“เนเจอร์ฟู้ด” พลิกชีวิตลูกชาวนา สู่ผู้ส่งออกข้าวออร์แกนิคระดับโลก ผ่านการเป็นสมาชิก Thaitrade.com
ลูกชาวนา สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจที่ทำรายได้หลายสิบล้านบาท โดยต่อยอดการทำนาของครอบครัว พร้อมตอบแทนสังคมไปในตัว ผู้ชายคนนี้คือ “คุณมานพ แก้วโกย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนเจอร์ฟู้ดโปรดักส์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง เจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวออร์แกนิคเอาใจคนรักสุขภาพภายใต้ชื่อ ‘เนเจอร์ฟู้ด’ ส่งออกตลาดโลกผ่านออนไลน์ ตอบโจทย์ลูกค้าต่างประเทศ จุดเริ่มต้นธุรกิจ ส่งต่อผลผลิตบ้านเกิดสู่ตลาดโลก คุณมานพ..เล่าว่า เริ่มต้นธุรกิจเมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมเคมี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เห็นชาวนาและเกษตรกรที่เป็นญาติของเรา ทำงานหนัก แต่โดนเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง ราคาผลผลิตตกต่ำ มีหนี้สินมากมาย เลยตัดสินใจช่วยหาช่องทางขายข้าวให้ได้ราคาเพิ่มขึ้น จนพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการข้าวเกรดพรีเมี่ยม ที่เป็นข้าวอินทรีย์หรือ ข้าวออร์แกนิค และต้องซื้อตรงจากเกษตรกรมากกว่า หลังจากได้ศึกษาตลาดและรู้ถึงความต้องการของลูกค้า จึงได้สำรวจเพื่อหาแหล่งปลูกข้าวอินทรีย์ในจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับเดินสายให้ความรู้แก่เกษตรกรที่ปลูกข้าว สร้างแรงจูงใจให้เขาหันมาปลูกข้าวออร์แกนิคว่าดีอย่างไร เพราะรู้ว่าตลาดทั่วโลกสนใจและต้องการ ข้าวออร์แกนิคจากผู้ผลิตโดยตรง “เรามีสัญญารับซื้อข้าวล่วงหน้าด้วยราคาที่เป็นธรรมและสูงกว่าราคาตลาดประมาณ 30-50% และยังช่วยวางแผนการเพาะปลูกสินค้าเกษตรออร์แกนิคและปลอดสารพิษอีกหลากหลายชนิดที่มีมูลค่าสูง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี โดยในปี 2561 กลุ่มลูกค้า 60% เป็นคนไทย แต่ในปี 2562 เราตั้งเป้า จะเพิ่มสัดส่วนผู้ซื้อในต่างประเทศให้มากขึ้น ปัจจุบันเราส่งออกสินค้าไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เยอรมัน และจีน รวมถึงได้เปิดตลาดใหม่ คือ สหรัฐอเมริกา จากรายได้ปีแรกแค่ 5 หมื่นบาท ค่อยๆ ขยับขึ้นมาหลักแสนบาท หลักล้านบาท จนเมื่อปีที่ผ่านมาโตแบบก้าวกระโดด 21 ล้านบาทจากลูกค้าจากต่างประเทศ” เคล็ดลับความสำเร็จ “เนเจอร์ฟู้ด” ได้ให้ความสำคัญในการใช้การตลาดนำการผลิต ศึกษาจนพบว่าประเทศที่สนใจสินค้าข้าวออร์แกนิคหลักๆ จะเป็นประเทศในกลุ่มยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ทำให้ขายข้าวออร์แกนิคได้ราคาสูงกว่าราคาตลาด ทำให้เราต้องขยันศึกษาเรียนรู้พัฒนาธุรกิจและหน้าร้าน ขยันศึกษาคู่ค้าและขยันเสนอขายสินค้า โดยมองว่าการที่เราเป็นผู้ประกอบการรายเล็กก็มีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัวในการทำงานที่สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง ดูแลตอบคำถามลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อครั้งละมากๆ สั่งจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะซื้อสินค้าจากเรา และปัจจุบันลูกค้าพอใจที่จะซื้อโดยตรงจากเกษตรกรมากกว่าซื้อจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเราก็เปรียบเสมือนเกษตรกรนั่นเองจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการทำตลาดออนไลน์ ปัจจุบันบริษัททำการตลาดออนไลน์หลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม จนเมื่อ 4 ปีที่แล้วได้สมัครเป็นสมาชิกบนเว็บไซต์ Thaitrade.com ทำให้มีโอกาสติดต่อกับลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงได้เข้าร่วมกิจกรรมของเว็บไซต์มาโดยตลอด โดยล่าสุดได้เข้าร่วม Business Matching ในงาน THAIFEX - World of Food Asia 2019 งานแสดงสินค้าอาหารแห่งเอเชียครั้งที่ผ่านมา ทำให้มียอดสั่งซื้อในงานจากลูกค้าสิงคโปร์และเยอรมันด้วย “ที่ผ่านมาผมต้องขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐที่ให้การช่วยเหลือมาตลอด โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพราะการเข้ามาเป็นสมาชิกบนเว็บไซต์ Thaitrade.com มีส่วนช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจในคุณภาพของแบรนด์เรามากขึ้น และถือเป็นช่องทางที่ประหยัดที่สุดในโลก ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากต้องการจะเริ่มต้นธุรกิจเหมือนกับผม อยากแนะนำให้ผู้ที่มองหาช่องทางในการส่งออก เข้ามาเป็นสมาชิก Thaitrade.com เพื่อเข้าสู่โลกธุรกิจออนไลน์ที่สร้างยอดขายได้ตลอด 24 ชม. ก่อนที่คุณจะถูกโลกธุรกิจทิ้งไว้ข้างหลัง” คุณมานพ กล่าวทิ้งท้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ หรือสนใจสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักบนแพลตฟอร์มออนไลน์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถสมัครสมาชิก Thaitrade.com เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าทั่วโลก พร้อมรับบริการต่างๆ ได้ครบจบในที่เดียว ณ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ (ชั้น 5) หรือต้องการติดตามข้อมูลการค้าและคำสั่งซื้อจากทั่วโลก สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ Thaitrade.com หรือ Facebook:ThaitradeDotCom และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมด้านการค้าออนไลน์ระหว่างประเทศได้ที่ Thaitrade.com Center โทร. 02 507 7825 หรือ DITP Call Center 1169 หรือ e-mail: contact@thaitrade.com