ไทยยูเนี่ยนประเดิมอันดับ 1 ดัชนี Seafood Stewardship Index ปีแรก
ตอบโจทย์การทำงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ
บรรยายภาพ: บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับโดยดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 จาก 30 บริษัทด้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก ประเมินจากการทำงานด้านความยั่งยืนต่อมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่งทะเล และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ โดยดัชนี SSI นี้จัดขึ้นเป็นปีแรก– บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับโดยดัชนี Seafood Stewardship Index เป็นอับดับที่ 1 จาก 30 บริษัทด้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก ประเมินจากการทำงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ
โดยไทยยูเนี่ยนขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน 3 ด้าน ได้แก่
• การกำกับดูแลกิจการ จากรายงานด้านความยั่งยืนที่ลงรายละเอียด อันเป็นผลมาจากกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท SeaChange®
• ระบบนิเวศ จากการทำงานทั้งของบริษัทและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทในการพัฒนาการทำประมง
• ด้านชุมชน จากการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตและโอกาสของคนในชุมชน
ดัชนี Seafood Stewardship Index หรือ SSI นี้จัดขึ้นโดยองค์กร World Benchmarking Alliance (WBA) ขึ้นเป็นปีแรก โดยได้ให้ความเห็นว่า ไทยยูเนี่ยนมีผลงานที่เข้มแข็งในเรื่องการดูแลห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับได้ การจัดหาวัตถุดิบ และพิมพ์เขียวสิ่งแวดล้อม รายงานได้ชี้ให้เห็นว่าไทยยูเนี่ยนมีความมุ่งมั่นในเรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน และสามารถพัฒนาต่อไปได้
ดร.แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 จากดัชนี Seafood Stewardship Index สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทในการสร้างอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลกให้ยั่งยืนมากขึ้น อุตสาหกรรมอาหารทะเลควรจะมีการเชิดชูการทำงานอย่างโปร่งใส อีกทั้งยังควรพัฒนาในเรื่องของความรู้ความเข้าใจถึงปัญหาในปัจจุบันและดำเนินการแก้ไข ไทยยูเนี่ยนยินดีที่ดัชนี Seafood Stewardship Index ให้ความสำคัญในประเด็นต่างๆ ที่ควรมีความโปร่งใสและพัฒนาต่อไป”
ดัชนี Seafood Stewardship Index ประเมินบริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 30 บริษัท เพื่อที่จะเข้าใจว่าบริษัทเหล่านี้ได้ทำงานอย่างไรและมากน้อยแค่ไหน ทั้งด้านที่เกี่ยวกับการจัดการอย่างยั่งยืนในมหาสมุทรและระบบนิเวศชายฝั่ง รวมถึงการทำงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ การประเมินยังดูในรายละเอียดว่าบริษัทต่างๆ เหล่านี้ได้มีการปฏิบัติอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานอย่างไรอีกด้วย
ดัชนี Seafood Stewardship Index ชี้ว่าไทยยูเนี่ยนมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน รวมถึง
• การกำกับดูแลกิจการ ที่ดำเนินตามกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® ในโครงการต่างๆ ทั้งในด้านแรงงานที่ถูกกฎหมายและความปลอดภัยของผู้ใช้แรงงาน การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบต่อผู้คนและชุมชน โดยตั้งเป้าหมายชัดเจนในแต่ละด้าน
• การดูแลห่วงโซ่อุปทาน โดยสนับสนุนให้ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และมุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าแบรนด์ให้มีบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ภายในปี 2568
• ระบบนิเวศ โดยทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในโครงการอาทิ โครงการพัฒนาการประมงทูน่า เพื่อลดผลกระทบกับระบบนิเวศ
• ด้านชุมชน มีการพัฒนาโครงการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนชุมชนรอบพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่###
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย
Thai Union Ranked No. 1 on Inaugural Seafood Stewardship Index for Contribution
to UN Sustainable Development Goals
Caption: Thai Union Group PCL has topped the rankings of the inaugural Seafood Stewardship Index (SSI), which assessed the 30 largest seafood companies around the world to understand how they contribute to the sustainable management of the oceans and coastal ecosystems and the UN Sustainable Development Goals.Thai Union Group PCL has been ranked number one on the inaugural Seafood Stewardship Index (SSI), which assessed the contribution of the world’s 30 largest seafood companies to the United Nations (UN) Sustainable Development Goals (SDGs).
Thai Union topped the benchmark in three key areas, including:
• Governance and management of stewardship practices because of the detailed targets and robust reporting of its sustainability strategy, SeaChange®;
• Ecosystems, due to its individual and multi-stakeholder activities to improve fishing practices;
• Local communities, for promoting opportunities for local livelihood development.
The SSI, which was developed by the World Benchmarking Alliance (WBA), said Thai Union also performed strongly in stewardship of the supply chain, specifically for traceability, sourcing and its environmental footprint. It noted the company’s strong commitment towards human and labor rights, although areas of improvement remain.
“Thai Union is incredibly proud to be ranked number one in the Seafood Stewardship Index, which reflects our commitment to building a more sustainable global seafood industry,” said Dr. Darian McBain, Thai Union’s Global Director of Corporate Affairs and Sustainability. “A culture that rewards transparency needs to be developed in the seafood industry, to both understand where the challenges currently are and also the solutions being put in place. Thai Union welcomes the focus that the SSI is bringing through the lens of transparency and continuous improvement.”
The SSI assessed the 30 largest seafood companies around the world, to understand how and to what extent they are contributing to the sustainable management of the oceans and coastal ecosystems and to the SDGs. The review also looked into how companies are implementing responsible social practices in all stages of the supply chain.
The SSI highlighted Thai Union’s performance across key areas, including:
• Governance and management of stewardship practices, for it’s SeaChange strategy including programs around Safe and Legal Labor, Responsible Sourcing, Responsible Operations and People and Communities, with numerous targets in each category;
• Stewardship of the supply chain, for encouraging consumers to use appropriate end-of-life options for its products, and its commitment to ensuring 100 percent of its branded packaging is reusable, recyclable or compostable by 2025;
• Ecosystems, for its partnerships and active role in multi-stakeholder activities including Fishery Improvement Projects (FIPs) for tuna to reduce the impact on ecosystems;
• Local communities, for the development of strong activities and programs to support local communities where the company operates.###
About Thai Union GroupThai Union Group PCL is the world’s seafood leader bringing high quality, healthy, tasty and innovative seafood products to customers across the world for more than 40 years.
Today, Thai Union is regarded as the world’s largest producer of shelf-stable tuna products with annual sales exceeding THB 133.3 billion (US$ 4.1 billion) and a global workforce of over 47,000 people who are dedicated to pioneering sustainable, innovative seafood products.
The company’s global brand portfolio includes market-leading international brands such as Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, and Rügen Fisch and Thai-leading brands SEALECT, Fisho, Qfresh, Monori, Bellotta and Marvo.
As a company committed to innovation and globally responsible behavior, Thai Union is proud to be a member of the United Nations Global Compact, and a founding member of the International Seafood Sustainability Foundation (ISSF). In 2015, Thai Union introduced its SeaChange® sustainability strategy. Find out more at seachangesustainability.org. Thai Union’s on-going work on sustainability issues was recognized in 2018 and 2019 by being ranked number one in the world in the Food Products Industry in the Dow Jones Sustainability Index, achieving a 100th percentile ranking for total sustainability score. Thai Union has now been named to the DJSI for six consecutive years. Thai Union was also named to the FTSE4Good Emerging Index for the third straight year in 2018.