Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: 1 ... 2074 2075 [2076] 2077 2078 ... 2248
31126
ขอบคุณ คุณ ha-nuที่ส่งภาพมาให้ครับ














31127
เศรษฐศาสตร์ชันสูตรว่าด้วยการประมูล 3G พิสดาร

สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

ปุจฉา: การประมูล 3G ในต่างประเทศกับในประเทศไทยต่างกันอย่างไร?

วิสัชนา: ในต่างประเทศ รัฐออกแบบการประมูลให้เอกชนแข่งขันกัน เพราะรู้ว่าเอกชนจะพยายามประมูลต่ำ

             ในประเทศไทย รัฐออกแบบการประมูลไม่ให้เอกชนแข่งขันกัน แต่เอกชนกลับพยายามประมูลสูง!!

               การประมูล 3G ของ กสทช. จบลงไปแล้ว พร้อมกับทิ้งความเสียหาย 1.6 หมื่นล้านบาท ให้ตกกับประชาชนในฐานะผู้เสียภาษี  ในขณะที่ผู้ประกอบการทั้งสามรายได้ “ลาภลอย” เป็นกำไรแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท เพราะราคาคลื่นที่ประมูลได้ต่ำกว่าราคาประเมินมากมาย

             ทันที่ที่จบการประมูล ร่องรอยความผิดปรกติก็เริ่มปรากฏมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากข่าวเสียงข้างน้อยใน กสทช. ตลอดจน ผู้บริหารกระทรวงการคลังต่างออกมาท้วงติงว่าการประมูลนี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ “กฎหมายฮั้ว”    แม้กระทั่งที่ปรึกษาประธาน กทค. เองก็ยังทำหนังสือเสนอล้มประมูล เพื่อไม่ให้ กสทช. ต้องเสี่ยงคุกตะราง  

             อย่างไรก็ตาม กสทช. กลับเร่งเดินหน้าออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการทั้งสามรายอย่างรีบร้อน และแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อผู้ที่ท้วงติงทั้งหลาย     ในขณะที่ สื่อมวลชนบางส่วนก็ประสานเสียงไปทางเดียวกับ กสทช. โดยพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ประชาชนไปสนใจเรื่องอื่น เช่น อัตราค่าบริการ 3G ในอนาคต โดยไม่พยายามสืบเสาะหาความผิดปรกติในการประมูลที่เกิดขึ้นเลย  

             ในบทความนี้ ผู้เขียนจะขอใช้วิชา "เศรษฐศาสตร์ชันสูตร" (forensic economics) มาชวนท่านผู้อ่านช่วยกันวิเคราะห์ว่า มีความผิดปรกติในการเคาะราคาในการประมูลอย่างไร และความผิดปรกติดังกล่าวน่าจะเกิดจากอะไร


คำถามที่ต้องการคำตอบ

                ดังที่ทราบกัน ในการประมูลครั้งนี้ AIS เสนอราคาสูงสุด 14,625 ล้านบาท ส่วน DTAC และ TRUE เสนอราคาเท่ากันที่ 13,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาขั้นต่ำในการประมูล   ผลก็คือทำให้รัฐได้รายได้รวมทั้งสิ้นเพียง 41,625 ล้านบาท หรือสูงกว่าราคาตั้งต้นเพียง 2.8% เท่านั้น และทำให้มูลค่าการประมูล 3G ในประเทศไทยต่ำที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

            คำถามที่เกิดขึ้นกับการประมูลมี  2 คำถาม  คำถามแรกคือ ทำไมการประมูลจึงล้มเหลวจนสร้างความเสียหายต่อประชาชนกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท?  คำถามนี้ตอบง่ายมากว่า การประมูลล้มเหลวเพราะ กสทช. ออกแบบให้การประมูลแทบไม่เหลือการแข่งขันเลย จึงทำให้ผู้เข้าประมูลทุกรายมั่นใจได้ว่า จะได้คลื่น 3G ไปตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องแข่งขันกันเสนอราคามาก

            คำถามที่สองซึ่งที่น่าสนใจกว่า ก็คือ ทำไมการประมูลยังมีการแข่งขันเหลืออยู่  ทั้งๆ ที่กฎการประมูลถูกออกแบบมาเพื่อจำกัดการแข่งขัน? โดยมีคำถามที่เกี่ยวเนื่องกันคือ AIS ทำไมจึงประมูลสูงกว่ารายอื่นมาก?


คำตอบที่เป็นไปได้

                เหตุที่ AIS เสนอราคาสูงกว่ารายอื่น ก็น่าจะเพราะอยากได้สิทธิในการเลือกย่านความถี่ก่อน โดยเลือกที่จะอยู่ติดกับย่านของ TOT ซึ่งทำให้ทั้งสองรายสามารถนำเอาคลื่นของตนมารวมกันเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต   ในขณะที่ DTAC และ TRUE ไม่ได้สนใจที่จะเลือกย่านความถี่ไหนเป็นพิเศษ   ทั้งสองรายจึงประมูลต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้คือ ที่ราคาตั้งต้น     การที่ AIS เสนอราคาสูงกว่ารายอื่นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ  แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ราคาที่ AIS ประมูลนั้นสูงกว่ารายอื่นมากเกินความจำเป็น  

            หลักเบื้องต้นในการประมูลก็คือ ในกรณีที่มีของชิ้นเดียว ผู้เสนอราคาสูงสุด จะได้รับของในการประมูลนั้นไป   ส่วนในกรณีที่มีของหลายชิ้น เช่นในการประมูล 3G ครั้งนี้   ผู้เสนอราคาสูงสุดจะได้สิทธิในการเลือกของก่อน    ในทั้งสองกรณี ราคาที่เสนอสูงสุดไม่จำเป็นต้องสูงมาก แค่ให้มากกว่าผู้ได้อันดับสองเล็กน้อย เช่น เฉือนกันสลึงเดียว บาทเดียว หรือในกรณีนี้เฉือนกันเพียง 225 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำสุดในการเคาะราคาเพิ่มแต่ละครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

            เราจึงควรถามว่า เหตุใด AIS จึงเสนอราคาประมูลมากกว่า DTAC และ TRUE ถึง 1,125 ล้านบาท ทั้งที่เสนอสูงกว่าเพียง 225 ล้านบาท ก็ทำให้ได้เป็นผู้ชนะประมูลตามที่ต้องการแล้ว  ทำไม AIS ต้องจ่ายเพิ่มโดยไม่จำเป็นถึง 900 ล้านบาท?

            เมื่อวิเคราะห์ดูการเคาะราคาในการประมูล เราจะพบว่า ราคาการประมูลของ AIS ที่สูงขึ้นเกิดใน 2 กรณีคือ หนึ่ง เมื่อมีผู้ประกอบการรายอื่น เลือกสล็อตความถี่เดียวกันกับที่ AIS เลือก ก็พบว่ามีการแข่งราคากัน ทั้งที่แต่ละฝ่ายสามารถหลบไปหาสล็อตอื่นที่ว่างอยู่ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีกว่าสำหรับทั้งคู่ เพราะไม่ต้องเพิ่มราคาในการประมูลเลย (เปรียบเสมือนการย้ายไปหาเก้าอี้ที่ว่างอยู่ในการเล่นเก้าอี้ดนตรี แทนที่จะต้องสู้เพื่อแย่งเก้าอี้ตัวเดียวกัน)  และ สอง AIS เสนอราคาสูงขึ้นเองในบางสล็อต ทั้งที่ไม่มีคู่แข่งเลย โดยการเสนอราคาสูงขึ้นเพื่อแข่งกับตนเองดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นของการประมูล ซึ่งไม่สามารถอ้างได้ว่า ทำไปเพื่อให้มั่นใจว่าชนะรายอื่น เพราะหากจำเป็นต้องเสนอราคาสูงขึ้นพื่อให้ตนเป็นผู้ประมูลสูงสุด ก็ยังสามารถทำในรอบท้ายๆ ได้

            การกระทำของผู้ประกอบการทั้งสามราย โดยเฉพาะ AIS  จึงเป็นเรื่องที่แปลกพิสดารมาก เพราะทำให้ต้องเสียเงินประมูลมากเกินความจำเป็น ซึ่งขัดกับผลประโยชน์ของบริษัทเอง

            เราอาจอธิบายพฤติกรรมที่แปลกพิสดารนี้ได้หลายทาง หนึ่ง ผู้บริหาร AIS ที่เข้าร่วมประมูลมีสติปัญญาที่จำกัดมาก จนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด ทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย ซึ่งสมควรถูกกรรมการบริษัทลงโทษ ปลดออกจากตำแหน่งเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต หรือควรถูกผู้ถือหุ้นฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย    สอง การยื่นราคาสูงเกินจำเป็นอาจเกิดขึ้นจากความพยายาม “จัดฉาก” ของบางฝ่าย เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า การประมูลมีการแข่งขัน ทั้งที่ในความเป็นจริง การประมูลนี้ไม่สามารถมีการแข่งขันจริงได้เลย เพราะถูกออกแบบไม่ให้มีการแข่งขันมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ DTAC และ TRUE ต่างต้องการได้คลื่นความถี่ในราคาต่ำที่สุด โดยไม่สนใจที่จะได้สิทธิในการเลือกย่านความถี่ก่อนเลย   การแข่งขันใดๆ ที่เกิดขึ้นจึงน่าจะเป็น “การแข่งขันเทียม” เพื่อสร้างภาพเท่านั้น

            ข้อสันนิษฐานใดจะเป็นจริง หรือจะมีข้อสันนิษฐานอื่นๆ อีก ก็สุดแล้วแต่วิจารณญาณของท่านผู้อ่าน แต่ผู้เขียนคิดว่า เราน่าจะหาข้อสรุปที่แท้จริงได้ไม่ยากนัก หากมีการตรวจสอบอย่างจริงจังโดยหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะ ปปช.

            ก่อนการประมูล ผู้เขียนเคยคิดว่า พิสดารมากแล้วที่ กสทช. ใจกล้าออกแบบการประมูลให้แทบไม่มีการแข่งขัน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเลย  แต่หลังการประมูล ผู้เขียนกลับพบว่า ที่พิสดารยิ่งกว่าก็คือ การที่ผู้ประกอบการเอกชนพยายามหาช่องทางในการแข่งขันกันจนได้ ทั้งที่กติกาไม่เอื้อต่อการแข่งขันเลย!

31128
ทีดีอาร์ไอชี้ ผลการประมูลล้มเหลวตามคาด ทำรัฐและประชาชนเสียหาย 1.6 หมื่นล้านบาท เรียกร้อง กสทช. แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน

สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

               ผลการประมูลคลื่น 3G เป็นไปตามที่คาดหมายของผม คือ ได้ราคาเพิ่มขึ้นจากราคาตั้งต้นเพียงเล็กน้อยคือประมาณร้อยละ 2.8 เท่านั้น คือ เพิ่มจากราคาตั้งต้นโดยรวม 9 ใบ ที่ 40,500 ล้านบาท เป็นเพียง 41,650 ล้านบาทเท่านั้น  โดยมีคลื่น 6 ชุดที่มีราคาประมูลเท่ากับราคาตั้งต้น

             การประมูลครั้งนี้แม้จะทำให้ประชาชนมีบริการ 3G ใช้กันอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชนในฐานผู้เสียภาษี เมื่อเทียบจากราคาประเมินถึง 16,335 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการทั้งสามรายได้ประโยชน์จากส่วนต่างนี้ไปเป็นเสมือน “ลาภลอย” ทั้งนี้ยังไม่รวมประโยชน์ที่ได้จากการลดค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐอีกปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท  ที่สำคัญการที่แต่ละรายได้คลื่น 3G มูลค่าถูกแสนถูกต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านบาทต่อปี จะไม่มีผลต่ออัตราค่าบริการ 3G ที่ประชาชนต้องจ่ายแต่อย่างใด นอกจากจะเพิ่มกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ประกอบการ ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น

            ผลการประมูลครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ข้อมูลที่กสทช. พยายามโฆษณาให้ประชาชนเชื่อมาโดยตลอดว่าจะมีการแข่งขันมาก เนื่องจากคลื่นความถี่แต่ละชุดมีความแตกต่างกันมาก เสมือนเป็นที่ดินทำเลดีติดทะเลกับที่ดินแออัดติดถนนใหญ่ไม่เป็นความจริง และตอกย้ำความเชื่อของสาธารณชนในวงกว้างที่ว่า การประมูลครั้งนี้มีลักษณะเอื้อต่อการสมคบกันของผู้ประกอบการ

            นอกจากนี้ ผลการประมูลยังชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรงของการออกแบบการประมูล 2 ประการคือ หนึ่ง การจำกัดคลื่นความถี่ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะสามารถถือครองได้ให้เท่ากัน ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็น  สอง การกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้เกิดความเสียหายมาก เมื่อไม่มีการแข่งขันกันเท่าที่ควร    ทั้งนี้ หาก กสทช. ได้รับฟังข้อทักท้วงของฝ่ายต่างๆ ก็จะไม่เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวขึ้


               ผมจึงขอเรียกร้องให้ กสทช. รับผิดชอบต่อความเสียหายต่อรัฐและประชาชนที่เกิดขึ้น โดยให้แถลงต่อประชาชนว่า จะมีการรับผิดชอบอย่างไร  และขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ

               นอกจากนี้ ในการประมูลคลื่นความถี่ 4G และคลื่นความถี่อื่นๆ ที่จะมีขึ้นต่อไป ก็ขอให้ระวังอย่าได้ใช้แนวทางเดียวกันมาดำเนินการอีก

31129

ตี๋ เอเอฟ โชว์ป๋า
ยืดอกปกป้องแฟนสาว ใน “ตีสาม 3D”


               เป็นชายหนุ่มหนึ่งเดียวในแก๊งสำหรับ“ตี๋ วิวิศน์ บวรกีรติขจร” หรือ“ตี๋ เอเอฟ4” ภาพยนตร์หลอนระทึกเรื่อง “ตีสาม3D” ตอน “เกศสยอง” ของค่าย ไฟว์สตาร์ ทำเอาหนุ่มตี๋ ต้องงัดกลยุทธ์ความเป็นชายมาใช้อยู่หลายกระบวนท่า แต่ที่หนักที่สุดเห็นจะเป็นในเวลาที่แฟนสาวกำลังตกที่นั่งลำบาก

               “ผมรับบทเป็นปอนด์ครับ เรื่องนี้เรามากันเป็นแก๊ง ในแก๊งของเราจะมีมินท์ (สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข) ซึ่งเป็นพี่ของเมย์ (โฟกัส จีระกุล) ร่วมด้วย หลิน (นุ้ย อีเอฟเอ็ม) และ จูม (แนนซี นัยน์ภัค ภูมิภัค) ซึ่งเป็นแฟนของผม ปอนด์เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มก็จะสนุกสนานเฮฮา ชอบเอ็นเตอร์เทน มีความเป็นผู้ชายมากๆ มีความเป็นผู้นำ เจ้าชู้นิดๆ แต่ก็รักแฟนมากเหมือนกัน”












               สำหรับฉากที่แสดงให้เห็นว่าปอนด์เป็นห่วงแฟนมากก็คือ ฉากที่จูม (แนนซี่) ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย  ทำให้เขาต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือแฟนสาว ที่กำลังถูกอะไรบางอย่างดึงตัวไว้ โดยตี๋จะต้องแสดงอารมณ์ ทั้งเป็นห่วง กลัว เครียด หลอน ซึ่งกว่าจะผ่านไปได้ ทั้งตี๋และแนนซี่ก็สะบักสะบอม หมดเรี่ยวหมดแรงไปตามๆกัน

               ฉากนี้เซ็ตตึกร้างย่านเจริญกรุง ที่เนรมิตให้เป็นร้านวิกสุดหลอน ของสองพี่น้องมินท์-เมย์ หลังจากปล่อยให้คนที่รับบทหนักที่สุดอย่าง แนนซี่ และ ตี๋ ทำความเข้าใจกับบทและทำอารมณ์สักพัก ทีมงานจึงเริ่มถ่ายทำทันที

               งานนี้แม้จะเป็นงานหนังชิ้นแรกของแนนซี่และงาน 3D เรื่องแรกของตี๋ แต่ทั้งคู่ต่างก็ทุ่มเทความสามารถ อารมณ์และทุกอย่างที่มีจนตี๋ถึงกับหน้ามืด และแนนซี่ก็เข้าถึงบทจนร้องไห้ไม่หยุดทำให้ภาพที่ออกมาเหมือนคู่รักหนุ่มสาวที่รักกันมากและไม่อยากจะพลัดพรากจากกันจริงๆ

               “ฉากนี้คงจะถือได้ว่ายากที่สุดแล้วสำหรับเรื่องนี้ เพราะเป็นฉากที่คนที่เรารักกำลังอยู่ในอันตราย และต้องมีความเป็นห่วงแฟนด้วย กลัวด้วย แล้วในความกลัวก็ต้องเร่ง รีบร้อน ช็อค จึงค่อนข้างยากมาก หลากหลายอารมณ์มาก ผมไม่เครียดกับบท กับเรื่องนะครับ แต่เหนื่อยมาก เพราะเป็นซีนที่ต้องใช้อารมณ์ และ ใช้พลังมาก คือแฟนเรานั่งนิ่งๆ ทั้งที่มันต้องรีบลุก รีบหนี เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรมันจะตามมา เราต้องรีบออกจากที่นี่ไป แต่ผมดึงเขาไม่ขึ้นเลย เพราะในเรื่องเขาต้องถูกบางอย่างรั้งเอาไว้ เหนื่อยมาก หมดแรง แล้วการถ่ายหนังมันถ่ายทีละซีนๆ แล้วเราต้องเล่นแบบนี้ เป็นสิบๆรอบเลยนะ วันนั้นก็เกือบหน้ามืดไปรอบหนึ่ง ช่วงที่ถ่ายอากาศมันน้อย พอลุกขึ้นมาแล้วหน้ามืด ไม่เคยหน้ามืดนานขนาดนั้นเลยครับ”

               ด้านแนนซี่ที่ร้องไห้จนหยุดตัวเองไม่ได้บอกว่า งานนี้เกือบเอาชีวิตไม่รอดทีเดียว

               “ตอนแรกไม่คิดเลยว่ามันจะหนักขนาดนี้ คิดว่าเป็นหนังผีวัยรุ่นทั่วไป แต่พอเอาจริงๆมันไม่ใช่เลย อย่างฉากนี้ก็หนักมาก แต่พี่ๆทีมงานก็ช่วยเหลือคอยบิวท์อารมณ์ให้ ก็พยายามทำสมาธิ ประกอบกับเพื่อนแนนเพิ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อน แล้วเราก็ได้ไปเห็นสภาพศพเพื่อนมา แค่เราคิดว่าถ้าเป็นเราเราจะเป็นยังไงก็ร้องไห้ไม่หยุดแล้ว”

               ในภาพยนตร์เรื่อง “ตีสาม3D” นั้น เป็นเรื่องราว 3 ตอน 3 ความหลอน ได้แก่

               “เกศสยอง” ว่าด้วยเรื่องของร้านวิกที่รับผมมาทำวิกโดยไม่ทราบที่ไปที่มาจนเกิดเหตุการณ์สยองขึ้น นำแสดงโดย สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข, โฟกัส จีระกุล, วิวิศน์ บวรกีรติขจร (ตี๋ เอเอฟ4), ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร (นุ้ย EFM),  และ แนนซี่ นัยน์ภัค ภูมิภักดิ์ กำกับการแสดงโดย พัชนนท์ ธรรมจิรา

               “เรือนหอคนตาย” เรื่องราวของ ชายผู้รับงานเฝ้าศพบ่าว-สาว ที่ตายปริศนาก่อนหน้าพิธีแต่งงานเพียงหนึ่งสัปดาห์ ทั้งบ้านมีเพียงตัวเขากับศพในโลงอีก 2 โลง แต่เขากลับหลงรักร่างของเจ้าสาวจนจิตใจอ่อนไหวและไม่อาจหักห้ามใจได้ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ใครต่างก็คาดไม่ถึง นำแสดงโดย เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น และ ปีเตอร์ ไนท์

               “OT.” ว่าด้วยเรื่องความหลอนที่คนชอบอู้แล้วเก็บงานไว้ทำโอทีตอนดึกๆต้องเจอดี นำแสดงโดย ชาคริต แย้มนาม, เรย์ แม็คโดแนลด์, ซัน ประชากร ปิยะสกุลแก้ว, และ กันยรินทร์ นิธินพรัศม์ (ดีเจ เตยหอม)

               ติดตามความหลอนยกกำลัง 3 “ตีสาม 3D” 22 พฤศจิกายนนี้ แน่นอน

31130

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=mcoOQpunRT4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=mcoOQpunRT4</a>

31131

เอสเค-ทู  เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชาย เอสเค-ทู เม็น
เผยมาตรฐานใหม่  ยกระดับนิยามเสน่ห์แบบผู้ชาย ด้วยผิวกระจ่างใส


               เอสเค-ทู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่นจัดงาน “SK-II MEN :  Skin is the New Measure of A Man” เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ล่าสุด  เอสเค-ทู เม็น ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ  นำทีมโดย เอสเค-ทู เม็น เฟเชียล ทรีทเมนท์ เอ็สเซ็นส์  พร้อมด้วย เอสเค-ทู เม็น เอจ รีไวทัลไลซ์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์  และ   เอสเค-ทู เม็น มอยส์เจอร์ไรซิ่ง คลีนเซอร์






               ภายในงานเหล่าเซเลบริตี้หนุ่มสุดสมาร์ทของเมืองไทย นำโดย คิด-คณชัย เบญจรงคกุล เป้-ทวีฤทธิ์ จุลทรัพย์ และ นิว-ติณห์  ศรีตรัย ตบเท้าร่วมงาน พร้อมนำของสะสมสุดหวงมาโชว์เคสในงาน พิสูจน์นิยามผู้ชายแบบ เอสเค-ทู เม็น เริ่มจากตากล้องหนุ่มจากนิวยอร์กคิด-คณชัย เบญจรงคกุล นำกล้องสุดรัก รุ่น Leica M6  และ Canon 5D Mark II พร้อมเลนส์คู่ใจ มาเผยความหลงใหลในการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นมุมมองที่เติมเต็มความสำเร็จในแบบหนุ่มที่มีหัวใจรักศิลปะ ด้านหนุ่มเป้ ทวีฤทธิ์ จุลทรัพย์ ดีเจผู้รักเสียงเพลง นำกีต้าร์ระดับตำนาน รุ่น Fender Telecaster และ Ibanez RG series มาบอกเล่ามนต์เสน่ห์ของการลี๊ดกีต้าร์ หนึ่งในนิยามความสามารถที่หนุ่มๆ ใฝ่ฝัน ขณะที่ ติณห์ ศรีตรัย นักแข่งรถฟอร์มูล่า 3 มาพร้อมความแรงของ MERCEDES-BENZ – SL CLASS เจ้าความเร็ว ที่ถือเป็นนิยามที่บ่งบอกความเป็นผู้ชายของแต่ละคน แต่นอกจากความหลงใหลในเรื่องศิลปะ ดนตรี และความเร็ว ซึ่งเป็นมาตรวัดความสำเร็จของผู้ชายในแบบของพวกเขาแล้ว ทั้งสามหนุ่มเผยว่าวันนี้พวกเขากำลังมองหานิยามใหม่ที่จะช่วยเผยตัวตนของพวกเขาในแบบผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น

               โดย ทั้ง 3 หนุ่มต่างเห็นพ้องว่าผู้ชายที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบในปัจจุบัน  นั้นคือคนที่สามารถทำในสิ่งที่ตนเองตั้งเป้าไว้ได้ และ สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วมอบความสุขให้แก่ตน  หรือเรียกได้ว่าหาสิ่งที่ชอบให้เจอ และทำให้ดีที่สุด  แต่เท่านั้นยังไม่พอเรื่องของภาพลักษณ์ก็เป็นอีกสิ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ชายในปัจจุบัน  เพราะการมีภาพลักษณ์ที่ดีหมายถึงการจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมเพื่อหาเวลามาดูแลตนเอง  โดยสิ่งสำคัญบ่งชี้ถึงภาพลักษณ์ที่ดีอันดับแรก คือผิวพรรณที่ดูกระจ่างใสเปล่งประกายสุขภาพดีในแบบผู้ชาย  

               เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชายในปัจจุบัน ที่มุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จ และต้องการภาพลักษณ์ดูดีที่สะท้อนความเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ  เอสเค-ทู จึงได้เผยนิยามใหม่  ยกระดับเสน่ห์ของผู้ชาย ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ล่าสุดที่เป็นที่กล่าวขานถึงตั้งแต่ยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาซึ่งก็คือ เอสเค-ทู เม็น ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ วรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เอสเค-ทู ประจำประเทศไทย บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เมื่อก่อนนั้นเราอาจกล่าวได้ว่านิยามของความสำเร็จของผู้ชายวัดได้จากหน้าที่การงานที่มั่นคง  ฐานะทางการเงินที่สมบูรณ์ แต่ในปัจจุบันการจัดการเวลาเพื่อทำกิจกรรมทุกอย่างในชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบและเต็มที่เป็นพลังสิ่งสำคัญที่จะบอกความเป็นตัวตนของ

               ผู้ชายในแต่ละคน  โดยเฉพาะการหันมาดูแลตัวเอง ให้ทั้งสุขภาพกาย จิตใจ และที่สำคัญคือสุขภาพผิวดูดีกระจ่างใส สิ่งเหล่านี้จึงจะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสำเร็จอย่างเต็มขั้นของผู้ชายยุคใหม่  ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่ามาตรฐานใหม่วัดความสำเร็จของผู้ชายก็คือ ผิวที่กระจ่างใสสุขภาพดี   วันนี้เราจึงได้แนะนำ เอสเค-ทู เม็น ซึ่งออกแบบมาเพื่อผิวผู้ชายโดยเฉพาะ เพื่อเป็นคำตอบของความมหัศจรรย์ในการดูแลผิวของผู้ชายให้ดูดีได้ทุกวันใน 3 ขั้นตอนง่ายๆ ”

               สามผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจาก เอสเค-ทู เม็น สำหรับสามขั้นตอนในการดูแลผิวของผู้ชาย นำทีมโดย เอสเค-ทู เม็น เฟเชียล ทรีทเม้นท์ เอ็สเซ็นส์ หรือ Miracle Water ความมหัศจรรย์อันดับหนึ่งตลอดกาลของเอสเค-ทู ซึ่งวันนี้พร้อมให้ผู้ชายได้สัมผัสความมหัศจรรย์ อุดมด้วย Pitera™ ส่วนประกอบอันเป็นเอกลักษณ์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เพื่อดูแล 5 มิติผิวที่สำคัญของผู้ชาย  ด้วยเนื้อสัมผัสเอ็สเซ็นส์ ซึมซาบเข้าสู่ผิวโดยไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ เหลือไว้แต่ความรู้สึกสดชื่นให้สัมผัสเย็นสบายและบางเบา  ตามมาด้วย เอสเค-ทู เม็น เอจ รีไวทัลไลซ์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลปรนนิบัติผิวเป็นประจำทุกวัน ไม่เพียงช่วยเติมความชุ่มชื้น และมอบความรู้สึกกระชับให้แก่ผิว แต่ยังช่วยป้องกันสัญญาณอันตรายเริ่มต้นของปัญหาริ้วรอยแห่งวัย อาทิ สีผิวไม่สม่ำเสมอ  และ ริ้วรอยบาง มาพร้อมกับส่วนผสมพิเศษ Oat-Pea Complex  ที่อุดมด้วย 2 ส่วนผสมอันทรงประสิทธิภาพ  Oat essence และ Pea essence นอกจากนี้ยังผสานประสิทธิภาพการทำงานของ Vitamin B3 หรือ Niacinamide และปิดท้ายด้วย เอสเค-ทู เม็น มอยส์เจอร์ไรซิ่ง คลีนเซอร์ โฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชาย ด้วย Pitera™ เอกลักษณ์เฉพาะจากเอสเค-ทูและมอยส์เจอไรเซอร์ สัมผัสเนื้อโฟมละเอียดจะช่วยทำความสะอาดและชะล้างสิ่งสกปรกตกค้างจากผิวและร่องรูขุมขน ล้างออกง่ายและไม่ทิ้งสิ่งตกค้าง เหลือไว้เพียงผิวที่คุณรู้สึกสะอาดสดชื่นมีชีวิตชีวา พร้อมในแบบผู้ชาย






               งานนี้ ป้อง - ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ในฐานะผู้ชายที่ดูแลตัวเอง และมีผิวเป็นนิยามใหม่ที่บ่งบอกถึงผู้ชายในแบบเอสเค-ทู  มาโชว์ผิวกระจ่างใสแบบผู้ชาย พร้อมแบ่งปันประสบการณ์หลังจากเป็นคนแรก ๆ ในเมืองไทยที่ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ เอสเค-ทู เม็น เฟเชียล ทรีทเมนท์เอ็สเซ็นส์ ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ โดยหนุ่มป้องกล่าวว่า “ปัจจุบันผู้ชายไม่เพียงต้องดูแลตัวเองให้มีสุขภาพแข็งแรง แต่เรื่องผิวพรรณก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้  เพราะผิวพรรณที่ดูสุขภาพดีเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความมีระเบียบวินัยในชีวิตของผู้ชายที่สามารถจัดการวันวุ่นๆ ให้มีเวลาเหลือในการดูแลตัวเองได้  ผิวจึงนั้นเปรียบเสมือนมาตรฐานใหม่ในการวัดความสำเร็จของผู้ชายในปัจจุบัน  และด้วยลักษณะผิวของผู้ชายที่หยาบกร้านและมัน  ทำให้จำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ  เพื่อดูแลผิวใน 5 มิติที่จะทำให้ภาพรวมของผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดี  ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้  เอสเค-ทู เม็น เฟชียล ทรีทเมนท์เอ็สเซ็นส์ ก็ต้องยอมรับว่าไม่ผิดหวังที่เฝ้ารอคอยการเปิดตัวในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน เพราะว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจความต้องการของผู้ชายอย่างแท้จริง  หลังจากใช้แล้วสังเกตได้ว่าผิวดูเปลี่ยนแปลงดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2 สัปดาห์*”


               โอกาสดีๆ แบบนี้ 2 สาวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเอสเค-ทู สู่ขวัญ บูลกุล และ โสภิตนภา ชุ่มภาณี ไม่พลาด มาร่วมต้อนรับการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชาย เอสเค-ทู เม็น ที่มีกระแสและเป็นที่พูดถึงตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว โดยสองสาวได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองของผู้หญิง

               สู่ขวัญ บูลกุล กล่าวว่า “ในฐานะภรรยาที่เป็นคู่คิดของสามีทำให้ต้องคอยกระตุ้นเตือนสามีให้ดูแลตัวเองอยู่เสมอ เพราะภาพลักษณ์นั้นเป็นเสมือนใบเบิกทางที่สำคัญ และพื้นฐานที่ดีที่สุดของการมีภาพลักษณ์ที่ดีคือผิวพรรณที่กระจ่างใสสุขภาพดี  สมัยนี้ความคิดเห็นของผู้หญิงที่มีต่อผู้ชายที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีนั้นเปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนมาก  ผู้ชายที่ดูแลตัวเองคือผู้ชายที่มีระเบียบวินัยในชีวิต ดังนั้นเขาเหล่านั้นถึงเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนาที่จะอยู่ใกล้  มาตรฐานใหม่อีกหนึ่งด้านที่ผู้หญิงตัดสินผู้ชายในปัจจุบัน นอกจากประสบความสำเร็จในชีวิต ก็คือผิวพรรณที่เปล่งประกายสุขภาพดีน่าสัมผัส   ดังนั้นการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก็ควรต้องมาพร้อมกับการดูแลตัวเองอย่างสมบูรณ์”

               ด้าน คุณเจี๊ยบ โสภิตนภา ชุ่มภาณี กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันผู้ชายยังคงมีความคิดผิดๆ เกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้มีผิวสุขภาพดี จากประสบการณ์ตรง เจี๊ยบสังเกตเห็นผู้ชายมักนำผลิตภัณฑ์ของผู้หญิงมาใช้ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นสภาพผิวที่แตกต่างกันของผู้ชายและผู้หญิง ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน ดังนั้นเจี๊ยบจึงอยากแนะนำให้ผู้ชายได้ใช้ผลิตภัณฑ์ เอสเค-ทู เม็น ใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ แล้วคุณจะได้ค้นพบมาตรฐานใหม่ ที่จะช่วยให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกมาก เมื่อมีผิวที่ดูกระจ่างใสในแบบผู้ชายที่น่าสัมผัส”

               ร่วมสัมผัสนิยามใหม่ ในแบบผู้ชายของเอสเค-ทูได้แล้ว ด้วยผิวกระจ่างใสสุขภาพดีกับเอสเค-ทู เม็น ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่เคาท์เตอร์เอสเค-ทู ทั้ง 5 สาขาดังต่อไปนี้ 1. ดิ เอ็มโพเรียม 2. สยามพารากอน 3. เซ็นทรัลชิดลม 4. เซ็นทรัลลาดพร้าว และ 5. เซ็นทรัลบางนา

*ผลทดสอบทางคลินิคในอาสาสมัครผู้ชาย 44 คน อายุ 30-60 ปี โดยบริษัท Ellead ประเทศเกาหลีเมื่อเดือนตุลาคม 2555

# # #

31132

เอสเค-ทู เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายล่าสุด เอสเค-ทู เม็น
ในงาน SK-II Men : Skin is the New Measure of a Man
เหล่าเซเลบริตี้หนุ่มสุดสมาร์ทสนใจร่วมงานคับคั่ง


จากซ้าย  คณชัย เบญจรงคกุล, ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์, วรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์, ทวีฤทธิ์ จุลทรัพย์ และ ติณห์ ศรีตรัย

               เอสเค-ทู ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น จัดงาน “SK-II MEN : Skin is the New Measure of A Man” ที่ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ล่าสุด  เอสเค-ทู เม็น ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ  เผยนิยามใหม่แห่งความเป็นชาย  แนะนำ 3 ผลิตภัณฑ์ล่าสุด  ได้แก่  เอสเค-ทู เม็น เฟเชียล ทรีทเมนท์ เอ็สเซ็นส์   เอสเค-ทู เม็น เอจ รีไวทัลไลซ์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์  และ   เอสเค-ทู เม็น มอยส์เจอร์ไรซิ่ง คลีนเซอร์  ภายในงานเหล่าเซเลบริตี้หนุ่มสุดสมาร์ท นำโดย ป้อง - ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ คิด-คณชัย เบญจรงคกุล เป้-ทวีฤทธิ์ จุลทรัพย์ และ นิว – ติณห์ ศรีตรัย ตบเท้าร่วมงาน พร้อมนำของสะสมสุดหวงมาโชว์เคสในงาน พิสูจน์นิยามผู้ชายแบบ เอสเค-ทู เม็น และในโอกาสดีๆ แบบนี้ 2 สาวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเอสเค-ทู สู่ขวัญ บูลกุล และ โสภิตนภา ชุ่มภาณี ไม่พลาด มาร่วมต้อนรับการเปิดตัวเอสเค-ทู เม็น ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเช่นกัน

31133
เอนฟาโกร เอพลัส ผู้นำตลาดนมผงระดับพรีเมี่ยมเพื่อการพัฒนาสมองเด็ก
สานต่อภารกิจสร้างอัจฉริยภาพสมองเด็กไทย จัดงาน ‘เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป’
ยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองขอนแก่น ผนึกกำลังบุคลากรทางการแพทย์ และร้านค้าภาคอีสาน


               เอนฟาโกร เอพลัส ผู้นำตลาดนมผงสำหรับเด็กระดับพรีเมี่ยม มุ่งมั่นส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง และการเรียนรู้ของเด็กอย่างต่อเนื่อง สานต่อภารกิจสร้างอัจฉริยภาพแห่งสมองให้เด็กทั่วไทย เดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดงาน “เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” ยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองขอนแก่น  เชิญชวนพี่น้องชาวอีสานค้นพบมหัศจรรย์แสนล้านเซลล์สมอง สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้เรื่องสมองแบบเชิงลึกในอาณาจักรสมองยักษ์ พร้อมพิสูจน์อัจฉริยภาพแห่งสมองสร้างได้ และไขรหัส 4 คุณลักษณะแห่งอัจฉริยภาพ เพื่อเสริมศักยภาพสมองให้กับเด็กไทยอย่างเต็มรูปแบบ


               โอกาสนี้ มร.แบลร์ เซลล์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด เผยวิสัยทัศน์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า“กว่า 40 ปี ที่มี้ด จอห์นสัน มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ และสร้างสรรค์กิจกรรมที่เน้นส่งเสริมพัฒนาการสมอง และการเรียนรู้ให้กับลูกน้อย เพราะเราตระหนักถึงความสำคัญเรื่องพัฒนาการของสมองเด็กในช่วง 1,365 วันแรก ได้แก่ช่วงตั้งครรภ์ ถึงสามขวบปีแรก และต้องการให้เด็กทุกคนมีการเริ่มต้นที่ดี เพื่อศักยภาพสูงสุดในชีวิต นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับอย่างต่อเนื่อง เช่น สูตร DHA PLUS ซึ่งอุดมด้วยสารอาหารบำรุงสมองอย่างบูรณาการแล้ว ล่าสุด กลุ่มผลิตภัณฑ์เอนฟายังได้สานต่อภารกิจสร้างอัจฉริยภาพแห่งสมองให้เด็กไทยทั่วประเทศ โดยยก “เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” งานแสดงศักยภาพสมองเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในกรุงเทพฯ มาจัดแสดงในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีทั้งมหาวิทยาลัย และโรงเรียนแพทย์ อันมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองเด็กไทย ในงานนี้ครอบครัวและทุกภาคส่วนจะได้เรียนรู้เรื่องสมองในเชิงลึก และยังได้ฝึกพัฒนาการสมองให้มีศักยภาพสูงสุด โดยเราได้ผนึกกำลังกับบุคลากรทางการแพทย์ และร้านค้าชั้นนำท้องถิ่น เพื่อร่วมกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพสมองของเด็ก เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศในอนาคต”

                งานนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมชมงาน และกล่าวถึงประโยชน์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า “ยินดีที่ทางภาคเอกชนอย่างกลุ่มผลิตภัณฑ์เอนฟา ให้ความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ของสังคมเกี่ยวกับการพัฒนาสมองของเด็กไทย ถือเป็นโอกาสดียิ่งสำหรับชาวขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานแสดงศักยภาพสมองครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองไทยเช่นนี้  นอกจากงานนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเหล่าพ่อแม่และเด็ก ที่จะได้ฝึกการพัฒนาสมองให้เต็มศักยภาพกับกิจกรรมมากมาย  บุคคลทั่วไป โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ก็จะมีโอกาสเรียนรู้เรื่องสมองอย่างเต็มรูปแบบด้วยองค์ความรู้ และกิจกรรมส่งเสริมที่ทำให้ง่ายต่อความเข้าใจ เพื่อให้ทุกท่านสามารถนำกลับไปส่งเสริมต่อได้เองอย่างไม่ยาก
            เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่างานในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนในท้องถิ่นเห็นความสำคัญของการพัฒนาสมองอย่างเร่งด่วน และร่วมมีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในภูมิภาคให้มีการพัฒนาศักยภาพให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต”


                นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงชนิกา ตู้จินดา ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการสมองเด็ก ให้เกียรติร่วมกล่าวแสดงทัศนะเรื่องการสร้างอัจฉริยภาพสมอง เพื่อกระตุ้นเตือนให้พ่อแม่ทุ่มเทในเรื่องโภชนาการ  และการเตรียมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้เด็กๆ
            ศ.เกียรติคุณ พญ.ชนิกา ตู้จินดา กล่าวว่า “สมองมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นศูนย์กลางของชีวิต คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับการสร้าง และฝึกสมองของลูกเพื่อการเรียนรู้ที่เต็มศักยภาพ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสู่ความสำเร็จในชีวิต และช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการสร้างสมองควรเริ่มตั้งแต่ 1,365 วันแรก หรือตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึง 3 ขวบปีแรก เพราะเป็นช่วงที่สมองเติบโตถึงกว่า 80% ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ สมองมีการพัฒนาที่สำคัญในด้านต่างๆ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย แม้ว่าในยุคปัจจุบัน จะมีเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก หรือมีโปรแกรมเสริมการเรียนรู้สมัยใหม่มากมายให้กับเด็ก แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เคียงข้างพ่อแม่ชาวไทยมานาน อยากเน้นย้ำถึงบทบาทของพ่อแม่ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่สุดที่จะสร้างสมองให้ลูกในช่วงเวลาทองนี้ ในการเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยโภชนาการที่เหมาะสม และด้วยความเอาใจใส่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างลูกน้อยให้เติบโต และพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่”


                นอกจากนั้น งานนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก 15 ร้านค้าท้องถิ่นชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ร่วมวิสัยทัศน์ ผนึกกำลังสร้างอัจฉริยภาพแห่งสมองให้เด็ก ด้วยการกระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพสมองตั้งแต่วัยเยาว์ ตลอดจนเชิญชวนให้คนไทยมีโอกาสเข้าร่วมงาน“เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” อย่างทั่วถึง และพร้อมกันนี้ ตัวแทนคนรุ่นใหม่มากความสามารถจากภาคอีสานที่โด่งดังทั่วประเทศในฐานะนักร้องชื่อดัง และยังรั้งตำแหน่งว่าที่คุณหมอหนุ่มจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่าง ริท เดอะสตาร์ ก็มาร่วมสำรวจอาณาจักรสมองยักษ์ที่ยกมาให้ศึกษากันแบบเชิงลึกใจกลางเมือง










                ในฐานะนักเรียนแพทย์ ผมเห็นความสำคัญของสมองที่เป็นระบบการสั่งการสำคัญของร่างกาย และเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาสมองให้เต็มศักยภาพได้หากเราทุ่มเท และรู้วิธีฝึกสมองอย่างเหมาะสม ซึ่งงาน “เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” เป็นเวทีที่สร้างโอกาสให้พี่น้องในภาคอีสาน ได้ร่วมเรียนรู้ถึงวิวัฒนการ และการทำงานของสมองในแต่ละส่วน ทั้งยังมีกิจกรรมที่ฝึกเคล็ดลับการพัฒนาสมองในแต่ละช่วงวัยอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะตั้งแต่วัยเริ่มเรียนรู้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การพัฒนาเด็กๆ ในท้องถิ่นภาคอีสานของเราให้มีอัจฉริยภาพสมองไม่แพ้ชาติใดในโลก” ริท กล่าว

                ทั้งนี้ นอกจากงาน “เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดขอนแก่น เอนฟามุ่งมั่นสานต่อภารกิจสร้างอัจฉริยภาพแห่งสมองให้กับเด็กไทยอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเตรียมยกงาน “เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” สู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศในโอกาสอันใกล้ เพื่อให้เด็กไทยในทุกท้องถิ่นได้สัมผัสมหัศจรรย์แสนล้านเซลล์สมอง พร้อมพิสูจน์อัจฉริยภาพแห่งสมองสร้างได้ เริ่มที่ 1,365 วันแรก ด้วยโภชนาการ และความทุ่มเท สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของงาน “เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป” ที่จะจัดขึ้นในภาคต่อๆ ไป ได้ที่ www.enfababy.com

31134

แบรนด์แอมบาสเดอร์สาว “นัท – มีเรีย” เปิดตัว โอเลย์ รีเจนเนอริส ไนท์ รีเซอร์เฟสซิ่ง เอ็สเซ็นส์
เผยผิวที่ดูกระชับ และเรียบเนียนใน 7 คืน*  ในงาน “Bed Time, The Best Time"


จากซ้าย: ศรัยฉัตร กุญชร จีระแพทย์, นัท - มีเรีย เบเนเด็ตตี้, วรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ และนายแพทย์รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์

               นัท - มีเรีย เบเนเด็ตตี้ แบรนด์แอมบาสเดอร์สาวสวยแห่งโอเลย์ รีเจนเนอรีส เปิดตัวสุดยอดผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมใหม่ล่าสุด โอเลย์ รีเจนเนอริส ไนท์ รีเซอร์เฟสซิ่ง เอ็สเซ็นส์ ในงาน Bed Time, The Best Time (เบท ไทม์, เดอะ เบส ไทม์) โดยมี คุณวรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำประเทศไทย บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเผยนวัตกรรมใหม่แห่งเซรั่มบำรุงผิวหน้าสำหรับกลางคืนที่ทำงานร่วมกับระบบนาฬิกาของชีวิต เพื่อจัดการปัญหาและลดเลือนริ้วรอยร่องลึกบนผิว เผยผิวใหม่ที่ดูชุ่มชื้นกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นใน 7 คืน* ณ ห้อง โซเชี่ยล คลับ โรงแรมโซฟิเทล โซ แบ็งค็อก เมื่อเร็วๆ นี้

###


ถึงงานจะรัดตัวแค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นเรื่องความสวย ล่าสุดแบรนด์แอมบาสเดอร์สาวแห่งโอเลย์ รีเจนเนอรีส นัท – มีเรีย ปลีกตัวจากกองละคร “มารกามเทพ” มาร่วมงาน Bed Time, The Best Time อวดผิวหน้าที่ดูกระชับ เรียบเนียน เพราะแม้ต้องรับบทหิน เล่นดราม่าแสดงอารมณ์จนริ้วรอยถามหา แต่เธอก็ยังรักษาความสวยให้ปิ๊งได้ตลอดๆ แหม... ดูแลตัวเองดีซะจริงจริ๊ง


คนมีความรักมักจะดูสวยวัยสวยคืน ทฤษฎีนี้คงใช้ได้กับแบรนด์แอมบาสเดอร์สาวแห่งโอเลย์ รีเจนเนอรีส นัท – มีเรีย เพราะล่าสุดเจอเธอในงาน Bed Time, The Best Time เห็นผิวพรรณเปล่งปลั่งเอาใจแฟนหนุ่มขนาดนี้ เชื่อแล้วล่ะว่าความรักของเธอยังหวานชื่นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

###

31135

จากซ้าย: วรรณพร โปษยานนท์, จุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุล, เอเดรียน ไมลี่ (ไวส์ เพรสิเดนท์ โอเปอเรชั่น เซาท์ อิสท์ เอเชีย สวารอฟสกี้), ชมพู อารยา เอ ฮาร์เก็ต, แพทริค เฮาเอิร์ต (กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวารอฟสกี้ (ประเทศไทย) จำกัด),มณฑน์ สกุลไทย และนันทินี อัมระนันทน์

ชมพู่ -อารยา ร่วมเผยโฉมคอลเลคชั่นล่าสุดของสวารอฟสกี้
พร้อมเปิดแฟล็กชิพสโตร์ ณ สยามพารากอน

               คุณแพทริค เฮาเอิร์ต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวารอฟสกี้ (ประเทศไทย) จำกัด ประธานจัดงาน “Kingdom of Jewels” (คิงดอม ออฟ จิวเวลส์ ) งานแฟชั่นโชว์เปิดตัวคอลเล็กชั่นประจำฤดูใบไม้ร่วง – ฤดูหนาว ปี 2012/2013 และเปิดแฟล็กชิพสโตร์ ชั้น 1 โซน คริสตัล คอร์ท สยามพารากอน พร้อมด้วยนักแสดงสาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ร่วมเดินแบบ ภายในงานได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้ชั้นนำ อาทิ มาริษา ชิว, มัญชุมาศ นำเบญจพล,จุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุล, วรรณพร โปษยานนท์, ปรีดิ์รติ ภิรมย์ภักดี, ชุติมณฑน์ สกุลไทย, นันทินี อัมระนันท์, อรรุจา บุญญสิทธิ์, ภาวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา, พลอยจันทร์ เศวตวิมล และแขกผู้มีเกียรติมากมายตบเท้าเข้าร่วมงาน ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เร็วๆ นี้

31136
ยูไนเต็ด โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ส่งหนังกำลังภายในแนวใหม่ลงจอ
“ไทเก๊ก หมัดเล็กเหล็กตัน”
25 ตุลาคมนี้


               จากผู้สร้าง “ยิปมัน” และ “ตี๋เหรินเจี๋ย” ออกแบบงานสร้างสุดวิจิตรโดยทีมสร้าง CROUCHING TIGER HIDDEN DRAGON ผลงานกำกับแหวกแนวของ “ฝงเต๋อหลุน” ในภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ากับลีลาเพลงหมัดสุดเยี่ยมยุทธ “ไทเก๊ก หมัดเล็กเหล็กตัน” ด้วยเรื่องราวที่เล่าถึงจุดกำเนิดของวิชาไท้เก๊ก พร้อมทั้งยังรวมนักแสดงแถวหน้าไว้เพียบ ทั้ง เหลียงเจียฮุย, แองเจล่าเบบี้, เผิงอวี้เอี้ยน, ซูฉี และ แดเนี่ยล วู


               หยางลู่ฉาน เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์พิเศษในตัว เขาก็ถูกล้อเลียนว่าเป็นตัวตลกประจำเมือง แม่ของหยางจึงห้เขาฝึกฝนวิชาการต่อสู้ โดยเดินทางไปหมู่บ้านเฉินอันเลื่องชื่อเพื่อเรียนเพลงมวยไท้เก๊ก ในหมู่บ้านเฉิน มีกฎเหล็กอยู่หนึ่งข้อคือห้ามเผยแพร่วิชาไท้เก๊กแก่คนภายนอก เขาก็ถูกคนในหมู่บ้านท้าประลองฝีมือและสามารถเอาชนะหยางได้หมด พร้อมทั้งพ่ายแพ้แก่ ยื่อเหนียง ลูกสาวคนสวยของปรมาจารย์เฉิน เจ้าหนุ่มหยางก็ยิ่งเลื่อมใสในวิชาไท้เก๊ก และยิ่งอยากพบปรมาจารย์เฉินเพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ แต่หยางหารู้ไม่ว่าชายแปลกหน้าซอมซ่อผู้ช่วยเขาไว้ในการประลองกับยื่อเหนียง ก็คือปรมาจารย์เฉินนั่นเอง เฉินสัมผัสได้ถึงความพิเศษในตัวชายหนุ่มคนนี้ เขาจึงแอบถ่ายทอดเพลงมวยไท้เก๊กให้หยางอย่างลับๆ การต่อสู้กับผู้รุกรานหมู่บ้านเฉินที่ทั้ง หยาง และ ยื่อเหนียง จะต้องผนึกกำลังต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตกำลังจะเกิดขึ้น

               ยูไนเต็ด โฮม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เตรียมให้คอหนังจีนกำลังภายในได้พิสูจน์ความมันส์เต็มตาด้วยลีลาเพลงหมัดเยี่ยมยุทธ 25 ตุลาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

31137
เบน สติลเลอร์ นำทีมเพื่อนซี้ปราบเอเลี่ยนในหนังล่าสุด
“The Watch เพื่อนบ้าน แก๊งป่วน ป้องโลก”
เข้าฉายแล้ววันนี้


               เมื่อเบน สติลเลอร์ (จาก Tower Heist และ Night at the Museum) เตรียมยกขบวนเพื่อนฟ้อง วินซ์ วอห์น(จาก Wedding Crashers), โจนาห์ ฮิลล์ (จาก The 40 Year Old Virgin) และ ริชาร์ด อโยเดมาร่วมกันปกป้องโลกจากเหล่าเอเลี่ยนที่แฝงตัวในคราบมนุษย์ ในภาพยนตร์ตลกเรื่องล่าสุด “The Watch หรือ เพื่อนบ้าน แก๊งป่วน ป้องโลก” ผลงานการกำกับของ “อากิวา เชฟเฟอร์” โดยได้ ผู้อำนวยการสร้าง ชอว์น เลวี เจ้าของผลงานกำกับภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง Night at the Museum และ Real Steel มาดูแลการผลิตให้หนังตลกเรื่องนี้อัดแน่นด้วยสาระไม่ใช่แค่เพียงปล่อยมุขเด็ดๆเท่านั้น




                เรื่องราวของ เมืองเกลนวิว รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา สถานที่พักพิงอันสงบสุขและปลอดภัย เอแวน, บ๊อบ, แฟรงคลิน และ จามาร์คัส ตัดสินใจร่วมเป็นอาสาสมัครคอยดูแลความปลอดภัยในชุมชนของพวกเขา ด้วยการเป็น “ผู้เฝ้าสังเกตุการณ์” พร้อมเสื้อแจ็คเก็ต Watch สุดเท่ติดสัญลักษณ์รูปหัวเสือประดับปีก ที่หนุ่มทั้งสี่คิดว่ามันจะทำให้คนในชุมชนเคารพยำเกรงพวกเขามากขึ้น ซึ่งตรงกันข้าม พวกเขาถูกเด็กๆ ปาด้วยไข่ไก่ แถมตำรวจท้องที่ก็คิดว่านี่คือเรื่องตลก แต่เมื่อสี่หนุ่มลาดตะเวนไปพบของสิ่งหนึ่งซึ่งดูคล้ายลูกโบว์ลิ่งที่สามารถปล่อยสัญญาณพลังงานออกมาได้ พวกเขาก็รู้ทันทีว่า ตัวเองกำลังเผชิญกับอะไรบางอย่างที่อันตรายกว่าโจรลักเล็กขโมยน้อยธรรมดา หรือว่าพวกมันจะเป็นเอเลี่ยนที่แฝงตัวอยู่ในร่างมนุษย์กันแน่

                ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ เปิดรับความสนุกสุดป่วนของของเหล่าบรรดา 4 เกลอที่จะเรียกเสียงฮาด้วยมุขเด็ดๆที่ไม่เคยพบในภาพยนตร์เรื่องใดมาก่อน 11 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

31138

สมรภูมิกำลังจะลุกเป็นไฟ World of Tanksระเบิดสงครามแคลนแล้ว!


               World of Tanksเกมรถถังออนไลน์ระดับโลก ระเบิดสงครามความมันอีกครั้งด้วยการเปิดระบบสงครามแคลน หรือ Clan Warหลังจากที่มีการสร้างแคลนในเซิร์ฟเวอร์เอเชียอาคเนย์แล้วกว่า 100 แคลนนอกจากนี้ยังเลือกฐานที่มั่นในการรบเป็นดินแดนฝั่งเอเชียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

               ในการเข้าร่วมสงครามแคลนหรือ Clan War นั้น การครอบครองชัยชนะอาจไม่ใช่ความมันเพียงอย่างเดียวที่ผู้เล่นจะได้รับ แต่จะได้สัมผัสถึงการแผ่อำนาจสู่ดินแดนอื่นๆ การกดดันกองทัพเพื่อยึดแผนที่ต่างๆ รวมถึงการเจรจาทางทหารเป็นพันธมิตรร่วมรบ ทั้งยังได้รับ Goldจากการเข้ายึดพื้นที่ต่างๆ เป็นรายได้ของแคลนอีกด้วย

เงื่อนไขการเข้าร่วมสงครามแคลน

1. ผู้เล่นจะต้องอยู่ในแคลนที่มีสมาชิกตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป
2. ในการเข้าร่วมสงครามแคลน สมาชิกที่เข้าร่วมจะต้องครอบครองรถถังเทียร์ 5 ขึ้นไป


รูปแบบของสงครามแคลน

               สงครามแคลนหรือ Clan Warเป็นการรบบนเบราว์เซอร์ (Browser) ของกองทัพและองค์ประกอบทางทหารและการเมืองของ World of Tanks การต่อสู้จะเกิดขึ้นบนแผนที่ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า แผนที่โลก ซึ่งจะเกิดการแก่งแย่งดินแดน มีทั้งการบุกโจมตี และป้องกันพื้นที่ โดยแผนที่จะแบ่งออกเป็นหลายเมืองและสามารถเลือกยึดครองได้ พร้อมรับรายได้และโบนัสต่างๆระบบสงครามแคลน ประสบความสำเร็จอย่างมาก และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ ที่ให้บริการ รวมถึงหลายพันแคลนจากทั่วโลกมีการเข้าร่วมสงครามอย่างต่อเนื่อง

               การทำสงครามแคลน เป็นการต่อสู้เพื่อการครอบครองอำนาจและพลังที่เหนือกว่า โดยการเข้าสู่เว็บไซต์www.worldoftanks-sea.comที่ซึ่งผู้เล่นสามารถส่งกองกำลังของแคลนเข้าสู่แผนที่โลก และเข้าโจมตีเพื่อยึดครองอาณาเขตต่างๆ บางเมืองสามารถทำรายได้ให้มากกว่า 4,000 Gold ในสงครามแคลน แคลนนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ผู้เล่นสามารถสร้างพันธมิตรเพื่อช่วยในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของคุณด้วยการเจรจา ทางการทูต เพื่ออำนวยความสะดวกการขยายตัวของเขตพื้นที่ทางทีมงานได้ทำการสร้างฟอรั่ม สำหรับใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสอบถามข้อมูลต่างๆ ไว้ที่ Ultimate Conquest รวมทั้งยังสามารถอ่านข้อมูลการทูตของแคลนได้ทันทีอีกด้วย

               Clip VDO แนะนำสงครามแคลน  : http://worldoftanks-sea.com/news/709-guide-clan-wars-th/


สงครามแคลนบนหน้าเว็บไซต์


ตรวจสอบภูมิประเทศให้รอบคอบ


วางกลยุทธ์ให้ดี


โจมตีทันควัน


มันส์ทุกตาในการเดินทัพ


ส่งทัพเสริม ดาหน้ายึดดินแดนไม่ปรานี


ขยายอาณาเขต ปกครองพื้นที่มากขึ้น

               ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://worldoftanks-sea.com/news/736-war-approaching-th/

31139
ครั้งแรกของประเทศไทยกับการจัดเทศกาลศตวรรษภาพยนตร์อินเดีย 2012 โดยรัฐบาลอินเดีย
ที่เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เปิดชมฟรี!!! พร้อมบรรยายไทยตลอดงาน


India Centenary Film Festival

               เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่กับครั้งแรกของประเทศไทยภายใต้การสนับสนุนโดยรัฐบาลอินเดียสำหรับงาน “เทศกาลศตวรรษภาพยนตร์อินเดีย 2012 (Indian Centenary Film Festival 2012)” ที่สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ร่วมกับ Directorate of Film Festival และโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า จัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 21 ตุลาคมนี้ ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยคัดสรร 10 ภาพยนตร์อินเดียคุณภาพ เปิดฉายให้ชมฟรี!!! พร้อมบทบรรยายไทย ทุกเรื่องทุกรอบ งานนี้จัดเต็มชวนเหล่าบรรดาผู้คนในแวดวงการภาพยนตร์ไทยร่วมเดิน Red Carpet เปิดงานสุดอลังการ อาทิ พิงค์กี้-สาวิกา ไชยเดช, เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, ดีเจเจได(9-9-81บอกเล่า 9 ศพ), เอ๋-มณีรัตน์ คำอ้วน, โฟกัส จีระกุล, โบ-ธัญญะสุภางค์(นางเอกจากเค้าเรียกผมว่าความรัก)พร้อมผู้กำกับภาพยนตร์วศิน ปกป้อง และทีมนักแสดง,จิม-โสภณ ศักดาพิศิษฏ์(ผกก.ลัดดาแลนด์), เมษ ธราธร(ผกก.ATM เออรักเออเร่อ)


พิงค์กี้-สาวิกา ไชยเดช เจ้าแม่หนังอินเดีย


เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า พร้อมเดินพรมแดงแล้วค่ะ


เอ๋-มณีรัตน์ คำอ้วน แฟนพันธุ์แท้หนังอินเดียตัวจริง


ดีเจเจได พระเอกจาก 9-9-81บอกเล่า 9 ศพ มาดูหนังอินเดีย


โฟกัส จีระกุล โตเป็นสาวแล้วคร้า!!.


ดารา และผู้กำกับหนังในงานเทศกาลศตวรรษภาพยนตร์อินเดีย 2012


วศิน ปกป้อง ผู้กำกับหนัง และนักแสดงจาก เค้าเรียกผมว่าความรัก


เฟย์-โบ 2 นางเอกจากเค้าเรียกผมว่าความรัก


ผู้กำกับหนังจาก GTH ยกทีมมาดูหนังอินเดีย


ผู้กำกับหนังจาก GTH

               ความสำคัญของการจัดเทศกาลในครั้งนี้คือการร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปี ของ INDIAN CINEMA รวมถึงการครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและอินเดีย และครบรอบ 20 ปีความร่วมมือระหว่างอินเดียและอาเซียน งานนี้จะเป็นการรวบรวมเอาภาพยนตร์คุณภาพเยี่ยมหลากหลายแนวทั้งที่เป็นภาษาฮินดีและภาษาอินเดียภาคต่างๆ ซึ่งภาพยนตร์ที่จะนำมาฉายกำกับโดยผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและแสดงโดยนำนักแสดงที่โด่งดังและชนะเลิศรางวัลต่างๆ มากมาย  ภาพยนตร์เหล่านี้จะแสดงให้เห็นความหลากหลายของวัฒนธรรมอินเดีย และสะท้อนความเป็นอินเดียสมัยเก่าและสมัยใหม่ อาทิ ภาพยนตร์เงียบ 13 นาที เรื่อง Raja Harishchandra ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของประเทศอินเดียที่ถ่ายทอดเรื่องราวทรงคุณธรรมของพระราชาพระองค์หนึ่งในราชวงศ์อินเดียที่รักษาสัญญาเป็นที่ยิ่ง โดยทรงยอมเสียสละภรรยาและบุตรธิดาเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับปราชญ์วิศวะมิตรา และ Maqbool ภาพยนตร์เรื่องดังของ Bollywood ที่นำเสนอเรื่องราวของแก๊งค์ใต้ดินในมุมไบ เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับเลือกให้เป็นภาพยนตร์รอบเปิดเทศกาลฯ ในครั้งนี้อีกด้วย

               จุดเด่นของงานเปิดเทศกาลฯคือการแสดง The Kathak นาฏลีลาจากฝั่งเหนือของอินเดียที่ถือเป็นต้นกำเนิดลีลาท่าเต้นที่สนุกสนาน สุดมันส์ของภาพยนตร์อินเดียทั้งหมด และการจุดไฟฤกษ์ Diya Lighting Ceremony เพื่อเปิดเทศกาลฯ อย่างเป็นทางการซึ่งถือเป็นพิธีการสำคัญของชาวอินเดียที่เสมือนเป็นการจุดไฟเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในงานสำคัญต่างๆ พร้อมทั้งการเสิร์ฟอาหารประจำชาติรสเยี่ยมที่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จึงถือได้ว่าเป็นการส่งผ่านวัฒนธรรมที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

               นอกจากนี้ยังเป็นการรวมตัวของนักแสดงสาวๆ สวยๆ ระดับแนวหน้าของเมืองไทยไว้คับคั่ง โดยเฉพาะนางเอกสาวคนสวย เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า เล่าว่า “ตื่นเต้นค่ะ เพราะจริงๆ ถือว่าเป็นการเดิน Red Carpet ครั้งแรกในฐานะนักแสดงหนัง โดยเฉพาะเป็นงานเทศกาลหนังอินเตอร์แบบนี้ยิ่งตื่นเต้นใหญ่ จริงๆเกรซได้ดูหนังอินเดียมาบ้างเหมือนกันแต่เป็นสมัยเด็กเลยค่ะ ที่ชอบมากๆ เลยคือนางเอกจะแต่งตัวสวยมาก ตุ้มหู สร้อย กำไล แบบจัดเต็ม ที่สำคัญเต้นสวยมาก คือเอาว่าทุกเรื่องจะมีการเต้นส่ายเอว วิ่งไปวิ่งมา ซึ่งมันเก๋มากนะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของหนังอินเดียที่ยังไม่เคยเห็นหนังประเทศไหนทำได้แบบนี้เลยค่ะ เกรซเลยอยากชวนเพื่อนๆมาดูหนังอินเดียกันค่ะ ยิ่งใครที่ชอบเต้น ชอบแดนซ์ละก็ห้ามพลาดเลยค่ะ”

               ด้านน้องเอ๋-มณีรัตน์ คำอ้วน สาวนัยน์ตาแขกมากความสามารถกล่าวว่า “เอ๋นี่เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังอินเดียเลยค่ะ แบบว่าชอบมาก ดูหนังอินเดียมาเยอะมากไปหาซื้อแผ่นมาเก็บไว้เพียบ ชอบที่สุดคือพระเอกอินเดียจะหล่อระเบิดกันทั้งนั้น คือบางเรื่องกรี๊ดสลบไปเลยก็มี เอ๋ชอบทุกอย่างของหนังอินเดียเลยนะ ทั้งพล๊อตเรื่อง วิธีการแสดง ไอเดีย วิธีคิดแปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร คือต้องมาดูอ่ะค่ะ ยิ่งพอ SF ชวนเอ๋ก็รีบตอบรับทันที ที่สำคัญนะคะหนังในเทศกาลนี้เค้ามีบทบรรยายไทยด้วย ซึ่งอันนี้สำคัญมากเพราะเดี๋ยวนี้หนังอินเดียที่เอ๋ได้ดูส่วนใหญ่ไม่มีบทบรรยายไทยหรอกค่ะ ดังนั้นเราก็จะดูง่าย เข้าใจง่ายไม่ต้องมานั่งแปล คือเอาว่าเอ๋ไม่พลาดแน่ๆ” ฝั่งผู้กำกับหนังคนเก่ง เมษ ธราธร พูดทิ้งท้ายว่า “ปีนี้มีโอกาสดูได้หนังในหลายๆ เทศกาล ผมว่ามันก็ดีนะ บางทีคนไทยจะคุ้นเคยกับหนังจาก Hollywood ซึ่งเราก็จะซึมซับเอาความคิด ทัศนคติ การใช้ชีวิตมาจากหนังเยอะเหมือนกัน มันก็ถือเป็นการเรียนรู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านหนังอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเรามีโอกาสได้ดูหนังจากหลายๆ ชาติ มันคงทำเรารู้จักตัวตนของคนในชาตินั้นๆ มากขึ้น ผ่านตัวแสดง ตัวละคร ได้เห็นวิวสวยๆ ในแบบที่เราไม่เคยเห็น ก็เป็นเรื่องดีนะครับ โดยเฉพาะในหลายๆ เทศกาลหนังจะเอาใจคนดูหนังชาวไทยด้วยการเพิ่มบทบรรยายภาษาไทย แล้วก็เปิดให้ดูฟรีด้วย ซึ่งเอส เอฟ เค้ามีจัดเทศกาลหนังอยู่เรื่อยๆ เราก็จะได้ดูหนังที่มีความหลากหลาย แตกต่างจากที่เราเคยดูกันมาครับ แว่วมาว่าปีหน้าจะมีเทศกาลหนังอีกหลายชาติ ทั้งฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฮ่องกง อิตาลี คือจัดเต็มตลอดทั้งปีอ่ะครับ”

               ผู้ที่สนใจเข้าชมภาพยนตร์ระหว่าง 18-20 ตุลาคม สามารถติดต่อรับบัตรชมภาพยนตร์ฟรีได้ที่บูธเทศกาลภาพยนตร์อินเดีย 2012 ก่อนรอบฉายจริง 30 นาที ที่ชั้น 7 โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น!!! สามารถสอบถามรอบฉายภาพยนตร์ หรือรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมที่ SF Call Center  และ  www.sfcinemacity.com

31140
“เอซุส” จัด 2 กิจกรรมคืนกำไรลูกค้า
ซื้อโน้ตบุ๊กรับเงินคืน 500 บาท เพื่ออัพเกรดวินโดวส์ 8 โปร
สนุกลุ้นผ่านเฟชบุ๊ก ชิงรางวัลใหญ่ “แพดโฟน”


               “เอซุส” ส่ง 2 กิจกรรมพิเศษตอบแทนลูกค้า เพียงซื้อโน้ตบุ๊กเอซุสที่มาพร้อม Windows 7 รับเงินคืน 500 บาท สำหรับอัพเกรดเป็น Windows 8 Pro พร้อมเชิญร่วมสนุกเล่นเกมส์ล่าสมบัติและตอบคำถามชิงรางวัลใหญ่ “Padfone” ที่เป็นทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดจากเอซุส เริ่มแล้ว! วันนี้เป็นต้นไป

               นายเชิดชัย โชคมงคลเสถียร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทฯ สร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพครบครันในราคาโดนใจ เพียงเลือกซื้อโน้ตบุ๊กเอซุสที่มาพร้อมกับ Microsoft Windows 7 (เฉพาะรุ่นที่ระบุ) จะได้รับเงินคืนมูลค่า 500 บาท เพื่อนำไปอัพเกรดเป็นวินโดวส์ 8 โปร ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2555 สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนใครได้ที่ http://bit.ly/Vp6k3g


               โดยขอแนะนำโน้ตบุ๊ก Windows 7 ที่น่าสนใจหลากหลายรุ่นที่ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ อาทิ “เอซุส เซนบุ๊ก” รุ่น UX32VD-R3001V เสริมความแรงด้วยหน่วยประมวลผล Intel® Core™ เจนเนอเรชั่นที่ 3 เก็บแคชไฟล์ด้วย SSD hybrid ขนาด 24 GB และพื้นที่เก็บข้อมูลอีก 500 GB ในราคา 29,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และโน้ตบุ๊ก N Series รุ่น N43SM-VX069V ซีพียู 2nd Gen Intel® Core™ i5-2450M ในราคาสบายกระเป๋าเพียง 22,900 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

               และอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด “Padfone Expand Your World” เป็นการเล่นเกมส์ล่าสมบัติ โดยหลังจากผ่านด่านต่างๆ แล้ว ให้ส่งชื่อเข้าชิงรางวัล พร้อมบอกเหตุผลว่า "ทำไมคุณถึงสมควรได้รับรางวัล" เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ ASUS Padfone+Pad station+ Bluetooth stylus จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 24,900 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 15 พฤศจิกายน 2555 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 19 พฤศจิกายน ผ่านทาง ASUS Thailand Fanpage

               อย่าพลาด...ทั้ง 2 กิจกรรมเริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สนใจโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เอซุส คอลเซ็นเตอร์ 02-401-1717 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ www.asus.co.th และ www.facebook.com/ASUSTHAILAND หรือ Twitter.com/ASUSTHAILAND

###

เกี่ยวกับเอซุส

เอซุส หนึ่งในสามสุดยอดผู้นำจำหน่ายโน้ตบุ๊กระดับโลก และผู้ผลิตมาเธอร์บอร์ดที่มียอดขายและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำในยุคดิจิตอลใหม่ เอซุสออกแบบและผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของครัวเรือน สำนักงานและบุคคลทั่วไปในยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัวด้วยสายผลิตภัณฑ์มากมายไม่ว่าจะเป็นมาเธอร์บอร์ด กราฟิกการ์ด ออฟติคอลไดรฟ์จอภาพ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก แท็บเล็ต เซิร์ฟเวอร์ โซลูชั่นมัลติมีเดียและโซลูชั่นไร้สาย อุปกรณ์เครือข่ายและโทรศัพท์มือถือ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและคุณภาพทำให้เอซุส   คว้ารางวัลถึง 3,886 รางวัลในปี 2011 และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ด้วย Eee PC™ เอซุสมีพนักงานทั่วโลกกว่า 11,000 คน พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาระดับโลกอันประกอบด้วยวิศวกรจำนวน 3,100 คน เอซุสมีผลประกอบการในปี 2010 กว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

Pages: 1 ... 2074 2075 [2076] 2077 2078 ... 2248