DF-PCCI เป็นระบบเชื้อเพลิงที่สมบูรณ์แบบที่สุด เผยโฉมตัวจริงครั้งแรกของโลกในงาน Motor Expo 2013 พร้อมจัดข้อเสนอสุดพิเศษมอบโปรโมชั่นแรงแห่งปี ตั้งแต่วันนี้ -10 ธ.ค. นี้ ที่เมืองทองธานีแห่งนี้

นายสุรยุทธิ์ โพธิ์ศิริสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สามมิตร กรีนพาวเวอร์ จำกัด (SGP)ผู้ผลิตและจำหน่ายรถกระบะซีเอ็นจีแบรนด์ไทยมาตรฐานระดับโลกเปิดเผยว่าสามมิตร กรีนพาวเวอร์มีความมุ่งมั่นในการดำเนินนโยบายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานที่มีคุณภาพ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากได้ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาชุดอุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติแบบเชื้อเพลิงร่วมสำหรับรถยนต์ดีเซล (PTT Diesel CNG) ซึ่งเป็นกระบวนการเผาไหม้แบบใหม่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกับน้ำมันดีเซลในระบบเชื้อเพลิงร่วมสำหรับรถยนต์ดีเซล(Dual Fuel – PremixedCharge Compression Ignition: DF-PCCI) โดยทางสามมิตร กรีนพาวเวอร์ได้นำชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNG มาติดตั้งในรถกระบะซีเอ็นจีภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อทดสอบสมรรถนะการใช้งานจริง จนกระทั่งสามารถนำร่องขยายผลสู่สายการผลิตเชิงพาณิชย์ให้กับผู้บริโภคได้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

“จากผลตอบรับที่ดีในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มียอดสั่งจองล่วงหน้ากว่า 100 คัน ถือเป็นความสำเร็จที่ทำให้เราต้องเร่งวางแผนการพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่โดยขณะนี้ เรามีความพร้อมอย่างยิ่งในการนำเสนอรถรุ่นใหม่ล่าสุด “กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” อีกหนึ่งความภาคภูมิใจในตระกูลสายพันธุ์แกร่งที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ“แรง ทน คุ้มค่า” และชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNG ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท.ซึ่งเราได้นำรถตัวจริงมาเปิดตัวเป็นครั้งแรก ในงาน Motor Expo 2013 เพื่อเสนอเป็นทางเลือกใหม่ที่ให้ความคุ้มค่าสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะความแรงของเครื่องยนต์ดีเซล” นายสุรยุทธิ์ กล่าว

ความโดดเด่นของ “กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี”อยู่ที่การตอกย้ำความมั่นใจในคุณภาพ ด้วยมาตรฐานการผลิต การออกแบบ และการทดสอบทั้งระบบโดยผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานสากลISO 15501-1/2 หรือ มอก.2333-1/2สามารถตอบโจทย์ความ “แรง” ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2,494 ซีซี ดีโฟร์ดี คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น 16 วาล์ว 144 แรงม้า สมรรถนะการขับขี่เทียบเท่ารถยนต์ดีเซล100%“ทน” ด้วยการประกอบชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNG ในส่วนของ ECU CONTROL ทั้งเครื่องยนต์และระบบการจ่ายก๊าซและน้ำมัน จึงควบคุมอัตราการจ่ายเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสมกันตลอดเวลา (FULL CONTROL)ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ไม่ร้อนเกินไป ส่งผลให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ มีความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน “คุ้มค่า” ด้วยการติดตั้งถังบรรจุก๊าซซีเอ็นจี 3 ถัง 2 ระบบ ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าระบบซีเอ็นจีทั่วไปถึง 0.2 บาทต่อกิโลเมตร ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 500 กิโลเมตรต่อการเติมก๊าซ 1 ครั้ง ทดแทนการใช้น้ำมันดีเซลได้สูงถึง 70% และยังลดอัตราการปล่อยมลพิษในไอเสียน้อยกว่าเทคโนโลยีระบบเชื้อเพลิงร่วมทั่วไป

นายสุรยุทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้เรายังมีฟังก์ชั่น“ออฟโรด” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบการใช้รถแบบผจญภัย สำหรับราคาของกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นเริ่มต้นที่740,000 บาท และในโอกาสงาน Motor Expo 2013 เราจึงมอบโปรโมชั่นพิเศษภายในงาน ให้ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนสบายดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน หรือ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 29,900 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

สำหรับผู้สนใจสามารถร่วมพิสูจน์สมรรถนะของ“กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” นวัตกรรมรถยนต์คุณภาพสูง มาตรฐานความปลอดภัย คุ้มค่าจากสามมิตร กรีนพาวเวอร์ ได้ที่บูธB02 วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 12.00 - 22.00 น. ส่วนวันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแต่เวลา 11.00 - 22.00 น. สนใจข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sgp.co.th
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:13:09 AM
“ซูบารุ” อัดแคมเปญพิเศษงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 พร้อมเปิดตัว“SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl



         “ซูบารุ” จัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษที่เหนือกว่า ให้คุณเป็นเจ้าของซูบารุทุกรุ่นได้ง่ายขึ้น สำหรับทุกท่านที่จองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 พร้อมเปิดตัว “SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl ภายในงาน เพื่อตอบสนองตอบความต้องการของลูกค้าและต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายยอดจองตลอดทั้งงานกว่า 1,000 คัน ขณะเดียวกันเตรียมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคมนี้ ณ ลานกิจกรรม ริมทะเลสาบ P9 เมืองทองธานี

          นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่าบริษัท ฯ ได้นำรถยนต์ซูบารุครบทุกรุ่น จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 หรือ “The 30th Thailand International Motor Expo 2013” ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งโปรดักซ์ไฮไลท์ของงานนี้ คือ SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจองเป็นเจ้าของได้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ที่มียอดจองรถยนต์ “SUBARU XV” กว่า 3,000 คัน

          พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับ ซูบารุทุกรุ่น รับดอกเบี้ยพิเศษที่ 1.79% พร้อมรับบริการ Roadside assist 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง “SUBARU XV 2.0i PREMIUM” รับเพิ่มประกันชั้น 1 และบัตรเติมน้ำมัน PTT CASH CARD

          นายอภิชัย กล่าวต่อว่า ภายในงานบริษัทฯ นำรถยนต์ซูบารุมาจัดแสดงครบทุกรุ่น นำโดย SUBARU XV 2.0i PREMIUM ราคา 1.35 ล้านบาท, ALL New Forester 2.0 i-L ราคา 1.89 ล้านบาท, ALL New Forester 2.0 XT ราคา 2.59 ล้านบาท , Outback 2.5i ราคา 2.59 ล้านบาท, Legacy 2.5GT Sedan ราคา 3.45 ล้านบาท ,WRX STI ราคา 3.45 ล้านบาท และสุดยอดรถสปอร์ทที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ BRZ 2.0MT ราคา 2.56 ล้านบาท, BRZ 2.0AT ราคา 2.64 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับทุกรุ่น เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของซูบารุได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าหมายยอดจองตลอดทั้งงานกว่า 1,000 คัน

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” โดยนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก “รัสส์ สวิฟท์” เจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ที่บินตรงมาโชว์การแสดงระดับโลก ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2556 โดยจัดการแสดง 3 รอบต่อวัน เวลา 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น. ณ ลาน P9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยผู้ที่สนใจสามารถรับบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงดังกล่าวได้ ณ บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:13:50 AM
SUBARU AT Thailand International Motor Expo 2013 Subaru XV – Tangerine Orange Pearl to debut


 
          TC Subaru (Thailand), the authorized distributor of Subaru in Thailand, announced key highlights of its participation at the upcoming 30th Thailand International Motor Expo 2013. The Subaru booth highlight includes the showcase of a new colour option for the Subaru XV in Thailand. The Subaru press conference is scheduled at 11.30am on 28 November 2013.

          Showcased for the first time in Thailand, is a brand new colour option for the Subaru XV – Tangerine Orange Pearl. Since its launch at the 2012 Thailand International Motor Expo, the assembled-in-Malaysia Subaru XV has been the bestseller for the brand in Thailand.

          Aside from the Subaru XV, the model line-up at the Subaru booth will also feature WRX STI, Legacy 2.5 GT, Outback 2.5i, all-new Subaru Forester and the Subaru BRZ.

          The Subaru booth concept is based on the global theme of Motion Stream, to highlight the Subaru brand statement of Confidence in Motion. The booth design is meant to convey Subaru’s brand value of Enjoyment and Peace of Mind and create a display space that allows for better communication with visitors by enabling as many consumers to understand and experience Subaru at all our customer touch points.

          Aside from its booth activities, Subaru will also present popular annual highlights – the Russ Swift Stunt Show 2013 – at this year’s Thailand International Motor Expo 2013

          Back by popular demand, Motor Image is proud to bring world renowned precision driver and Guinness World Record holder, Russ Swift to Thailand again. Russ Swift has electrified crowds with his repertoire of trademark gravity-defying car stunts, which include Reverse Spinning, Handbrake Parking, Drifting and Doughnuts.

          For the first time in Thailand, Subaru BRZ will be introduced as one of the stunt cars alongside the line-up of Subaru Impreza and the WRX STI.

          The Subaru Russ Swift Stunt Show will be conducted three times a day (3pm, 5pm and 7pm) from 7-10 December for public. An exclusive media preview for the Russ Swift Stunt show will be held at 3.00pm on Saturday 7, December.

          The Subaru booth is located at the A02 area and will cover a total area of over 1,120 square meters at the Thailand International Motor Expo 2013. TC. Subaru currently has showrooms located across Thailand – Bangkok and suburban: Serithai, Pinklao, Vibhavadi, Bangna, Petchaburi Rd, Rama3 and Nonthaburi Northern: Chiangmai , Chiangrai North-Eastern: Nakhonratchasima , Khonkhan Middle-Eastern: Songkhla , Surathani.. For more information, visit www.motorimage.net.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:16:48 AM
ฟอร์ดเปิดตัวพร้อมเผยราคาจำหน่าย เฟียสต้า ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร และ ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ตใหม่ ณ งานมหกรรมยานยนต์ มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30
 


          เฟียสต้า ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร ราคาจำหน่าย 779,000 บาท

          ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร รถอเนกประสงค์เพื่อการขับขี่ในเมืองรุ่นแรกในประเทศไทยมีทั้งหมดสี่รุ่น ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 669,000-829,000 บาท

          ฟอร์ด มอบราคาพิเศษแก่ลูกค้า 2,500 ท่านแรกที่สั่งจองรถฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ สำหรับรุ่นที่มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 639,000-799,000 บาท

          ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เปิดตัวรถพร้อมประกาศราคารถยนต์ระดับโลกสองรุ่นล่าสุดในประเทศไทย ได้แก่ เฟียสต้า ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ 1.0 ลิตร และฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร สี่สูบ พร้อมระบบวาล์วแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ (Ti-VCT)

          โดยผู้ที่สนใจสามารถจองฟอร์ด เฟียสต้าใหม่ในราคา 779,000 บาท สำหรับทั้งรุ่นไทเทเนียมสี่ประตู และรุ่นสปอร์ตห้าประตูได้แล้ววันนี้

          ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ถือเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้สาย ฟอร์ด ซิงค์ และเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ ขนาด 1.0 ลิตที่ได้รับรางวัล “เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมระดับนานาชาติ” สองปีซ้อนทั้งในปี 2555 และ 2556

          เฟียสต้า ใหม่ เปิดตัวเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ของฟอร์ดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ของฟอร์ดได้รับการจดสิทธิบัตรไว้มากกว่า 125 รายการ จากการผสานผสานการทำงานของระบบไดเร็กอินเจ็กชั่นเข้ากับเทอร์โบชาร์จและระบบวาล์วแปรผันเพื่อช่วยลดการใช้น้ำมัน โดยไม่กระทบต่อพละกำลังของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่สุดรุ่นนี้ยังมีความสามารถในการประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า โดยไม่ทำให้สมรรถนะในการขับขี่ลดลง
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:18:18 AM
Ford Launches new Fiesta 1.0L EcoBoost, Announces Pricing for all-new EcoSport at Thailand International Motor Expo 2013





          The new Fiesta with 1.0-litre EcoBoost engine is priced at THB 779,000
          Four models of the all-new EcoSport 1.5L, Thailand’s first-ever Urban SUV, are priced ranging from THB 669,00-829,000
          The first 2,500 customers placing an order for the all-new EcoSport will be offered special pricing, with models starting from THB 639,000-799,000

          Ford Motor Company today announced pricing and availability for its next two global Ford vehicles in Thailand – the new Fiesta with 1.0-litre EcoBoost and all-new EcoSport with 1.5-litre four-cylinder Ti-VCT engine.

          Ford is now taking orders for the new Fiesta, priced at THB 779,000 for both the four-door Titanium and five-door Sport models.

          The most dramatic and distinctive Fiesta to date, the new Fiesta features Ford’s popular SYNC in-car connectivity system, as well as the 1.0-liter EcoBoost engine – named “International Engine of the Year” for two consecutive years in 2012 and 2013.

          The new Fiesta 1.0L EcoBoost represents the introduction of Ford’s EcoBoost engine technology to Thailand. Ford’s EcoBoost technology, which holds more than 125 patents, combines direct fuel injection, turbocharging and variable valve timing to enable a downsized engine to gain fuel economy by up to 20 per cent over larger engines with no loss of performance.

          The smallest engine in its class, Ford’s patented three-cylinder EcoBoost engine is big on power, torque and refinement, producing 125 PS of power and peak torque of 170 Nm. The quiet and smooth-running engine delivers power and performance that rivals a traditional 1.6L petrol engine. With 25 percent fewer moving parts, the 1.0L EcoBoost is able to deliver higher fuel economy of 18.9km/L and lower emissions.

          Additionally, Ford announced pricing for the all-new EcoSport – Thailand’s first-ever urban SUV – Production of the all-new EcoSport will kick-off next month at Ford Thailand Manufacturing (FTM) and will be available in the first quarter.

          The all-new EcoSport will be available in four models:
          Ambiente 1.5L Ti-VCT with five speed manual transmission THB 669,000
          Ambiente 1.5L Ti-VCT with six speed PowerShift automatic transmission THB 709,000
          Trend 1.5L Ti-VCT with six speed PowerShift automatic transmission THB 759,000
          Titanium 1.5L Ti-VCT with six speed PowerShift automatic transmission THB 829,000
          Additionally, the first 2,500 of customers placing an order for the all-new EcoSport will be offered special pricing of the four models from THB 639,000-799,000.

          The well-rounded EcoSport delivers exceptional versatility and convenience with a compact size that is ideal for maneuvering around the city, boasting 200mm of ground clearance and water wading of 550 mm, and delivering leading fuel-efficiency.

          Full of smart features, the Ford EcoSport makes life easier for customers. These include hands-free voice control with the Ford SYNC in-car connectivity system, auto headlamps, rain sensing wipers, Smart Keyless Entry, Ford Power Start and a power sunroof floods the interior with light.

          The all-new EcoSport features Ford’s global 1.5-litre Ti-VCT four-cylinder engine, paired with the fuel-efficient six-speed Ford PowerShift automatic transmission, delivering 110 PS and torque of 142 Nm.

          EcoSport Urban Discoveries Comes to the Ford Stand
          As part of the pre-launch campaign for the all-new EcoSport, visitors to the Ford booth will have the opportunity to take part in the ‘EcoSport Urban Discoveries’ experience and register to participate.

          The campaign is being hosted online at www.ecosportdiscoveriesthailand.com. Consumers are being asked to recommend hidden gems in their cities, after which the five participants and their friends will be paired with campaign ambassadors who will help showcase their urban discoveries – all for a chance to win the all-new Ford EcoSport.

          Visitors to the Motor Expo will have the opportunity to meet the campaign celebrities at the Ford booth on the following dates:
          DJ and actress Sakuntala ‘Tonhom’ Thianphairot on 30 November, 10:00a.m.-2:00p.m.
          Singer/songwriter Arom ‘Cutto’ Phoharnrattanakul on 1 December, 1:00p.m.-5:00p.m.
          DJ and MC Wichean ‘Petjah’ Gusonmanomai on 7 December, 1:00pm-5:00p.m.
          Singer and actor Ronnadet ‘Naam’ Wongsaroj on 8 December, 1:00p.m.-5:00p.m.
          Ford will also feature the full-lineup of its segment-leading vehicles, including the all-new Ford Focus, Ford Ranger, Ford Everest and Ford Escape.
          Special offers will be available for the lineup of vehicles, including zero per cent interest and free first-class insurance for the Fiesta, all-new Focus 1.6L (excluding the five-door Trend model), and Everest. Offers are also available for other Focus models, Ranger and Escape.

          The 30th Thailand International Motor Expo 2013 runs from 28 November-10 December at Impact Challenger, Muang Thong Thani.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:19:44 AM
บริษัท แครี่ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำทัพ “รีลาย” ลุยตลาดรถเมืองไทย



          บริษัท แครี่ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับ Chery Automobile Co.,Ltd. นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์แบรนด์ “รีลาย” (Rely) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยมีผู้แทนจำหน่ายทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และไม่พลาดนำ “รีลาย” อวดโฉมในงาน Motor Expo 2013 ทั้งรถที่กำลังจำหน่าย รถต้นแบบ รวมแล้วมากถึง 5 รุ่น ประกาศศักดาพร้อมลุยตลาดรถเพื่อการพาณิชย์และรถอเนกประสงค์อย่างเต็มตัว

          บริษัท แครี่ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 60/4 หมู่ที่ 2 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 ภายใต้การบริหารงานโดย คุณทวีศักดิ์ ควรประดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ และ คุณชยาคมน์ อัศวกิจมั่นคง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด
          ด้วยการร่วมมือระหว่าง บริษัทฯ และ Chery Automobile Co.,Ltd. โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถภายใต้แบรนด์ “รีลาย” (Rely) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวภายในประเทศไทย ปัจจุบันได้ขยายเครือข่ายของผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศไปแล้วถึง 20 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งกรุงเทพฯและปริมลฑล ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้

          รีลาย เป็นแบรนด์รถจาก ประเทศจีน โดยเป็น 1 ใน 4 แบรนด์หลักของกลุ่ม เฌอรี่ (Chery) ซึ่งประกอบไปด้วย เฌอรี่ (Chery) ริช (Riich) รีลาย (Rely) และ แครี่ (Karry) ปัจจุบันมีโรงงานผลิตอยู่ที่ เมืองไคฟง หรืออย่างที่ทราบกันดีคือ เมืองเปาบุ้นจิ้น โดยจะเป็นโรงงานประกอบเฉพาะรถเพื่อการพาณิชย์ประเภทต่างๆ ทั้งรถกระบะเล็ก กลาง ใหญ่ และรถตู้ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ด้วยเงินลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรในไลน์ประกอบทั้งหมด อาทิ ฝ่ายขึ้นรูปโลหะ (Stamping) ฝ่ายเชื่อม (Welding) ฝ่ายทำสี (Painting) ฝ่ายประกอบ (Assembly Flame) และฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ (Vehicle Qaulity)เป็นอุปกรณ์จากประเทศเยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น อีกทั้งยังนำลักษณะของการออกแบบตัวรถและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆที่อยู่ในรถยนต์มาไว้ในรถเพื่อการพาณิชย์อีกด้วย

          โดยโรงงานประกอบที่เมืองไคฟงแห่งนี้จะประกอบรถโดยใช้แบรนด์อยู่ 2 แบรนด์ คือ รีลาย และ แครี่ แต่รถที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็น รีลาย ทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการรีแบรนด์ของบริษัทแม่ รีลาย เริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี 2008 โดยมีความสามารถในการผลิตได้ปีละหลายแสนคัน ส่งออกไปแล้วมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก และปัจจุบัน รีลาย ยังไปตั้งโรงงานผลิตในหลายๆ แห่งในโลก อาทิ บราซิล อิหร่าน ฯลฯ และในอนาคตก็มีแผนที่จะเปิดโรงงานประกอบในประเทศไทยด้วย

          ผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน / อนาคต         
          สำหรับผลิตภัณฑ์ในช่วงแรกที่ทำตลาดนั้นจะมี 2 รุ่น คือ โยกิ (Yo-Ki) รถมินิทรัค ความยาวกระบะ 2.5 เมตร และ โยโย (Yo-Yo) รถมินิแวน ส่วนในต้นปี 2557 นั้น จะมีการเพิ่มไลน์ของผลิตภัณฑ์ให้มีมากขึ้น โดยจะเริ่มจำหน่ายเพิ่มอีก 2 รุ่น คือ โยกิ (Yo-Ki) รถมินิทรัคที่มีความยาวกระบะ 3 เมตร และ โยโย 11 (Yo-Yo 11) รถอเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง โดยจำหน่ายในออฟชั่นที่ครบครันกว่ารถในระดับเดียวกันในราคาที่ไม่แพง ทั้งนี้ โยกิ (Yo-Ki) ความยาวกระบะ 2.5 เมตรจำหน่ายในราคาเพียง 329,000 บาท ส่วนความยาวกระบะ 3 เมตรจำหน่ายในราคา 369,000 บาท สำหรับ โยโย (Yo-Yo) จำหน่ายในราคาเพียง 429,000 บาท และ โยโย 11 (Yo-Yo 11) จำหน่ายในราคา 559,000 บาท

          ภายในงาน Motor Expo 2013 ครั้งนี้ ได้จัดให้มี Highlight ภายในบูธ Rely Pavillion นั่นคือ การอวดโฉม รถต้นแบบ 7 ที่นั่ง ในรุ่น S22L ขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ รถกระบะ 4 ประตู รุ่น Q22D ขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เพื่อแสดงถึงความหลากหลายของ รีลาย ที่ตอบสนองทุกการใช้งานได้เป็นอย่างดี

          บริษัท แครี่ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งหวังให้ลูกค้าชาวไทยได้ใช้รถจากประเทศจีนที่มีคุณภาพเกินราคา ทั้งสมรรถนะ ความประหยัด ประโยชน์ใช้สอย และความสะดวกสบาย ซึ่งตอบสนองความต้องการได้อย่างรอบด้าน ทั้งนี้เพราะ รถรีลาย มีจุดแข็งในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น รถเพื่อการพาณิชย์ที่มีรูปลักษณ์ดีไซน์ด้วยการออกแบบอันทันสมัย สวยงาม มีออฟชั่นเหมือนกับรถยนต์ ทั้ง ไฟหน้าโปรเจคเตอร์เลนส์ พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรง กระจกไฟฟ้ารอบคัน เซ็นทรัลล็อค กุญแจรีโมท ล้ออัลลอยด์พร้อมดิสค์เบรค 4 ล้อ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีความชำนาญในการเลือกและติดตั้ง แก๊สติดรถยนต์ อีกด้วย เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ ในเครือเคยเป็นผู้ติดตั้งแก๊สติดรถยนต์ให้แก่บริษัทรถหลายๆ ยี่ห้อ โดยเราจะเลือกแก๊สที่เป็นของอิตาลีทั้งชุด ทั้งระบบ และยังมีขนาดของถังแก๊สที่ใหญ่ถึง 42 ลิตรอีกด้วย สำหรับในส่วนที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในรถ ส่วนมากจะควบคุมหรือทำงานด้วยอะไหล่ของ Bosch เพื่อให้เกิดความเสถียร ทนทาน และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

          นอกจากนี้ รีลาย ยังมี ระบบการบริการหลังการขาย ทั้งในส่วนการดูแลหลังการขายและอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ทันต่อความต้องการลูกค้า เนื่องจากเราตระหนักถึงความต้องการใช้รถประเภทนี้ของลูกค้าที่จะต้องใช้เพื่อทำมาหากินทุกวัน เราจึงให้ความสำคัญในเรื่องบริการหลังการขายมาเป็นลำดับต้นๆ โดยคิดค่าอะไหล่ในราคาที่ย่อมเยา และมีคุณภาพอีกด้วย
 
          ท่านสามารถพิสูจน์สมรรถนะของเครื่องยนต์ การบรรทุก รวมทั้งการขับขี่ พร้อมสอบถามรายละเอียดของ รีลาย ทุกรุ่น ได้ที่
          บริษัท แครี่ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2901-2708,  www.relythai.com หรือที่
          ผู้แทนจำหน่าย รีลาย ทั่วประเทศแล้วท่านจะได้พบกับสุดยอดยนตกรรมที่มีแต่ความคุ้มค่า คุ้มราคา สมดังสโลแกน รีลาย..นี่สิคุ้ม
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:22:40 AM
MG’s four “History for Future’ cars on display at the 30th Thailand International Motor Expo 2013








 
          - MG displays four “History for Future” cars to arouse Thai market while MG6 is the first model to be launched in 2014.
          - MG interactive wall displays a successful milestone timeline of MG Glorious History for Future where people can touch and play with the wall.
          - MG presentation and booth reflect the glorious history of the brand.

          SAIC Motor-CP Co, Ltd launches MG’s four “History for Future” cars for the first time in Thailand at the 30th Thailand International Motor Expo 2013. The MG A, MG B, MG ICON and E50 models will be on display from November 29 to December 10, 2013 at IMPACT Challenger 1-3, Muang Thong Thani. The company plans to introduce MG6 as the first model to be sold in Thailand in 2014.

          Mr. Wu Huan, President of SAIC Motor-CP Co, Ltd said SAIC Motor-CP is a Thai-Chinese joint venture between Charoen Pokphand Group (CP) and Shanghai Automotive Industry Corp, (SAIC) one of the biggest car manufacturers in China. The company will manufacture and distribute vehicles under the British-based MG brand. Under the joint venture, SAIC holds a 51-per-cent stake in the manufacturing firm, with the rest held by CP Group.

          “The company will appoint at least 30 dealers in Bangkok and major cities at the initial stage. Last year SAIC Motor-CP has decided to construct a 9 billion baht worth new assembly plant in Rayong’s Hemaraj Eastern Seaboard Industrial Estate for right-hand-vehicle manufacturing. It is located near Laemchabang port which will be easy for exporting to other countries,” added Mr. Wu Huan.

          Mr. Anthony Williams-Kenny, Global Chief Designer for MG in Longbridge, England, and in Shanghai said that this is a good opportunity for MG to enter the Thai automotive market with confidence. We are proud to present four of our History for Future models namely MG A, MG B, MG ICON and E50 at the 30th Thailand International Motor Expo 2013.

          “With MG’s glorious history, we brought the MG A, a famous sports car produced by the British Motor Corporation from 1955 to 1962 represent a complete styling break from the older vehicles while the MG B, a replacement of the MG A presents an innovative, modern, design in 1962 at the event to remind Thais and marks our first step in Thai market,” said Mr. Anthony Williams-Kenny.

          Above and beyond, the authentic British octagon brand-MG is also displaying MG Icon, the stunning and award-winning concept car as one of its highlight at the booth to showcase its global sophisticated innovation and design.

          The Icon is MG's first SUV concept. It takes inspiration from some of the brand's most famous sports cars including the MG A and MG B. The MG Icon highlights a global vision for MG's design and represents a milestone for the brand.

          "The MG brand has a unique set of values and heritage and allows us to offer individual design values to our products," Mr. Anthony Williams-Kenny explained. "The MG Icon represents our vision of a modern MG and we feel that the SUV canvas demonstrates MG’s capacity for progressive design with respect for its long heritage. We have balanced familiar brand cues, such as the width and powerful front end graphic interpretation and, as one would expect, with a strong focus on the unique MG octagon."

          The 4th highlight of MG cars is E50, the completely developed and owned by SAIC Group. It utilizes a newly developed vehicle platform designed for pure electric vehicles from interior to exterior. During the placing of electric motors and batteries and body design, the balance between vehicle performance and ergonomics was well considered to achieve best space in the car and to meet the performance objectives of the entire vehicle, reducing human body injury in collision, which significantly improves the safety performance of the vehicle.

          “The E50 proves to the world that SAIC has been capable of developing a new platform for new energy vehicles, manufacturing key parts and components, and mass production of new energy vehicles. The company is also capable of developing a whole-new platform for new energy vehicles, developing models, designing entire body, as well as sustained R&D and innovations,” Mr. Anthony William-Kenny concluded.

          People can visit MG History for Future booth to experience the real Passion Drives feelings every day at B03, Impact Challenger Hall 1, Muangthong Thani from November 29 to December 10, 2013. For more information and news, please visit www.mgcars.co.th and get passionately connected and updated with MG activities at www.facebook.com/mgcarsthailand
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:25:01 AM
Mercedes-Benz lines up fascinated luxury cars at the 30th Motor Expo






 
          - Showcasing Mercedes-Benz latest magnificence, among them the concept GLA, the new GL 350 BlueTEC AMG Premium, the E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic, the C 200 Edition C and the C 250 AMG Plus

          Mercedes-Benz (Thailand) Limited, the premium vehicle market leader, showcases 21 models from every segment including concept and latest vehicles to boost the yearend market at the 30th Thailand International Motor Expo at IMPACT Challenger Hall, Muang Thong Thani.

          Mr. Michael Grewe, President and CEO of Mercedes-Benz (Thailand) Limited reveals that “The Motor Expo is one of the yearend marketing campaigns and since we have been the automobile pioneer for more than 125 years, Mercedes-Benz’s stand truly reflects our philosophy of “The best or nothing.” We line up a total of 21 luxury vehicles, both concept and new models, with leading innovations and design that respond to lifestyle of every group of Mercedes-Benz customers as well as interesting prices.”

          Highlight of the Motor Expo this year is the introducing of a concept car and 4 new models starting from Concept GLA which is a premium compact SUV with the basis design from the A-Class and B-Class. This sporty compact SUV concept is perfect for the new generation and features new headlights with laser technology that not only shine more light on the road, but also function as projectors. Other show cars include GL 350 BlueTEC AMG Premium, a premium luxury SUV with powerful engine which has the largest load compartment in this segment; E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic, a versatile car with its outstanding spaciousness; C 200 Edition C, a stylish and outstanding vehicle reflecting dynamism, sportiness and vigor with a complete range of interior and exterior appointments to keep every eye bound by its spell from sporty radiator grille and new seats in premium upholstery and trims to the famous AMG bodystyling; and C 250 AMG Plus, a standout vehicle reflecting sportiness more than ever with bi-xenon headlamps with ILS – Intelligent Light System, sport suspension set, multifunction steering wheel with gearshift paddles, sport-styled seats and AMG Plus bodystyling package.

          Concept GLA : a new direction in the compact premium SUV segment
          The Concept GLA marks a new approach in the compact premium SUV segment. Under the bonnet of this new concept vehicle (length/width/height: 4,383/1,978/1,579 millimeters) which is influenced by the A-Class and B-Class. The Concept GLA sits a four-cylinder turbocharged petrol engine rated at 155 kW (211 hp) with a displacement of 1991 cc. Its power is transmitted to the road via the 7G-DCT dual clutch automatic transmission and 4MATIC all-wheel drive.

          The Concept GLA, a compact SUV, is a sporty and more coupé like evolution of this category of vehicle. ‘Escape the everyday’ is the message that this car conveys to its drivers. It includes the powerful bonnet with its powerdomes and a sporty radiator grille with centrally positioned star. The overall design philosophy with a "dropping line" that extends from the headlamp to the rear wheel arch creates a unique interplay that adds the sense of elegant and dynamism. For young generation’s leisure and lifestyle, this concept model is a modern interpretation.

          In terms of its design, the interior reflects a clear alignment with the interiors of the other new compact Mercedes models, reinterpreted here for a sophisticated and exceptionally high-quality SUV. The four individual seats and the door center panels are upholstered in natural leather in a rich shade of brown. The air vents in the instrument panel as well as in the rear represent a further stylistic development of the vents used in the Concept A-CLASS and Concept Style Coupé, and are likewise illuminated from behind. They change colors according to the interior temperature set by the occupants. At a temperature of 22 degrees Celsius they light up in white. If a cooler temperature is selected for the interior, they turn blue, while opting for an influx of warm air switches the illumination to red.

          The front headlamps of the Concept GLA are each fitted with a laser-beam projector. These not only provide the light to drive by, but are also capable of projecting pictures or films onto a screen or other surface. Any format that can be operated through COMAND Online can serve as a source: pictures or films from a smartphone, the internet, or from a hard drive. The laser-beam projectors represent far more than simply an academic exercise on the part of the engineers and designers at Mercedes-Benz. As a further enhancement of the head-up display, they could also help to improve road safety: the technology could be used, for example, to project the directional instructions from the navigation system onto the road in the form of arrows – in this way other road users, too, would be able to see where a driver is heading.
         
          GL 350 BlueTEC AMG Premium : First Class in every situation
          The GL 350 BlueTEC AMG Premium is a seven-seater premium All-Wheel-Drive SUV that is able to demonstrate its exceptional capabilities in everyday situations. This SUV combines expressive design, high-class appeal, generous spaciousness and outstanding ease of operation to create a powerful presence. The new GL occupies the leading position among luxury SUVs with impressive interior, excellent ergonomics and top-level seating comfort for seven. The second row of seats can be folded down and up electrically, both for 1/3 and 2/3 split. Furthermore, the third seat row is comfortably accessible, even for elderly persons, with the electric EASY-ENTRY system. Only in the GL does it feature a comfortable electric folding mechanism. The GL 350 BlueTEC AMG Premium uses a 2,987 CC V6 turbo-diesel with intercooler for the output of 190 Kw (258 hp) at 3,600 RPM and has the highest torque at 620 Nm at 1,600-2,400 RPM. The maximum speed of this new SUV is at 220 km/h and 0-100 km/h can be reached within 7.9 seconds. The engine is combined with 7G-TRONIC PLUS automatic transmission along with DIRECT SELECT multifunction Steering-wheel Gearshift Paddles. Extensive safety features for this pinnacle of luxury SUV are Crosswind Assist, Active Curve System and the innovative 360 degree- camera. GL 350 BlueTEC AMG Premium is price at 8,990,000 Baht

          E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic
          The E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic is a new family member of E-Class with elegantly sporty look and a considerably sharpened design inside and out. For the first time, the E-Class is available with new front-end design, LED headlamps and revised interior design. For convenience, the E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic has a panoramic sunroof and a large load compartment at 1,905 litres with EASY-PACK tailgate to automatically open or close the compartment in a touch. 1/3 or 2/3 split folding rear seats with quickfold system and lockable compartment under the load compartment floor allow flexible use of the load capacity. The E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic uses a diesel hybrid engine which combine a four-cylinder in-line twin turbo engine for 2,143 CC at 4,200 RPM with the maximum output at 150 Kw (204 hp, with highest torque at 500 Nm at 1,600-1,800 RPM.) and an electrical motor for 20 Kw (27 hp, with highest torque at 280 Nm) altogether. With th 7G-TRONIC PLUS automatic transmission set, maximum speed of this new estate is up to 232 km/h and 0-100 km/h can be reached within 7.8 seconds. E 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic is priced at 4,190,000 Baht

          C 200 Edition C
          The C 200 Edition C is special model that exudes dynamism, sportiness and vigour with a complete range of interior and exterior appointments to keep every eye bound by its spell from sporty radiator grille and new seats in premium upholstery and trims to the famous AMG bodystyling. C 200 Edition C is powered by a 1,796 cc 4-in-line turbocharged petrol engine with intercooler, producing max power of 135 kW (184 hp) at 5,250 rpm and max torque of 270 Nm at 1,800 – 4,600 rpm. The car makes 0-100 km/h acceleration in 7.8 seconds and has a top speed of 235 km/h. For better fuel efficiency, the car is boasts its performance from the 7G-TRONIC PLUS automatic transmission. C 200 Edition C is price at 2,290,000 Baht

          C 250 AMG Plus
          The C 250 AMG Plus is a thrilling sport from an end the other with bi-xenon headlamps and ILS system, electronically controlled sunroof, sport suspension set for significant improvement in traction and stabilization , multifunction steering wheel with gearshift paddle, sporty seats, spoiler lip on boot lid in body colour and ARTICO leather/DINAMICA upholstery microfibre in black with contrasting topstitching in red. AMG bodystyling kit and 18” AMG 7-twin-spoke light-alloy wheels painted in high-gloss black with high-sheen finish are preinstalled. C 250 AMG Plus is powered by four-cylinder in-line petrol turbo engine with intercooler with a displacement of 1,796 CC. The engine develops 150 Kw (204 hp) at 5,500 RPM with maximum torque of 310 Nm at 2,000-4,300 RPM. Acceleration from 0-100 km/h can be reached within 7.2 seconds and top speed of 240 km/h. The engine is transmitted by 7G-TRONIC PLUS automatic transmission. C 250 AMG Plus is price at 2,990,000 Baht

          Apart from the mentioned highlight, Mercedes-Benz lines up 21 vehicles from every segment including passenger and commercial cars i.e. E 200 Executive, E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic, A 250 AMG Sport, CLA 250 AMG Sport, ML 250 BlueTEC AMG Dynamic, C 180 Coupe AMG Dynamic, Vito 115 CDI.

          Special offer from Mercedes-Benz
          Apart from various cars showcasing at the Motor Expo, Mercedes-Benz gives special offer to its customers starting from 1 November to 31 December 2013 as follows:
          - Complimentary the first-class insurance for 1 year will be offered to customers who purchase all models of Mercedes-Benz (except CLA-Class, M-Class and S-Class) and for delivery by 31 December 2013.

          Mercedes-Benz invites you to experience our concept model along with 4 latest vehicles and other automobile excellences at the Motor Expo from 29 November to 10 December at IMPACT Challenger Hall, Muang Thong Thani.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:27:31 AM
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวยนตรกรรมระดับหรูใหม่ ล่าสุด ส่งบีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ และ บีเอ็มดับเบิลยู X5 สู่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
 




          - บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ รุ่นใหม่ล่าสุด ที่แสดงถึงการเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์สไตล์คูเป้ ด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลอันทันสมัย ผสานขุมกำลังยอดเยี่ยมและประสิทธิภาพ เหนือระดับอย่างลงตัว
          - บีเอ็มดับเบิลยู X5 รุ่นใหม่ล่าสุด ยกระดับมาตรฐานแห่งสุดยอดการดีไซน์ มาพร้อมกับ ห้องโดยสารที่กว้างขวาง มอบประสิทธิภาพการใช้งานอเนกประสงค์และสุทรียภาพ ขณะขับขี่อย่างเหนือระดับ
          - ภายในงาน พบกับการจัดแสดงยนตรกรรมหรูบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ รวมมากกว่า 20 รุ่น  พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย

          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรมแห่งยนตรกรรมระดับหรู เตรียมเปิดตัวสองไฮไลท์สำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ และบีเอ็มดับเบิลยู X5 รุ่นใหม่ล่าสุดในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่นๆ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 328i M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d, บีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo และโมเดลรุ่นท็อปของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 รวมถึง มินิ แฮทช์ John Cooper Works Package รุ่นลิมิเต็ด มอบประสบการณ์เร้าใจของการขับขี่ในสนามแข่งด้วยชุดตกแต่งที่ยอดเยี่ยม นำมาจัดแสดงในบูธบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษ ภายในงานระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายนถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ รุ่นใหม่ล่าสุด
          ต่อเนื่องจากการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ 4 คูเป้ ในประเทศไทยครั้งแรก ณ งาน BMW Xpo 2013 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จึงได้จัดแสดงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ในฐานะรถยนต์สไตล์สปอร์ต คูเป้ขนาดกลาง เจเนอเรชั่นที่ 4 ตอกย้ำความสำคัญของสุนทรียภาพขณะขับขี่ในยนตรกรรมระดับหรู ด้วยฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ทั้งระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงคอมมอนเรลซึ่งฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง พร้อมกับระบบเทอร์โบแปรผัน ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ โดดเด่นด้วยสมรรถนะที่เปี่ยมด้วยพลัง
          บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้มาพร้อมกับพลังขับเคลื่อน 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 380 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,750 และ 2,750 รอบต่อนาที นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.3 วินาที โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ที่ 21.7 กิโลเมตรต่อลิตร มอบขุมกำลังยอดเยี่ยมและประสิทธิภาพเหนือระดับอย่างลงตัว
          บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 420d คูเป้ สปอร์ต มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งดีไซน์สปอร์ต ไลน์ แบบครบชุด และ บีเอ็มดับเบิลยู 420 คูเป้ M Sport มาพร้อมกับชุดแต่ง M แอโรไดนามิค พวงมาลัยหนัง M รวมถึง BMW Individual ชาโดว์ ไลน์ และเพดานห้องโดยสารแบบแอนทราไซต์

          บีเอ็มดับเบิลยู X5 รุ่นใหม่ล่าสุด
          บีเอ็มดับเบิลยู X5 รุ่นล่าสุด ยกระดับมาตรฐานแห่งสุดยอดการดีไซน์ มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง มอบประสิทธิภาพการใช้งานอเนกประสงค์และสุนทรียภาพขณะขับขี่อย่างเหนือระดับ โดยส่งสองโมเดลใหม่ล่าสุดออกสู่ตลาด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d และบีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d ยนตรกรรมหรูทั้งสองโมเดลได้รับการออกแบบให้ตอบสนองต่อหลักอากาศพลศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่น Air Curtains รวมถึงตัวกรองอากาศ (Air Breathers) และที่ปัดน้ำฝน Aero Blades สำหรับกระจกหลัง
          บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยู xDrive all-wheel-drive และขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ผสานกับส่วนผสมที่ลงตัวของเทคโนโลยีที่มอบสมรรถนะแห่งการขับขี่และการประหยัดพลังงานสูงสุดต่างๆ ได้แก่ เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ กับ VNT เทอร์โบชาร์จ รวมถึงระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง คอมมอนเรลที่ฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ด้วยพลังของเครื่องยนต์ดีเซลทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d รุ่นใหม่ล่าสุดมีกำลังสูงสุดมากถึง 218 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 560 นิวตันเมตร ที่ 1,500 ถึง 2,000 รอบต่อนาที ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเพียง 16.1 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น
          บีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d ถือเป็นรุ่นที่โดดเด่นในเรื่องการประหยัดพลังงานมากที่สุดในโมเดล บีเอ็มดับเบิลยู X5 ทั้งหมด ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ช่วยเรื่องสมดุลของน้ำหนักทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มาก โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเพียง 17.9 กิโลเมตรต่อลิตร และมีระดับการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 149 กรัมต่อกิโลเมตร ผสานกับเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เบอร์โบ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ที่นำมาใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d
          ส่งผลให้ยนตรกรรมดังกล่าวมีกำลังสูงสุดถึง 218 แรงม้าที่ 4,400 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 ถึง 2,500 รอบต่อนาที
          นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและการตอบสนองของคันเร่งได้โดยกดปุ่มเพื่อเข้าสู่โหมด ECO PRO ซึ่งเสริมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระบบไฟฟ้าต่างๆ เพื่อควบคุมการสิ้นเปลืองพลังงาน เช่น ระบบควบคุมสภาพอากาศ (climate control) เป็นต้น

          บีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo ใหม่
          บีเอ็มดับเบิลยูต่อยอดความสำเร็จของโมเดลรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 เพิ่มนวัตกรรมล่าสุดให้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo ใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน โดยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายเหนือระดับขณะเดินทาง
          ด้วยมิติใหม่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo รุ่นใหม่ล่าสุดทำให้ผู้โดยสารทุกท่านเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายเหนือระดับ และการเดินทางที่เปี่ยมด้วยอิสระเหนือใคร เบาะที่นั่งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังที่ยกให้สูงขึ้น 59 มิลลิเมตร มอบทัศนียภาพที่สวยงามชัดเจนมากยิ่งขึ้น และให้ความสะดวกสบายขณะขึ้น-ลงรถมากขึ้นเช่นกันนอกจากนี้ ยังเพิ่มช่องว่างระหว่างศีรษะกับเพดานรถให้มากขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มมากขึ้นถึง 70 มิลลิเมตร ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน มอบความกว้างขวาง หรูหราเหนือระดับกว่ารถยนต์ซีดานและทัวริ่งทั่วไป ขยายพื้นที่แห่งความสุขให้แก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง
          ขุมกำลังของบีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo เกิดจากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ให้แรงม้าสูงสุดถึง 184 แรงม้าต่อ 4,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 380 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,750 ถึง 2,750 รอบต่อนาที ตอกย้ำพลังโดดเด่ดของยนตรกรรมสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง เครื่องยนต์ดีเซลอันปราดเปรียวนี้ใช้เวลาเพียง 7.9 วินาทีในการเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 20.4 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เฉลี่ย 129 กรัมต่อกิโลเมตร ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 320d Gran Turismo เป็นยนตรกรรมอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          บีเอ็มดับเบิลยู 328i M Sport
          บีเอ็มดับเบิลยู328i M Sport มาพร้อมกับชุดแต่ง M Sport ที่ออกแบบมาเพื่อยนตรกรรมหรูสำหรับโมเดลซีรี่ส์ 3 โดยเฉพาะ ประกอบด้วยล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว, ชุดแต่งตัวถัง M แอโรไดนามิค, ชุดแต่ง BMW Individual ชาโดว์ ไลน์, พวงมาลัยหนัง M และอื่นๆ อีกมากมาย
          บีเอ็มดับเบิลยู 328i M Sport ผนึกกำลังของบีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ที่ไม่เพียงประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษอย่างดีเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถภาพของเครื่องยนต์ที่เหนือระดับ ด้วยกำลังสูงสุดถึง 218 แรงม้าที่ 4,700 ถึง 6,000 รอบต่อนาที บีเอ็มดับเบิลยู 328i M Sport สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 6.4 วินาทีเท่านั้น โดยเครื่องยนต์เบนซินที่ปราวเปรียวนี้สามารถเร่งความเร็วสูงสุดอย่างเหลือเชื่อถึง 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

          บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d
          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยู M Performance เป็นครั้งแรกของประเทศไทยในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 นี้ โดยบริษัท BMW M GmbH ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตยนตรกรรมหรูได้ดัดแปลงลักษณะทางเทคนิคและดีไซน์ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูโมเดลปัจจุบัน เพื่อนำเสนอยนตรกรรมสายพันธุ์ใหม่ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d นำสุดยอดขุมพลังดีเซลของบีเอ็มดับเบิลยูมาผสานกับพลังสูงสุดของเครื่องยนต์ในแบบฉบับ M ที่ลงตัว รวมถึงคุณสมบัติในการควบคุมสมดุลขณะขับเคลื่อน ส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d สร้างมาตรฐานใหม่แห่งวงการด้วยดีไซน์สไตล์สปอร์ตพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่สอดคล้องกันอย่าง ลงตัวและประสิทธิภาพเหนือระดับ
          บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d ใหม่ล่าสุดมอบสมรรถนะดีเยี่ยมด้วยเทคโนโลยีทวินพาวเวอร์เทอร์โบและเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียงแถวที่พร้อมพุ่งทะยานทันทีเมื่อเหยียบคันเร่งจากกลไกการทำงานของระบบเทอร์โบแปรผันทั้งสามระยะ ร่วมกับความสามารถในการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่รวดเร็ว แรงบิดมหาศาลส่งตรงจากระบบเดินเบาและช่วงความเร็วต่ำสุดถึงสูงสุดที่กว้างเป็นพิเศษส่งผลให้ บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d โลดแล่นด้วยขุมพลังดีเซลเต็มสูบอย่างแท้จริง
          โดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในสายพันธุ์ M Performance มอบสมรรถนะที่เหนือกว่าด้วยแรงบิด 740 นิวตันเมตร ส่งให้เครื่องยนต์ทะยานจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5.3 วินาที ไม่เพียงแต่เร่งความเร็วได้อย่างน่าประทับใจแต่ บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d ยังมาพร้อมกับอัตราการประหยัดเชื้อเพลิง 12.98 กิโลเมตรต่อลิตร โดยปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 204 กรัมต่อกิโลเมตร ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานยอดเยี่ยมผสานกับสมรรถนะการขับขี่สูงสุด นี้ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยู X6 อย่างแท้จริง
          การนำเทคโนโลยีขบวนส่งกำลังและแชสซีที่ยอดเยี่ยมมาใช้ร่วมกับระบบ xDrive อัจฉริยะ ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู X6 Sports Activity คูเป้ มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยมเพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่ทุกเส้นทาง เมื่อผสานขุมพลังดีเซลที่ดีที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยูที่เพิ่มประสิทธิภาพในการส่งผ่านกำลังขับเคลื่อน ร่วมกับการควบคุมสมดุลขณะขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างลงตัวซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่นของยนตรกรรมสายพันธุ์ M ทุกรุ่น ส่งผลให้ บีเอ็มดับเบิลยู X6 M50d ก้าวข้ามมาตรฐานของรถยนต์ระดับเดียวกันทั้งในด้านความสปอร์ต การผสมผสานของคอนเซ็ปต์อย่างกลมกลืนและประสิทธิภาพที่เหนือกว่าไปสู่มาตรฐานใหม่ที่ เหนือระดับอย่างภาคภูมิ

          มินิ แฮทช์ John Cooper Works Package รุ่นลิมิเต็ด
          มินิ ประเทศไทย เปิดตัว มินิ คูเปอร์และมินิ คูเปอร์ เอส รุ่นลิมิเต็ดที่มาพร้อมชุดแต่งภายในและภายนอก John Cooper Works เพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจสำหรับมินิรุ่นตกแต่งพิเศษทั้งสองรุ่นนี้ โดย John Cooper เป็นชื่อที่ยืนยันถึงความสำเร็จของการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างรถยนต์ขนาดเล็กสัญชาติอังกฤษกับการแข่งขันสไตล์สปอร์ตมาหลายทศวรรษ มินิ คูเปอร์ และ มินิ คูเปอร์เอส รุ่นลิมิเต็ดพร้อมชุดแต่ง John Cooper Works มอบประสบการณ์เร้าใจของการขับขี่ในสนามแข่งด้วยชุดตกแต่งที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับชุด JCW แอโรไดนามิค ล้ออัลลอย Cross Spoke Challenge ขนาด 17 นิ้ว ผสานกับพวงมาลัยหนัง JCW พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย และชุดแต่งอื่นๆ อีกมากมาย

          บีเอ็มดับเบิลยู
          - The all-new BMW 420d Coupe Sport : 3,799,000 บาท
          - The all-new BMW 420d Coupe M Sport : 3,999,000 บาท
          - The all-new BMW X5 xDrive30d : ยังไม่ระบุ
          - The all-new BMW X5 sDrive25d : ยังไม่ระบุ
          - BMW X6 M50d : 9,899,000 บาท
          - BMW 328i M Sport : 3,099,000 บาท
          - BMW 320d Gran Turismo : 3,199,000 บาท
          - BMW 520i : 3,599,000 บาท (พร้อมแคมเปญดอกเบี้ย 0%)
          - BMW 520d : 3,699,000 บาท (พร้อมแคมเปญดอกเบี้ย 0%)
          - BMW 528i : 4,099,000 บาท (พร้อมแคมเปญดอกเบี้ย 0%)
          - BMW 525d : 4,249,000 บาท (พร้อมแคมเปญดอกเบี้ย 0%)
          - BMW 528i Sport : 4,299,000 บาท (พร้อมแคมเปญดอกเบี้ย 0%)

          มินิ
          - MINI Cooper Countryman : ราคาเริ่มต้นที่ 1,840,000 บาท
          - MINI Cooper D Countryman : ราคาเริ่มต้นที่ 2,040,000 บาท
          - MINI Cooper SD ALL4 Countryman : 2,490,000 บาท
          - MINI Cooper JCW Package Limited Edition : 2,360,000 บาท
          - MINI Cooper S JCW Package Limited Edition : 2,740,000 บาท
          - MINI Cooper Paceman : 2,490,000 บาท
          - MINI Cooper S Paceman : 2,950,000 บาท

          *ข้อเสนอและของสมนาคุณพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30

          บีเอ็มดับเบิลยู
          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 15 ปี พร้อมข้อเสนอพิเศษ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 ดอกเบี้ย 0% พร้อมบริการหลังการขายนานถึง 5 ปี
          พบกับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับเหล่าคนรักบีเอ็มดับเบิลยู สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 ทุกรุ่น ที่มาพร้อมกับแคมเปญดอกเบี้ย 0 % ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 14,996 บาทต่อเดือน* สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 520i ที่ชำระแบบมียอดบอลลูน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกจำนวนเดือนผ่อนชำระเงินได้อย่างอิสระตั้งแต่ 36 ถึง 60 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ทั้งนี้ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5โมเดลที่รองรับแคมเปญดังกล่าวได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 520i, 520d, 528i, 525d และ 528i สปอร์ต
          ของสมนาคุณพิเศษสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
          สำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูที่ผ่อนชำระรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูแบบมียอดบอลลูนและเซ็นสัญญากับทางบีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนซ์ จะได้รับเซ็ทพาวเวอร์แบงค์*สำหรับพกพา (สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูภายในงานทุกรุ่น ยกเว้น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7) หรือ แอปเปิล ทีวี* สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 7 ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระดังกล่าว
          นอกจากนี้ลูกค้าที่จองรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18i และ บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive20d (ราคา 2,149,000 บาท ขึ้นไป) และ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ซีดานทุกรุ่น (ราคา 2,679,000 บาท ขึ้นไป) จะได้รับ iPhone 5C รุ่น 16 GB
          สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 และรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นนำเข้า (ยกเว้น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, ซีรี่ส์ 3 GT, ซีรี่ส์ 3 ทัวริ่ง และซีรี่ส์ 5 ทัวริ่ง) จะได้รับ iPhone 5S รุ่น 16 GB
          สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และ บีเอ็มดับเบิลยู ActiveHybrid 7 L (ยกเว้น บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld business) จะได้รับ iPhone 5S รุ่น 32 GB
          ทั้งนี้ จะต้องทำการจองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556 และรับส่งมอบรถยนต์ภายในสิ้นปี 2556 นี้เท่านั้น
          สำหรับลูกค้ามินิที่ผ่อนชำระรถยนต์มินิแบบมียอดบอลลูนและเซ็นสัญญากับทางบีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนซ์ จะได้รับ บัตรกำนัล มินิ ไลฟ์สไตล์ * มูลค่า 1,500 บาท ทั้งนี้ จะต้องทำการจองรถยนต์มินิระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556 และรับส่งมอบรถยนต์ภายในสิ้นปี 2556 นี้เท่านั้น
          * บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:28:40 AM
The all-new BMW 420d Coupe and the all-new BMW X5 make public debut at Motor Expo 2013





          - The all-new BMW 420d defines new ear for the Coupe, featuring state-of-the-art diesel engines for a perfect alliance of power and efficiency.
          - The all-new BMW X5 once again set the benchmark for powerful design, interior spaciousness, versatility, and driving pleasure.
          - Over 20 BMW and MINI model variants on display to general public with special offers

          BMW Group Thailand is emphasising its leadership position in premium automobile innovation by introducing the all-new BMW 420d Coupe and the all-new BMW X5 together with exciting line up of BMW 328i M Sport, BMW X6 M50d, BMW 320d Gran Turismo, and top-range of BMW 5 Series with special campaign at the Motor Expo 2013. At the same time, MINI Hatch John Cooper Works Package Limited Edition also highlights its racing spirit with special accessories on display at the MINI booth. The public can enjoy the best deals and promotions at the Motor Expo 2013, which is being held during 28 November – 10 December 2013 at IMPACT Challenger, Muang Thong Thani.

          The all-new BMW 420d Coupe
          Following hot on the heels of the BMW Concept 4 Series Coupé which made its public debut at BMW Xpo 2013 in September, BMW is now introducing the all-new BMW 420d Coupe to Thailand. Launched as the fourth generation of BMW’s sporty mid-size Coupe, the all-new BMW 420d Coupe embodies the very essence of aesthetic appeal and dynamics in the premium segment, featuring the latest-generation common rail direct injection technology, turbocharger with variable turbine geometry. With maximum output of 184 hp at 4,000 rpm and peak torque reaching 380 Nm (280 lb-ft) between 1,750 and 2,750 rpm, the all-new BMW 420d Coupe displays an extremely dynamic sprint from 0 to 100 km/h in just 7.3 seconds. Average fuel consumption is at 21.7 km/litre, giving a perfect alliance of power and efficiency.
          The all-new BMW 420d Coupe will be offered in two variants, the BMW 420d Coupe Sport with 18” alloy wheel and fully equipped with the Sport Line design package, and the BMW 420d Coupe M Sport with M aerodynamic package, M leather steering wheel and BMW Individual high-gloss shadow line and headliner anthracite.

          The all-new BMW X5
          The BMW X5 once again set the benchmark for powerful design, interior spaciousness, versatility, and driving pleasure. Introducing to the Thai market is the all-new BMW X5 xDrive30d and the all-new BMW X5 sDrive25d. Both models have been designed to optimize the car’s aerodynamic with the latest features of the Air Curtains and Air Breathers and Aero Blades for the rear window.
          The all-new BMW X5 xDrive30d comes with the standard BMW xDrive all-wheel-drive system. This particular model is equipped with the six-cylinder in-line diesel engine, incorporates a range of detail refinements that offer even better balance than before between performance and fuel consumption. The 3.0-litre engine, whose BMW TwinPower Turbo technology comprises VNT turbocharging and common rail direct injection, now develops maximum power of 218 hp at 4,000 rpm and maximum torque of 560 Newton metres at 1,500-2,000 rpm. The all-new BMW X5 xDrive30d has an average fuel economy at 16.1 km/litre.
          The all-new BMW X5 sDrive25d is the most efficient version of the BMW X5 model range. Rather than all-wheel drive, the BMW X5 sDrive25d has rear-wheel drive, deriving weight benefit that gives it such low fuel consumption at 17.9 km/litre and emission levels of 149 g/km. The BMW X5 sDrive25d is equipped with the BMW TwinPower Turbo four-cylinder diesel technology, developing a maximum power of 218 hp at 4,400 rpm and maximum torque of 450 Nm at 1,500-2,500 rpm.
          For the best economy, the ECO PRO mode can be selected at a push of a button to allow for the most efficiency in engine management and accelerator response. At the same time, ECO PRO mode also programs electrically powered functions like the climate control for extra-efficient energy management.

          The all-new BMW 320d Gran Turismo
          The all-new BMW 3 Series Gran Turismo adds an innovative new concept to the successful BMW 3 Series line-up. The third body variant in the current model family combines the Sedan’s dynamic, sporting genes with the practicality and versatility of the Touring, qualities which are backed up by a palpable increase in space and driving comfort.
          Generous interior dimensions allow the passengers in every seat of the all-new BMW 3 Series Gran Turismo to sit back and enjoy an impressive feeling of space and unbeatable freedom of movement. The front and rear passengers all benefit from a seating position raised by 59 millimetres, which provides an outstanding view out and makes entry and exit significantly more comfortable. Plus, the all-new BMW 3 Series Gran Turismo also offers extra headroom. The increase in space will be particularly noticeable in the rear compartment, where a full 70 millimetres of additional legroom over the Sedan and Touring – giving luxury-car levels of spaciousness – is there to be enjoyed.
          The new BMW 320d Gran Turismo is powered by a four-cylinder diesel engine with maximum output of 184 hp at 4,000 rpm and torque of 380 Nm between 1,750-2,750 rpm – ensure the new BMW 320d Gran Turismo is a stand-out dynamic performer and fits the profile of a sporty GT. The agile diesel asks a mere 7.9 seconds for the sprint from 0 to 100 km/h. Average fuel consumption is 20.4 km/litre, and CO2 emissions of 129 g/km, putting the all-new BMW 320d Gran Turismo in low-pollutant territory.

          The BMW 328i M Sport
          The M Sport package has been developed specifically for this model series, which includes 18 inch M alloy wheels, M aerodynamics package featuring special body parts, BMW Individual high gloss shadow line, M leather steering wheel, and etc.
          The BMW 328i M Sport features the BMW TwinPower Turbo four-cylinder petrol engine, which has been honed for even greater fuel economy and lower emissions with no reduction in power output.
With the maximum power of 218 hp at 4,700-6,000 rpm, the BMW 328i M Sport can achieve a 0-100 km/h sprint time in just 6.4 seconds. When necessary, the agile petrol engine will accelerate up to a top speed of 245 km/h.

          The BMW X6 M50d
          BMW Group Thailand is now launching the BMW M Performance Automobiles for the first time at the Motor Expo 2013. Based on the current BMW models, BMW M GmbH using its vast pool of expertise to arry out carefully targeted technical and design modifications to introduce new breeds of inspirational models with high performance BMW diesel technolgoy. With the most powerful diesel engine BMW has to offer and the typical M optimisation of power transmission, handling properties and aerodynamic balance, the BMW X6 M50d set a new benchmark within their competitive field in terms of sporty flair, concept harmony and efficiency.
          The newly developed M Performance TwinPower Turbo six-cylinder in-line diesel engine furnishes the vehicle with remarkable thrust from the word go. This is due in no small part to the three-stage turbocharging process with variable turbine geometry. With its characteristic immediate response, high torque straight from idle, and a wide usable rev range, the BMW X6 M50d unleashes unadulterated dynamics.
          The M genes are borne out by performance figures: 740 Nm catapult the BMW X6 M50d from 0 to 100 km/h in just 5.3 seconds. This impressive acceleration is accompanied by remarkable efficiency: average fuel consumption is 12.98 km/l with CO2 emissions of 204 g/km. This combination of dynamic ability and fuel efficiency is unique in the BMW X6 vehicle class.
          Outstanding powertrain and chassis technology in combination with xDrive intelligent all-wheel drive allow the BMW X6 Sports Activity Coupe to display extraordinary poise and assurance. Thanks to the most powerful diesel engine in the BMW engine range, allied to the optimised power transfer, handling properties and aerodynamic balance for which M cars are renowned, the BMW X6 M50d set new standards in their respective classes in terms of sportiness, conceptual harmony and efficiency.

          MINI Hatch John Cooper Works Package Limited Edition
          MINI Thailand is welcoming a special edition, MINI Hatch John Cooper Works Package Limited Edition to Thailand. The John Cooper name has embodied the successful relationship between the British small car and sporting competition for several decades. The newly introduced MINI Cooper and MINI Cooper S John Cooper Works Package Limited Edition represent the racing heritage with its JCW aerodynamic kits, 17” Cross Spoke Challenge alloy wheels, JCW leather steering wheels with shift paddles and much more.
BMW

          - The all-new BMW 420d Coupe Sport : 3,799,000 Baht
          - The all-new BMW 420d Coupe M Sport : 3,999,000 Baht
          - The all-new BMW X5 xDrive30d : N/A
          - The all-new BMW X5 sDrive25d : N/A
          - BMW X6 M50d : 9,899,000 Baht
          - BMW 328i M Sport : 3,099,000 Baht
          - BMW 320d Gran Turismo : 3,199,000 Baht
          - BMW 520i : 3,599,000 Baht (with 0% interest campaign)
          - BMW 520d : 3,699,000 Baht (with 0% interest campaign)
          - BMW 528i : 4,099,000 Baht (with 0% interest campaign)
          - BMW 525d : 4,249,000 Baht (with 0% interest campaign)
          - BMW 528i Sport : 4,299,000 Baht (with 0% interest campaign)

          MINI
          - MINI Cooper Countryman : starting at 1,840,000 Baht
          - MINI Cooper D Countryman :starting at 2,040,000 Baht
          - MINI Cooper SD ALL4 Countryman : 2,490,000 Baht
          - MINI Cooper JCW package, Limited Edition : 2,360,000 Baht
          - MINI Cooper S JCW package, Limited Edition : 2,740,000 Baht
          - MINI Cooper Paceman : 2,490,000 Baht
          - MINI Cooper S Paceman : 2,950,000 Baht

          Special campaign offers at the Motor Expo 2013
          BMW
          Celebrate the BMW Thailand 15th Anniversary with special offer of BMW 5 Series- 5 years of 0% interest, 5 years of service inclusive.
          Best of the best among BMW fans and enthusiasts, the entire range of BMW 5 Series is now offered with 0% interest and starting instalment as little as 14,996 per month* for BMW 520i hire purchase with balloon. At the same time, the customer could choose the flexible term of payment from 36-60 month at 0% interest. The range of BMW 5 Series with 0% interest includes BMW 520i, 520d, 528i, 525d, and 528i Sport.
          BMW X1 sDrive18i / BMW sDrive18i Sport/ xLine will also be offered with 0% interest for up to 48* months.
          Special interest campaign as above are exclusively avaiable from BMW Financial Services only.
Special gifts for BMW and MINI at the Motor Expo 2013
          For BMW customers with hire purchase with balloon and financial lease contract, the customers will be eligible to receive a set of mobile power bank* (for all BMW models except BMW 7 Series), or Apple TV* for BMW 7 Series customers with the same hire purchase/ financial lease condition.
          In addition, BMW X1 sDrive18i, BMW X1 sDrive20d (from 2,149,000 Baht), and all models of BMW 3 Series sedan (from 2,679,000 Baht), the customers will be eligible for iPhone 5C 16 GB.
          All BMW 5 Series and CBU models (excluding BMW 1 Series, 3 Series GT, 3 Series Touring and 5 Series Touring), the customer will be eligible for iPhone 5S 16 GB.
          All BMW 7 Series and BMW ActiveHybrid 7 L (excluding BMW 730Ld business), the customers will be eligible for iPhone 5S 32 GB.
          Booking must be made from November 16, 2013 until December 10, 2013, and the vehicle handover must be done within 2013.
          For MINI customers with hire purchase with balloon and financial lease contract, the customers will be eligible to receive a MINI lifestyle voucher* worth 1,500 Baht. Booking must be made from November 16, 2013 until December 10, 2013 2013, and the vehicle handover must be done within 2013.

          * Conditions apply. BMW Group Thailand reserve the rights to change the above conditions without prior notices.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:31:25 AM
ฮอนด้า เปิดตัว โอดิสซีย์ ใหม่ และเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบ ฮอนด้า NSX ซูเปอร์สปอร์ตไฮบริด ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30





          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า โอดิสซีย์ ใหม่ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมนำรถยนต์ต้นแบบ ฮอนด้า NSX ซูเปอร์สปอร์ตไฮบริด มาจัดแสดง ร่วมด้วย ยนตรกรรมครบทั้ง 14 รุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Shining Through The Next Era” สะท้อนแนวคิดของฮอนด้า เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมยานยนต์ พร้อมนำเสนอแคมเปญ “Honda For You As Always - แทนคำขอบคุณ ให้คุณจากใจ” มอบข้อเสนอสุดพิเศษทุกรุ่นสำหรับลูกค้าฮอนด้าในงานนี้

          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับบูธฮอนด้าในปีนี้ นำเสนอภายใต้ธีม “Shining Through The Next Era” ที่สะท้อนแนวคิดของฮอนด้า เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมยานยนต์ที่พร้อมจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีสมรรถนะสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยจะได้พบกับการเปิดตัวครั้งแรกของ ฮอนด้า โอดิสซีย์ ใหม่ ยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรูที่ให้ความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาส นอกจากนี้ยังได้นำรถยนต์ต้นแบบฮอนด้า NSX ซูเปอร์สปอร์ตไฮบริด มาจัดแสดง พร้อมด้วยยนตรกรรมฮอนด้าทั้ง 14 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงรถยนต์พลังงานทางเลือก E85 ซีเอ็นจี ไฮบริด”

          ฮอนด้า โอดิสซีย์ ใหม่ ยนตรกรรมระดับหรู มาพร้อมดีไซน์ที่ล้ำสมัย หรูหรา สง่างามโดดเด่นในทุกมิติ ภายในห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว่าเดิม โดยได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีต ทันสมัย ให้ความสุนทรีย์ในทุกตำแหน่งที่นั่ง ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพียบพร้อม ให้ความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบเฟิร์สคลาส ซึ่งสามารถปรับได้ถึง 10 ทิศทาง เพื่อรองรับกับทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร เช่น การปรับองศาของเบาะรองขาและพนักพิงหลังช่วงบน รวมทั้งยังปรับให้รองรับต้นคอ เพื่อความผ่อนคลายตลอดการเดินทาง ทั้งยังสามารถปรับที่นั่งได้แบบแยกอิสระซ้าย—ขวา ให้เดินผ่านได้แบบ Walk Through ประตูข้างไฟฟ้าแบบสไลด์ซ้าย-ขวา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้า-ออกจากห้องโดยสาร

          โอดิสซีย์ ใหม่ ยังมาพร้อม ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Tri-zone พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส เปี่ยมพลังยิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด175 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมเทคโนโลยี Earth Dreams ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังรองรับการใช้น้ำมัน E20 โอดิสซีย์ ใหม่ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ให้ความมั่นใจรอบด้านแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อาทิ ระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านขณะถอย เป็นต้น ทั้งนี้โอดิสซีย์ ใหม่ วางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่

          รุ่น 2.4EL ราคา 2,950,000 บาท และ รุ่น 2.4E ราคา 2,750,000 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ดำพรีเมียมทวิงเคิล(มุก) เงินซูเปอร์แพลทินัม(เมทัลลิก) ขาวออร์คิด (มุก) ซึ่งภายในห้องโดยสารเป็นสีดำ ส่วนสีดำคริสตัล (มุก) ภายในห้องโดยสารเป็นสีเบจ*

          สำหรับอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ฮอนด้าภูมิใจนำเสนอ ได้แก่ รถยนต์ต้นแบบ ฮอนด้า NSX ซูเปอร์สปอร์ต ไฮบริด
          ซึ่งทำงานด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่แบบวางกลาง Direct Injection V6 VTEC ที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดประสิทธิภาพสูง Sport Hybrid SH-AWD (Super Handling All Wheel Drive) ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Human Support Cockpit” เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่แห่งการขับขี่ในทุกมิติ นอกจากนั้นตัวถังรถแบบอลูมิเนียม ที่มีน้ำหนักเบา ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และสามารถนำกลับสู่กระบวนการรีไซเคิล ด้วยการผสานเทคโนโลยีชั้นเยี่ยม ส่งผลให้ NSX เป็นนิยามใหม่ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมต้นแบบแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง

          นอกจากนี้ ภายในงานฮอนด้ายังได้จัดแสดง รถยนต์ต้นแบบจากไอเดียสร้างสรรค์ของนิสิตนักศึกษาที่ได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวดในกิจกรรม Freed Your Mind Design Contest ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้ออกแบบการใช้งาน เพื่อการประกอบธุรกิจกับรถยนต์ฮอนด้า ฟรีด โดยผลงานชนะเลิศ ได้แก่ ทีมหมูชมพู คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยการนำเสนอไอเดีย Freedom Cup Cake Café ที่มีแนวคิดจากความต้องการแบ่งปันความสุขสู่ผู้อื่น ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่สะท้อนบุคคลิกของรถยนต์ฮอนด้า ฟรีด ที่สามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างโดดเด่น

          พร้อมกันนี้ ฮอนด้ายังได้นำเสนอแคมเปญ “Honda For You As Always - แทนคำขอบคุณ ให้คุณจากใจ” เพื่อเป็นการขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้การสนับสนุนฮอนด้าและอยู่เคียงข้างกันตลอดมา ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษทุกรุ่นสำหรับลูกค้าฮอนด้าในงานนี้ พร้อมรับสิทธิลุ้นรถยนต์ฮอนด้า สเตปแวกอน สปาด้า รุ่นพิเศษ จำนวน 3 รางวัล หรือลุ้นรับสร้อยคอทองคำฝังเพชร จำนวน 100 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทอีกด้วย

          *หมายเหตุ: อุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:35:15 AM
Honda launches all-new Honda Odyssey and introduces Honda NSX, a super sport hybrid concept car at Motor Expo 2013
 




          Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd. introduced the all-new Honda Odyssey for the first time in Thailand and showcased the Honda NSX, a super sport hybrid concept car, along with a lineup of 14 Honda models, at the 30th Motor Expo 2013. This year, Honda’s booth is based on the concept “Shining Through the Next Era” to reflect how Honda has reinforced its leadership in innovative automobiles. Honda has also rolled out the “Honda For You As Always” campaign with special offers for Honda customers.

          Mr. Pitak Pruittisarikorn, Executive Vice President, Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd., “The Honda booth this year is under the concept of ‘Shining Through the Next Era’ to reflect how Honda continues to strive to reinforce our leadership in innovative, high-performance and environmentally-friendly automobiles. For the 2013 Motor Expo, Honda is presenting the Thailand debut of the all-new Honda Odyssey, a premium minivan that offers first-class comfort; the Honda NSX, a super sport hybrid concept car; and a wide range of 14 models of vehicles including alternative energy automobiles such as E85, CNG, and hybrid models to satisfy all customer needs and lifestyles.”

          The all-new Honda Odyssey, a premium minivan, shows an outstanding character in all dimensions, plus luxury and elegance. The roomier interior embraces modernity, sophistication and perfect functionality to provide the ultimate relaxation for all passengers. The cradle seats in the second row offer first-class comfort with 10-way adjustments to suit all passenger requirements, including leg rests, articulated backrests and adjustable nape rests for the ultimate comfort during a journey. The seating is independently split into left and right with a walk-through feature. Power left- and right-side sliding rear doors provide convenient entry and exit of the cabin.

          The new-generation Honda Odyssey comes equipped with an advanced touch audio system and tri-zone air-conditioning operated by a touch control panel. Other highlights are the 2.4-liter DOHC i-VTEC® Earth Dreams Technology engine that produces 175 horsepower and a CVT, resulting in powerful acceleration and best-in-class fuel economy, as well as supporting E20 gasoline. To enhance visibility during driving with clear and complete views, safety features include a Multi-View Camera System, Honda Smart Parking System, Blind Spot Information System, Cross Traffic Monitor and many other striking safety solutions.

          The all-new Honda Odyssey is available in two variants including the 2.4E priced at 2,750,000 baht and the 2.4EL priced at 2,950,000 baht. The all-new Honda Odyssey comes in four colors including Premium Twinkle Black (Pearl), Super Platinum Silver (Metallic), White Orchid (Pearl) with a black interior and Crystal Black (Pearl) with a beige interior.

          Another highlight showcased at the Honda booth during the 2013 Motor Expo is the Honda NSX, a next-generation super sport hybrid concept car. Powered by a Direct Injection V6 VTEC engine, along with Honda's Sport Hybrid SH-AWD (Super Handling All-Wheel Drive), the Honda NSX delivers breakthrough high-speed performance while being fuel efficient and environmentally friendly. With its unique design and featuring the Human Support Cockpit, the Honda NSX is truly a whole new level of experience for the joy of driving. In addition, the lightweight aluminum body of the Honda NSX is recyclable without generating waste. With the integration of breakthrough technology, the Honda NSX truly marks the new definition of Honda's next generation automobiles.

          Also on display at the Motor Expo is the Honda Freed concept car, based upon the award- winning creative idea in the “Freed Your Mind Design Contest”, in which students submitted their designs for a Honda Freed to be modified for business purposes. The winning team, Pinky Pig, is comprised of students from the Faculty of Architecture, Chiang Mai University, with their idea of the Freedom Cup Cake Café, based on a concept of sharing joy with others that reflects the personality of the Honda Freed, which offers diverse utility and best suits modern lifestyles.

          Honda is also highlighting the new “Honda For You As Always” campaign with special offers to thank all customers for their kind support. Customers who make a reservation for any Honda model at the motor show will be eligible to win one of three prizes of Honda STEPWGN SPADA Limited Editions or 100 prizes of golden necklaces, with all prizes worth a total value of more than 10 million baht.

          Note: The all-new Honda Odyssey's features vary according to variants.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:35:53 AM
Proton เปิดตัว Suprima S
 




          ซูพรีมา เอส มาจากรากศัพท์คำว่า “ซูพรีม” (สุดยอด) โดยสะท้อนความเหนือระดับด้านวิศวกรรม ความปลอดภัย และสมรรถนะ ที่ผสานกันเป็นแฮทช์แบคคันนี้

          Proton Suprima S มีจำหน่าย 2 รุ่น คือ Executive และรุ่น Premium มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดที่ 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด เพิ่มสรรถนะการขับขี่ด้วยเทคโนโลยี LOTUS RIDE and Handling

          ภายนอกออกแบบมาให้ตอบสนองความต้องการของชีวิตทันสมัย โดยเป็นแฮทช์แบคทรงสปอร์ต มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยพวงมาลัยที่ตอบสนองได้รวดเร็วเท่าที่ใจต้องการ ระบบช่วยรถออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ มาพร้อมกับไฟ Day Time Running Light กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ไฟตัดหมอก สะกดทุกสายตาด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด215/45/R17 และยังเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยชั้นเยี่ยมมากมาย ได้แก่ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยข้างเบาะโดยสารคู่หน้า ม่านถุงลม หน้าต่างแอนตี้ แทรป พาวเวอร์ เบรก ABS ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Stability control) พร้อมด้วยระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control) ในรุ่นPremiumยังมีเซ็นเซอร์ข้างหน้าเพื่อช่วยจอด (Park Assist) และกล้องมองหลัง (Reverse Camera)

          ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ในการเดินทาง เพิ่มความหรูหราด้วย พวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น และ Paddle Shift (รุ่น Premium) โดดเด่นด้วยปุ่ม Push Start/Stop และระบบ Proton Infotainment ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งมาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงวิทยุ DVD/MP3 ช่องเสียบ USB/ iPod และยังสามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อระบบนำทางด้วยดาวเทียม กับระบบเสียงที่ประกอบไปด้วยลำโพง 6 ตัว

          Proton Suprima S มีให้เลือก 5 สี ได้แก่
          สีแดง (Fire Red)
          สีดำ (Tranquitlity Black)
          สีขาว (Solid White)
          สีเงิน (Generic Silver)
          สีน้ำเงิน (Atlantic Blue)

          The New Exora รุ่นปรับโฉมของ Proton Exora รุ่นเดิม The New Exora รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร รหัส แคมโปร CFE ( CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,000 รอบต่อนาที ทำให้สมรรถนะของเครื่องยนต์เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เพิ่มพลังในการเร่งแซงได้มากขึ้น ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยประหยัดน้ำมัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และการตอบสนองของรถยนต์มั่นคงแม่นยำยิ่งขึ้น ในขณะที่กำลังของเครื่องยนต์ไม่ลดลง ราคาเริ่มต้นเพียง 664,000 บาท

          Proton Exora + LPG ทางเลือกใหม่จากโปรตอน พัฒนา Exora ให้เลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบ ที่ทำให้คุณประหยัดได้มากกว่า และเดินทางได้ไกลยิ่งขึ้น ด้วยระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว LPG ควบคุมการทำงานด้วย ECU จ่ายเชื้อเพลิง LPG ด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ให้ความแม่นยำสูง ถังก๊าซ LPG ขนาด 36 ลิตร ออกแบบพิเศษเพื่อ Proton Exora โดยเฉพาะ ติดตั้งบริเวณใต้พื้นรถ ไม่เสียพื้นที่ใช้สอย ยางอะไหล่ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม พร้อมการ์ดเหล็กกันกระแทกเพิ่มความปลอดภัย ขายึดถังก๊าซ LPG และขายึดชุดหม้อต้มออกแบบพิเศษใช้เลเซอร์ในการตัด พร้อมชุบสีกันสนิม เรียบร้อยและสวยงาม ราคาเริ่มต้นเพียง ราคาเริ่มต้นเพียง 703,000 บาท

          Proton Preve’ มีจำหน่าย 3 รุ่นคือ Standard, Executive และ Premium ทุกรุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร โดยในรุ่น Standard และ Executive ใช้เครื่องยนต์รหัส CAMPRO IAFM+ ให้กำลังสูงสุดที่ 109 แรงม้า ที่ 5750 รอบต่อนาที ส่วนในรุ่น Premium ใช้เครื่องยนต์ CAMPRO CFE ( CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงถึง 138 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205นิวตัน –เมตร ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยประหยัดน้ำมัน อีกทั้งเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่และการตอบสนองของรถยนต์มั่นคงแม่นยำยิ่งขึ้น ในขณะที่กำลังของเครื่องยนต์ไม่ลดลง ราคาเริ่มต้นเพียง 625,000 บาท

          Proton Preve’ + LPG โปรตอนเพิ่มทางเลือกให้คุณด้วยการพัฒนา Preve’ ให้เลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบ ที่ทำให้คุณประหยัดได้มากกว่า และเดินทางได้ไกลยิ่งขึ้น ด้วยระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว LPG ควบคุมการทำงานด้วย ECU จ่ายเชื้อเพลิง LPG ด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ให้ความแม่นยำสูง ถังก๊าซ LPG ขนาด 58 ลิตร ติดตั้งในห้องเก็บสัมภาระท้ายพร้อมชุดครอบถัง ขายึดถังก๊าซ LPG และขายึดชุดหม้อต้มออกแบบพิเศษใช้เลเซอร์ในการตัด พร้อมชุบสีกันสนิม เรียบร้อยและสวยงาม ราคาเริ่มต้นเพียง ราคาเริ่มต้นเพียง 664,000 บาท

          และทาง Proton ยังจัดแคมเปญใหม่สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ Proton รุ่น Exora หรือ รุ่น Preve’ ทั้งแบบเบนซิน และ LPG มาก่อนรับสิทธิพิเศษมูลค่าสูงสุด 150,000 บาท* สิทธิพิเศษเฉพาะผู้ที่จองรถภายในงาน Motor Expo 2013 หรือ โชว์รูมโปรตอนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-10 ธันวาคม 2556 เท่านั้น

          *เงื่อนไขนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อกับสถาบันการเงินเท่านั้น
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:36:39 AM
Proton Launches Suprima S at the 2012 Thailand International Motor Expo
 


         The name Suprima S is derived from the root word “supreme”, and reflects superiority in engineering, safty and performance that has been incorporated into the hatchback.

          Designed to meet the demanding needs of the modern lifestyle, the Proton Suprima S is a youthful hatchback with a dynamic and sporty shape, a premium interior and superior engine performance. It is PROTON’s most well-equipped product to date, with the Premium variant offering a host of features never before seen in a Proton model, such as PROTON Infotainment with Android-based Operating System, rear LED light guides, DRL (Daytime Running Lights), Hill-Hold Assist, and Park Assist with front parking sensors.

          The Proton Suprima S is powered by PROTON’s 1.6L Turbo engine. Mated with PROTON’s 7-speed ProTronic CVT, it delivers power and torque equivalent to a 2.0-litre naturally aspirated engine. The 1.6L power plant produces 138 PS at 5000rpm, and with maximum torque of 205Nm from 2000 to 4000rpm. And as with all Proton models, its driving dynamics is enchanced with LOTUS Ride and Handling.

          The hot new hatchback is well-equipped with high-end safty features – six airbags, anti-trap power windows, ABS (Anti-lock Braking System), and ESC (Electronic Stability Control) with Traction Control. The Premium variant is also equipped with Park Assist with rear parking sensors, and reverse camera.
“The Proton Suprima S comes with the highest safety standards PROTON has offered, topped off with a 5-Star ANCAP safety rating.”

          Other highlights of the Proton Suprima S include 7-spoke, 17-inch rims and a 7-inch touchscreen with built-in navigation system. Additional features in the Premuim variant include full leather seats, Push Start Button, paddle shifts, and auto cruise, amongst many other features.

          Five colour choices are available: Fire Red, Tranquility Black, Solid White, Genetic Silver and a brand new colour , Atlantic Blue.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:37:57 AM
ภาพข่าว: สามมิตร กรีนพาวเวอร์ เผยโฉม “รถกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” แรง ทน คุ้มค่า ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2013
 




                 นายสุรยุทธิ์ โพธิ์ศิริสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามมิตร กรีนพาวเวอร์ จำกัด (SGP) เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด “กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” ในงาน Motor Expo 2013 โดยชูสมรรถนะ “แรง ทน คุ้มค่า” โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNG ซึ่งเป็นระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติแบบเชื้อเพลิงร่วมสำหรับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ารถยนต์ดีเซล ทนทาน ประหยัดเชื้อเพลิง และเพิ่มฟังก์ชั่นออฟโรดตอบสนอง ผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยผู้สนใจร่วมพิสูจน์สมรรถนะรถกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี ได้ที่บูธสามมิตร กรีนพาวเวอร์ เลขที่ B02 ตั้งแต่วันนี้ถึง – 10 ธันวาคมนี้ ในงาน Motor Expo 2013 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:40:36 AM
“เอ็มจี” ประกาศความพร้อมบุกตลาดไทย อวดโฉมรถยนต์ จากประวัติศาสตร์สู่อนาคตในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
 
            พบกับนวัตกรรมการออกแบบแห่งอดีตสู่อนาคตรวม 4 รุ่น พร้อมเตรียมส่งรถยนต์รุ่นแรกบุกตลาดไทยในปี 2557
          - ร่วมรำลึกถึงความสำเร็จของรถยนต์แบรนด์ เอ็มจี ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันผ่าน อินเตอร์แอคทีฟ วอลล์ที่ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมได้
          - การแสดง และการออกแบบบูธอันล้ำสมัย สะท้อนให้เห็นภาพอดีตอันรุ่งเรืองสู่ความรุ่งโรจน์ของแบรนด์ เอ็มจี ในปัจจุบัน และอนาคต







เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี เดินหน้าเปิดตัว เอ็มจี แบรนด์รถยนต์อังกฤษชื่อดัง สู่ตลาดรถยนต์ไทย จัดขบวนทัพนวัตกรรมการออกแบบด้านยานยนต์แห่งอดีตและอนาคต 4 รุ่น ประกาศความยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2556 ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมเตรียมส่ง “เอ็มจี 6” รถยนต์รุ่นแรกบุกตลาดไทยปีหน้า

มร. หวู่ ฮวน ประธานบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี เป็นการร่วมทุนระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กับบริษัท เซี่ยงไฮ้ ออโต้โมทีฟ อินดัสทรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SAIC) หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์อังกฤษภายใต้แบรนด์ “เอ็มจี” เพื่อเจาะตลาดไทย โดย เอสเอไอซี มอเตอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% และซีพี 49%

“ในขั้นต้น เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพีวางแผนที่จะแต่งตั้งดีลเลอร์อย่างน้อย 30 รายทั้งในกรุงเทพฯและตามจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์พวงมาลัยขวาแห่งใหม่ขึ้นด้วยเม็ดเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ”

มร. แอนโธนี วิลเลียมส์-เคนนี ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ เอ็มจี ในลองบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และเซี่ยงไฮ้ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า การร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ เอ็มจี ในการบุกตลาดไทย ซึ่งในก้าวแรกนี้จะมีการจัดแสดงรถยนต์ 4 รุ่น ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมการออกแบบแห่งอดีตและอนาคตที่ เอ็มจี ภาคภูมิใจ ประกอบด้วยรถยนต์รุ่น เอ็มจี เอ เอ็มจี บี เอ็มจี ไอคอน และ อี 50 ให้ชมกันภายในงาน

“เอ็มจี เอ เป็นรถสปอร์ตอันโด่งดังของ เอ็มจี ผลิตโดยบริษัท บริติช มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ในช่วงปี พ.ศ. 2498 ถึง 2505 และเป็นรุ่นที่แสดงให้เห็นถึงสไตล์ที่แตกต่างจากรถรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน ส่วน เอ็มจี บี ที่ออกสู่ตลาดในปี พ.ศ. 2505 เป็นรถรุ่นต่อมาที่ได้รับการออกแบบให้มีความแปลกใหม่ทันสมัย ทั้งสองรุ่นจะทำให้คนไทยได้เห็นอดีตอันรุ่งเรืองของ เอ็มจี และเป็นการฉลองก้าวแรกของเราในตลาดรถยนต์เมืองไทย” มร. วิลเลียมส์-เคนนี กล่าว

ค่ายรถอังกฤษเจ้าของตราสัญลักษณ์รูปแปดเหลี่ยมยังได้เตรียมจัดแสดง เอ็มจี ไอคอน คอนเซ็ปต์คาร์ระดับรางวัลที่มีความสวยงามสะดุดตา และเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและการออกแบบที่เป็นสากลของ เอ็มจี

รถยนต์คอนเซ็ปต์คาร์ เอ็มจี ไอคอน คือรถเอสยูวีต้นแบบรุ่นแรกของ เอ็มจี ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถสปอร์ตอย่าง เอ็มจี เอ และ เอ็มจี บี โดย เอ็มจี ไอคอน จะสะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบเพื่อผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกและเป็นก้าวสำคัญในพัฒนารถยนต์เพื่ออนาคตของแบรนด์นี้

มร. วิลเลียมส์-เคนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า “เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่มีค่านิยมและปรัชญาที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้เราสามารถออกแบบยานยนต์แต่ละรุ่นให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เอ็มจี ไอคอน ถือเป็นตัวแทนที่แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของรถยนต์ เอ็มจี รุ่นใหม่ นอกจากนั้น เอ็มจี ไอคอน ยังแสดงให้เห็นว่าเราสามารถพัฒนารถยนต์เอสยูวี ที่คงคุณลักษณะเฉพาะ ที่สืบทอดมายาวนานของ เอ็มจี ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความกว้างของตัวรถ รูปลักษณ์ที่ดูทรงพลัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตราสัญลักษณ์รูปแปดเหลี่ยมของแบรนด์ ที่ยังคงไว้ได้อย่างลงตัว”

สำหรับรถรุ่นท้ายสุดที่ เอ็มจี นำมาจัดแสดงคือ อี50 ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่มบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ มีการจัดวางตำแหน่งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รวมถึงการออกแบบตัวรถที่คำนึงถึงความสมดุลระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์กับความสะดวกสบายของคนขับและผู้โดยสาร ทั้งยังมีการจัดสรรพื้นที่ภายในรถอย่างเหมาะสม ประกอบกับการพัฒนาสมรรถนะอย่างสูงสุดในทุกระบบ ซึ่งให้ทั้งความปลอดภัยและลดการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี

“อี50 คือเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรามีความสามารถในการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต รวมถึงสามารถผลิตชิ้นส่วนหลัก และส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ประเภทนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดได้เป็นอย่างดี” มร. วิลเลียมส์-เคนนี กล่าวทิ้งท้าย

พบกับนวัตกรรมยานยนต์ภายใต้แนวคิด “History for Future” พร้อมสัมผัสประสบการณ์ “Passion Drives” จาก เอ็มจี ได้ที่บูธ B03 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารจากเอ็มจีได้ที่ www.mgcars.co.th และwww.facebook.com/mgcarsthailand
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:42:09 AM
ซูซูกิเปิดตัวคอนเซ็ปต์คาร์ A:Wind เป็นที่แรกของโลกในประเทศไทย คู่ NEW SUZUKI SWIFT Energy Green ในงาน Motor Expo 2013
 


          บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ชูความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีโคคาร์เผยโฉม SUZUKI A:Wind คอนเซ็ปต์ ต้นแบบรถยนต์ประหยัดพลังงานระดับโลก ที่จะมาสั่นสะเทือนวงการรถยนต์ไทยในฐานะต้นแบบรถอีโคคาร์คันที่สองของซูซูกิ พร้อมโชว์ NEW SUZUKI SWIFT Energy Green Limited Color ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษทั่วประเทศรับสิ้นปี 2556

          มร.ทาคายูคิ ซูกิยามา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซูซูกิขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพของซูซูกิอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ซูซูกิมีอัตราการเติบโตกว่า 200% ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และเป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด โดยที่ผ่านมา SUZUKI SWIFT รถสปอร์ตคอมแพ็ค ได้รับความนิยมจนมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ALL NEW SUZUKI ERTIGA รถครอบครัวขนาด 7 ที่นั่ง ที่เปิดตัวในช่วงไตรมาสแรก ก็ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดีเช่นกัน

          เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ และตอบรับคอนเซ็ปต์ “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก Innovative Energies - World-Changing Vehicles” ของงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ในปีนี้ ซูซูกิได้เปิดตัว คอนเซ็ปต์คาร์ใหม่ล่าสุด SUZUKI A:Wind ต้นแบบรถยนต์ประหยัดพลังงานระดับโลกที่จะมาสั่นสะเทือนวงการรถยนต์ไทยอีกครั้งในฐานะต้นแบบรถอีโคคาร์คันที่สองของซูซูกิ และนอกจากนี้ ซูซูกิยังได้จัดแสดง NEW SUZUKI SWIFT “Energy Green” Limited Color (สีเขียวเอ็นเนอร์จี กรีน เมทัลลิค ใหม่) สีสันแห่งสไตล์ ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย

          นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมา ซูซูกิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเราประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและอีโคคาร์ และซูซูกิยังคงมั่นใจว่าแนวโน้มและทิศทางของตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กรวมถึงอีโคคาร์จะเติบโตและได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีข้อสงสัย จากการศึกษาตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าผู้บริโภคหันมาให้ความนิยมรถยนต์นั่งขนาดเล็กเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 20% ของตลาดรถยนต์นั่งทั้งหมด หรืออาจกล่าวได้ว่าตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กรวมถึงอีโคคาร์ได้รับการยอมรับจนขยายตัวขึ้นกว่า 5 เท่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีผู้บริโภคให้ความนิยมขับรถดังกล่าวกว่า 277,846 คัน โดยส่วนหนึ่งได้รับผลจากการกระตุ้นของภาครัฐ อีกส่วนหนึ่งได้รับผลจากการทำการตลาดและกระตุ้นตลาดจากค่ายรถยนต์หลายๆ ค่าย อาจส่งผลให้สิ้นปีนี้ ยอดรวมตลาดน่าจะปิดยอดที่ราว 1.3 ล้านคัน”

          “ในส่วนของซูซูกินั้น เราได้การวางกลยุทธ์และแผนการตลาด โดยเน้นจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในรถประหยัดพลังงานที่มีคุณภาพและคุณค่า (Quality and Value) มากกว่าการยึดติดกับตราสินค้า (Brand) โดยเน้นชูสปอร์ตคอมแพ็ค SUZUKI SWIFT รุ่นต่างๆ นอกจากนี้ ยังวางแผนจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่กำลังสร้างครอบครัว โดยชูคุณภาพและเน้นคุณค่าของรถ 7 ที่นั่งเพื่อความอเนกประสงค์ของครอบครัวอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กและอีโคคาร์มาตรฐานสากลรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด โดยเน้นหนักในเรื่องคุณภาพและคุณค่าของตัวรถ เพื่อรักษาความเป็นอีโคคาร์ระดับพรีเมี่ยม (Premium Eco-Car) และ ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ Way of Life! ของผู้บริโภคที่มีอยู่หลากหลาย โดยเตรียมทำการตลาด รวมถึงการทำการสื่อสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมตอบแทนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มากกว่าการให้ส่วนลดและโปรโมชั่น” นายวัลลภกล่าวเพิ่มเติม

          “ด้านบริการหลังการขาย ซูซูกิเดินหน้าขยายเครื่อข่ายผู้จำหน่าย โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับปริมาณลูกค้าที่มีเพิ่มขึ้น และเพื่อให้ลูกค้าทั่วประเทศได้รับการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ รวดเร็ว ในโชว์รูมและศูนย์บริการรูปลักษณ์ทันสมัย ดูแลโดยบุคลากรคุณภาพมืออาชีพ อุปกรณ์ทันสมัย พร้อมอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งแท้ราคามาตรฐาน รับประกันคุณภาพโดยซูซูกิ

          สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ในปีนี้ ซูซูกิได้จัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมายในงาน ขอเชิญเข้าเยี่ยมชมและทดลองขับรถยนต์ของซูซูกิได้แล้ววันนี้ และซูซูกิให้ความมั่นใจว่า เราจะไม่หยุดยั้งที่จะเดินหน้าสร้างยนตกรรมที่น่าตื่นเต้น ตอบทุก Way of Life! ที่ทันสมัย และตอบทุกความเปลี่ยนแปลงของโลกนับจากวันนี้ไปสู่อนาคต” นายวัลลภสรุปและเชิญชวนในตอนท้าย

          ซูซูกิพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษทั่วประเทศรับสิ้นปี 2556
          SUZUKI SWIFT 1.25 ลิตร และ NEW SUZUKI SWIFT Energy Green Limited Color รับฟรีประกันภัยชั้น 1 (เงื่อนไขตามที่ บริษัทฯ กำหนด)
          ALL NEW SUZUKI ERTIGA รับฟรีประกันภัยชั้น 1
          SUZUKI CARRY รับฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อมบัตรเงินสด PTT Blue Innovation มูลค่า 3,000 บาท เพื่อเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท.
         
          ทดลองขับรถยนต์คุณภาพของซูซูกิ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 และโชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และโชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ หรือ โทรฟรี SUZUKI Call Center จากโทรศัพท์พื้นฐาน โทร 1800-600-900, จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ โทร 1401-600-900 และ www.suzuki.co.th, www.facebook.com/NewSuzukiSwift, www.facebook.com/SuzukiErtigaThailand
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:44:01 AM
Suzuki unveils “Suzuki A: Wind” as world premiere of concept car along with New Suzuki Swift Energy Green at the 30th Thailand International Motor Expo 2013
 


          Suzuki Motor (Thailand) Co., Ltd. underscores its leadership as innovative compact car maker with the world debut of Suzuki A: Wind, the newest concept car. It is the latest world class energy-efficient prototype and another breakthrough vehicle for Suzuki. This is a beginning of the new era of Eco car which will be fully equipped with new standards that will rock the Thailand automotive market again. Moreover, the New Suzuki Swift Energy Green Limited Color will also be introduced at the 30th Thailand International Motor Expo 2013 with special offers for customers nationwide to enjoy the end of the year with happiness.

          Mr Takayuki Sugiyama, President of Suzuki Motor (Thailand) Co., Ltd. said: “Suzuki wants to thank all of Thai customers for their ongoing trust and confidence in our quality products and services. This has resulted in a growth rate of 200 percent over three consecutive years, making Suzuki the Japanese car maker marking highest growth rate in the market. Thanks to the popularity of the Suzuki Swift sport compact which is able to maintain the market’s number one position in terms of sales in the past months. In addition, our new 7-seater family MPV "All New Suzuki Ertiga", launched in the first quarter of this year, also received overwhelming response from the market too.

          To underscore its market leadership and respond to the 30th Thailand International Motor Expo 2013’s concept of “Innovative Energies – World-Changing Vehicles”, Suzuki this year is introducing the world premiere of Suzuki A: Wind, the newest concept car. This is the latest world class energy-efficient prototype and another breakthrough vehicle for Suzuki. This is a beginning of the new era of Eco car, to be fully equipped with new standards, to rock the Thailand’s automotive market again. Moreover, the New Suzuki Swift Energy Green Limited Color will also be introduced too. The vehicle comes in stylish green metallic to respond to the demands of the new generation customers whose lifestyles are unique. 
         
          Mr Wallop Treererkngam, General Manager, Suzuki Motor (Thailand) Co., Ltd. said: “Previously, Suzuki has proved to be a huge success in marketing compact and Eco cars. The company is confident that the trend and direction of compact and Eco cars is likely to grow and continue to gain popularity among customers undoubtedly. Studies of the market in the past several years until now, found a dramatic increase in the number of consumers giving their interest into compact cars. The increase is accounted for almost 20 percent of the whole passenger cars. The compact and Eco car market has expanded more than 5 times in the past 4 years, with more than 277,846 units sold because of its popularity. This partly was contributed by the Government’s stimulus plans while another part was from the car makers’ marketing promotional campaigns launched to boost the market. This may result in total sales of vehicles at the end of this year to reach 1.3 million units”.

          “At Suzuki, we have implemented our strategic marketing plans targeting the next generation consumers who are interested in energy-efficient vehicle that comes with quality and value rather than sticking to brand. We focus on variety of models starting from our sport compact Suzuki Swift. In addition, we also target the next generation consumers, who are building a modern family, introducing our new 7-seater family MPV "All New Suzuki Ertiga". This new MPV that emphasize on both quality and value is specifically designed to respond to multi-purpose usage”.

          ”Moreover, we plan to develop a series of new models of compact and Eco cars that meet the universal standards to hit the market by emphasizing on quality and value to maintain our position as a premium eco-car maker. And to meet the needs of customers’ lifestyle under the concept Way of Life! Suzuki plans to implement the marketing programs, communications, advertising and marketing activities including ongoing customer relationship management activities, rather than offering discounts and promotions." Mr Wallop added.

          “Regarding Aftersales services, Suzuki continues to expand the supplier network, showrooms and service centres nationwide through these several years to respond to the increasing numbers of customers. Customers nationwide can rest assured they shall receive the high-quality Aftersales services promptly at the modern showrooms and service centres, supervised by professionally qualified personnel. Modern equipment, genuine spare parts and accessories are available at standard prices, guaranteed by Suzuki. We plan to have 80 showrooms and service centres nationwide by the end of 2013. By the end of 2014, we shall continue to expand our showrooms and service centres to 100”.

          “At the 30th Thailand International Motor Expo 2013, Suzuki displays all models of its vehicle and offers many special privileges. Come visit us and have a test drive today. We at Suzuki ensure that we shall never cease to continue creating the exciting vehicles to meet the modern lifestyles under the concept Way of Life! and answer to all the changes from now on and in the future,” Mr Wallop concluded.   
       
          Suzuki is offering special privileges to customers nationwide when making a purchase of :
          SUZUKI SWIFT 1.25 liters or NEW SUZUKI SWIFT Energy Green Limited Color, with free first class insurance. (Note: The Company reserves the right to change details without prior notice).
          ALL NEW SUZUKI ERTIGA, with free first class insurance.
          SUZUKI CARRY, get free first class insurance and PTT Blue Innovation cash card worth 3,000 baht for gas filling at PTT petrol station.

          Experience all of Suzuki quality vehicles, with special promotions at Motor Expo 2013 and all Suzuki showrooms nationwide. For more information, please contact Suzuki Motor (Thailand) Co., Ltd. (From landline, call 1800-600-900. From mobile phone, call 1400-600-900) or visit www.suzuki.co.th, www.facebook.com/NewSuzukiSwift, and www.facebook.com/SuzukiErtigaThailand.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:46:24 AM
A:Wind: คอนเซปต์คาร์ห้าประตูรุ่นใหม่ ใน A-segment จากซูซูกิ



          - ซูซูกิเปิดตัว A:Wind ครั้งแรกของโลก ในประเทศไทย
          - โดดเด่นด้วยดีไซน์ พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง และคุณภาพที่เหนือกว่ามาตรฐานของรถยนต์ใน A-segment

          ซูซูกิมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำการเปิดตัวรถคอนเซปต์คาร์ใน A-segment แบบ 5 ประตูรุ่นใหม่ คือรุ่น A:Wind เป็นครั้งแรกของโลก ณ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 หรือ Thailand International Motor Expo 2013 (รอบสื่อมวลชน: 28 พฤศจิกายน บุคคลทั่วไป: 30 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม)

          A:Wind จะเป็นรถนำสายลมที่สดชื่นเข้ามาสู่แวดวงของรถขนาดเล็กใน A-segment ในฐานะรถคอมแพ็กคาร์ระดับโลกเฉกเช่นชื่อรุ่นของมัน ซูซูกิได้สร้างสรรค์ A:Wind ขึ้นมาจากไม่ยึดติดกับมาตรฐานเดิมๆ ของรถใน A-segment และใช้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถขนาดเล็ก (compact cars) ของซูซูกิที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการพัฒนา ทั้งรูปลักษณ์ที่โอ่อ่าทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารที่กว้างขวาง การออกแบบเพื่อการใช้งานอย่างได้อย่างง่ายดาย และความประหยัดน้ำมันอันเป็นเลิศ ล้วนเป็นสิ่งที่รถรุ่นใหม่นี้มีอยู่อย่างครบถ้วน

          การออกแบบ
          การออกแบบภายนอก
          การออกแบบคำนึงถึงแนวคิดสามประการ คือ รูปทรงที่ปราดเปรียว ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และคุณภาพที่สุดประณีต โดยแนวคิดทั้งสามนี้ ได้ถูกส่งผ่านไปยังจุดเด่นต่างๆ ของรถ ทั้งรูปลักษณ์ที่มีชีวิตชีวา
การออกแบบภายในให้กว้างขวาง และคุณภาพของรถทั้งภายในและภายนอก
          กระจังหน้าถูกออกแบบอย่างมีมิติให้ลงตัวกับชุดไฟหน้า ความโอ่อ่าถูกถ่ายทอดผ่านลายเส้นด้านข้างของตัวรถ ทำให้ A:Wind เป็นดังสายลมแห่งคุณภาพที่เหนือกว่ามาตรฐานของรถยนต์ทั่วไป
          ดีไซน์รถที่เป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกที่มีสไตล์ และพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวาง

          การออกแบบภายใน
          การจัดวางผังภายในตัวรถผ่านการคิดอย่างรอบด้านและพิถีพิถันเพื่อให้เกิดความสบายสูงสุดภายในห้องโดยสาร ตัวรถได้มีการออกแบบให้มีช่องว่างระหว่างที่นั่งผู้โดยสารแถวหน้าและที่นั่งผู้โดยสารแถวหลังเพิ่มมากขึ้น ประตูรถทุกบานสามารถเปิดได้กว้าง สามารถขึ้น-ลงรถเพื่อโดยสารได้อย่างสะดวก โดย A:Wind นั้นนับได้ว่าเป็นรถที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับรถยนต์ในขนาดเดียวกัน
          การออกแบบภายในมีการเลือกใช้สีเบจในโทนสว่างตัดกับสีรถภายนอกได้อย่างลงตัว ถือเป็นรถที่นำสายลมแห่งคุณภาพที่คุณจะสามารถคาดหวังได้จากรถคอมแพ็กระดับโลก
          แผงหน้าปัดถูกออกแบบอย่างมีมิติช่วยเพิ่มความกว้างขวางของห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น

          แบบสี
          ตัวรถสี Energy Yellow บ่งบอกถึงความรู้สึกมีชีวิตชีวาและความตื่นเต้นเฉกเช่นบรรยากาศของสนามกีฬาในช่วงกลางฤดูร้อน และสี Panoramic Blue แสดงถึงท้องฟ้าอันสดใสปราศจากเมฆหมอกที่อยู่เหนือชายหาดในเขตร้อนชื้น สี Energy Yellow ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกของความเป็นพลวัตจากการผสมผสานกันของเฉดสีอันทรงพลังแห่งสีเขียวและเงาสะท้อนของสีเหลือง หลังคาสี Black Pearl แบบกึ่งโปร่งแสงออกแบบให้โค้งเชื่อมต่อกับกระจกหน้าอย่างไร้รอยต่อ และยังสะท้อนให้เห็นถึงความสบายจากการออกแบบภายใน ส่วนสี Panoramic Blue นั้นเป็นดั่งท้องฟ้าอันสดใสไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง ครอบคลุมแผ่กว้างไปยังทุกสารทิศ

          แบบรถในรุ่นที่ผลิตเพื่อการจำหน่าย
          ซูซูกิกำลังพัฒนาแบบรถที่จะผลิตเพื่อการจำหน่ายโดยมีพื้นฐานมาจากรุ่น A:Wind นี้ และได้วางแผนไว้ว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตภายในปี 2557 โดยรถรุ่นที่สองของซูซูกิรุ่นนี้จะประหยัดน้ำมันตามมาตรฐานของรถอีโคคาร์ในประเทศไทย ซึ่งทางซูซูกิจะทำการผลิตในประเทศไทยและส่งออกไปยังต่างประเทศ

          มิติ
          ความยาว: 3,600 มม.
          ความกว้าง: 1,600 มม.
          ความสูง: 1,540 มม.
          ความยาวฐานล้อ: 2,425 มม.
          เครื่องยนต์: 996 ซม3 แบบใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
          การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ CVT
          ยาง: 185/55 R16
          ข้อมูลเพิ่มเติม: The 30th Thailand Motor expo special website:
          http://www.globalsuzuki.com/TME2013/
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 09:47:22 AM
A:Wind – Suzuki’s new A-segment hatchback concept
 


          -Suzuki reveals the A:Wind
          -Design, roominess and quality that override the A-segment standard

          Suzuki Motor Corporation is pleased to announce the world premiere of its A-segment hatchback concept model, the A:Wind, at the 30th Thailand International Motor Expo 2013 (press day: November 28; public days: November 30 through December 10).

          The A:Wind is so named because it seeks to bring a fresh wind to the A-segment as a global compact car. Not constrained by conventional A-segment standards, it embodies the expertise in building compact cars that has made Suzuki admired around the world. An elegant-looking exterior and interior, a spacious, user-friendly cabin, and excellent fuel economy — this new concept model has it all.

          Design
          Exterior
          The design revolves around three concepts: a dynamic body, a roomy cabin, and fine quality. The features of this car, energetic styling, spacious inside and quality interior and exterior are the embodiment of the three concepts.
          The dynamic front grille with integrated headlights and the elegant effect created by the character lines that extend along the sides give the A:Wind an air of quality far superior to that expected in a basic model.
          The body combines a stylish exterior design with a spacious interior.

          Interior
          Much ingenuity has gone into the interior layout. To create a more comfortable cabin, the distance between the front and rear seating has been extended, door openings are wide,, and the seats are easy to get in and out of; plus the A:Wind delivers class-leading luggage space.
          The interior is coordinated in bright elegant beige that nicely complements the exterior colour of the car and exudes the air of quality you expect of a global compact.

          The dashboard sweeps dynamically outward, further enhancing the impression of spaciousness.

          Colour scheme
          The exterior colour scheme consists of Energy Yellow, evocative of the cheering and excitement of a stadium in midsummer, and Panoramic Blue, suggesting cloudless azure skies over tropical beaches.?Energy Yellow produces a dynamic effect through the interplay of the shimmering greenish highlights with the assertive yellow in the shadows. The translucent Black Pearl of the roof, curving seamlessly into the windshield, suggests the comfort of the interior. Panoramic Blue conjures up a piercing blue sky extending endlessly in all directions with not a cloud in sight.

          Production model
          Suzuki is currently developing a production model based on the A:Wind, which is scheduled to go into production in 2014. This production model, Suzuki’s second car to meet Thailand’s eco-car fuel economy standards, is to be manufactured in Thailand and exported abroad.

          Dimensions
          Overall length: 3,600 mm
          Overall width: 1,600 mm
          Overall height: 1,540 mm
          Wheelbase: 2,425 mm
          Engine: 996 cm3 petrol engine
          Type of drive: Front-wheel drive with CVT
          Tyre size: 185/55 R16

          The 30th Thailand Motor Expo special website:
          http://www.globalsuzuki.com/TME2013/
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 01:58:41 PM
“ซูบารุ”อัดแคมเปญพิเศษงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 พร้อมเปิดตัว“SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl



“ซูบารุ” จัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษที่เหนือกว่า ให้คุณเป็นเจ้าของซูบารุทุกรุ่นได้ง่ายขึ้น สำหรับทุกท่านที่จองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 พร้อมเปิดตัว “SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl ภายในงาน เพื่อตอบสนองตอบความต้องการของลูกค้าและต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ  โดยตั้งเป้าหมายยอดจองตลอดทั้งงานกว่า 1,000 คัน ขณะเดียวกันเตรียมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคมนี้ ณ ลานกิจกรรม ริมทะเลสาบ P9 เมืองทองธานี

นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่าบริษัท ฯ ได้นำรถยนต์ซูบารุครบทุกรุ่น จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 หรือ “The 30th Thailand International Motor Expo 2013” ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 ที่บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ  A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งโปรดักซ์ไฮไลท์ของงานนี้ คือ SUBARU XV” สีใหม่ Orange Tangerine Pearl  ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจองเป็นเจ้าของได้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อต่อยอดความสำเร็จของบริษัทฯ ที่มียอดจองรถยนต์ “SUBARU XV” กว่า 3,000 คัน
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับ ซูบารุทุกรุ่น รับดอกเบี้ยพิเศษที่ 1.79% พร้อมรับบริการ Roadside assist 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จอง “SUBARU XV 2.0i PREMIUM”   รับเพิ่มประกันชั้น 1  และบัตรเติมน้ำมัน PTT CASH CARD

นายอภิชัย กล่าวต่อว่า ภายในงานบริษัทฯ นำรถยนต์ซูบารุมาจัดแสดงครบทุกรุ่น นำโดย SUBARU XV 2.0i PREMIUM ราคา 1.35 ล้านบาท, ALL New Forester 2.0 i-L ราคา 1.89 ล้านบาท,  ALL New Forester 2.0 XT ราคา 2.59 ล้านบาท  , Outback 2.5i ราคา  2.59 ล้านบาท, Legacy 2.5GT Sedan ราคา 3.45 ล้านบาท ,WRX STI ราคา 3.45 ล้านบาท และสุดยอดรถสปอร์ทที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ BRZ 2.0MT ราคา 2.56 ล้านบาท, BRZ 2.0AT ราคา 2.64 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับทุกรุ่น เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของซูบารุได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าหมายยอดจองตลอดทั้งงานกว่า 1,000 คัน

นอกจากนี้  บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” โดยนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก “รัสส์ สวิฟท์” เจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ที่บินตรงมาโชว์การแสดงระดับโลก  ระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2556 โดยจัดการแสดง 3 รอบต่อวัน เวลา 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น.  ณ ลาน P9 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยผู้ที่สนใจสามารถรับบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงดังกล่าวได้ ณ บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ  A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:05:01 PM
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟพาซีเอ็กซ์-5 แรงกระหึ่มเมือง มาสด้าส่งรถใหม่อีกสามรุ่นลงงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป




 
          - เปิดตัวสปอร์ตครอสโอเวอร์หรู 7 ที่นั่ง มาสด้า CX-9 เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม
          - ปรับโฉมสปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า MX-5
          - เปิดตัวมาสด้า บีที-50 โปร เครื่องยนต์เบนซิน และบีที-50 โปร CNG
          - พิเศษสุด! แคมเปญพิเศษมาสด้า3 มูลค่า 175,000 บาท

          บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากที่แนะนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟลงตลาดเมืองไทยพร้อมกับเอสยูวีพันธุ์ดุ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ และพาสื่อมวลชนไปทดสอบสมรรถนะถึงเชียงรายเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งทำให้กระแสของซีเอ็กซ์-5 ทวีความแรงและเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างว่าเป็นเอสยูวีตัวเลือกที่มีข้อโดดเด่นมากมาย มาสด้าเลยไม่รอช้าเดินหน้าจัดรถรุ่นใหม่อีก 3 รุ่น โชว์งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ทันที พร้อมให้ลูกค้ามีความสุขส่งท้ายปีเก่า ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปีสำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่กำลังมองหารถยนต์แนวสปอร์ตสุดเท่ ขับสนุก เกาะถนนเป็นเยี่ยม คาดยอดจองในงานทะลุเกิน 3,000 คัน

          นายโชอิชิ ยูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้ นอกจากจะมีรถมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ใหม่ เอสยูวีใหม่ เป็นพระเอกของงานมาร่วมจัดแสดงแล้ว มาสด้ายังเพิ่มสีสันให้กับบูธในปีนี้ ด้วยรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ตรุ่นใหม่ที่พร้อมเปิดตัวอีกหลายรุ่น เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย อาทิ รถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง มาสด้า ซีเอ็กซ์-CX-9 โฉมใหม่ที่ใช้คอนเซ็ปต์การออกแบบใหม่ “โคโดะ ดีไซน์” เพิ่มภาพลักษณ์รถเอนกประสงค์ที่สปอร์ตและหรูหรา ดีไซน์ทันสมัยและโฉบเฉี่ยวดุดันมากยิ่งขึ้น อุปกรณ์ความปลอดภัย ทั้ง Active Safety และ Passive Safety ติดตั้งมาครบครัน พร้อมกันนี้มาสด้ายังได้นำรุ่นปรับโฉมของสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก มาสด้า MX-5 ใหม่ มาแนะนำให้แก่แฟนๆ โรดสเตอร์ในเมืองไทยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกในงานแห่งนี้

          ที่สำคัญ อีกหนึ่งตลาดที่สำคัญและมีความเสถียรด้านความต้องการของตลาดและยอดจำหน่าย นั่นคือตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตันนั่นเอง มาสด้าได้เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ใช้รถปิกอัพด้วยการเปิดตัวรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แรงม้าสูงสุดถึง 166 แรงม้า และแรงบิดสูง 225 นิวตัน-เมตร พร้อมแนะนำ บีที-50 โปร CNG เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าในตลาด เป็นรุ่นที่ติดตั้งพลังงานทางเลือก CNG ใช้ถังบรรจุก๊าซนำเข้าจากอิตาลี 150 ลิตร ขนาดใหญ่สุดในตลาดและมีคุณภาพสูง

          ด้วยเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากลูกค้าทั่วประเทศส่งผลให้วันนี้ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 กลายเป็นรถเอสยูวีที่นิยมมากที่สุดในตลาด หลังเปิดตัวไม่ถึงสามสัปดาห์มียอดสั่งจองเข้ามากว่า 2,000 คัน ปัจจัยสำคัญที่รถ SUV ใหม่ของมาสด้าประสบความสำเร็จมากในทุกตลาดทั้งในไทยและประเทศอื่นๆ ก็คือเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่อยู่บนรถ นับเป็นครั้งแรกของโลกที่ลูกค้ารถเอนกประสงค์มีทางเลือกใหม่ที่สมดุลระหว่างสมรรถนะแรง ประหยัดน้ำมัน และค่าไอเสียต่ำ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่สมเหตุสมผลในตลาดแบบที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์ไหนเคยให้ได้มาก่อน ทำให้ลูกค้าได้ใช้รถที่มีคุณสมบัติของรถอย่างแท้จริง และการตอบรับของแฟนๆ มาสด้าชาวไทยทำให้ผมมั่นใจว่าเราจะบรรลุเป้าหมาย 10,000 คันในหนึ่งปีของการเปิดตัวอย่างแน่นอน อีกทั้งรถมาสด้ารุ่นอื่นๆ ทั้งรถยนต์นั่งและรถปิกอัพรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ปีนี้ พร้อมสนับสนุนการขายด้วยข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปี จะส่งให้มาสด้าได้ยอดจองรถภายในงานไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน” นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติม

          นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ในครั้งนี้ มาสด้าได้นำความแปลกใหม่มานำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 1,400 ตารางเมตร พร้อมบูธที่ออกแบบใหม่ให้สอดคล้องกับธีมการออกแบบรถรุ่นใหม่ “โคโดะ ดีไซน์” ที่ให้ภาพลักษณ์แห่งความทันสมัย ความเป็นสปอร์ต ความทรงพลัง อย่างชัดเจน นอกเหนือจากการแนะนำรถมาสด้ารุ่นใหม่ที่เป็นไฮไลท์ถึง 3 รุ่นแล้ว ในงานแห่งนี้มาสด้ายังยกจัดแสดงรถในสายพันธุ์สปอร์ตให้ชมครบทุกรุ่น อาทิ รถขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่างมาสด้า2 ที่เพิ่งได้รับการปรับโฉมเสริมความสปอร์ตและเน้นความคุ้มค่าคุ้มราคาไปเมื่อเร็วๆ นี้พร้อมกับ 2 พรีเซนเตอร์หนุ่มที่ร้อนแรงสุดในยุคนี้ โดยจับคู่ เจมส์ มา กับมาสด้า2 สปอร์ต แฮตช์แบค 5 ประตู และ ณเดชน์ คูกิมิยะ หล่อเท่คู่กับมาสด้า2 เอลิแกนซ์ ซีดาน 4 ประตู สื่อสารภาพลักษณ์ความสปอร์ตจัดจ้าน และความอินเทรนด์ของทั้งรถและพรีเซนเตอร์ เป็นรถยนต์สำหรับคนรุ่นใหม่

          ที่สำคัญพรีเซนเตอร์ทั้งสองของมาสด้า2 จะไปพบกับแฟนๆ ของมาสด้าที่บูธในงาน เริ่มด้วยเจมส์ มา พรีเซนเตอร์น้องใหม่ล่าสุดที่กำลังโด่งดังเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่ จะไปพบกับแฟนๆ ที่บูธมาสด้าวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนนี้ตั้งแต่เวลา 16:00 น. เป็นต้นไป ส่วนวันหยุดวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม พบกับดาราที่ฮ็อตที่สุดในยุคนี้ ณเดช คูกิมิยะ พร้อมกันนี้ มาสด้ายังมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้สนใจรถมาสด้า2 รับฟรีทันทีคูปองค่าบำรุงรักษานาน 2 ปี พร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย

          ส่วนรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งเป็นขวัญใจนักขับชาวไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับมาสด้ามากที่สุด คือ รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ที่ปัจจุบันมียอดขายทั่วโลกในกว่า 3 ล้านคัน และมีมาสด้า3 มากมายวิ่งอยู่บนถนนเมืองไทย ลูกค้าที่สนใจจองรถมาสด้า3 ไม่ควรพลาดข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับทั้งรุ่น 2.0 ลิตร และ 1.6 ลิตร มีแคมเปญให้เลือกตามความต้องการของลูกค้าระหว่างดอกเบี้ย 0% พร้อมมอบส่วนลดเพิ่มอีก 45,000 บาทและฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือเลือกรับแพ็คเก็จข้อเสนอสูงสุด 175,000 บาท เป็นความพิเศษสุดที่มาสด้ามอบให้จากข้อเสนอมอเตอร์ เอ็กซ์โป ทั้งที่บูธในงานและที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

          นอกจากนี้รถปิกอัพสไตล์เก๋ง มาสด้า บีที-50 โปร เป็นรถอีกรุ่นหนึ่งของมาสด้าที่พี่น้องชาวไทยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พิสูจน์ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงวันนี้มีลูกค้าออกรถบีที-50 โปรไปใช้งานแล้วกว่า 50,000 คัน และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าปิคอัพฮีโร่ มาสด้ามอบแคมเปญพิเศษดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

          ผู้สนใจชมรถใหม่ไม่ควรพลาดโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า รถที่มีความโดดเด่นในตัวเองที่ให้ทั้งสมรรถนะยอดเยี่ยมในการขับขี่ ให้ช่วงล่างที่มั่นใจได้ทุกสภาพการขับ และเน้นที่สุดเรื่องความปลอดภัย เชิญทดลองขับก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของที่โชว์รูม 147 แห่งทั่วประเทศ และรับข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปีเก่าจากมาสด้าได้แล้ววันนี้
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:06:13 PM
CX-5 SKYACTIV Technology roars into town Mazda introduces three new models at Motor Expo




 
          - Launch of luxurious Mazda CX-9 seven-seater premium crossover
          - Minor change for Mazda MX-5 roadster
          - Launch of Mazda BT-50 PRO gasoline and BT-50 PRO CNG
          - Special Mazda3 promotion worth Bt175,000

          After introducing the breakthrough SKYACTIV technology in the ALL New Mazda CX-5 and staging the media test drive event in Chiang Rai that enhanced the impact of the highly-attractive compact SUV, distributor Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd. is moving ahead with the introduction of three new models at the annual Thailand International Motor Expo. The company is also offering the most attractive promotion of the year for Mazda customers looking for sporty and fun-to-drive vehicles offering excellent driving dynamics. Mazda expects to receive as many as 3,000 orders at this year’s Motor Expo in order to it achieve its annual sales target this year.

          Mr. Choichi Yuki, President of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said that in addition to the ALL New Mazda CX-5 to be highlighted at this year’s Motor Expo, Mazda is also revving up impact with several new sporty models in its product lineup covering a wide range of customer groups. “Leading the pack is the luxurious seven-seater CX-9 crossover that features the essence of new ‘KODO Design’ theme that embodies a sporty and elegant multi-purpose image. The new CX-9 boasts an even more up-to-date and dynamic design, and comes with full Active and Passive Safety features. At the same time, Mazda is also introducing the facelift version of the world’s most popular sports car, the MX-5 roadster, for the first time in Thailand at this year’s event,” he said.

          “Another important market that has always enjoyed high demand and sales is the 1-ton pickup truck market. Mazda is offering an expanded lineup with the launch of the Mazda BT-50 PRO CNG powered by a 2.5-liter petrol engine. It is equipped with a 150-liter high-quality CNG tank which is the largest in the market” Mr. Yuki added.

          Thanks to extremely strong customer acceptance for the Mazda CX-5 making it the most popular SUV in the market today, more than 2,000 orders have been placed by customers since it was unveiled to the public just 3 weeks ago. “Key driver of popularity in the CX-5 here in Thailand and everywhere globally is the new SKYACTIV Technology. It is the first time SUV drivers around the world are offered a reasonable choice for smart driving. The values SKYACTIV technology brings along with CX-5 and other Mazda’s 6th generation products are powerful performance yet fuel efficiency and cleaner emission. Such choices haven’t been offered by any car brand before. This gives our customers an opportunity to own vehicles that offer great all-round capabilities, and with this strong welcoming from customers, we are confident of achieving our sales target of 10,000 units within the first year of introduction,” he said.

          Other Mazda vehicles introduced at this year’s Motor Expo, consisting of new passenger car and pickup models, will also help boost sales to over 3,000 units at this particular event.

          Ms. Sureetip La-Ongthong Chomthongdee, Vice President for Marketing said for this year’s Motor Expo, Mazda is presenting a new brand image on the 1,400 square-meter show space with a new booth design reflecting the cutting-edge “KODO Design” theme, displaying modern elements, sportiness and powerful image of its products. “In addition to 3 new models which are the highlights at the Mazda booth, we are also displaying all the full range of our sporty products including the fashionable Mazda2 that has recently been given a design update for increased sportiness and value-for-money. The Mazda2 is presented by two of the hottest celebrities of this era – James Ma for the Mazda2 Sports and Nadech Kugimiya for the Mazda2 Elegance. Both James and Nadech represent the sporty and trendy character of the Mazda2, which is meant to be the for new generation,” she said.

          Most importantly, the two presenters will also make personal appearances at the Mazda booth in the Motor Expo, starting with James on Saturday (November 30) at 4pm onwards. Meanwhile, Nadech will meet up with fans on Father’s Day (December 5). Mazda will also be giving Mazda2 customers 2-year free maintenance coupons along with a long list of other special offers.

          Another model that has won the hearts of Thai customers and created a number of historic moments for Mazda is the Mazda3 compact car that has achieved global sales of 3 million units, with many of them running on Thai roads today. Customers interested in placing orders for the Mazda3 should not miss the opportunity to enjoy the best sales promotions for both the 2.0 and 1.6 liter models. Customers can choose either a 0% interest offer plus Bt45,000 value package and first-class insurance, or a Bt175,000 Motor Expo package, which is a special offer available at the show as well as at all Mazda showrooms countrywide.

          In addition, the passenger pick-up truck Mazda BT-50 PRO is another model that has been well-accepted by Thai customers, proven by continuously growing sales in the country. More than 50,000 units have been sold in Thailand, and in order to thank customers of this exciting hero pickup, Mazda is offering a 0% interest and free insurance campaign.

          Do not miss the chance to own a Mazda vehicle that is highly impressive in itself whether in terms of spectacular driving performance, suspension that offers the highest level of confidence in every condition, or ultimate safety. Try a Mazda yourself now at 147 showrooms nationwide and enjoy the most outstanding year-end promotions from Mazda today.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:07:36 PM
DAD นำทัพ 4 แบรนด์ดัง เปิดขบวนรถใหม่ 4 รุ่นรวด 

          DAD หรือ กลุ่มดีเอดี ยนตรกิจ แนะนำตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ดังในเครือ เอ็มทีเอ็มนำทีมโดย เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด “MTM Audi A8L Hybrid” ชูเทคโนโลยีล้ำหน้า เจาะตลาดผู้บริหารระดับสูง ฟากฝั่งซีตรอง เปิดตัว ซีตรอง ซี5 ใหม่ (Citoen C5) กระตุ้นตลาดรถยนต์หรู ส่วนสโกด้า ปล่อย ออคตาเวีย คอมบิ (Skoda Octavia Combi) ตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์รถหรูเอนกประสงค์ และปิดท้ายด้วย เดวา ส่ง เดวา เฮอร์คิวลิส พลัส (DEVA Hercules Plus) ขยายตลาดสู่ภูมิภาค โดยมาพร้อมกับแคมเปญเด็ดเฉพาะงานมอเตอร์เอ็กซ์โปนี้เท่านั้น
 
          นางสาว วิชชุดา ลีนุตพงษ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ดีเอดี ออโต จำกัด หรือกลุ่มดีเอดี ยนตรกิจ ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่ายและผู้ให้บริการหลังการขายรถยนต์ ยี่ห้อ “ซีตรอง” “เอ็มทีเอ็ม” “สโกด้า” “สปายเกอร์” และ “เดวา” อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี บริษัทฯ ได้นำแบรนด์รถยนต์ในเครือเข้าร่วมแสดงถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ ซีตรอง เอ็มทีเอ็ม สโกด้า และ เดวา

            การเข้าร่วมจัดแสดงรถยนต์ในปีนี้ของเครือ ดีเอดี ยนตรกิจ มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด 4 รุ่น จากทั้ง 4 แบรนด์ในเครือ ได้แก่ ซีตรอง ซี5, เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด, สโกด้า ออคตาเวีย คอมบิ และเดวา เฮอร์คิวลิส พลัส

          “การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่พร้อมกัน 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ในเครือ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนทุกเซกเมนต์ อีกทั้งยังเป็นโอกาสทองของลูกค้าในการเลือกเป็นเจ้าของยนตกรรมที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีและความล้ำสมัย ทั้งด้านดีไซน์และการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้ที่ครอบครองได้เป็นอย่างดี” นางสาววิชชุดากล่าว

          สำหรับไฮไลท์จะอยู่ที่แบรนด์รถยนต์ เอ็มทีเอ็ม ด้วยการเปิดตัวรถธงรุ่นใหม่ล่าสุด “เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด” รถยนต์ซีดานระดับหรูหราที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัยจากค่ายออดี้ นับเป็นการเปิดตลาดใหม่ของกลุ่มลูกค้าผู้บริหารระดับสูงที่จะตอบโจทก์ทั้งด้านภาพลักษณ์ที่ดีและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          “เราเชื่อว่า เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด จะทำให้ตลาดรถยนต์หรูเข้าสู่ยุคของการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางเราให้ความสำคัญมาโดยตลอด” นางสาววิชชุดากล่าว

          ขณะเดียวกัน เอ็มทีเอ็ม ได้นำรถยนต์หลากหลายรุ่นมาจัดแสดงในงานดังกล่าวด้วย อาทิ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว5 (MTM Audi Q5) เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ5 (MTM Audi A5 2.0TFSI Quattro) และ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ1 (MTM Audi A1 1.4TFSI)

          ในส่วนของแบรนด์ ซีตรอง แนะนำตัว ซีตรอง ซี5 โฉมใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งแบบซีดานขนาดกลางระดับหรู ที่ผสานความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และดีไซน์โฉบเฉี่ยวไว้อย่างลงตัว ตามแบบฉบับอันโดดเด่นไม่เหมือนใครของฝรั่งเศส

          “นอกจาก ซีตรอง ซี5 ใหม่ แล้ว เรายังได้นำรถยนต์ซีตรองในตระกูล ดีเอส มาจัดแสดงในงานนี้อย่างครบถ้วนทั้ง ซีตรอง ดีเอส5 (DS5), ดีเอส4 (DS4) และ ดีเอส3(DS3) รวมไปถึง ซีตรอง จัมเปอร์(Jumper) ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้ามาโดยตลอด” วิชชุดา กล่าว

          ส่วนความน่าสนใจจากแบรนด์ สโกด้า (Skoda) สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้ คือการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ สโกด้า ออคตาเวีย คอมบิ(Skoda Octavia Combi) เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์เอนกประสงค์แบรนด์ยุโรปของสโกด้า ซึ่งจะมีหลากหลายทางเลือกให้คบหาไม่ว่าจะเป็นในรุ่น ซุปเพิร์บ คอมบิ(Supurb Combi), เยติ(Yeti) และ ฟาเบีย(Fabia)

          นางสาววิชชุดา กล่าวว่า สำหรับแบรนด์ เดวา(DEVA) ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ของคนไทยพันธ์แท้ ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เดวา เฮอร์คิวลิส พลัส (DEVA Hercules Plus) ที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ของกลุ่มผู้ประกอบการชาวไทยมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม

          ทั้งนี้ เดวา มากับแคมเปญพิเศษสุดสำหรับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์ เดวา เฮอร์คิวลิส พลัส จะได้รับฟรีชุดแก๊สรถยนต์ และจ่ายเงินเพียง 17,500 บาทก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ เดวา เฮอร์คิวลิส พลัสได้ทันที ขณะที่แคมเปญพิเศษสำหรับ เดวารุ่น เมอร์คิวรี่ จะได้รับกระบะท้าย มูลค่า 60,000 บาท ฟรีทันที

          พบกับรถยนต์ของทั้ง 4 แบรนด์ในเครือ ดีเอดี ยนตรกิจกรุ๊ป ได้ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม ศกนี้
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:08:51 PM
The All-New Range Rover Sport makes dramatic debut in Thai Market


 
          The ultimate premium sports SUV - the fastest, most agile and most responsive Land Rover ever to be launched at the 30th Thailand International Motor Expo 2013
 
          City Automobiles Co., Ltd, the authorised distributor of Jaguar and Land Rover vehicles in Thailand, is presenting the All-New Range Rover Sport, its latest SUV from the Range Rover lineage to the Thai market. The All-New Range Rover Sport offers a luxurious and exhilarating sporty driving experience with state-of-the-art capability on-road and off, making it especially suited to the Thai market, and emphasising Land Rover’s commitment to growing its brand in Thailand. The SDV6 3.0 Diesels and LR-V8 5.0 Supercharged engines will be available in Thailand from 7,7500,000 – 10,050,000 THB.”

          Land Rover’s world-leading reputation for innovation has brought to market a vehicle which offers stunning acceleration, high speed capability, safety, stability and refinement which can be used in any and all types of weather and terrain. This is the first vehicle in its class to adopt a lightweight all-aluminium platform and body which delivers a sleek and contemporary appearance without sacrificing its credentials as a high-ability SUV. The second generation Range Rover Sport is a bold evolution of the iconic original that has been designed to appeal to younger affluent consumers with dynamic lifestyles.

          Sanpong Chuenroj, Managing Director - City Automobiles Co. Ltd., said “The All-New Range Rover Sport is the ultimate premium sports SUV- the fastest, most agile and responsive Land Rover ever. The original car have been sold 415,000 units worldwide from 2005-2013, and now the second generation brings ‘More Range Rover, More Sport’ – its defining concept which will drive strong sales at and following the Motor Expo. The new car serves its luxury sports market with a driving console that brings the driver closer to the action, plus our signature Command Driving Position which emphasises driver control and sense of occasion. This car is faster and more agile than most luxury SUVs, hitting 0-100 km/h in just five seconds (V8) – that’s quick for even a lightweight sports car. The SDV6 3.0 Diesels and LR-V8 5.0 Supercharged engines will be available in Thailand from 7,7500,000 – 10,050,000 THB.”

          The All-New Range Rover Sport embodies a sleek new look with high levels of performance in terms of speed, agility and off road capability. This modern and super-sporty interpretation of the classic Range Rover has V6 Diesel and supercharged V8 petrol engine types which deliver peak power and performance both on and off road. The vehicle fulfils driver demands for a 4x4 that offers a high-powered, enjoyable driving sensation with cutting edge style and features; the car’s digital dashboard and forward-looking design motifs reflect this brief ably.

          The All-New Range Rover Sport includes a next-generation four corner air suspension system, dynamic response active lean control system, hill decent control and hill start assist, dynamic stability, roll stability and electronic traction controls. Its innovative Terrain Response 2 Auto® features an Automatic setting, in which the vehicle monitors the current driving conditions and automatically selects the most suitable terrain program. The new model adds torque vectoring for improved cornering stability and agility, reverse traffic direction radar for safer reversing manoeuvres, and the world’s most advanced park assist system which includes perpendicular, parallel park and park exit. Other driver safety features include Adaptive Cruise Control, Queue Assist, Intelligent Emergency Braking, blind spot monitor and close vehicle sensing – some of the most innovative safety innovations in its class.

          This ultra-premium SUV offers a beautiful and spacious rear seat environment and ultimate comfort. The wheelbase of the All-New Range Rover Sport has been lengthened by 178mm, allowing for a lower rear seating position, larger door apertures, and increased shoulder and elbow room. The colour palette is customisable, allowing up to eleven different mono, duo, and tri-colour schemes; seats range up to fully electronic 18-way front seats that include massage function, and third row seats are operated electronically, providing a 5+2 seating configuration.

          The instrument panel has a choice of two different display options, allowing for a standard or 3D display concept. The 8” centre console display allows easy control of a variety of infotainment features, and features detailing mapping of Thailand pre-installed for the satellite navigation system. Rear seat entertainment options include 8” and 10.2” screens with wireless headphones and additional USB sockets. Climate controls come in 2, 3, and 4 zone configurations to ensure the comfort of the driver and all passengers. Power operated child door locks, remote park heat and timed climate settings, and a full array of infotainment and connectivity options make the All-New Range Rover Sport more technologically advanced than before.

          The All-New Range Rover Sport is the ultimate classy and luxurious 4x4 and is primed to become the premier SUV for transitioning from urban to rural conditions while providing the utmost in precision, efficiency, torque and dependability. Its capabilities are well-suited to Thailand, where the All-New Range Rover Sport can readily deal slippery mud, standing water, broken tarmac, loose sand and other adverse conditions. The bold new direction of the All-New Range Rover Sport is designed to attract an image-focused buyer who demands premium brand luxury and high performance SUV capabilities – its ‘off road DNA’.

          The new vehicle is offered with a standard 3-year warranty. Customers in Bangkok will be supported with sales and service provided by City Automobiles, Land Rover’s authorised distributor and service agent. City Automobiles also offer the 24-hour roadside assistance, and gold packages to customers. The company has made a solid commitment to customers in Thailand, and stands ready to support Land Rover’s own commitment to growing its brand in the country.

          “We have made a strong commitment to our customers in Thailand, with our plan to invest over 150 million Baht next year to launch a new showroom and service centre,” said Sanpong. “City Automobiles is ready to support Land Rover’s own commitment to growing its brand in the country, and we plan to launch a new model every year. City Automobiles’ service centres provide comprehensive service and repair for all Land Rover and Jaguar customers in Thailand.”

          The company currently has service centres on Wireless Road in Lumphini and a new showroom and service centre on Rama 3. Both service centres provide comprehensive service and repair for all Land Rover and Jaguar customers in Thailand. The new showroom on Rama IV will be launched in Q3 2014.

          Further product and technical information is available at www.landroverthailand.com.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:11:17 PM
ซิตี้ ออโต้โมบิล เผยโฉม The All New Range Rover Sport ครั้งแรกในประเทศไทย สุดยอดรถสปอร์ต SUV ที่เร็วและแรงที่สุดเพื่อการขับขี่สุดเร้าใจจากแลนด์โรเวอร์


 
          ยานยนต์สปอร์ตหรูสมรรถนะแรงเหนือระดับพาคุณพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในชั่วพริบตาเพียง 5 วินาที! พบกันในงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30’
 
          ซิตี้ ออโต้โมบิล ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย เผยโฉม “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (The All-New Range Rover Sport)” สุดยอดรถสปอร์ตเอนกประสงค์สุดหรูเร็วที่สุดและแรงที่สุดจากแลนด์โรเวอร์ ด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะเป็นเลิศทั้งในด้านความเร็วและอัตราเร่งแรงเต็มพิกัด พร้อมความปลอดภัยกับเสถียรภาพในการควบคุมที่เหนือล้ำ และระบบฟังก์ชั่นอัจฉริยะสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพถนนและภูมิอากาศ เตรียมเปิดตัวในเมืองไทย 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ราคาตั้งแต่ 7,750,000 – 10,050,000 บาท ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30”

          “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” คือ ยานยนต์เรนจ์โรเวอร์สปอร์ตรุ่นที่ 2 และเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกในคลาสที่ใช้สถาปัตยกรรมโครงสร้างฐานและตัวถังรถเป็นอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาทั้งหมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่เฉียบทันสมัย โดยยังคงประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้นในสไตล์ SUV ระดับโลก เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมสมรรถนะสูงที่ทรงพลัง ขับสนุกสุดเร้าใจ พร้อมตอบสนองฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่ นำเสนอรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยเฉียบ พร้อมสมรรถนะที่แรงอย่างเหนือระดับ ทั้งด้านความเร็ว ความคล่องตัวในการขับขี่ ผสานสมรรถนะของสุดยอดความสมบุกสมบันในโหมดออฟโร้ดเข้ากับประสิทธิภาพการขับขี่บนทางเรียบและอัตราเร่งที่เหนือกว่า ตัวรถทั้งหมดยังสร้างจากโครงอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา เพื่อให้ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” เติมเต็มประสบการณ์การขับเคลื่อนสี่ล้อที่สนุกเร้าใจ เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งการควบคุมที่จะปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส พร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อการพุ่งทะยานไปอย่างองอาจด้วยมาดแห่งผู้นำในทุกสุภาพถนน

          นายสรรพงษ์ ชื่นโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด เปิดเผยว่า “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต คือรถสปอร์ตอเนกประสงค์จากแลนด์โรเวอร์ที่ถือเป็นสุดยอดแห่งขุมพลังและการตอบสนองต่อการควบคุมที่เป็นเลิศ โดยตั้งแต่เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต รุ่นแรกสามารถจำหน่ายได้กว่า 415,000 คันทั่วโลกตั้งแต่ปี 2005-2013 ขณะนี้แลนด์โรเวอร์ ได้นำเสนอ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” รุ่นที่สอง และถือได้ว่าเป็น ‘เรนจ์โรเวอร์สปอร์ตพันธุ์แท้’ ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้อย่างประสบความสำเร็จทั้งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปและหลังจากนี้ ด้วยการออกแบบที่เน้นทุกรายละเอียดตั้งแต่แผงหน้าปัดที่ให้ความเร้าใจในยามขับขี่มากยิ่งขึ้น ผสานการออกแบบที่นั่งคนขับระบบ Command Driving Position ที่มอบความรู้สึกภูมิฐานสง่างาม พร้อมประสิทธิภาพการควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต เป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์ระดับหรูที่เร็ว แรง และคล่องตัวสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นเครื่องยนต์ V8 ที่สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยใช้ในเวลาเพียง 5 วินาที ถือเป็นความเร็วระดับสุดยอดสำหรับยานยนต์สปอร์ต โดยในประเทศไทย ซิตี้ ออโตโมบิล เตรียมทำตลาดในรุ่นดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ในราคาตั้งแต่ 7,750,000 บาท”

          สุดยอดนวัตกรรมยานยนต์
          เทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ระดับโลกของ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” นำเสนอความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมสี่ด้านรุ่นใหม่,ระบบควบคุมการเอียงแบบฉับพลันด้วยฟังกชั่น Dynamic Response, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชันและระบบช่วยการออกตัวรถบนทางชัน, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ, ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมอัตราทดเกียร์ป้องกันการลื่นไถล, ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นวัตกรรมอัจฉริยะใหม่ Terrain Response 2 Auto® สั่งการและควบคุมการขับขี่สั่งการอัตโนมัติ สามารถตรวจจับสภาพพื้นถนนและเลือกโปรแกรมการขับขี่ที่เหมาะสมได้โดยอัตโนมัติ ตลอดจนเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเต็มขั้น โดยได้ติดตั้ง ทอร์ก เวคเตอริ่ง (torque vectoring) เพื่อช่วยในการการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อลดอาการดื้อโค้งเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนและเข้าโค้ง รวมทั้งเรดาร์ตรวจจับด้านหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ถอยหลัง ระบบควบคุมการจอดอัตโนมัติ ทั้งจอดแบบตั้งฉาก (Perpendicular) จอดแบบขนาน (Parallel Park) และ การออกจากรถ (Park Exit) รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติตามระยะห่างระหว่างยานยนต์ (Adaptive Cruise Control), ระบบแจ้งเตือนระยะห่างของยานยนต์คันหน้า (Queue Assist), ระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking), ระบบตรวจจับจุดบอดและยานยนต์ระยะประชิด ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยที่สุดในบรรดารถสปอร์ตคลาสเดียวกัน

          สุดยอดแห่งความหรูหราและสะดวกสบาย
          “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” ยังมอบความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยการออกแบบเบาะด้านหลังให้มีความโอ่อ่าและกว้างขวางเป็นพิเศษเพื่อการโดยสารแสนสบายตลอดเส้นทาง โดยขยายความยาวฐานล้ออีก 178 มม. เพื่อเพิ่มพื้นที่ผ่อนคลายของผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งยังสามารถลดระดับความสูงเบาะหลังได้มากขึ้นและมีช่องประตูที่ใหญ่กว่าเดิม นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกโทนสีรถให้สะท้อนรสนิยมและบุคลิกของผู้ขับได้ตามต้องการ ซึ่งมีทั้งโทนสีเดี่ยว แบบทูโทน และแบบสามเฉดสี ที่แตกต่างกันรวมกว่า 11 แบบ นอกจากนี้ ที่นั่งด้านหน้าปรับได้ถึง 18 จังหวะ รวมทั้งมีฟังก์ชั่นระบบนวด พร้อมที่นั่งแถวสามารถแบบปรับอัตโนมัติแบบ 5+2

          การออกแบบแผงหน้าปัดมีให้เลือกสองออพชั่น คือแบบมาตรฐานและแบบสามมิติ โดดเด่นด้วยจอมอนิเตอร์กลางคอนโซลขนาด 8 นิ้ว เพื่อง่ายต่อการจัดสรรรายการความบันเทิงระหว่างการเดินทาง อีกทั้งยังติดตั้งแผนที่ประเทศไทยในระบบเนวิเกเตอร์ผ่านดาวเทียม เบาะหลังติดตั้งจอภาพยนตร์มีให้เลือกทั้งขนาด 8 นิ้วและ 10.2 นิ้ว พร้อมหูฟังไร้สายและช่องเชื่อมต่อ USB เพิ่มพิเศษ ระบบปรับอากาศยังสามารถแบ่งควบคุมได้ทั้งแบบ 2, 3 หรือ 4 โซน เพื่อมอบสบายที่ตรงตามความต้องการทั้งสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน ด้วยระบบล็อกประตูอัตโนมัติ ระบบปรับอุณหภูมิเครื่องยนต์ด้วยรีโมทและการตั้งอุณหภูมิห้องโดยสารล่วงหน้า ตลอดจนรูปแบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อที่ไร้ข้อจำกัด ทำให้ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” คือยานยนต์สปอร์ตระดับหรูที่นำคุณสู่ทุกจุดหมายปลายทางด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยยิ่งกว่า

          สุดยอดยานยนต์สปอร์ต SUV
          “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” คือสุดยอดยานยนต์สปอร์ตขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถพาคุณโลดแล่นไปบนทุกเส้นทางตั้งแต่ถนนทางเรียบในเมืองใหญ่ไปจนถึงการผจญภัยแบบออฟโร้ดในสภาพพื้นที่อันท้าทาย โดยยังคงมอบความแม่นยำในการขับขี่ สมรรถนะการควบคุมที่ดีเยี่ยม แรงขับเคลื่อนอันทรงพลังและประสิทธิภาพที่เชื่อมั่นได้ตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองไทยที่มีทั้งพื้นที่ดินโคลน ถนนขรุขระ ดินทราย ตลอดจนสภาพพื้นถนนที่ยากลำบากแบบอื่นๆ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” จึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ชื่นชอบรถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมสมรรถนะสูงที่ทรงพลัง ขับสนุกสุดเร้าใจ พร้อมตอบสนองฉับไวในทุกสภาวะการขับขี่ด้วยสัญชาติแห่ง ‘สปอร์ตพันธุ์แท้’

          มอบคุณภาพและบริการหลังการขายเหนือระดับ
          ซิตี้ ออโต้โมบิล ในฐานะผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์เพียงรายเดียวในประเทศไทย พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลกแก่ลูกค้าทุกราย ปัจจุบัน บริษัทได้สร้างเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายขึ้นใหม่และมุ่งเน้นที่การให้บริการชั้นเลิศแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ

          “บริษัทยังมอบการรับประกันมาตรฐาน 3 ปี แก่ลูกค้า พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนเพื่อการอัพเกรดศูนย์บริการ ใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการซ่อมบำรุงขั้นสูง และมอบบริการโดยช่างซ่อมบำรุงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในประเทศไทยได้รับบริการตามมาตรฐานสากลทุกประการ โดยเฉพาะศูนย์บริการที่ถนนวิทยุและสาขาพระราม 3 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีมาตรฐานระดับสากลและเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในปัจจุบัน โดยบริษัทได้ทุ่มทุนกว่า 150 ล้านบาท เพื่อการเตรียมเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ถนนพระราม 4 ในช่วงไตรมาส 3 ในปี 2557 ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ ซิตี้ ออโตโมบิล ยังมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทุกปี ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะสร้างการเติบโตของแบรนด์จากัวร์ และแลนด์โรเวอร์ ในประเทศไทยอย่างจริงจังในระยะยาว” นายสรรพงษ์กล่าว

          หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ศูนย์บริการสาขาถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02 651 4545 ต่อ 131 และ สาขาพระราม 3 แขวงช่องนนทรี หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:12:05 PM
Mitsubishi Motors Thailand appoints “Hello Kitty” as the Company Brand Ambassador








 
          Mitsubishi Motors (Thailand) Company Limited has cooperated with Sanrio Company Limited to appoint “Hello Kitty” as Mitsubishi Brand Ambassador to present the company intention to make stakeholder happy.

          Mr. Nobuyuki Murahashi, President of Mitsubishi Motors (Thailand) Company Limited (MMTh) said that “I target Mitsubishi to be the good company that brings the happiness to stakeholder especially for our customers by introducing high quality product to respond all customers need and also serve customers a good service in all aspect. In order to make this image clearer and be tangible, this year we will find the symbol that have the outstanding character, interesting story and well known among Thai customers to convey our message to customers. We, therefore, decided to appoint “Hello Kitty” who has distinguished appearance and style as our first brand ambassador which I strongly believe that our customers can perceive her cheerful and always happy character.”

          “Hello Kitty” will bring the Happiness to Thai customers via various communication channel as well as the company activities namely Advertisements, Road show event and Sales activities from this November.

          Customers who are interested in Mitsubishi activities with brand ambassador “Hello Kitty” can follow more information from various medium and corporate website at www.mitsubishi-motors.co.th

“Hello Kitty” Biography
“Hello Kitty” is a produced by the Sanrio Co., Ltd. in Japan. She is a happy girl with a red bow which first designed by Yuko Shimizu in November 1, 1974
Real Name Kitty White
Birthday November 1st, 1974
Birthplace In the suburbs of London, England
Height Around 5 apples
Weight Around 3 apples
Blood Type A
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:14:13 PM
ซีตรองเปิด C5 ใหม่ดึงลูกค้าไฮเอนด์ ขนทัพตระกูล DS 3-4-5 ลุย Motor Expo






 
          ซีตรอง เจาะตลาดรถหรูเปิดตัว C5 รถธงโฉมใหม่ล่าสุด ดีไซน์ล้ำสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้าของซีตรอง มั่นใจผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมยกขบวนรถยนต์ในตระกูล ดีเอส (DS) มาครบไลน์ไม่ว่าจะเป็น ดีเอส5 (DS5) รถเอนกประสงค์ขนาดกลางที่ให้ความสะดวกสบายครบครับ ดีเอส4 (DS4) รถยนต์เอนกประสงค์อารมณ์สปอร์ตที่ให้ทั้งความคล่องตัวและสมรรถนะอันเหนือระดับ ดีเอส3 (DS3) รถแฟชั่นคาร์ที่มาพร้อมกับความโฉบเฉี่ยวทุกมุมมอง พร้อมด้วยรถเอนกประสงค์รุ่นใหญ่ ซีตรอง จัมเปอร์ (Jumper) ตอบสนองทุกการเดินทางไม่ว่าครอบครัวของจะมีขนาดใหญ่ถึง 10 คนก็ตาม

          นายเต็ม ทรงเจริญ ผู้จัดการทั่วไป รถยนต์ซีตรอง ผู้นำเข้า จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ซีตรองแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมแสดงรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์ หรือMotor Expo ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี บริษัทฯ ได้นำรถยนต์ซีตรองรุ่น ซี5(C5), ดีเอส5(DS5), ดีเอส4(DS4) , ดีเอส3(DS3) และ จัมเปอร์(Jumper) เข้าร่วมแสดงเต็มพื้นที่

          “ซีตรอง ซี5 เป็นรถยนต์นั่งแบบซีดานขนาดกลางที่ให้ทั้งความหรูหรา และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวตามสไตล์รถยนต์ฝรั่งเศส ซึ่งเราเชื่อว่าจะตอบโจทก์ได้ตรงใจผู้บริโภคชาวไทยระดับผู้บริหารที่ชื่นชอบความหรูหรา ที่ผสานกับล้ำหน้าทางเทคโนโลยีและดีไซน์อันโดดเด่นไม่เหมือนใครของฝรั่งเศส” นายเต็มกล่าว
          ในด้านของรถตระกูล ดีเอส นั้น ซีตรอง นำมาจัดแสดงในงานนีอย่างครบครับ เริ่มด้วย ซีตรอง ดีเอส 5 รถยนต์เอนกประสงค์ขนาดกลางที่มากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบที่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พาคุณโลดแล่นอย่างโดดเด่นเหนือใครบนท้องถนน พร้อมอัดแน่นไปด้วยความปลอดภัยระดับ 5 ดาวตามมาตรฐานรถยุโรป

          ส่วน ดีเอส4 รถยนต์เอนกประสงค์อารมณ์สปอร์ต กับรูปโฉมสไตล์รถครอสโอเวอร์แบบ 2+2 ที่นั่ง แม้จะเป็นรถยนต์ 4 ประตู แต่จะดูเหมือนรถแบบคูเป้ เนื่องจากประตูหลังถูกซ่อนเอาไว้อย่างลงตัว โดยมากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ที่ให้พละกำลังสูดสุง 155 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด DSG ตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจในทุกย่านความเร็ว

          ขณะที่ ดีเอส3 จะมากับทางเลือกใน รุ่น 1.6วีทีไอ เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร VTi 4 สูบ 16 วาล์ว ที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง PSA(เปอร์โยและซีตรอง) และ BMW ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดถึง 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อมระบบ Tiptonic ให้ความสนุกในการขับขี่ได้เฉกเช่นเกียร์ธรรมดา ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และท่อไอเสียทรงสปอร์ต เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกคัน

          ส่วน ซีตรอง จัมเปอร์ (JUMPER) รถยนต์แบบอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์ ซึ่งการมี ระยะห่างระหว่างล้อหน้าและหลัง ความยาว และความสูงแตกต่างหลายรูปแบบ ทำให้เป็นเรื่องที่ง่ายที่จะค้นหาซีตรอง จัมเปอร์ ให้ตรงกับความต้องการของคุณ ทั้งนี้ จัมเปอร์ มากับ 3 ทางเลือกย่อยได้แก่ จัมเปอร์ L2H2, จัมเปอร์ L2H1 และ จัมเปอร์ L1H1

          ซีตรอง จัมเปอร์ L2H2 มีขนาดตัวถังที่กว้างใหญ่และสูงที่สุดด้วยมิติความยาว 5,413 มม. กว้าง 2,050 และสูงถึง 2,524 มม. พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับ VVIP ครบครัน ทั้งเบาะนั่งหนังแท้แบบเฟิร์สคลาสพร้อมระบบนวดไฟฟ้าให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ระบบเครื่องเสียง โฮม เธียเตอร์ สมบูรณ์แบบพร้อมจอ LCD กระจกกันระหว่างห้องผู้โดยสารกับคนขับ

          สำหรับเครื่องยนต์ของรุ่นจัมเปอร์ L2H2 จะมีขนาดใหญ่ที่สุดเช่นกันโดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 157 แรงม้าที่ 3600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่รอบกว้าง 1700-2550 รอบต่อนาที

          ซีตรอง จัมเปอร์ L2H1 มากับขนาดตัวถังที่ยาว 5,413 มม. แต่สูงเพียง 2,254 มม. กว้าง2,050 มม. โดยบรรจุเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตรที่ 2000 รอบต่อนาที

          ส่วนซีตรอง จัมเปอร์ L1H1 มากับขนาดตัวถังสั้นกว่ารุ่นอื่น โดยมีความยาว 4,963 มม. กว้าง2,050 มม. สูง 2,254 มม. เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 3500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตรที่ 2000 รอบต่อนาที ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหนังแท้ 11 ที่นั่ง จอ LCDพร้อมระบบเครื่องเสียงสมบูรณ์แบบ บันไดเลื่อนข้างประตูอัตโนมัติ

          พบกับซีตรองทุกรุ่นได้แล้ววันนี้ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม ศกนี้เท่านั้น
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:15:53 PM
Mitsubishi Motors Lineup at the 30th Motor Expo








 
           Mitsubishi Motors Thailand is going to show “Mirage Meets Hello Kitty” version as the highlight at Mitsubishi showcase and also introduce “Attrage Ralliart Edition” including the new model year Triton 14 MY. The company also provides special offer for Mitsubishi customers with selection of 0% interests rate or added value trade in up to 60,000 baht and “Drive now pay next year.” Every model gets free first class insurance “Diamond Protection”. “Hello Kitty” will be introduced as the company Brand Ambassador in Thailand while Mitsubishi vehicle’s presenter “Nichkhun, Mario and Kimberly” will also join the event at the 30th Thailand International Motor Expo, from November 28 to December 10 at Challenger Hall, Muang Thong Thani.

          Mr. Nobuyuki Murahashi, President, Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd. (MMTh) discloses about Mitsubishi lineup at the 30th Thailand International Motors Expo during November 28 - December 10, 2013 that the Mitsubishi “Mirage Meets Hello Kitty” will be displayed as the highlight and is going to introduce Mitsubishi Attrage special model “Ralliart Edition”, coming with more sporty to be the choice for customers who are looking for Compact Sedan with “Affordability,” and “Fuel Efficiency” features with sporty design, and Mitsubishi Triton 14 MY which is equipped with more attractive features namely new audio function with Navigation systems and USB, iPod/iPhone connector, Driver’s airbag with pretensioner seat belt and “Titanium” as new standard color. Alongside these will be Mitsubishi Mirage and Mitsubishi Attrage, the eco car vehicles that get warm welcome from Thai customers, Mitsubishi Triton and Mitsubishi Pajero Sport with 2.5 VG turbo engine that provide the maximum output at 178 hp. and Mitsubishi Lancer EX which provides customers a sense of both stylish and intelligence of driving

          Moreover, MMTh plans to introduce “Hello Kitty” as the company first Brand Ambassador for Thai market and invite Nichkhun, Mario and Kimberly, the Mitsubishi vehicle’s presenters to do activities at Mitsubishi showcase during the event as well.

          Mr. Murahashi adds that MMTh will offer very special campaign “Hello Motor Expo”. Customers who make a booking of Mitsubishi vehicle all models during the period will get 0% interest rate for 48 months or added value trade in up to 60,000 bath while Mitsubishi Pajero Sport benzene model will get more special offer 0% interest rate for 60 months, added value trade in up to 60,000 bath and accessories parts value 60,000 baht. Mirage, Attrage and Triton get more special promotion “Drive now pay next year” with free driving 90 days. All models will get free first class insurance, Diamond Protection with 24 hours roadside assistance.

          Mitsubishi Motors in the 30th Thailand International Motor Expo
          (1) Displayed Car : Mitsubishi Mirage Meets Hello Kitty”
          Based on GLS Ltd. Bloom Edition, Mirage Meets Hello Kitty model features an exterior highlighted by Hello Kitty Stickers and unique wheel cover. Inside, Hello Kitty decoration on front power window panel, hood meter garnish, center panel Gear shift panel and steering wheel. Moreover, customers can joins Hello Kitty seat upholstery, open tray mat, cover steering wheel, pillow and floor mat.
          (2) New Car : Mitsubishi Attrage Ralliart Edition
          Mitsubishi Attrage special model “Ralliart Edition”, coming with more sporty to be the choice for customers who are looking for Compact Sedan with “Affordability” and “Fuel Efficiency” features with sporty design namely ; LED Daytime running light, Front Rear and Side airdam, Rear lip spoiler with LED High-mount stop lamp, Side sticker, and “RALLIART” Emblem at rear trunk lid. Mitsubishi Attrage “Ralliart Edition” is available in only GLS CVT and GLS Ltd model with White Pearl and Pyreness Black color.
          (3) New Car: Mitsubishi Triton 14 MY
          Mitsubishi Triton 14 MY is equipped with more attractive features namely color key front bumper, steering wheel with silver decoration. More safety with driver’s airbag with pre-tentioner seat belt and new audio function DVD, CD, MP3 with USB, iPod/iPhone connector and Navigation systems. “Titanium” color will be introduced as new standard color.

           Special Offer… Fuel Coupon value 4,000 Baht for customer who make a booking in Motor Expo event and Mitsubishi showroom nationwide from November 28 – December 10, 2013 and receive the car by January 31, 2013.

          Special Offer… for test drive and booking customer in motor expo event and at Mitsubishi Showroom nationwide will get;
          - Hello Kitty Travelling Bag for customers who make a booking and receive the car by December 31, 2013
          - Hello Kitty Shopping Bag for customers who test drive and make a booking by December 31, 2013.

          For more information please contact
          · Mitsubishi Call Center : 1800 900 009 or 02-529-9500 during 8.30-17.00 from Monday- Saturday
          · Mitsubishi Website : www.mitsubishi-motors.co.th
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:16:59 PM
เดวา ปล่อย “เฮอร์คิวลิส พลัส” อัดแคมเปญเด็ดฟรีแล้วฟรีอีก




 
          เดวา รถยนต์แบรนด์ของไทยพันธุ์แท้ ผู้บุกเบิกตลาดรถเพื่อการพาณิชย์แนวใหม่ ส่ง “เฮอร์คิวลิส พลัส” ขยาดตลาดสู่ภูมิภาค อัดแคมเปญเด็ด จ่ายเพียง 17,500 บาทออกรถได้ทันที พร้อมฟรีระบบแก๊ส ขณะที่รุ่นใหญ่ “เมอร์คิวรี่” ไม่น้อยหน้า ฟรีกระบะท้ายมูลค่า 60,000 บาท

          นายธวัชชัย ธวัชธนไพศาล ผู้จัดการทั่วไป รถยนต์เดวา กล่าวว่า หลังจากที่ เดวา แนะนำรถบรรทุกเล็ก เฮอร์คิวลิส (DEVA HERCULES) และ เดวา เมอร์คิวรี่ (DEVA MERCURY) เข้าสู่ตลาดของประเทศไทยเป็นระยะเวลากว่า 2 ปีแล้ว แบรนด์เดวาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ประกอบการในเชิงพาณิชย์ของ ไทย

          “เดวา เป็นแบรนด์รถบรรทุกเล็กของคนไทยแท้ๆ โดยเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของคุณวิเชียร ลีนุตพงษ์ ประธาน ดีเอดี ยนตรกิจกรุ๊ป ที่ต้องการให้คนไทยได้ใช้รถยนต์ ในราคาสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับลักษณะของการใช้งานอย่างแท้จริง ซึ่งรถยนต์เดวา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” นายธวัชชัยกล่าว

          สำหรับในปีนี้ เดวา ขอแนะนำรถบรรทุกเล็กใหม่ เดวา เฮอร์คิวลิส พลัส (DEVA HERCULES PLUS) ที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น โดยเฮอร์คิวลิส พลัส ยังคงออกแบบเพื่อเจาะกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะเหมือนเดิม ซึ่งในปีหน้าจะมุ่งเน้นทำตลาดส่วนภูมิภาคมากขึ้น

          เดวา เฮอร์คิวลิส พลัส มากับเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 112 แรงม้าที่ 4200-4600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 193 ที่ 2000-2600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีกระบะท้ายใหญ่และกว้างที่สุดในตลาดรถปิคอัพเพื่อการพาณิชย์ขนาด 4 ล้อ

          “พิเศษเฉพาะงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 นี้ ลูกค้าที่สนใจ เดวา เฮอร์คิวลิส พลัส ใช้เงินเพียง 17,500 บาทก็สามารถเป็นเจ้าของและออกรถได้ทันที พร้อมกับฟรีการติดตั้งระบบแก๊สแบบแอลพีจีอีกด้วย” นายธวัชชัยกล่าว

          ส่วน เดวา เมอร์คิวรี่ (DEVA MERCURY) รถยนต์บรรทุกแบบ 6 ล้อ พิกัดบรรทุกขนาด 3.5 ตัน ยังคงมากับเครื่องยนต์แบบ เบนซินขนาด 2.7 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 4800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 235 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมจากญี่ปุ่น จึงไม่ต้องกังวลเรื่องของการหาอะไหล่ทดแทน

          ทั้งนี้ เดวา เมอร์คิวรี่ ตั้งราคาที่ 768,000 บาท พิเศษสำหรับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 ลูกค้าที่จองซื้อภายในงานจะได้รับ ฟรี กระบะท้ายมูลค่า 60,000 บาท ทันที

          พบกับ เดวา เฮอคิวลิส พลัส และเมอร์คิวรี่ ได้ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม ศกนี้ หรือ พบข้อมูลต่างๆ ได้ทาง www.deva-auto.com
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:18:06 PM
MTM รุกตลาดไฮบริด ส่ง A8L Hybrid ประเดิมMotor Expo




 
          เอ็มทีเอ็ม (MTM) เปิดตัวรถธงรุ่นใหม่ล่าสุด เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด (MTM Audi A8L Hybrid) เจาะตลาดผู้บริหารระดับสูง พร้อมชูเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ผสานกับความแรงสไตล์เอ็มทีเอ็มอย่างลงตัว พร้อมแนะนำรถใหม่อีก 3 รุ่น เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว5 ( MTM Audi Q5 2.0TDI Quattro) รถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูง, เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ5 (MTM Audi A5 2.0TFSI Quattro) รถสปอร์ตคูเป้ ที่ให้ความสนุกเร้าใจในทุกเส้นทาง และ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ1 (MTM Audi A1 1.4TFSI) น้องเล็กที่พกพาความแรงในแบบรุ่นใหญ่

          นายกิตติภัฏ เฉลยทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทเอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายและให้บริการรถยนต์ เอ็มทีเอ็ม(MTM) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 นี้ บริษัท ฯ ได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด (MTM Audi A8L Hybrid), เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว5 (MTM Audi Q5) เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ5 (MTM Audi A5 2.0TFSI Quattro) และ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ1 (MTM Audi A1 1.4TFSI)
“เรามีความภาคภูมิใจในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง 4 โมเดลจากเอ็มทีเอ็ม เรามีความเชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย ที่ชื่นชอบรถยนต์สมรรถนะสูง เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเปิดตัวเราได้รับการสอบถามถึงรถรุ่นดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าของเรา” นายกิตติภัฏ กล่าว

          สำหรับ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด เป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของเอ็มทีเอ็มที่นำมาเปิดตัวทำตลาดในเมืองไทย ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้ากว่าใครในตลาดรถยนต์นั่งระดับหรู ที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริหารระดับสูง ด้วยขนาดตัวถังที่กว้างและยาวเป็นพิเศษกว่ารุ่นปกติ ให้ความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง

          เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ8แอล ไฮบริด มากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า เมื่อผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 54 แรงม้าจะได้พละกำลังสูงสุดรวมกันถึง 245 แรงม้า แต่คงความประหยัดในแบบรถยนต์ไฮบริดด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 16 กิโลเมตรต่อลิตร

          ส่วน เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว5 จะมากับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่ได้รับการปรับแต่งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร TDI ให้มีพละกำลังสูงสุดถึง 205 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผสานการทำงานด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro อันเลื่องชื่อ พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด S-tronic ให้ความสนุกทุกสภาพการขับขี่

          ขณะที่ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ5 รถยนต์ สปอร์ตคูเป้ ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร สนุกสนานเร้าใจไปในทุกเส้นทางด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร TFSI ที่ได้รับการปรับแต่งจากเอ็มทีเอ็ม ให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม 211 แรงม้ากลายเป็น 270 แรงม้า พร้อมกับออพชั่นครบครันเหนือกว่าคู่แข่งในทุกๆ ด้าน

          สำหรับ เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ1 รถยนต์ขนาดเล็กที่ได้รับการปรับแต่งเครื่องยนต์อย่างเหมาะสมจากเอ็มทีเอ็ม จนมีพละกำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S-tronic ตอบสนองทุกการขับขี่ได้อย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมกับออพชั่นและชุดแต่งพิเศษสำหรับลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ

          นอกจากนั้น เอ็มทีเอ็มยังได้นำรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมและสนใจจากผู้บริโภค มาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 นี้อีกหลากหลายรุ่น โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนนำเข้ามาจัดแสดงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาของการจัดงาน
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:20:21 PM
สโกด้า ยกทัพ 5 รุ่นสนั่นมอเตอร์เอ๊กซ์โป










 
          สโกด้า เปิดตัวรถยนต์ 5 รุ่นใหม่ กระหึ่มมอเตอร์ เอ็กซ์โป นำทัพด้วย สโกด้า ซุปเพิร์บ รถซีดานระดับหรูมาตรฐานยุโรป เคียงคู่ผู้บริหารรุ่นใหม่ ตามด้วยสโกด้า ฟาเบีย อาร์เอส ที่พกพาความแรงเหนือระดับมากับความคล่องตัวและความปลอดภัยแบบยุโรป พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถเอนกประสงค์ของยุโรปด้วย สโกด้า ออคตาเวีย คอมบิ, สโกด้า ซุปเพิร์บ คอมบิ และ สโกด้า เยติ

          นายกิตติภัฏ เฉลยทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป รถยนต์สโกด้า ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ สโกด้า จากประเทศสาธารณรัฐเชค แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี นี้ บริษัทฯ ได้นำรถยนต์เข้ามาร่วมจัดแสดงถึง 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ ” สโกด้า ออคตาเวีย คอมบิ” (SKODA OCTAVIA COMBI) “สโกด้า ซุปเพิร์บ”(SKODA SUPURB ) “สโกด้า ฟาเบีย อาร์เอส” (SKODA FABIA RS) “สโกด้า ซุปเพิร์บ คอมบิ” (SKODA SUPURB COMBI) และ“สโกด้า เยติ” (SKODA YETI)
          “เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า สโกด้า เป็นแบรนด์รถยนต์ที่เป็นผู้นำในด้านของรถยนต์เอนกประสงค์จากยุโรป เราจึงขอแนะนำรถยนต์ สโกด้า ออคตาเวีย คอมบิ โฉมใหม่ล่าสุดสู่ตลาดเมืองไทย เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าชาวไทยที่ชอบรถเอนกประสงค์สไตล์ยุโรป พร้อมกับ สโกด้า ซุปเพิร์บ คอมบิ และสโกด้า เยติ ที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง” นายกิตติภัฏกล่าว

          สำหรับ สโกด้า ออคตาเวีย คอมบิ มากับเครื่องยนต์ดีเซลล้ำสมัย 2.0 TDi ที่ให้ทั้งพละกำลังและความประหยัด โดยมีกำลังสูงสุด 143 แรงม้าผสานการทำงานกับเกียร์อัจฉริยะ DSG คลัทช์คู่ อัตโนมัติ 6 สปีด ทำให้สโกด้า ออคตาเวีย มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยเพียง 19.6 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น อีกทั้งยังได้เพิ่มออพชั่นให้มากขึ้นกว่ารุ่นเดิมอีกหลายรายการ

          ในส่วนของ สโกด้า ซุปเพิร์บและซุปเพิร์บ คอมบิ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างมากมาย เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 160 แรงม้าพร้อมเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ DSG คลัทช์คู่ แบบ 7 สปีด อันเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของรถยนต์ในเครือของโฟล์คสวาเกนเท่านั้น และพิเศษเฉพาะเมืองไทย สโกด้าได้เพิ่มออพชั่นพิเศษที่เหนือกว่ารุ่นที่จำหน่ายในยุโรปให้อีกด้วย

          ขณะที่ สโกด้า เยติ รถยนต์เอนกประสงค์ในแบบ City SUV ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด คล่องตัว เหมาะกับการใช้งานในเมือง ช่วงล่างนุ่มนวลและเกาะถนนในแบบรถยุโรป ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ กำลังสูงสุด 105 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ DSG คลัทช์คู่ 7 สปีด พร้อมระบบ Tiptronic

          ส่วนสโกด้า ฟาเบีย อาร์เอส มากับเครื่องยนต์ขนาด 1.4TSI Twin Charge ซึ่งประกอบไปด้วย Turbo และ Super charge ทำงานควบคู่กัน ส่งผลให้มีแรงม้าถึง 180 แรงม้า ผสานกับเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ DSG คลัทช์คู่ 7 สปีด ทำให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ในเวลาแค่ 7 วินาที แต่กลับมีอัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยเพียง 16.1 กิโลเมตรต่อลิตเท่านั้น

          “รถยนต์สโกด้า ทุกรุ่น ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ ยูโร 5 ดังนั้นผู้บริโภคทุกท่านจึงมั่นใจได้ในด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ทางสโกด้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด” นายกิตติภัฏ กล่าวปิดท้าย
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:21:08 PM
ตงฟง มอเตอร์ส เขย่าวงการรถกระบะเล็ก เปิดตัวรถรุ่นใหม่ “ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” เคาะราคาโดนใจเพียง 338,000 ดึงตั๊ก-บริบูรณ์เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก พร้อมแคมเปญสุดยิ่งใหญ่




 
          ค่ายรถแดนมังกร ตงฟง มอเตอร์ส เปิดตัว “ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” รถกระบะขนาดเล็กอเนกประสงค์รุ่นใหม่ จากตงฟง ชูจุดเด่น แกร่ง ยาว ใหญ่ กว่ารุ่นเดิม ดึงดูดใจด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 338,000 บาท พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของตงฟง มอเตอร์ส ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง พร้อมข้อเสนอพิเศษสุด ในงาน Motor Expo 2013

          บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ตงฟง โดยนายพิทยา ธนาดํารงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ ได้เปิดเผยว่า “ทางบริษัทได้จัดงานเปิดตัวรถกระบะขนาดเล็กอเนกประสงค์รุ่นใหม่ “ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” หนึ่งในรถตระกูล V ที่เปิดตัวตามหลังรุ่น V27 ซึ่งได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในปีที่ผ่านมา โดยได้จัดงานเปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) ซึ่งภายในงานได้มีการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของตงฟงอีกด้วย คือ คุณตั๊ก – บริบูรณ์ จันทร์เรือง ดารา พิธีกร มากความสามารถด้วยบุคลิกลักษณะที่สนุกสนานเฮฮา ติดดิน ลุยทุกสถานการณ์ เข้าถึงง่ายและที่สำคัญใครๆก็รู้จักตั๊ก-บริบูรณ์ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของ “ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” ภายใต้สโลแกน “แชมป์ทุกการขนส่ง ตรงใจทุก SME” เนื่องจาก “ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกด้านด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ใหญ่กว่าเดิม กระบะท้ายที่ยาวถึง 2.7 เมตร แถมออฟชั่นที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ เช่น พวงมาลัยพาวเวอร์ และเครื่องยนต์ยังคงความประหยัดด้วยซีซีขนาดต่ำเหมือนรุ่นก่อนแต่มีกำลังแรงม้ามากกว่ารุ่นเดิม อีกทั้งยังสามารถใช้พลังงานสองระบบ (เบนซินและแก๊สแอลพีจี) เหมาะกับทุกธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถดัดแปลงใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญราคาเปิดตัวเพียง 338,000 บาททำให้กลุ่มเอสเอ็มอีคืนทุนเร็ว ทำกำไรได้มากกว่าเดิม สมกับเป็นแชมเปี้ยนของวงการรถกระบะขนาดเล็กตอกย้ำคอนเซ็ปต์ใหม่ของตงฟงที่ว่า “ตงฟง ตรงใจ ใครๆก็ใช้”

          นอกจากนี้ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) ตงฟง มอเตอร์ส ยังได้จัดแคมเปญพิเศษเมื่อลูกค้าจองหรือซื้อรถยนต์ “ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” รับฟรีของแถม สุดพิเศษและสำหรับลูกค้าที่จองหรือซื้อรถตระกูล “K” หรือ K- ซีรี่ย์ ได้แก่ ตงฟง Mini Truck 1.3 ตงฟง Mini Van 1.1 และตงฟง Mini Van 1.3 รับฟรีดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือนและของแถมต่างๆอีกมากมาย นอกจากนี้ทุกรุ่นรับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี พร้อมพรบ.และยังสามารถดาวน์เริ่มต้นเพียง 15% ดอกเบี้ยต่ำเพียง 2.65% และผ่อนได้นานสูงถึง 60 เดือน รับข้อเสนอพิเศษนี้พร้อมกันทั่วประเทศ และ ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าชมบูธตงฟง (บี14) ได้ที่งานตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. – 10 ธ.ค. ศกนี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี

          รถกระบะขนาดเล็กอเนกประสงค์“ตงฟง V21 แชมเปี้ยน” คันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1,300 ซีซี ให้กำลังเครื่องยนต์สูงถึง 82 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 102 นิวตันเมตร ที่ 3,000 – 3,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พิเศษขึ้นกว่ารุ่นเดิมด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์ มาตรวัดเรืองแสง ดิจิตอล ภายในห้องโดยสารกว้างขวางโปร่งสบายมากขึ้น เครื่องเล่นวิทยุระบบยูเอสบี กระจังหน้าดีไซน์สวยงามทันสมัย แข็งแกร่ง บึกบึน กว่าเดิมด้วยล้อขนาดใหญ่ขึ้นขนาด 14R/175 ไฟหน้าดวงใหญ่เพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่กลางคืนได้มากขึ้น โดดเด่นด้วยกระบะท้ายอเนกประสงค์ขนาดยาวใหญ่มากกว่ารุ่นเดิม ด้วยความยาว 2.7 เมตร กว้าง 1.54 เมตร สามารถเปิดท้ายได้ 3 ด้าน ไม่ติดซุ้มล้อ เพิ่มอิสระในการใช้งานได้มากขึ้น รับน้ำหนักได้มากกว่าเดิม วงเลี้ยวแคบเพียง 4.9 เมตร เพื่อความคล่องตัวในการขับรถในเมือง แชสซีหนากว่าเดิมพร้อมทั้งฝังถังแก๊สในแชสซีเพื่อป้องกันการกระแทก อีกทั้งยังใช้พลังงานสองระบบทั้งแก๊สโซฮอล์และก๊าซแอลพีจี มาตรฐานจากโรงงานยี่ห้อ LOVATO จากประเทศอิตาลีช่วยประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง พร้อมรับประกันตัวรถยนต์พร้อมระบบแก๊สนานถึง 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:22:45 PM
ฮอนด้าบิ๊กวิงโหมบุกตลาดบิ๊กไบค์ส่งท้ายปี เปิดตัวพร้อมรับจองโมเดลใหม่ CTX700N – CBR650F-CB650F งานมอเตอร์เอ็กซ์โป






 
          ฮอนด้าบิ๊กวิง ศูนย์จำหน่ายและบริการรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ในประเทศไทย เดินเกมรุกสู่ตลาดรถบิ๊กไบค์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกาศเปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่นพร้อมกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ได้แก่ Honda CTX700N รถครุยเซอร์นำเข้าจากญี่ปุ่น ดีไซน์หรูหรา สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี DCT ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 349,000 บาท, Honda CBR650F รถสปอร์ตเครื่องยนต์ 650ซีซี 4 สูบเรียงแบบฟูลแฟริ่ง ราคาแนะนำ 300,000 บาท, และ Honda CB650F สปอร์ตแบบเนคเกด ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 285,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้สนใจรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่นภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นรถนำเข้าราคาพิเศษ อัตราดอกเบี้ยต่ำ รับฟรีทะเบียนและพรบ.

          มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลอดปี 2013 แม้เศรษฐกิจในประเทศไทยจะอยู่ในสภาวะชะลอตัว แต่ตลาดรถบิ๊กไบค์กลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดจำหน่ายรวมในไทยเมื่อถึงสิ้นปีนี้น่าจะสูงกว่า 13,000 คัน หรือเติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้าบิ๊กวิงน่าจะมียอดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 3,000 คัน”

          “แม้ว่าฮอนด้าจะเข้ามาทำตลาดรถบิ๊กไบค์ในเมืองไทยได้เพียงปีเศษ แต่เราก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการที่ฮอนด้านำเสนอผลิตภัณฑ์แบบฟูลไลน์อัพ พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆที่ก้าวล้ำ อาทิระบบ DCT หรือ Dual Clutch Transmission ระบบแทรคชั่นคอนโทรลเพื่อการควบคุมรถที่แม่นยำ เช่นเดียวกับการให้บริการตามมาตรฐาน 6S อันประกอบไปด้วย Sales, Service, Spare Parts, Safety Riding, Second Hand และ Society จึงสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของเราได้อย่างเต็มที่ ล่าสุดถึงขณะนี้ฮอนด้าบิ๊กวิงได้ขยายเครือข่ายของศูนย์จำหน่ายและบริการไปทั่วประเทศรวมแล้วถึง 7 แห่ง ได้แก่ที่กรุงเทพฯ, พัทยา, เชียงใหม่, ภูเก็ต, อุดรธานี, โคราช และสุราษฏร์ธานี”

          “ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 นี้ ฮอนด้าพร้อมที่จะต่อยอดความเร้าใจให้กับลูกค้าด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น ประกอบด้วยรถนำเข้าจากญี่ปุ่น Honda CTX700N ซึ่งเป็นรถครุยเซอร์ดีไซน่ทันสมัย หรูหรา ขับขี่สบายด้วยเทคโนโลยี DCT และอีก 2 รุ่นในตระกูล 650 Series ซึ่งผลิตในประเทศไทยได้แก่ CBR650F รถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งและ CB650F รถสปอร์ตแบบเนคเกด ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 650ซีซี 4 สูบเรียง และรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวเร้าใจ โดยฮอนด้าได้เปิดรับจองรถทั้ง 3 รุ่นสำหรับผู้ที่สนใจด้วยราคาพิเศษในงานนี้”

          สำหรับ Honda CTX700N เป็นรถครุยเซอร์จากประเทศญี่ปุ่นที่ฮอนด้าบิ๊กวิงเลือกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ตัวรถได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Comfort Technology Experience ดีไซน์หรูหราแต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 700 ซีซี 2 สูบมาพร้อมกับเทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลไม่สะดุด ขับขี่สบายด้วยท่านั่งแบบตัวตรง เบาะต่ำเพียง 72 เซนติเมตร จึงสามารถเหยียดขาหรือเหยียบพื้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบ Pro-Link เพื่อความมั่นใจในการเดินทางไกล

          ในส่วนของบิ๊กไบค์ตระกูล 650 Series ฮอนด้าได้เปิดตัว Honda CBR650F รถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งดีไซน์บึกบึนโฉบเฉี่ยว และ Honda CB650F รถสปอร์ตแบบเนคเกดรูปทรงดุดัน ทะมัดทะแมง โดดเด่นแต่ไกลในทุกองศา ทั้งสองรุ่นใช้ขุมพลังจากเครื่องยนต์ขนาด 650ซีซี 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบเบรกแบบ ABS ทำงานร่วมกับดิสก์เบรกหน้าจานคู่เพื่อความปลอดภัยในทุกอัตราความเร็ว เสริมความคล่องตัวด้วยสวิงอาร์มอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งทนทาน

          ฮอนด้าบิ๊กวิงพร้อมเปิดรับจองบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นด้วยราคาดังต่อไปนี้ Honda CTX700N มีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีดำด้าน และสีขาว แบบเกียร์ธรรมดาราคาช่วงแนะนำ 349,000 บาท, แบบเกียร์อัตโนมัติ DCT ราคาช่วงแนะนำ 406,000 บาท, Honda CBR650F มีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีแดงและสีดำราคาช่วงแนะนำ 300,000 บาท, และ Honda CB650F มีให้เลือก 3 สีได้แก่สีขาวกราฟิกไตรคัลเลอร์ล้อทองราคาช่วงแนะนำ 288,000 บาท, สีดำและสีเหลืองราคาช่วงแนะนำ 285,000 บาท

          นอกจากรถรุ่นใหม่ทั้งสามรุ่นแล้ว ฮอนด้าบิ๊กวิงยังได้นำฮอนด้าบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆมาจัดแสดงอย่างครบครันรวมทั้งสิ้น 20 คัน ไม่ว่าจะเป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นได้แก่ Goldwing, NC700X, Integra, CBR1000RR, VFR1200F และรถที่ผลิตในประเทศไทยในกลุ่ม 500 Series รวมไปถึงรถแต่ง 650 Series จากค่ายแต่งรถชื่อดังอย่าง Mugen, Moriwaki, และ H2C

          พบกับข้อเสนอโดนใจสำหรับรถฮอนด้าบิ๊กไบค์ทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรถนำเข้าราคาพิเศษ อัตราดอกเบี้ยต่ำ รับฟรีทะเบียนและพรบ. พร้อมเลือกชมอุปกรณ์ตกแต่งรถ รวมไปถึงเครื่องแต่งกายคอลเลคชั่นใหม่ที่บูธฮอนด้าบิ๊กไบค์ หมายเลข G04 ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ติดตามรายละเอียดของฮอนด้าบิ๊กไบค์เพิ่มเติมได้ที่ www.hondabigwing.com
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 02:23:22 PM
Honda Big Wing to Do Proactive Market for Big Bike Before Year-end Introducing New Models – CTX700N, CBR650F, and CB650F- at Motor Expo




 
          Honda Big Wing, dealer and services centre for Honda Big Bike in Thailand, is planning for a proactive marketing for its Big Bike sector, with 3 new models to be released at the Motor Expo 2013. Honda CTX700N is the luxury cruiser and equipped with DCT technology imported from Japan, with price starting from Bt349,000. Honda CBR650F is the sports type with 650cc, 4-stroke, full fairing, with price starting Bt300,000. Honda CB650F is the naked sport type, with price starting from Bt285,000. More special offers will be featured for all Big Bikes bought at the expo; which are special price, low payment instalment interest rate, and free licence plate fee and third-party insurance.

          "Despite the sluggish economy in Thailand throughout 2013, Big Bike sector continued to grow. Sales expects to pass 13,000 units at the end of this year, which is more than double that from last year. Last year saw 3,000 units," said Chiaki Kato, president of AP Honda Co Ltd, the distributor of Honda motorcycle in Thailand.

          "Only a little over a year, Honda Big Bike has received a very positive response from our customers. The success resulted from our effort to deliver only the full-line products and latest technology including DCT or Dual Clutch Transmission, and traction control for a precise control. Our 6S (Sales, Service, Spare Parts, Safety Riding, Second Hand, and Society) has earned is trust from our customers. Honda Big Wing has reached out to the regional market, with 7 branches nationwide which are Bangkok, Pattaya, Chiang Mai, Phuket, Udon Thani, Nakhon Ratchasima, and Surat Thani.

          "At the Motor Expo 2013, Honda is ready to deliver a new excitement to our customers with 3 new models. Honda CTX700N is the luxury cruiser and equipped with DCT technology imported from Japan. Two more from 650 series produced in Thailand are Honda CBR650F, the sports with full fairing and Honda CB650F, the naked sport type. Both comes with a 650cc, 4-stroke engine, and slick look. Honda is presenting special price for those who buy these 3 models at the expo."

          Honda CTX700N is the cruiser imported from Japan chosen especially for Thailand market. The model has been developed under the concept to deliver 'Comfort Technology Experience'; luxury but bold design; and 700cc, 2-stroke engine with DCT (Dual Clutch Transmission) which allows smooth automatic gear shift; 72cm-high seat that allows you to sit up right and easily reach the floor; and Pro-Link. In the 650 series, there are Honda CBR650F, the sports with full fairing and Honda CB650F, the naked sport. Both come with 650cc, 4-stroke engine, liquid-cooled, ABS, and aluminium swing arm.

          Honda Big Wing opens for the booking of these 3 models. Honda CTX700N comes in 2 colour options; matte black and white, with price starting from Bt349,000 for manual gear and Bt406,000 for DCT option during introductory period. Honda CBR650F is available in 2 colour options; red and black, with an introductory price at Bt300,000. Honda CB650F is available in 3 colour options; white with tri-colour graphics and gold cast wheels at introductory price at Bt288,000; and black and yellow with introductory price at Bt285,000. Apart from the 3 new models, Honda Big Wing is also exhibiting 20 big bikes including such imported models as Goldwing, NC700X, Integra, CBR1000RR, VFR1200F; and locally produced models from 500 series and 650 series as well as famous accessories from Mugen, Moriwaki, and H2C. Enjoy the special offers for all Big Bike models which are special price, low instalment payment interest rate, free licence plate fee, and free third-party insurance. Enjoy the accessories and latest collection for gears at Honda Big Bike booth, G04, at The Motor Expo 2013 at Challenger Hall, Muangthong Thani between November 29 and December 10, 2013. For more information about Honda Big Bike, visit www.hondabigwing.com.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:24:09 PM
Motor Expo 2013 พบกับเครื่องเสียงรถยนต์ โอเวอร์ฮอร์น ซาวด พร้อมของแถมและข้อเสนอพิเศษสุด








 
          Motor Expo 2013 งานแสดงจัดแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก” ภายในงานจะจัดแสดงเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์, รถยนต์และการตกแต่งรถยนต์ และ เครื่องเสียงรถยนต์

          ท่านสามารถ เข้าเยี่ยมชม เครื่องเสียงรถยนต์ มากมาย ได้ที่ บู๊ท โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ ได้ ในงาน พร้อมรับข้อเสนอและส่วนลด และเงื่อนไข พิเศษสุดๆ พร้อมของแถม ในงาน สำหรับงานนี้ พลาดไม่ได้
          พบกับ โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ ได้ที่ อาคาร Chanllenger 3
          http://www.overhornsound-ratchaphruek.com/about.php
          email : info@overhornsound-ratchaphruek.com
          โทรศัพท์ 02-1919522-5
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:28:30 PM
Volvo S60 DRIVe ใหม่ รุ่นปี 2013


 
          Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 รถยนต์ซีดานอารมณ์คูเป้เต็มร้อย หนึ่งในโครงการ DRIVe เพื่อการสร้างสรรค์รถยนต์แห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในดีไซน์เฉี่ยว สะท้อนบุคลิกความคล่องตัว ทันสมัย เปี่ยมพลังและความกระตือรือร้น สื่อถึงประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ตอบสนองได้ทันใจเมื่อขับขี่ มาพร้อมกับ 3 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 29 ได้แก่ ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection) และ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road sign Information)

          เครื่องยนต์ Flexifuel E85 ความจุ 1.6 ลิตรที่มีสมรรถนะสูง ประหยัดพลังงาน ตอบสนองทันใจ ของ Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี พร้อมสุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยครั้งแรกของโลกมากมายไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยที่ช่วยให้หยุดรถได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ รวมทั้งระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐาน

          วอลโว่ S60 DRIVe มีให้เลือก 2 รุ่นคือ DRIVe (B) และ DRIVe (S) และมีโทนสีภายนอกที่สะดุดทุกสายตา และเน้นความโดดเด่นของดีไซน์เฉี่ยว โดยเฉพาะเฉดสีทันสมัย Flamenco Red Metallic ที่เปรี้ยว เฉี่ยว ทันสมัยเน้นความสปอร์ต นอกจากนี้ ยังมีสี Ember Black Metallic, Electric Silver Metallic, Ice White และ Seashell Metallic ให้เลือก

          ผลงานจากโครงการ DRIVe เพื่อสิ่งแวดล้อม
          Volvo S60 DRIVe E85 เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในโครงการ DRIVe ซึ่งเป็นความพยายามของวอลโว่ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ วิจัย ผลิต การขับขี่และการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ อันเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตรถยนต์ปลอดไอเสีย และนำมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เครื่องยนต์เชื้อเพลิงทางเลือก การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ลดแรงต้านและประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารสะอาด ปลอดภัยมากที่สุด

          รถยนต์วอลโว่เครื่องยนต์ E85 ที่พัฒนาขึ้นตามโครงการ DRIVe และมีจำหน่ายในประเทศไทยได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (TISI) ของไทย โดยพบว่ามีปริมาณการปล่อยไอเสียต่ำมากและอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานถึง 70%

          รูปลักษณ์ภายนอก
          ซีดานอารมณ์คูเป้
          Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อปลุกเร้าทุกอณูในตัวคุณ ทั้งในเชิงกายภาพกับการขับขี่ที่เร้าใจ และในเชิงอารมณ์กับความโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบสปอร์ตที่ดูเฉี่ยว คล่องตัว พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพิ่มความสปอร์ตและมีบุคลิกที่เปี่ยมพลัง กระตือรือร้นและยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียนได้อย่างเต็มที่

          รูปลักษณ์ของ Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 สะท้อนความเป็นรถคูเป้ในร่างของรถซีดานระดับพรีเมี่ยม อย่างชัดเจน แนวเส้นโค้งหลังคาจากเสา C ที่ยาวต่อเนื่องไปจนจดไฟท้ายดูเพรียวลมสไตล์รถคูเป้เสริมความโดดเด่นของความโค้งบนไหล่ทั้งสองด้าน ทำให้ตัวถังโค้งเป็นสองลอนตั้งแต่ไฟหน้าไปจนถึงไฟท้ายคือดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของวอลโว่ สะท้อนถึงความนุ่มนวลแต่ทรงพลังตลอดทั้งคัน

          ทีมดีไซน์ของวอลโว่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถหรือ “Race Track” เน้นดีไซน์ที่ลื่นไหลเช่นเดียวกับ แทรครถแข่ง ตัวรถที่ต่ำลงให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น สะท้อนถึงการเกาะถนนดี และดูเพรียวลมมากขึ้น กระโปรงท้ายที่ออกแบบอย่างประณีตและความยาวตัวรถจากหน้าจรดท้ายที่สั้นกว่าช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 เต็มที่

          ไฟ LED เพิ่มความสวยสง่ายามค่ำ
          ไฟข้างกระจังหน้าถือได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของวอลโว่ที่ ใช้เทคโนโลยีไฟ LED ที่ให้แสงเรืองแปลกตากว่ารถใดๆ บนถนน การวางตำแหน่งดวงไฟด้านหน้ารถในแนวตั้ง ที่คิ้ว ไฟเลี้ยวทรงยาวบนกระจกมองข้าง และไฟท้ายที่ขอบกระโปรงด้านบนทำให้ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นยามได้เห็นท่ามกลางถนนที่มืดมิด นอกจากนี้ ไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัยและปรับระดับขึ้น/ลงโดยอัตโนมัติ (Active Bending Light) ยังให้แสงสว่างและสามารถฉายไฟหักเหได้ตามการหมุนพวงมาลัยเลี้ยวตามความโค้งของถนน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่บนถนนที่คดเคี้ยวในยามค่ำ

          รูปลักษณ์ภายในหรูกลิ่นอายสปอร์ต
          ดีไซน์ลื่นไหล หรู เร้าใจ
          การออกแบบภายในห้องโดยสารของ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ยังคงมีกลิ่นอายของคอนเซ็ปต์การดีไซน์แบบ “Race track” เช่นเดียวกับภายนอกทำให้มีบรรยากาศที่ดูสดใส กระตือรือร้น โดยเฉพาะที่คอนโซลหน้าและบานประตู ซึ่งมีเส้นสายการออกแบบที่ลื่นไหลต่อเนื่อง สื่อให้เห็นถึงพลังแห่งการเคลื่อนไหว นักออกแบบของวอลโว่ได้เติมสีสัน ความสนุกสนาน และความแตกต่างที่ลงตัว ให้กับสไตล์เรียบหรูใช้งานได้จริงแบบสแกนดิเนเวียนแท้ๆ รวมทั้งยังสะดวกต่อการบังคับควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          เพื่อความสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร วอลโว่ได้ออกแบบเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่มีช่วงนูนขึ้นมารับสีข้าง นั่งสบายติดตั้งเป็นมาตรฐาน และให้ทัศนวิสัยที่ดีสำหรับผู้ขับขี่ ส่วนเบาะหลังมีพื้นที่กว้างขวาง นั่งได้สบายๆ 3 คน ภายในใช้โทนสีเบจ (รุ่น B) และ Beachwood off-black (รุ่น S) สร้างบรรยากาศอบอุ่นสบาย ตามแบบ

          สแกนดิเนเวียนดีไซน์ที่เน้นแนวคิด warm inside, cool outside ในรุ่น S หรูด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยโลหะ และระบบ Speed Sensitive Steering ปรับความหนืดตามความเร็วของรถได้โดยอัตโนมัติ ส่วนในรุ่น B ก็เป็นพวงมาลัยหุ้มหนังจับกระชับมือ

          ใหม่ในรุ่นปี 2013 วอลโว่ติดตั้งหัวเกียร์ใหม่ที่แสดงตำแหน่งเกียร์ไว้บน หัวเกียร์ด้วยแสงสีเขียวเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย รวมทั้งรูปทรงใหม่ที่จับกระชับมือ ใช้วัสดุพิเศษที่จะเรืองแสงสีขาวในความมืดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
          Volvo Sensus เพื่อการควบคุมได้เต็มที่ พร้อมความปลอดภัยและความบันเทิงเต็มพิกัด
          Volvo Sensus เป็นนวัตกรรมที่ให้ความสะดวกและข้อมูลสำคัญแก่คนขับอย่างเต็มที่ โดยออกแบบให้แผงคอนโซลกลางและหน้าปัดทำมุมเอียงหันไปด้านคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญได้สะดวกจากหน้าจอสี 5 นิ้ว (รุ่น B) หรือ 7 นิ้ว (รุ่น S) วอลโว่ได้ติดตั้งจอในตำแหน่งค่อนข้างสูงบนแผงคอนโซลหน้าเพื่อให้ผู้ขับมองเห็นข้อมูลและถนนได้อย่างชัดเจนพร้อมๆ กัน

          นอกจากนี้ การออกแบบตำแหน่งการวางอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถเอื้อมถึงปุ่มบังคับต่างๆ ได้สะดวก จอดังกล่าวจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเพลง โทรศัพท์เคลื่อนที่ ภาพด้านหลังขณะถอยจอดจากกล้องช่วยจอด-หลัง (เฉพาะรุ่น S) หรือกล้องแพโนรามา (อุปกรณ์เสริม) เพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจนและมองเห็นมุมกว้างได้มากกว่า รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ

          Volvo Sensus ยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่อให้สามารถสื่อสารได้สะดวกปลอดภัย รวมทั้งฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาได้อย่างรื่นรมย์ และสามารถฟังเพลงผ่านการเชื่อมต่อแบบบลูทูธได้ในรถยนต์ด้วย
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:28:50 PM
          สุดยอดระบบความบันเทิง
          ระบบเสียงแบบ High Performance Multimedia 4x40 วัตต์ ในรุ่น S และแบบ High Performance ในรุ่น B มาพร้อมลำโพง 8 ตัว ให้เสียงคมชัดด้วยระบบดอลบี ดิจิตอล ที่ให้คุณภาพระดับเดียวกับที่ใช้ในระบบโฮมเธียเตอร์และโปรเฟสชั่นแนลเธียเตอร์ คุณภาพเสียงคมชัด น่ารื่นรมย์สำหรับทุกคนในรถ นอกจากนี้ยังมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น iPod รวมทั้งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ และดึงเพลงจากในโทรศัพท์มือถือมาเล่นในระบบเครื่องเสียงในรถยนต์ได้ในระบบ audio streaming เพื่อความสุนทรีย์กับเครื่องเสียงคุณภาพสูง

          สะดวกปลอดภัยกว่ากับเทคโนโลยีใหม่
          เพื่อช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยให้ขับขี่รถยนต์วอลโว่ได้อย่างปลอดภัย วอลโว่ได้พัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เพื่อผู้ขับขี่ได้แก่

          1. ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) - เฉพาะรุ่น S
          เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเปลี่ยนจากไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติในสถานการณ์ที่เหมาะสม เทคโนโลยีนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกหน้า เพื่อตรวจจับแสงไฟหน้าจากรถที่สวนมา ส่วนซอฟต์แวร์ของรถจะวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องทิศทางและตำแหน่งของรถที่สวนมา ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังระบบ ถ้ารถที่สวนมาเข้ามาอยู่ในระยะที่กำหนด ระบบจะปรับไฟหน้ารถลงมาเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ เมื่อพ้นไปแล้วก็จะปรับมาเป็นไฟสูงเหมือนเดิมเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน
          ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติยังสามารถทำงานร่วมกับระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดน้ำฝนเพื่อปรับการทำงานของไฟและที่ปัดน้ำฝนซึ่งจะให้ ทัศนวิสัยที่ดีที่สุดแก่ผู้ขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ

          2. ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) - เฉพาะรุ่น S
          เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ผู้ขับไม่สามารถอ่านป้ายต่างๆ ได้ทันตลอดเวลา ระบบนี้จึงช่วยเป็นหูเป็นตา อ่านและแสดงสัญญลักษณ์ที่เป็นสากลบนแผงหน้าปัด เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายห้ามแซง กล้องที่ติดตั้งที่หน้ารถจะสามารถตรวจจับป้ายจราจรที่ได้มาตรฐานของยุโรป

          3. ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection)
          ระบบนี้จะเปิดไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อรถเข้าสู่ที่มืดหรืออุโมงค์ และเมื่อออกจากอุโมงค์ก็จะปิดไฟหน้ารถหรือกลับมาสู่ตำแหน่งที่ตั้งไว้เดิมโดยอัตโนมัติเช่นกัน ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืดทำงานโดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกหน้าช่วยวัดแสงและคาดสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อสั่งการให้ระบบนี้ทำงาน นอกจากระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่แล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เพราะตามนุษย์ต้องอาศัยเวลาในการปรับการมองเห็นเมื่อระดับของแสงเปลี่ยนไป

          ระบบเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert Control: DAC) - เฉพาะรุ่น S
          ให้เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่เลือกจับตาดูความเคลื่อนไหวและทิศทางของรถท่ามกลางการจราจรบนท้องถนน จากนั้นจึงประเมินความเป็นไปได้ที่ผู้ขับขี่อาจสูญเสียการควบคุมรถหรือมีสมาธิในการขับขี่น้อยเกินไปจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วส่งสัญญาณเสียง หรือข้อความทางหน้าจอเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก

          ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน (Lane Departure Warning: LDW) - เฉพาะรุ่น S
          ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการขับออกนอกช่องทางเดินรถ โดยอาจจะเกิดจากการสูญเสียสมาธิของผู้ขับขี่ ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลนสามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนคอนโซลหน้ารถ เพื่อทำหน้าที่เตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณเสียงหากรถเคลื่อนที่ข้ามเส้นแบ่งเลนอย่างไม่เหมาะสม เช่นในขณะที่ผู้ขับขี่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว หรือการหักเลี้ยวกะทันหัน โดยใช้กล้องในการตรวจจับตำแหน่งของรถและเส้นแบ่งเลน ระบบจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 65 กม./ชม. และแอคทีฟต่อเนื่องในช่วงความเร็วที่มากกว่า 60 กม./ชม. ทั้งนี้ สำหรับถนนไฮเวย์ในสหรัฐฯ อุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถข้ามเลนมีตัวเลขประมาณ 1 ใน 4 ของอุบัติเหตุทั้งหมดบนถนนเลยทีเดียว นักวิจัยของ วอลโว่ คาร์ประมาณการไว้ว่า ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน น่าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุประเภทนี้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30-40 ที่ระดับความเร็วระหว่าง 70-100 กิโลเมตร

          ขับขี่ปลอดภัย ควบคุมได้เต็มร้อย
          ด้วยแชสซีแบบทัวริ่ง ทำให้วอลโว่ Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 ขับขี่ได้นุ่มนวลนั่งสบายแม้บนสภาพถนนที่ไม่เรียบมาก นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนารายละเอียดในระบบแชสซี ทำให้ควบคุม บังคับรถยนต์ได้แม่นยำขึ้น

          ระบบเบรกที่เพิ่มความมั่นใจ
          ระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่เต็มพิกัด โดยระบบเบรกในวอลโว่ วอลโว่ S60 DRIVe สปอร์ตแวก้อนประกอบด้วยเทคโนโลยีหลากหลายได้แก่
· Ready Alert Brakes ที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรจะต้องเบรกกระทันหัน โดยคาลิปเปอร์เบรกจะกดเบาๆ บนจานเบรกก่อนที่ผู้ขับจะเหยียบเบรก เพื่อช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ
· ระบบ Hydraulic Brake Assist ช่วยลดระยะเบรกให้เหลือสั้นที่สุดได้อย่างปลอดภัย
· Optimized Hydraulic Brake ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของเบรก
· Fading Brake Support ที่ใข้ระบบไฮโดรลิกในการเพิ่มแรงเบรกเมื่อเหยียบเบรกอย่างแรง ซึ่งช่วยลดปัญหาเบรกจม ทำให้มั่นใจมากขึ้น
· ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อจอดรถ (ติดตั้งเป็นมาตรฐาน)

          ทรงตัวเยี่ยม
          ระบบ Advanced Stability Control
          Volvo S60 DRIVE ใหม่รุ่นปี 2013 ติดตั้งระบบ Advanced Stability Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบควบคุมการทรงตัวที่ล้ำสมัยนี้มีอุปกรณ์ตรวจสอบอัตราการโคลงตัวของรถและเซ็นเซอร์ตรวจสอบอัตราเร่ง เพื่อตรวจจับการลื่นไถลตั้งแต่เริ่มต้น และชดเชยด้วยอัตราที่ถูกต้อง เพื่อปรับเสถียรภาพของรถ

          ระบบควบคุมการทรงตัวและยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Stability and Traction Control - DSTC) ที่มาพร้อม Sport Mode ยังช่วยควบคุมการทรงตัวป้องกันรถจากอาการท้ายปัด หมุน หรือพลิกคว่ำ และเมื่ออยากขับแบบสปอร์ต ก็สามารถเลือก Sport Mode หากผู้ขับต้องการอารมณ์การขับขี่แบบสนุกและเร้าใจยิ่งขึ้น โดยที่ระบบจะยอมให้ล้อหลังมีการหมุนฟรีเล็กน้อย

          เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แรงได้ใจ
          วอลโว่ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ ความจุ 1.6 ลิตร ทำจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ให้พลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที และทอร์ค 240 นิวตันเมตรในช่วง 1,600-5,000 รอบต่อนาที จึงตอบสนองได้ทันใจในทุกรอบเครื่อง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 9 วินาที ขณะเดียวกันก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ พร้อมทั้งประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าทึ่ง โดยสามารถวิ่งเฉลี่ยใน-นอกเมือง 13.8 กิโลเมตรต่อน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ลิตร

          เกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ ผสานเทอร์โบชาร์จ เพิ่มพลัง-ประหยัด
          นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเพาเวอร์ชิฟท์ ที่ช่วยให้เร่งได้ต่อเนื่อง เปลี่ยนเกียร์ราบรื่น และประหยัดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          เทอร์โบชาร์จของวอลโว่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะให้กำลังเครื่องยนต์ออกมาสูงทั้งๆ ที่มีขนาดเล็ก ส่วน ท่อไอเสียใหม่และเทอร์โบทำจากแผ่นเหล็กเกรดพิเศษอัดขึ้นรูปแทนที่จะเป็นโลหะหล่อขึ้นรูปที่หนักกว่าและให้ประสิทธิภาพในการดึงพลังงานออกจากไอเสียมาใช้งานน้อยกว่า แม้ว่าท่อไอเสียที่ทำจากแผ่นเหล็กจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการใช้เฉพาะร่วมกับเทอร์โบชนิดโลหะหล่อขึ้นรูปเท่านั้น ระบบเทอร์โบใหม่ที่ใช้แผ่นเหล็กจึงนับว่าเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่จดสิทธิบัตรโดยวอลโว่

          ระบบขับเคลื่อนแบบเพาเวอร์ชิฟท์ (Powershift) ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง วอลโว่คาร์และ Getrag หลักการทำงานของเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ คือ การมีชุดเกียร์ 2 ชุดพร้อมคลัทช์คู่แบบเปียกที่ทำงานแยกกันโดยอิสระ ชุดที่ 1 จะควบคุมการทำงานของเกียร์ 1, 3, 5 และเกียร์ถอยหลัง ส่วนอีกชุดหนึ่งจะควบคุมการทำงานของเกียร์ 2, 4, 6 โดยแต่ละชุดจะสลับกันทำงาน กล่าวคือ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานผลิตกำลังเต็มที่แล้วในเกียร์ 1 คลัทช์ชุดที่สองจะเข้ารอที่เกียร์ 2 ทันที เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเกียร์ 2 แล้ว คลัทช์ชุดแรกจะไปรออยู่ที่เกียร์ 3 สลับกันไปเรื่อยๆ การที่มีคลัทช์ 2 ชุดทำงานสลับกันเช่นนี้ทำให้เครื่องยนต์สามารถส่งกำลังต่อเนื่องไม่มีขาดตอน ไม่ต้องมีทอร์กคอนเวอร์เตอร์และไม่เกิดการเสียแรงบิด จึงเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ราบรื่น และรักษาอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่องขณะที่มีการเปลี่ยนเกียร์

          นอกจากการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นต่อเนื่องแล้ว ระบบส่งกำลังแบบเพาเวอร์ชิฟท์ยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 8% เมื่อเทียบกับเกียร์ออโตเมติกทั่วไป ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะลดปริมาณไอเสียหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้เป็นอย่างดี

          จัดเต็มระบบความปลอดภัย
          Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ถูกออกแบบมาเพื่อคนยุคไฮเทคอย่างแท้จริง ด้วยนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยกว่าที่ใครๆ จะคาดถึงและช่วยให้คนขับบังคับรถได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

          ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกและเซ็นเซอร์ตรวจจับคนเดินถนน (Collision Warning with Full Auto Brake and Pedestrian Detection) – รุ่น S

          ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชน ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ขณะขับขี่บนถนนไฮเวย์โดยเฉพาะ ระบบนี้สามารถรับรู้และเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ภายในระยะ 150 เมตร เรดาร์เซ็นเซอร์ที่อยู่บนกระจังหน้าและกล้องดิจิตอลที่อยู่บนกระจกบังลมหน้าจะตรวจจับระยะห่างระหว่างรถยนต์วอลโว่ที่มีคุณสมบัตินี้กับรถคันข้างหน้า หากรถคันหน้าหยุดกะทันหัน และระบบ Collision Warning ประเมินว่าอาจเกิดการชน ระบบจะส่งเสียงสัญญาณและไฟกระพริบเพื่อเตือน ผู้ขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้นระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็วรถโดยสั่งให้ระบบเบรกทำงานในระดับหนึ่ง เพื่อช่วยผ่อนแรงผู้ขับขี่ในการเหยียบเบรกให้รถหยุดทันท่วงที หากผู้ขับไม่เหยียบเบรก ฟังก์ชั่น Auto Brake จะหยุดรถโดยทันทีและเปิดสัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อเตือนรถคันที่ตามหลังมาให้ระวังตัว

          นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับได้ว่ามีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ และจะหยุดรถอัตโนมัติถ้าคนขับไม่เบรกอย่างทันท่วงที

          ระบบตรวจจับคนเดินถนนนี้ประกอบด้วย เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่บนกระจังหน้าของรถ กล้องที่ติดอยู่ด้านหลังของกระจกมองหลัง และกล่องควบคุมระบบ เรดาร์มีหน้าที่ตรวจจับภาพมุมกว้าง 60 องศาทางด้านหน้ารถว่ามีวัตถุอยู่ในรัศมีหรือไม่ และวัดระยะห่างจากวัตถุนั้น ส่วนกล้องก็จะยืนยันว่าวัตถุนั้นเป็นโครงสร้างของมนุษย์ คือ มีศีรษะ ลำตัว แขน ขา หรือไม่ โดยที่เรดาร์สามารถตรวจจับได้กระทั่งคนที่เพิ่งจะก้าวลงมาบนถนน กล้องนี้มีความละเอียดสูงมาก ทำให้สามารถตรวจจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดินถนนนั้นได้ด้วย ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานและทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม.

          ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ขับขี่จะได้ยินเสียงสัญญาณเตือนพร้อมกับเห็นไฟกระพริบบนกระจกบังลมหน้า สัญญาณเตือนเหล่านี้จะมีลักษณะคล้ายไฟเบรกเพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่มีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันระบบเบรกก็จะชาร์จเตรียมไว้ หากผู้ขับขี่ไม่เหยีบเบรกเมื่อได้ยินและเห็นสัญญาณเตือน แต่หากระบบคำนวณว่าจะเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ ระบบหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกจะทำงานทันที

          ระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชั่นหยุด/ออกตัวรถอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า – Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert (ACC) - รุ่น S
          ระบบช่วยให้ผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากรถคันหน้าในทุกระดับความเร็วจนถึง 200 ก.ม./ช.ม. ในการจราจรที่เคลื่อนตัวช้าที่ระดับความเร็วต่ำกว่า 30 ก.ม./ ช.ม. ฟังก์ชั่นหยุดรถและออกตัวรถอัตโนมัติจะปรับระดับความเร็วของรถให้พอดีกับคันหน้า จากรถที่หยุดอยู่กับที่ เพียงกดปุ่มหรือเหยียบคันเร่ง ก็สามารถขับตามคันหน้าได้อย่างนิ่มนวล และถ้าใช้ความเร็วสูงกว่า 30 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถตั้งความเร็วรถที่ต้องการและช่วงระยะวลาน้อยที่สุดที่รถจะวิ่งไปถึงคันหน้า ระบบจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ หรือแสดงไฟเตือนถ้าเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป

          ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) เพื่อความปลอดภัยในเมือง

          ซิตี้เซฟตี้เป็นเทคโนโลยีที่วอลโว่คิดค้นขึ้นเป็นรายแรกและติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เมื่อรถคุณวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะใช้เลเซอร์ที่ฝังอยู่ส่วนบนของกระจกบังลมหน้า สแกนพื้นที่ด้านหน้ารถในระยะห่างออกไป 10 เมตร เพื่อตรวจจับยานพาหนะด้านหน้ารถว่าหยุดอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ถ้าระบบประเมินว่าการชนกำลังจะเกิดขึ้น เบรกจะถูกชาร์จเตรียมไว้เพื่อให้คุณเหยียบเบรกได้ทันท่วงที หรือหากคุณไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติ และถ้าความเร็วของรถคุณกับรถคันหน้าต่างกันไม่เกิน 16 กม./ชม. การเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากความเร็วต่างกัน มากกว่า 16 กม./ชม. การเบรกจะช่วยลดความรุนแรงลงได้

          ระบบเตือนจุดบอดด้านข้างรถ (Blind Spot Information system - BLIS) -มาตรฐาน
          ระบบเตือนจุดบอดด้านข้างรถติดตั้งเป็นมาตรฐานในรถรุ่นนี้ โดยมีกล้องดิจิตอลไว้ใต้กระจกมองข้างหันไปทางด้านหลังรถ เพื่อเฝ้าระวังทั้งสองข้างของรถ หากมียานพาหนะเข้ามาในโซนจุดบอด ระบบนี้จะเตือน โดยหลอดไฟที่ติดอยู่กับประตูหน้าด้านซ้ายหรือขวาจะสว่างขึ้น ระบบนี้จะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 10 ก.ม./ช.ม.
          ถอยจอดได้ปลอดภัย
          นอกจากนี้ Volvo S60 DRIVe ใหม่รุ่นปี 2013 ยังมีระบบช่วยจอดได้อย่างปลอดภัยด้วยกล้องช่วยจอด (Park Assist camera) ทางด้านหลัง และเซ็นเซอร์ช่วยจอดทั้งด้านหน้าสำหรับรุ่น S นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในทั้งสองรุ่น ได้แก่ เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง เพื่อความปลอดภัยในการถอยจอด

          มุมเลี้ยวแคบด้วย Corner Traction Control
          ฟังก์ชั่นควบคุมการเข้าโค้งโดยการถ่ายเทแรงบิด (Corner Traction Control by Torque Vectoring) ช่วยให้รถเข้าโค้งได้นุ่มนวลมากขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้ เป็นการพัฒนาระบบ DSTC ให้ดีขึ้น เมื่อเข้าโค้ง ล้อที่อยู่ด้านในของโค้งจะเบรกพร้อมกับถ่ายทอดกำลังไปยังล้อที่อยู่ด้านนอกมากขึ้น ทำให้ผู้ขับสามารถเข้าโค้งใน วงแคบได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการดื้อโค้งด้วย

          ปกป้องเต็มที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
          โครงสร้างนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน
          ในกรณีที่เกิดการชนจากด้านหน้า องค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ โครงสร้างเหล็กหลากชนิดของตัวรถจะช่วยกระจายแรงชนออกไปทั่วๆ และช่วยดูดซับแรงกระแทกไม่ให้เข้ามาถึงภายในห้องโดยสาร โครงสร้างทางตอนหน้าของวอลโว่ S60 DRIVe ใหม่ ถูกแบ่งออกเป็น 4 โซน แต่ละโซนมีหน้าที่แตกต่างกันในยามเกิดอุบัติเหตุ เครื่องยนต์ที่วางแนวขวางช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อรองรับการยุบตัวของตัวถัง และช่วยลดความเสี่ยงที่ตัวถังจะยุบเข้ามาถึงห้องโดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้า

          วอลโว่ S60 DRIVE ใหม่มีเข็มขัดนิรภัยแบบปรับความตึงได้สำหรับทุกที่นั่ง มีระบบ Pre-prepared Restraints (PRS) ที่ช่วยปรับการทำงานของถุงลมนิรภัย ขณะที่ระบบ load limiter จะช่วยคำนวณและปรับแรงดึงกลับของเข็มขัดนิรภัยให้เหมาะสม เพื่อให้การปกป้องสูงสุดสำหรับการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง

          ซีดานสไตล์สปอร์ตรุ่นใหม่นี้มีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง (Side Impact Protection System - SIPS) ถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่ง ม่านนิรภัยด้านข้าง (Inflatable Curtain) และระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash Protection System - WHIPS) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตลาดรถยนต์ปัจจุบันที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บที่คอเมื่อรถถูกชนหลังในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจริง เช่น การชนจากด้านข้างทั้งสองด้านของตัวรถ วอลโว่ได้รวมข้อมูลจากเครื่องวัดความเร็วในรถและเครื่องวัดการโคลงตัวของรถ เพื่อควบคุมการทำงานของม่านลมนิรภัย ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง ถุงลมนิรภัย และเข็มขัดนิรภัยในการชนแต่ละครั้ง
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:30:00 PM
The Volvo S60 DRIVe Model Year 2013


 
          Coupe with four doors, the Volvo S60 DRIVe Model Year 2013 is a product of DRIVe programme, a Volvo initiative with an ambitious aim to produce emission-free cars that are truly green. Sculpted to move you - both physically and emotionally, the Volvo S60 DRIVe Model Year 2013 is outstanding with its aerodynamic, stylish and energetic design that reflects the superior driving experience. The Volvo S60 DRIVe Model Year 2013 arrived in Thailand at the 29th Motor Expo with three new safety technologies namely Active High Beam, Road Sign Information and Tunnel Detection.

          The Volvo S60 DRIVe is powered by the FlexiFuel 1.6 Lt engine that delivers high performance, fuel efficient and responsive while achieving its goal to reduce impact on the environment. The sedan comes with full package of innovative safety technologies, including the one that stops the car automatically before it hits a pedestrian and the standard technology that prevents the car from crashing into the one in the front.

          The Volvo S60 DRIVe Model Year 2013 is available in DRIVe (B) and DRIVe (S) models which both come in attractive 5 colours including Flamenco Red Metallic, Ember Black Metallic, Electric Silver Metallic, Ice White and Seashell Metallic.

          DRIVe – Volvo’s attempt to cut CO2 emission
          S60 DRIVe E85 is a work under DRIVe program. The program looks into the entire process, from design to research, development, performance and ability to recycle parts at the end of vehicle life. This attempt leads to the development of no-emission vehicles and interesting technologies, including FlexiFuel and alternative fuel, aerodynamic design that effectively reduces friction for improved fuel efficiency, and new technologies for clean air in the passenger cabin.
          In Thailand, Volvo cars which are powered by the innovative E85 engine under DRIVe programme have passed the test by Thailand Industrial Standard Institute (TISI) with extremely low emission, which is approximately 70% better than TISI standard.
         
          EXTERIOR
          Coupe with four doors
          The sporty design delivers a visual promise of enthusiastic driving characteristics and the S60 DRIVe truly lives up to that promise. The S60 DRIVe has been sculpted to move you. Every single line in its design is there to transport you both physically and emotionally. Its profile radiates so much coupe feeling that the rear doors come as something of a pleasant surprise when you examine the car close-up.

          The front of the Volvo S60 DRIVe has a bold look given its outstanding front grille, bold Volvo mark and the position lamp. Virtually all the lines were penned to carve out the dynamic profile. The C-pillar of the S60 DRIVe stretches sensually all the way to the tail lamps - and the slim coupe-like roof line is accompanied by a new contour on the shoulders on either side of the lower body, creating a gentle yet powerful double wave from the headlamps at the front to the tail lamps at the rear.

          Inspired by the dynamism of “Racing Track”, Volvo design team ensured dynamic lines in the new sporty sedan. The dip in the middle of the double wave visually pushes the car down. This enhances the stance and makes the car look sleeker and lower. The sculpted bonnet and the short overhangs front and rear also emphasize the sports car feel.

          LED technology carves a distinctive S60 DRIVe profile in the dark
          Volvo’s designers have also used LED (Light Emitting Diode) technology to create distinctive yet fluid light streams front and rear. The vertical position lights at the front, the eyebrow like side market lights, the turn indicators in the door mirrors, the position lights in the tail lamps all help give the new S60 DRIVes unmistakable profile even after night fall. The Active Bending Light also provides better vision as the light bends according to the steering position.

          INTERIOR
          Uncompromising sportiness with racing inspiration
          Volvo's designers obtained their inspiration from the racing track as they pursued their hunt for uncompromising sportiness in the S60 DRIVe. The racing track's dramatic yet harmoniously flowing lines can be traced in almost every interior detail. The graphic character of the racing track is clearly apparent in the instrument panel and in the doors. The lines do not end abruptly but instead create an uninterrupted, continuous flow. In addition, Volvo Cars' designers have added in excitement, contrast and playfulness to the rational simplicity of Scandinavian design tradition.
          For enhanced comfort, Volvo developed new sporty seats with even closer side support than before. The seat also offers greater vision for the driver. The rear seat is spacious and can accommodate three passengers. The beige colour scheme in the B version and Beachwood offblack colour scheme in the S version dominate the interior to create warm and relaxing atmosphere in the famous Scandinvian design which is “warm inside, cool outside”. In the

          S version, the leather-clad steering wheel, Charcoal with silk metal inlay gives a more luxury look while the Speed Sensitive Steering offers greater comfort for the drivers. The B version also enjoys the leather-clad steering wheels, Charcoal
          The S60 DRIVe Model Year 2013 comes with a new gear shift knob with better grip. The white decoration light enables it to illuminate in the dark. Drive modes are indicated directly on the top of the knob for driver to see easily.
          Volvo Sensus - refined infotainment
          Volvo Sensus is an excellent example of how Volvo Cars refines the driver environment. All information is presented on a five-inch screen (in B version) or seven-inch colour screen (in S version) in the upper part of the centre stack. The screen is positioned high up to make it easy for the driver to keep his or hers eyes on the road.

          All the functions can be controlled via buttons built into the steering wheel or via touch buttons located just below the colour screen. The Volvo Sensus comes upgraded with the larger seven-inch screen that also displays information and images, phone, reversing camera (in S version), panorama camera (accessory) DVD player and so on.

          The Bluetooth connection has been upgraded to allow not only hands-free phone conversations but also music streaming from a preferred Bluetooth enabled portable music player.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:30:24 PM
          Best of infotainment system
          For maximum enjoyment riding the Volvo S60 DRIVe, the premium sport sedan offers High Performance Multimedia (S version) and High Performance (in B version) audio systems. The 4x40 watt with 8 speakers audio system and Dolby Digital quality create an audio experience of absolute world class. In addition, the system provides several ports for external equipment connection, such as iPod. Mobile phones can be connected to the car audio system through Bluetooth technology and music from mobile phones can be downloaded through audio streaming and played with the car audio system for premium quality music experience.

          Safer with 3new technologies
          1. Active High Beam – in S version
          Active High Beam helps the driver utilize high beam more efficiently. It offers automatic switching between high and low beam at the right moment. Active High Beam is using forward looking camera located in the top middle of front windscreen to detect the headlights from vehicles in the front. Advanced image processing software analyses this data and provides information about the position and direction of other vehicles. The calculation serves as the basis for automatic switching between low and high beam. This gives the driver the best possible visibility at night.
          The technology can be equipped with Active Bending Lights – swiveling headlamps that follow the sweeps and bends of the road. Visibility in poor conditions is also enhanced with the option of an electrically heated windscreen and a rain sensor, which automatically starts and regulates the wipers when it rains.

          2. Tunnel Detection
          Tunnel Detection will automatically turn on the headlights when the car enters into dark area or tunnel. The headlights will turn back to the setting it had before when the car passed the tunnel. Tunnel Detection uses special sensor located on the front windscreen. This does not only increase the visibility to the driver and other road neighbors during pass through the tunnel but also reduce risk that might occur due to rapidly change from bright to dark environment. Human eyes needs time to be adapted from bright to dark.

          3. Road Sign Information – in S version
          The Road Sign Information gives an extra “eye” on the traffic environment. It reminds the driver to respect traffic rules for safety and helps reduce risk of accident. The information flow in the traffic is high and it is sometimes difficult for driver to catch all information, especially in the distracting traffic situations.
         
          Road Sign Information will assemble the most important road signs, prioritize the information and display in the combined meter. This will give the driver extra time to catch up on important sign on the road. The recognized signs detected by this technology must follow to the EU Standard.

          Driver Alert Control – in S Version
          This world-first innovation in passenger cars that monitors the car’s movements relative to the road and traffic, not only the driver’s personal driving behavior which, of course, varies from one driver to another, and thereby assesses whether the vehicle is being driven in a controlled or uncontrolled way. If the risk is assessed as high, the driver is alerted via an audible signal. In addition, a text message appears in the car’s information display, alerting him or her with a coffee cup symbol to take a break. The system steps in at 65 km/h and stays active as long as the speed exceeds 60 km/h and proves invaluable in combating driver fatigue on long distance or motorway journeys where concentration can easily reduce.

          Lane Departure Warning (LDW) – in S Version
          LDW has been developed to help prevent single-vehicle road departure accidents as well as head-on collisions due to temporary distraction. LDW is activated via a button in the centre stack and it alerts the driver with a gentle warning sound if the car crosses one of the road markings without an obvious reason such as use of the turn indicator, or the positive turn of the steering wheel. The system also uses a camera to monitor the car’s position between the road markings. LDW steps in at 65 km/h and stays active as long as the speed exceeds 60 km/h. On US highways, single-vehicle road departures account for approximately one fourth of all accidents. Volvo Cars’ researchers estimate that the LDW system can help prevent 30 to 40 percent of these types of accidents at speeds between 70 and 100 km/h.

          Chassis
          The Volvo S60 DRIVe Model Year 2013 comes with touring chassis as standard. Softer setting of the touring chassis give a smoother ride on poorer road surfaces.

          Advanced, integrated braking functions
          A highly advanced braking system is an important part of the dynamic driving properties of the new V60. Volvo's new sports wagon is equipped with a number of features that interact to provide the shortest possible stopping distance in all scenarios.
          Ready Alert Brakes can predict when swift braking is needed. The brake callipers are applied lightly to the brake discs even before the driver presses the brake pedal.
          Hydraulic Brake Assist helps the driver brake in the shortest possible distance. In an emergency situation where the driver does not press the brake pedal fast or hard enough, Hydraulic Brake Assist can help utilise the ABS system optimally and thus shorten the overall braking distance.
          Optimized Hydraulic Brakes is a system that amplifies braking ability during firm braking by using hydraulics to compensate for low vacuum pressure in the brake servo.
          Fading Brake Support uses the hydraulic system to gradually build up brake pressure during long, hard braking. This helps reduce the risk of brake fade and maintains pedal feel.
          An electronic parking brake is fitted as standard.

          Impressive road holding
          Advanced Stability Control
          The S60 DRIVe is the first sedan model on the market with Advanced Stability Control. With a new roll angle sensor, it is possible to identify any skidding tendency at a very early stage. Advanced Stability Control is a great asset in dynamic driving involving considerable lateral forces, thus improving handling and rapid avoidance manoeuvres.

          Dynamic Stability and Traction Control (DSTC) with Sport mode can step in earlier and with greater precision. Advanced Stability Control is a great asset in dynamic driving involving considerable lateral forces, thus improving handling and rapid avoidance manoeuvres. The Sport Mode, a new feature in the new DSTC, allows some free wheel spin for sporty and intuitive driving experience.

          Driveline: 1.6Lt engine
          The 1.6 Lt engine is made from light weight aluminium, producing 180Hp at 5,700rpm and delivers maximum torque of 240Nm from just 1,600 and all the way up to 5,000 revs a minute. It can accelerate from 0-100 km in only 9 seconds. While the engine delivers massive power, it produces impressively low emission while achieving high fuel efficiency. The average fuel consumption (city and highway driving combined) is 13.8 km per one litre of fuel.

          Powershift transmission and turbocharger
          The Volvo S60 DRIVe is unique with the six-speed automatic Powershift gearbox that delivers high responsiveness and at the same time achieves impressive fuel efficiency.

          The Volvo’s turbocharger is the market's smallest in relation to the engine's maximum power output. Another new feature is that the exhaust manifold and turbocharger are made of sheet steel rather than a heavier casting. A manifold made of sheet steel is admittedly nothing particularly new but thus far it has only been used in combination with a cast turbo housing. The new fully integrated turbo system of sheet steel is a world innovation and has been patented by Volvo.

          The Powershift transmission has been developed by Volvo Cars in cooperation with its transmission partner Getrag. Powershift operates in principle as two parallel manual gearboxes. It has twin wet clutches that work independently of one another. One clutch controls the odd gears (1, 3, 5 and reverse) while the other handles the even ratios (2, 4 and 6). The two clutches operate alternately, with one engaging while the other disengages. This means that at the same time as the engine gets full power and maximum thrust in first gear, second gear is placed in readiness to be engaged. And when second gear has been engaged, third gear is readied, and so on. This promotes a continuous flood of power without any disruption in power delivery or any torque loss, resulting in extremely fast and silky-smooth gearchanges while maintaining acceleration throughout the gearchanging process.

          Powershift reduces fuel consumption by 8%, in comparison with other automatic gearboxes, and it provides improved drivability as well. This not only helps reduce fuel costs but also lower impact on the environment, especially carbon dioxide emission.

          Safety and Support
          The Volvo S60 DRIVe is designed for modern consumers with a full range of innovations and advanced technologies that help make driving and controlling a car an easy and safer task.

          Collision Warning with Full Auto Brake and
          Pedestrian Detection – in S version only

          Designed for highway driving, Collision Warning with Full Auto Brake can sense and alerts the driver if the distance to a vehicle ahead suddenly decreases below 150 metres. The radar sensor on the front grille and digital sensor on the windshield will measure the distance to a vehicle ahead. If the car in front stops abruptly and the Collision Warning views that the accident is possible, it will beep and blink to alert the driver. The Auto Brake system's braking function prepares for heavy braking and brakes the car automatically (with up to 50% of the maximum braking power) if the driver has not reacted to the warning signal. The system will also automatically switch on hazard light to warn the car behind.
Pedestrian Detection is a groundbreaking technological solution. It can detect pedestrians who walk into the road in front of the car, warn the driver - and automatically apply full braking power if the driver does not respond in time.

          The system consists of a newly developed radar unit integrated into the car's grille, a camera fitted in front of the interior rear-view mirror, and a central control unit. The radar has wider field of vision (60 degree) and its task is to detect any object in front of the car and to determine the distance to it. The camera determines what type of object it is or whether it is human being (with head, shoulders, arms, body and legs). This system is standard and is activated when the car travels at below 35 km/h speed.

          In an emergency situation the driver first receives an audible warning combined with a flashing light in the windscreen's head-up display. At the same time, the car's brakes are pre-charged. If the driver does not react to the warning and an accident is imminent, full braking power is automatically applied.
City SafetyCity Safety – A collision avoidance technology which is standard equipped in Volvo cars.

          At speeds up to 30 km/h, a collision can be avoided completely. The laser sensor embedded in the windshield will scan the area within 10 metre range in front of the car, sensing if vehicles ahead are moving slower or standing still. In a situation where the calculated braking force needed reaches a certain level, and the driver has not reacted, the City Safety function senses that a collision is imminent. Brake will be pre-charged to enable the driver to stop the car more effectively. If the driver does not react, the system will automatically brake. If the difference in speed between the vehicles is below 16 km/h, an accident can be avoided. However, if the difference in speed is higher, the consequences of the impending collision can be mitigated considerably because the system will intervene to reduce speed when the collision occurs.

          Adaptive Cruise Control with Queue Assist - in S version
          The Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert system helps adjust the car speed to match with the current traffic and distance from the lead vehicle at below 30km/h speed as well as automatically stops and moves the car to the traffic move. Distance Alert is activated at all speed level up to 200 km/h will light up the signal on the Head-Up display when the distance to the lead vehicle is shorter than the chosen. When travelling at higher than 30 km/h speed, the driver can set the desired speed and the shortest time to reach the lead vehicle and the system will automatically reduce the car speed when it approaches the vehicle in front too fast.

          Blind Spot Information System (BLIS) is standard in the Volvo S60 DRIVe. Digital cameras are located under side mirrors facing the rear to monitor both sides of the car. When a vehicle moves into the blind spot, light on the left or right door will be on. This system is activated at higher than 10 km/h speed.

          Park Assist Camera- Rear makes safe parking easier in the S version. Park Assist Sensor- Front and Rear in S version and Rear only in B version, enable driver to park safely.


          Corner Traction Control for tighter cornering
          Corner Traction Control is a new feature that uses torque vectoring so the car takes curves even more smoothly. This technology is a further refinement of the DSTC system. When cornering, the car's inner driven wheel is braked at the same time as more power is transmitted to the outer driven wheel. This allows the driver to take the curve more tightly while reducing any tendency to understeer.

          Full protection during accident
          Collision safety including an improved structure
          In a frontal collision situation, the well-balanced combination of high-strength steel of various grades dissipates the impact energy and helps prevent intrusion into the passenger compartment. The front body structure of the Volvo S60 DRIVe is divided into four zones, each of which has a different task in such event. The transverse engine installation creates more space for deformation and helps reduce the risk of intrusion into the passenger compartment in frontal collision situations.

          The Volvo S60 DRIVe has safety belt pre-tensioners in all seats. The Pre-Prepared Restraints (PRS) regulate the airbags and the safety belt load limiters to optimise protection depending on the force of the impact.

          Among its various other safety systems, the all-new sedan model also has an advanced Side Impact Protection System (SIPS), seat-mounted side airbags, Inflatable Curtains and Whiplash Protection System (WHIPS) - one of the market's most effective systems to help reduce the risk of neck injuries in rear impacts. The Side Impact Protection System has been further improved in the Volvo S60 DRIVe to address a wider span of real life situations, such as side impacts on either side of the passenger compartment. This has been made possible by combining information from accelerometers in the vehicle and a world unique use of a gyro measuring yaw rate for controlling the activation of the IC, SIPS airbag and seatbelt pretensioners in such situations.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:31:04 PM
The All-New Volvo V40 รถยนต์วอลโว่ 5 ประตูแฮทช์แบคระดับพรีเมี่ยม


 
          วอลโว่ V40 รุ่นล่าสุด เติมสีสันให้กับตลาดรถแฮทช์แบคระดับพรีเมี่ยม สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์หรูหราสง่างาม ที่ผสานความกะทัดรัดและปราดเปรียวของรถยนต์คอมแพคกับคุณสมบัติและบุคลิกของรถหรูรุ่นใหญ่ที่จะทำให้วอลโว่ V40 ใหม่ก้าวขึ้นครองตลาดรถแฮทช์แบคระดับพรีเมี่ยมในที่สุด การออกแบบใน V40 ใหม่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตามแนวคิด “Designed around You” หรือการออกแบบมาเพื่อคุณ จึงเปิดให้ผู้ขับขี่เลือกปรับมาตรวัดบนหน้าปัดแบบกราฟิกได้ตามต้องการ และยังให้การขับขี่ที่สนุกสนาน รวมทั้งยังมีเทคโนโลยีทันสมัยมากมายทั้งในด้านความปลอดภัย และระบบสนับสนุนเช่นเดียวกับที่มีในรถรุ่นใหญ่ ซึ่งทำให้ วอลโว่ V40 ใหม่เป็นรถ IntelliSafe หรือรถอัจฉริยะและปลอดภัยที่สุดในตลาดพรีเมี่ยมแฮทช์แบค ทั้งยังมีเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้ด้วย
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:31:43 PM
The All-New Volvo V40 5-door Premium Hatchback



          The All-New Volvo V40 enters the Premium Hatchback class featuring a luxury look and feel that emphasises the aura of a compact car with large-car content and characteristics. The All-NewV40 is ready to overtake the competition in the Premium Hatchback class with sharpened features and characteristics from larger Volvos wrapped in a sleek, compact package.

          The All-NewV40 is the first new model that is fully developed according to Volvo’s human-centric, Designed Around You strategy. The driver-centric approach is enhanced with a new, fully graphic instrument cluster that allows the driver to personalize instrument layout and the information provided. The All-New Volvo V40 also boasts class-leading driving dynamics thanks to focused attention to a number of vital areas. Adding several new high-tech features to a full deck of safety and support systems from larger models makes the V40 the most IntelliSafe car in the segment. The All-New Volvo V40 also passed EURO V and can be operated on E20 fuel.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:32:21 PM
วอลโว่ XC60 D4 รุ่นปี 2013


 
          วอลโว่ XC60 D4 รุ่นปี 2013 เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล สุดยอด SUV หรูอเนกประสงค์สำหรับคนเมือง โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ทันสมัยเปี่ยมพลังและเร้าใจที่ผสานความเป็นรถครอสคันทรีกับรถสำหรับขับขี่ในเมือง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ไฟแรง มาพร้อมกับสุดยอดระบบอินโฟเทนเมนต์ “Volvo Sensus” ที่ให้ทั้งข้อมูลและความบันเทิงเต็มพิกัด

          วอลโว่ XC60 D4 มาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยครบครัน รวมทั้ง 3 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพื่อความสะดวกของผู้ขับขี่และปลอดภัย ได้แก่ ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection) และ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) นอกจากนี้ วอลโว่ XC60 D4 ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยแห่งอนาคตมากมาย อาทิ ระบบตรวจจับคนเดินถนนและระบบเบรกอัตโนมัติแบบเต็มแรงเบรก (Pedestrian Detection with Full Auto Brake) ที่เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยครั้งแรกของโลกที่รถหยุดเองได้ ระบบ Volvo Sensus ที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ขับขี่ และอื่นๆ อีกมากมาย
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:33:31 PM
The Volvo XC60 D4 Model Year 2013


 
          Volvo XC60 D4 Model Year 2013 is Volvo's bold, sporty and muscular challenger in the Small Premium Utility segment. The car is charged with emotive form and energy. It is has the real crossover character with a combination of the traditional city vehicle and a cross country vehicle aimed at young, professional urban people with an active lifestyle.

          The Volvo XC60 D4 Model Year 2013 comes with the latest safety and driver’s comfort features including the innovative Active High Beam, Tunnel Detection and Road Sign Information.

The XC60 D4 has come with the latest Volvo Sensus infotainment system and is specified with the Pedestrian Detection with Full Auto Brake safety system, the world’s first safety technology that enables the car to stops automatically before it hit a person, plus many more.

          The car's shoulders are exceptionally broad. The large wheels, the bold wheel arches and the darker livery of the body's lower section further enhance the muscular feel, while the dynamic, flowing lines of the greenhouse combined with its daring roof contour impart a sporty coupe feel to the upper part of the car.

          EXTERIOR
          Characteristic design
          Down below, the unmistakeable, capable cross over muscles are pumped up, creating a strong athletic body that is mated with high ground clearance and large wheels. Up above, the flowing lines create the sporty charisma of a coupe. The sculpted, seductive lines are particularly clear when the XC60 is viewed from the side.

          The frowning contours of the headlamps and the taut rearward flow of the front wings emphasise the bonnet's classic V-profile, giving the front an eager, wedge-shaped stance. This DNA ingredient is further strengthened by the newly incorporated unique DNA lamps.

          The rear design is characterised by tail lamps with micro-optics and LED technology. The lamps, which distribute their light in a special way, enhance the characteristic "Volvo" design. The new 18” wheels enhance the sportiness, making the XC60 D4 a truly sporty and stylish cross country.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:34:24 PM
วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013

          วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 ซีดานหรูขนาดใหญ่จากวอลโว่ ยังคงรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมั่นใจ ด้วยดีไซน์งามสง่า ภายนอกเป็นเอกลักษณ์ และแชสซีที่ให้การทรงตัวและเกาะถนนดีเยี่ยม ส่วนภายในก็ยังคงเน้นทั้งความสะดวกสบายและความหรูหรา ตกแต่งอย่างประณีต ให้ทั้งความงามสง่า เกาะถนนดี และเครื่องแรงตอบสนองดีเยี่ยม โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่นเครื่องยนต์ ได้แก่ รุ่น T4 เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ รุ่น D4 เครื่องยนต์ดีเซล และรุ่น DRIVe เครื่องยนต์ FlexiFuel ที่สามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

          วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ที่เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของวอลโว่ในการออกแบบรถที่ออกแบบมาเพื่อคนทันสมัยอย่างแท้จริง รวมทั้งยังมี 3 เทคโนโลยีใหม่เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ ได้แก่ ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) และ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) สำหรับรุ่น T4 และ D4 และระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection) ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น

การออกแบบภายนอก
ดีไซน์การออกแบบที่หรูหราไร้กาลเวลาในแบบสแกนดิเนเวียน
เมื่อดูจากภายนอกจะเห็นว่า วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 มีตัวถังที่ดูยาว กว้างขวางนั่งสบาย กระจังหน้าและตราสัญลักษณ์วอลโว่ขนาดใหญ่ดูโดดเด่น มีสไตล์กับการตกแต่งด้วยโลหะมันวาวหรูหราบริเวณช่องระบายอากาศ ใต้ประตูและใต้ไฟท้าย ไฟหน้าที่ติดตั้งในตำแหน่งที่ต่ำ พร้อมด้วยเส้นสายโค้งจากด้านหน้าลื่นไหลไปด้านข้างและท้ายให้ความรู้สึกเสมือนว่า วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 กำลังยิ้มให้คุณ ประตูที่โค้งนูนและกระจกหน้าต่างท้ายรถสะกดทุกสายตา ขอบใต้ประตูดีไซน์โดดเด่นสื่อถึงความหนักแน่นมั่นคง นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความหรูและสง่างาม ดูเหมือนรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าตลอดเวลา วอลโว่ได้สร้างเส้นสายที่โค้งคล้ายดาวหางจากหน้าต่างหลังไปจนถึงกระโปรงหลัง ไฟหน้าแบบใหม่และไฟเลี้ยวแบบ LED ที่ติดตั้งบนกระจกมองข้างเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์สะกดสายตาทุกคน ในรุ่นปี 2013 วอลโว่ได้เพิ่มความหรูและอิสระในการเดินทางด้วย Sunroof เฉพาะในรุ่น T4 อีกด้วย

การตกแต่งภายใน
Volvo Sensus ศูนย์รวมทุกข้อมูล ทุกความบันเทิง
Volvo Sensus เป็นนวัตกรรมที่ให้ความสะดวกและข้อมูลสำคัญแก่คนขับอย่างเต็มที่ โดยออกแบบให้แผงคอนโซลกลางและหน้าปัดทำมุมเอียงหันไปด้านคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญได้สะดวกจากหน้าจอสี 7 นิ้ว วอลโว่ได้ติดตั้งจอในตำแหน่งค่อนข้างสูงบนแผงคอนโซลหน้าเพื่อให้ผู้ขับมองเห็นข้อมูลและถนนได้อย่างชัดเจนพร้อมๆ กัน

นอกจากนี้ การออกแบบตำแหน่งการวางอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถเอื้อมถึงปุ่มบังคับต่างๆ ได้สะดวก

Volvo Sensus ยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่อให้สามารถสื่อสารได้สะดวกปลอดภัย รวมทั้งฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาได้อย่างรื่นรมย์ และสามารถฟังเพลงผ่านการเชื่อมต่อแบบบลูทูธได้ในรถยนต์ด้วย

หรู สบาย สไตล์สแกนดิเนเวียน
ภายในห้องโดยสาร วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 ถูกปรับปรุงให้นั่งสบายมากขึ้น และหรูหรามากขึ้น ด้วยเบาะหนังนุ่มคุณภาพดีเย็บอย่างประณีตรับกับบานประตูขลิบลายเดียวกัน เนื่องจากลูกค้า 8 ใน 10 คน ต้องการเบาะหนัง ทีมดีไซเนอร์ของวอลโว่จึงได้พยายามพัฒนาเบาะให้นั่งสบายที่สุด ขอบด้านข้างนูนขึ้นรับสีข้าง รวมทั้งเลือกใช้หนังแท้คุณภาพสูงและนุ่มสบาย เบาะหนังมีให้เลือก 2 โทนสีคือ blond กับ off-black

ในรุ่น T4 และ D4 เพิ่มความหรูด้วยแผงหน้าปัดและบานประตูตกแต่งด้วยไม้ลวดลายนุ่มนวล และรุ่น DRIVe ตกแต่งด้วยแถบสีเข้มเพิ่มความเท่ ส่วนคอนโซลกลางของทุกรุ่นเป็นแบบลอยตัว เพรียวบาง พวงมาลัยดีไซน์หรูเพิ่มความสง่างามให้แก่ S80 รุ่นปี 2013 ยิ่งขึ้นโดยในรุ่น T4 และ D4 เป็นพวงมาลัยตกแต่งด้วยไม้ และรุ่น DRIVe เป็นพวงมาลัยหุ้มหนัง แผงหน้าปัดและมาตรวัดอลูมิเนียมรวมทั้ง อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งพวงมาลัยแบบสี่ก้าน หัวเกียร์ และปุ่มสตาร์ทขลิบริมด้วยโลหะสีด้าน

ใหม่! ที่แสดงตำแหน่งเกียร์ไว้บนหัวเกียร์ด้วยแสงสีเขียวเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย รวมทั้งรูปทรงใหม่ที่จับกระชับมือ ใช้วัสดุพิเศษที่จะเรืองแสงสีขาวในความมืดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

เครื่องยนต์ทรงพลัง รักสิ่งแวดล้อม
วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 มีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 แบบซึ่งประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยไอเสีย ได้แก่
· เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ (GTDi) T4 ความจุ 2 ลิตร ให้พลังงานสูงสุด 203 แรงม้าที่ 6,000 rpm และแรงบิดสูงสุด 300 Nm ที่ 1,750-4,000 rpm พร้อมเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ปรับตามสไตล์การขับขี่ และเกียร์ทรอนิก อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพีง 12.05 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 152 กรัมต่อกิโลเมตร
· เครื่องยนต์ DRIVe เบนซินเทอร์โบ FlexiFuel E85 ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 5,700 rpm และให้แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 5,000 rpm และมอบความพึงพอใจในการขับขี่ที่เยี่ยมยอดด้วยเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ 6 สปีดปรับตามสไตล์การขับขี่ และเกียร์ทรอนิก อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 13.5 กิโลเมตร/ลิตรเมื่อเติมน้ำมันเบนซิน และ 9.9 กิโลเมตรต่อลิตรเมื่อเติมน้ำมัน E85 นอกจากนี้ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เพียง 136 กรัมต่อกิโลเมตร เมื่อใช้น้ำมันเบนซิน และ 131 กรัมต่อกิโลเมตรเมื่อใช้น้ำมัน E85
· เครื่องยนต์ D4 ดีเซลเทอร์โบ ที่สามารถเติมน้ำมันไบโอดีเซล B5 ได้ ความจุ 2 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,500 rpm และแรงบิดสูงสุด 400Nm ที่ 1,500-2,750 rpm พร้อมเกียร์ 6 สปีด ปรับตามสไตล์การขับขี่และเกียร์ทรอนิก อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 16.6 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 126 กรัม/กิโลเมตร

โครงสร้างเพื่อความปลอดภัย
โครงสร้างนิรภัยสร้างด้วยเหล็กแกร่งหลากชนิด
โครงสร้างนิรภัยของรถยนต์วอลโว่ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซน เพื่อช่วยดูดซับและกระจายแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โซนด้านนอกจะสามารถยุบตัวได้มาก ส่วนโซนด้านในจะแข็งและทรงตัวมากกว่าเพื่อให้การปกป้องแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสูงสุด วอลโว่จึงได้ใช้เหล็กถึง 4 ชนิด นอกจากเหล็กธรรมดาสำหรับสร้างตัวถังแล้ว ยังมีเหล็กอีก 4 เกรดที่เสริมแรง เช่น High Strength Steel, Extra High Strength Steel และ Ultra High Strength Steel

โครงสร้างแกร่งด้านข้าง
เพื่อให้การปกป้องสูงสุดจากแรงกระแทกด้านข้าง ตัวถังรถทางด้านข้างถูกออกแบบให้ใช้เหล็กหลากชนิดเช่นกัน เหล็กต่างชนิดเหล่านี้จะให้ผลลัพธ์สูงสุดในการปกป้องผู้โดยสารด้านใน ในกรณีที่ถูกชนด้านข้าง รถยนต์จะไหลไปด้านข้างเพื่อไม่ให้แรงกระแทกเข้ามาปะทะโดยตรงกับผู้โดยสาร

ระบบเบรกที่เพิ่มความมั่นใจ
ระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่เต็มพิกัด โดยระบบเบรกใน วอลโว่ วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 ประกอบด้วยเทคโนโลยีหลากหลายได้แก่
· Ready Alert Brakes ที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรจะต้องเบรกกระทันหัน โดยคาลิปเปอร์เบรกจะกดเบาๆ บนจานเบรกก่อนที่ผู้ขับจะเหยียบเบรก เพื่อช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ
· ระบบ Hydraulic Brake Assist ช่วยลดระยะเบรกให้เหลือสั้นที่สุดได้อย่างปลอดภัย
· Optimized Hydraulic Brake ช่วยเพิ่มศักยภาพของเบรก
· Fading Brake Support ใช้ระบบไฮโดรลิกในการเพิ่มแรงเบรกเมื่อเหยียบเบรกอย่างแรง ซึ่งช่วยลดปัญหาเบรกจม ทำให้มั่นใจมากขึ้น
· ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อจอดรถ (ติดตั้งเป็นมาตรฐาน)
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:34:47 PM
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน
สะดวกปลอดภัยกว่ากับ 3 เทคโนโลยีใหม่
เพื่อช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยให้ขับขี่รถยนต์วอลโว่ได้อย่างปลอดภัย วอลโว่ได้พัฒนาและติดตั้ง 3 เทคโนโลยีใหม่เพื่อผู้ขับขี่ได้แก่

1. ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) - รุ่น T4 และ D4
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเปลี่ยนจากไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติในสถานการณ์ที่เหมาะสม เทคโนโลยีนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกหน้า เพื่อตรวจจับแสงไฟหน้าจากรถที่สวนมา ส่วนซอฟต์แวร์ของรถจะวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องทิศทางและตำแหน่งของรถที่สวนมา ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังระบบ ถ้ารถที่สวนมาเข้ามาอยู่ในระยะที่กำหนด ระบบจะปรับไฟหน้ารถลงมาเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ เมื่อพ้นไปแล้วก็จะปรับมาเป็นไฟสูงเหมือนเดิมเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน

ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติยังสามารถทำงานร่วมกับระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดน้ำฝนเพื่อปรับการทำงานของไฟและที่ปัดน้ำฝนซึ่งจะให้ทัศนวิสัยที่ดีที่สุดแก่ผู้ขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ

2. ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) - รุ่น T4 และ D4
เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ผู้ขับไม่สามารถอ่านป้ายต่างๆ ได้ทันตลอดเวลา ระบบนี้จึงช่วยเป็นหูเป็นตา อ่านและแสดงสัญญลักษณ์ที่เป็นสากลบนแผงหน้าปัด เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายห้ามแซง กล้องที่ติดตั้งที่หน้ารถจะสามารถตรวจจับป้ายจราจรที่ได้มาตรฐานของยุโรป

3. ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection)
ระบบนี้จะเปิดไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อรถเข้าสู่ที่มืดหรืออุโมงค์ และเมื่อออกจากอุโมงค์ก็จะปิดไฟหน้ารถหรือกลับมาสู่ตำแหน่งที่ตั้งไว้เดิมโดยอัตโนมัติเช่นกัน ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืดทำงานโดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกหน้าช่วยวัดแสงและคาดสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อสั่งการให้ระบบนี้ทำงาน นอกจากระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่แล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เพราะตามนุษย์ต้องอาศัยเวลาในการปรับการมองเห็นเมื่อระดับของแสงเปลี่ยนไป

นอกจากนี้ วอลโว่ S80 Model Year 2013 ยังมีเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมอีกมาก ได้แก่

ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) เพื่อความปลอดภัยในเมือง
ซิตี้เซฟตี้เป็นเทคโนโลยีที่วอลโว่คิดค้นขึ้นเป็นรายแรกและติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เมื่อรถคุณวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะใช้เลเซอร์ที่ฝังอยู่ส่วนบนของกระจกบังลมหน้า สแกนพื้นที่ด้านหน้ารถในระยะห่างออกไป 10 เมตร เพื่อตรวจจับยานพาหนะด้านหน้ารถว่าหยุดอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ถ้าระบบประเมินว่าการชนกำลังจะเกิดขึ้น เบรกจะถูกชาร์จเตรียมไว้เพื่อให้คุณเหยียบเบรกได้ทันท่วงที หรือหากคุณไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติ และถ้าความเร็วของรถคุณกับรถคันหน้าต่างกันไม่เกิน 16 กม./ชม. การเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากความเร็วต่างกัน มากกว่า 16 กม./ชม. การเบรกจะช่วยลดความรุนแรงลงได้

ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกและเซ็นเซอร์ตรวจจับคนเดินถนน (Collision Warning with Full Auto Brake and Pedestrian Detection) - รุ่น T4 และ D4

ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชน ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ขณะขับขี่บนถนนไฮเวย์โดยเฉพาะ ระบบนี้สามารถรับรู้และเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ภายในระยะ 150 เมตร เรดาร์เซ็นเซอร์ที่อยู่บนกระจังหน้าและกล้องดิจิตอลที่อยู่บนกระจกบังลมหน้าจะตรวจจับระยะห่างระหว่างรถยนต์วอลโว่ที่มีคุณสมบัตินี้กับรถคันข้างหน้า หากรถคันหน้าหยุดกะทันหัน และระบบ Collision Warning ประเมินว่าอาจเกิดการชน ระบบจะส่งเสียงสัญญาณและไฟกระพริบเพื่อเตือนผู้ขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้นระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็วรถโดยสั่งให้ระบบเบรกทำงานในระดับหนึ่งเพื่อช่วยผ่อนแรงผู้ขับขี่ในการเหยียบเบรกให้รถหยุดทันท่วงที หากผู้ขับไม่เหยียบเบรก ฟังก์ชั่น Auto Brake จะหยุดรถโดยทันทีและเปิดสัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อเตือนรถคันที่ตามหลังมาให้ระวังตัว

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับได้ว่ามีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ และจะหยุดรถอัตโนมัติถ้าคนขับไม่เบรกอย่างทันท่วงที

ระบบตรวจจับคนเดินถนนนี้ประกอบด้วย เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่บนกระจังหน้าของรถ กล้องที่ติดอยู่ด้านหลังของกระจกมองหลัง และกล่องควบคุมระบบ เรดาร์มีหน้าที่ตรวจจับภาพมุมกว้าง 60 องศาทางด้านหน้ารถว่ามีวัตถุอยู่ในรัศมีหรือไม่ และวัดระยะห่างจากวัตถุนั้น ส่วนกล้องก็จะยืนยันว่าวัตถุนั้นเป็นโครงสร้างของมนุษย์ คือ มีศีรษะ ลำตัว แขน ขา หรือไม่ โดยที่เรดาร์สามารถตรวจจับได้กระทั่งคนที่เพิ่งจะก้าวลงมาบนถนน กล้องนี้มีความละเอียดสูงมาก ทำให้สามารถตรวจจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดินถนนนั้นได้ด้วย ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานและทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม.

ระบบควบคุมการทรงตัวและยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Stability and Traction Control - DSTC)
วอลโว่ S80 เกาะถนนดีเยี่ยมไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือนอกเมือง ด้วยตัวถังที่ออกแบบมาให้แกร่ง และแชสซีที่ปรับแต่งมาใหม่เป็นอย่างดี ทำให้ขับขี่แบบสปอร์ตได้ดังใจ ควบคุมได้อย่างแม่นยำ มีการกระจายน้ำหนักของตัวรถอย่างสมดุลทั้งหน้าหลังเพื่อให้เกาะถนนและทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ DSTC ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว โดยระบบจะบันทึกอัตราความเบี่ยงเบนระหว่างทิศที่ผู้ขับขี่ต้องการไปกับทิศทางจริงที่รถแล่น ทำให้สามารถทราบได้ว่าถึงจุดที่รถอาจลื่นไถลหรือยัง เช่น เมื่อผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่งอย่างกระทันหันขณะหักเลี้ยว เป็นต้น ระบบ DSTC จะปรับการถ่ายเทกำลังระหว่างล้อทำให้สามารถสร้างสมดุลและมีการทรงตัวที่ดี

ระบบกล้องและสัญญาณเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Information System: BLIS)
เป็นอีกระบบหนึ่งที่จะช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ระบบนี้จะทำงานทันทีที่รถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่สูงกว่า 10 กม./ชม. โดยอาศัยกล้องดิจิตอลที่ติดตั้งอยู่ภายในกระจกมองข้าง ช่วยในการสอดส่องสภาพการจราจรด้านหลังซ้ายและขวาที่เป็นจุดอับสายตา หากมีรถเข้ามาในบริเวณนี้ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับทราบว่ามีรถอยู่ใกล้ไม่ว่ารถคันนั้นจะอยู่ด้านหลังหรือกำลังจะแซง โดยสัญญาณไฟที่กระจกประตูจะสว่างขึ้นระบบ BLIS นี้จะช่วยให้ผู้ขับสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องฉับไว

ระบบเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert Control: DAC) - รุ่น T4 และ D4
ให้เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่เลือกจับตาดูความเคลื่อนไหวและทิศทางของรถท่ามกลางการจราจรบนท้องถนน จากนั้นจึงประเมินความเป็นไปได้ที่ผู้ขับขี่อาจสูญเสียการควบคุมรถหรือมีสมาธิในการขับขี่น้อยเกินไปจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วส่งสัญญาณเสียง หรือข้อความทางหน้าจอเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก

ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน (Lane Departure Warning: LDW) - รุ่น T4 และ D4
ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการขับออกนอกช่องทางเดินรถ โดยอาจจะเกิดจากการสูญเสียสมาธิของผู้ขับขี่ ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลนสามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนคอนโซลหน้ารถ เพื่อทำหน้าที่เตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณเสียงหากรถเคลื่อนที่ข้ามเส้นแบ่งเลนอย่างไม่เหมาะสม เช่นในขณะที่ผู้ขับขี่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว หรือการหักเลี้ยวกะทันหัน โดยใช้กล้องในการตรวจจับตำแหน่งของรถและเส้นแบ่งเลน ระบบจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 65 กม./ชม. และแอคทีฟต่อเนื่องในช่วงความเร็วที่มากกว่า 60 กม./ชม. ทั้งนี้ สำหรับถนนไฮเวย์ในสหรัฐฯ อุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถข้ามเลนมีตัวเลขประมาณ 1 ใน 4 ของอุบัติเหตุทั้งหมดบนถนนเลยทีเดียว นักวิจัยของวอลโว่ คาร์ประมาณการไว้ว่า ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน น่าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุประเภทนี้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30-40 ที่ระดับความเร็วระหว่าง 70-100 กิโลเมตร

ระยะห่างจากรถคันหน้า – Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert (ACC) ในรุ่น T4 และ T4
ระบบช่วยให้ผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากรถคันหน้าในทุกระดับความเร็วจนถึง 200 ก.ม./ช.ม. ในการจราจรที่เคลื่อนตัวช้าที่ระดับความเร็วต่ำกว่า 30 ก.ม./ ช.ม. ฟังก์ชั่นหยุดรถและออกตัวรถอัตโนมัติจะปรับระดับความเร็วของรถให้พอดีกับคันหน้า จากรถที่หยุดอยู่กับที่ เพียงกดปุ่มหรือเหยียบคันเร่ง ก็สามารถขับตามคันหน้าได้อย่างนิ่มนวล และถ้าใช้ความเร็วสูงกว่า 30 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถตั้งความเร็วรถที่ต้องการและช่วงระยะวลาน้อยที่สุดที่รถจะวิ่งไปถึงคันหน้า ระบบจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ หรือแสดงไฟเตือนถ้าเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป

ไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย
ให้ทัศนวิสัยดีเยี่ยมในการขับขี่กลางคืนและบนนถนนที่คดโค้ง ระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) สามารถปรับมุมฉายตามความโค้งของถนนได้

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง
การปกป้องผู้โดยสารภายในรถ วอลโว่ออกแบบระบบป้องกันความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เพื่อช่วยปกป้องผู้โดยสารในทุกที่นั่งให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรง ด้วยระบบต่างๆ อาทิ ระบบถุงลมนิรภัยด้านข้างแบบใหม่ 2 จังหวะ ที่ทำงานควบคู่กับม่านนิรภัยด้านข้าง (Inflatable Curtains: IC) และช่วยเสริมให้ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง (Side Impact Protection System: SIPS) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดดึงกลับอัตโนมัติครบทั้ง 5 ที่นั่ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร

ระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash Protection System - WHIPS)
ระบบนี้จะช่วยลดการบาดเจ็บที่ศีรษะ และเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดจณะนี้ เมื่อเกิดการชนหรือกระแทก โดยในกรณีที่เกิดการชนรุนแรงทางด้านหลัง พนักพิงหลังในตอนหน้าของตัวรถและพนักพิงศีรษะจะขยับเข้ามารับตัวและศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในลักษณะคล้ายคลึงกับการทำงานของกล้ามเนื้อแขนขณะที่กำลังจับลูกบอล โดยฟังก์ชั่นการทำงานของระบบนี้ยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การจับตัวและศีรษะของผู้โดยสารทำได้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น

ระบบรักษาความปลอดภัย
เพราะความปลอดภัยของผู้โดยสารในทุกที่นั่ง เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง วอลโว่จึงออกแบบระบบความปลอดภัยให้มีทั้งระบบที่ทำหน้าที่เตือนเพื่อการป้องกันและการปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างดีที่สุด (Preventive and Protective Safety) เริ่มตั้งแต่ ระบบ PCC หรือ Personal Car Communicator ซึ่งมาในรูปแบบของรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กพกติดตัวได้ ที่ประกอบด้วยฟังก์ชั่นสื่อสารกับรถพร้อมการปลดล็อคและขับขี่โดยปราศจากกุญแจ ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่มากขึ้นอีก โดยผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบได้ว่า รถยนต์ล็อคแล้วหรือยังสัญญาณเตือนภัยทำงานหรือไม่ หรือมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในตัวรถยนต์หรือเปล่า ได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการในระยะ 60 – 100 เมตรจากตัวรถ

รถยนต์รักสิ่งแวดล้อม
S80 DRIVe ผลงานจากโครงการ DRIVe เพื่อสิ่งแวดล้อม
Volvo S80 DRIVe E85 เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในโครงการ DRIVe ซึ่งเป็นความพยายามของวอลโว่ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ วิจัย ผลิต การขับขี่และการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ อันเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตรถยนต์ปลอดไอเสีย และนำมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เครื่องยนต์เชื้อเพลิงทางเลือก การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ลดแรงต้านและประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารสะอาด ปลอดภัยมากที่สุด

รถยนต์วอลโว่เครื่องยนต์ E85 ที่พัฒนาขึ้นตามโครงการ DRIVe และมีจำหน่ายในประเทศไทยได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (TISI) ของไทย โดยพบว่ามีปริมาณการปล่อยไอเสียต่ำมากและอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานถึง 70%

ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ เพื่อสิ่งแวดล้อม
วอลโว่ S80 ถูกผลิตและติดตั้งระบบต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดกับสิ่งแวดล้อมให้มีน้อยที่สุด เครื่องยนต์เบนซินทั้งแบบธรรมดาและแบบ FlexiFuel ถูกออกแบบมาให้มีการเสียดทานภายในต่ำ มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และมีระบบกรองไอเสียที่ทันสมัยช่วยลดปริมาณไอเสียได้เป็นอย่างดี ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลก็ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเขม่าออกมาในปริมาณที่ต่ำมาก จนผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ตามมาตรฐานยูโร 5

นอกจากนี้ วอลโว่ยังได้ติดตั้งระบบเพรมแอร์ (PremAir®) ที่สามารถเปลี่ยนโอโซนที่เป็นอันตรายให้กลายเป็นออกซิเจนบริสุทธิ์ได้ในเวลาที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากในขณะที่มีการจราจรหนาแน่นและในขณะที่แดดจัด

ระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร (Interior Air Quality System: IAQS) ช่วยลดอากาศไม่บริสุทธิ์ เขม่า ฝุ่น ละอองเกสร หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์จากภายนอกไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาภายในห้องโดยสาร ขณะเดียวกัน เบาะที่นั่ง หนังและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถได้รับการรับรองมาตรฐาน OKO-TEX 100 ว่า ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ วอลโว่ S80 ยังติดตั้งระบบการจัดการห้องโดยสารที่ปราศจากสิ่งกระตุ้นอาการภูมิแพ้ (Clean Zone Interior Package: CZIP) ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันโรคหอบหืดและภูมิแพ้แห่งประเทศสวีเดน เพื่อให้อากาศที่ไหลเวียนภายในห้องโดยสารสะอาดและดีต่อสุขภาพของผู้โดยสารทุกคน
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:35:21 PM
The Volvo S80 Model Year 2013
 
          From the overwhelming success of Volvo S80, the Volvo S80 Model Year 2013 is a simply elegant sedan with an impressive package of innovative technologies for maximum safety and comfort. It comes with more stylish design and sharp chassis that offers better road holding. The interior design continues to focus on both comfort and luxury.
          The Volvo S80 offers three choices of engines – T4 petrol engine with turbocharger, D4 diesel engine and DRIVe FlexiFuel engine that can be operated on E85 fuel and emits low carbon dioxide.
          The Volvo S80 Model Year 2013 comes with the latest safety and driver’s comfort features including the innovative Active High Beam and Road Sign Information in T4 and D4 version, and the Tunnel Detection which is standard in all models.
          EXTERIORIconic Volvo S80, Iconic Volvo Design: Simply Timeless & Elegantly ScandinavianA four-door sedan has stronger muscular stance and inherent dynamism in the car’s visual expression, gives the car a solid and compact image, with smoother flowing contours and powerful raised bonnet profile. The headlamps, positioned low, follow the curvature of the front and extend along the side and upwards, creating a gentle, but knowingly satisfied, smile. The S80 is equipped with the Active Bending headlights provide better vision when driving at night as they tilt to the curves along the winding road that provides clearer vision at night. S80 has to be one of the safest and greenest cars on the roads today!
          The aura of elegance personified Volvo's S80 creates an image of being in constant motion, through vivacious sweeping lines from the bonnet’s characteristic V-shape all the way down into the spoiler and back along the hallmark Volvo broad shoulders to the refined rear tail-lamps.
          The new look of the Volvo S80 is enhanced by the chrome accent reflecting confidence and success. The S80 now comes with chrome trim on the side passenger doors, front air damp and fog lamps and underneath rear tail lights, and enlarged Volvo emblem for bolder look. The S80 T4 Model Year 2013 also comes with Sunroof for enhanced pleasure in all journeys.

INTERIOR
The Scandinavian Design
The interior decoration accentuates sophistication and success. The T4 and D4 versions come with sovereign hide soft leather and wood door panels. Eight out of 10 Volvo customers say they want leather seats, so the Volvo designer team developed the seats further to offer more comfort with the ergonomic upholster. The leather seats are available in two colour schemes – blond and offblack.

In the T4 and D4 version, the instrument panel and door panels are decorated with classic wood while the DRIVe has dark leather decoration. A super-slim 'floating' centre console to blend in seamlessly with the more classic and exclusive design, and it extends all the way through to the rear seat. Steering wheels enhance the luxury feeling inside the S80 with wood inlay steering wheel in the T4 and D4 while the DRIVe is equipped with leather-clad steering wheel.

The S80 comes with a new gear shift knob with better grip. The white decoration light enables it to illuminate in the dark. Drive modes are indicated directly on the top of the knob for driver to see easily.

Volvo Sensus - refined infotainment
Volvo Sensus is an excellent example of how Volvo Cars refines the driver environment. All information is presented on a seven-inch colour screen in the upper part of the centre stack. The screen is positioned high up to make it easy for the driver to keep his or hers eyes on the road while having easy access to important information. All the functions can be controlled via buttons built into the steering wheel or via touch buttons located just below the colour screen.

The Bluetooth connection has been upgraded to allow not only hands-free phone conversations but also music streaming from a preferred Bluetooth enabled portable music player.

ENGINEVolvo S80 offers three choices of engines that are energy saving and environmentally friendly with low emission.
· T4 GTDi: the 2-litre petrol engine with turbocharger produces as maximum 203 hp at 6,000rpm and maximum torque of 300Nm at 1,750-4,000 rpm. Equipped with the 6-speed Powershift transmission with Geartronic, the engine is very fuel saving with 12.05 km per litre consumption rate while emitting only 152 gm of carbon dioxide per kilometer.
· DRIVe: The FlexiFuel E85 five-cylinder 1.6-litre turbocharged engine produces a power output of 180 horsepower at 5,700 rpm and 240 Nm of torque at 1,600–5,000 rpm, Equipped with the 6-speed Powershift transmission with Geartronic for uncompromised driving pleasure. When operating on petrol, the fuel consumption rate is 13.5 km per litre and emits 136 gm of carbon dioxide per km. When filling up with E85 fuel, its fuel consumption rate is 9.9 km per litre and emits 131 gm of carbon dioxide per kilometer.
· D4: the diesel turbocharged engine is capable of running on B5 fuel. The 2-lt engine produces a power output of 163Hp at 3,500 rpm and torque of 400Nm at 1,500-2,750 rpm. It is mated to a six-speed Geartronic transmission for uncompromised driving pleasure. Fuel consumption rate is 16.6 km per litre and emits only 126 gm of carbon dioxide per kilometer.

SAFETY STRUCTURE
Strong body structure
The advanced front structure consists of deformation zones of different grades of steel, each one with a certain role in a collision. The structure is designed to help provide increased protection in a frontal collision. Side structures of different grades of steel and a number of tubes and members are all designed to "move" the body to the side, helping to reduce the risk of passenger compartment intrusion. For maximum protection, Volvo uses four grades steel to make the vehicle – High Strength Steel, Extra High Strength Steel and Ultra High Strength Steel.

Side Impact Protection System
Volvo's Side Impact Protection System helps absorb incoming collision forces in order to maintain adequate safety space for the passengers.

Advanced, integrated braking functions
· A highly advanced braking system is an important part of the dynamic driving properties of the S60. Volvo's new sports wagon is equipped with a number of features that interact to provide the shortest possible stopping distance in all scenarios.
· Ready Alert Brakes can predict when swift braking is needed. The brake callipers are applied lightly to the brake discs even before the driver presses the brake pedal.
· Hydraulic Brake Assist helps the driver brake in the shortest possible distance. In an emergency situation where the driver does not press the brake pedal fast or hard enough, Hydraulic Brake Assist can help utilise the ABS system optimally and thus shorten the overall braking distance.
· Optimized Hydraulic Brakes is a system that amplifies braking ability during firm braking by using hydraulics to compensate for low vacuum pressure in the brake servo.
· Fading Brake Support uses the hydraulic system to gradually build up brake pressure during long, hard braking. This helps reduce the risk of brake fade and maintains pedal feel.
· An electronic parking brake is fitted as standard.

PREVENTIVE SAFETY
Safer with 3 new technologies
1. Active High Beam – in T4 and D4 version
Active High Beam helps the driver utilize high beam more efficiently. It offers automatic switching between high and low beam at the right moment. Active High Beam is using forward looking camera located in the top middle of front windscreen to detect the headlights from vehicles in the front. Advanced image processing software analyses this data and provides information about the position and direction of other vehicles. The calculation serves as the basis for automatic switching between low and high beam. This gives the driver the best possible visibility at night.

The technology can be equipped with Active Bending Lights – swiveling headlamps that follow the sweeps and bends of the road. Visibility in poor conditions is also enhanced with the option of an electrically heated windscreen and a rain sensor, which automatically starts and regulates the wipers when it rains.

2. Tunnel Detection
Tunnel Detection will automatically turn on the headlights when the car enters into dark area or tunnel. The headlights will turn back to the setting it had before when the car passed the tunnel. Tunnel Detection uses special sensor located on the front windscreen. This does not only increase the visibility to the driver and other road neighbours during pass through the tunnel but also reduce risk that might occur due to rapidly change from bright to dark environment. Human eyes needs time to be adapted from bright to dark.

3. Road Sign Information – in T4 and D4 version
The Road Sign Information gives an extra “eye” on the traffic environment. It reminds the driver to respect traffic rules for safety and helps reduce risk of accident. The information flow in the traffic is high and it is sometimes difficult for driver to catch all information, especially in the distracting traffic situations.
Road Sign Information will assemble the most important road signs, prioritize the information and display in the combined meter. This will give the driver extra time to catch up on important sign on the road. The recognized signs detected by this technology must follow to the EU Standard.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:35:44 PM
Safety and Support
The Volvo S60 Model Year 2013 is designed for modern consumers with a full range of innovations and advanced technologies that help make driving and controlling a car an easy and safer task.

Collision Warning with Full Auto Brake and
Pedestrian Detection – in S model only

Designed for highway driving, Collision Warning with Full Auto Brake can sense and alerts the driver if the distance to a vehicle ahead suddenly decreases below 150 metres. The radar sensor on the front grille and digital sensor on the windshield will measure the distance to a vehicle ahead. If the car in front stops abruptly and the Collision Warning views that the accident is possible, it will beep and blink to alert the driver. The Auto Brake system's braking function prepares for heavy braking and brakes the car automatically (with up to 50% of the maximum braking power) if the driver has not reacted to the warning signal. The system will also automatically switch on hazard light to warn the car behind.
Pedestrian Detection is a groundbreaking technological solution. It can detect pedestrians who walk into the road in front of the car, warn the driver - and automatically apply full braking power if the driver does not respond in time.

The system consists of a newly developed radar unit integrated into the car's grille, a camera fitted in front of the interior rear-view mirror, and a central control unit. The radar has wider field of vision (60 degree) and its task is to detect any object in front of the car and to determine the distance to it. The camera determines what type of object it is or whether it is human being (with head, shoulders, arms, body and legs). This system is standard and is activated when the car travels at below 35 km/h speed.

In an emergency situation the driver first receives an audible warning combined with a flashing light in the windscreen's head-up display. At the same time, the car's brakes are pre-charged. If the driver does not react to the warning and an accident is imminent, full braking power is automatically applied.

City SafetyCity Safety – A collision avoidance technology which is standard equipped in Volvo cars.

At speeds up to 50 km/h, a collision can be avoided completely. The laser sensor embedded in the windshield will scan the area within 10 metre range in front of the car, sensing if vehicles ahead are moving slower or standing still. In a situation where the calculated braking force needed reaches a certain level, and the driver has not reacted, the City Safety function senses that a collision is imminent. Brake will be pre-charged to enable the driver to stop the car more effectively. If the driver does not react, the system will automatically brake. If the difference in speed between the vehicles is below 16 km/h, an accident can be avoided. However, if the difference in speed is higher, the consequences of the impending collision can be mitigated considerably because the system will intervene to reduce speed when the collision occurs.

Dynamic Stability & Traction Control (DSTC)
Volvo's Dynamic Stability and Traction Control system continuously registers the car's roll rate, making it possible to detect slowly building skids at an early stage. Generally, the system helps stabilise the car in evasive manoeuvres, particularly when the car is exposed to high lateral forces.

The Blind Spot Information System (BLIS) available in S80 is also designed to prevent and reduce risk of road accident. BLIS, activated when the car speed exceeds 10 km/h, comprises a camera that captures the traffic on the blind spots on the side and back of the car. When another car comes into the blind spot areas, the system will alert the driver by blinking the light on the side door window.

Distance Alert - in T4 and D4 version
Distance Alert helps drivers maintain distance between the car and the car in front even without using Cruise Control.

Driver Alert Control (DAC) - in T4 and D4 version
This world-first innovation in passenger cars monitors the car’s movements relative to the road and traffic, not only the driver’s personal driving behavior which, of course, varies from one driver to another, and thereby assesses whether the vehicle is being driven in a controlled or uncontrolled way. If the risk is assessed as high, the driver is alerted via an audible signal. In addition, a text message appears in the car’s information display, alerting him or her with a coffee cup symbol to take a break. The system steps in at 65 km/h and stays active as long as the speed exceeds 60 km/h and proves invaluable in combating driver fatigue on long distance or motorway journeys where concentration can easily reduce.

Lane Departure Warning (LDW) - in T4 and D4 version
Lane Departure Warning has been developed to help prevent single-vehicle road departure accidents as well as head-on collisions due to temporary distraction. LDW is activated via a button in the centre stack and it alerts the driver with a gentle warning sound if the car crosses one of the road markings without an obvious reason such as use of the turn indicator, or the positive turn of the steering wheel. The system also uses a camera to monitor the car’s position between the road markings. LDW steps in at 65 km/h and stays active as long as the speed exceeds 60 km/h. On US highways, single-vehicle road departures account for approximately one fourth of all accidents. Volvo Cars’ researchers estimate that the LDW system can help prevent 30 to 40 percent of these types of accidents at speeds between 70 and 100 km/h.

Adaptive Cruise Control with Queue Assist - in T4 and D4 version
The Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert system helps adjust the car speed to match with the current traffic and distance from the lead vehicle at below 30km/h speed as well as automatically stops and moves the car to the traffic move. Distance Alert is activated at all speed level up to 200 km/h will light up the signal on the Head-Up display when the distance to the lead vehicle is shorter than the chosen. When travelling at higher than 30 km/h speed, the driver can set the desired speed and the shortest time to reach the lead vehicle and the system will automatically reduce the car speed when it approaches the vehicle in front too fast.

The Active Bending Light provides better vision as the light bends according to the steering position.

PROTECTIVE SAFETY
Volvo Cars is known for its legendary holistic approach to safety and this encompasses both preventive and protective safety and personal security.

Protective safety in Volvo S80 is structured in the form of a network of exterior and interior safety systems that interact in a cohesive concert of technology to reduce the risk of occupant injury in the event of a collision. The exterior systems have the task of distributing and absorbing incoming collision forces so that the passenger space is preserved as intact as possible.

The purpose of the interior safety systems is to keep the passengers securely in place and to minimise the risk of serious injuries. To accomplish this and provide the most effective protection possible, Volvo Cars has developed a number of unique systems. A new type of side-impact airbag makes Volvo’s patented SIPS (Side Impact Protection System) even more effective. The new side-impact airbags feature two separate inflation chambers. The side-impact airbags interact with the inflatable curtains (IC) and the body’s network of beams to protect as effectively as possible.

All five seats are equipped with three-point inertia reel safety belts, belt pre-tensioners and head restraints. The highest possible safety requires that all occupants always use their safety belts.

Whiplash Protection System (WHIPS)
Volvo’s system for avoiding neck injuries – WHIPS (Whiplash Protection System) – is one of the most effective on the market. In the event of a severe impact from the rear, the front seat backrest and head restraint move together with the occupant’s body, thus damping its movement much like the way the arms move rearward when catching a ball. In the latest generation of WHIPS, the system’s function has been further developed to provide an even smoother “catching” motion.

SECURITY
The award-winning Personal Car Communicator (PCC) which is an advanced control centre in pocket format. At the touch of a button, the car owner can instantly find out whether the car is locked or unlocked; whether the alarm has been activated or even if there is an intruder inside the car or not through a heartbeat sensor. And it is possible to check at any time and from anywhere if the PCC is within the range of 60-100 metres.

GREEN VEHICLE
With commitment to the better world and living, Volvo has continuously developed its vehicles and state-of-the-art technology that create the least possible impact on the environment

DRIVe – Volvo’s attempt to cut CO2 emission
The S80 DRIVe Model Year 2013 is a work under DRIVe program. The program looks into the entire process, from design to research, development, performance and ability to recycle parts at the end of vehicle life. This attempt leads to the development of no-emission vehicles and interesting technologies, including FlexiFuel and alternative fuel, aerodynamic design that effectively reduces friction for improved fuel efficiency, and new technologies for clean air in the passenger cabin.

In Thailand, Volvo cars which are powered by the innovative E85 engine under DRIVe programme have passed the test by Thailand Industrial Standard Institute (TISI) with extremely low emission, which is approximately 70% better than TISI standard.

The Environment & Air Quality
The Volvo S80 is built and equipped to impact as little as possible on the global environment and to provide a clean and healthy in-car environment. Petrol FFV engines with low internal friction, efficient combustion and advanced exhaust filtration techniques all help produce low emission levels and energy-efficient diesel engines produce low emissions of carbon dioxide and particulates meaning this car is already beyond the proposed Euro V standard.

The engines in the Volvo S80 can be optionally specified with a catalytic radiator coating known as PremAir®. This system converts harmful ground-level ozone into pure oxygen as the car is driven. Its benefit is greatest in dense traffic and strong sunlight.

Volvo IAQS (Interior Air Quality System) effectively reduces the amount of particles, pollen, gases and certain unpleasant odours in the air that enters the passenger compartment. All the interior fabrics and leather used in the upholstery are certified according to ÖKO-TEX 100, an international standard that guarantees that the interior is free from allergenic and hazardous substances. The climate unit can also be supplemented with the Clean Zone Interior Package (CZIP), an advanced system that provides healthier air quality inside the passenger compartment (approved by the Swedish Association against Asthma & Allergy).
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:36:57 PM
เชฟโรเลตเผยโฉมยานยนต์รุ่นล่าสุด ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30


 
          พบกับรถยนต์ต้นแบบเครื่องยนต์ V8 “เอสเอส คอนเซปต์”
          เปิดตัวรถกระบะโคโลราโดรุ่นล่าสุด มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์อันทรงพลัง และสีส้มใหม่ “ออเรนจ์ ร็อค”
          เพิ่มสมรรถนะและคุณสมบัติใหม่กับ เทรลเบลเซอร์

          บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สู่วงการยานยนต์ เตรียมพบกับรถกระบะขนาดกลาง เชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขุมพลังดูราแม็กซ์ เทอร์โบดีเซล เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ เสริมคุณสมบัติใหม่อีกมากมาย ที่งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป
          นอกจากรถกระบะอันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้แล้ว เชฟโรเลตยังแนะนำรถยนต์เอนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์ รุ่นล่าสุด ที่ใช้เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่เช่นกัน ทั้งยังครบเครื่องด้วยอุปกรณ์อย่างกล้องมองหลังและระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทดลองใช้งานจริงภายในบูธอีกด้วย
          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรงแบบคลาสสิกสไตล์มัสเซิลคาร์ขนานแท้ พลาดไม่ได้กับรถยนต์ต้นแบบ เอส-เอส คอนเซปต์ ซึ่งเป็นมัสเซิลคาร์ 4 ประตู เครื่องยนต์ V8 รุ่นแรกของเชฟโรเลตนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 ซึ่งจะนำมาจัดแสดงภายในงานเพื่อวัดระดับความสนใจในตลาดรถยนต์เมืองไทย
          “พวกเราทุกคนที่เชฟโรเลตยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อวงการยานยนต์อยู่เสมอ” มร. กุสตาโว โคลอซซี รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และการบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย และ เจนเนอรัล มอเตอร์ส เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “สิ่งใดที่ดีอยู่แล้ว เราก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่นเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นขุมพลังของรถยนต์รุ่นโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ นอกจากนี้ ทีมงานของเชฟโรเลตยังทุ่มเทแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ในการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่น ดังจะเห็นได้จากรถยนต์ต้นแบบ เอสเอส คอนเซปต์ ที่นำมาจัดแสดงในปีนี้”
          “เรายังมีเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในทุกประสบการณ์การขับขี่ ดังจะเห็นได้จากระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ สรุปแล้วก็คือ แก่นแท้ของเชฟโรเลต การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้อย่างดีที่สุดครับ” มร. โคลอซซีกล่าวเสริม
          เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่
          รถกระบะมิดไซส์ เชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นปี 2014 มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ดูราแม็กซ์ รุ่นล่าสุด ระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือแม้แต่สีตัวถังใหม่ “ออเรนจ์ ร็อค” โดยผู้สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้
          สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ดูราแม็กซ์ รุ่นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาให้มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อรองรับสมรรถนะที่สูงกว่าเดิม โดยสำหรับรุ่น 2.8 ลิตรนั้น มีพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า (147 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ทำให้เชฟโรเลต โคโลราโด เป็นหนึ่งในรถปิคอัพขนาดกลางที่ทรงพลังที่สุด ด้วยอัตราส่วนแรงบิดที่สูงถึง 178 นิวตันเมตรต่อลิตร ด้วยเครื่องยนต์ใหม่นี้ ทำให้โคโลราโดมีอัตราเร่งและสมรรถนะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเสริมให้สามารถลากจูงหรือบรรทุกสินค้าได้มากขึ้นอีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์รุ่น 2.5 ลิตรนั้น มีพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
          เชฟโรเลต โคโลราโด ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ได้รับการปรับแต่งอัตราทดเกียร์ให้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันสูงสุด ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็คุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยระบบแสดงผล Display Information Cluster (DIC) ที่นำเสนอข้อมูลต่างๆ อย่างครบครันเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้น้ำมันได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และตระหนักถึงพฤติกรรมในการขับขี่ของตนเองอีกด้วย
          ส่วนระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความเพลิดเพลินในยามขับขี่ และสำหรับโคโลราโดรุ่น LTZ1 มีระบบนำทางผ่านดาวเทียมติดตั้งเพิ่มมาให้อีกด้วย นอกจากนี้ ระบบมายลิงค์ จะช่วยให้รถยนต์เชฟโรเลตสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บนเครื่องโทรศัพท์ได้อย่างสะดวกสบาย โดยหน้าจอทัชสกรีนความละเอียดสูง สีสันสดใส ขนาด 7 นิ้วของมายลิงค์ สามารถแสดงภาพได้ทั้งปกอัลบั้มเพลง วิดีโอ ภาพถ่าย หรือแม้แต่ภาพยนตร์ DVD โดยที่ผู้ใช้สามารถเลือกฟังเพลงจากเพลย์ลิสท์ส่วนตัว สนทนาทางโทรศัพท์แบบแฮนด์สฟรี และใช้ฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกมากมาย สำหรับราคาเชฟโรเลต โคโลราโดในประเทศไทย อยู่ระหว่าง 570,000 บาทถึง 998,000 บาท.
          เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์
          อีกหนึ่งไฮไลท์ของเชฟโรเลตที่โดดเด่นที่สุดในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 นี้ คือรถยนต์ต้นแบบ เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์ ซึ่งเป็นรถซีดานประสิทธิภาพสูง เครื่องยนต์ V8 แบบขับเคลื่อนล้อหลังคันแรกที่เชฟโรเลตได้พัฒนาขึ้นนับตั้งแต่ปี 2539 รถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาให้มีสมรรถนะสูงสุดทั้งบนถนนและในสนามแข่ง โดยมีรากฐานการพัฒนามาจากรถยนต์ วีเอฟ คอมโมดอร์ และผลิตขึ้นโดยโรงงานของ จีเอ็ม โฮลเด้น ที่เมืองเอลิซาเบธ ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย
          รูปลักษณ์ภายนอกของ เอสเอส คอนเซปต์ มาในมาดคมเข้มและลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทั้งยังเท่เตะตาด้วยสีส้มเมทัลลิกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถต้นแบบรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตัดกับล้อแม็กสีดำวาววับอย่างชัดเจน
          เมื่อสัมผัสกับแสงไฟแล้ว รถต้นแบบคันนี้ก็จะเผยให้เห็นถึงพื้นผิวตัวถังที่ออกแบบมาอย่างละเอียดอ่อนและซับซ้อน จนออกมาเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์สปอร์ต ที่สอดรับกับรูปทรงตัวถังแบบรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังได้เป็นอย่างดี ล้อแม็กทรง 5 แฉกสีดำสนิทนั้น เป็นงานขึ้นรูปโดยช่างผู้ชำนาญการที่โดดเด่นด้วยการเคลือบผิวแบบพิเศษเฉพาะตัว ส่วนผิวสีเทาวาววับของกระจังหน้าและคิ้วล้อก็เสริมให้ เอสเอส คอนเซปต์ มีบุคลิกที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น
          เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์ พัฒนาขึ้นโดยมีรากฐานมาจากแพลตฟอร์มยานยนต์ประสิทธิภาพสูงแบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ใช้ในการพัฒนารุ่นคามาโรมาแล้ว และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.0 ลิตร แบบวาล์วเหนือสูบ (OHV) วัสดุอัลลอยทั้งบล็อก มีพละกำลังสูงสุด 362 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที นอกจากนี้ เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังมี ฝาเสื้อสูบแบบ Cross Flow และเซ็นเซอร์น็อคแบบคู่ และระบบตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานในตัวอีกด้วย
          ส่วนตัวถังแบบสปอร์ต ก็มาพร้อมกับช่วงล่างแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัทด้านหน้า และช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ซึ่งทำให้ เอสเอส คอนเซปต์ สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ด้วยการกระจายน้ำหนักในอัตราส่วนราว 50/50 และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ส่วนระบบเบรกของเบรมโบ ก็สามารถหยุดมัสเซิลคาร์ตัวแรงคันนี้ได้อย่างง่ายดาย
          เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ใหม่
          รถยนต์เอนกประสงค์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นใหม่ ได้รับการเสริมสมรรถนะด้วยขุมพลังดูราแม็กซ์ รุ่นล่าสุดและคุณสมบัติใหม่อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ด้วยเช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้เทรลเบลเซอร์เป็นรถยนต์สารพัดประโยชน์สำหรับทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง และถือเป็นการยกระดับคุณภาพในตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ของเมืองไทยขึ้นไปอีกระดับ
          เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ของเทรลเบลเซอร์มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรองรับสมรรถนะที่สูงกว่าเดิม โดยส่วนประกอบภายในจำนวนมากได้รับการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้ทนทานเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ทีมวิศวกรระบบส่งกำลังของจีเอ็มได้เลือกที่จะเน้นพัฒนาสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์รุ่นนี้ โดยไม่ต้องขยายความจุของตัวเครื่องแต่อย่างใด
          รถเอนกประสงค์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ทุกรุ่น มีระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ติดตั้งมาให้ในตัว โดยที่รุ่นท็อปอย่าง LTZ1 จะมีระบบมายลิงค์แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบไปด้วยลำโพง 9 ตัว จอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว และระบบนำทางผ่านดาวเทียม พร้อมฟังก์ชันแสดงผลปกอัลบั้มเพลง วิดีโอ ภาพถ่าย และภาพยนตร์ DVD นอกจากนี้ เทรลเบลเซอร์ LTZ1 ยังสามารถใช้จอมายลิงค์เป็นจอแสดงภาพจากกล้องมองหลังได้อีกด้วย สำหรับราคาเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ในประเทศไทย อยู่ระหว่าง 1,095,000.00 บาทถึง 1,465,000 บาท
          ไฮไลท์อื่นๆ ในงาน
          นอกเหนือจากรถยนต์และเทคโนโลยีล่าสุดเหล่านี้ เชฟโรเลตก็ยังมีรถยนต์รุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นซับคอมแพกต์ซีดานและแฮทช์แบ็ครุ่น โซนิค รถเอนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่น สปิน รถซีดาน ครูซ และรถเอนกประสงค์ แคปติวา
          ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมบูธเชฟโรเลตภายในงานยังจะมีโอกาสได้สัมผัสกับประสบการณ์ มายลิงค์ ซิมูเลเตอร์ ซึ่งจะช่วยตอกย้ำถึงความสะดวกสบายและผู้ขับขี่จะได้รับเมื่อใช้ระบบมายลิงค์ ในรถยนต์เชฟโรเลตรุ่นต่างๆ ส่วนท่านที่มีความสนใจในด้านเทคนิค ก็สามารถค้นหารายละเอียดแบบเจาะลึกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ได้ ในนิทรรศการพิเศษที่จัดแสดงชิ้นส่วนต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้สูงขึ้น คลอไปกับดนตรีสดในสไตล์นิวฟังค์แจ๊ซ
          ทั้งนี้ ท่านจะได้พบกับข้อเสนอพิเศษมากมายภายในบูธเชฟโรเลต ดังนี้
          เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ผ่อนเริ่มต้น 8,880 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          เชฟโรเลต แคปติวา ผ่อนเริ่มต้น 9,990 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          เชฟโรเลต โคโลราโด ผ่อน 0% นาน 48 เดือน
          เชฟโรเลต ครูซ ฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปีเต็ม พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          จองเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ หรือ เชฟโรเลต แคปติวา รับฟรีซัมซุง แกแล็กซี่ โน้ต 8.0

          พบกับเชฟโรเลตได้ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 ได้ที่บูธหมายเลข A12 แชลเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี โดยงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป จะจัดขึ้นที่อาคารอิมแพกต์ แชลเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:37:25 PM
Chevrolet Showcases Ingenuity, Passion and Evolution at 30th Thailand International Motor Expo



          Showcases V8-powered Chevrolet SS Concept
          Launches new, class-leading Colorado midsize pickup truck with efficient new Duramax engine and ‘Orange rock’ paint job
          New Trailblazer with several new features launched

          Chevrolet Sales Thailand’s (Chevrolet) booth at the 30th Thailand International Motor Expo will be showcasing products and technologies that underline the automaker’s constantly evolving products, passion and ingenuity. Leading the show will be the much-anticipated launch of one of Chevrolet’s iconic midsize Colorado pickup truck which now comes with a more powerful Duramax turbo-diesel engine and other enhancements.
          In addition to this, the new Chevrolet Trailblazer will also makes its debut at this years Motor Expo. The Trailblazer now comes with the new Duramax engine along with new features like a reversing camera and MyLink Infotainment system.
          Also taking to the stage is the Chevrolet SS Concept, Chevrolet’s first four-door V8 muscle car since 1996. Yet to go on sale in Thailand and the rest of the region, Chevrolet is using the Motor Expo to evaluate response to its latest muscle car. Visitors to Chevrolet’s booth will also have hands-on opportunities to learn what MyLink is all about.
          Speaking at Chevrolet’s booth presentation, Mr. Gustavo Colossi, Vice President of Sales, Marketing and Aftersales, Chevrolet Sales Thailand and General Motors SEA Operations said, “At Chevrolet, we continue to evolve and change. We continue to make good things better such as the new Duramax engine, which now powers the new Colorado and Trailblazer. We also inject a lot of passion into our products. Look no further than the Chevrolet SS Concept in front of you.”
          “We are also constantly coming up with ingenious solutions that make life behind the wheel more enjoyable. Solutions such as the MyLink infotainment system. In short, this is what Chevrolet is about – building a strong brand and products that connect with customers everywhere,” he continued.

New Chevrolet Colorado
The new, 2014 Chevrolet Colorado midsize pickup truck comes with a several new features like the new Duramax diesel engine, the MyLink infotainment system, a new six-speed manual transmission and a new body color, ‘Orange Rock’ is also available now.

GM’s new Duramax diesel-turbo powertrain is built stronger to handle the increased outputs. The 2.8L variant now produces 200 hp (147 kW) of power at 3600 rpm and 500 Nm of torque at 2,000 rpm, making the Colorado one of the most powerful in its class. Equivalent to 178 Nm-per-liter, the new engine will improve the Colorado’s acceleration and linear performance, and enhance the vehicle's towing and payload capacity. The 2.5L variant now produces 163 hp (120 kW) at 3600 rpm and 380 Nm of torque at 2000 rpm.

Both variants of the Colorado will come with new six-speed manual transmissions with retuned ratios to take advantage of the new Duramax's characteristics, for the best combination of performance and economy. Inside, the truck features an enhanced Display Information Cluster (DIC) with additional displays that encourages the driver to be more fuel conscious and monitor their driving habits.

Chevrolet’s MyLink infotainment system is a part of the automaker’s continued efforts to make driving more enjoyable. The LTZ1 version of the Colorado will also come with Satellite Navigation system. MyLink offers new levels of convenience and flexibility by bringing smartphone capabilities into the vehicle. It aggregates content from the smartphone onto the seven-inch, high resolution, full-color touch-screen display. MyLink is capable of displaying album art, videos, pictures and DVD playback. Users can access personal playlists and make hands-free voice calls, amongst other functions. The new Chevrolet Colorado is priced between Bt 570,000 to Bt 998,000.

Chevrolet SS Concept
On display at the 30th Thailand International Motor Expo is the stunning Chevrolet SS Concept. It is Chevrolet’s first V8, rear-wheel-drive performance sedan since 1996 and is designed to deliver performance on the street and on the track. The Chevrolet SS Concept is based on the new VF Commodore and manufactured at GM Holden’s plant in Elizabeth, South Australia.

The SS Concept has a mature, aerodynamic exterior design, which has been finished in eye-catching custom Fantale orange metallic paint specially created by Chevrolet for the show car. It’s muscular design is enhanced with a bespoke paint job and well contrasted against glossy black multi-spoke wheels.

Under spotlights, the show car’s glowing finish emphasises the more sculpted, layered surfacing and bolder graphics that give the Chevrolet SS a powerfully different sports design character and complement its classic rear drive performance car proportion. The gloss black paint on the hand-machined double five-spoke wheels is a custom finish, while the cool gunmetal chrome detailing on the front fascia and the vertical fender add a touch of luxury.
The Chevrolet SS Concept is based on the proven, race-tested, global rear-wheel drive platform of the Camaro and is powered by a Generation IV 90-degree 6.0L all-alloy OHV (Overhead Valve) V8. The engine produces 362 hp (279 kW) at 5,600 rpm and 530 Nm at 4,400 rpm. It also features cross-flow cylinder heads, twin knock sensors and on-board diagnostics.

A sport-tuned chassis, featuring MacPherson struts at the front and multilink independent suspension at the rear, ensures the SS corners well. Handling is also helped by a near 50/50 weight distribution, and a low center of gravity. Brembo brakes provide the SS with stopping power.

New Chevrolet Trailblazer
The new Trailblazer SUV, now comes with a new and more powerful Duramax engines in addition to other improvements. Apart from a new powertrain, the new Trailblazer will also be equipped with Chevrolet's MyLink in-car infotainment system. These improvements further underline the Trailblazer's 'Go Anywhere' concept and raises the bar for SUV’s in the market.

The new Duramax engine has been made stronger to handle the increased outputs, and certain elements have been redesigned to enhance durability and further improve overall quality. Instead of increasing capacity to enhance performance, GM powertrain engineers focused on improving efficiency and performance within the same capacities.

All versions of the Trailblazer will now get the MyLink infortainment syste, while the top-of-the-range Trailblazer LTZ1 is equipped with Chevrolet's latest generation MyLink infotainment system. It features nine speakers, a 6.5-inch touch-screen and built-in satellite navigation. The system is capable of displaying album art, videos, pictures and DVD playback. Since the LTZ1 is also equipped with a reverse camera, the 6.5-inch screen also doubles as the display when the reverse camera is in use. Prices for the Trailblazer in Thailand will range from Bt 1,095,000 to Bt1,465,000.

Also at the show
In addition to new vehicles and technologies, Chevrolet will also display its complete product portfolio and this includes the Sonic sub-compact sedan and hatchback, Spin compact MPV, Cruze sedan and the Captiva SUV.

Visitors to the Chevrolet booth will also have the opportunity to experience a MyLink Simulator, which shows how Chevrolets advanced new infotainment system benefits the driver. For those with a more mechanical interest, on display will be the new Duramax exhibition, which will show visitors each of the major upgraded parts in the new Duramax engine. In addition to this, the Chevrolet booth with have the NU Funk Jazz Band to entertain visitors at the booth.

Special sales promotions at the Chevrolet booth will include
· Chevrolet Trailblazer – installment payment starts from THB 8,880 with first-class insurance
· Chevrolet Captiva – installment payment starts from THB 9,990 with first-class insurance
· Chevrolet Colorado – 0% installment payment up to 48 months
· Chevrolet Cruze – 5-year free maintenance plus free first-class insurance
· Customers booking Chevrolet Trailblazer and Captiva will get free– Samsung Galaxy note 8.0.

Chevrolet’s booth is located at A12 at Challenger Hall, at Muang Thong Thani. The 30th Thailand International Motor Expo is held at IMPACT Challenger 1-3, Muang Thong Thani, Nontaburi and is open to the public from November 30 – December 10, 2013.

          For more information please visit www.chevrolet.co.th, http://media.gm.com/ or www.facebook.com/chevyclub
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:38:21 PM
เชฟโรเลตโชว์รถต้นแบบ “เอสเอส” ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013


 
          รถซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง เครื่องยนต์ V8 รุ่นแรกของเชฟโรเลต นับตั้งแต่ปี 2539
          ผสมผสานสมรรถนะของรถแข่ง V8 พันธุ์แท้ และความสะดวกสบายของรถยนต์นั่ง 4 ประตู
          พัฒนาจากต้นตระกูลมัสเซิลคาร์ระดับตำนานของเชฟโรเลต

          เชฟโรเลตเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบตัวแรงรุ่นล่าสุด เอสเอส ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 โดย เอสเอส คอนเซปต์ เป็นรถซีดานสมรรถนะสูงแบบขับเคลื่อนล้อหลัง เครื่องยนต์ V8 รุ่นแรกของเชฟโรเลตนับตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา และได้รับการออกแบบมาเพื่อผสมผสานสมรรถนะที่ลงตัวทั้งในสนามแข่งและการใช้งานทั่วไป เอสเอส คอนเซปต์ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยมีรถยนต์ โฮลเดน วีเอฟ คอมโมดอร์ เป็นพื้นฐาน และผลิตขึ้นที่โรงงานของจีเอ็ม โฮลเดน ในเมืองเอลิซาเบธ ทางใต้ของออสเตรเลีย
          รูปลักษณ์ภายนอกของ เอสเอส คอนเซปต์ มาในมาดคมเข้มและลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทั้งยังเท่เตะตาด้วยสีส้มเมทัลลิกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถต้นแบบรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตัดกับล้อแม็กสีดำวาววับอย่างชัดเจน
          เมื่อสัมผัสกับแสงไฟแล้ว รถต้นแบบคันนี้ก็จะเผยให้เห็นถึงพื้นผิวตัวถังที่ออกแบบมาอย่างละเอียดอ่อนและซับซ้อน จนออกมาเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์สปอร์ต ที่สอดรับกับรูปทรงตัวถังแบบรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังได้เป็นอย่างดี ล้อแม็กทรง 5 แฉกสีดำสนิทนั้น เป็นงานขึ้นรูปโดยช่างผู้ชำนาญการที่โดดเด่นด้วยการเคลือบผิวแบบพิเศษเฉพาะตัว ส่วนผิวสีเทาวาววับของกระจังหน้าและคิ้วล้อก็เสริมให้ เอสเอส คอนเซปต์ มีบุคลิกที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น
          เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์ พัฒนาขึ้นโดยมีรากฐานมาจากแพลตฟอร์มยานยนต์ประสิทธิภาพสูงแบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ใช้ในการพัฒนารุ่นคามาโรมาแล้ว และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.0 ลิตร แบบวาล์วเหนือสูบ (OHV) วัสดุอัลลอยทั้งบล็อก มีพละกำลังสูงสุด 362 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที นอกจากนี้ เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังมี ฝาเสื้อสูบแบบ Cross Flow และเซ็นเซอร์น็อคแบบคู่ และระบบวิเคราะห์การทำงาน On-board diagnostics.
          ส่วนตัวถังแบบสปอร์ต ก็มาพร้อมกับช่วงล่างแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัทด้านหน้า และช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ซึ่งทำให้ เอสเอส คอนเซปต์ สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ด้วยการกระจายน้ำหนักในอัตราส่วนราว 50/50 และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำได้ด้วยฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้ายอะลูมินัม ซึ่งน้ำหนักน้อยกว่าเหล็กทั่วไป 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนระบบเบรกของเบรมโบ ก็สามารถหยุดมัสเซิลคาร์ตัวแรงคันนี้ได้อย่างง่ายดาย
          รถยนต์ต้นแบบ เชฟโรเลต เอสเอส ได้ปรากฎโฉมต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกที่สนามแข่งรถ เดย์โทนา อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ โดยลงแข่งขันนาสคาร์ในรายการเดย์โทนา 500 พร้อมกับระบบพวงมาลัยที่ตอบสนองต่อทุกการขับขี่ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ไวจนเกินไป เข้าคู่กับระบบเบรกจากเบรมโบ (มีจานเบรกแบบระบายความร้อนที่ล้อหน้า) ได้เป็นอย่างดี ส่วนล้ออลูมิเนียมขนาด 20 x 8.5นิ้ว พร้อมด้วยยาง 245/35ZR20 คู่หน้า และล้อขนาด 20 x 9.0 นิ้ว พร้อมยาง 275/30ZR20 คู่หลัง ก็ยึดเกาะพื้นถนนได้อย่างหาตัวจับยาก
          ห้องโดยสารของเชฟโรเลต เอสเอส เป็นผลงานการออกแบบสุดหรูที่ใช้วัสดุอย่างผ้ากำมะหยี่ โลหะชุบโครเมียม พื้นผิวสีดำวาววับ และหนังแท้แต่งตะเข็บ จนออกมาเป็นห้องโดยสารระดับพรีเมียมที่เติมสีสันด้วยแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็นผ้าเบาะลายคาร์บอนไฟเบอร์ หรือคอนโซลและพวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนัง ด้วยโทนสีแนวมืดขรึมและนุ่มนวล ห้องโดยสารของเอสเอส คอนเซปต์ จึงให้ความรู้สึกหรูหราสปอร์ต โดยผสมผสานวัสดุชั้นเยี่ยม งานฝีมือสุดประณีต และความสะดวกสบายเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
          ล้อคู่หลังของเอสเอส คอนเซปต์ มีระยะห่างระหว่างกันกว้างกว่าคู่หน้า จึงทำให้ซีดาน V8 คันนี้มีมาดของรถสปอร์ตสุดแกร่งอย่างเต็มตัว ส่วนพื้นที่ภายในห้องโดยสารก็กว้างขวางเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 5 คน ด้วยพื้นที่วางขาที่กว้างถึง 107 เซนติเมตรที่เบาะหน้า และ 99 เซนติเมตรที่เบาะหลัง ทั้งยังครบด้วยอุปกรณ์พิเศษมากมาย นับตั้งแต่เบาะสไตล์ bucket seat พร้อมระบบไฟฟ้าปรับตำแหน่ง 8 ทิศทาง ชุดเครื่องเสียงโบสพร้อมลำโพง 9 ตัว จอแสดงข้อมูลสีสันสดใส และคอนโซลกลางที่อัดแน่นไปด้วยระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ฟังก์ชันควบคุมเครื่องปรับอากาศ และอื่นๆ อีกมากมาย
          ส่วนในด้านความปลอดภัย เอสเอส คอนเซปต์ ก็ขนมาครบชุด ทั้งระบบ StabiliTrak ที่ช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบเตือนการชนด้านหน้า สัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน สัญญาณเตือนมุมบอดด้านข้าง กล้องมองหลัง และระบบตรวจจับรถด้านหลัง นอกจากนี้ รถต้นแบบคันนี้ยังมีระบบ Automatic Parking Assist ที่สามารถจอดรถได้โดยอัตโนมัติด้วยการอ่านความลึกและความกว้างของช่องจอดโดยใช้เซนเซอร์เทคโนโลยีอัลตราโซนิค
          ทั้งนี้ เชฟโรเลตยังไม่ได้ทำการตั้งราคาหรือกำหนดเวลาจำหน่ายของรถยนต์ เอสเอส คอนเซปต์ แต่อย่างใด โดยบริษัทมีความตั้งใจที่จะนำเอาเสียงตอบรับจากลูกค้าชาวไทยที่แวะมาเยี่ยมชมบูธในงานเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทำตลาดรถสปอร์ตรุ่นนี้ในประเทศไทย
          สำหรับข้อมูลหรือรูปภาพเพิ่มเติม www.media.gm.com หรือ www.chevrolet.co.th
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:39:13 PM
Chevrolet Brings SS Concept to Motor Expo 2013


 
          Chevrolet’s first V8 rear-wheel-drive performance sedan since 1996
          A marriage between racetrack V8 performance and four-door practicality
          Born from a long heritage of iconic Chevrolet muscle cars

          On display at the Chevrolet booth at the 30th Thailand International Motor Expo 2013 is a Chevrolet SS Concept. It is Chevrolet’s first V8, rear-wheel-drive performance sedan since 1996 and is designed to deliver performance on the street and on the track. The Chevrolet SS Concept is based on the new VF Commodore and manufactured at GM Holden’s plant in Elizabeth, South Australia.
          The Chevrolet SS has a mature, aerodynamic exterior design, which has been finished in eye-catching custom Kandy Fantale orange metallic paint job specially created for the show car. Its muscular design is enhanced with a bespoke paint job and well contrasted against glossy black multi-spoke wheels.
          Under spotlights, the show car’s glowing finish emphasizes the more sculpted, layered surfacing and bolder graphics that give the Chevrolet SS a powerfully different sports design character and complement its classic rear drive performance car proportion. The gloss black paint on the hand-machined double five-spoke wheels is a custom finish, while the cool gunmetal chrome detailing on the front fascia and the vertical fender add a touch of luxury.
          The Chevrolet SS shares the same proven, race-tested, global rear-wheel drive platform as the Camaro and is powered by a Generation IV 90-degree 6.0L all-alloy OHV (Overhead Valve) V8. The engine produces 362 hp (270 kW) at 5,600 rpm and 530 Nm at 4,400 rpm. It also features cross-flow cylinder heads, twin knock sensors and on-board diagnostics.
          A sport-tuned chassis, featuring MacPherson struts at the front and multilink independent suspension at the rear, ensures the SS corners well. Handling is also helped by a near 50/50 weight distribution, and a low center of gravity. A low center of gravity – made possible in part by the aluminum bonnet and boot lid that are 30 percent lighter than traditional steel panels. Brembo brakes provide the SS with impressive stopping power.
          The Chevrolet SS debuted at the Daytona International Speedway, as the Chevrolet SS racecar made its NASCAR debut during the Daytona 500. Steering response has been tuned to be communicative without being overly sensitive, while Brembo brakes (ventilated at the front) provide the stopping power. Forged aluminum 20 x 8.5-inch wheels with 245/35ZR20 tires in front and 20 x 9.0-inch wheels with 275/30ZR20 tires at the rear help keep the SS glued to the road.
          Inside, the SS benefits from a sleek interior design layered with up-scale finishes of suede, galvano chrome, gloss black and perforated leather with accent stitching. The result is a premium-grade cabin detailed with motorsport-inspired touches including carbon fiber look cross-car applique, stitched leather instrument binnacle and sports profile leather steering wheel. The interior theme is well-appointed sport luxury: dark-toned, subtle and sophisticated. This is a carefully considered ergonomic design, defined by the use of high-quality materials, careful tailoring, craftsmanship and comfort.
          The staggered front and rear wheels, which are pushed out to the corners, enhance the sporting, muscular stance of the SS while the spacious interior comfortably accommodates five adults, with 107 cm of front legroom, and 99 cm of rear legroom. Some of the interior features include eight-way power adjustable front bucket seats, Bose nine-speaker sound system, color heads-up display and an integrated center stack with MyLink infotainment, climate and other vehicle controls.
          Active safety features come in the form of StabiliTrak Electronic Stability Control, Forward Collision Alert, Lane Departure Warning, Side Blind Zone Alert and Rear-vision camera Rear Cross Traffic Alert. The Chevrolet SS also comes with Automatic Parking Assist, which provides hands-free parking using ultrasonic sensing system to detect the width and depth of either parallel or reverse right-angle parking spaces. The driver controls the throttle, transmission, and brake, and the system controls steering inputs.
          No price and availability details are set for the SS at this point. Chevrolet Thailand plans to study the possibility of selling the SS in Thailand based on the response from the Thai customers who come to visit the show.

For more information please visit www.chevrolet.co.th, http://media.gm.com/ or www.facebook.com/chevyclub
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:40:18 PM
ปอร์เช่ขนทัพรถหรูร่วมโชว์ในงานมหกรรมยานยนต์ 2013


 
          บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) เพื่อเป็นการประกาศและตอกย้ำความเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยภายในงานท่านจะมีโอกาสได้สัมผัสสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลกอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย ปอร์เช่ เคย์แมน ใหม่ (The new Cayman) รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง 2 ที่นั่งเปิดประทุน , บ็อกซ์เตอร์ใหม่ (The new Boxster) รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง, 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) รถสปอร์ตที่เป็นตำนานของปอร์เช่, 911 50 ปี (911 50 Years Edition) รุ่นเฉลิมฉลองที่ครองใจคนรักรถสปอร์ตมายาวนานถึง 50 ปี, คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) รถสปอร์ตเอนกประสงค์ SUV และรุ่นที่เพิ่งได้รับการเปิดตัว ซึ่งมาพร้อมกับ ความประหยัดที่สุด คุ้มค่าที่สุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด อีกทั้งเป็นรถยนต์ที่มีระบบไฮบริดแบบ Plug-in คันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู นั่นคือ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid)

          เอเอเอสฯ ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความมั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันที่ทางเอเอเอสฯ นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ผ่านการทดสอบโฮโมโลเกชั่น (Homologation) ของประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและครบทุกกระบวนการที่จำเป็นและสำคัญสำหรับการนำมาใช้งานในประเทศไทย ระบบจัดการของเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกฎระเบียบและสภาพ ภูมิประเทศของประเทศไทยอย่างดีที่สุด รวมถึงยังมีศูนย์บริการของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้มาตรฐานตามโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีกำหนดไว้ พร้อมทั้งมีทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานโดยตรง พร้อมให้การดูแลและบริการรถยนต์ปอร์เช่ของท่าน โดยลูกค้าสามารถมั่นใจในบริการที่จะได้รับ หากซื้อรถยนต์กับทางเอเอเอสฯ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการบริการหลังการขายที่ได้คุณภาพโดยตรงจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนี ราคาที่เสียภาษีนำเข้ารถยนต์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และคุณภาพของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงเท่านั้นทางเอเอเอสฯ ยังได้จัดแคมเปญสุดพิเศษมามอบให้ท่านลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์ปอร์เช่ภายในงานนี้

          รับฟรีไมล์สะสมบินทั่วโลก 100,000 ไมล์
          คุ้มค่าที่สุดด้วยบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 100,000 บาท
          การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนีนาน 9 ปี
          พร้อมรับจดหมายรับประกันการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
          *Term & Condition Apply

          นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมายที่ทางเอเอเอสฯ ได้จัดเตรียมให้ทุกท่านร่วมสัมผัสและค้นหา ความสุนทรีย์ของสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์กันอย่างใกล้ชิด รวมถึงรถยนต์ไฮไลท์ประจำบูธที่จะสะกดสายตาคุณให้หลงใหลไปกับสมรรถนะอันลือเลื่องที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และมี Accessories ต่างๆ ของปอร์เช่มาให้ท่านเลือกสรรมากมายในราคาพิเศษ ภายในงาน Motor Expo 2013 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. - 10 ธ.ค. 2556 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

          ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
          แผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ AAS
          e-mail : pawarapa@porsche.co.th / porschepr@porsche.co.th
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:41:34 PM
ซันยองจัดใหญ่!! ฉลองครบรอบ 10 ปี ทั้งแจก.. ให้.. แถม.. บุกงาน Motor Expo 2013





          ซันยองพร้อมแล้ว สำหรับมหกรรมยานยนต์ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี Thailand International Motor Expo 2013 ปีนี้ในงานมาพร้อมธีม Innovative Energies World changing Verhicles “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก” ซันยองจึงขอร่วม Concept ยกทัพยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียม รองรับพลังงาน Euro 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง Rexton W, Korando, Kyron และ New Stavic ที่ปรับโฉมเพิ่มความเร้าใจสไตล์ MPV สุดหรูมาช่วยกวาดยอดจองอีกครั้ง

          และพิเศษสุดสำหรับปีนี้ ครบรอบ 10 ปี ซันยอง ประเทศไทย บอสใหญ่ซันยอง เสี่ยวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด ใจดีกว่าปีไหนๆ มอบแคมเปญพิเศษ ที่ให้คุณเป็นเจ้าของซันยองสตาวิคได้ง่ายๆ ราคาเริ่มต้นเพียง 1.58 ล้าน หรือเลือกรับเงื่อนไขพิเศษ จองรถซันยองทุกรุ่นในงาน แจกฟรีผ่อน 0% นาน 3 ปี ให้ค่าบำรุงรักษา นาน 3 ปี แถมประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี และสิทธิพิเศษที่พลาดไม่ได้อีกมากมาย เฉพาะในงานเท่านั้น

          พบกับ Ssangyong ได้ในงาน Motor Expo 2013 บริษัทฯ ยังได้จัดการแสดงโชว์สุดพิเศษในวันเปิดงาน เพื่อเพิ่มสีสันให้มีความตื่นตาตื่นใจ พบการแสดงโชว์สุดอลังการ และชมนวัตกรรมใหม่ ๆ จากบู๊ธรถยนต์ซันยอง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2556 นี้ ที่บู๊ธ A08 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

          ในโอกาสนี้ บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด ขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน ร่วมพิธีแถลงข่าวของบูธ SSANGYONG ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 เวลา 10.00 - 10.10น. ซึ่งท่านจะได้พบกับโชว์สุดอลังการจากทีมนักแสดงมืออาชีพที่ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วจากหลายสถาบันที่จะมาให้ความบันเทิงแก่ท่าน

          New Stavic เป็นยานยนต์อเนกประสงค์หรู 11 ที่นั่ง มาพร้อมเครื่องยนต์อัจฉริยะคอมมอลเรลเทอร์โบดีเซล Xdi 2.0 ขนาด 2.0 ลิตร ขนาด 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 155 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด E -Tronic มาตรฐาน ของ Mercedes-Benz ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น และด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ที่ให้การตรงตัว และการเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม ภายในมาพร้อมเบาะหนังแท้สีเบจให้ความภูมิฐานควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ล้อแม็กขอบ 17 นิ้ว ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ ด้วยราคาสุดคุ้มเฉพาะในงานด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,580,000 บาท

          Rexton W รถยนต์ในแบบฉบับ SUV ระดับหรู ขนาด 7 ที่นั่ง มาพร้อมพลังขับเคลื่อนที่มหาศาล จากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน DOCH 5 สูบแถวเรียง ขนาด 2.7 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 186 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic จาก MERCEDES-BENZ พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) สู่การขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Permanent ที่ล้ำสมัย ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและช็อคอับ ส่วนด้านหลังแบบอิสระ 8 Links คอยส์สปริงและช็อคอับแก๊ส โดดเด่นด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมสั่งงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายในตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายง่ายต่อการใช้สอย เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมด้วยระบบ Easy Access ซึ่งเบาะนั่งจะปรับระดับลดต่ำลง และถอยหลังไปจนสุดเพื่อความสะดวกในการลงจากรถ และจะเลื่อนกลับสู่ตำแหน่งเดิมที่กำหนดไว้ เมื่อปิดสวิทซ์กุญแจสตาร์ท ราคาพิเศษเพียง 2,580,000.-

          Kyron เป็นรถยนต์ที่ผสมผสานความปราดเปรียวของรถสปอร์ตคูเป้เข้ากับสมรรถนะในการขับเคลื่อนของรถ SUV ให้ความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัย พร้อมชุดโคมไฟหน้าและไฟตัดหมอก เพิ่มความสปอร์ตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพลิดเพลินไปกับการเดินทางด้วยเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 141 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร พร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบAUTOMATIC TRANSAXLE พร้อมโปรมแกรม Winter Mode ช่วยให้รถเคลื่อนตัวบนสภาพถนนที่ลื่นได้อย่างง่ายดาย ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ คล่องตัวยามขับขี่ในเมือง และเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในทุกสภาพถนน เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบการทรงตัว ESP และช่วยในการขับขี่ลงทางลาดชันด้วยระบบ HDC ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น คอยส์สปริง ด้านหลังแบบมัลติลิ้งค์ 5 จุด ราคาพิเศษเพียง 1,780,000.-

          Korando เป็นรถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่นที่พกพาความทันสมัยมาแบบเต็มพิกัดนำเข้ามาตอบสนองตลาดเมืองไทย จะเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรูปแบบของรถ CUV (Classy Utility Vehicle) เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดมาดใหม่สไตล์โดดเด่นได้รับการออกแบบเพื่อสร้างสรรค์ยนตกรรม SUV ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความวิจิตรของเส้นสายความทันสมัย และความแข็งแกร่ง ผสมผสานไปกับความภูมิฐาน แต่แฝงไว้ด้วยพละกำลัง และสมรรถนะจากระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เพื่อเป็นแบบฉบับของรถ SUV ชั้นเลิศ Korandoใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า และแรงบิด ขนาด 360 นิวตันเมตร มาพร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะแบบ E-Tronic ซึ่งได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ชุดนี้โดยเฉพาะ ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว และการขับขี่ทางไกลที่ให้ความประหยัด ปลอดภัยในทุกเส้นทางด้วยระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน Korando ยังสร้างมลพิษน้อยมาก ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอันเข้มงวด EURO 5
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on November 29, 2013, 03:42:15 PM
โซนี่ไทย เตรียมยกขบวนเครื่องเสียงรถยนต์เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ในงาน Motor Expo 2013


 
          โซนี่ไทย เตรียมยกขบวนเครื่องเสียงรถยนต์เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ในงาน Motor Expo 2013 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม ศกนี้

          บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ใคร่ขอประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนสื่อมวลชน และผู้สนใจที่เข้าชมงาน Motor Expo 2013 ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ และทดลองประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ เครื่องเสียงรถยนต์ใหม่ล่าสุดจากโซนี่ได้ที่บู๊ธโซนี่ ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 Motor Expo 2013” ณ อาคารชาเลนเจอร์  อิมแพค เมืองทองธานี
 
           บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เตรียมยกขบวนเครื่องเสียงรถยนต์ พร้อมเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อแสดงภาพจากสมาร์ทโฟนได้หลายรุ่น รวมถึงการเชื่อมต่อ MHL/HDMI และ App Remote V.2 แอพพลิเคชั่นที่สามารถความควบคุมความบันเทิงในรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมาตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และให้คุณได้เต็มอิ่มกับความบันเทิงที่หลากหลายให้กับทุกการเดินทางของคุณ

          ภายในบู๊ธ ท่านจะได้พบกับเครื่องเสียงรถยนต์และจอภาพจากโซนี่รุ่นใหม่ อาทิ จอภาพรุ่น XAV-712BT, XAV-612BT, XAV-602BT และ XAV-65 เป็นต้น

          นอกจากนี้ ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงที่หลากหลายจากจากชุดเครื่องเสียงที่โซนี่ได้ติดตั้งในรถยนต์ตั้งแต่ชุดความบันเทิงระดับไฮเอนด์ในรถซูเปอร์คาร์ จนถึงชุดประหยัดในอีโคคาร์ทั้งหมด 7 คัน 7 สไตล์ อีกทั้งจะได้พบกับโปรโมชั่นเด็ดๆที่จัดเตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ อาทิ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับส่วนลด และขอสมมนาคุณที่มีมูลค่าสูงถึง 25,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าจากบูธโซนี่ภยในงาน และพิเศษกับการเพิ่มระยะเวลาการรับประกันสินค้าเป็น 2 ปีเต็ม รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจตลอดงาน
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:28:28 PM
เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนแล้วสำหรับปอร์เช่ สปอร์ตเอนกประสงค์รุ่นกระทัดรัด มาคันน์ (Macan) คือปอร์เช่ที่สมบูรณ์แบบ


   
          ปอร์เช่ขยายรุ่นรถเพิ่มเติมเพื่อให้คลอบคลุมคลาสรถใหม่ นั่นคือรุ่นมาคันน์ (Macan) ปอร์เช่รุ่นแรกที่เข้าสู่ตลาดรถเอนกประสงค์ (SUV) ขนาดกระทัดรัดและจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์และกลุ่มตลาดใน เรื่องของความคล่องตัวและความสนุกสนานในการขับขี่ในทุกๆ สภาวะของถนน มาคันน์ (Macan) แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะในการขับเคลื่อนที่โดดเด่นและเด่นชัดตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพการเบรกที่ทรงพลัง เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะรอบตัว การเกาะถนน และความแม่นยำของพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านี้รถคันนี้ยังให้ความสะดวกสบายในการขับขี่และการโดยสารรวมไป ถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน รูปลักษณ์ของมาคันน์ (Macan) ได้สะท้อนให้เห็นถึงสายพันธุ์ความสปอร์ตที่เต็มพิกัดและมีอยู่ใยรถปอร์เช่ ทุกคัน ตัวรถของรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์คันนี้มีความลาดแบนและสมดุลกับพื้นผิวถนน ฝากระโปรงหน้ามีความดุดันและผสมผสานเข้ากับเส้นสายลายหลังคาที่ทอดยาวมา บรรจบกันได้อย่างลงตัว แสดงให้เห็นถึงความสปอร์ตที่ทรงพลังและมีความคล่องตัวสูง หลายๆ ชิ้นส่วนของรถได้ถูกนำมาใช้จากรถสปอร์ตของ ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เพื่อทำให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นมากขึ้น และทำให้มีความชัดเจนตั้งแต่แรกเห็นว่าปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) คันนี้คือรถสปอร์ตคันแรกในกลุ่มตลาดรถสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัดอีกด้วย สายการผลิตได้ถูกกำหนดขึ้นให้มีศักยภาพในการผลิตให้ได้ 50,000 คันต่อปี และต้องเปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและคุณภาพสูงด้วยเช่นกัน และตรงตามที่คุณคาดหวังจากปอร์เช่

          การเปิดตัวเข้าสู่ตลาด ในวันนี้มีถึง 3 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ มาคันน์ เอส (Macan S) (1) ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร V6 Biturbo ให้พละกำลังแรงม้าถึง 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ active all-wheel drive ที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมาพร้อมกับ map-controlled multi-plate clutch อีกด้วย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ active all-wheel drive ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชต์คู่ 7 สปีดจะทำการส่งผ่านกำลังของเครื่องยนต์ตามที่ต้องการและไม่มีการสะดุดหรือ สูญเสียกำลัง ทำให้อัตราเร่งของรถจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 5.4 วินาทีเท่านั้น (หรือ 5.2 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono package มาด้วย) ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 254 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC* อยู่ระหว่าง 9.0 ลิตรและ 8.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 212-204 กรัม/กิโลเมตร

          มาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel)(2) คือรุ่นประหยัดและวิ่งได้ในระยะไกล มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร V6 เทอร์โบดีเซล อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบ NEDC ต่ำอยู่เพียง 6.3 และ 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร เท่านั้น อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อยู่ระหว่าง 164 และ 159 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 6.3 วินาที (หรือ 6.1 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วย) เนื่องจากพละกำลังเครื่องยนต์ที่มหาศาลและสูงสุดอยู่ที่ 258 แรงม้า ทำให้ความเร็วสูงสุดสูงถึง 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว

          มา คันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) คือรุ่นที่มีพละกำลังเครื่องยนต์ที่มากที่สุดและเป็นรุ่นท็อปของมาคันน์ (Macan) เครื่องยนต์มีขนาด 3.6 ลิตร V6 biturbo ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ปอร์เช่เป็นครั้งแรก ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 400 แรงม้า (294 กิโลวัตต์) อัตราเร่งเครื่องยนต์จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 4.8 วินาที หากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วยจะอยู่ที่ 4.6 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 266 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบการขับขี่แบบ NEDC* ต่ำอยู่แค่เพียงระหว่าง 9.2 – 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 216-208 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น

          ชื่อของรุ่นรถได้มาจากภาษาของอินโดนีเซียที่แปล ว่าเสือ และมาคันน์ (Macan) ก็มีความโดดเด่นสมชื่อ เต็มไปด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ พร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้าอย่างเต็มพิกัดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นถนนธรรมดาหรือแบบ Off-Road ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดและรู้จักกันดีภายใต้ชื่อ ระบบ Porsche Traction Management (PTM) ช่วยให้รถผลิตระบบขับเคลื่อนที่เต็มไปด้วยพละกำลัง และมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบสปอร์ตสี่ล้อในทุกๆ รุ่นอีกด้วย

          ด้วย ความต้องการที่จะให้รถเต็มไปด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นทำให้มาคันน์ (Macan) ได้รับการออกแบบให้มีความคล่องตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนต่างๆ ของรถ รูปลักษณ์ และการใช้ยางแบบผสม (Mixed tyres)ในล้อที่ใหญ่อีกด้วย อีกทั้งเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน และระบบเกียร์อัตโนมติ 7 สปีด Porsche Doppelkupplung (PDK) ต่างเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถมีคุณลักษณะเด่นในเรื่องของความคล่องตัว ปราดเปรียว และมีประสิทธิภาพสูงทั้งบนถนนและพื้นผิวถนนแบบ Off-Road อีกด้วย ตำแหน่งเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการจัดตำแหน่งให้อยู่ใน ระดับต่ำตามแบบฉบับของรถสปอร์ต

          อุปกรณ์และระบบต่างๆ ที่หลากหลายได้รับการติดตั้งให้กับมาคันน์ (Macan) เพื่อเป็นระบบมาตรฐานให้กับรถ รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ระบบพวงมาลัยสปอร์ตแบบเอนกประสงค์และมาพร้อมกับก้านเกียร์ (multi-function sport steering wheel with shift paddles) ล้อที่ใหญ่ ระบบเครื่องเสียงที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และระบบเปิดปิดท้ายรถด้วยไฟฟ้า ส่วนระบบอื่นๆ ที่โดดเด่นและสามารถเลือกติดตั้งเป็นระบบเสริมได้มีหลากหลายเช่นกัน อาทิ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งมาคันน์ (Macan) เป็นรถรุ่นแรกในตลาดนี้ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับมาคันน์ (Macan) อีกด้วย โดยระบบนี้จะทำการกระจายแรงบิดการขับเคลื่อนไปยังล้อหลังและทำงานร่วมกับ ระบบเฟืองท้าย electronically controlled rear-axle differential lock อีกหนึ่งระบบเสริมที่ต้องพูดถึงคือระบบไฟแบบ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus) ที่จะทำงานปรับเปลี่ยนระดับไฟหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะของ ท้องถนนด้านหน้า

          รูปลักษณ์: รากฐานของตำนานความเป็นรถสปอร์ตของปอร์เช่
          ตำนาน ความเป็นรถสปอร์ตของมาคันน์ (Macan) ได้ถูกสะท้อนออกมาผ่านรายละเอียดต่างๆ ของการออกแบบ นักออกแบบได้ดึงความโดดเด่นที่หลากหลายเหล่านั้นมาใช้กับสัดส่วนต่างๆ ของรถรุ่นนี้ได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์ที่ได้สามารถสรุปออกมาได้สองคำ นั่นคือ กว้างและต่ำ การออกแบบรถเน้นในเรื่องของความเป็นรถสปอร์ต คล่องตัวและแม่นยำ พร้อมด้วยการใช้โครงสร้างรถที่มีน้ำหนักเบา และด้วยสัดส่วนต่างๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทำให้มาคันน์ (Macan) มีรูปลักษณ์ที่กระทัดรัด ทรงพลัง และใกล้ชิดกับถนน

          การออกแบบได้ครอบคลุมทุกๆ รายละเอียด แม้รถจะจอดหยุดนิ่ง แต่รูปลักษณ์ของรถจะสะท้อนให้เห็นถึงไฮไลท์ของรถสปอร์ตต่างๆ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ทรงพลังของมาคันน์ (Macan) หากมองจากภาพด้านข้างและลายหลังคาที่ลาดยาวรวมถึงปีกทางด้านหลังรถจะพบกับ เส้นสายของความเป็นปอร์เช่ที่ชัดเจน และเป็นเส้นสายที่นำมาจากรุ่น 911

          918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คือรถที่ได้รับการออกแบบตามสายพันธุ์ของปอร์เช่เพื่อโลกอนาคต ส่วนมาคันน์ (Macan) ได้ทำการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสายพันธุ์ DNA ในปัจจุบัน โดยรวมแล้วสัดส่วนทั่วไปของไฟหน้าได้รับมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ในขณะที่ครีบด้านข้างที่อยู่ทางด้านล่างของด้านหน้าและหลังของประตูทำให้นึก ไปถึงขอบประตูของรถซูเปอร์สปอร์ตเครื่องยนต์ไฮบริดด้วยเช่นกัน มาคันน์ (Macan) ติดตั้งพวงมาลัยแบบ multi-function sports steering wheel มาเป็นพวงมาลัยมาตรฐานให้กับรถ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่หมดและนำมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) นั่นเอง

          ด้านข้างจะมาพร้อมกับ ลายหลังคาที่ลาดยาวแบบสปอร์ตเน้นย้ำให้เห็นถึงความคล่องตัวที่เป็นคุณสมบัติ หลักของรถ ส่วนการออกแบบเส้นสายที่วิ่งไปด้านหลังรถจะเป็นการเน้นให้เห็นถึงความกว้าง และปีกรถที่ทรงพลัง กราฟฟิคของกระจกทำจากพื้นผิวแบบแก้วและสัดส่วนของ D-Pillar ได้รับการออกแบบใหม่ เส้นสายการออกแบบเหล่านี้ได้รับมาจาก 911 ด้วยเช่นกัน

          ไฮไลท์ของการออกแบบเพิ่มเติมทางด้านข้างและ เป็นส่วนในการสร้างความโดดเด่นให้กับรถคือ sideblades หรือแผงด้านข้างที่อยู่ด้านล่างของประตูหน้าและหลัง และมีวัสดุให้เลือกติดตั้งในหลายรูปแบบเป็นอุปกรณ์เสริมได้ การออกแบบแผงด้านข้างนี้ได้มาจากขอบประตูด้านล่างของ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และเมื่อผสมผสานเข้ากับที่จับประตูทำให้ประตูมีความคมชัดและดูสปอร์ตมาก ขึ้น

          ในรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ได้รับการพ่นสี Lava เป็นสีมาตรฐาน ส่วนรุ่นเทอร์โบจะได้รับการพ่นเป็นสีเดียวกันกับสีของตัวรถ สามารถเลือกติดตั้งได้สำหรับรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) เพิ่มความโดดเด่นแบบคลาสสิคให้กับรถมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ทุกรุ่นยังสามารถเลือกติดตั้งแผงด้านข้างในรูปแบบคาร์บอนเพื่อเพิ่มความเป็น สปอร์ตที่โฉบเฉี่ยวมากขึ้นได้

          รายละเอียดการออกแบบที่โดด เด่นของมาคันน์ (Macan) เพิ่มเติมคือขอบด้านข้าง และสปอยเลอร์หลังคาสีดำยาว ที่ได้รับการติดตั้งเพิ่มความสละสลวยให้กับรถมากขึ้น ยางที่ใช้สามารถเลือกได้ตั้งแต่ความกว้างที่ 265 มิลลิเมตร ทางด้านล้อหน้า และ 295 มิลลิเมตร ทางด้านล้อหลัง สามารถเลือกติดตั้งล้อได้ที่ขนาด 21 นิ้ว และยางยังได้มาตรฐานตามความต้องการของรถที่เน้นเรื่องของความสปอร์ต

          ด้วย เส้นสายและสัดส่วนโค้งเว้าที่เข้ากันทำให้ทางด้านหลังรถสะท้อนให้เห็นถึง ความเป็นสปอร์ตและหรูหรา ซึ่งทางด้านท้ายรถนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเน้นให้มีความกว้าง และทำให้รถดูกว้างขวางมากขึ้น และเพื่อให้เห็นถึงความราบเรียบสะอาดสะอ้าน ปุ่มสวิตซ์ของประตูหลังแบบไฟฟ้าจึงซ่อนอยู่ที่ด้านล่างของที่ปัดกระจกหลัง และกรอบทะเบียนจะติดตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ต่ำลงมา

          ไฟท้าย ของมาคันน์ (Macan) คืออีกหนึ่งควมโดดเด่น และมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED และการออกแบบให้มีสามมิติ ซึ่งเป็นการออกแบบที่ใช้ในรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และทุกรุ่นจะมาพร้อมกับครีบด้านหลังที่ติดตั้งควบคู่กับปลายท่อคู่ทั้งสอง ข้าง โดยรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะเป็นปลายท่อทรงกลม ส่วนรุ่นเทอร์โบ (Turbo) จะเป็นทรงสี่เหลี่ยม และทุกรุ่นสามารถเลือกติดตั้งปลายท่อสปอร์ตที่ทำจากเหล็กแสตนเลสแบบพิเศษ เป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้

          ความสปอร์ตและภายในห้องโดยสารที่มีคุณภาพสูง
          การ เน้นความโดดเด่นของรถได้ถูกเน้นต่อเนื่องไปยังภายในห้องโดยสารของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เส้นสายที่โดดเด่น และจุดเชื่อมต่อที่แม่นยำ รวมถึงงานฝีมือคุณภาพสูงได้รับการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและสร้างความเป็น สปอร์ต คุณภาพสูง และหรูหราให้กับรถ

          ตั้งแต่ส่วนใต้เบาะ หน้าทางด้านล่างไปจนถึงคอนโซลกลางที่ลาดยาว และอุปกรณ์แสดงผล รวมถึงคอนเซ็ปต์การทำงานของรถ ต่างแสดงให้เห็นถึงสัมผัสของความคุ้นเคยที่มาพร้อมกับคุณลักษณะที่โดดเด่น ใหม่ๆ เช่นพวงมาลัยสปอร์ตแบบเอนกประสงค์ใหม่ล่าสุด เป็นต้น

          ห้อง โดยสารมีลักษณะที่โดดเด่นเหมือนรถสปอร์ต สายตาของท่านจะต้องถูกดึงดูดให้มองไปที่พวงมาลัยสปอร์ตเอนกประสงค์ที่ได้รับ การติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดและนำมาจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เพิ่มเติมด้วยปุ่มเอนกประสงค์ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและ ใช้ในการสั่งงานโทรศัพท์ วิทยุ คอมพิวเตอร์บนรถ อีกทั้งยังมาพร้อมกับก้านเกียร์ที่ได้รับการติดตั้งให้มีความสมดุลตามหลัก การยศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามือของผู้ขับขี่จะวางอยู่บนพวงมาลัยและใส่ใจต่อถนนข้าง หน้าเป็นหลัก

          วงหน้าปัด 3 วงมาพร้อมกับ Tachometer ที่ติดตั้งอยู่ในแผงหน้าปัดด้วยเช่นกัน ด้านขวาจะเป็นการแสดงผลแบบความละเอียดสูง หน้าจอแสดงผลมีขนาด 4.8 นิ้วและแสดงผลในรูแบบสี ตำแหน่งเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทของรถจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยอย่างเช่น ปอร์เช่รุ่นอื่นๆ คอนโซลกลางได้รับการลาดเอียงมากขึ้นมาพร้อมกับก้านเกียร์ที่สูงขึ้น ตามรูปแบบของรถแข่งทำให้ผู้ขับขี่อยากสัมผัสกับภายในห้องโดยสารมากขึ้น ปุ่มต่างๆ ที่สำคัญจะรวมอยู่ในกลุ่มที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน

          ระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ
          ถือ ได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche Doppelkupplung (PDK) 7 สปีดมาเป็นระบบเกียร์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น ประโยชน์ที่ได้รับจากการออกแบบนี้คือประสิทธิภาพที่เป็นเลิศของรถ การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วขึ้นโดยไม่เกิดการสะดุด การตอบสนองที่รวดเร็ว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ และการเปลี่ยนเกียร์ที่สะดวกสบายมากขึ้น ปอร์เช่ที่ติดตั้ง PDK มาด้วยจะมาพร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์สองรูปแบบ หากเป็นทางด้านขวาจะเป็นการเปลี่ยนเกียร์ผ่านก้านเกียร์ ในขณะที่ด้านซ้ายมือจะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ผ่านการสั่งงาน หรือผ่านก้านเกียร์บนพวงมาลัย

          ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Active all-wheel drive และระบบ Porsche Traction Management (PTM)
          ระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อคือส่วนหนึ่งของระบบ Porsche Traction Management (PTM) ซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบต่างๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ระบบ Automatic Brake Differential (ABD) ระบบ Anti-Slip Regulation (ASR) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนี้จะช่วยดูแลในเรื่องของการทรงตัวของรถและความ ปลอดภัยของรถเป็นหลัก

          ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในมาคันน์ (Macan) นี้ คือหนึ่งในระบบที่มีเวลาการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดหากเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาด และได้รับการออกแบบมาให้มีความเป็นสปอร์ต เพลาหลังจะทำงานเสมอ และเพลาหน้าจะได้รับแรงบิดการขับเคลื่อนจากเพลาหลัง และแรงบิดที่ได้มานี้จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของแรงบิดจาก electronically controlled multi-plate clutch

          การเรียกใช้งานโหมด Off-road ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่ม
          โหมด ออฟโร้ดติดตั้งมาเป็นโหมดมาตรฐานในมาคันน์ (Macan) และฟังก์ชั่นจะเปิดการทำงานเพียงแค่กดปุ่มในคอนโซลกลางเมื่อใช้ความเร็วอยู่ ระหว่าง 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ฟังก์ชั่นนี้จะเปลี่ยนระบบที่เกี่ยวข้องให้เข้าสู่การขับเคลื่อนที่เน้นการ ทรงตัวตามรูปแบบการออฟโร้ดเป็นหลัก เช่นการเปลี่ยนเกียร์และความเร็วจะสอดคล้องกับระดับการทรงตัวของรถ คลัชต์จะถูกสั่งงานก่อนเพื่อให้เพลาหน้าได้รับแรงบิดการขับเคลื่อนที่เหมาะ สมและรวดเร็ว แรงบิดที่กระจายระหว่างเพลาหน้าและหลังรวมถึงการตอบสนองของคันเร่งจะถูกปรับ เปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาวะของการออฟโร้ดในขณะนั้น ความสูงของรถสามารถลดลงได้อีก 40 มิลลิเมตรจากระดับเดิม เพราะต่อตัวถังและช่วงล่างแบบถุงลมที่ส่งผลให้มี Ground clearance ที่ 230 มิลลิเมตร
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:31:09 PM
          อุปกรณ์เสริม: ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus)
          ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system ได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้มีความเฉพาะและเหมาะสมกับมาคันน์ (Macan) เพื่อให้การขับขี่นั้นพัฒนาความคล่องตัว และรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้น ระบบ PTV Plus จะใช้การกระจายแรงบิดที่เป็นมาตรฐานไปยังล้อหลังและทำงานร่วมกับระบบ electronically controlled rear-axle differential lock และเพื่อให้ตอบสนองต่อองศาของพวงมาลัย ความเร็วของพวงมาลัย ตำแหน่งของแป้นคันเร่ง และความเร็วของรถได้อย่างดีเยี่ยม ระบบ PTV Plus จึงได้ทำการพัฒนาการทำงานของพวงมาลัยและความแม่นยำของพวงมาลัยด้วยการตั้ง เป้าหมายที่การเบรกบนล้อหลังทางด้านในเพื่อให้รถทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ล้อหลังด้านนอกเกิดแรงผลักที่มากขึ้นและทำให้รถเลี้ยวไปทิศทางที่ต้อง การ ผลลัพธ์ที่ได้คือการเลี้ยวที่คล่องตัว แม่นยำ ไม่เพียงเท่านี้ระบบ PTV Plus ยังส่งผลในด้านบวกกับมาคันน์ (Macan) เมื่ออยู่ในสภาวะออฟโร้ด เมื่อต้องสูญเสียพื้นที่ในการสัมผัสกับถนน ล้อหลังที่หมุนจะลดลงผ่านการล๊อคและการเบรกนั่นเอง

          ปุ่มสปอร์ตติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
          มา คันน์ (Macan) ทุกรุ่นติดตั้งปุ่มสปอร์ตมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถ และติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลางทางด้านซ้ายของก้านเกียร์ เมื่อกดปุ่มสปอร์ตระบบการจัดการเครื่องยนต์ด้วยไฟฟ้าจะทำให้เครื่องยนต์ตอบ สนองมากขึ้น การสัมผัสกับแป้นเบรกจะได้รับการตอบสนองโดยตรงจากเครื่องยนต์มากขึ้น รอบจำกัดของเครื่องยนต์ถูกตั้งค่าให้อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้น และเครื่องยนต์จะให้ความคล่องตัวสูงตามสัมผัสของความเป็นมอเตอร์สปอร์ต ไม่เพียงเท่านี้ระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK ช่วยให้จุดเปลี่ยนเกียร์ย้ายไปอยู่ในช่วงความเร็วที่มากขึ้นเพื่อให้สัมผัส ของความเป็นสปอร์ตที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน เวลาในการตอบสนองสั้นลงในขณะที่การเปลี่ยนเกียร์นั้นมีความกระชับและเป็น ธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดระดับเกียร์ของคลัชต์คู่ลง เสียงของเครื่องยนต์ได้รับการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ระบบควบคุมตัวถัง Porsche Active Suspension Management (PASM) ได้รับการตั้งค่าให้อยู่ในโหมดสปอร์ตเพื่อให้สัมผัสถึงความเป็นสปอร์ตที่มาก ขึ้นสำหรับช่วงล่างและการตอบสนองโดยตรง และยังส่งผลให้รถมีการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพได้มากขึ้น

          อุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้ : แพ็คเกจ Sport Chrono
          อุปกรณ์ เสริมแพ็คเกจ Sport Chrono จะเพิ่มประสิทธิภาพของรถมากขึ้นเพียงแค่กดปุ่ม โดยแพ็คเกจ Sport Chrono จะช่วยปรับเปลี่ยนตัวถัง เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนให้เข้าสู่ระดับที่สปอร์ตมากขึ้น รวมถึงเสียงของเครื่องยนต์ที่สร้างสัมผัสถึงความดุดันมากขึ้น แพ็คเกจ Sport Chrono จะออกมาในรูปแบบ Analogue และนาฬิกาจับเวลาแบบดิจิตอลติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัด รวมถึงปุ่ม Sport Plusที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง อีกชิ้นส่วนของแพ็คเกจคือการแสดงผลของประสิทธิภาพบนระบบเสริมที่สามารถเลือก ติดตั้งได้อย่างระบบการจัดการสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM) ที่จะให้ข้อมูลเวลาวิ่งทั้งหมด ระยะทางที่ใช้ไป หรือเวลาที่ใช้ไป เป็นต้น ฟังก์ชั่น “Launch Control” ได้รับการติดตั้งด้วยเช่นกันในมาคันน์ (Macan) และเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยให้อัตราเร่งนั้นมีส่วนคล้ายกับรถแข่งเมื่อทำการออก ตัว ประโยชน์ที่ได้รับจากฟังก์ชั่นนี้คืออัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่จะลดลงอีก 0.2 วินาที สำหรับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น

          ตัวถัง 3 เวอร์ชั่นสำหรับมาคันน์ (Macan)
          ตัว ถังสำหรับมาคันน์ (Macan) มีถึง 3 เวอร์ชั่น การออกแบบโดยใช้สปริงเหล็กจะเติมเต็มในเรื่องของประสิทธิภาพมาตรฐานสูงสุด ความสุนทรีย์ในการขับขี่ ความสามารถในการขับขี่แบบ off-road และความสะดวกสบาย หลักปรัชญาการใช้โครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาได้ถูกนำมาใช้โดยเพลาอลูมิเนียม และส่วนประกอบของตัวถังที่จะทำให้เกิดความคล่องตัวและความสะดวกสบายในการขับ ขี่ เพลาด้านหน้าได้รับการออกแบบมาจากพื้นฐานของ five-link ในขณะที่เพลาหลังจะออกแบบให้เป็น trapezoidal-link ทางด้านเพลาหลังนั้นการแยกสปริงและโช้คบนล้อออกจากกันทำให้พัฒนาการขับขี่ ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและตอบสนองต่อช่วงล่างได้ดียิ่งขึ้น

          เวอร์ ชั่นที่สองของตัวถังมาคันน์ (Macan) คือการผสมผสานกันระหว่างสปริงเหล็กและระบบ PASM ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นระบบมาตรฐานให้กับรุ่นท้อปอย่างมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) และสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งได้สำหรับรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และรุ่นมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) การผสมผสานระหว่างสปริงเหล็กและ PASM นี้ทำให้รถเกิดการเติมเต็มมากขึ้น สร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงสำหรับความสะดวกสบายในการวิ่งระยะไกล ประสิทธิภาพที่มากขึ้น และความคล่องตัวที่มากขึ้น ตัวถังที่หลากหลายจะทำให้เกิดการกระจายการสั่นสะเทือนของช่วงล่างได้หลาก หลายมากขึ้นผ่านโปรแกรม PASM 3 โปรแกรมนั่นคือ “Comfort", “Sport" และ “Sport Plus" ซึ่งเรียกใช้งานได้อย่างง่ายได้เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น

          ระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management)
          ระบบ PASM จะควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้าและทำการปรับเปลี่ยนระบบ shock absorber system เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งอยู่ในรุ่นมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ระบบจะทำการสร้างแรงกดบนเพลาหน้าและหลังอย่างต่อเนื่อง รถจะรับรู้ถึงการทำงานนี้ได้จากการขยับของตัวรถเพื่อการตอบสนองต่อรูปแบบการ ขับขี่ที่คล่องตัวและเกี่ยวข้องกับอัตราเร่งที่ชัดเจนและการเบรกหรือเมื่อ อยู่ในสภาวะการขับขี่แบบออฟโร้ด ระบบ PASM ได้รับการออกแบบให้ลดการสั่นสะเทือนของรถ ขึ้นอยู่กับความต้องการในขณะนั้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่าง 3 โปรแกรมการทำงานได้นั่นคือ “Comfort", “Sport" และ “Sport Plus".

          ระบบช่วงล่างแบบถุงลม Air suspension: โดดเด่นไม่เหมือนใครในกลุ่มตลาดเดียวกัน
          เวอร์ชั่น ที่ 3 ของตัวถังมาคันน์ (Macan) และเป็นครั้งแรกที่รถในกลุ่มตลาดนี้ติดตั้งคือ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่มาพร้อมกับระบบปรับเปลี่ยนระดับตัวถัง การปรับเปลี่ยนความสูงและ PASM แบบนี้จะให้ความสะดวกสบาย ให้ความเป็นสปอร์ตและประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงทำให้รถคันนี้ขึ้นไปยึดครองตำแหน่งผู้นำในตลาดได้อีกด้วย

          เมื่อ เปรียบเทียบกับสปริงเหล็กจะพบว่ามาคันน์ (Macan) ที่มาพร้อมกับช่วงล่างแบบถุงลมจะลดระดับตัวรถให้ต่ำกว่า 15 มิลลิเมตรเมื่ออยู่ในระดับปกติ และเมื่อต้องทำงานร่วมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้รถเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ที่คล่องตัว พัฒนาความสะดวกสบายในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างแบบถุงลมจะช่วยรักษาระดับของรถโดยอัตโนมัติ Groud clearance สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 ระดับตามต้องการ นั่นคือ High Level I", “Normal Level" และ “Low Level" เมื่ออยู่ในระดับ “High Level I” ระบบจะทำการตั้งค่าให้รถสูง 40 มิลลิเมตรเหนือกว่าระดับธรรมดา และมี ground clearance มากสุดที่ 230 มิลลิเมตร อุปกรณ์เสริมนี้สามารถเรียกใช้งานได้ผ่านปุ่มอ๊อฟโร้ดและสามารถใช้ได้ในความ เร็วระหว่าง 0-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

          เบรกที่ทรงพลังส่งผลให้ประสิทธิภาพของรถสูง
          เบรก ของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) เหมาะสมกับระดับประสิทธิภาพของรถทุกประการ เหมาะสมและตรงตามมาตรฐานของแบรนด์ที่ตั้งค่าไว้สูง มาคันน์ (Macan) คือผู้นำในเรื่องของระบบเบรกที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ด้านหน้าของมาคันน์ (Macan) จะมาพร้อมกับเบรกคาลิปเปอร์ 6 สูบ อลูมิเนียมโมโนบล๊อค ส่วนรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะมีเบรกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 350 มิลลิเมตร ในขณะที่จานเบรกในรุ่นเทอร์โบจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 360 มิลลิเมตร ส่วนจานเบรกทางด้านหลังสำหรับรุ่น มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 330 มิลลิเมตร และจานเบรกของรุ่นเทอร์โบจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 356 มิลลิเมตรทางด้านหลัง ระบบเบรกเพื่อจอดแบบไฟฟ้า (electric parking brake) จะช่วยให้เกิดความสะดวสบายและปลอดภัยเมื่อทำการจอดรถ ระบบเบรกเพื่อจอดนี้จะปลดออกอัตโนมัติเมื่อรถเคลื่อนตัว

          ยางที่ได้รับการผสมผสาน: เพื่อประโยชน์ในการใช้งานและความสวยงาม
          การ ใช้ยางสำหรับรุ่นมาคันน์ (Macan) จะเน้นความเป็นรถสปอร์ต รถจะได้รับการออกแบบให้ยางมีความแตกต่างกันในเรื่องของสัดส่วนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง การผสมผสานกันของยางนี้จะช่วยให้รถมาคันน์ (Macan) ดูสปอร์ตและให้ประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้น ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ ยางทางด้านเพลาหลังที่กว้างนี้จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ให้มากขึ้น ยางทางด้านหน้าที่แคบจะช่วยให้การเข้าโค้งมีความแม่นยำ ทำให้รถทรงตัวได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรวมแล้วการใช้ยางที่มีขนาดที่แตกต่างกันผสมผสานกันได้กลายมาเป็นหน้าที่ หลักในการทำให้รถมีประสิทธิภาพที่เป็นเลิศ ในรุ่นมาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) จะติดตั้งยางขนาด 235/60 R 18 (หน้า) และ 255/55 R 18 (หลัง) มาเป็นขนาดมาตรฐาน ส่วนมาคันน์ เทอร์โบ (Macan turbo) จะติดตั้งยางขนาด 235/55 R 19 (หน้า) และ 255/50 R 19 (หลัง) มาเป็นมาตรฐาน

          ยางที่สามารถเลือกใช้ได้ในปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) จะทำให้รถมีคุณลักษณะที่โดดเด่นสมบูรณ์แบบ และสามารถเลือกติดตั้งได้จนถึงขนาด 21 นิ้วและสามารถเลือกติดตั้งได้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น

          พวงมาลัยไฟฟ้า Electromechanical power steering
          ระบบ พวงมาลัยแบบไฟฟ้า electromechanical power steering system จากปอร์เช่คือระบบแรกที่นำไปใช้กับปอร์เช่ SUV และทำให้มาคันน์ (Macan) สามารถขับเคลื่อนได้แม่นยำและตอบสนองต่อการขับขี่ในทุกๆ สภาวะได้มากขึ้นตามแบบฉบับความเป็นปอร์เช่ ไม่เพียงเท่านี้ระบบพวงมาลัยนี้ยังช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อ เพลิง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิคแล้วนั้นจะพบว่าระบบพวงมาลัย ไฟฟ้า electromechanical steering ประหยัดได้มากกว่าถึง 0.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เพราะระบบต้องการพลังงานในการเลี้ยวเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งประโยชน์ที่ได้รับจากระบบนี้คือมาคันน์ (Macan) สามารถเลือกติดตั้งระบบเตือนในการเปลี่ยนช่องทาง (lane departure warning system) ที่ทำงานร่วมกับระบบพวงมาลัยไฟฟ้า electro-mechanical power steering เพื่อช่วยในการควบคุมพวงมาลัยอีกด้วย

          ตัวรถ: พัฒนาขึ้นมาเพื่อความเป็นรถสปอร์ตที่อยู่ในกลุ่มตลาดรถสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัด
          ปัจจัย หลักที่ใช้ในการพัฒนาตัวรถมาคันน์ (Macan) คือความต้องการที่จะทำให้มาคันน์ (Macan) ได้กลายมาเป็นปอร์เช่ที่โดดเด่นในกลุ่มตลาดสปอร์ตเอนกประสงค์แบบกระทัดรัด และเข้าไปในกลุ่มตลาดใหม่นี้ ความต้องการนี้ได้บรรลุผลแล้วด้วยการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์และจุดเด่นของรถ หลายอย่าง อาทิเช่น ฝากระโปรงที่อยู่เหนือฐานล้อ และไฟหน้าหลัก ทำให้ด้านหน้าของรถมีความกว้างและดูทันสมัย การออกแบบเส้นสายบนฝากระโปรงเน้นให้เห็นถึงความกว้างขวางของรถ ตัวรถทำจากอลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักของรถลดลงและส่งผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นและคล่อง ตัวมากยิ้งขึ้นอีกด้วย

          ภายในห้องโดยสารและอุปกรณ์ติดตั้ง: เหนือชั้น และเต็มไปด้วยคุณภาพ
          ห้อง โดยสารของปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) นำแนวคิดการออกแบบมาจากรถสปอร์ตของปอร์เช่รุ่นอื่นๆ เพื่อให้รูปลักษณ์ออกมาดูดี ไม่เพียงแค่นี้ยังสามารถเลือกติดตั้งระบบเครื่องเสียงชั้นนำอย่าง High-End Surround Sound system ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับรถในคลาสรุ่นนี้ อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มาใหม่คือระบบสัญญาณเตือนการเปลี่ยนเลนส์ lane departure warning system ระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) และระบบ Porsche Active Safe (PAS) ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนในการเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้มากขึ้น

          การ ขับขี่แบบสปอร์ตที่ให้ความสมดุลตามหลักการยศาสตร์คือหัวใจหลักในการพัฒนา คอนโซลกลางได้รับการลาดเอียงไปข้างหน้ามากขึ้นและที่นั่งของผู้ขับขี่จะอยู่ ห่างจากพวงมาลัยและก้านเกียร์เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ขับขี่จะมีส่วนร่วมไปกับรถมากขึ้นเพราะการนำหลักการติดตั้งก้าน เกียร์ในรถแข่งมาใช้นั่นเอง การควบคุมการทำงานหลักๆ และการตั้งค่าต่างๆ จะอยู่รวมกลุ่มกันในคอนโซลกลาง ปุ่มจะได้รับการติดตั้งให้ง่ายต่อการกดและตอบสนองที่รวดเร็วและง่ายต่อการ เรียกใช้งาน ที่สตาร์ทจะอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัยเช่นเคย เหมือนกับปอร์เช่รุ่นอื่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของปอร์เช่มาอย่างยาวนาน

          แผง หน้าปัดมีความเฉพาะตามแบบฉบับปอร์เช่ มาพร้อมกับหน้าปัด 3 วงและตรงกลางเป็นTachometer สัญญาณระดับเกียร์และ Tachometer จะแสดงผลให้ผู้ขับขี่ทราบถึงระดับเกียร์ในขณะนั้น หน้าจอมีความละเอียดสูงและมีขนาด 4.8 นิ้วแบบสี นอกเหนือจากฟังก์ชั่นคอมพิวเตอร์บนรถที่สำคัญแล้ว ฟังก์ชั่นนี้ยังแสดงแผนที่สำหรับระบบค้นหาเส้นทางอีกด้วย

          วิสัยทัศน์และสัญญาณที่สมบูรณ์แบบ: ระบบไฟในมาคันน์ (Macan)
          การ ออกแบบระบบไฟให้กับปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) จะเน้นเรื่องการใช้งานเป็นสำคัญ และการสร้างความแตกต่างจากทางด้านหน้าให้กับมาคันน์ (Macan) โดยการใช้ไฟหน้า ไฟกลางวัน และไฟตัดหมอกที่สวยงาม ไฟท้ายได้รับการออกแบบให้มีความโฉบเฉี่ยมตามแบบฉบับรถสปอร์ตและทำให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นอย่างสมบูรณ์แบบแม้อยู่ในที่มืด

          ไฟ หน้าจะติดตั้งระบบไฟฮาโลเจนแบบ Projector-beam halogen มาเป็นไฟมาตรฐานให้กับรุ่นมาคันน์ (Macan) ส่วนระบบไฟหน้าแบบไบซีนอลสามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ (ติดตั้งเป็นระบบไฟมาตรฐานให้กับรุ่นมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) อีกทั้งการส่องแสงยังใช้เทคโนโลยีใหม่อีกด้วย เพื่อให้ไฟมีความมั่นคง ช่วยในเรื่องของความคล่องตัวในยามเข้าโค้ง (Porsche Dynamic Light System [PDLS]).

          มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ติดตั้งระบบไฟที่ใช้วิ่งกลางวันแบบฮาโลเจนมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ ในขณะที่มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) ติดตั้งเทคโนโลยีไฟ LED 4 จุด ไฟตัดหมอกได้รับการติดตั้งให้กับมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่นเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่แม้ต้องอยู่ภายใต้สภาวะอากาศที่ไม่อำนวย มาคันน์ เอส (Macan S) และมาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel) ติดตั้งไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจนทรงกลมรวมเข้ากับทางด้านหน้า ส่วนไฟเหล่านี้ในมาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo) จะเป็น LED

          ไฟ ท้ายใช้เทคโนโลยีไฟแบบ LED และเหมือนกับระบบไฟในปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ระบบไฟนี้จะช่วยทำให้มองเห็นกว้างขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่แบบสปอร์ตให้กับมาคันน์ (Macan) มากขึ้น การออกแบบ 3D นี้ช่วยให้มาคันน์ (Macan) มีความโดดเด่นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ไฟเบรกจะเสริมรายละเอียดให้กับไฟท้าย และเป็นระบบไฟแบบ 3D ด้วยเช่นกัน และพร้อมจะสร้างความประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตรถอีกด้วย

          (1) มาคันน์ เอส (Macan S) *: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 11.6 – 11.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 7.6 – 7.3 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 9.0 – 8.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 212 – 204 กรัม/กิโลเมตร
          (2) มาคันน์ เอส ดีเซล (Macan S Diesel)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 6.9 – 6.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 5.9 – 5.7 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 6.3 – 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 164 – 159 กรัม/กิโลเมตร
          (3) มาคันน์ เทอร์โบ (Macan Turbo)*: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ในเมือง 11.8 – 11.5 ลิตร/100 กิโลเมตร อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่นอกเมือง 7.8 – 7.5 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบขับขี่ผสมผสานทั้งสองรูปแบบ 9.2 – 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 216 – 208 กรัม/กิโลเมตร
          *แตกต่างไปตามประเภทยางที่ใช้
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:33:03 PM
World premiere for the compact SUV from Porsche The Macan is a Porsche through and through







          Porsche is expanding its range to include a whole new class of vehicle. The Macan is the first Porsche model to break into the compact SUV segment and is poised to set new standards in the field of driving dynamics and enjoyment – on both paved streets uneven terrain. The Macan combines the typical handling characteristics that Porsche has represented right from the outset: maximum acceleration and braking values, vast engine power, extreme agility and optimum steering precision. What's more, all of these features are teamed with a high level of comfort and everyday suitability. The sporty DNA of the Macan, as with all Porsche vehicles, is also immediately recognisable in the design. The Sports Utility Vehicle is unrivalled in its flat and broad profile on the road. The wraparound bonnet and gently sloping roof line accentuate the overall impression of sporty elegance and powerful dynamics. Many of the design elements have been taken from other Porsche sportscars and enhanced for the Macan, making it clear to see from the very first glance that the Porsche Macan heralds the first sportscar in the compact SUV segment. The Macan is “Made in Germany", produced at the Leipzig plant. Porsche has invested 500 million euro in the plant and has established an entire production line there. The line is set up to produce around 50,000 vehicles per year – all manufactured with the utmost precision and to the highest level of quality. Just what you would expect from Porsche.

          Three models comprise the Macan product range at market launch. The (1)Macan S is equipped with a 3.0-litre V6 biturbo engine delivering 340 bhp (250 kW) and also features an active all-wheel drive with an electronically controlled, map-controlled multi-plate clutch. This all-wheel drive is fitted on all Macan models. A seven-speed double-clutch transmission transfers power as required and almost without any interruption in tractive force, enabling the vehicle to accelerate from 0 to 100 km/h in 5.4 seconds (or 5.2 seconds with the optional Sport Chrono package fitted). The vehicle reaches a top speed of 254 km/h, and its NEDC* fuel consumption figures are between 9.0 and 8.7 litres/100 km, which corresponds to a CO2 emissions level of between 212 and 204 g/km.

          The (2)Macan S Diesel is the economical long-distance runner of the three Macan models. Its 3.0-litre V6 turbo diesel engine achieves NEDC* fuel consumption figures of between just 6.3 and 6.1 litres/100 km, which corresponds to a CO2 value of between 164 and 159 g/km. Nevertheless, the Macan S Diesel accelerates from 0 to 100 km in just 6.3 seconds (or 6.1 seconds with the Sport Chrono package fitted) thanks to its 258-bhp (190-kW) engine, and achieves a top speed of 230 km/h.

          As the top model in the Macan model line, the (3)Macan Turbo is set to be the most powerful vehicle in the compact SUV segment. The 3.6-litre V6 biturbo engine, which is being used in a Porsche model for the very first time, achieves an unrivalled 400 bhp (294 kW) and catapults the vehicle from 0 to 100 km/h in 4.8 seconds. With the Sport Chrono package fitted, it is even possible to achieve such a speed in 4.6 seconds. Although the top speed is 266 km/h, the Macan Turbo delivers NEDC* fuel consumption figures of between just 9.2 and 8.9 litres/100 km, which equates to a CO2 value of between 216 and 208 g/km.

          Its name comes from the Indonesian word for tiger. And the Macan really does live up to its name: powerful and ready to pounce at any time, yet light-footed and tenacious on off-road terrain. The latest stage of evolution of the all-wheel drive – known as Porsche Traction Management (PTM) – has produced one of the world's most powerful drive systems. In launching the Macan, Porsche now offers sporty all-wheel-drive vehicles across an unprecedented range.

          A glance at the performance specifications reveals that the Macan has been designed with agility in mind. Further unmistakable hallmarks of the vehicle include its proportions, de sign and the mixed tyres on large wheels. The engines, drive systems and seven-speed Porsche Doppelkupplung (PDK) bring the vehicle's characteristics to bear in dynamic and efficient fashion both on and off road, making for a true Porsche driving experience. The driver and passenger seats feature the low position typical of sportscars.

          The range of equipment fitted on the Macan as standard is extensive, and includes the all-wheel drive, PDK, multi-function sport steering wheel with shift paddles, large wheels, high-performance audio system and an electrically operated tailgate. The list of optional special equipment offers further highlights, such as the air suspension system, which the Macan features as the only vehicle in its segment. There is also the Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) system, which has been specially tailored to the Macan. This system distributes varying levels of drive torque to the rear wheels and works in conjunction with an electronically controlled rear-axle differential lock. The list of Porsche options includes the much sought-after dynamic high beam forming part of the Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS Plus), which continuously adjusts the headlight level in keeping with the traffic ahead and any oncoming traffic.

          Design: Deeply rooted in Porsche's legacy of sportscars
          The sportscar heritage of the Macan is evident in many details of its design. The designers have pulled out all the stops to ensure the model's proportions and lines live up to this claim. The result can be summarised in two words typical of a sportscar: broad and low. The de sign embodies sportiness, dynamism and precision, together with elegance and lightweight construction. Round lines are combined with strategically positioned precision edges. With its harmonious proportions, the Macan appears compact, powerful and close to the road.

          Even when stationary, design details taken from Porsche sportscars highlight what the Macan has to offer in terms of performance. For instance, the side view window graphics and the sloping roof line at the rear end, known at Porsche as the flyline, are a clear nod to the 911. The rear wings also have the soft profile of the 911.

          The 918 Spyder is already regarded as a vehicle that propelled the Porsche design DNA further forward. The Macan adopts this current DNA, for instance the basic shape of its main headlights is based on that of the 918 Spyder, while the sideblades at the bottom of the front and rear doors are reminiscent of the lower door seams on the hybrid super sports car inside, the Macan is fitted with a multi-function sports steering wheel as standard, the design of which is completely new and based on the 918 Spyder.

          The side view with its sporty sloping roof line creates a sharp profile and emphasises the dynamic nature of the vehicle, while the design lines running to the rear of the vehicle accentuate the broad, sculpted wings. Together with what are known as the window graphics – the edges of all lateral glass surfaces – and the shape of the D-pillar, these design lines are a nod to the design of the 911.

          A further design highlight of the side view, and another means of customising the vehicle, are the sideblades at the bottom of the front and rear doors – dynamically formed inserts that are available in different materials as an option. The design of these sideblades is reminiscent of the lower door seams on the 918 Spyder, as is the front door entry guard. Combined with the sophisticated door handles, this makes the doors appear narrower and the sides significantly more sporty and streamlined.

          On the Macan S and Macan S Diesel, the sideblades are painted in Lava Black as standard. The Macan Turbo features sideblades painted in the same colour as the exterior (optional for Macan S and Macan S Diesel), adding to the classic elegance of its look. Sideblades in Genuine Carbon, available for all models as an option, add extra emphasis to the Macan's sporty character.

          A further striking design detail of the Macan is its continuous side sill. Together with the long black roof spoiler, this feature adds to the vehicle's flowing design. The mixed tyres are up to 265 mm wide on the front axle and 295 mm wide on the rear axle. Alongside wheels of up to 21 inches, the tyres also under line the Macan's sporty intentions.

          With its subtle lines and harmonious curves, the rear end is a fusion of sportiness and elegance. It has been consciously designed as a large, mainly undisturbed area to give the vehicle a broader look. To maintain this clean look, the switch for the powerlift tailgate has been concealed at the foot of the windscreen wiper arm, and the numberplate is located in the lower rear area.

          The rear lights on the Macan are another striking feature, boasting an extremely compact three-dimensional design and LED technology – a further reference to the 918 Spyder. On all models, the rear diffuser is flanked on both sides by twin tailpipes – round on the Macan S and Macan S Diesel and square on the Turbo. All models are available with sport tailpipes made from chrome-plated stainless steel as an option.

          Sporty and high-quality interior
          The focus on agility and breadth continues into the Porsche Macan's interior. Sophisticated lines, precise transitions and high-quality workmanship create a harmonious fusion of sportiness, quality and elegance.

          From the low front seats, the sloping centre console and the display and operation concept through to the extensive range of customisation options, the interior offers both a sense of familiarity and striking new features, such as the new multi-function sports steering wheel.

          The cockpit features all the character familiar from a sportscar. The eye is immediately drawn to the standard multi-function sports steering wheel, the design of which is completely new and based on the 918 Spyder. Additional multi-function buttons fitted as standard for the telephone, radio and on-board computer, together with the ergonomically positioned shift paddles, ensure that drivers' hands are free to stay on the steering wheel and their concentration remains on the road.

          Three round dials with a centrally positioned tachometer combine to form the instrument cluster. The right-hand tube is home to the high-resolution, 4.8-inch colour display. As you would expect, the ignition lock is positioned to the left of the steering wheel – as is customary on Porsche models. The forward-sloping centre console with the high-set gear selector typical of racing cars draws the driver even further into the cockpit. The buttons for the most important functions are clustered in logical groups on the centre console, allowing for simple and intuitive operation of individual functions.

          Porsche Doppelkupplung (PDK) as standard
          For the first time in a new Porsche model range, all variants of the Macan feature the high- performance seven-speed Porsche Doppelkupplung (PDK) as standard. The advantages of this transmission design include excellent start-up performance, extremely fast gear changes without any interruption in tractive force, short reaction times, low fuel consumption and outstanding shift comfort. As in virtually all Porsche vehicles that feature the PDK, there are two shifting gates: On the right, the required switching level is engaged via a typical Porsche gear selector, while the left-hand gate can be engaged manually, or with the standard shift paddles on the steering wheel.

          Active all-wheel drive and Porsche Traction Management (PTM)
          Active all-wheel drive is part of the Porsche Traction Management (PTM) system and comes as standard for all Macan models. Together with the other elements of the system – the electronically controlled, map-controlled multi-plate clutch, the Automatic Brake Differential (ABD) and Anti-Slip Regulation (ASR) – the all-wheel drive looks after traction and safety.

          The all-wheel drive system is one of the systems with the fastest response times on the market and its design underpins the sportscar characteristics of the Macan. The rear axle is always driven, the front axle receives its drive torque from the rear axle, and the torque is dependent on the locking ratio of the electronically controlled multi-plate clutch.

          Off-road mode at the touch of a button
          Off-road mode comes as standard in the Macan, and the function is activated by pressing a button in the centre console at a speed of between 0 and 80 km/h. This function switches all the relevant systems to a traction-oriented off-road programme: For example, the shift revolutions and speeds are geared towards a greater level of traction, the clutch is pre-tensioned to a greater degree in order to provide the front axle with the appropriate drive torque more rapidly, and the standard torque split between the front and rear axle as well as the accelerator pedal response are adapted to off-road conditions. What's more, the ground clearance can be increased by 40 millimetres above its normal level thanks to the optional air suspension chassis, which gives a maximum ground clearance of 230 millimetres.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:34:34 PM
         Option: Sport Chrono package
          The optional Sport Chrono package offers improved performance at the push of a button. The Sport Chrono package enables the chassis, engine and transmission to be tuned to an even sportier level, accompanied by a sound that is even more emotive. The Sport Chrono package is characterised by the analogue and digital stopwatch on the dashboard, as well as the additional Sport Plus button in the centre console. Another element of the package is the performance display on the optional Porsche Communication Management (PCM) system, which provides information on the total driving time, distance travelled around the current lap or the time taken for each lap, for instance. “Launch Control" is also included – this function enables a level of acceleration similar to that required in a race when moving off. The time advantage gained in a standard sprint from 0 to 100 km/h is 0.2 seconds for all models. “Launch Control" enables improved lap times and a better spread between comfort and sportiness when it comes to the vehicle handling to achieve a significant boost in driving pleasure.

          Three chassis versions for the Macan
          There are three chassis versions available for the Macan. The steel spring design fulfills the very highest of standards for performance, driving pleasure, off-roading capabilities and comfort. The consistent lightweight construction philosophy embodied by the aluminium axles and chassis components contributes to driving dynamics and comfort. The front axle is based on a five-link design while the rear axle is formed by a trapezoidal-link design. At the rear axle, the separate arrangement of the springs and dampers on the wheel carrier improves ride comfort and the handling response of the dampers. This arrangement is also responsible for the large loading width of luggage compartment.

          The second version of the Macan chassis is a combination of the steel spring design and the PASM system, which comes as standard in the Macan Turbo top model. The PASM can be selected as an option for the Macan S and the Macan S Diesel. Combining the steel spring design and PASM allows the vehicle to fulfill high standards for long-distance comfort, performance and agility even more successfully. This chassis variant also offers a considerably better spread of the suspension damping across the three PASM programmes of “Comfort", “Sport" and “Sport Plus" at the touch of a button.

          PASM (Porsche Active Suspension Management)
          The electronically controlled PASM adjustable shock absorber system increases driving pleasure, safety and comfort and is part of the standard equipment for the Macan Turbo. The system actively and continuously regulates the damper force on the front and rear axles. Vehicles normally demonstrate noticeable body movement in response to a very dynamic driving style involving sharp acceleration and brake phases or when off-roading. The PASM is designed to intervenes and reduce body movement. Depending on their preferences and requirements, drivers can choose between three programmes: “Comfort", “Sport" and “Sport Plus".

          Air suspension: Unique in the market segment
          The third version of the Porsche Macan chassis, and exclusive in this vehicle segment, is the optional air suspension including leveling system, height adjustment and PASM. This chassis variant also satisfies the highest demands for comfort, sportiness and performance, and puts the vehicle in pole position in comparison to every other chassis design.

          In comparison to the steel spring design, the Macan with air suspension sits 15 millimetres lower at Normal Level and, due to the associated lower centre of gravity, it offers both increased driving dynamics and improved comfort. The air suspension maintains a consistent vehicle position automatically, regardless of the load distribution. The ground clearance can be adjusted to three different levels as required: “High Level I", “Normal Level" and “Low Level". In “High Level I”, the vehicle sits 40 millimetres above “Normal Level", with a maximum ground clearance of 230 millimetres. This option is activated via the off-road button and can be used at speeds between 0 and 80 km/h.

          Powerful brakes offering a top-class performance level
          The brakes of the Porsche Macan match the vehicle's exceptional performance level. In line with the usual high standard set by the brand, the Macan is leading the way with the most powerful braking system in its market segment. The Macan relies on six-piston fixed-calliper front brakes with aluminium monobloc brake callipers. In the Macan S and the Macan S Diesel, the brake callipers press on brake discs with a diameter of 350 millimetres, while the brake discs in the Turbo have a diameter of 360 millimetres. In all models, the braking action at the rear is provided by combined floating calliper brakes with an integrated electric parking brake. The rear brake discs for the Macan S and Macan S Diesel have a diameter of 330 millimetres and the rear brake discs of the Turbo have a diameter of 356 millimetres. The electric parking brake offers greater comfort and safety when parking the vehicle. The parking brake is released automatically when moving off. Another feature making its debut is the hold function.

          Mixed tyres: Functional and visual benefits
          The use of tyres on the Macan is typical of a sportscar: The vehicle is designed to use mixed tyres with different dimensions at the front and rear axle. The mixed tyres emphasise the sportscar look of the Porsche Macan and also offer some functional advantages: In combination with the all-wheel drive system designed for tail-heavy vehicles, the wide tyres on the rear axle increase traction and enhance driving stability. The narrower front tyres enable sporty yet precise steering manoeuvres, thereby contributing to the agility of the vehicle, too. Overall, the mixed tyres play a key role in the excellent driving performance of the Macan. 235/60 R 18 (front) and 255/55 R 18 (rear) tyres are standard equipment for the Macan S and Macan S Diesel, while the Macan Turbo features 235/55 R 19 (front) and 255/50 R 19 (rear) tyres.

          The wheels available for the Porsche Macan perfectly capture its character. And on the road. There is a vast range of wheels in attractive designs to choose from. The range includes wheels of up to 21 inches in size, which are available for all Macan models.

          Electromechanical power steering
          The electromechanical power steering system – the first to be found in a Porsche SUV – allows the Macan to be driven precisely and more directly with the responsiveness typical of the Porsche brand in all driving situations. The steering system also offers a number of fuel consumption benefits: In comparison to conventional hydraulic steering systems, electro- mechanical steering saves up to 0.1 litres of fuel per 100 kilometres because the system only requires energy for steering. An important effect of the system is the fact that the Macan can be fitted with a lane departure warning system that works with the electro-mechanical power steering and controls the active steering interventions when they are necessary.

          Body: Developed for the sportscar within the compact SUV segment
          A key consideration for the development of the Macan body was the aim to create a vehicle that immediately stood out as a Porsche in comparison to other compact SUVs, i.e. to create a sportscar for this market segment. This aim has certainly been achievedas demonstrated by several of the vehicle's features: For example, the bonnet covers the wheel arches and encloses the main headlights, making the front of the car look broad and robust. The crisp design lines on the bonnet that ex tend forwards emphasise the width of the vehicle even further. The body is manufactured completely from aluminium, leading to a reduction in weight and therefore contributing to efficiency and dynamism.

          Interior and equipment: Outstanding, high-quality equipment
          The passenger compartment of the Porsche Macan picks up on the current Porsche sports car design, delivering a premium look. Among the equipment on offer in the interior is the Burmester High-End Surround Sound system, available for the first time in a vehicle of this class. Other new equipment options include the lane departure warning system and lane change assist system. Features such as the Adaptive Cruise Control (ACC) with Porsche Active Safe (PAS) deliver a further boost to comfort and safety.

          Ergonomics support sporty driving: The forward-sloping centre console and the driver's seat position ensure a very short distance between the steering wheel and gear selector, while the driver is now even more closely integrated within the interior thanks to the high-set gear selector typical of racing cars. Controls for all the key functions and settings are clustered in logical groups on the centre console, with buttons located within easy reach to ensure quick, intuitive operation. As with all Porsche models, the ignition lock is positioned to the left of the steering wheel.

          The instrumentation is also typically Porsche, offering three conventional round dials with a centrally positioned tachometer. A gear indicator within the tachometer tells the driver which gear has been engaged by the Porsche Doppelkupplungsgetriebe (PDK). A high-resolution, 4.8-inch colour display is contained in the right-hand dial. In addition to the most important on-board computer functions, this feature also displays the maps for the optional Porsche Communication Management (PCM) system with navigation module.

          Perfect vision and signals: lighting systems in the Macan
          The lighting systems and design of the Porsche Macan form a unified whole, delivering exceptional functionality. The distinctive features at the front of the Macan include the generously proportioned main headlight modules, the daytime running lights and the arrangement of the fog lights. The tail lights with their slim design underscore the vehicle's sports car character, making the Macan unmistakable even in the dark.

          Projector-beam halogen main headlights are fitted as standard on the Porsche Macan. Bi-Xenon main headlights are also available as an option (fitted as standard in the Macan Turbo). Also featuring projector type technology, these lights include static and dynamic cornering lights (Porsche Dynamic Light System [PDLS]).

          The Macan S and Macan S Diesel feature halogen daytime running lights, while the Macan Turbo is equipped with 4-point LED technology. Fog lights are also included as standard for all Macan models to ensure safety on the road, even in poor weather conditions. The Macan S and Macan S Diesel have round halogen fog lights integrated in the front end. On the Macan Turbo, these lights are draw on LED technology.

          The tail lights are implemented in full using LED technology, and are similar in design to those in the Porsche 918 Spyder. The lights give a highly sophisticated and broad appearance, further reinforcing the sportscar characteristics of the Macan. The 3D design is particularly striking and makes the Macan unmistakable – by day and by night: The circular brake light emphasises the slender details of the horizontal tail light, simultaneously accentuating the direction the 3D light effect, which is just as impressive by day as it is by night, ensures that the vehicle is easily recognisable.

          (1) Macan S*: urban fuel consumption 11.6 – 11.3 litres/100 km; extra-urban fuel consumption 7.6 – 7.3 litres/100 km; combined fuel consumption 9.0 – 8.7 litres/100 km; CO2 emissions 212 – 204 g/km
          (2) Macan S Diesel*: urban fuel consumption 6.9 – 6.7 litres/100 km; extra-urban fuel consumption 5.9 – 5.7 litres/100 km; combined fuel consumption 6.3 – 6.1 litres/100 km; CO2 emissions 164 – 159 g/km
          (3) Macan Turbo*: urban fuel consumption 11.8 – 11.5 litres/100 km; extra-urban fuel consumption 7.8 – 7.5 litres/100 km; combined fuel consumption 9.2 – 8.9 litres/100 km; CO2emissions 216 – 208 g/km

          *Versatility depending on the tyre set used

          More information please contact AAS Auto Service Co.,Ltd. 02-522-6655 ext.101-103 or visit us at www.porsche.co.th
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:38:27 PM
ดูคาติเขย่าวงการซุปเปอร์ไบค์ เซอร์ไพรส์ด้วยรถที่เบาที่สุด และเร็วที่สุด ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013

          ดูคาติไทยแลนด์ เผยโฉม “Superleggera” สุดยอดยนตรกรรมตระกูลซุปเปอร์ไบค์ที่เบาที่สุด และเร็วที่สุดคันแรกของโลก เอาใจคนรักความแรงไปกับ “899 Panigale” เทคโนโลยีย่อส่วนจากสนามแข่ง สู่ความคล่องแคล่วปราดเปรียวบนท้องถนน และโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ไปกับสปอร์ตเน็คเก็ต “Monster796 ABS Corse Stripe” ดีไซน์ใหม่ โฉบเฉี่ยว ร้อนแรง ทุกมุมมอง พร้อมมอบแคมเปญพิเศษสุดส่งท้ายปีในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013

          มร.ปิแอร์ ฟรานเชสโค สคาลโซ่ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งนี้ว่า “การที่ดูคาติไทยแลนด์ได้เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์องค์กรทั้งในด้านการสร้างการรับรู้ในแบรนด์และเรื่องของการตลาด เนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ที่ทำให้เราเข้าถึงลูกค้าจำนวนหลักแสนหลักล้านได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญการนำรถดูคาติโมเดลใหม่มาเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปของเมืองไทย นับว่าเป็นการนำผลิตภัณฑ์มาตอบสนอง ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าคนไทยที่หันมานิยมการขับขี่บิ๊กไบค์ และเป็นการรองรับการขยายตัวของฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในปีหน้าอีกด้วย”

          นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด กล่าวต่อว่า “ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้มีการนำรถดูคาติหลากหลายรุ่นมาจัดแสดงโชว์ในงาน เพื่อนำประสบการณ์ด้านรถจักรยานยนต์ ไปถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่มาชมงานได้รู้จัก รู้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานที่มีมากว่า 80 ปี ของดูคาติ และเอกลักษณ์อันโดดเด่นของการดีไซน์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำรถดูคาติโมเดลใหม่มาเปิดตัวในงานถึง 3 รุ่น พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์”

          รถจักรยานยนต์ดูคาติที่นำมาเปิดตัวในงานได้แก่
          1. Ducati Monster796 ABS Corse Stripe จุดเริ่มต้นแห่งไลฟ์สไตล์สู่ความเป็นเน็คเก็ตไบค์อย่างแท้จริง ด้วยความสมบูรณ์แบบแห่งดีไซน์รูปโฉมใหม่ที่โดดเด่นด้วยลายขาวคาดกลางและความคล่องแคล่วปราดเปรียวแบบสปอร์ตของเครื่องยนต์ 803 CC. 87 แรงม้า มาพร้อมสวิงอาร์มเดี่ยว ล้อแม็ก 10 ก้าน ให้คุณขับขี่อย่างมีสไตล์ได้ทุกวัน เปิดตัวด้วยราคาสุดร้อนแรง 449,500 บาท
          2. Ducati 899 Panigale ปฏิวัติวงการซุปเปอร์ไบค์ด้วยการหยิบยกเทคโนโลยีของ Panigale จากสนามแข่ง สู่ท้องถนนที่ให้อัตราเร่งและความคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ ด้วยสุดยอดขุมพลัง Superquadro 148 แรงม้า ในราคาพิเศษสำหรับช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โป 939,000 บาท จากปกติ 999,000 บาท และสำหรับผู้ที่จองในงานเฉพาะวันที่ 29 พ.ย.56 จะได้รับสิทธิพิเศษในการครอบครอง Ducati 899 Panigale ในราคาพิเศษสุด 899,000 บาท
          3. Ducati 1199 Superleggera สุดยอดยนตรกรรมซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคันแรกของโลกที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 155 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพละกำลังหมาศาลกว่า 200 แรงม้า และทำเวลาได้ดีที่สุดในสนามแข่ง Misano ซึ่ง Ducati 1199 Superleggera มีเพียง 500 คันทั่วโลก โดยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 10 คันเท่านั้น ในราคา 4,099,000 บาท

          ทั้งนี้ ดูคาติไทยแลนด์ได้นำรถที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามอย่าง Ducati Monster795 มาจัดแสดงโชว์ในงาน โดยมาในรูปโฉมปี 2014 ด้วยราคา 399,990 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษ Premium Pack (Balloon) นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญสุดพิเศษสำหรับรถรุ่นอื่นๆ อาทิเช่น ดาวน์ต่ำเพียง 20% ทุกรุ่น, ผ่อน 0% 4 ปี, สิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย เป็นต้น

          นอกจากรถจักรยานยนต์ดูคาติแล้ว ยังมีสินค้าไลฟ์สไตล์อย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หมวกกันน็อค และอุปกรณ์ต่างๆ สไตล์ดูคาทิสต้าที่นำมาโชว์และจัดจำหน่ายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ในราคาพิเศษอีกด้วย

          ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการขยายศูนย์บริการดูคาติให้ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองสำคัญของไทยทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่ ดูคาติทองหล่อ, ดูคาติพระราม 3, ดูคาติ สยามพารากอน, ดูคาติราชพฤกษ์, ดูคาติภูเก็ต, ดูคาติอุดรธานี, ดูคาติพัทยา, ดูคาติเชียงใหม่ ดูคาตินครราชสีมา และดูคาติ วิภาวดี ซึ่งเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรแห่งที่ 10 บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์บริการดูคาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คือ มีศูนย์ฝึกอบรม มีห้องทดสอบสมรรถนะรถ และมีศูนย์ซ่อมที่สามารถรองรับปริมาณรถได้กว่า 600 คันต่อเดือน นอกเหนือจากนี้ ในพื้นที่ด้านหลังของศูนย์บริการ ยังมีสนามฝึกสอนสำหรับผู้ขับขี่เบื้องต้น เพื่อให้สอดคล้องกับการรณรงค์ การขับขี่ปลอดภัยของดูคาติไทยแลนด์ ตามแนวคิดว่า Be Safe, Be Cool ที่บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมมาตลอดทั้งปี

          สำหรับแผนการตลาดในปี 2557 นั้น ทางบริษัทฯ ยังมีหลักสูตร DREหรือ Ducati Riding Experience โดยทีมครูฝึกของดูคาติไทยแลนด์ที่ได้ผ่านการอบรมจากหลักสูตร Ducati Riding Experience หรือ DRE ของประเทศอิตาลี โดยหลักสูตร DRE แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ (1) Basic Course (2) Intermediate Course และ (3) Advance Course ซึ่งแต่ละหลักสูตรจะพัฒนาให้ผู้ขับขี่มีทักษะที่สูงขึ้น จากผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ให้ขับขี่อย่างปลอดภัยจนไปสู่การขับขี่ในสนามได้อย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมทักษะให้ลูกค้าได้ฝึกขับขี่ได้อย่าง ถูกต้อง และรณรงค์เรื่องความปลอดภัย เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ถือเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ที่เราใส่ใจและทำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนคอร์สอบรมการขับขี่ DRE ให้มากขึ้น โดยจะมีการจัดอบรมหลักสูตร DRE-Beginner สำหรับผู้ที่สนใจเป็นประจำทุกสัปดาห์ และการจัดกิจกรรม Ducati Travel Experience เป็นประจำทุกๆ เดือน ประกอบกับการมุ่งมั่นในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อีกทั้งยังคงมุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพด้านการให้บริการ โดยจะมีการอบรมพัฒนาบุคลากรทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะมอบการบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้บริโภค สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในเรื่องการบริหารและการบริการที่ดีเสมอมา รวมถึงการมุ่งมั่นในการมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ลูกค้าตลอดไป
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:43:13 PM
ภาพข่าว: ดูคาติเขย่าวงการซุปเปอร์ไบค์ เซอร์ไพรส์ด้วยรถที่เบาที่สุด เร็วที่สุด ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013



          มร.ปิแอร์ ฟรานเชสโค สคาลโซ่ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากขวา) อภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ (ขวา) และ ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ร่วมเปิดตัวรถ 1199 Superleggera สุดยอดยนตรกรรมซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคันแรกของโลกที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 155 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพละกำลังหมาศาลกว่า 200 แรงม้า และทำเวลาได้ดีที่สุดในสนามแข่ง Misano มีเพียง 500 คันทั่วโลก โดยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 10 คันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวรถใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ Monster796 Corse Stripe เน็คเก็ตไบค์รูปโฉมใหม่ที่โดดเด่นด้วยลายขาวคาดกลาง คล่องแคล่วปราดเปรียวแบบสปอร์ตของเครื่องยนต์ 803 CC. 87 แรงม้า มาพร้อมสวิงอาร์มเดี่ยว ล้อแม็ก 10 ก้าน และ 899 Panigale ปฏิวัติวงการซุปเปอร์ไบค์ด้วยการหยิบยกเทคโนโลยีของ Panigale จากสนามแข่ง สู่ท้องถนนที่ให้อัตราเร่งและความคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ ด้วยสุดยอดขุมพลัง Superquadro 148 แรงม้า ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:44:28 PM
“MOTOR EXPO” ชวนโหวทพริททีชิงทอง











          งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ชวนผู้ชมร่วมสนุกกับแคมเปญโหวทพริททีชิงรางวัล รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท พลาดไม่ได้... เพียงส่ง SMS โหวท 19 พริทตี้สาวสวยโดนใจ ได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2556

          อัครเรศ เตชะบูรณะเทพาภรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท สื่อสากล จำกัด หัวหน้าโครงการประกวด “Motor Expo Smart Pretty Vote 2013” เปิดเผยว่า ปีนี้เรายังคงได้รับความสนใจจากค่ายรถส่งพริททีร่วมประกวดถึง 19 ท่าน ซึ่งล้วนมีความโดดเด่นทั้งความสวย ความสง่างาม รวมถึงมีปฏิภาณไหวพริบดี โดยผู้จัดเปิดช่องทางให้ร่วมสนุกผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่

          1) โหวททางแผ่นพับในงาน ลุ้นรับรางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท รางวัลที่ 2 ทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท รางวัลที่ 3 ลำโพงติดรถยนต์ ยี่ห้อ ROCKFORD FOSGATE รุ่น P1692C มูลค่า 12,000 บาท จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่า 24,000 บาท
          2) โหวทผ่าน SMS (สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้า truemove และ truemove H 3G+ เท่านั้น) ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงพิมพ์ P ตามด้วยหมายเลขของ PRETTY ที่ต้องการโหวท เช่น P01
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677306 เพื่อการโหวท 1 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 3 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677307 เพื่อการโหวท 5 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 15 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677308 เพื่อการโหวท 10 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 30 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677309 เพื่อการโหวท 20 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 60 บาท
          แล้วส่ง SMS ไปยังหมายเลข 4677310 เพื่อการโหวท 50 ครั้ง ค่าบริการครั้งละ 150 บาท
          ลุ้นรางวัล รางวัลที่ 1 TABLET ยี่ห้อ OE รุ่น FUNPAD 7 ขนาด 7 นิ้ว มูลค่า 3,450 บาท
          จำนวน1 รางวัล และรางวัลที่ 2 น้ำมันเครื่อง ปตท.ขนาด 4.0 ลิตร จำนวน 10 รางวัล

          สำหรับพริททีที่ได้รับการโหวทสูงสุด จะได้รับของรางวัลดังนี้ รางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 63,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 10,500 บาท สำหรับขวัญใจ SOCIAL NETWORK จากคะแนนโหวทสูงสุด จะได้รับทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่าประมาณ 21,000 บาท

          ในปีที่ผ่านมา พริททีจากบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คว้ารางวัลชนะเลิศด้วยคะแนนโหวทสูงสุด ส่วนปีนี้รางวัล “Motor Expo Smart Pretty Vote 2013” จะตกเป็นของสาวสวยมากความ สามารถจากบริษัทรถยนต์รายใดต้องติดตาม

          ผู้จัดจะรวบรวมคูปองทั้งหมด พร้อมจับคูปองรายชื่อผู้โชคดีจากการโหวทผ่านข้อความ (SMS) ในวันที่ 30 มกราคม 2557 ต่อหน้าสักขีพยาน สื่อมวลชน และคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ โดยจะประกาศรายชื่อในนิตยสาร "ฟอร์มูลา", คาร์ สเตอริโอ, 4 WHEELS ฉบับประจำเดือนเมษายน 2557 และwww.motorexpo.co.th
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 02, 2013, 05:57:37 PM
โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ ร่วมงาน Motor Expo 2013 อิมแพค 29/11-10/12









          เริ่มแล้ววันนี้ งาน Motor Expo 2013 อิมแพค เมืองทองธานี Challenger 3 พลาดไม่ได้ กับ งานใหญ่ ด้านยานยนต์ ปลายปี พบกับ เครื่องเสียงรถยนต์ หลากหลายค่าย และ ตื่นตาตื่นใจ กับ นวัตกรรม เครื่องเสียงรถยนต์ ใหม่ๆ เทคนิคการติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ เชิญแวะมเยี่ยมชมที่ โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ Challenger 3 ในงาน มีของแถมมากมาย และ ชุดโปรโมชั่น พิเศษ อีกมากมาย
http://www.overhornsound-ratchaphruek.com/about.php
email: info@overhornsound-ratchaphruek.com
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 10:09:57 AM
MAXXMA ยกขบวนสินค้าร่วมงาน MOTOR EXPO 2013 ชู ฟิล์มใสป้องกันรอย (Clear Guard) ดันยอดช่วงโค้งสุดท้าย




 
          ฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่า (MAXXMA ECO FILM) นำสินค้าเข้าร่วมงาน “มหกรรมยานยนต์”ครั้งที่ 30 หรือ THE 30th THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2013 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน -10 ธันวาคม 2556 เตรียมกวาดยอดขายทิ้งทวนปี 2013 พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ 20-30% ตลอดงาน นำขบวนด้วยสินค้ายอดฮิตฟิล์มใสป้องกันรอย (Clear Guard)

          นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มประหยัดพลังงานภายใต้แบรนด์ “ MAXXMA” (แม็กซ์ม่า) เปิดเผยว่า บริษัทได้ไปร่วมออกบูธในงาน MOTOR EXPO 2013 ซึ่งการไปร่วมงานครั้งนี้ ได้นำสินค้าต่างๆของบริษัท เช่น ฟิล์มประหยัดพลังงานรถยนต์-อาคาร ไปแนะนำและจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ โดยไฮไลท์ของบูธก็คือ ฟิล์มใสป้องกันรอย (Clear Guard)

          โดยเป็นฟิล์มใสป้องกันรอย 3 จุด คือบริเวณมือจับประตู (Maxxma Clear Guard) เป็นฟิล์มที่สามารถปกป้องผิวรถยนต์ได้ 100% จากรอยขีดข่วนมือจับที่เปิดประตูที่อาจเกิดขึ้นได้จากรอยเล็บมือ แหวน กุญแจรถหรือการขูดขีดจากของมีคม Maxxma Clear Guard ทำจากวัสดุสังเคราะห์ชนิดพิเศษใสที่มีคุณภาพสูง ทำจากโพลียูรีเทน หนา 200 ไมครอน ให้ความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูงต่อการรับแรงกระทบจากเศษวัสดุต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน และยังมีคุณสมบัติพิเศษด้วยเนื้อยูริเทนใสทำให้ง่ายต่อการยึดติดกับสารอคริลิคที่มีความละเอียดอ่อน ช่วยให้การยึดติดของเนื้อฟิล์มเนียนเรียบไปกับมือจับประตูได้อย่างสวยงาม โดยไม่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของรถ

          ล่าสุดบริษัทได้คิดค้นฟิล์มใสป้องกันรอยเพิ่มขึ้นอีก 2 จุดคือฟิล์มใสปกป้องขอบประตู(Door Edges)และกาบประตู(Door Sill or Trunk Sill)ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์มใสสำเร็จรูป เหมาะสำหรับผู้ที่รักรถยนต์ รวมถึงต้องการดูแลและปกป้องรถยนต์ จะเน้นการปกป้องและดูแลรักษาบริเวณที่เปิดขอบประตู ซึ่งจะช่วยป้องกันรอยขีดข่วน รอยกระแทก ที่ตำแหน่งขอบประตู และกาบประตูซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการเปิดประตูและการขึ้นลงรถ

          นอกจากนี้ ยังได้นำฟิล์มประหยัดพลังงานแม็กซ์ม่า ไปร่วมออกบูธครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยจัดโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ พร้อมของแจก ของแถมมากมายภายในบูธ และที่พิเศษสามารถเข้าร่วมสนุกรับส่วนลดเพิ่มเติมได้ที่ facebook “maxxma film”

          นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรกที่ลูกค้าทิ้งใบจองจำนวนมาก ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อหดหาย หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น จนหลายฝ่ายเริ่มมีความกังวล อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีท่าทีที่จะสงบลง แต่บริษัทก็ไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และตัดสินใจซื้อด้วยตัวตนของสินค้าที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 10:11:25 AM
Gossip News: แอฟ-ทักษอร ร่วมเปิดตัวรถดูคาติในงานมอเตอร์เอ็กโป 2013


 
          แอบเห็นสาวหวานอย่าง “แอฟ” ทักษอร เตชะณรงค์ มาร่วมงานเปิดตัวรถบิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลียนสุดเท่อย่างดูคาติ ซึ่งดูคาติไทยแลนด์จัดเซอร์ไพรส์มาเอาใจสาวกบิ๊กไบค์ถึง 3 รุ่น ได้แก่ 1199 Superleggera, Monster796 Corse Stripe และ 899 Panigale ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานนี้ สาวแอฟจะอยากซ้อนท้ายไปกับหนุ่มสงกรานต์ หรือสลัดลุคสาวหวานมาเป็นสาวนักบิด ต้องรีบไปถามสาวแอฟด่วนๆ!
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 10:12:54 AM
ภาพข่าว: สามมิตร กรีนพาวเวอร์โชว์ที่สุดยนตรกรรม “รถกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี” แบรนด์ไทยมาตรฐานโลก ในงานMotor Expo 2013


 
          นายสุรยุทธิ์ โพธิ์ศิริสุข(ที่ 4 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามมิตร กรีนพาวเวอร์ จำกัด (SGP)พร้อมด้วย นายวิจิตร แตงน้อย(ที่ 3 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการใหญ่สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี และนายบัญชา ชุมชัยเวทย์ (ที่ 3 ที่จากซ้าย) ร่วมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด “กระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี”ในงาน Motor Expo 2013โดยชูสมรรถนะ “แรง ทน คุ้มค่า”โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีชุดอุปกรณ์ PTT Diesel CNG ซึ่งเป็นระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติแบบเชื้อเพลิงร่วมสำหรับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็กภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ารถยนต์ดีเซล ทนทาน ประหยัดเชื้อเพลิงและเพิ่มฟังก์ชั่นออฟโรดตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยผู้สนใจร่วมพิสูจน์สมรรถนะรถกระบะเอราวัณ ดีเซล ซีเอ็นจี ได้ที่บูธสามมิตรกรีนพาวเวอร์ เลขที่ B02 ตั้งแต่วันนี้ถึง – 10 ธันวาคมนี้ ในงาน Motor Expo 2013ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 10:13:44 AM
ภาพข่าว: “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” เปิดยิ่งใหญ่ ชวนชมยนตรกรรม “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก”
 

 
          พลตำรวจโท ดร.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน (ที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30" โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน ให้การต้อนรับ ณ ห้องรอยัล จูบีลี่ อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 11:11:36 AM
โซนี่ไทย อวดโฉมเครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์รุ่นใหม่ ชูเทคโนโลยี MHL ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013”
 

 
          บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด อวดโฉมสุดยอดนวัตกรรมเครื่องเสียงรถยนต์ พร้อมเปิดตัวเครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์รุ่นใหม่ ชูจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี MHL(Mobile High Definition Link) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดภาพและเสียงแบบดิจิตอลจากสมาร์ทโฟนสู่จอแสดงผลความคมชัดสูง พร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วยโดยใช้สายเชื่อมต่อ MHL/HDMI เพียงเส้นเดียว ผ่านช่องพอร์ท HDMI แสดงภาพและเสียงจากสมาร์ทโฟนขึ้นสู่หน้าจอเครื่องเล่นอย่างสะดวกและง่ายดาย พร้อมเชิญผู้สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับนวัตกรรมความบันเทิงในรถยนต์ล่าสุดที่ติดตั้งในรถซูเปอร์คาร์ 7 คัน 7 สไตล์ ที่บูธโซนี่ ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013” ในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

          มร.สเปนเซอร์ โลว์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์แอนด์ซาวด์ โซนี่ อิเลคทรอนิคส์ สิงคโปร์ และมร.จุมเป สุกิโมโต ผู้จัดการแผนกการตลาดผลิตภัณฑ์โฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ร่วมกันแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมกล่าวว่า “สำหรับในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 นี้ ทางโซนี่ได้เตรียมสุดยอดนวัตกรรมเครื่องเสียงรถยนต์มาให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมทดสอบประสิทธิภาพกันที่บูธโซนี่กันอีกด้วย พร้อมกันนี้ได้ทำการเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่จากโซนี่ อาทิ เครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์ รุ่น XAV-712BT, XAV-612BT, XAV-602BT และ XAV-65 ที่โดยในรุ่น XAV-712BT, XAV-612BT จะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี MHL(Mobile High Definition Link) ซึ่งเป็นการถ่ายทอดภาพและเสียงแบบดิจิตอลจากสมาร์ทโฟนสู่จอแสดงผลความคมชัดสูง พร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่ไปด้วยโดยใช้สายเชื่อมต่อ MHL/HDMI เพียงเส้นเดียว ผ่านช่องพอร์ท HDMI แสดงภาพและเสียงจากสมาร์ทโฟนขึ้นสู่หน้าจอเครื่องเล่นอย่างสะดวกและง่ายดาย รวมถึงเทคโนโลยี MirrorLink™ ที่จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆภายในรถยนต์ซึ่งจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้โดยตรง มาพร้อมหน้าจอแบบ LED ความละเอียด 1.15 ล้านพิกเซล ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสมจริงเทียบเท่าจอทีวีที่บ้าน สามารถใช้งานได้กับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายด้วยการสัมผัสที่หน้าจอของเครื่องเล่นได้โดยตรง อีกทั้งยังเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ด้วยระบบเสียง Virtual 4.1 multi-channel ที่จำลองเสียงรอบทิศทางและสะดวกสบายไปกับการทำงานของ App Remote Version 2.0 ด้วยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นพร้อมเชื่อมต่อบลูทูธเข้ากับเครื่องเล่น โดยสามารถควบคุมความบันเทิงของเครื่องเสียงภายในรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียง และหากมีการส่งข้อความ(SMS) เข้ามายังสมาร์ทโฟน ระบบจะทำการอ่านออกเสียงข้อความที่เข้ามาโดยอัตโนมัติอีกด้วย นับเป็นนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และให้คุณได้เต็มอิ่มกับความบันเทิงที่หลากหลายให้กับทุกการเดินทางของคุณ”

          พร้อมกันนี้เครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์รุ่นใหม่ของโซนี่นี้ยังมีการแจ้งเตือนต่างๆในขณะขับรถ เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยในการเดินทาง และสามารถรองรับการเล่นไฟล์วีดีโอ MP4 720P / AVI / Xvid / WMV และเล่นไฟล์วีดีโอที่เก็บอยู่ใน iPhone 5 / iPhone 5S / iPhone 4 / iPhone 4S / iPod ได้ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ Navigation แผนที่นำทางได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถอัพเดต Firmware ได้ด้วยตัวเองผ่านทาง USB ได้อีกด้วย

          นอกจากนี้ภายใน งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 “Motor Expo 2013” ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงที่หลากหลายจากจากชุดเครื่องเสียงที่โซนี่ได้ติดตั้งในรถยนต์ตั้งแต่ชุดความบันเทิงระดับไฮเอนด์ในรถซูเปอร์คาร์ จนถึงชุดประหยัดในอีโคคาร์ทั้งหมด 7 คัน 7 สไตล์ พิเศษ...พบกับโปรโมชั่นเด็ดๆอีกมากมายที่จัดเตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ อาทิ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับส่วนลด และขอสมนาคุณที่มีมูลค่าสูงถึง 25,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าจากบูธโซนี่ภายในงาน เท่านั้นยังไม่พอด้วยข้อเสนอสุดพิเศษกับการเพิ่มระยะเวลาการรับประกันสินค้าเป็น 2 ปีเต็ม รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจตลอดงาน

          สำหรับเครื่องเล่นมัลติมีเดียในรถยนต์ที่จะวางจำหน่ายมี 4 รุ่น ได้แก่ XAV-712BT, XAV-612BT, XAV-602BT และ XAV-65 โดยจะรองรับการงานของ App Remote Version 2.0 โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร. 0-2715-6100
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 03:10:02 PM
MOTOR EXPO ชวน “แชะแล้วแชร์!” “Like My Motor Expo 2013” ลุ้นรางวัลกว่า 5 หมื่น



          งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ขอเชิญร่วมสนุกกับกิจกรรม “Like My Motor Expo 2013” ลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท ด้วยกติกาง่ายๆ เพียงถ่ายภาพบรรยากาศในงาน MOTOR EXPO 2013 พร้อมตราสัญลักษณ์ MOTOR EXPO 2013 หรือ ภาพที่มีกรอบ MOTOR EXPO 2013 โดยสามารถโหลดได้จากแอพพลิเคชั่น “MOTOR EXPO” ผ่าน App Store และ Play Store แล้วโพสต์ไปยัง Facebook, Twitter หรือ Instagram (IG) ของตนเอง พร้อมใส่ hashtag ว่า #motorexpothailand ด่วน! ไม่จำกัดจำนวนภาพ หรือ ID ที่เข้าประกวด

          คณะกรรมการตัดสินจะพิจารณาจากโพสต์ที่ไม่ผิดกติกาและมียอดจำนวน “LIKE” สูงสุด เพื่อชิงรางวัลชนะเลิศ ล้อแม็กยี่ห้อ COSMIS ขนาด 17x8.5 นิ้ว จำนวน 1 รางวัล (4ล้อ) มูลค่ารางวัลละ 26,000 บาท สำหรับรางวัลรองชนะเลิศ รับ TABLET ยี่ห้อ OE รุ่น FUNPAD 8 นิ้ว จำนวน 5 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 4,000 บาท

          ห้ามพลาด!! ร่วมสนุกได้ตั้งแต่ วันนี้ -10 ธันวาคม 2556 เท่านั้น ประกาศรายชื่อผู้โชคดีภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2556 หน้า Motor expo Fan Page เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ติดตามกติกาและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.motorexpo.co.th/2013/
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 03:18:34 PM
ภาพข่าว: ซิตี้ ออโต้โมบิล เผยโฉม The All New Range Rover Sport ครั้งแรกในประเทศไทย



          ซิตี้ ออโต้โมบิล เผยโฉม The All New Range Rover Sport ครั้งแรกในประเทศไทย สุดยอดรถสปอร์ต SUV ที่เร็วและแรงที่สุดเพื่อการขับขี่สุดเร้าใจจากแลนด์โรเวอร์

          ยานยนต์สปอร์ตหรูสมรรถนะแรงเหนือระดับพาคุณพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ในชั่วพริบตาเพียง 5 วินาที! พบกันในงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30’

          สรรพงษ์ ชื่นโรจน์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด และ ดนัย จันทรงาม (ขวา) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย ร่วมเผยโฉม “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต (The All-New Range Rover Sport)” สุดยอดรถสปอร์ตเอนกประสงค์สุดหรูเร็วที่สุดและแรงที่สุดจากแลนด์โรเวอร์ พร้อมนิยาม More Range Rover More Sport เปิดตัวในเมืองไทย 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ราคาตั้งแต่ 7,750,000 – 10,050,000 บาท ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” พร้อมสิทธิพิเศษ สำหรับ 3 ท่านแรก ที่ซื้อรถ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต “ภายในงาน รับบัตรเข้าชมการแข่งขัน F1 Singapore Grand Prix 2014
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 03:20:53 PM
อีซูซุตอกย้ำความแรงของ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” พร้อมชู “อีซูซุดีแมคซ์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” มาตรฐานใหม่ของปิกอัพระดับโลก ! ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30











          อีซูซุตอกย้ำกระแสความแรงของ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” (ISUZU MU-X) สุดยอดยนตรกรรมระดับหรูที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ พร้อมยอดขายถล่มทลายกว่า 5,000 คัน ภายใน 10 วันแรกของการจำหน่าย ด้วยคอนเซ็ปบูธที่สะท้อนความสำเร็จที่เหนือกว่าด้วย “เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ” (PRIVILEGE of the LEADER) ใน “งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” นำโดย “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” (ISUZU MU-X) และ “อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” มาตรฐานใหม่ของปิกอัพระดับโลก ! หลากรุ่นหลายสไตล์ พร้อมเครื่องยนต์ ISUZU Ddi SUPER COMMONRAIL เวอร์ชั่นล่าสุด มาตรฐาน EURO 4 พัฒนาการล้ำหน้า เพื่อสมรรถนะทรงพลัง พร้อมความประหยัดน้ำมันเหนือชั้น รักษาสิ่งแวดล้อม

          มร. ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า ““อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” ยอดยนตรกรรมสุดหรูได้รับการตอบรับอย่างท้วมท้น พิสูจน์ได้จากยอดขายกว่า 5,000 คันในเวลาเพียง 10 วัน นับจากการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย สำหรับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” นี้ อีซูซุจึงได้ต่อยอดความแรงของ “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” ภายใต้การสร้างสรรค์บูธในคอนเซ็ป “เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ” หรือ “PRIVILEGE of the LEADER” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์หรูระดับผู้นำ พร้อมเปิดตัว “อีซูซุดีแมคซ์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” มาตรฐานใหม่ของปิกอัพระดับโลก ! ครั้งแรกในวงการรถปิกอัพเมืองไทย กับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน เห็นชัดแม้กลางแดดจ้า ฝนตกหรือหมอกลงจัด เพิ่มวิสัยทัศน์การมองเห็นแก่ผู้ร่วมทาง มาตรฐานความปลอดภัยเดียวกับรถระดับหรูจากยุโรป พร้อมไฟหน้าแบบ PROJECTOR ลำแสงคมชัดสว่างไกล และไฟเลี้ยวแบบ LED ที่กระจกมองข้าง สว่างมองเห็นได้ชัดเจน พร้อมด้วยเครื่องยนต์ ISUZU Ddi SUPER COMMONRAIL เวอร์ชั่นล่าสุด มาตรฐาน EURO 4 ที่นำมาให้ทุกท่านสัมผัสกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และสมรรถนะอันเหนือชั้นกันอย่างใกล้ชิด”

          ภายในบูธอีซูซุในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ตกแต่งตามคอนเซ็ป “PRIVILEGE of the LEADER” เพื่อนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพจากอีซูซุที่สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถรุ่นใหม่ได้อย่างอเนกประสงค์ ตลอดจนความบันเทิงหลากหลาย ได้แก่

          “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” (ISUZU MU-X) ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสง่างาม โดดเด่น โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต บ่งบอกความภูมิฐานเหนือระดับ ด้วยดีไซน์สง่างาม ล้ำสมัย ด้านหน้าดีไซน์ทูโทน น่าเกรงขาม โดดเด่นด้วยไฟหน้าที่ออกแบบแนวเส้นรับกับกระจังหน้าแบบ 3-DIMENSION คมเข้มเน้นมิติเด่นชัด ให้อารมณ์สปอร์ต หรูหราปลอดภัยสไตล์ยุโรป ด้วย SUPER DAYLIGHT ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน เห็นชัดแม้กลางแดดจ้า ฝนตกหรือหมอกลงจัด เพิ่มวิสัยทัศน์การมองเห็นแก่ผู้ร่วมทาง พร้อมปฏิวัติช่วงล่างใหม่ แบบคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหลังแบบ “5-LINK SUSPENSION” ให้เสถียรภาพในการขับขี่และเกาะถนนดีเยี่ยมพร้อมความนุ่มนวลดุจรถยนต์นั่งระดับหรู มั่นใจกับระบบเบรกแบบดิกส์มีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ เพื่อความเหมาะสมสูงสุดกับการใช้งานในทุกสภาพถนน พร้อมระบบความปลอดภัยสมบูรณ์แบบ ทั้ง ABS / EBD / BA ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS นอกจากนี้ยังรื่นรมย์ทุกการขับขี่กับระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบ ISUZU MEDIA SOLUTION “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” จึงเป็นนิยามใหม่แห่งความภาคภูมิ เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ สะท้อนความสำเร็จที่เหนือกว่าของผู้ครอบครอง โดยตกแต่งพิเศษด้วย ล้ออัลลอยด์ เสริมความเท่ขึ้นอีกระดับด้วยการติดฟิล์มกรองแสงจากลามิน่า และ “อีซูซูมิว-เอ็กซ์” ที่มาพร้อมชุดแต่งเสริมพิเศษเพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เช่น แร็กติดหลังคา และอุปกรณ์ยึดจับจักรยานจาก Thule มาโชว์เป็นพิเศษในงาน

          นอกจากนี้อีซูซุขอแนะนำ “อีซูซุดีแมคซ์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” มาตรฐานใหม่ของปิกอัพระดับโลก ! ที่มาพร้อมไฟ SUPER DAYLIGHT ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ครบทุกรุ่น ทุกเครื่องยนต์ พร้อมรุ่นพิเศษ! “อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” สปอร์ตปิกอัพสุดเท่ โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอก

          และภายใน ดีไซน์สำหรับคนหัวใจสปอร์ต ร้อนแรงในโทนสีแดง-ดำ เอกลักษณ์เฉพาะ “X-SERIES” พร้อมลายคาดคู่หน้า-หลังบอกตัวตนที่ชัดเจน เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ISUZU GENIUS ENTRY ระบบกุญแจอัจฉริยะเปิด-ปิดล็อคประตู และสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท พร้อมระบบ IMMOBILIZER เพลิดเพลินทุกการเดินทางด้วยระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบจาก ISUZU MEDIA SOLUTIONS ชุดเครื่องเสียง HI-END พร้อมระบบ SURROUND SOUND และสามารถเชื่อมต่อความบันเทิงได้หลากหลาย สนุกกับการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันด้วยระบบ ECO FUNCTION และวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจด้วยระบบแจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบ REAL-TIME TRAFFIC INFORMATION

          เชิญสัมผัส และทดลองขับ “อีซูซุดีแมคซ์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” และ “อีซูซุดีแมคซ์ เอ็กซ์- ซีรี่ส์ ใหม่! ซูเปอร์เดย์ไลท์” รถปิกอัพมาตรฐานใหม่ระดับโลกที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างลงตัว พร้อมสนุกสนานกับกิจกรรมในบูธอีซูซุมากมาย อาทิ
          - การประกวดภาพถ่าย Isuzu D-Max Photo Contest 2013 ส่งภาพที่คุณถ่ายจากกล้อง Digital หรือ ผ่าน Instagram เพียงใส่ Hashtag #isuzuinstagram ลุ้นรับรางวัลบาดใจรวมกว่า 100,000 บาท
          - ไม่พลาดกับการอัพเดทความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่าน Facebook Register และ Application ล่าสุดในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่สามารถตรวจเช็คพฤติกรรมการขับขี่ จาก Isuzu Insight ได้ทันที
          - ปลุกจังหวะหัวใจให้โลดแล่นไปกับจังหวะการเต้นสุดมัน แบบ Street Dance
          - ตื่นตากับแฟชั่นโชว์จากนางแบบสาวสวย ในคอนเซ็ปต์ “Smart & Luxury”
          - สอบถามข้อมูลรถอีซูซุหรือกิจกรรมต่างๆ ภายในงานได้จากสาวๆ I-Girl

          พบกับคุณก้อง-สหรัถ พรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของ “อีซูซูมิว-เอ็กซ์” และคุณบอย-ปกรณ์ พรีเซนเตอร์ “อีซูซุวี-ครอส” พร้อมพิธีกรคนดังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างความสนุกสนานตลอด 12 วัน อาทิ ซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์, DJ ต้นหอม, VJ เดี่ยว–สุริยนต์ อรุณวัฒนกุล, DJ พล่ากุ้ง และพิธีกรชื่อดังอีกมากมาย พบกันที่บูธอีซูซุ ร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2556 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 03:21:32 PM
“คุณค่า คอร์ปฯ” รุกหนัก เปิดตัวบิ๊กไบค์“เคทีเอ็ม, เอ็มวี ออกุสต้า” เอาใจนักบิด ในงาน Motor Expo 2013 มั่นใจขยายฐานเพิ่ม ยอดขายเพิ่มขึ้น 300%





          บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ เคทีเอ็ม (KTM) จากประเทศออสเตรีย อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวบิ๊กไบค์ “เคทีเอ็ม” และซูเปอร์ไบค์แบรนด์ใหม่ “เอ็มวี ออกุสต้า” (MV Agusta) รุกขยายฐานตลาด ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น ในงาน Motor Expo 2013 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 บูธ G01 อิมแพคเมืองทองธานี

          โดยผู้บริหาร นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า... “บริษัท คุณค่า คอร์ปฯ ได้นำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ มาจัดแสดงในงาน Motor Expo 2013 เพื่อให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดยนำรถจักรยานยนต์ KTM รุ่นใหม่ล่าสุด ‘KTM 1290 Super Duke R’ (ราคา 1,389,900 บาท) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของโลก ในงาน EICMA 2013 ประเทศอิตาลีเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มาให้ผู้ใช้และนักขับขี่ชาวไทย ได้มีโอกาสสัมผัส และเป็นเจ้าของในราคาเปิดสุดพิเศษ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ Naked Bike ที่ทรงพลังและมีดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มากที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ LC8 สองสูบ V สี่จังหวะ 1,301 ซีซี. ให้กำลังถึง 180 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.2 วินาที ปลอดภัยด้วยระบบคอมพิวเตอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก การทรงตัว รวมไปถึงปรับเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ ทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสทั้งความแรง เร้าใจ ในขณะเดียวกัน ยังขับขี่ง่าย คล่องตัว และให้ความเป็นมิตรอีกด้วย

          อีกรุ่นเป็น ‘KTM 390 Duke’(ราคา 339,000 บาท) เป็นรถ Naked Bike ขนาดกลาง หวังตอบสนองลูกค้ากลุ่มใหม่ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น รวมไปถึงความเร้าใจของสมรรถนะ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ KTM ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ใช้และนักขับขี่วัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างจากลูกค้าในกลุ่มรถ Big Bike และ Adventure ที่ต้องการรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กกว่า และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างออกไป สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว โดย 390 Duke เป็นการพัฒนาต่อเนื่องมาจาก 200 Duke ให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีความคล่องตัว และเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น 43 แรงม้า มีน้ำหนัก 129.5 กก.
พร้อมนำซูเปอร์ไบค์แบรนด์ใหม่ ‘MV Agusta’ จากประเทสอิตาลี ซึ่งเคยได้รับรางวัลรถจักรยานยนต์ที่สวยที่สุดในโลก มาเปิดตัวหลากหลายรุ่น ให้ผู้ที่ชื่นชอบซูเปอร์ไบค์และผู้ที่สนใจภายในงานได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด อาทิ MV Agusta Rivale 800, MV Agusta F3 800 ฯลฯ

          ภายในบูธ ผู้ใช้และนักขับขี่กลุ่มแอดเวนเจอร์ ุ่สามารถมาสัมผัสและเป็นเจ้าของ ‘1190 Adventure’ (ราคา 1,239,900 บาท) สุดยอด Best in Class ในกลุ่มรถ Adventure Bike ซึ่งในโมเดล 2014 จะมีระบบ MTC (Motorcycle Traction Control) หรือระบบช่วยการทรงตัวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ล่าสุด เป็นผลงานร่วมกันระหว่าง BOSCH กับ KTM โดยระบบควบคุมการทรงตัวใหม่นี้ จะมีฟังก์ชั่นที่ช่วยป้องก้นล้อหน้าลื่นไถลขณะเอียงรถเข้าโค้ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลก และส่วนลูกค้าและนักขับขี่ที่ต้องการรถขนาดกลางที่มีพละกำลังสูง ภายใต้น้ำหนักเบา กะทัดรัด KTM ยังมีโมเดลให้เลือกให้เหมาะสมกับความต้องการทุกรูปแบบ ใน 690 Series ไม่ว่าจะเป็น ‘690 Duke R’ (ราคา 748,900 บาท) รถ Naked Bike สมรรถนะสูง ปราดเปรียว น้ำหนักเบา, ‘690 SMC R’ (ราคา 689,000 บาท) รถ Supermoto ที่มาพร้อมกำลังเครื่องยนต์เร้าใจ และอุปกรณ์ตกแต่งครบครัน และ ‘690 Enduro R’ (ราคา 683,500 บาท) รถสำหรับนักขี่ที่ต้องการความเร้าใจที่ไม่ได้จำกัดอยู่บนถนนเท่านั้น ส่วนในรถประเภท Enduro Bike อันเปรียบเสมือน DNA ของ KTM ทางบริษัท ก็ได้นำรถจักรยานยนต์รุ่น ‘350 EXC-F Six Days’ (ราคา 535,000 บาท) ซึ่งเป็น Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัด ในแต่ะปี เพื่อเฉลิมฉลองการแข่งขัน Six Days International Enduro ซึ่งจะจัดปีละครั้งโดยมีนักแข่งจากกว่าร้อยประเทศทั่วโลกร่วมแข่งขันบนเส้นทางวิบากตลอด 6 วันเต็มด้วย นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษมากมาย เพื่อเพิ่มยอดขายครึ่งปีหลัง อาทิ สำหรับลูกค้านักขับขี่ ที่สนใจ 200 Duke ภายในงานนี้ ดาวน์เพียง 20% หรือ 49,800 บาท รับสิทธิ์ผ่อนดอกเบี้ย 0% 48 เดือน หรือเพียงเดือนละ 4,150 บาท มั่นใจยอดขายเพิ่มขึ้น 300% แน่นอน

          นอกจากนี้ ในปี 2013 บริษัทฯ มีผู้แทนจำหน่ายประจำในทุกภาคของประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 10 แห่ง และภายในสิ้นปีนี้ เร่งปรับปรุง Flag Ship Store ใหม่ทั้งหมด บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และในอนาคต KTM ประเทศไทย ตั้งเป้าเป็นผู้นำ ในการนำเข้ารถจักรยานยนต์แบรนด์ยุโรปของเมืองไทย ภายในปี 2016 โดยวางแผนจะพัฒนาเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้แข็งแกร่ง มีคุณภาพ และพัฒนาระบบงานบริการหลังการขายให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานของ KTM AG และตั้งเป้าภายในไตรมาสที่สองของปี 2014 ผู้แทนจำหน่าย จะได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ KTM ในประเทศไทยให้สูงมากยิ่งขึ้นทัดเทียมในต่างประเทศ พร้อมมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของ KTM จะได้รับต้อนรับจากผู้ใช้และนักขับขี่ทุกระดับ เพราะแนวทางการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆของ KTM มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น โดยยังคงความชัดเจนในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสมรรถนะที่โดดเด่นเช่นเดิม” นายพิสิทธิ์ กล่าว

          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบิ๊กไบค์ สามารถสัมผัสรถอย่างใกล้ชิดได้ในงาน Motor Expo 2013 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 บูธ G01 อิมแพคเมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 03:23:48 PM
คนไทย 8 ใน 100 เตรียมควักกระเป๋าซื้อรถใหม่ปลายปีนี้ ผู้ร่วมงานลุ้นโปรโมชั่นพิเศษ Motor Expo

          - ผู้บริโภคไทย 8% วางแผนที่จะใช้เงินปลายปีในการซื้อรถคันใหม่
          - ผู้ร่วมงานให้ความสนใจกับของแถมหรือโปรโมชั่นพิเศษจากทางบริษัทมากเป็นอันดับหนึ่ง (75%) รองลงมาคือ การเสาะหาดูโมเดลรถและนวัตกรรมใหม่ๆ (54%) สุดท้ายคือการสอนและสาธิตให้ความรู้ต่างๆ ภายในงาน (52%)

          นีลเส็นเผยข้อมูลล่าสุดจากผลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคเกี่ยวกับรถยนต์และความคาดหวังต่องาน Motor Expo 2013 ที่กำลังจะมีขึ้น โดยผู้บริโภคไทย 8% วางแผนที่จะใช้เงินปลายปีในการซื้อรถคันใหม่ ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนเหตุผลหลักที่ดึงดูดให้ผู้ชมเข้าชมงาน Motor Expo ยังคงหนีไม่พ้นข้อเสนอพิเศษ หรือของแถมจากบริษัทต่างๆ ภายในงาน และจะเห็นได้ว่าความต้องการและความสนใจในข้อเสนอพิเศษนั้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอย่างชัดเจน (75% จาก 51%) โดยผู้ชมให้ความสนใจกับข้อเสนอพิเศษในเรื่องของราคาเป็นหลัก รองลงมาคือโปรโมชั่นชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ตามมาด้วยโปรโมชั่นของอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ทั้งนี้สาเหตุที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับข้อเสนอพิเศษมากขึ้นนั้นเป็นผลพวงจากนโยบายรถคันแรก ซึ่งเมื่อโครงการสิ้นสุดลง ผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็จัดแคมเปญกระตุ้นยอดจำหน่ายและแข่งขันกันมากขึ้น จึงสร้างความคุ้นชินและความคาดหวังของผู้ซื้อที่มีต่อโปรโมชั่นพิเศษจากค่ายรถยนต์ต่างๆ

          จากรายงานจะเห็นได้ว่าระดับความคาดหวังของผู้ชมที่มีต่องาน Motor Expo นั้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้วไม่ว่าจะเป็นในด้านของโปรโมชั่น/ข้อเสนอพิเศษ การเสาะหารถรุ่นใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆ หรือกิจกรรมการสาธิตต่างๆ ภายในงาน อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่คนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นไม่แพ้ข้อเสนอพิเศษและสามารถดึงดูดให้ผู้ชมเข้างานได้มากขึ้นนั้นคือ พริตตี้หรือพรีเซนเตอร์รถยนต์ ซึ่งผู้ขมให้ความสนใจมากขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

          นอกจากนั้นการศึกษานี้ยังบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านความคาดหวังต่อ Motor Expo ที่กำลังจะมาถึงเมื่อเทียบระหว่างผู้ร่วมงานที่มาจากต่างจังหวัดและกรุงเทพ โดยปีนี้ คนต่างจังหวัดให้ความสำคัญกับโปรโมชั่นพิเศษ (72%) และการแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ๆ (49%) น้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนกรุงเทพ (80% และ 60% ตามลำดับ) แสดงให้เห็นว่าคนกรุงเทพตื่นตัวกับงาน motor expo ที่จะมาถึงนี้มากกว่าผู้ชมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดซึ่งเป็นเทรนด์ที่ต่างกับปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ข้อมูลจากรายงานยังค้นพบว่าในจำนวนผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์คันใหม่ปลายปีนี้ ส่วนมากเป็นคนกรุงเทพ ฐานะปานกลาง

          ทั้งนี้ผลการวิจัยด้านดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลกจากนีลเส็นได้บ่งชี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นชาวไทยนั้นลดลงโดยตกลงมา 2 จุด จาก 114 ในไตรมาสที่แล้วมาเป็น 112 ในไตรมาสนี้ ทำให้คนไทยมีความต้องการที่จะเก็บเงินออมมากขึ้นถึงร้อยละ 68 จึงไม่แปลกที่ผู้ชมงาน Motor Expo นั้นให้ความสำคัญกับข้อเสนอพิเศษทางด้านราคามากขึ้น อย่างไรก็ตามคนไทยก็ยังคงมีความต้องการในการซื้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นและมีความคาดหวังที่จะเห็นนวัตกรรมและโมเดลรถใหม่ๆ ต่อให้เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยก็ตามที

          “ถึงแม้ว่า ความกังวลทางด้านเศรษฐกิจทำให้คนไทยระมัดระวังตัวในการใช้จ่ายมากขึ้น แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยศักยภาพทางการผลิตและการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ส่วนบุคคลในประเทศไทยเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เห็นได้จากการเปิดตัวของรถรุ่นใหม่ๆในทุกเซ็คเม้นต์ในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา ดังนั้น ตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับค่ายรถยนต์ต่างๆ คือการพัฒนาศักยภาพในการเข้าถึงความต้องการผู้บริโภค ความสำเร็จของบริษัทยานยนต์ที่เข้าร่วม Motor Expo ในปีนี้นั้นขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ และข้อเสนอด้านราคาได้ดีกว่ากัน” สมวลี ลิมป์รัชตามร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยธุรกิจยานยนต์จากนีลเส็นกล่าว
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 04, 2013, 03:31:34 PM
ลูกแม่โดม คว้ารางวัลนวัตกรรมยานยนต์ 2 ปีซ้อน ใน “MOTOR EXPO 2013” ใน “MOTOR EXPO 2013”



          ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป มอบรางวัลโล่เกียรติยศ ประกาศนียบัตร และทุนการศึกษามูลค่า 25,000 บาทแก่นักศึกษา ทีม SPEED BUMP สาขาวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งสมาชิกในทีมประกอบด้วย กิดานนท์ พรหมวงษ์, ธนยศ ทิมสุวรรณ, ชยันต์ จันทสาร และอรรถพร อัจฉริยชีวิน ที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ1 การประกวดนวัตกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 4 โดยปีนี้ไม่มีทีมใดได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน

          สำหรับผลงาน SPEED BUMP หรือ ลูกระนาดชะลอความเร็วรถ เกิดจากแนวคิดว่าในปัจจุบันมักมีกลุ่มคนที่ขับรถเร็วเกินกำหนดในสถานที่ต่างๆ ที่มีการจำกัดความเร็วไว้ อาทิ เขตชุมชน บริเวณซอยแคบ ซึ่งต้องทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องนำลูกระนาด (SPEED BUMP) มาใช้เพื่อบังคับให้ผู้ขับรถต่างๆต้องชะลอความเร็วของรถยนต์ลง แต่การสร้างลูกระนาดโดยปราศจากความรู้ ทำให้ผู้ขับรถได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน เนื่องจากลูกระนาดมีขนาดใหญ่เกินไป ถึงแม้จะขับรถด้วยความเร็วต่ำเพียงใดก็ได้รับแรงสะเทือนตามไปด้วย ทำให้ผู้ที่อยู่ในรถ ซึ่งอาจเป็นเด็ก คนชรา คนป่วย ได้รับความกระทบกระเทือน อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อระบบและอุปกรณ์ของรถยนต์ เช่น ลูกหมาก ลูกปืน สปริง ชอคอับ และระบบช่วงล่างต่างๆ ทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านี้สั้นลง ทางทีมจึงคิดค้น SPEED BUMP ที่ได้มาตรฐานชิ้นนี้ขึ้น

          โครงการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 4 หรือ THE 4th MOTOR EXPO AUTOMOTIVE INNOVATION AWARD 2013 เวทีประลองความคิด นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ สนับสนุนโดยdealfish.co.th มุ่งพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้านสิ่งประดิษฐ์ยานยนต์ สู่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต เชิญผู้สนใจชมผลงานได้ที่บูธโครงการฯ บริเวณประตูทางเข้าหน้าชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 10 ธันวาคม 2556
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 06, 2013, 09:09:51 AM
Volkswagen เปิดตัว The New Caravelle ในงาน Motor Expo 2013









          นายธนายุทธ เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Volkswagen ในเครือ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” แถลงข่าวเปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด “The New Caravelle” อัครยานยนต์ที่สะท้อนบุคลิกแห่งความเป็นผู้นำ ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 3,450,000 บาท พร้อมจัดแสดงรถยนต์ The New Multivan ยานยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่เพิ่มความหรูหราสไตล์สปอร์ต ด้วยชุดแต่ง Aero-part ในราคาจำหน่าย 3,980,000 บาท

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญ “Life’s Perfact” ลุ้นรับรถยนต์ 2 รุ่น 2 สไตล์ Scirocco สปอร์ตหรูเร้าใจ และ The New Caravelle รุ่นล่าสุด รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท เพียงเลือกเป็นเจ้าของ The New Multivan และ The New Caravelle เฉพาะในช่วงงาน Motor Expo 2013 ระหว่างวันนี้ ถึง 10 ธันวาคม ศกนี้
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 06, 2013, 02:05:38 PM
“จอนนี่ อันวา” สาวกบิ๊กไบค์ ร่วมเปิดตัว “KTM, MV Agusta” รุ่นใหม่ สุดยอดรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ดัง ในบูธ “คุณค่า คอร์ปฯ” งาน Motor Expo 2013




 
          บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ เคทีเอ็ม (KTM) จากประเทศออสเตรีย อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวบิ๊กไบค์ “เคทีเอ็ม” และซูเปอร์ไบค์แบรนด์ใหม่ “เอ็มวี ออกุสต้า” (MV Agusta) ตอบโจทย์คนรักรถจักรยานยนต์ ในงาน Motor Expo 2013 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 โดยผู้บริหาร นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดงาน พร้อมด้วย “จอนนี่ อันวา” สาวกบิ๊กไบค์ ร่วมพูดคุยถึงความชื่นชอบแบรนด์ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 บูธ G01 อิมแพคเมืองทองธานี

          โดยสาวกบิ๊กไบค์อย่างหนุ่มจอนนี่ อันวา กล่าวว่า... “แบรนด์ KTM จากประเทศออสเตรีย ชื่นชอบในความแรง เร้าใจของสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างออกไป ทั้งให้ความเป็นมิตรอีกด้วย และซูเปอร์ไบค์แบรนด์ใหม่ MV Agusta จากประเทสอิตาลี ซึ่งเคยได้รับรางวัลรถจักรยานยนต์ที่สวยที่สุดในโลก โดยภายในงาน Motor Expo 2013 บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้นำรถจักรยานยนต์แบรนด์นี้รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ KTM รุ่นใหม่ล่าสุด ‘KTM 1290 Super Duke R’, ‘KTM 390 Duke’ ฯลฯ มาจัดแสดงให้ขาบิ๊กไบค์ ผู้ที่ชื่นชอบและผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดและเป็นเจ้าของในราคาเปิดสุดพิเศษหลากหลายรุ่น พร้อมเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและข้อมูลผลิตภัณฑ์ บูธ G01 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพคเมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ครับ”

          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบิ๊กไบค์ สามารถสัมผัสรถมอเตอร์ไซค์ “KTM และ MV Agusta” ของบริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด อย่างใกล้ชิดได้ในงาน Motor Expo 2013 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 บูธ G01 อิมแพคเมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 06, 2013, 02:42:34 PM
ภาพข่าว: ความร้อนแรงของมาสด้า2 ปะทะ ณเดชน์ มอเตอร์ เอ็กซ์โปแทบแตก






 
          บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มาสด้าเอาใจแฟนพันธุ์แท้รถสปอร์ตในมอเตอร์ เอ็กซ์โป จนบูธแทบแตกเมื่อนำดาราที่ฮ็อตที่สุดในยุคนี้ ณเดชน์ คูกิมิยะ มาขึ้นเวทีสร้างความสนุกสนานให้กับบรรดาแฟนๆ เมื่อวันหยุดวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม พร้อมกันนี้ มาสด้ายังมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้สนใจรถมาสด้า2 รับฟรีทันทีคูปองค่าบำรุงรักษานาน 2 ปี หรือรับดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน พร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย มาสด้า2 ความเป็นสปอร์ต ความทรงพลัง ช่วงล่างหนึบ ปรับโฉมเสริมความสปอร์ตและเน้นความคุ้มค่าคุ้มราคามาพร้อมกับพรีเซนเตอร์หนุ่มที่ฮ็อตที่สุด เจมส์ มา กับมาสด้า2 สปอร์ต แฮตช์แบค 5 ประตู และ ณเดชน์ คูกิมิยะ หล่อเท่คู่กับมาสด้า2 เอลิแกนซ์ ซีดาน 4 ประตู เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ความสปอร์ตจัดจ้าน และความอินเทรนด์ของทั้งรถและพรีเซนเตอร์ เป็นรถยนต์สำหรับคนรุ่นใหม่
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 08:19:42 AM
ภาพข่าว: ฮอนด้าจัดมินิคอนเสิร์ต บี้ สุกฤษฎิ์ เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มบูธ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
 








                       บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดมินิคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าและผู้ที่มาชมบูธฮอนด้า ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 โดย บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว พรีเซนเตอร์ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ ขึ้นเวทีเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับ ซึ่งเปิดตัวด้วยเพลงสมการเลิฟ ต่อด้วยเพลงรักนะคะ แถมเล่นมุกน่ารักสไตล์หนุ่มบี้ เซอร์ไพรส์แฟนคลับด้วยการมอบบัตรเข้างานของตัวเอง ให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้โชคดีที่ยืนให้กำลังใจอยู่ขอบเวที ปิดท้ายด้วยเพลงใหม่ล่าสุด เพลงระวัง...คนกำลังเหงา หลังจากนั้น ทางฮอนด้าได้จัดกิจกรรมพิเศษให้ผู้ร่วมงานตอบคำถามเกี่ยวกับ บริโอ้ อเมซ ซึ่งผู้ที่ตอบคำถามถูกจะได้รับหมวกพร้อมลายเซ็นเป็นของที่ระลึก ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการมอบดอกไม้จาก นายสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อขอบคุณบี้ที่มาร่วมสร้างสีสันและความสนุกที่บูธฮอนด้าในครั้งนี้
 
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 08:20:34 AM
ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษ ในงาน Motor Expo 2013 ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2013

 

          บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัดผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย มอบโปรโมชั่นสุดพิเศษในงาน Motor Expo 2013 สำหรับ 3 ท่านแรก ที่ซื้อ “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” (The All-New Range Rover Sport)” สุดยอดรถสปอร์ตเอนกประสงค์สุดหรู เร็วที่สุดและแรงที่สุดจากแลนด์โรเวอร์ ภายในงาน รับฟรี บัตรเข้าชมการแข่งขัน F1 Singapore Grand Prix 2014 พร้อมรับประกันมาตรฐาน 3 ปี และบริการฉุกเฉินแก่ลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2013

          “ดิ ออล-นิว เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต” (The All-New Range Rover Sport)” เปิดตัวในไทย 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล SDV6 3.0 และ LR-V8 5.0 ซูเปอร์ชาร์จ ราคาตั้งแต่ 7,750,000 – 10,050,000 บาท

          ซิตี้ ออโต้โมบิล พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลกแก่ลูกค้าทุกราย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด ศูนย์บริการสาขาถนนวิทยุ โทรศัพท์ 02 674 3600 ต่อ 101 และ สาขาพระราม 3 แขวงช่องนนทรี หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.landroverthailand.com
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 08:22:25 AM
“ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” SUBARU BRZ แสดงเป็นครั้งแรก ร่วมกับ SUBARU WRX STI ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2013









         "รัสส์ สวิฟท์" พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 7 – 10 ธันวาคม 2556 ณ ลานกิจกรรมริมทะเลสาบ P9 เมืองทองธานี

นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า ซูบารุได้จัดกิจกรรมการแสดงรถยนต์ผาดโผนระดับโลก “ซูบารุ รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ โชว์ 2013” ในงาน “The 30th Thailand International Motor Expo 2013” หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2013 ณ ลานกิจกรรมริมทะเลสาบ P9 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 7 – 10 ธันวาคม 2556

          “การแสดงครั้งนี้จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งทางซูบารุได้นำที่สุดแห่งรถสปอร์ต SUBARU BRZ มาแสดงเป็นครั้งแรก ร่วมกับ SUBARU WRX STI เพื่อแสดงสมรรถนะของรถยนต์ซูบารุที่โดดเด่นเหนือระดับ ซึ่งผู้ที่เข้าชมจะสัมผัสถึงความแตกต่างที่เหนือกว่าของรถยนต์ซูบารุกับรถยนต์ทั่วไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความแรงและความสมดุลของเครื่องยนต์ การทรงตัวที่ดีเยี่ยม และการตอบสนองในทุกรูปแบบของการขับขี่” นายอภิชัยกล่าว

          สำหรับ “รัสส์ สวิฟท์” สุดยอดสตันท์ไดรฟ์เวอร์ เป็นนักขับรถยนต์ผาดโผนชาวอังกฤษชื่อดังระดับโลก และเจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิร์ล เรคคอร์ด ถึง 3 สถิติ จะมาโชว์ความตื่นเต้นเร้าใจและความแม่นยำในการขับขี่โดยมีการแสดงทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ Donut, Two Wheeling, Dance Routine, J-Turn/Parallel Parking และ Drifting

          ทั้งนี้ประชาชนที่สนใจสามารถรับบัตรเพื่อเข้าชมการแสดงดังกล่าวได้ ณ บูทแสดงรถยนต์ซูบารุ A02 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 และสามารถเข้าร่วมชมและสัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจกับการแสดงดังกล่าวได้ที่ลานกิจกรรมริมทะเลสาบ P9 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 7 – 10 ธันวาคมนี้ โดยจัดการแสดง 3 รอบต่อวัน เวลา 15.00 น. / 17.00น. และ 19.00 น.
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 08:23:01 AM
ภาพข่าว: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมงาน “MOTOR EXPO 2013”
 

 
           พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้เกียรติเยี่ยมชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน ให้การต้อนรับ ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 08:25:01 AM
ภาพข่าว: “ขวัญชัย” ประธานจัดงาน Motor Expo 2013 เยี่ยมชมบู๊ธ Volkswagen


 
          เมื่อเร็วๆ นี้ นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน Thailand International Motor Expo 2013 ให้เกียรติเยี่ยมชมบู๊ธ Volkswagen ของไทยยานยนตร์ กรุ๊ป และสัมผัสรถยนต์รุ่นล่าสุด The New Caravelle โดยมีนายสิทธิชัย ผ่องเมฆินทร์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป และนายธนายุทธ เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บ.ไทยยานยนตร์ จก. ให้เกียรติต้อนรับ และมอบของที่ระลึก ณ อิมแพค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 09:17:13 AM
ภาพข่าว: ผู้บริหารระดับสูง “ลิสซิ่งกสิกรไทย” เยี่ยมชมบู๊ธ Volkswagen


 
          นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ให้เกียรติเยี่ยมชมบู๊ธ Volkswagen ของ “ไทยยานยนตร์ กรุ๊ป” โดยให้ความสนใจรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด The New Caravelle และแคปซูลจำลองภายในรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษเพิ่มเติมทั้งด้านความสะดวกสบาย และความสนุกสนานเพลิดเพลิน ตอบโจทย์สำหรับไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบแห่งความเป็นผู้นำ พร้อมสัมผัส The New Multivan อย่างใกล้ชิด โดยมีคุณธนายุทธ เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บ.ไทยยานยนตร์ จก.ให้การต้อนรับ และพาเยี่ยมชมรถยนต์รุ่นดังกล่าว ภายในบู๊ธ Volkswagen งาน Motor Expo 2013 ณ อิมแพค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 11, 2013, 09:46:08 AM
“MOTOR EXPO 2013” ยอดจองรถ 41,083 คัน ยอดผู้ชมกว่า1.36 ล้านคน
 
          “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” ปิดฉากยิ่งใหญ่ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการเมือง แต่ผู้ชมกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง ระดับ B+ ถึง A ยังจองรถใหม่คับคั่ง ส่งผลให้รถยนต์นั่งขนาดกลางและรถประเภทเอสยูวี ขายดี ดันราคารถเฉลี่ยในงานทะลุหลักล้าน สร้างเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า46,000 ล้านบาท

          ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30” เปิดเผยว่า “ถึงแม้ว่าช่วงเวลาจัดงานจะมีการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อแต่ถือว่ายังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดี จำนวนผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,367,357 คน ลดลง 14.5% จากยอดประเมินเดิม 1.6 ล้านคน โดยมียอดจองรถตลอดทั้ง 12 วัน รวม 41,083 คัน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในงานได้กว่า 46,000 ล้านบาท (รวมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ รถมือสอง และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง)

          ค่ายรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน 5 อันดับแรก อันดับ 1 โตโยตา มียอดจองทั้งสิ้น 9,075 คัน อันดับ 2 ฮอนดา 6,099 คัน อันดับ 3 นิสสัน 4,007 คัน อันดับ 4 อีซูซุ 3,753 คัน และ อันดับ 5 มิตซูบิชิ 3,689 คัน ส่วนรถเก๋งหรู นำโดยเมร์เซเดส-เบนซ์ มียอดจอง 1,227 คัน ตามด้วยบีเอมดับเบิลยู 763 คัน

          “ผู้จัดได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ร่วมรายการซื้อรถ ชิงรถ ปีนี้ พบว่า รถเก๋ง มียอดจองคิดเป็นสัดส่วน 51.4% ของยอดจองทั้งหมดในงาน รถเอสยูวี 26.8% รถกระบะ 14.6% และรถประเภทอื่น 7.2%”

          ที่น่าสนใจคือราคาเฉลี่ยรถในงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,046,457 บาท จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800,000 บาท เนื่องจากความต้องการซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (อีโคคาร์) ลดลงจากเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งมีนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล โดยปีนี้ผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถเอสยูวี

          ด้านรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมียม มียอดจองรวม 2,104 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.6% โดยฮอนดาขายได้ 1,001 คัน คาวาซากิ 254 คัน และเบเนลี 222 คัน ตามลำดับ
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 12, 2013, 02:00:59 PM
ภาพข่าว: ต้อนรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30

 
 
          นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมเข้ามอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีและกล่าวต้อนรับ นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน และ นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ประธานผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2556 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 12, 2013, 02:02:35 PM
ฟอร์ดประเทศไทยคว้ารางวัลภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ 3 ปีซ้อน





          ฟอร์ดประเทศไทยคว้ารางวัลภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ3ปีซ้อนและรางวัลมาตรฐานคุณภาพ 5 ดาว สำหรับรถฟอร์ด เรนเจอร์ ในการประกาศรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมประจำปี2556

          ฟอร์ดประเทศไทยครองรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมประจำปี2556 (Thailand Automotive Quality Award - TAQA) ด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเป็นปีที่3 ต่อเนื่องกันและยังได้รับรางวัลมาตรฐานคุณภาพ 5 ดาวด้านผลิตภัณฑ์ประเภทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ขนาด 1 ตัน แบบ 2 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ สำหรับรถฟอร์ดเรนเจอร์โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นภายในงานมหกรรมยานยนต์ไทยแลนด์อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์เอ็กซ์โป2556 ครั้งที่ 30ณอิมแพคเมืองทองธานี

          รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2545 จากความร่วมมือกันของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติบริษัทคัสต้อมเอเชียหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเอเอสทีวีบริษัทอินเตอร์มีเดียคอนซัลแทนท์และผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์มอเตอร์เอ็กซ์โปผลคะแนนที่ได้มาจากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคประจำปีโดยมีหลักเกณฑ์การตัดสิน3ด้านประกอบด้วยคุณภาพการบริการคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขาย

          “ฟอร์ดรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอสินค้าที่ดีเยี่ยมที่สุดของรถในระดับเดียวกันรวมถึงมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในระดับโลกให้แก่ลูกค้าของเรา”นายวิชิต ว่องวัฒนาการ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริการลูกค้าฟอร์ดประเทศไทย กล่าว

          “ทั้งนี้ ฟอร์ดยังรู้สึกภูมิใจกับรางวัลมาตรฐานคุณภาพ5ดาวสำหรับรถฟอร์ดเรนเจอร์ ซึ่งเป็นรถที่ได้รับการผลิตขึ้นในประเทศไทย และเป็นรถรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของฟอร์ดในตลาดประเทศไทยในปีนี้”นายรัฐการ จูตะเสน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ฟอร์ด ประเทศไทยกล่าวเสริม

          โดยฟอร์ดได้เผยราคาจำหน่ายและเปิดรับจองรถเฟียสต้าใหม่รุ่นเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์1.0ลิตรและฟอร์ดเอคโค่สปอร์ตใหม่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน1.5 ลิตรสี่สูบระบบวาล์วแปรผันแคมชาฟท์แบบอิสระคู่ (Ti-VCT)ณงานมหกรรมยานยนต์มอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่30 ซึ่งรถยนต์ระดับโลกสองรุ่นล่าสุดของประเทศไทยนี้ ถือเป็นการเปิดตัวรถเซกเมนต์ใหม่ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอรถที่มีคุณภาพสูงประหยัดน้ำมันความปลอดภัยเหนือระดับและเทคโนโลยีอันชาญฉลาดต่างๆ เช่น กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ

          ฟอร์ด เฟียสต้าใหม่รุ่นเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์1.0 ลิตรมีราคาจำหน่ายที่779,0000 บาทสำหรับทั้งรุ่นไทเทเนียมสี่ประตูและรุ่นสปอร์ตห้าประตู ในขณะที่รถฟอร์ดเอคโค่สปอร์ตใหม่รถอเนกประสงค์เพื่อการขับขี่ในเมืองรุ่นแรกในประเทศไทยทั้งหมดสี่รุ่นมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 669,000-829,000 บาทนอกจากนี้ลูกค้า2,500 ท่านแรกที่สั่งจองรถฟอร์ดเอคโค่สปอร์ตใหม่จะได้รับราคาพิเศษสำหรับทั้งสี่รุ่นโดยมีราคาอยู่ที่639,000 – 799,000 บาท

          นวัตกรรมอันทันสมัยอื่นๆที่นำเสนอในรถยนต์ฟอร์ดรุ่นอื่นๆในประเทศไทย อาทิเช่น รถฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ที่ได้รับการติดตั้งระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เทียบจอดข้างทางได้แบบHands-freeระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop) ช่วยลดโอกาสในการชนเมื่อขับที่ความเร็วต่ำ และระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information System - BLIS) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถวิ่งเข้ามายังส่วนที่เป็นจุดบอดของรถ

          นอกจากนั้นรถฟอร์ดโฟกัสใหม่ฟอร์ดเอคโค่สปอร์ตใหม่ และฟอร์ดเฟียสต้าใหม่รุ่นเครื่องยนต์อีโคบู๊สต์1.0ลิตรล้วนมาพร้อมกับระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร ฟอร์ดซิงค์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเล่นเพลงโปรดในรถได้ด้วยการใช้คำสั่งเสียง

          ทั้งนี้การประกาศรางวัลดังกล่าวป็นผลจากการสำรวจความพึงพอใจของจำนวน6,700คน จาก 11แบรนด์ใน76จังหวัดทั่วประเทศไทย
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 12, 2013, 02:03:48 PM
แอฟ ทักษอร ควงคู่คุณพ่ออนุสรณ์ ร่วมเปิดบูธปอร์เช่ในฐานะลูกค้าเอเอเอสฯ ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป




 
          ปอร์เช่ ประเทศไทย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้รับเกียรติจากคุณทักษอร เตชะณรงค์ พร้อมด้วยคุณอนุสรณ์ ภักดิ์สุขเจริญ ร่วมงานแถลงข่าวเปิดบูธรถยนต์ปอร์เช่ รอบสื่อมวลชน ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงความประทับใจที่มีให้กับรถยนต์ปอร์เช่และเอเอเอสฯ มายาวนาน ในฐานะลูกค้าคนพิเศษและผู้ใช้รถยนต์ปอร์เช่อย่างแท้จริง

          คุณทักษอรและคุณอนุสรณ์ เชื่อมั่นในรถยนต์ปอร์เช่จากเอเอเอสฯ ทุกคัน พิสูจน์ได้จากการเลือกครอบครอง ยนตรกรรมจากปอร์เช่ ประเทศเยอรมนีจำนวนหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ปอร์เช่รุ่นใหม่และรุ่นคลาสสิค ซึ่งล่าสุดได้จับจองรุ่นพิเศษที่เป็นตำนานของปอร์เช่กับปอร์เช่ 911 รุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี และยังได้มอบความไว้วางใจแด่เอเอเอสฯ เพราะการบริการที่เป็นเลิศและทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรถยนต์ปอร์เช่ และทีมงานทุกคนที่ต้อนรับอย่างจริงใจพร้อมสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ตลอดเวลา

          ซึ่งในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) เอเอเอสฯ ได้ขนทัพรถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่นร่วมโชว์ในงานและรุ่นที่เป็นไฮไลท์สำคัญ คือรุ่น พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีระบบไฮบริดแบบ Plug-in คันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู มาพร้อมกับความประหยัดที่สุด คุ้มค่าที่สุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงแค่ 32 กิโลเมตรต่อลิตร และสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 36 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาชาร์ตไฟเพียงแค่ 4 ชั่วโมงจากอุปกรณ์ Porsche Universal Charger แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นสปอร์ตตามแบบฉบับของปอร์เช่ ด้วยขนาดเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 Super-charged สามารถผลิตพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 416 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคุณทักษอรและคุณอนุสรณ์ต่างสนใจที่จะจับจองยนตรกรรมหรู ที่มาพร้อมความคุ้มค่านี้เป็นอย่างมาก

          ไม่เพียงเท่านั้นทางเอเอเอสฯ ยังได้จัดแคมเปญสุดพิเศษมามอบให้ท่านลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์ปอร์เช่ภายในงานนี้
          รับฟรีไมล์สะสมบินทั่วโลก 100,000 ไมล์
          คุ้มค่าที่สุดด้วยบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 100,000 บาท
          การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนีนาน 9 ปี
          พร้อมรับจดหมายรับประกันการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
          *Term & Condition Apply

          เอเอเอสฯ ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความมั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันที่ทางเอเอเอสฯ นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ผ่านการทดสอบโฮโมโลเกชั่น (Homologation) ของประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและครบทุกกระบวนการที่จำเป็นและสำคัญสำหรับการนำมาใช้งานในประเทศไทย ระบบจัดการของเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกฎระเบียบและสภาพ ภูมิประเทศของประเทศไทยอย่างดีที่สุด รวมถึงยังมีศูนย์บริการของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้มาตรฐานตามโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีกำหนดไว้ พร้อมทั้งมีทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง ซึ่งการันตีด้วยการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” โดยลูกค้าสามารถมั่นใจในบริการที่จะได้รับ เมื่อซื้อรถยนต์กับทางเอเอเอสฯ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการบริการหลังการขายที่ได้คุณภาพโดยตรงจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนี ราคาที่เสียภาษีนำเข้ารถยนต์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และคุณภาพของรถยนต์ ปอร์เช่ที่ได้มาตรฐาน

          นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมายที่ทางเอเอเอสฯ ได้จัดเตรียมให้ทุกท่านร่วมสัมผัสและค้นหา ความสุนทรีย์ของสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์กันอย่างใกล้ชิด รวมถึงรถยนต์ไฮไลท์ประจำบูธที่จะสะกดสายตาคุณให้หลงใหลไปกับสมรรถนะอันลือเลื่องที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และมี Accessories ต่างๆ ของปอร์เช่มาให้ท่านเลือกสรรมากมายในราคาพิเศษ ภายในงาน Motor Expo 2013 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ธ.ค. 2556 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 12, 2013, 02:05:34 PM
ภาพข่าว: นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ผู้บริหาร บ.คุณค่า คอร์ปฯ เปิดตัว “KTM, MV Agusta” รุ่นใหม่ ลุยขยายฐานตลาด ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น


 
            นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แบรนด์ เคทีเอ็ม (KTM) จากประเทศออสเตรีย อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดตัวบิ๊กไบค์ “เคทีเอ็ม” (KTM) รุ่นใหม่ และซูเปอร์ไบค์แบรนด์ใหม่ “เอ็มวี ออกุสต้า” (MV Agusta) จากประเทศอิตาลี ลุยขยายฐานตลาด ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 (Motor Expo 2013) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556 ให้ขาบิ๊กไบค์ ผู้ที่สนใจได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดหลากหลายรุ่น และเป็นเจ้าของในราคาเปิดสุดพิเศษ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 บูธ G01 อิมแพคเมืองทองธานี
 
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 13, 2013, 02:08:04 PM
ภาพข่าว: “สื่อสากล” มอบเงินสนับสนุน สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย
 

 
          ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้ผลิตนิตยสาร ฟอร์มูลา 4WHEELS คาร์สเตริโอ และผู้จัดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30" มอบเงินสนับสนุน 100,000 บาท แก่สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท. หรือ TAJA) โดยมี วัชระ ธรรมศรี นายกสมาคม และคณะกรรมการสมาคม เป็นผู้รับมอบ
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 16, 2013, 02:43:55 PM
ภาพข่าว: BRG ฉลองความสำเร็จ



          คุณสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ประธานกรรมการบริหาร BRG GROUP พร้อมคณะผู้บริหารในเครือ ร่วมฉลองความสำเร็จ ภายในงาน MOTOR EXPO 2013 ซึ่ง BRG เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้าอิสระเจ้าเดียวที่เข้าร่วมงานนี้ โดยมี่ คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานการจัดงาน เป็นเกียรติร่วมแสดงความยินดีและดื่มฉลอง ณ อาคารชาแลนเจอร์ เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆนี้
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 17, 2013, 10:38:33 AM
เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (FLYING SPUR) เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013








 
          - เร็วที่สุด และถือได้ว่าเป็นรถเบนท์ลี่ย์ 4 ประตูที่ทรงพลังมากที่สุด
          - ซาลูนสุดหรูที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์ขนาด 6 ลิตร twin-turbo W12
          - ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุด 616 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 800 นิวตันเมตร
          - ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
          - อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ 4.3 วินาทีเท่านั้น
          - ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
          - ห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างหรูหรา โดยรวมชิ้นส่วนใหม่ๆ ไว้กว่า 600 ชิ้น
          - เชื่อมต่อสู่โลกภายนอกด้วยหน้าจอระบบ infotainment แบบสัมผัส รวมไปถึงการเชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์ และเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi hotspot
          - ติดตั้งระบบให้ความบันเทิงที่เบาะหลัง Rear Seat Entertainment suite มาพร้อมกับรีโมทคอลโทรลแบบไร้สาย Touch Screen Remote (TSR)

          เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว The new Bentley Flying Spur ณ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) รอบสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากท่านสื่อมวลชน เข้าร่วมงานเปิดตัวในครั้งนี้ พร้อมทดลองสัมผัสกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ซึ่งประกอบไปด้วยชิ้นส่วนใหม่ไว้กว่า 600 ชิ้น รวมถึงอุปกรณ์ให้ความบันเทิงชั้นนำและเทคโนโลยีที่ให้ข้อมูลต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้วัสดุที่ทำจากงานฝีมือชั้นเยี่ยม ได้รับการออกแบบให้มีความร่วมสมัย สร้างความเป็นห้องโดยสารของรถซาลูนที่หรูหรา สร้างสรรค์ให้เป็น Bentley Flying Spur คันนี้

          เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุด เข้าสู่ตลาด ด้วยประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม ด้วยรูปลักษณ์และงานฝีมือที่หรูหรา เครื่องยนต์ออกมาในรูปแบบ 6 ลิตร twin turbocharged 48 วาล์ว W12 และให้พละกำลังอย่างเต็มพิกัดซึ่งเรียกได้ว่าเร็วที่สุดสำหรับเบนท์ลี่ย์รุ่น 4 ประตู แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 616 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 800 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 2,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ W12 ได้ติดตั้งระบบการจัดการเครื่องยนต์ engine management system ที่ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับ Bosch ME17 interface ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการจัดการแรงบิด การควบคุม turbocharger ความสามารถในการขับเคลื่อน และประสิทธิภาพในเรื่องของการปล่อยมลพิษนั้นได้รับการพัฒนาอย่างดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน

          เครื่องยนต์ W12 จะติดตั้งควบคู่มากับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วจาก ZF มาเป็นมาตรฐานให้กับเรา ระบบเกียร์สามารถเปลี่ยนได้รวดเร็วภายในเวลาไม่เกิน 200 มิลลิเซคคอนด์ กล่องเกียร์ไม่ได้รับการออกแบบมาเพียงแค่รับมือกับแรงบิดอันมหาศาลของเครื่องยนต์ W12 นี้เท่านั้น แต่หากยังช่วยให้พลังของเครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและส่งพละกำลังเครื่องยนต์ตรงเข้าสู่ล้อได้อย่างแม่นยำ อัตราการทดเกียร์ที่ดีเยี่ยมยังช่วยให้เครื่องยนต์นั้นมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก และสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมเมื่ออยู่ในโหมดขับขี่แบบ Cruise รวมไปถึงส่งผลให้รถมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษให้ต่ำลงอีกถึง 13% ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ใหม่ล่าสุดคันนี้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำอยู่แค่เพียง 14.7 ลิตร/100 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำอยู่เพียง 343 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัตราที่ยอดเยี่ยมสำหรับเครื่องยนต์ขนาด 12 สูบและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพนี้

          มากไปกว่านั้น เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ยังได้นำอีกหนึ่งยนตรกรรมสุดหรูจากประเทศอังกฤษ เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีที สปีด (Bentley Continental GT Speed) ซึ่งมีเครื่องยนต์ขนาด 6 ลิตร 48 วาล์ว ทวินเทอร์โบ W12 ซึ่งสามารถทะยานไปได้ไกลอย่างไม่หยุดยั้งถึง 329 กิโลเมตร/ชั่วโมง และยนตรกรรมรุ่นเปิดประทุนใหม่ล่าสุด เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทัล จีทีซี วีแปด (Bentley Continental GTC V8) ระบบขับเคลื่อนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาให้ท่านได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดภายในงานนี้อีกด้วย

          ข้อเสนอสุดพิเศษจากทางเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส สำหรับลูกค้าคนพิเศษที่จองซื้อรถยนต์เบนท์ลี่ย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur) ภายในงานนี้จากราคา 20.9 ล้านบาท ลดราคาในช่วงเปิดตัวเหลือเพียง 19.99 ล้านบาท

          ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ได้ที่ แผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ โทร. 02-522-6655 ต่อ 448 บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
Title: Re: งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30
Post by: MSN on December 18, 2013, 03:06:47 PM
ภาพข่าว: เลกซัส ร่วมโชว์พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก



           นายศิตชัย จีระธัญญาสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 ขวา) บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วยนายสกล ชีวมงคล (ที่ 3 ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เล็กซ์ซัส กรุงเทพ นำเสนอรถเลกซัสยนตกรรมระดับไฮคลาสเทคโนโลยีเหนือระดับ Full Hybrid อาทิ LS600h, GS300h, IS300h, RX450h และ CT200h ภายใต้คอนเซ็ปต์ "พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก" ในงาน Motor Expo 2013 ณ บูธเลกซัส ชาเลนเจอร์ฮอล์ อิมแพคเมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้