news on November 28, 2020, 12:08:17 PM
LINE เดินหน้าลุย Social Commerce ติวเข้มสูตรไม่ลับ กลเม็ดขายดีออนไลน์ ในงาน Social Commerce Day มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่าพันคนLINE ประเทศไทย จับมือ ChocoCRM และ PEAK จัดงาน Social Commerce Day ครั้งแรกของประเทศไทย จุดประกายผู้ประกอบการ แม่ค้า พ่อค้าออนไลน์ ใช้กลยุทธ์ Social Commerce เดินหน้าธุรกิจ แจกแนวทาง “4 สร้าง” เพื่อการค้าขาย โชว์เคสความสำเร็จ แนะเลือกเครื่องมือใช้งานออนไลน์เพื่อการตลาดและขายที่ทรงประสิทธิภาพ ตอกย้ำผู้นำแพลตฟอร์มแกร่ง พร้อมเดินหน้าไปกับผู้ประกอบการด้วยฟีเจอร์ครบ ทั้งคุย ขาย ซื้อ จ่าย ครบบนแพลตฟอร์มเดียว ในงาน มีผู้ประกอบการจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่าพันคน จัดขึ้น ณ โรงละคร เคแบงก์ สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน
ในโลกยุค New Normal ที่ผู้บริโภคปรับการใช้ชีวิต การซื้อสินค้าและบริการ จากการออกไปจับจ่ายใช้สอยนอกบ้าน กลายมาเป็นการหาซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ และยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบัน เมื่อการใช้งาน social media โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม LINE เป็นไปอย่างแพร่หลาย จึงทำให้คนไทยที่โดยทั่วไป มีพฤติกรรมชอบการพูดคุย สอบถาม ทักทาย ตีสนิท เริ่มใช้ช่องทางนี้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับร้านค้าและปิดการขาย แทนที่การหาข้อมูลและซื้อผ่าน E-marketplace หรือตลาดออนไลน์ทั่วไป LINE ในฐานะแพลตฟอร์มแชท ที่เข้าถึงคนไทย 47 ล้านคน นำเอาโอกาสตรงนี้มาพัฒนาแพลตฟอร์มให้มีความครบเครื่องที่จะเป็นช่องทางการค้าขายในรูปแบบ Social Commerce ให้ธุรกิจได้โดยสมบูรณ์อย่างแท้จริง นายเลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ท่ามกลางการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงในยุค New Normal ผู้ประกอบการต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการทำธุรกิจเพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกัน โซเชียลมีเดียกลายเป็นสื่อที่แพร่หลายมากเพื่อการสื่อสารกันในปัจจุบัน การค้าขายผ่านโซเชียลมีเดีย หรือ Social Commerce จึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม LINE ที่เป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้งานมากที่สุด ถึง 47 ล้านคน อย่างไรก็ตาม LINE เชื่อว่าการทำธุรกิจบนออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องมี 4 (สร้าง) ที่แข็งแรง ได้แก่ สร้างร้านค้าให้เป็นที่รู้จัก ค้นหาง่าย น่าเชื่อถือ สร้างความประทับใจให้ลูกค้า การทักทาย มีปฏิสัมพันธ์อย่างเหมาะสม สร้างยอดขาย ด้วยการโฆษณาด้วยรูปแบบต่างๆ และ สร้างลูกค้าประจำ ด้วยระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ซึ่งทั้งหมดนี้ ผู้ประกอบการสามารถสร้างได้ด้วย LINE OA บน LINE แพลตฟอร์ม นอกจากนั้น LINE ยังได้พัฒนา MyShop ที่ถือเป็นเครื่องมือการขายที่เข้ามา Plug-in กับ LINE OA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขาย ให้ขายง่าย ขายดียิ่งกว่าเดิม โดยปัจจุบันเริ่มมี ผู้ประกอบการเปิดใช้ MyShop ไปแล้วกว่า 50,000 ร้าน”
MyShop เป็นเครื่องมือเชื่อมต่อ (Plug-in) ที่จะมาเพิ่มพลังทางการขายให้กับ LINE OA และทำให้แพลตฟอร์ม LINE เป็น Social Commerce ที่สมบูรณ์ เพราะเป็นทั้งเครื่องมือจัดการการขายและทําโปรโมชั่น ด้วยฟีเจอร์การทำแคตตาล็อกสินค้าที่ทำหน้าที่เสมือนหน้าร้านออนไลน์ การออกใบสั่งซื้อเมื่อจบแชทและปิดการขาย กดชำระเงินด้วยช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งบัตรเครดิต Rabbit LINE Pay และการโอนเงิน รวมถึงการติดตามสถานะการขนส่งไว้ในที่เดียว ทั้งหมดนี้ ทั้งผู้ซื้อผู้ขายจะอยู่บนแพลตฟอร์ม LINE ที่เดียว ไม่ต้องเปิดหลายแอปฯให้สับสนหรือเสียเวลา ที่สำคัญการเปิดใช้งาน MyShop สามารถทำได้ฟรีสำหรับ LINE OA ทุกบัญชี นอกจากนั้น ทุกร้านค้า MyShop ยังจะถูกดึงเข้าไปใน LINE SHOPPING แหล่งรวมร้านค้าจาก LINE Official Account แห่งเดียวบนโลกออนไลน์ เท่ากับว่าร้านค้าจะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง
นอกจากความรู้และข้อมูลด้านเครื่องมือการขายออนไลน์ในรูปแบบ Social Commerce จาก LINE ประเทศไทยแล้ว ภายในงาน Social Commerce Day ยังมีการแบ่งปันความรู้จากพันธมิตรสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น คุณวริศา ศรีเจริญ เจ้าของเพจปันโปร แนะนำว่าคอนเทนต์ที่ดี อยู่ที่ 4 ปัจจัยหลัก คือ มีคุณค่า (Value) สาระถูกใจผู้รับสาร (User Interest/ Customer Insight) ต้องทันกระแส (Realtime) เพื่อสร้าง Engagement และต้องมีความสนุก (Entertain) ในขณะที่คุณสิรสิทธิ์ สุริยพัฒนพงศ์ CEO ของ ChocoCRM ผู้ให้บริการด้านการบริหารข้อมูลลูกค้า แนะนำเทคนิคการรักษาลูกค้าไม่ให้หนีไป โดยตอกย้ำความสำคัญของการสร้างสัมพันธ์ลูกค้าหลังจากปิดการขายได้แล้ว ซึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ “ซื้อใจ” ลูกค้าได้ง่ายๆ คือ การใช้ข้อความตอบกลับที่สามารถออกแบบได้เอง เช่น ข้อความต้อนรับ (Greeting Message) และข้อความตอบกลับอัตโนมัติ ที่สามารถสร้างให้เฉพาะเจาะจงเหมาะกับเวลาและโอกาสได้ นอกจากนั้น LINE OA ยังมีความสามารถในการแยกประเภทลูกค้าได้อย่างละเอียด ผ่านเครื่องมือ Chat Tag ที่จะกลายมาเป็นข้อมูลอันมีค่าอย่างยิ่งเมื่อเราต้องการ
และสำหรับเคล็ด (ไม่) ลับที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ก็ตาม นั่นก็คือการทำบัญชี ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญเลยก็ว่าได้ เรื่องนี้ คุณภีม เพรชเกตุ ผู้ก่อตั้ง PEAK ผู้ให้บริการด้านบัญชีสำหรับธุรกิจออนไลน์ ได้แนะนำไว้ในงานว่า ทุกธุรกิจควรชำระภาษีอย่างถูกต้อง โดยมีเทคนิคการลงค่าใช้จ่ายให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนผู้บริหาร ค่าใช้จ่ายงานออกแบบค่าใช้จ่ายด้านการตลาดต่างๆ หรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการใช้สถานที่หรือสำนักงาน เพราะการที่มีค่าใช้จ่ายที่พิสูจน์ได้ ก็เท่ากับการเสียภาษีที่น้อยลงนั่นเอง อย่างไรก็ตาม เรื่องบัญชีและภาษีเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและอาศัยประสบการณ์ ดังนั้นการพึ่งพาผู้มีความเชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีที่มีความรู้จริงจะทำให้ผู้ค้าสามารถบริหารจัดการระบบหลังบ้านหรือเรื่องต่าง ๆ ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ในงาน Social Commerce มีผู้ประกอบการเดินทางมาจากทั่วประเทศมาร่วมงานถึงกว่าพันคน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จมากของการจัดงาน LINE ในฐานะช่องทางทำการตลาดที่มี ROI สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม SME โดย LINE จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับกับสภาวะการณ์ทางธุรกิจ และพฤติกรรมการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปของคนไทย เพื่อให้ LINE เป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยอย่างแท้จริง และเรายินดีอย่างยิ่งที่จะอย่างเคียงข้าง สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและพัฒนาธุรกิจ สร้างการเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน”
« Last Edit: November 28, 2020, 12:32:55 PM by news »
Logged