enjoyjam.net » ข่าวบันเทิง » ข่าวบันเทิง (Moderators: happy, sianbun) » รายการคุยแซ่บShow ค่ะ “แตงโม” ควงพ่อ “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” เผยจุดเปลี่ยน! หลังมรสุม « previous next » Print Pages: [1] Go Down happy on June 12, 2020, 09:53:24 PM “แตงโม” ควงพ่อ “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” เผยจุดเปลี่ยน! หลังมรสุมชีวิตครั้งใหญ่?เป็นคู่ซี้ พ่อลูกสายฟุตบอล แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ และคุณพ่อตุ๊ก ปิยะพงษ์ ที่วันนี้มาเผยจุดเปลี่ยนหลังมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องงานน้อยลง เรื่องหยาบคายกับภรรยา ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และซินแสเป็นหนึ่ง เป็นพิธีกร พร้อมเผยมีคุณพ่อเป็นนักฟุตบอลระดับตำนานของเมืองไทยขชนาดนี้ แตงโมกดดันบ้างหรือเปล่า ที่ต้องเดินใต้เงาพ่อช่วงนี้ไม่ได้เจอหน้าจอ ไปทำอะไรอยู่บ้าง?คุณพ่อปิยะพงษ์ : หลวมตัวไปทำรายการกับแตงโมในยูทูบครับ ในช่วงที่มีโควิดระบาดก็ต้องเปลี่ยนวิธีการ เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนรูปแบบการบริหาร จัดการ วิธีการทำงานทั้งหมด เพราะว่าเราไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ต้องบอกเลยว่าพ่อตุ๊กคือตำนานฟุตบอลที่ยังมีลมหายใจอยู่ ตอนนั้นฉายา เดอะตุ๊ก ดังขนาดไหน?คุณพ่อปิยะพงษ์ : ผู้สื่อข่าวเป็นคนตั้งให้มากกว่า เดอะตุ๊กน่าจะเป็นช่วงวัยกลางคน และอาวุโสมากขึ้นก็เลยเติมเดอะเข้าไปแตงโมรู้ไหมสมัยก่อนพ่อดังขนาดไหน?แตงโม : ผมเกิดมาไม่ทันที่คุณพ่อแตะฟุตบอล อยู่เกาหลี แตะทีมชาติ คือไม่ทัน มาทันช่วงปลาย ประมาณว่าใกล้จะเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว มันก็เกิดไอเดีย เกิดคำถาม จริงๆ แล้วไม่ใช่ผมคนเดียวเท่านั้น ผมว่าน้องๆ สมัยใหม่ อาจจะรู้จักคุณพ่อ แต่ว่าไม่รู้ว่าปิยะพงษ์เล่นเป็นยังไง มันก็เลยทำให้เกิดไอเดียว่าผมอยากรู้ แล้วก็ถามแทนทุกคนเลยว่าปิยะพงษ์เก่งจริงหรอมีพ่อที่ดังระดับประเทศ ตอนโตกดดันไหม?แตงโม : เด็กๆ มันไม่รู้จักคำว่ากดดัน แต่ก็รู้ว่าพ่อเราเป็นนักกีฬาทีมชาติ สำหรับเราคนก็จะมาพูดอยู่แล้วว่าพ่อเล่นเก่ง เล่นเก่งเท่าพ่อหรือเปล่า แต่ผมมองตรงนั้นเป็นแรงผลักดันมากกว่า คือจะบอกว่าต้องเล่นเก่งเท่าพ่อมันก็ดูจะกดดันตัวเองมากเกินไป ผมเป็นเด็กที่คิดว่าเอาพลังตรงนั้นที่เขาพูดมา แล้วพยายามจะก้าวผ่านตรงนั้นไปให้ได้ดีกว่ามานั่งคิดมากคุณพ่อมีความรู้สึกอยากให้ลูกเดินตามการเป็นนักบอลแบบเราไหม?คุณพ่อปิยะพงษ์ : เป็นตามธรรมชาติเลยครับ ลูกของนักฟุตบอลส่วนใหญ่ก็คิดกันแบบนี้ ไม่ว่าในระดับโลก หรือในระดับเอเชีย หรือเขาเรียกว่าวัฒนธรรมทางจิตใจ แล้วแตงโมเขาบอกว่าทั้งชอบและรัก ตอนนั้นผมก็เลยขายตึก ผมซื้อไว้เผื่อตอนแก่ ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว ส่งเขาไปเรียนครับขายตึกไป เพื่อส่งเขาไปเรียนที่ไหน?คุณพ่อปิยะพงษ์ : ที่อังกฤษครับแตงโม : แต่ว่าผมไป ผมก็ไปเริ่มเล่นฟุตบอลที่นั่น โชคดีเหมือนกัน ตอนแรกถ้าไปแล้วคัดไม่ติด คุณพ่อน่าจะต้องจ่ายเงินปีละหลายล้าน แต่ก็เบาภาระไปได้บ้าง เพราะไปคัดโรงเรียนติด ได้เรียนฟรี แล้วมีค่าเดินทางให้ด้วยนิดหน่อย ส่วนค่ากินคุณพ่อออกไป แต่ว่ามันก็มีอาการบาดเจ็บ มันก็เจ็บนู่น เจ็บนี่ เจ็บเยอะไปหมดในเส้นทางของนักกีฬา พอช่วงเจ็บผมก็มีโอกาสลองงานใหม่ๆ เข้าวงการบันเทิงบ้าง มาทำนู่น ทำนี่บ้าง แล้วก็เลยเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนนิดนึง มันเหมือนคนอยากจะฝัน อยากเป็นนักกีฬา อยากจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ผมรู้อยู่แล้ว ตอนนั้นประมาณ 20 ว่าคุณพ่อมองเห็นแล้วว่าเราจะไปได้ระดับทีมชาติไหม จะเป็นเบอร์1 ไหม หรือจะติด 11 ตัวจริงไหม แต่เขาไม่ได้พูดไง เพราะมันดับฝันเด็ก ผมต้องรู้ด้วยตัวเองคุณหล่อด้วย คุณก็เลยมาทำงานสายบันเทิงดีกว่า?แตงโม : มันไม่เกี่ยวหรอกครับ ฟุตบอลเขาไม่ให้เล่นต่อครับ เมื่อกี้ถามพ่อว่าพ่อเก่งจริงไหม ถ้ากลับมาถามผมว่าผมเก่งจริงไหม ผมตอบได้ง่ายๆ เลยเก่ง ปัจจุบันนี้ผมจะเลิกหรอ ทุกคนจะได้หายสงสัยในจุดเปลี่ยนนั้นเราคิดไหมว่าคุณพ่อจะเสียใจ?แตงโม : ไม่หรอกครับ เขาน่าจะออกแนวดีใจเลย ผมรู้ด้วยตัวเองว่านั่นไม่ใช่เวของผม ผมไม่ใช่คุณพ่อที่เป็นระดับโลก ผมว่ามันไม่ใช่ทางของผม ผมไม่ฝืน ผมอยากจะหาเวตัวเองที่เดินไปได้สุดทางคุณพ่อ คุณลูก มีทะเลาะกันบ้างไหม?แตงโม : น้อยมากเลยครับ คุณพ่อไม่เคยบังคับผมเลยสมัยก่อนเจอแตงโมเยอะมาก แล้วมันค่อยลดลง เพราะอะไร?คุณพ่อปิยะพงษ์ : เส้นด้ายระหว่างความก้าวร้าวกับความตลกมันใกล้กันนิดเดียว อยู่ที่มุมมองของผู้คน แต่ช่วงนั้นเผอิญแตงโมออกไปมันดูเหมือนมีความก้าวร้าวมากกว่าความน่ารักแตงโม : ตอนแรกก็คือเรื่องของคาแร็คเตอร์ คือผมก็พยายามสร้างตัวตนออกมา แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าผู้ชมต้องการอะไร บางทีอ่จจะพูดเยอะ บางทีอาจจะตะโกนออกไปทั้งๆ ที่เราติดไมค์โครโฟนอยู่แล้ว แล้วบางทีเราอาจจะไม่ได้ถูกใจใครร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้เป็นแตงโมเมื่อก่อน ซึ่งพอมาในปัจจุบันเราก็ได้อ่านคอมเมนต์ เราก็เคยคิดนะว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น มันอาจจะไม่มีงานเลยก็ได้ ผมก็เลยลองนึกย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อน เราเคยทำอะไรมา มันก็เป็นแต่ละช่วง แต่ละเวลาที่กระแสมันเป็นแบบไหน ซึ่งผมเลือกที่เป็นแบบนั้น แต่พอมานั่งคิดเป็นแบบนั้นมันไม่ค่อยเวิร์กถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่อยากกลับไปแก้คืออะไร?แตงโม : ผมไม่เคยอยากกลับไปแก้อะไร แต่เราจำเอาไว้ว่าเราผิดพลาดอะไร แล้วเราเอากลับมาเป็นบทเรียน เราทำวันนี้ดีกว่า เพื่อให้วันพรุ่งนี้มันดีขึ้น ซึ่งผมได้ฟังคนหนึ่ง ชีวิตผมเปลี่ยนเพราะคนนี้เลย ฌอน บูรณะหิรัญ ผมรู้สึกว่าการที่คนเรามองบวกได้ มันจะทำให้ชีวิตก้าวหน้าแสดงว่าตอนนี้คิดได้แล้วแตงโม : คิดได้ดิ เขาบอกวว่ามนุษย์จะคิดไม่ได้จนถึงจุดที่ต่ำอีกหนึ่งจุดที่มันผลักให้หลังติดกำแพงก็คือช่วงที่เคยแต่งงาน 8 เดือนแล้วเลิกเลย ช่วงนั้นมรสุมชีวิตเยอะไหม?แตงโม : จริงๆ แล้วมันเป็นช่วงชีวิต ทุกคนมีขึ้นมีลง มันไม่มีใครลงตลอด และขึ้นตลอด แต่ว่าตอนที่เราลง เราทำยังไงให้เราดีดตัวเองขึ้นมาให้ได้ ผมบอกได้เลยไม่ต้องมีสูตรอะไรเยอะแยะ คุณแค่พัฒนาตัวเองคุณพ่อมีอะไรอยากจะสอนลูกไหม?คุณพ่อปิยะพงษ์ : ไม่มีแล้วครับ เพราะประสบการณ์เป็นสิ่งที่สอนเขาอยู่แล้ว ทุกวันนี้เขาคิดได้ ใครที่คิดได้ก่อนก็ทำให้ทุกอย่างมันมาเร็วขึ้น ผมไม่เคยการันตีเขามาก่อนในชีวิต การันตีได้เลย เป็นคนดีจริงๆติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.45-14.45น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mamaคลิปสัมภาษณ์ แตงโม พงษ์พิสุทธิ์-ตุ๊ก ปิยะพงษ์ https://youtu.be/yHzYNLbpinwhttp://www.youtube.com/watch?v=yHzYNLbpinw Logged Print Pages: [1] Go Up « previous next » enjoyjam.net » ข่าวบันเทิง » ข่าวบันเทิง (Moderators: happy, sianbun) » รายการคุยแซ่บShow ค่ะ “แตงโม” ควงพ่อ “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” เผยจุดเปลี่ยน! หลังมรสุม