news on August 23, 2019, 07:37:02 AM

เสียวหมี่ เผยกำไรสุทธิโตเกินคาด หลังไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 71.7%
 
•   ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในทุกเซกเมนต์

•   รายได้รวมนอกประเทศคิดเป็นตัวเลขสูงกว่า 40 %ของรายได้ทั้งหมด


22 สิงหาคม 2562, ประเทศไทย - เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (Xiaomi; Stock Code: 1810) ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตที่ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เปิดเผยผลการดำเนินงานรวมก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี (unaudited) ในไตรมาสที่สอง และผลประกอบการ 6 เดือน ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 (1H2019).

เสียวหมี่เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ของปี 2562 สูงเหนือความคาดหมาย อันเป็นผลมาจากแผนยุทธศาสตร์ การผลิตนวัตกรรมสมาร์ทโฟน ที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ครบทั้งการปฏิบัติการทรงประสิทธิภาพและการเพิ่มการป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มบริษัทรวมเพิ่มขึ้นถึง 20.2 % หรือราว ๆ 95.71 พันล้านหยวน ขณะที่รายได้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 38.6 พันล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นตัวเลขสูงกว่า 40 % ของรายได้รวม กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 5.72 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่ไตรมาสที่สอง รายได้รวมเพิ่มขึ้น 14.8 % หรือประมาณ 1.95 พันล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุง (Non-IFRS Measure) อยู่ที่ประมาณ 3.64 พันล้านหยวน โดยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 71.7 % เมื่อเทียบกับปีต่อปี

ข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับครึ่งปีแรก ปี 2562
•   รายได้รวมอยู่ที่ 95,710 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.2 % เมื่อเทียบปีต่อปี
•   กำไรรวม 12,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี
•   กำไรสุทธิ 5,150 ล้านหยวน
•   กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 5,720 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี
•   กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.214 หยวน

ข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2562
•   รายได้รวมอยู่ที่ 51,951 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 14.8 % เมื่อเทียบปีต่อปี
•   กำไรรวม 7,260 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 28.4 % เมื่อเทียบปีต่อปี
•   กำไรสุทธิ 1,960 ล้านหยวน
•   กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 3,640 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 71.7 % เมื่อเทียบปีต่อปี
•   กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.082 หยวน

นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า “เนื่องจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเสียวหมี่ ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ผลกำไรสูงเหนือความคาดหมายและเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่อยู่ในการจัดอันดับ Fortune Global 500 ประจำปี 2562 ด้วย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจโลกก็ตาม  ซึ่งผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจดังกล่าว เป็นผลสำเร็จมาจากการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโมเดลธุรกิจที่แข็งแรงของเสียวหมี่ ซึ่งเราสัญญาว่าจะเดินหน้าผลักดันงานวิจัยและการลงทุนในการตอบสนองต่อตลาดที่เติบโตของ 5G และ AIoT เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่บริษัทตั้งไว้

อัตรากำไรธุรกิจสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นเป็นผลจากการวางกลยุทธ์มัลติแบรนด์

ในครึ่งแรกของปี 2562 รายได้รวมของเสียวหมี่ ในเซกเมนต์ตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราว ๆ 5.9 พันล้านหยวน ในขณะที่ไตรมาสที่สองเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 32 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สามาร์ทโฟนและการเพิ่มราคาขายโดยเฉลี่ย โดยเว็บไซต์ Canalys จัดอันดับให้เสียวหมี่อยู่ในลำดับที่ 4 เมื่ออิงจากยอดขนส่งสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่ 2 ปี 2562  ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากการที่กลุ่มบริษัทตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมุ่งมั่นผลักดันที่จะทำให้ Redmi เป็นแบรนด์อิสระ นอกจากนี้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ของเสียวหมี่ยังเพิ่มโอกาสการทำกำไร โดยยอดกำไรสุทธิพุ่งสูงขึ้นจาก 3.3% ในไตรมาสแรก ไปอยู่ที่ 8.1% ในไตรมาสสอง ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และในตลาดต่างประเทศก็ประสบความสำเร็จโตทะลุเป้า ที่ 13.3% และ 6.7% ตามลำดับ โดยสมาร์ทโฟน ราคาสูงกว่า 2,000 หยวน คิดเป็น 32.3% ของรายได้ทั้งหมดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน

ในไตรมาสแรกของปี 2562 เสียวหมี่เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Mi 9 และสมาร์ทโฟนตระกูลRedmi Note 7 ในเวลาต่อมากลุ่มบริษัทเสียวหมี่ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงอีกหนึ่งรุ่นในไตรมาสสอง ได้แก่สมาร์ทโฟนตระกูล K20 ซึ่งเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์ความสำเร็จของเสียวหมี่ในการออกแบบกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนให้มีความหลากหลาย โดยในไตรมาสสอง ยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่พุ่งขึ้นถึง 32.1 ล้านเครื่อง โดยมียอดขายในตระกูล Redmi Note 7 สูงถึง 20 ล้านเครื่องทั่วโลก ในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 และนอกจากนี้ยังมียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนตระกูล K20 ทั่วโลก แล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง หลังจากเปิดตัวได้ภายใน 1 เดือนเท่านั้น

ในระหว่างนี้ เสียวหมี่จะยังคงตั้งใจพัฒนาและขยายช่องทางการขายปลีกเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่หลากหลายตั้งแต่ตลาดกลาง ไปจนถึงตลาดบน โดยเสียวหมี่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดตระกูล CC เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2562  ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานผู้หญิง และถือเป็นการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดตลาดในอนาคต นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีกล้องความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล ซึ่งอยู่ในสมาร์ทโฟนกลุ่ม Redmi เป็นกลุ่มแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 โดยกลุ่มบริษัทฯยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้องความละเอียดสูงถึง 100 ล้านพิกเซล มาใช้ก่อนใครเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และยังได้เปิดตัว Mi MIX 3 5G สมาร์ทโฟน 5G ในหลายประเทศที่ยุโรป ส่วนสมาร์ทโฟน 5G รุ่นที่สอง จะเปิดตัวในประเทศจีนในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อพัฒนานำระบบ 5G มาใช้ประโยชน์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ธุรกิจ AIoT เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องโดยเฉพาะในหมวดเครื่องใช้ขนาดใหญ่ภายในครัวเรือน

ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์พุ่งขึ้นสูงถึง 49.3% อยู่ที่ 27 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี  ขณะที่รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2562 จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกันเพิ่มขึ้นถึง 44% คิดเป็น 14.9 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้แล้วรายได้รวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ในไตรมาสสอง ของปีนี้ยังคิดเป็น 28.8% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 22.9%

สมาร์ททีวีของเสียวหมี่ ยังคงเป็นผู้นำที่มียอดการจัดส่งทั่วโลกมากถึง 5.4 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งปีแรก จากการคำนวณต้นทุนผันแปรเฉลี่ย (AVC)  สมาร์ททีวีของเสียวหมี่มียอดการจัดส่งเติบโตถึง 64.9% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งครองอันดับหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่และจัดอยู่ใน 5 อันดับแรกทั่วโลก  โดยในไตรมาสสอง ยอดการจัดส่งรวมทั้งหมดอยู่ที่ 2.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 41.1% เมื่อเทียบปีต่อปี ในทางกลับกันเครื่องปรับอากาศของเสียวหมี่ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย โดยยอดการจัดส่งทะลุเกิน 1 ล้านเครื่องในเวลาเพียงแค่ 8 วัน นับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562

ข้อมูลเมื่อวันที่30 มิถุนายน 2562 จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบ IoT ของเสียวหมี่  นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป มีจำนวนถึง 196 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 69.5% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีผู้บริโภคราว ๆ 3 ล้านคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม IoT จำนวนมากกว่า 5 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 78.7% เมื่อเทียบปีต่อปี ยิ่งไปกว่านั้นในไตรมาสสอง ผู้ใช้งาน Home application ต่อเดือนของเสียวหมี่ยังเพิ่มขึ้นถึง 30.4 ล้านคนทั่วโลก และ มีจำนวนผู้ใช้ AI Assistant ต่อเดือนมากถึง 49.9 ล้านคน ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารด้วยระบบเสียง AI ที่คนนิยมใช้มากที่สุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

บริการอินเตอร์เน็ตที่หลากหลายมีส่วนในการเพิ่มรายได้ให้กลุ่มบริษัท

ในครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้จากการบริการอินเตอร์เน็ตของเสียวหมี่เติบโตขึ้น 22.9% อยู่ที่ 8.8 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนไตรมาสที่สอง รายได้จากบริการอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นขึ้นอีก 15.7% อยู่ที่ 4.58 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี และในเดือนมิถุนายน 2562 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI เพิ่มสูงถึง 34.7%  คิดเป็น 278.7 ล้านคน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ใช้สมาร์ททีวีและ Mi Box เพิ่มสูงขึ้น 53.8% มาอยู่ที่ 22.6 ล้านคนในเดือนมิถุนายน 2562

ในไตรมาสสอง รายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ต อาทิ รายได้จากบริการอินเตอร์เน็ตทีวี บริการอินเตอร์เน็ตต่างประเทศ อีคอมเมิร์ซ Youpin ธุรกิจการเงินอินเตอร์เน็ต ไม่รวมรายได้จากการโฆษณาและเกมส์บนสมาร์ทโฟนในประเทศจีน เพิ่มสูงขึ้นถึง 108.8% คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 36% ของรายได้ทั้งหมดในครึ่งปีแรกของปี 2562 มียอดขายสินค้าที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Youpin เติบโตขึ้นถึง 113.9% อยู่ที่ 3.8 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งนั้นหมายความว่าในเดือนมิถุนายน 2562 ยอดขายสินค้าที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Youpin มากกว่า 65% ไม่ได้มาจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนเสียวหมี่

ธุรกิจต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุโรปตะวันตกมีการเติบโตเร็วที่สุด

ภายในครึ่งปีแรก รายได้ของเสียวหมี่ที่ต่างประเทศเติบโตขึ้น 33.8% หรือราว ๆ 38.6 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งมากกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มบริษัท โดยในไตรมาสสอง รายได้จากที่ต่างประเทศเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 33.1% คิดเป็น 21.9 พันล้านหยวน โดยข้อมูลจากเว็ปไซต์ Canalys เผยว่า ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ใน 5 อันดับแรก ในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และข้อมูลจาก IDC เผยว่าเสียวหมี่ติดอันดับ 4 เมื่อคำนวณจากยอดขนส่งในยุโรปตะวันตก แสดงถึงการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 53.2% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึงเป็นการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในตลาด นอกจากนี้ข้อมูลในไตรมาสสอง ของปี 2562 ยังแสดงว่าสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกันนานถึง 8 ไตรมาส ในส่วนของสมาร์ททีวีเสียวหมี่เองก็ยังคงครองอันดับ 1 ในประเทศอินเดียติดต่อกัน 5 ไตรมาสอีกด้วย

นอกจากนี้เสียวหมี่ยังมุ่งมั่นในการสร้างและขยายช่องทางการขายปลีกทั่วโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 เสียวหมี่ มีการจดทะเบียนร้าน Mi Home แล้วกว่า 520 สาขาในต่างประเทศ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 92.6% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีถึง 79 สาขาในประเทศอินเดีย ซึ่งปัจจุบันมี Mi Store ในประเทศอินเดียมากถึง 1,790 สาขา

เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2553 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 (1810.HK.) เสียวหมี่ บริษัทให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT

ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและการเป็นบริษัทที่โดดเด่นที่สุดในใจของลูกค้า เสียวหมี่ มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เสียวหมี่ ไม่ลดละสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจในราคาเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนบนโลกได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม

ปัจจุบัน เสียวหมี่  เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 196 ล้านผลิตภัณฑ์ (ทั้งนี้ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 80 ประเทศ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นในตลาดสำคัญต่างๆ ด้วยความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของเสียวหมี่  ในเดือนกรกฎาคม 2562 เสียวหมี่ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Fortune Global 500” หรือการจัดอันดับบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก 500 บริษัท ประจำปี 2562 ของนิตยสารฟอร์จูนเป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับที่ 468 และบริษัทยังอยู่ในอันดับ 7 ของประเภทบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวเสียวหมี่  สามารถเข้าชมได้ที่ http://blog.mi.com/en/