ไทยยูเนี่ยนประกาศไตรมาส 3 ปริมาณการขายโต 3.8%
• ปริมาณการขายเติบโตอย่างเข้มแข็ง 3.8 เปอร์เซ็นต์ ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น
• ยอดขายลดลง 6.8 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 31,838 ล้านบาท เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่ากับสกุลเงินหลักต่างๆ
• กำไรสุทธิสามไตรมาสแรกของปีเพิ่มขึ้น 4.8 เปอร์เซ็นต์ ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นท่ามกลางความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราบรรยายภาพ: นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 31,838 ล้านบาท หากไม่คำนึงถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแล้ว ยอดขายประจำไตรมาสลดลง 1.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า แต่ปริมาณการขายของบริษัทยังเข้มแข็งและเติบโตอยู่ที่ 3.8 เปอร์เซ็นต์ จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและแช่เย็นและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า
กำไรขั้นต้นประจำไตรมาสอยู่ที่ 5,077 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 15.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ 15.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับในปีก่อนหน้า ผลการดำเนินงานเก้าเดือนแรกของปีมีกำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของค่าเงิน
ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2562 ยอดขายจากทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนถึง 38 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายจากทวีปยุโรป 31 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายจากประเทศไทย 13 เปอร์เซ็นต์ และตลาดอื่นๆ 18 เปอร์เซ็นต์
แม้ปริมาณการขายที่เติบโตถึง 3.8 เปอร์เซ็นต์ แต้ไทยยูเนี่ยนรายงานยอดขาย อยู่ที่ 31,838 ล้านบาท ซึ่งลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินสกุลหลักๆ ในการค้าได้แก่ เหรียญสหรัฐลดลง 6.9 เปอร์เซ็นต์ ปอนด์ลดลง 12 เปอร์เซ็นต์ และยูโรลดลง 11 เปอร์เซ็นต์
สัดส่วนของยอดขายในเก้าเดือนแรกของปีนี้ เป็นสินค้าแบรนด์ของบริษัท 42 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า และที่เหลือ 58 เปอร์เซ็นต์ เป็นการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าบริษัทต่างๆ
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปมียอดขายอยู่ที่ 14,466 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากราคาทูน่าที่ลดลง 17 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2561 และค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการค้าของโลก
ส่วนธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและแช่เย็นมีปริมาณการขายอยู่ที่ 73,084 ตันในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นถึง 15.2 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดี ด้วยราคาของกุ้งที่ลดลง 9.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยอดขายของธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและแช่เย็นลดลง 2 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 12,768 ล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 6.9 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 4,604 ล้านบาท อีกทั้งปริมาณการขายยังเติบโตขึ้นอีก 2.6 เปอร์เซ็นต์
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ผลิตภัณฑ์ที่หลายหลายของเราได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการขายของเราเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ดี ตลาดสกุลเงินที่ผันผวนทำให้สินค้าส่งของจากประเทศไทยต้องเจอกับสภาวะความท้าทาย ไทยยูเนี่ยนยังคงให้ความสำคัญกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เล็งผลถึงการเติบโตในระยะยาว และพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อลดแรงกดดันในแง่ของการทำกำไร”
ไทยยูเนี่ยนยังได้ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงานของบริษัทฯ หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศเพิกถอนสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐฯ หลายรายการ นอกจากนี้บริษัท จอห์น เวสต์ ฟู้ดส์ จำกัด บริษัทในเครือ ยังได้ประกาศว่า ศาลได้ตัดสินให้บริษัทไม่มีความผิดใดๆ ในข้อกล่าวหาว่าทำธุรกิจกับการประมงที่ผิดกฎหมายหรือไอยูยู คำตัดสินเป็นเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่าไทยยูเนี่ยนยึดมั่นในนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส
นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ได้ประกาศตั้งแหล่งเงินทุน Venture Fund เพื่อลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยีอาหาร เริ่มต้น 30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยลงทุนครั้งแรกกับฟลายอิ้ง สปาร์ค ผู้ผลิตโปรตีนทางเลือก อีกหนึ่งโครงการนวัตกรรมได้แก่ SPACE-F ได้คัดเลือกสตาร์ทอัพ 24 บริษัทจากทั่วโลกเข้าโครงการ ภายหลังจากเปิดตัวความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ในด้านความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยนยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนหรือ SeaChange® ยังผลให้ใน บริษัทได้รับการจัดอันดับจากดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ เป็นอันดับ 1 ในผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารของโลก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ไทยยูเนี่ยนยังประสบความสำเร็จได้คะแนนสูงสุดที่ 100 เปอร์เซ็นไทล์ของอุตสาหกรรม สำหรับคะแนนด้านความยั่งยืนโดยรวม ปัจจุบันบริษัทติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
ในไดรมาสที่ 3 นี้ บริษัทยังได้ประกาศนโยบายล่าสุดในการป้องกันห่วงโซ่การผลิตอาหารจากการปลอมปนอาหารโดยเจตนา ด้วยระบบการจัดการที่เข้มแข็งในการต่อสู้กับกลโกงอาหาร ในส่วนของการทำงานร่วมกับชุมชน บริษัทได้เปิดศูนย์เตรียมความพร้อมเด็กก่อนวัยเรียนไทยยูเนี่ยนแห่งที่ 4 อย่างเป็นทางการ สำหรับเด็กข้ามชาติในจังหวัดสมุทรสาคร
บริษัทยังได้รับการยอมรับด้านการกำกับดูแลกิจการ นวัตกรรมและความยั่งยืน ในเวทีระดับนานาชาติ ได้แก่ รางวัล “ซีอีโอและบริษัทที่ดำเนินงานนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ตั้งแต่ปี 2553” จากงานนิตยสาร Asiamoney รางวัล “บริษัทมหาชนยอดเยี่ยมแห่งปี 2561” ในประเภทธุรกิจการเกษตรและอาหาร จากนิตยสารการเงินการธนาคาร รางวัล DRIVE Award 2019 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ในประเภทอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร นายธีรพงศ์ จันศิริและนายยอร์ก ไอร์เลได้รับรางวัล ซีอีโอยอดเยี่ยมและซีเอฟโอยอดเยี่ยม ประจำปี 2562 จากนิตยสาร Global Banking & Finance Review และดร.แดเรี่ยน แมคเบน ได้รับการรางวัลสุดยอดสตรีแห่งเอเชียในด้านความยั่งยืนจาก CSRWorks International###
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย
Thai Union Group Organic Sales Volume Grows 3.8% in 3Q
• Strong sales volume growth increases 3.8 percent with a slight improvement in gross profit margin
• Sales down 6.8 percent to THB 31,838 million due to strong Thai baht appreciation against key currencies
• 9M2019 net profits improved 4.8 percent, with profitability improvement amid volatile currency environmentCaption: Thiraphong Chansiri, CEO, Thai Union Group PCL. Thai Union Public PCL. reported consolidated sales during the third quarter of THB 31,838 million. Excluding the impact of foreign exchange, sales during the quarter would have weakened 1.3 percent year-on-year amid the company’s strength in higher sales volume growth of 3.8 percent, driven by the frozen and chilled seafood business and PetCare and Value Added business.
Gross profit for the period was THB 5,077 million and the gross profit margin improved slightly to 15.9 percent from 15.8 percent in the third quarter of 2018. Year to date operations improved year-on-year, with 9M2019 normalized net profits at THB 4.2 billion with profitability improvement against currency volatility.
In the first nine months of 2019, North America contributed 38 percent of total sales, followed by Europe at 31 percent, the Thai domestic market at 13 percent, and other markets at 18 percent.
With sales volume growth of 3.8 percent, Thai Union delivered reported sales of THB 31,838 million. Weak sales were partly attributed to the depreciating U.S. (-6.9 percent) and EU currencies (GBP -12 percent and EUR -11 percent).
The first nine months of the year showed the branded sales mix at 42 percent, compared to 41 percent during 2018, and private label sales contributing the remaining 58 percent.
Thai Union's ambient seafood sales in 3Q2019 were THB 14,466 million. The section’s sales declined from the previous year largely due to falling tuna prices (-17 percent year-on-year) and the Thai baht’s appreciation against key trading currencies.
The frozen and chilled seafood business sales volume was up 15.2 percent to 73,084 tons during 3Q2019. However, due to the falling shrimp price (-9.5 percent YoY), the segment’s sales were THB 12,768 million, down 2 percent year-on-year amid an improving gross margin. PetCare and value-added product sales increased 6.3 percent to THB 4,604 million from the third quarter of 2018, with sales volume growth of 2.6 percent.
“Consumers continue to respond positively to our expanding product line-up, which helped lift our sales volumes during the third quarter,” said Thai Union CEO Thiraphong Chansiri. “However, volatile currency markets created challenging market conditions for Thai exports and put pressure on our bottom line. At Thai Union, we remain firmly focused on product diversification for our long-term growth, and committed to continuous improvements and the streamlining of our operations to help limit pressure on our margins.”
Recently, Thai Union declared that its business will not be impacted after the United States Trade Representative (USTR) announced that it was ending some trade preferences for Thailand. Thai Union’s subsidiary John West Foods also announced that it was found not guilty on all counts of doing business directly connected to illegal, unreported and unregulated (IUU) fishing. The verdicts are positive proof of Thai Union’s commitment to transparent business policy and practice.
Thai Union continues to invest in innovation. The company recently created a venture fund with an initial commitment of US$ 30 million. The first investment was announced into Flying Spark, an alternative protein producer. Another program that endorses startups is SPACE-F, the first global FoodTech in Thailand. After the launch of a partnership with the National Innovation Agency (NIA) and Mahidol University’s Science Faculty, the SPACE-F program successfully recruited 24 startup incubators and accelerators worldwide.
Thai Union’s commitment to building a more sustainable industry and business through its global sustainability strategy, SeaChange®, was recognized during the third quarter, highlighted by its ranking as number one in the world in the Food Products Industry Index of the Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) for the second year in a row. The company achieved an industry best-in-class 100th percentile ranking for total sustainability score and has now been listed on the index for six consecutive years.
During the third quarter, Thai Union announced a new Combating Food Fraud and Food Defense Strategy to protect its food supply chains from intentional contamination through a series of robust programs to combat food fraud. The company officially opened its fourth preschool in Thailand’s Samut Sakhon province for the children of migrant workers.
Thai Union was awarded for its business governance, innovation and sustainability work, including Asia’s Best CEO and Best Investor Relations Company in Thailand at the 9th Asian Excellence Award 2019; best company in the decade since 2010 in the Best Managed Companies Awards by Asiamoney; Money & Banking’s “Best public company of the year 2018” in the agriculture and food category, and the DRIVE Award 2019 in the Agro & Food Industry category for the second straight year. Global Banking & Finance Review awarded Best Group CEO Thailand 2019 to Thai Union CEO Thiraphong Chansiri, and Best Group CFO Thailand 2019 to Thai Union CFO Joerg Ayrle in recognition of their dedication and commitment to providing strong group leadership. In addition, Dr. Darian McBain, Thai Union’s Global Director of Corporate Affairs and Sustainability, was named one of Asia’s Top Sustainability Superwomen by CSRWorks International.###
About Thai Union GroupThai Union Group PCL is the world’s seafood leader bringing high quality, healthy, tasty and innovative seafood products to customers across the world for more than 40 years.
Today, Thai Union is regarded as the world’s largest producer of shelf-stable tuna products with annual sales exceeding THB 133.3 billion (US$ 4.1 billion) and a global workforce of over 47,000 people who are dedicated to pioneering sustainable, innovative seafood products.
The company’s global brand portfolio includes market-leading international brands such as Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, and Rügen Fisch and Thai-leading brands SEALECT, Fisho, Qfresh, Monori, Bellotta and Marvo.
As a company committed to innovation and globally responsible behavior, Thai Union is proud to be a member of the United Nations Global Compact, and a founding member of the International Seafood Sustainability Foundation (ISSF). In 2015, Thai Union introduced its SeaChange® sustainability strategy. Find out more at seachangesustainability.org. Thai Union’s on-going work on sustainability issues was recognized in 2018 and 2019 by being ranked number one in the world in the Food Products Industry in the Dow Jones Sustainability Index, achieving a 100th percentile ranking for total sustainability score. Thai Union has now been named to the DJSI for six consecutive years. Thai Union was also named to the FTSE4Good Emerging Index for the third straight year in 2018.