นาซ่าจับมือจีเอ็ม ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ไฮเทคสมองกล
วอชิงตัน – องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือนาซ่า (NASA) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) เผยความร่วมมือครั้งใหม่โดยการผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์เจนเนอเรชั่นล่าสุด รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์อื่นๆเพื่อการประยุกต์ใช้งานสำหรับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ
ด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นนำอันทันสมัย อาทิ เอดจ์ คอนโทรล (Edge Control), เซ็นเซอร์ (Sensor) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการมองเห็น (Vision) ทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์จากนาซ่าและจีเอ็มได้ร่วมมือกันค้นคว้าวิจัยและพัฒนาโครงการนี้ตามข้อตกลง Space Act Agreement ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสันของนาซ่า (NASA’s Johnson Space Center) เพื่อสร้างสรรค์หุ่นยนต์สมองกลเลียนแบบมนุษย์ที่สามารถทำงานควบคู่ไปกับพนักงานของทั้งสององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหมายรวมถึงการเอื้อประโยชน์ให้ทางจีเอ็มสามารถผลิตรถยนต์ที่มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นในฐานการผลิตรถยนต์ที่ได้รับการยกระดับความปลอดภัยที่สูงขึ้น รวมถึงการช่วยให้นักบินอวกาศของนาซ่าสามารถใช้ประโยชน์จากหุ่นยนต์รุ่นใหม่นี้ได้ในระหว่างการดำเนินภารกิจที่เสี่ยงภัยทั้งหลายในอวกาศ
ความคิดในการนำเอาหุ่นยนต์สมองกลเลียนแบบมนุษย์ ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีศักยภาพในการบังคับมือของมันในการทำงานที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนเหมือนกับคนมาใช้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใดในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ หุ่นยนต์นักบินอวกาศ หรือที่รู้จักกันว่า “Robonaut” ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการท่องอวกาศ และได้รับการสร้างสรรค์โดยแผนกซอฟท์แวร์ โรบ็อทติคส์ และซิมมิวเลชั่นแห่งศูนย์อวกาศจอห์นสัน ด้วยความร่วมมือจากสถาบันโครงการวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงด้านกลาโหม (Defense Advanced Research Project
Agency) เมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยตลอดทศวรรษที่ผ่านมานาซ่าได้สั่งสมประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการคิดค้น และพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์เพื่อการใช้งานในอวกาศด้านต่างๆ ซึ่งมีศักยภาพสูงในการใช้ประโยชน์ได้ดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อนาซ่าได้มีโอกาสปฏิบัติภารกิจบนดวงจันทร์อีกครั้ง
ภารกิจร่วมกันดังกล่าวเป็นการสร้างสรรค์ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่จะเอื้อประโยชน์ให้จีเอ็มสามารถพัฒนายานพาหนะที่มีความปลอดภัยมากขึ้น และมีคุณภาพยอดเยี่ยม รวมถึงสามารถผลิตยานพาหนะเหล่านั้นในฐานการผลิตที่มีระบบความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น กลยุทธ์ของจีเอ็มคือการพัฒนากระบวนการประกอบรถยนต์ให้มีการบูรณาการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์เข้ากับการใช้แรงงานคน นอกจากนี้ จีเอ็มกำลังเร่งมองหาวิถีทางในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาระบบความปลอดภัยของยานพาหนะที่มีสมรรถนะเหนือชั้นสู่โลกแห่งยานยนต์ชั้นนำ
“สำหรับจีเอ็มแล้ว การพัฒนาร่วมกันครั้งนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญในด้านความปลอดภัยของยานพาหนะคุณภาพ และโรงงานผลิต เมื่อเราพูดถึงยานยนต์เพื่ออนาคต ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี เช่น การควบคุมเทคโนโลยีการมองเห็น (Control Censor and Vision) สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการสร้างสรรค์ระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัยสำหรับยานยนต์ได้เป็นอย่างดี” มร. อลัน เทาบ์ รองประธานจีเอ็มโกลบอลฝ่ายวิจัยและพัฒนา แสดงความคิดเห็น “วิสัยทัศน์ของการร่วมมือกันครั้งนี้ คือการสำรวจหนทางใหม่ในการสร้างหุ่นยนต์ที่มีความก้าวล้ำทางด้านเทคโนโลยีเพื่อการทำงานร่วมกันกับมนุษย์ได้อย่างมีความสอดคล้องกลมกลืน ซึ่งจะนำมาสู่การสร้างสรรค์ยานพาหนะที่ดีกว่าและมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นในด้านความปลอดภัย ภายใต้สิ่งแวดล้อมการผลิตที่มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้นไปตามลำดับ”
“ความท้าทายของเราวันนี้คือการสร้างเครื่องจักรที่สามารถช่วยให้ผู้คนสามารถทำงานและสำรวจอวกาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ” มร. ไมค์ โค้ทส์ ผู้อำนวยการศูนย์อวกาศจอห์นสัน กล่าว “การที่หุ่นยนต์อย่าง Robonaut สามารถทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับมนุษย์ หรือไปปฏิบัติภารกิจในสถานที่ที่มีความเสี่ยงมากเกินไปสำหรับมนุษย์ได้ ถือเป็นการขยายขีดความสามารถของเราสำหรับการสร้างสรรค์ และการค้นพบสิ่งต่างๆ ต่อไป”
ด้วยความร่วมมือของทั้งสององค์กร ผนวกกับความช่วยเหลือจากทีมวิศวกรจากบริษัท Oceaneering International Inc. โครงการนี้จะสามารถดำเนินการพัฒนาและสร้างสรรค์หุ่นยนต์ Robonaut รุ่นต่อไปที่มีชื่อเรียกว่า Robonaut2 หรือ R2 โดยเป็นหุ่นยนต์ที่มีคุณสมบัติในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่า มีสมองกลที่ประมวลผลได้ว่องไวกว่า อีกทั้งยังเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีในการประดิษฐ์ที่มีความทันสมัยกว่า หุ่นยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่นี้สามารถใช้มือของมันในการทำงานต่างๆ ได้เหนือกว่าหุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์รุ่นใดๆ ที่เคยมีมา นอกจากนี้มันยังสามารถทำงานร่วมกับคนได้ทั้งภายใต้สิ่งแวดล้อมต่างๆ บนโลกมนุษย์และในอวกาศ
ทั้งนาซ่าและจีเอ็มมีประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นและยาวนานในเรื่องของความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่างๆ มากมาย โดยเริ่มจากศตวรรษที่ 60 ด้วยการพัฒนาระบบนำร่องสำหรับการสำรวจอวกาศหลายครั้งด้วยยานอพอลโล ซึ่งได้กลายเป็นพื้นฐานระบบนำร่องภายในสำหรับยานพาหนะในปัจจุบัน และทางจีเอ็มก็ได้มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนา Lunar Rover Vehicle ซึ่งเป็นยานพาหนะคันแรกที่นำไปใช้ในการสำรวจบนพื้นผิวดวงจันทร์ สำหรับความร่วมมือล่าสุดคือการตั้งเป้าหมายไปยังการพัฒนา และใช้หุ่นยนต์สมองกลเลียนแบบมนุษย์เพื่อขยายโอกาสในการสร้างความก้าวหน้าไปสู่แวดวงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในอีกขั้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์การนาซ่า กรุณาเยี่ยมชมเวบไซต์:
http://www.nasa.gov สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจนเนอรัล มอเตอร์ส กรุณาเยี่ยมชมเวบไซต์:
http://media.gm.com