news on November 28, 2019, 03:50:29 PM


สวทช. ผลักศูนย์น้องใหม่ NSD ขับเคลื่อน S-Curve ที่ 11 พัฒนานวัตกรรมรับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
 


บรรยากาศการเข้าเยี่ยมชมผลงานนวัตกรรมของศูนย์ NSD สวทช. ภายในงาน Defense & Security 2019


ผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมผลงานของศูนย์ NSD สวทช.


ศูนย์ NSD สวทช. ร่วมจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีกราฟีนกับการป้องกันประเทศ


สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผลักดันหน่วยงานใหม่ภายใต้ สวทช. ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ หรือ National Security and Dual-Use Technology Center (NSD) เพื่อขับเคลื่อน New S-Curve ที่ 11 การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ล่าสุดเปิดตัวศูนย์ NSD พร้อมนำ 5 นวัตกรรมภายใต้ศูนย์ฯ จัดแสดงในงาน Defense & Security 2019 และร่วมจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีกราฟีนกับการป้องกันประเทศ
 

ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (NSD) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
เปิดเผยว่า ความมั่นคงของประเทศ ถูกกำหนดให้เป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) โดยมีเป้าหมายสำคัญในเรื่องการสร้างความมั่นคงปลอดภัย พร้อมรับมือภัยพิบัติและภัยคุกคามในทุกรูปแบบ อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เป็น S-Curve ตัวที่ 11 โดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับผิดชอบในการส่งเสริมและวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสองทาง (Dual-Use) ที่สามารถนำไปใช้งานได้ทั้งในภารกิจด้านความมั่นคงและภาคพลเรือนทั่วไปเชิงพาณิชย์ ดังนั้น สวทช. จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์” หรือ NSD ขึ้นในปี 2562 เพื่อให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความมั่นคงของประเทศ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติฯ โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรับมือจากภัยความไม่สงบและอาชญากรรมทาง เทคโนโลยีที่ผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพแหล่งจ่ายพลังงาน และเทคโนโลยีเพื่อการรับมือภัยพิบัติ รวมถึงมีหน้าที่สร้างเครือข่ายและองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสองทาง เพื่อใช้เป็นยุทธภัณฑ์และยุทโธปกรณ์การทหาร ตำรวจ และสามารถประยุกต์ใช้กับทางพลเรือน เพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยกับสังคม พร้อมตอบกลยุทธ์สร้างเครือข่ายนักวิจัย นักวิชาการ และกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง

“ในการส่งเสริม S-Curve ใหม่ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง สวทช. โดย ศูนย์ NSD จะทำหน้าที่สนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาให้เป็นรูปธรรมในการผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิด S-Curve ใหม่ที่ 11 ซึ่งจะเน้นเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (Defense) ในเรื่องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสองทาง ซึ่งคาดจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและขนาดใหญ่มากในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ที่ใช้ปกป้องชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทั้งจากภัยคุกคามทางธรรมชาติ ภัยจากโจร ตัวอย่างเทคโนโลยีสองทางในอุตสาหกรรมด้านการป้องกันและความมั่นคง เช่น ระบบเซนเซอร์ตรวจวิเคราะห์ภัยคุกคามต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีสองทางเหล่านี้ ประเทศไทยล้วนต้องสร้างความเข้มแข็งในการวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเองให้ได้ เพื่อทดแทนการพึ่งพาหรือซื้อจากต่างประเทศอย่างที่ผ่านมา นับเป็นบทบาทสำคัญที่ สวทช. จะสนับสนุนและขับเคลื่อน S-Curve ใหม่ที่ 11 ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม” ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม กล่าว


ผลงานระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Anti-Drone System)


ผลงาน QFace Facial recognition access control


เทคโนโลยี Ai - ระบบรู้จำหน้า ป้ายทะเบียนรถ


ผลงานGraphene-Based Supercapacitor and Battery


เทคโนโลยีกราฟีนกับการป้องกันประเทศ ของศูนย์ NSD สวทช.


ผลงาน e-Nose และ sense-Nose ตรวจสารเสพติด


และล่าสุด ศูนย์ NSD สวทช. ได้นำนวัตกรรมจำนวน 5 ผลงานภายใต้ศูนย์ฯ จัดแสดงในงาน Defense & Security 2019 ระหว่างวันที่ 18-21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประกอบด้วย ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Anti-Drone System) เพื่อใช้ในการป้องกันโดรนที่บินเข้าไปสอดแนมหรือบุกรุกพื้นที่สำคัญ ซึ่งตัวโดรนแจมเมอร์ (Drone Jammer) จะเข้าไปรบกวนอุปกรณ์การบินของโดรน ทำให้ไม่สามารถบินโดรนได้ ผลงาน QFace: Facial recognition access control ซึ่งเป็นระบบการจดจำใบหน้าของมนุษย์โดยอัตโนมัติเพื่อการเข้าพื้นที่ควบคุม ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี AI ที่สร้างความเชื่อมั่นและมั่นคงให้กับประเทศ ผลงาน Graphene-Based Supercapacitor and Battery คือ แบตเตอรี่ปลอดภัย ปัจจุบันมีข่าวของเรื่องแบตเตอรี่ระเบิด ทางศูนย์ฯ กำลังวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่ที่ไม่ระเบิด ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการพัฒนาแบตเตอรี่ไออนสังกะสีแบบอัดประจุซ้ำได้ มีสมรรถนะต่อต้นทุนและวงรอบการใช้งานสูง ผลงาน Electrostatic Air Purifier for PM2.5 ซึ่งเป็นนวัตกรรมป้องกันและบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นระบบการกรองอากาศด้วยเทคโนโลยีไฟฟ้าสถิต สามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้ในปริมาณมาก อีกทั้งแผ่นกรองที่ใช้ในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ยังสามารถนำมาล้างทำความสะอาดได้ ไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง เป็นสิ่งที่มาช่วยในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม การรับมือภัยพิบัติของฝุ่นละออง และท้ายสุดกับผลงาน e-Nose และ sense-Nose ตรวจสารเสพติด ซึ่งเป็นจมูกอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจวัดและจำแนกกลิ่นได้ รวมไปถึงนวัตกรรมเครื่องตรวจสารเสพติดในปัสสาวะขนาดพกพา ราคาถูก เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ ศูนย์ NSD สวทช. ยังให้ความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม ในการจัดสัมมนานานาชาติ เรื่อง “Impact of the 4th Industrial Revolution on Defence and Security - Graphene เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” ภายในงาน Defense & Security 2019 โดยมี ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ นักวิจัยอาวุโส ฝ่ายวิจัยกราฟีนและนวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์ NSD สวทช. ร่วมเป็นหนึ่งในวิทยากรในงานสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีกราฟีนกับการป้องกันประเทศ

ผู้สนใจนวัตกรรมภายใต้ศูนย์ NSD สวทช. สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (NSD) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โทรศัพท์ 0 2564 7000 หรืออีเมล: info.nsd@nstda.or.th
« Last Edit: November 28, 2019, 03:55:39 PM by news »