แชฟฟ์เลอร์จับมือมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผนึกกำลังดันโซลูชั่น e - F@ctory
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้บริหารระดับสูง บริษัท แชฟฟ์เลอร์ เทคโนโลยี AG และ KG จำกัด และบริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระดับโลกอย่างเป็นทางการในฐานะเครือข่ายพันธมิตร (e-F@ctory Alliance Network) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด e-F@ctory ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่นที่สนับสนุนบริษัทที่มีมาตรการในการปรับเปลี่ยนการทำงานไปสู่ระบบดิจิทัล และนำเสนอโซลูชั่นอุตสาหกรรม 4.0 ร่วมกัน โดยได้รับเกียรติจาก นายฮาร์ทมุท พัทซ์ ประธานโรงงานอัตโนมัติ–กลุ่มธุรกิจภูมิภาคยุโรป บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (จากซ้ายคนที่ 1), ดร. สเตฟาน สปินด์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายอุตสาหกรรม บริษัท แชฟฟ์เลอร์ AG , (จากซ้ายคนที่ 2) นาย รอลิ ฮันติไคเนน หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรม 4.0 บริษัท แชฟฟ์เลอร์ (จากซ้ายคนที่ 3), นายฮาจิเมะ สุกิยามะ ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับอุปกรณ์ กลุ่มระบบโรงงานอัตโนมัติ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (จากซ้ายคนที่ 4) และนายคาซุอะกิ นาคามูระ วิศวกรฝ่ายขายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม บริษัท แชฟฟ์เลอร์ (จากซ้ายคนที่ 5) ในงานฮันโนเวอร์เมสเซ ประจำปี 2562 บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่นและบริษัท แชฟฟ์เลอร์ เทคโนโลยี AG และ KG จำกัด ผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมระดับโลก ประกาศความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระดับโลกอย่างเป็นทางการในฐานะเครือข่ายพันธมิตร (e-F@ctory Alliance Network) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด e-F@ctory ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่นที่สนับสนุนบริษัทที่มีมาตรการในการปรับเปลี่ยนการทำงานไปสู่ระบบดิจิทัล ดร.สเตฟาน สปินด์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายอุตสาหกรรม บริษัท แชฟฟ์เลอร์ AG กล่าวว่า “การนำเสนอโซลูชั่นอุตสาหกรรม 4.0 ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าได้นั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากบริษัทต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เราเชื่อมั่นว่าด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและความรู้ด้านระบบของแชฟฟ์เลอร์และมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่ร่วมเป็นพันธมิตรด้านยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ จะทำให้แชฟฟ์เลอร์นำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าและตลาดชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิ้นส่วนที่ครบวงจรได้” ภาพจำลองของอุตสาหกรรม 4.0 นั้นโดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และมีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และระบบอุตสาหกรรม 4.0 ที่ประกอบด้วยส่วนประกอบและเครื่องจักรที่ทำงานเชื่อมต่อกันด้วยระบบดิจิทัล เช่น การรวมการทำงานเครื่องจักรและข้อมูลโรงงานเข้ากับระบบการผลิต (MES-Manufacturing Execution Systems) และระบบวางแผนทรัพยากรการผลิตในองค์กร (ERP-Enterprise Resource Planning Systems) ด้านนายโนริยูกิ ชิมิซุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานโรงงานอัตโนมัติ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการร่วมกันในหลายประเทศ ทั้งในยุโรปและเอเชีย ตอนนี้เราพร้อมที่จะขยายความร่วมมือในระดับโลกร่วมกับแชฟฟ์เลอร์” ทั้งนี้บริษัท แชฟฟ์เลอร์ และมิตซูบิชิ อีเล็คทริค จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโซลูชั่นของอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะช่วยลดการหยุดทำงานของเครื่องจักรและช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับลูกค้า เช่น เครื่อง SLMP โปรโตคอล ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบสภาพที่ใช้ในแชฟฟ์เลอร์ โดยมีเซนเซอร์สื่อสารกับโปรแกรมควบคุมของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่ส่งสัญญาณกำหนดค่าคุณลักษณะได้ จากนั้นโปรแกรมควบคุมระบบ (PLC) จะประมวลผลข้อมูลในรูปแบบข้อความธรรมดาและแสดงขึ้นบนหน้าจอ ในส่วนของการรวมข้อมูลที่เพิ่มเติมนั้นจะช่วยให้ระบบตรวจสอบสภาพเชื่อมต่อกับโปรแกรมควบคุมระบบ (PLC) ของโรงงานที่เกี่ยวข้องได้ โดยผ่านเครือข่ายสายเคเบิลและโปรโตคอล Modbus นอกจากนี้บริษัทแชฟฟ์เลอร์ ได้มีส่วนช่วยสร้างแนวคิดการรวมผลิตภัณฑ์เมคคาทรอนิกส์ ระบบตรวจสอบสภาพการทำงานและบริการดิจิทัลเพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นโซลูชั่น 4.0 เข้าไว้ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการสร้างผลิตภัณฑ์ และบริการที่สามารถกำหนดได้เอง โดยมุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพของระบบโดยรวมทั้งหมด บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่นจะเน้นนำเสนอระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีการประมวลผลที่หลากหลาย รวมถึงโปรแกรมควบคุมระบบ (PLC) อินเวอร์เตอร์ หุ่นยนต์ เซอร์โวไดรฟ์ และเอชเอ็มไอ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพให้กับโรงงานได้####
เกี่ยวกับแชฟฟ์เลอร์กลุ่มแชฟฟ์เลอร์เป็นผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมระดับโลก ด้วยการนำเสนอส่วนประกอบ และระบบที่มีความแม่นยำสูงในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และตัวถัง รวมถึงโซลูชั่นตลับลูกปืนแบบเม็ดกลม และแบบธรรมดาสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนมาก กลุ่มแชฟฟ์เลอร์ได้สร้างแนวคิด “การขับเคลื่อนเพื่ออนาคต” เทคโนโลยีของเราสร้างยอดขายได้ประมาณ 14.2 พันล้านยูโรในปี 2561 โดยมีพนักงานประมาณ 92,500 คน แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีสำนักงานสาขากว่า 170 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งที่เป็นโรงงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา และสำนักงานขาย ด้วยการลงทะเบียนสิทธิบัตรมากกว่า 2,400 รายการในปี 2561 แชฟฟ์เลอร์เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสองของเยอรมนีตาม DPMA (สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเยอรมัน)