wmt on November 14, 2019, 07:01:02 AM
สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนจัดงาน “Italian Cuisine Week ครั้งที่ 14” ในเมืองไทย



กรุงเทพฯ 13 พฤศจิกายน 2562 – สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน หน่วยงานรัฐบาลซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของบริษัทสัญชาติอิตาเลียนในต่างประเทศและส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติในประเทศอิตาลี ประกาศกำหนดการจัดงาน “Italian Cuisine Week ครั้งที่ 14” ในประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 โดยงาน Italian Cuisine Week ได้จัดแถลงข่าวเพื่อประกาศการจัดงานงานอย่างเป็นทางการแล้ว ณ ทำเนียบเอกอัคราชทูตอิตาลีในประเทศไทย โดยปีนี้กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Food Education: A Taste of Culture (การศึกษาด้านอาหาร: รสชาติแห่งวัฒนธรรม)”

พิธีเปิดงานจะจัดขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ณ เกษรวิลเลจ กรุงเทพฯ และในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่จังหวัดภูเก็ต โดยในคืนจัดงาน สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนจะเผยแพร่หนังสือ “Italian Cuisine in Thailand: Discovering Italy in 20 Regions” คู่มือเพื่อการค้นหาอาหารอิตาเลียนชั้นเลิศในประเทศไทย โดยสำนักงานฯ ได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อส่งเสริมการจัดงานสัปดาห์อาหารครั้งนี้โดยเฉพาะ

ในค่ำคืนแห่ง “ออสปิตาลิตา อิลาเลียนา (Ospitalita’ Italiana)” ที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ บริษัทสัญชาติอิตาเลียน 7 แห่งจะจัดแสดงและนำเสนอรสชาติอาหารแนวใหม่แก่บรรดาผู้เข้าร่วมงานที่บริเวณโต๊ะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ อาทิ เมนูเนื้อตัดเย็น (โคลด์คัต) อาหารแป้งแบบปลอดกลูเตน ผักดอง กรานาเสิร์ฟกับทรัฟเฟิล ไวน์ต่าง ๆ เครื่องดื่มสปิริต (อมาโร) ซึ่งนำเสนอโดย สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารและไวน์แนวใหม่เหล่านี้จะถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบโดยเชฟจากร้านอาหาร ซึ่งจะรังสรรค์เมนูพิเศษเพื่อผู้เข้าร่วมงานในค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ สำหรับกิจกรรมบนเวทีจะมีการฉายวีดีโอเพื่อนำเสนอข้อมูลและประชาสัมพันธ์บริษัทสัญชาติอิตาเลียนต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมงานเข้าไปเยี่ยมชมโซนการจัดแสดงที่ตกแต่งอย่างสวยงามและลิ้มลองอาหารรสเลิศมากมาย

นอกจากนี้ หอการค้าไทย-อิตาเลี่ยน จะจัดพิธีมอบรางวัล Awarding Ceremony at Ospitalita’ Italiana เพื่อยกย่องร้านอาหารอิตาเลียนชั้นเยี่ยม 20 แห่งในประเทศไทย ซึ่งผ่านการคัดเลือกตามมาตรฐานที่เคร่งครัดที่กำหนดโดยสถาบันวิจัยด้านการท่องเที่ยวอิตาเลียน (Italian Institute for Research in Tourism: INSART) โดยสถาบันจะทำการตัดสินว่าร้านอาหารใดที่มีมาตรฐานสอดคล้องตามข้อกำหนดอันเข้มงวดทั้ง 10 ด้าน ได้แก่

•   อัตลักษณ์และความโดดเด่นในแบบอิตาเลียน (Identity and Italian Distinctiveness)
•   การรับรองแขก (Reception)
•   การจัดวางที่เหมาะสม (Mise en place)
•   ครัว (Kitchen)
•   รายการอาหาร (Menu)
•   การนำเสนออาหาร (Gourmet offer)
•   รายการไวน์ (Wine list)
•   การใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin Olive Oil)
•   ประสบการณ์และคุณสมบัติ (Experience and competence)
•   การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการคุ้มครองถิ่นกำเนิดและการคุ้มครองแหล่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (PDO and PGI products)

มร.จูเซปเป ลามัคเคีย ผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน กรุงเทพฯ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้จัดเทศกาลในครั้งนี้ ซึ่งเราหวังว่าจะสามารถเผยแพร่ความเป็นอิตาลีให้เป็นที่รู้จักในเมืองไทย ทั้งในด้านเมนูอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม และแนวทางการปรุงอาหาร งานครั้งนี้จะนำเสนอเมนูอาหารจากอิตาลีมากมาย รวมถึงไวน์ชั้นเยี่ยมแก่ผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน”

Italian Festival Thailand 2019 ถือเป็นเทศกาลระยะยาว โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนได้เฉลิมฉลองความเป็น “อิตาลี” ผ่านการจัดอีเว้นท์หลายรูปแบบ สำหรับงานสัปดาห์อาหารครั้งนี้ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับตราสินค้าชั้นนำสัญชาติอิตาเลียนและร้านอาหารชั้นเลิศมากกว่า 20 รายในประเทศไทย เพื่อให้งาน “Italian Cuisine Week ครั้งที่ 14” นำเสนอเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียนให้เป็นที่แพร่หลายในหมู่ชาวไทยมากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน
สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนเป็นหน่วยงานรัฐบาลซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของบริษัทสัญชาติอิตาเลียนในต่างประเทศและส่งเสริมการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศอิตาลี ด้วยรูปแบบองค์กรสมัยใหม่ที่ได้รับแรงกระตุ้นและเครือข่ายสำนักงานที่แพร่หลายในต่างประเทศ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนทำหน้าที่ให้ข้อมูล ความช่วยเหลือ คำปรึกษา การสนับสนุน และการฝึกอบรมแก่ธุรกิจสัญชาติอิตาเลียนขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่านแผนการส่งเสริมและเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่หลายช่องทาง เพื่อนำเสนอความเป็นเลิศของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอิตาลีสู่สายตาชาวโลก

ข้อมูลเพิ่มเติม
ลำดับ   ร้านอาหารอิตาเลียน   จังหวัด

1   Appia   กรุงเทพฯ
2   Brunello   กรุงเทพฯ
3   Enoteca   กรุงเทพฯ
4   Galleria Milano   กรุงเทพฯ
5   Gianni Ristorante   กรุงเทพฯ
6   Il Bolognese   กรุงเทพฯ
7   Italian Osteria   กรุงเทพฯ
8   La Scala   กรุงเทพฯ
9   La Scarpetta   กรุงเทพฯ
10   Mio Food Art   กรุงเทพฯ
11   Peppina   กรุงเทพฯ
12   Rossano's   กรุงเทพฯ
13   Da Antonio   เชียงใหม่
14   Pepenero   เกาะสมุย
15   Acquapazza   พัทยา
16   Acqua   ภูเก็ต
17   Bocconcino   ภูเก็ต
18   La Carbonara   ภูเก็ต
19   Portofino   ภูเก็ต
20   Rossovivo   ภูเก็ต

รายชื่อ 20 ร้านอาหารอิตาเลียนจะเป็นส่วนหนึ่งของงาน Italian Cuisine Week 2019

สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนจะประชาสัมพันธ์บริษัทสัญชาติอิตาเลียน 7 แห่งที่เข้าร่วมในงานครั้งนี้ ทั้งเพื่อส่งเสริมตราสินค้าใหม่ของบริษัทในการรุกตลาด และการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่ยังไม่วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทย

ลำดับ   ชื่อบริษัท   ผลิตภัณฑ์
1   Bedogni Egidio S.p.a   พาร์มาแฮม, คูลาเทลโล, เนื้อสัตว์หมักแปรรูป
2   Caffo Distillerie   อมาโร เดล คาโป
3   Salumificio Fratelli Beretta S.p.A. คาร์เปนญ่าแฮม (PDO), คูลาเทลโล, วาร์ซี ซาลามี (PDO), ซาลามี เฟริโน (PGI), แฮมปรุงสุก กรานเบเร็ตตา
4   Forgrana Corradini S.p.A.   ชีสขูดฝอยรสทรัฟเฟิล
5   Molino Pizzuti   แป้งปลอดกลูเตน
6   Sacco vignaioli Apuli   ไวน์
7   AGRIn Salento   ผักดองและผลิตภัณฑ์ขนมอบ

สำหรับงานในปีนี้ สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนจะมีการร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีในกรุงเทพฯ หอการค้าไทย-อิตาเลี่ยน และ คามิลโล เพลเลกัตตา แอนด์ อลิซ ลอว์ เพื่อจัดกิจกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การจัดงานในหลากหลายรูปแบบ

กิจกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์จะรวมถึงการสนับสนุนร้านอาหารอิตาเลียนที่เข้าร่วมในงานครั้งนี้ โดยพิธีกรภายในงานจะทำการสัมภาษณ์เชฟของร้านอาหารและมีการบันทึกภาพยนตร์ในขณะเตรียมอาหารเพื่อการโปรโมตรสชาติอันสุนทรีย์ของการปรุงอาหารสไตล์อิตาเลียน นอกจากนี้ยังมีการเชิญผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดของเมืองไทยมาร่วมงาน เพื่อเพิ่มอัตราการรับชมให้เกิดการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอิตาลี ตลอดจนผู้ประกอบการร้านอาหารและร้านอาหารอิตาเลียนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

คลิปวีดีโอสั้นของบริษัทและร้านอาหารที่เข้าร่วมจัดแสดงในงานครั้งนี้ จะถูกนำไปผลิตและเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ทั้งยูทูป เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในประเทศไทยซึ่งชื่นชอบการแบ่งปันเนื้อหาสาระต่าง ๆ ผ่านแพล็ตฟอร์มออนไลน์
« Last Edit: November 14, 2019, 07:03:35 AM by wmt »