activity on August 30, 2019, 02:39:52 PM


ผนึกกำลัง : นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แถลงข่าวและทำพิธีลงนามความร่วมมือสนับสนุนการแข่งขัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ 2019 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการใช้ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก สะท้อนสู่นโยบายการขับขี่ปลอดภัย รณรงค์ให้คนไทยทุกคนให้ความสำคัญในการขับขี่บนท้องถนน

"กรมการขนส่งทางบก" เปิดแผนอำนวยความสะดวกแฟนโมโตจีพีหลักแสน เน้นรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย เตรียมพร้อมเส้นทาง 100% เพิ่ม"รถโดยสาร-รถรับส่ง"เกือบเท่าตัว








“กรมการขนส่งทางบก” ผนึกกำลัง “การกีฬาแห่งประเทศไทย” ลงนามความร่วมมือผลักดัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 เป็นวาระสำคัญของประเทศไทย ปล่อยแคมเปญใหญ่รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ รวมถึงบูธกิจกรรมอัดแน่นความรู้แก่ผู้มาร่วมงาน เดินหน้าอำนวยความสะดวกแฟนความเร็วหลายแสนคนจากทั่วโลก ด้วยการปรับปรุงเส้นทางให้สมบูรณ์ ขยายถนนส่วนที่เป็นคอขวดลดการจราจรติดขัด เพิ่มรถโดยสารประจำทางจาก กทม.-บุรีรัมย์ กว่า 60 เที่ยวต่อวัน จาก นครราขสีมา-บุรีรัมย์ 120 เที่ยวต่อวัน และรถโดยสารประจำทางไม่ต่ำกว่า 10 เส้นทาง ขณะเดียวกันยังเตรียม ชัตเติ้ลบัส 4 เส้นทางวิ่งรับส่งตลอด 3 วันของการแข่งขัน

ประเทศไทย เตรียมรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2019 สนามที่ 15 รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ ไทยรับบทบาทฝ่ายจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์คลาสรายการนี้

จากความร่วมมือของทั้งภาครัฐ และเอกชน ส่งผลให้ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นศึก โมโตจีพี ครั้งแรกในประเทศไทย ถูกยกให้เป็น “เบสต์ กรังด์ปรีซ์ ออฟ เดอะ เยียร์” พร้อมจำนวนผู้ชมมากที่สุดจากทั้งสิ้น 19 สนาม ขณะเดียวกันยังสร้างเม็ดเงินมหาศาล ตลอด 3 วันของการแข่งขัน

ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวพิธีลงนาม ความร่วมมือและการสนับสนุน การแข่งขัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ 2019 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการใช้ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก สะท้อนสู่นโยบายการขับขี่ปลอดภัยเพื่อรณรงค์ให้เป็นวาระสำคัญของประเทศไทย

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐด้วยกัน เพราะการจัดโมโตจีพีนั้น ไม่ใช่ทางด้านกีฬาที่ได้รับผลประโยชน์อย่างเดียว แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผลดีแก่ประเทศไทยในด้านต่างๆด้วย ทั้งเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตรงตามยุทธศาสตร์ “สปอร์ตทัวริซึ่ม” ของรัฐบาล เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่องค์กรภาครัฐทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ของ ประเทศไทย เพราะผลประโยชน์ที่กลับมาสู่ประเทศไทยนั้นมากมายจริงๆ

“การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกในประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้ชมเดินทางมาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เดินทางโดยโครงข่ายทางบก ฉะนั้นกรมการขนส่งทางบกจึงเป็นหน่วยงานสำคัญมาก ที่ให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยของเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีโครงการความร่วมมือระหว่างกันในการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัย ซึ่งทาง กกท. ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ทางขนส่งทางบกเห็นความสำคัญ และให้ความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้”

นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “เราได้บูรณาการ เส้นทางการเดินทางทางบกให้มีความพร้อมมากที่สุดทั้งเส้นทางหลักของกรมทางหลวงที่จะขยายเส้นทาง เช่น สายบุรีรัมย์-นางรอง  บูรณะผิวทางเดิม ซึ่งเดิมทีเป็นเส้นทางรองให้พร้อมรองรับการเดินทางของแฟนมอเตอร์สปอร์ตจำนวนมาก ปรับปรุงบริเวณคอขวดไหล่ทาง มีการติดตั้งป้ายบอกทางเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัด ภายในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังได้เตรียมแผนการรองรับการแข่งขัน สำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่เดินทางระหว่างจังหวัด ด้วยการเพิ่มเที่ยวรถในช่วงการจัดงาน ในส่วนของ บขส. เส้นทาง กทม. สู่บุรีรัมย์ วันละไม่ต่ำกว่า 60 เที่ยว ต่อวัน เส้นทางนครราชสีมา – บุรีรัมย์ ไม่ต่ำกว่า 120 เที่ยวต่อวัน รถโดยสารประจำทางไม่ต่ำกว่า 10 เส้นทาง

ส่วนการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนที่จะเข้ามาชมการแข่งขันฯ ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีการเตรียมรถ Shuttle Bus 4 เส้นทาง ได้แก่ ท่าอากาศยานบุรีรมย์ - สนามช้างอารีน่า , สถานีรถไฟบุรีรัมย์ – สนามช้างอารีน่า , สถานีขนส่งบุรีรัมย์ – สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และ อบจ.บุรีรัมย์ - สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และมีรถลูป 3 เส้นทาง ได้แก่ วงเวียน รัชกาลที่ 1 - สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต , เรือนจำ - แยกภัทร และ แยกภัทร - แยกกระสัง ซึ่งเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายและระบายคนทั้งขาเข้าขาออกจากสนามได้เป็นอย่างดี” 

อธิบดีกรมขนส่งทางบกยังได้เปิดเผยเกี่ยวกับ แคมเปญรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยสำหรับงานโมโตจีพีในปีนี้ว่า “ปีที่ผ่านมามีผู้ชมจากทั่วโลกเดินทางมาชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใช้รถมอเตอร์ไซด์ โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ เรานำกระเเสดังกล่าวมารณรงค์เพื่อให้เยาวชนเเละคนไทยทุกคน เล็งเห็นความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนักแข่งระดับโลกเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งทุกคนจะต้องสวมหมวกกันน็อค และมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายของตัวเองทุกครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมปลูกฝังให้คนไทยทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน”

ในปีนี้กรมขนส่งทางบก ยังคงมีโครงการความร่วมมือส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน รณรงค์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ปลอดภัยผ่านแข่งขันรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 อีกครั้ง กับแคมเปญ ”ความเร็วใช้ในสนามแข่งเท่านั้น” โดยมีภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ ที่เปิดตัวครั้งแรกในวันนี้ และบูธกิจกรรมในวันงานที่ใหญ่ขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาและอัดแน่นกิจกรรมให้ความรู้ เพื่อเน้นย้ำกับกลุ่มเป้าหมายให้ใช้ความเร็วให้ถูกสถานที่ มีเกมส์การขับขี่แบบใช้ความเร็วในสนามแข่งและถนนจำลองเพื่อการขับขี่อย่างถูกกฎหมายบนท้องถนนอีกด้วย

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า คาดว่าปีนี้จะมีผู้ชมเพิ่มมากกว่าเดิมมาก เนื่องจากปีที่แล้วเราได้รางวัล Best Grand Prix of the year ส่วนในปีนี้ทางสนามยังคงมีแผนในการทำรถรับ-ส่ง เส้นทางภายในสนาม 3 สาย โดยชัตเติ้ลแต๋น ซึ่งปีนี้จะเพิ่มรถบรรทุก 6 ล้อไปด้วยรวมเป็นหลายร้อยคัน เพื่อให้จำนวนเพียงพอกับความต้องการ มีจุดขึ้น-ลงรถให้บริการทั้ง 2 ประตูทางเข้าหลัก สู่ลานกิจกรรม และแสตนด์จุดต่างๆอย่างทั่วถึง

นายตนัยศิริ ยังได้กล่าวถึงแคมเปญ ”ความเร็วใช้ในสนามแข่งเท่านั้น”ของกรมขนส่งทางบกว่า ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างมาก มีการใช้ภาพนักแข่งระดับโลกในการแข่งโมโตจีพี ที่สนามบ้านเรา มาช่วยสร้างความน่าสนใจ นักแข่งเหล่านี้เวลาลงแข่งในสนามแข่งขัน จะมีอุปกรณ์ Safety ต่างๆมากมาย โดยการขับด้วยความเร็ว 220 กม. ต่อชั่วโมง ถือว่าเร็วมากๆ แต่พอนักแข่งเหล่านี้ล้ม แทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บขั้นรุนแรง เนื่องจากมีการป้องกันส่วนสำคัญๆของร่างกายอย่างถูกวิธี”







« Last Edit: August 30, 2019, 02:45:12 PM by activity »