happy on December 27, 2020, 10:01:00 PM
ยื้อข้ามปี "แผนฟื้นฟู ขสมก.ฯ" ดับฝันคนกรุงฯ


ความทุกข์ร้อนของคนกรุงฯ ที่ต้องพึ่งพาบริการรถเมล์ ขสมก. ทุกเช้าค่ำต้องอดทนฝืนใจจ่ายค่ารถเมล์ 60-70 บาท ต่อวันไม่คุ้มกับที่ต้องนั่งรถเน่าๆ ไร้ความปลอดภัย วิ่งพ่นฝุ่น PM 2.5 กันต่อไป...ทั้งๆที่ปัญหานี้หนักหนาแสนสาหัส แต่..ไร้การเยียวยา หมักหมม​ ผ่านมาหลายยุคหลายรัฐบาล ครั้นพอจะมีความหวังพึ่งรัฐบาลลุงตู่ปัดเป่าปัญหาเรื้อรัง แต่แล้วก็ยังต้องร้องผิดหวังซ้ำซากกันต่อไปเมื่อ​ แผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ถูกมือดียื้อไว้

ทั้งๆที่ แผนฉบับล่าสุดที่ว่านี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ แต่กระทรวงการคลังซึ่ง มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นเจ้ากระทรวงฯกลับขัดใจลุงตู่ไม่เร่งสานฝันนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ​ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การเสนอแผนฟื้นฟู ขสมก.ขั้นตอนนี้เราต้องรอสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)ทำหนังสือตอบกลับมาให้กระทรวงคมนาคม สำหรับชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทราบว่ามีคำถามจากกระทรวงการคลังมีความเห็นเกี่ยวกับการบริหารหนี้

“ปัญหาความล่าช้าดังกล่าว ได้แจ้งให้พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ซึ่งท่านนายกฯ ได้เร่งรัด สลค.ให้รีบดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้ถือว่าล่าช้าหลุดกรอบเวลาดำเนินการตามแผนไปแล้ว จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะสามารถนำรถเมล์ไฟฟ้าอีวีล็อตแรก 400 คันเข้ามาให้บริการ ประชาชนได้ในเดือนมีนาคมไปจนครบ 2,511 คันในอีก 7 เดือนหรือกันยายนปี2564”


นายวีระศักดิ์ ยอดอาจ ที่ปรึกษากฎหมายสื่อออน์ไลน์เพื่อสังคมให้ความเห็นว่า เห็นทีคนกรุงเทพยังต้องรอคอยว่าเมื่อไหร่รัฐบาลลุงตู่จะสานฝันให้คนกรุงเทพฯได้นั่งรถเมล์ใหม่พลังงานไฟฟ้ายกมาตราฐานคุณภาพชีวิตไม่พ่นควันพิษไร้ฝุ่น PM2.5 ค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายทั้งวัน 30 บาทจะขึ้นจะลงกี่สายกี่เที่ยวตามใจไม่มีอั้น และ15 บาท ไม่ใช่แค่คนกรุงฯ หรือนิสิตนักศึกษาเท่านั้น  ยังลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องต่างจังหวัดที่เข้ามาขายแรงงานใน กทม.มีเงินเหลือโอนส่งกลับบ้านเกิดสามารถเยียวยาพ่อแม่ลูกหลาน ช่วยลดปัญหาสังคมได้แบบครบวงจร และเป็นผลดีต่อประเทศชาติและส่วนรวมคือ การลงทุนทั้งหมด ไม่ได้ใช้เงิน​ “งบประมาณ” หรือ “เงินภาษี” ของพ่อแม่พี่น้อง คนไทยทั้งประเทศ เพราะงานนี้เอกชนลงทุนเองทั้งหมดตั้งแต่จัดซื้อค่ารถโดยสารคันใหม่ ค่าซ่อมบำรุง ค่าบริการคลื่นสัญญาณไวไฟ อินเตอร์เน็ตบนรถทุกคัน ที่สำคัญ..องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯจะกลับมาเป็นไทยไร้การขาดทุนไร้หนี้ไร้สิน ไร้ปัญหาคอรัปชั่นให้เสื่อมเสียได้ใน 7 ปี ไม่มีการกู้เงินจากคลังมาซื้อ รถใหม่ที่อาจไม่ได้คุณภาพเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว


นายวีระศํกดิ์กล่าวต่อไปว่าทั้งๆที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.)ใช้เวลาพิจารณากลั่นกรองซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบจนได้แผนฟื้นฟู ขสมก.ฉบับล่าสุดนำส่งให้คณะรัฐมนตรี ครม.พิจารณานานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบสนิทไร้เสียงตอบรับ ยังคงติดค้างอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลว่ากระทรวงการคลัง ยังหาทางออกเรื่องหนี้เก่าของ ขสมก.ไม่ได้ ...ก็เลยปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ ขสมก.ก่อหนี้ใหม่ ซ้ำซ้อนซ้ำซากไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ชาวบ้านสูดดม PM2.5 ต่อไป ปล่อยให้ชาวบ้านที่ต้องเดินทางหลายต่อหลายเที่ยวนั่งรถเน่าๆ แบกภาระค่าโดยสารวันละกว่าร้อยบาทไปอย่างไม่มีกำหนด

วีระศักดิ์​ มองเรื่องนี้ว่า ในประเด็นเรื่องภาระหนี้สินเก่าของ ขสมก.ที่กระทรวงการ คลังอ้างถึงนั้น และที่สภาพัฒน์ฯ ไม่มั่นใจว่า ขสมก.จะพลิกกลับมามีกำไรได้ใน 7 ปี อันที่จริง..ทั้งสองเรื่องนี้มีการถกเถียงจนตกผลึกไปนานแล้วจะหยิบยกขึ้นมาเป็นเหตุของความล่าช้ากันเพื่ออะไร? หรือ...ถ้าทั้งสองเรื่องนี้เป็นเหตุผลจริงๆ ผมขอถามว่า..เรื่องหนี้ก้อนเดิมของ ขสมก.ภาระหน้าที่ยังไงกระทรวงการคลังก็ต้องหาทางบริหารจัดการอยู่วันยังค่ำ

“ถ้านายอาคมหาทางออกไม่ได้..ถามว่าหนี้สินจากการกู้ยืมเงินของรัฐบาล นายอาคมบริหารยังไงไม่ทราบ? ส่วนเรื่องไม่มั่นใจขสมก.ว่าจะมีกำไรใน 7 ปีหรือไม่ ก็ต้องถามต่อไปอีกว่า..ตั้งแต่ก่อตั้ง ขสมก.มากว่า 44 ปี ขสมก.เคยมีกำไรมั๊ย?”

หน้าที่หลักของ​ “ขสมก.” คือให้บริการประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานของสังคมโดยต้องคำนึงถึง การบริการ ความปลอดภัยของประชาชน ไม่ใช่เพื่อการแสวงหากำไรบนภาระของประชาชน แต่ต้องมีแผนที่กำกับดูแลองค์กรให้มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ อีกอย่างแผนฟื้นฟู ขสมก.ฉบับล่าสุดนี้ มีข้อไหนที่ ขสมก.แบกต้นทุนหนักกว่าเก่า..หรือแทบจะไม่ต้องแบกเลยด้วยซ้ำ ถ้าจะห่วงอย่าไปห่วงที่นโยบายหรือที่แผน ต้องห่วงที่คณะผู้บริหารหรือกลุ่มบุคคลที่ถูกตั้งขึ้นมาเป็นบอร์ด ขสมก. ถ้าบริหารตามแผนฟื้นฟูแล้วยังเจ๊งยังก่อหนี้สินได้อีก ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว....

“แผลเน่าล่าสุดที่กำลังฉาวโฉ่จนทำให้นายกรัฐมนตรีนั่งไม่ติด ต้องสั่งสอบสวนโครงการจัดซื้อรถบัสปรับอากาศของกองทัพบก7ล็อต 429คัน 2,250ล้านบาท ขอฝากถามไปยังรัฐบาลว่าระหว่างรถบัสขนส่งทหารกับรถเมล์โดยสารของประชาชน รถคันไหนสำคัญกว่ากัน..” วีระศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย