เวียตเจ็ทเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2562
รายรับธุรกิจขนส่งทางอากาศโต 25%
พร้อมขยายเครือข่ายการบินสู่อินเดีย เจาะตลาดที่มีผู้บริโภคมากกว่า 1.2 พันล้านคน
บริการขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเวียตเจ็ทยังคงโตต่อเนื่อง รั้งตำแหน่งผู้นำในตลาดการบินเวียดนาม
ตลอดปี 2562 มีการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 24% เพิ่มขึ้น 22 เส้นทาง
เชื่อมเวียดนามสู่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย และโดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีผู้บริโภคมากกว่า 1.2 พันล้านคน รวมจำนวนผู้โดยสารเวียตเจ็ททั้งปี 2562 ราว 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% จากปี 2561เวียตเจ็ท (Vietjet Aviation Joint Stock Company) รายงานผลประกอบการธุรกิจประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2562 เผยรายรับจากธุรกิจการขนส่งทางอากาศของสายการบินที่ 10,500 พันล้านดอง เพิ่มขึ้น 25% ทำให้เวียตเจ็ทมีรายรับและกำไรจากธุรกิจการขนส่งทางอากาศรวมทั้งปี 2562 ที่ 41,097 พันล้านดอง และ 3,936 พันล้านดอง ซึ่งเพิ่มขึ้น 21.4% และ 29.3% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 สำหรับรายรับจากธุรกิจการขายและการเช่าคืนทรัพย์สินของเวียตเจ็ทได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการณ์ เนื่องจากสายการบินได้มีการทบทวนการรับมอบเครื่องบินจากบริษัทแอร์บัสในปี 2562 จากการรับมอบเครื่องบิน 16 ลำในปี 2561 มาเป็น 7 ลำปี 2562 ส่งผลให้รายรับสะสมและกำไรสะสมของเวียตเจ็ทในปี 2562 อยู่ที่ 52,095 พันล้านดอง และ 5,010 พันล้านดองตามลำดับ ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561
สำหรับการชดเชยการรับมอบเครื่องบินลำใหม่ที่ลดลงจากแอร์บัส เวียตเจ็ตจึงทำการเช่าซื้อเครื่องบิน 9 ลำ ซึ่งทำให้สายการบินมีฝูงบินรวม 78 ลำ ปฏิบัติการชั่วโมงบินกว่า 321,000 ชั่วโมง บนเที่ยวบินจำนวน 139,000 เที่ยว ด้วยอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร 87% ความน่าเชื่อถือด้านเทคนิคที่ 99.64% ซึ่งติดอันดับกลุ่มสายการบินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เวียตเจ็ทยังได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยระดับ 7 ดาวจากเว็บไซต์ AirlineRatings.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านความปลอดภัยและการจัดอันดับผลิตภัณฑ์ระดับโลก การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการดำเนินงานยังเป็นกุญแจสำคัญของเวียตเจ็ทในการยกระดับประสิทธิภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสายการบินได้ถ่ายโอนระบบข้อมูลกว่า 80% เข้าสู่ระบบ Amazon Cloud เป็นที่เรียบร้อย ผ่านการใช้โปรแกรม Flight Data Monitoring (FDM) ในการบริหารการทำงานของลูกเรือและสนับสนุนโปรแกรมควบคุมการใช้เชื้อเพลิง SFCO2 อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยโปรแกรม SFCO2 นี้ ทำให้ในปี 2562 ที่ผ่านมา เวียตเจ็ทสามารถลดการใช้เชื้อเพลิงได้มากกว่า 4.8 ล้านกิโลกรัม และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 15.3 ล้านกิโลกรัม
ธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเวียตเจ็ทยังเกิดจากกลยุทธ์การบริหารรายรับเสริมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงค่าบริการพิเศษ การบริหารการขนส่งสินค้า บริการบนเที่ยวบิน (อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าปลอดภาษี ฯลฯ) และการโฆษณา เฉพาะในปี 2562 เวียตเจ็ทมีรายรับเสริมที่ 11,356 พันล้านดอง เพิ่มขึ้น 35.2% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 โดยสัดส่วนของรายรับเสริมต่อรายรับรวมจากธุรกิจขนส่งทางอากาศของสายการบินเพิ่มขึ้นจาก 25.4% ในปี 2561 เป็น 30% ในปี 2562 ซึ่งสอดคล้องตามรูปแบบธุรกิจของสายการบินต้นทุนต่ำที่มุ่งเน้นความยั่งยืน รายรับสริมถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จทางธุรกิจของเวียตเจ็ทเนื่องจากมีอัตราส่วนกำไรสุทธิสูงกว่า 90% นอกจากนี้ จากรายงาน CarTrawler YearBook 2019 เวียตเจ็ทยังติดลำดับที่ 12 ในรายชื่อสายการบินที่มีสัดส่วนรายรับเสริมสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับรายรับรวมจากธุรกิจขนส่งทางอากาศ ข้อมูลจากรายงานงบการเงินรวมของเวียตเจ็ท ระบุว่าในปี 2562 สายการบินมีทรัพย์สิน 47,608 พันล้านดอง โดยเป็นส่วนของเจ้าของกิจการ (Owner's Equity) 17,661 พันล้านดอง ซึ่งรวมถึงหุ้นทุนที่ได้รับคืน (Treasury Shares) 2,347 พันล้านดอง ซึ่งเพิ่มขึ้น 22% และ 25.8% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2561 ปัจจุบันสายการบินมีสภาพคล่องที่ 1.4 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt-to-equity ratio) ที่ 0.77 ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมการบินเวียดนาม เวียตเจ็ทยังมีอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDAR margin) ที่ 31% ซึ่งติดอันดับในกลุ่มสายการบินชั้นนำของโลก
ฝูงบินของเวียตเจ็ทถือว่ามีอายุการใช้งานเฉลี่ยน้อยที่สุดที่ 2.75 ปี และมีประสิทธิภาพสูงด้านเชื้อเพลิง โดยเฉพาะในเดือนกันยายน 2562 สายการบินได้รับมอบเครื่องบินรุ่น A321neo ACF (Airbus Cabin Flex) ขนาด 240 ที่นั่ง ซึ่งเป็นลำแรกของโลก เครื่องบินรุ่นนี้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ต่ำสุด 16% ลดเสียงรบกวนได้ถึง 75% และลดการปล่อยไอเสียได้สูงถึง 50% โดยในปี 2563 นี้ เวียตเจ็ทมีแผนรับมอบเครื่องบินรุ่น new A321neo เพิ่มอีก 9 ลำ และเพิ่มอีก 20 ลำทุก ๆ ปีนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดต้นทุนการบินและเพิ่มผลกำไรจากธุรกิจการขนส่งทางอากาศและกิจกรรมทางการเงินที่ใช้เครื่องบินได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เวียตเจ็ทยังคงมุ่งบริหารต้นทุนการดำเนินงานและการบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อยกระดับธุรกิจการขนส่งทางอากาศของสายการบิน
ด้วยฝูงบินที่ทันสมัยและการขยายเครือข่ายการบินทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้เวียตเจ็ทมีศักยภาพการเติบโตสูง และเมื่อพิจารณาจากชัยภูมิที่ตั้งของเวียดนามซึ่งอยู่ในรัศมีการบินที่ครอบคุลมเขตที่อยู่อาศัยของประชากรเกือบครึ่งโลก เขตตลาดนี้จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้จำนวนมหาศาลและผลกำไรที่ดีเยี่ยมให้แก่สายการบิน เมื่อพิจารณาร่วมกับการเติบโตในส่วนของรายได้เสริมและอัตราค่าเชื้อเพลิงที่ต่ำ#####
เกี่ยวกับ เวียตเจ็ทกรุ๊ปเวียตเจ็ท สายการบินยุคใหม่แห่งเวียดนาม มิเพียงปฏิวัติอุตสาหกรรมการบินของเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นสายการบินผู้บุกเบิกในหลายด้านของภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน การดำเนินงานและประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม เพื่อมอบโอกาสการเดินทางด้วยอัตราค่าโดยสารที่คุ้มค่าและยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงบริการพิเศษมากมายเพื่อการตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์แบบ
สายการบินเวียตเจ็ท ได้รับการบรรจุเป็นสมาชิกของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไออาตา (International Air Transport Association: IATA) โดยสมบูรณ์ เวียตเจ็ทเป็นสายการบินเอกชนรายใหญ่ที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยระดับ 7 ดาวในปี ค.ศ. 2018 และ 2019 จากเว็บไซต์ AirlineRatings.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านความปลอดภัยและการจัดอันดับผลิตภัณฑ์ระดับโลก นอกจากนี้ เวียตเจ็ทยังติดอันดับ 50 สายการบินที่มีสถานทางการเงินและการดำเนินงานเข้มแข็งที่สุดของโลกโดยนิตยสาร Airfinance Journal ในปี ค.ศ. 2018 และ 2019 นอกจากนี้ สายการบินยังได้รับการยกย่องเป็นสายการบินต้นทุนต่ำพิเศษที่ดีที่สุด (Best Low-Cost Carrier) โดยองค์กรชั้นนำหลายแห่ง อาทิ Skytrax, CAPA, Airline Ratings และอีกมากมาย
ด้วยฝูงบินสมัยใหม่ที่มีอายุการใช้งานเฉลี่ยน้อยที่สุดในโลกเพียง 2.7 ปี และค่าดัชนีความปลอดภัย คุณภาพ และความน่าเชื่อถือด้านเทคนิคที่ติดอันดับกลุ่มสายการบินชั้นนำของโลก เวียตเจ็ทดำเนินการบินมากกว่า 400 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งให้บริการแก่นักเดินทางมาแล้วกว่า 100 ล้านคน ทั่วเครือข่ายการบินทั้งในเวียดนามและทั่วภูมิภาค รวมถึงเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางในประเทศต่างๆ ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย เมียนมาร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และจีน
ข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.vietjetair.com