happy on February 14, 2010, 02:28:32 PM


AGORA

ภาพยนตร์โดย อเลฆานโดร อเมนาบาร์


เรื่องย่อ

              อียิปต์ ศตวรรษที่ 4 ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน... ความขัดแย้งทางศาสนาคุกรุ่นไปทั่วท้องถนนจนถึงห้องสมุดที่มีชื่อเสียงของเมืองอเล็กซานเดรีย นักดาราศาสตร์หญิงผู้ชาญฉลาด ไฮพาเทีย (ราเชล ไวซ์) และบรรดาสานุศิษย์ของเธอ ต้องต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาแห่งโลกโบราณ... ท่ามกลางเหล่าบุรุษผู้อยู่เคียงข้าง ไฮพาเทียเป็นที่หมายปองของสองชายผู้แก่งแย่งแข่งขันกันเพื่อเป็นเจ้าหัวใจของเธอ หนึ่งคือออเรสทิส (ออสการ์ ไอแซค) ผู้สูงศักดิ์ อีกหนึ่งคือเดวุส (แม็กซ์ มิงเกลลา) ทาสหนุ่มผู้ต้องเลือกระหว่างความรักและอิสรภาพ






AGORA จากถ้อยคำของอเลฆานโดร อเมนาบาร์

              “สี่ปีก่อน หลังจบจาก THE SEA INSIDE ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากสำหรับผม ผมไม่คิดเลยว่าหนังเรื่องต่อไปที่ผมจะทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวโรมันและคริสเตียนในยุคอียิปต์โบราณ เป็นเพราะความงดงามของยุคสมัยนั้น ทำให้ผมเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกอันน่าหลงใหลในเมืองอเล็กซานเดรียยุคศตวรรษที่ 4 เกิดจินตนาการถึงถนนหนทาง โบสถ์วิหาร ผู้คน และด้วยแรงจูงใจกับเงินทุน เราก็ทำสิ่งเหล่านั้นให้มีชีวิตขึ้นมาได้”

              “ผมไม่สนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สิ่งมหัศจรรย์ในงานชิ้นนี้สำหรับผมคือ การเข้าไปสัมผัสโลกวิทยาศาสตร์ ผ่านทางจิตวิญญาณและความรู้สึก จุดมุ่งหมายของเราในหนังเรื่องนี้คือการปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจักรวาล ซึ่งอารมณ์ทุกอย่างล้วนเกิดจากความพยายามที่จะเปิดเผยความลึกลับของระบบจักรวาลนั่นเอง”

              “เราจบการเล่าเรื่องของไฮพาเทียในศตวรรษที่ 4 ณ เมืองอเล็กซานเดรีย ผ่านกระบวนการที่ละเอียดละออมาก เรื่องราวผ่านมานานสองพันปี ตั้งแต่ยังมีความเชื่อว่าโลกคือศูนย์กลางของจักรวาล เราสืบค้นทุกรายละเอียด เมื่อตอนที่เราศึกษาชีวิตของไฮพาเทียและช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่นั้น เราพบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโลกที่เราอยู่ในปัจจุบันมากมาย มันทำให้เราตื่นเต้น อเล็กซานเดรียคือสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ที่ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ด้วยความขัดแย้งหลายประการ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางศาสนา ช่วงเวลาที่ไฮพาเทียมีชีวิตอยู่เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงจุดจบของโลกยุคโบราณ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคกลาง”

              “ตั้งแต่เริ่มโปรเจ็คท์นี้ เป้าหมายของผมคือการทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังติดตามชมสารคดี CNN ที่นำเสนอเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 4 ความรู้สึกเร่งรีบฉับไวคล้ายภาพข่าวคือวิธีการขั้นแรกของผม ผมอยากทำลายขนบอันแข็งแกร่งของหนังประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ที่ชอบถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาดใหญ่ รวมถึงชอบใช้ภาพมุมกว้างและดนตรีประกอบโอ่อ่าอลังการ ผมต้องการหลีกหนีจากรูปแบบปกติที่มักใช้กันในหนังแนวนี้ ดังนั้น เมื่อมีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้นบนท้องถนน ภาพที่ออกมาจึงไม่ควรมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบมากนัก เราทำให้มันใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยการเลือกที่จะนำเสนอสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรง ไม่ใช่ด้วยภาพโคลสอัพ แต่เป็นภาพจากมุมถนน และเหนือสิ่งอื่นใด ภาพความรุนแรงไม่ใช่สิ่งที่เราเน้นย้ำ”

              “หนังเรื่องนี้ถูกกำหนดให้เป็นโปรเจ็คท์นานาชาติตั้งแต่แรก เราถ่ายทำที่อังกฤษ เพราะเรากำลังพูดถึงเงินลงทุนจำนวน 50 ล้านยูโร มันคงเป็นการฆ่าตัวตายแน่ ถ้าโปรเจ็คท์นี้จะเป็นของสเปนล้วนๆ ถ่ายในสเปน ใช้เฉพาะนักแสดงชาวสเปน และจากนั้นก็คอยหวังว่าจะได้ทุนคืน ความจริงอีกเรื่องหนึ่งคือ อเล็กซานเดรียเป็นศูนย์รวมของสารพัดวัฒนธรรมและภาษา ทำให้ผมคิดว่าคงมีคนพูดภาษาอังกฤษกันทั่วไปตามท้องถนนที่นั่น”

              “AGORA คือเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ของเมืองๆ หนึ่ง ของความเจริญรุ่งเรืองครั้งหนึ่ง และของดาวดวงหนึ่ง AGORA คือดวงดาวเบื้องบนที่พวกเราอาศัยอยู่ด้วยกัน เราพยายามแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ภายในส่วนประกอบของมนุษย์ทุกชาติพันธุ์บนโลก และโลกภายในส่วนประกอบของจักรวาล ที่มนุษย์เป็นเพียงมดปลวก และโลกเป็นแค่ลูกบอลลูกเล็กๆ ที่หมุนอยู่เคียงข้างดาวดวงอื่นๆ อีกมากมาย นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกนำเสนอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ   

บางครั้งผมฝันอยากให้ตัวเองสามารถมองย้อนกลับไปยังอดีตที่เคยเกิดขึ้นจริง  แม้จะมีเวลาแค่ห้านาทีหรือห้าวินาทีก็ตาม  และสิ่งที่เราพยายามทำในหนังเรื่องนี้ คือการให้โอกาสคนดูได้มองเห็นอดีตเป็นเวลาสองชั่วโมง”

              “ผมอยากให้หนังทุกเรื่องของผมเป็นการเดินทาง เรื่องนี้ก็คือการเดินทางในเวลาและอากาศ เป็นประสบการณ์ที่เต็มตื้นมากตั้งแต่นาทีแรกที่มาเทโอ จิล, เฟอร์นานโด บาวาอิรา และผมเริ่มฝันถึงโปรเจ็คท์นี้ จนกระทั่งถึงนาทีสุดท้าย ผมหวังเพียงว่าผมชมจะรู้สึกดื่มด่ำกับมันเหมือนอย่างที่พวกเรารู้สึก AGORA ในหลากหลายความหมายคือ ประวัติศาสตร์ของอดีตซึ่งบ่งบอกถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน มันคือกระจกเงาให้คนจ้องมองเข้าไปผ่านระยะทางของกาลเวลา แล้วพบว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปน้อยขนาดไหน”








ตัวละคร

ไฮพาเทีย (ราเชล ไวซ์)

              บุตรสาวของธีออน ผู้อำนวยการคนสุดท้ายของห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรียอันเป็นตำนาน ไฮพาเทียมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 4 เมื่ออาณาจักรโรมันใกล้ล่มสลาย และโลกกำลังก้าวเข้าสู่การจัดระเบียบใหม่ เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น ผู้มีความรู้ทั้งด้านดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และปรัชญา แม้ว่าผลงานของไฮพาเทียได้หายสาบสูญไปหมดสิ้นแล้ว ทว่าชื่อเสียงของเธอก็ยังคงยืนยงอยู่ในประวัติศาสตร์ ในฐานะสตรีเข้มแข็ง ผู้อุทิศชีวิตทั้งหมดของตนเองเพื่อแสวงหาความจริง

              “ฉันไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน และรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้อ่านเรื่องราวของเธอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หาได้ง่ายๆ” ราเชล ไวซ์ อธิบาย “เธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง และมีชีวิตที่พิเศษ เธอเป็นผู้หญิงในอุดมคติของเหล่ากวีในยุโรป พวกเขาแต่งกลอนยกย่องเธอ เธอเป็นวีรสตรีผู้แสนโรแมนติก ฉันคิดอย่างนั้น เพราะเธอคือสัญลักษณ์แห่งความปรารถนา การเรียนรู้ เหตุผล และเธอถูกฆ่าโดยพวกคลั่งศาสนา”

              ไวซ์กล่าวต่อ “ไฮพาเทียตายทั้งที่ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ เรารู้จากจดหมายของลูกศิษย์บางคน              ของเธอ มีลูกศิษย์บางคนหลงรักเธอ หรืออาจไม่ใช่ก็ได้ ศิษย์คนโปรดของเธออาจตกหลุมรักเธอ แต่เธอไม่เคยก้าวล้ำเส้นของความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ แต่ดูเหมือนมีบางสิ่งในตัวเธอที่เป็นแรงบันดาลใจให้บรรดาลูกศิษย์ จนทำให้พวกเขาจงรักภักดีต่อเธอ ซึ่งเป็นเรื่องที่พิเศษมากสำหรับหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้ทำหน้าที่เป็นครูในช่วงเวลานั้น”

              “เธอเป็นผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่กว่าคนทั่วไป ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่หายากมากที่คนๆ หนึ่งจะยอมตายเพื่อความเชื่อของตัวเอง มันเป็นเรื่องที่มีคุณค่าและน่าชมเชยอย่างยิ่ง เธอศรัทธาในเหตุผลและข้อพิสูจน์ ถ้าเป็นสองเรื่องนี้ เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครทั้งนั้น มันช่างงดงามจริงๆ” 


เดวุส  (แม็กซ์ มิงเกลลา)

              เดวุสคือหนึ่งในข้าทาสจำนวนสิบสองคนที่อยู่ในครอบครัวของไฮพาเทีย เขารับใช้เจ้านายด้วยความเคารพนบนอบ ไม่เพียงในชีวิตประจำวันของเธอ แต่ยังติดตามไปยังชั้นเรียนที่เธอสอนอยู่ ด้วย ซึ่งการได้เข้าไปในที่นั้น ทำให้เขาได้รับความรู้จากไฮพาเทียโดยไม่ตั้งใจ

              “การเป็นทาสทำให้เดวุสรู้ว่า เขาไม่มีทางจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ มันน่าสนใจตรงที่ว่าความใฝ่รู้ของเขานั้นเกิดจากความต้องการที่จะได้ความรักและการยอมรับหรือไม่ ผมไม่อยากทำให้คำถามข้อนี้มีคำตอบ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อตัวละครตัวนี้” แม็กซ์ มิงเกลลา กล่าว

              “เดวุสเปลี่ยนไปเพราะเขาอยากมีบ้าน อยากมีครอบครัว เขาไม่อยากรับใช้ใครอีก เขาอยากเป็นที่รัก อยากเป็นที่ยอมรับ แต่สุดท้าย เป้าหมายเหล่านี้ของเขาก็หายไป เพราะเขาไม่ข้องใจแล้วว่าเขารับใช้คนผิดหรือเปล่า”               


ออเรสทิส  (ออสการ์ ไอแซค)

              ออเรสทิสคือผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่งในอเล็กซานเดรีย เขามาจากตระกูลมั่งคั่งที่สามารถให้การศึกษาเด็กทุกคนในครอบครัวได้ ออเรสทิสมีความสามารถโดดเด่นทั้งทางร่างกายและสติปัญญา เขาเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ และรับบทบาทนี้ได้ทันทีเมื่อเกิดการกบฏครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองอเล็กซานเดรีย

              “สำหรับผม มันสำคัญที่จะทำให้ตัวละครนี้มีอารมณ์ขัน โดยเฉพาะเมื่อออเรสทิสเป็นคนที่ดูอวดดีและบ้าอำนาจ ผมจึงอยากทำให้เขาแตกต่างจากคนชั้นสูงส่วนใหญ่ ผมคิดว่าออเรสทิสคือแบบอย่างของคนที่เชื่อมั่นในทางสายกลาง ผู้ที่บางครั้งสามารถพูดประชดประชันตัวเอง และพูดเสียดสีทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายเขาได้” ออสการ์ ไอแซค กล่าว


ธีออน  (ไมเคิล ลอนสเดล)

              ผู้อำนวยการคนสุดท้ายของห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย และเป็นบิดาของไฮพาเทีย เขาคือนักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์ ผู้ให้การศึกษาลูกสาวโดยไม่สนใจว่าเธอคือเพศหญิงซึ่งยังไม่เป็นที่ยอมรับในยุคสมัยนั้น ไฮพาเทียจึงสามารถเขียนผลงานวิทยาศาสตร์ร่วมกับพ่อของเธอได้

              ไมเคิล ลอนสเดล กล่าวว่า “ธีออนคือชายผู้รังเกียจความคลั่งไคล้ใหลหลงอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขาคือแบบฉบับของคนที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ แต่ก็ไม่ดูถูกเหยียดหยามความเชื่อใดๆ ด้วย เขาเป็นนักปรัชญาเหมือนลูกสาว เขาจึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อค้นหาความหมายของชีวิต ซึ่งรวมทั้งมนุษย์ ดวงดาว โลก และคณิตศาสตร์” 


ไซนีซิอุส  (รูเพิร์ท อีแวนส์)

              การปรากฏตัวของไซนีซิอุสในชั้นเรียนของไฮพาเทีย เป็นข้อพิสูจน์ว่าไฮพาเทียไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชังลูกศิษย์เพียงเพราะเขามีความเชื่อไม่เหมือนเธอ ไซนีซิอุสคือหนึ่งในศิษย์ผู้ชาญฉลาดที่สุดของเธอ และเขาเป็นผู้ศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อคริสเตียน เมื่อเขากลายเป็นบิชอพผู้ทรงอำนาจแห่งซีรีน เขายังคงรักษามิตรภาพกับอาจารย์ของเขาผ่านทางการเขียนจดหมายมากมายหลายฉบับ และสำหรับเพื่อนร่วมชั้นเรียน ไซนีซิอุสถือว่าทุกคนเป็น “พี่น้อง” กับเขา

              “เมื่อผมอ่านบทหนัง ผมประหลาดใจว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมคิดว่ามันน่าสนใจ และรู้สึกหลงใหลช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในยุคนั้น ไซนีซิอุสคือชายผู้ลังเลสับสน เขาเป็นผู้ยึดมั่นในศาสนา แต่ก็เป็นนักศึกษาด้วย ใน AGORA มีตัวละครมากมายที่มีอุดมคติกล้าแข็ง แต่ไซนีซิอุสคือตัวอย่างของนักการเมืองที่แปลกกว่านักการเมืองคนอื่นๆ เขาพยายามทำความเข้าใจโลกและมนุษย์ เพราะไฮพาเทียสอนให้เขาค้นหาความจริงในทุกสิ่ง” รูเพิร์ท อีแวนส์ กล่าว


ไซริล  (แซมมี่ ซาเมียร์)

              เมื่อโป๊ปธีโอฟิลุสผู้เป็นลุงของเขาเสียชีวิตลง ไซริลก็เข้ายึดครองตำแหน่งบิชอพแห่งอเล็กซานเดรีย และเขาก็นำเมืองนี้ไปสู่ความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ไซริลเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีรากฐานอำนาจเช่นเดียวกับไฮพาเทียและออเรสทิส แต่ฐานอำนาจของเขาอยู่ที่ศาสนจักร

              “บทหนังจำนวนมากซึ่งดูเหมือนมีเรื่องราวที่เยี่ยมยอด มักประทับใจคุณในการอ่านครั้งแรกเท่านั้น แต่ไม่ใช่ AGORA ยิ่งคุณอ่านมันมากเท่าไหร่ คุณยิ่งค้นพบความหมายระหว่างบรรทัดมากขึ้น ไซริลเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย เขาพยายามสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวคริสเตียนในอเล็กซานเดรียทีละเล็กทีละน้อย แต่แล้วความปรารถนาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความกระหายอำนาจในที่สุด อิทธิพลที่ไซริลมีต่อชาวคริสเตียนนั้นลึกซึ้งมาก อเลฆานโดร อเมนาบาร์สามารถนำเสนอตัวตนของไซริลออกมาได้เป็นกลาง โดยไม่ระบุว่าเขาเป็นคนดีหรือคนเลว เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ชมตัดสินเอาเอง” แซมมี่ ซาเมียร์ กล่าว


แอมโมนิอุส  (อาชราฟ บารอห์ม)

              แอมโมนิอุสคือพระผู้ทำหน้าที่หลากหลายในโบสถ์แห่งเมืองอเล็กซานเดรีย เขาสนิทสนมและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเดวุส

              อาชราฟ บารอห์ม กล่าวว่า “AGORA คือเรื่องราวที่ลึกซึ้งและเข้มข้นมากเกี่ยวกับการพยายามค้นหาพระเจ้าผ่านทางศาสนาหรือหนทางอื่นๆ ปัจจุบันนี้เราอยู่ในยุคที่เงินตราคือพระเจ้า และหนังเรื่องนี้จะทำให้เรามองย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์ในช่วงที่ศาสนามีอิทธิพลอย่างสูง ต่อมนุษย์ แอมโมนิอุสไม่ใช่ตัวละครที่เข้าใจง่าย ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าถึงสิ่งที่อยู่ในหัวของเขา ผมต้องทำการบ้านอย่างมากถึงจะเข้าใจตัวเขาและสิ่งที่เขาทำ สำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองอเล็กซานเดรียนั้น แอมโมนิอุสเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าเขากำลังปกป้องพระเจ้า”