happy on September 20, 2019, 08:06:58 PM
ทช. ทวงคืนป่าชายเลน 5.2 หมื่นไร่ เดินหน้าปลูกฟื้นฟูไปแล้ว 3 หมื่นไร่
ย้ำชุมชนเป็นส่วนสำคัญในการดูแลป่าชายเลน


เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 62 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นย้ำให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลป้องกันรักษาทรัพยากรป่าชายเลน โดยมุ่งปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มนายทุนที่ยึดครองที่ดินผิดกฎหมาย เพื่อนำพื้นที่กลับมาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์

โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 – 2562 กรม ทช. สามารถดำเนินการทวงคืนพื้นที่ป่าชายเลนทั่วประเทศ ส่งดำเนินคดีจำนวน 1,276 คดี เนื้อที่รวม 52,704.95 ไร่ ผู้ต้องหารวม 451 ราย ในส่วนของพื้นที่ป่าชายเลนภาคตะวันออกสามารถตรวจยึดจับกุม ส่งดำเนินคดีได้จำนวน 429 คดี เนื้อที่รวม 27,480.41 ไร่ ผู้ต้องหารวม 140 ราย



หลังจากที่กรม ทช. ดำเนินการยึดคืนพื้นที่ป่าชายเลนกลับมาแล้ว ได้ทำการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลนทั่วประเทศไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 31,829.33 ไร่ โดยในพื้นที่ป่าชายเลนภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ได้ดำเนินการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลนโดยใช้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรร จำนวน 7,217.38 ไร่ และปลูกโดยวิธีประชาอาสา จำนวน 10,851 ไร่ รวมทั้งสิ้น 18,032.38 ไร่ พร้อมทั้งจะเดินหน้าเร่งฟื้นฟูป่าชายเลนของไทยให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

อธิบดี ทช. กล่าวต่อว่า แม้ประเทศไทยจะมีพื้นที่ป่าชายเลนเหลืออยู่ประมาณ 1.5 ล้านไร่ แต่ก็มีพื้นที่ป่าชายเลนมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ซึ่งประโยชน์ของระบบนิเวศป่าชายเลนมีประโยชน์มากมาย เพราะป่าชายเลน หญ้าทะเล และแนวปะการัง ทำหน้าที่ในการป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่งทะเล ลดการสูญเสียเมื่อเกิดอุทกภัย ป่าชายเลน ยังเป็นแหล่งการขยายพันธุ์และอนุบาลสัตว์น้ำ ชาวบ้านได้ประโยชน์จากการทำประมง และครอบคลุมถึงประโยชน์ ในด้านการดูดซับและกักคาร์บอน หากประเทศไทยสูญเสียป่าชายเลน ระบบนิเวศถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพ มนุษย์เองก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน



ดังนั้น ภารกิจป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนจึงสำคัญเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน ซึ่งอาจมีการปลูกเสริมในส่วนที่เสื่อมโทรมไป หรือปลูกทดแทนส่วนที่ถูกทำลาย ทั้งนี้ กรม ทช. ได้เดินหน้าจัดสรรงบประมาณเพื่อปลูกเสริม โดยมีภาคเอกชนร่วมจัดทำซีเอสอาร์ในหลายๆ พื้นที่ แต่การฟื้นฟูต้องเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่กับงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับ รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชนที่สนใจจะสนับสนุนการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ป่าชายเลนในแต่ละปี แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างแนวร่วมในการปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ต่างๆ อย่างน้อยก็จะช่วยให้ป่าชายเลนสามารถฟื้นฟูเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ขณะเดียวกันการฟื้นฟูไม่ใช่เพียงแค่เอาต้นกล้าไปปักแล้วถ่ายรูป แต่เราต้องคำนึกถึงอัตราการรอดของกล้าไม้เหล่านั้นด้วย ซึ่งภารกิจตรงนี้ชุมชนในพื้นที่จึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก “อธิบดี ทช. กล่าวทิ้งท้าย”