MSN on March 16, 2019, 12:35:06 PM
“Elevated Returns” จับมือ “ZMICO” เตรียมพลิกวงการอสังหาฯไทย เดินหน้าแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 ตั้งเป้า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ ผลักดัน “Tezos Southeast Asia” จับมือ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” สร้างหลักสูตรบล็อกเชนครั้งแรก มุ่งพาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับภูมิภาค
 
เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์  (Elevated Returns หรือ ER) กลุ่มบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำจากนิวยอร์กที่ทำงานด้านการเปลี่ยนสินทรัพย์ทางการเงินให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จับมือบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ (ZMICO) และเทซอส (Tezos) บริษัทด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังประสบความสำเร็จในการขายโทเคนของโรงแรมเซนต์รีจิส แอสเพน รีสอร์ตด้วยมูลค่ารวม 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ER วางแผนพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์โลกด้วยการเปิดขายหุ้นแบบดิจิทัลในรูปแบบของโทเคน ตั้งเป้ายอดขายโทเคน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นยอดขายโทเคนในไทย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ และวางแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมยื่นคำร้องขอใบอนุญาตซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศไทย โดยบริษัท เอสอี ดิจิทัล จำกัด ในเครือของซีมิโก้ยังได้ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในรูปแบบของเหรียญ (Initial Coin Offering Portal: ICO Portal) จากก.ล.ต.ด้วย การจับมือร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของการจัดการสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัลภายใต้เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย และเพื่อสร้างระบบนิเวศบล็อกเชนที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ยังได้ผลักดันให้ Tezos Southeast Asia จับมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสร้างหลักสูตรและการวิจัยด้านบล็อกเชนเป็นครั้งแรกของประเทศ

นาย สเตฟาน เดอ เบตส์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Returns หรือ ER) กล่าวว่า “เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์มีความตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดรับการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัล (digital transformation) โดยภาครัฐก็ให้การสนับสนุนผ่านนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้ ภายใต้การขยายธุรกิจเข้ามาสู่ประเทศไทยของบริษัทฯ ER จึงได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท หลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) จำนวนร้อยละ 21 รวมมูลค่า 467.1 ล้านบาท เป็นการเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดย ER มีแผนที่จะพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วยการเปิดขายหุ้นแบบดิจิทัลในรูปแบบของโทเคน โดยใช้โมเดลความสำเร็จแบบเดียวกับที่บริษัทฯ เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในสหรัฐอเมริกา กับการระดมทุนได้ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านการขายโทเคนของโรงแรมเซนต์ รีจิส แอสเพน รีสอร์ต ซึ่งถือว่าเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ดิจิทัลของโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกของโลก  ทั้งนี้ ER มีความมั่นใจอย่างยิ่งต่อการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับซีมิโก้ในการให้องค์ความรู้ธุรกิจ การเข้าถึงกฏเกณฑ์ข้อบังคับ ฐานลูกค้าในประเทศไทยและช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศที่กว้างขวาง ในปีนี้ เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการระดมทุนในประเทศไทย โดยเราวางแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือไตรมาสที่ 3 ของปีนี้”

“การขยายธุรกิจเข้ามาในประเทศไทยของ ER เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การทำธุรกรรมทางโทรศัพท์มือถือกำลังเติบโตสูงถึง 74% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดในโลก และอัตราการเติบโตที่สูงเป็นลำดับที่ 2 ในเชิงของจำนวนผู้ถือเงินคริปโตที่ 9.9% ของจำนวนประชากรผู้ใช้อินเทอร์เนตในไทย บริษัทฯ เล็งเห็นว่าก.ล.ต.กำลังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมบล็อกเชนมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก” นาย เดอ เบตส์ กล่าว

การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคน (Tokenization) คือคำที่ใช้อธิบายการแปลงสินทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรืองานศิลปะ ให้กลายเป็นสัญญาดิจิทัลในรูปของโทเคนที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในบล็อกเชน แผนกเทคโนโลยีของERจับมือกับเทซอส ผู้นำในเทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มการทำสัญญาแบบ smart contracts ที่เปิดโอกาสให้องค์กรหรือลูกค้าบุคคลสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยใช้ “Tezos (XTZ)” หน่วยเงินดิจิทัลของบริษัท ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการ smart contract จะช่วยทำให้ ER สามารถเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของโทเคนด้วยความปลอดภัยสูงสุด

“การนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นโทเคนคือกระบวนการที่จะช่วยมอบอิสรภาพในการลงทุนให้กับนักลงทุนเพราะเราไม่จำเป็นต้องมีคนกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์อีกต่อไป นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นให้กับผู้ขายด้วย หากเทียบกับวิธีการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเดิม เพราะเราสามารถลดค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับคนกลางได้ และหากโทเคนมีสภาพคล่องที่ดีก็สามารถเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นได้” นาย เดอ เบตส์ กล่าว

นาย  เดอ เบตส์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ER ให้ความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพราะอสังหาริมทรัพย์ในตลาดโลกเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 228 ล้านล้านดอลลารสหรัฐฯ ทว่าเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำที่สุด อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาว หากเทียบกับเงินสดที่มูลค่าอาจลดลงได้เมื่ออยู่สภาวะเงินเฟ้อ”

นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) (ZMICO) กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญครั้งนี้กับเอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ เพราะเราเชื่อว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะต่อยอดไปสู่การทำงานร่วมกันที่มีความสำคัญ เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ของ ER ประกอบกับความรู้ความเชี่ยวชาญในตลาดไทยของซีมิโก้จะช่วยปฏิวัติธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในแบบเดิมให้เกิดสิ่งใหม่ได้อย่างแน่นอน เรากำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง ทั้งนี้บริษัท เอสอี ดิจิทัล ในเครือของซีมิโก้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการขอใบอนุญาตเพื่อการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในรูปแบบของเหรียญ (ICO Portal) จาก ก.ล.ต. ซึ่งก.ล.ต.จะอนุมัติให้เฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีคนไทยเป็นเจ้าของเท่านั้น การเสนอขายหุ้นครั้งแรกในรูปแบบของเหรียญนั้นต้องผ่านการประเมิน การจัดการ และให้คำแนะนำตามระเบียบใหม่ของการทำ ICO ในฐานะพันธมิตรของ ก.ล.ต. ซึ่งเทียบได้กับการขอใบอนุญาตวาณิชธนกิจเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ดิจิทัล การจับมือกันระหว่างซีมิโก้และ ER จึงถือว่าเป็นการริเริ่มธุรกิจเป็นครั้งแรกในเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”

และเพื่อการสร้างระบบนิเวศของสินทรัพย์ทางการเงินดิจิทัลในประเทศไทย ER จึงอยู่ในช่วงของการเตรียมขอใบอนุญาตซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลกับ ก.ล.ต. ซึ่งใบอนุญาตนี้จะเปิดโอกาสให้บริษัทฯสามารถซื้อขายโทเคนได้อย่างถูกต้องบนแพลตฟอร์มของบริษัท และจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องก่อนหน้านี้

การจับมือเป็นพันธมิตรยังเปิดโอกาสให้ ER และซีมิโก้สามารถแปลงสินทรัพย์ให้กลายเป็นดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มบล็อกเชนของเทซอส สร้างโทเคนผ่าน ICO Portal และจัดหาตลาดรอง (Secondary Market) เพื่อเสนอขายในขั้นแรกได้

สินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกซื้อและแลกเปลี่ยนในหน่วยที่เล็กลงมาก ๆ เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกสามารถถือกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงได้ แนวทางนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดที่เคยอยู่ไกลการเข้าถึงทางการเงิน ทั้งยังเป็นการเปิดช่องทางใหม่ในการระดมเงินทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย นี่คือจุดหมายสำคัญสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะนักลงทุนสามารถซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยเฉพาะการสามารถขายได้ก่อนที่อสังหาริมทรัพย์นั้นๆ จะเปลี่ยนเจ้าของ การจับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

“การบุกเบิกการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสในเชิงบวกให้กับคนไทย รัฐบาล และภาคเอกชนในการเข้าถึงการสร้างแหล่งเงินทุน ส่งเสริมความโปร่งใส และลดต้นทุนค่าดำเนินการ” นายสุเทพ กล่าวเพิ่มเติม

มากไปกว่านั้น เทซอส เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Tezos Southeast Asia หรือ TSA) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่มุ่งส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจและการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ให้แก่เทคโนโลยีบล็อกเชนของ Tezos ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ทำงานร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรและการวิจัยด้านบล็อกเชนเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการในปีการศึกษา 2562 ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ TSA จะออกแบบหลักสูตรเพื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสร้างความรู้ความเข้าใจถึงแนวคิดและพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนของเทซอส ทั้งยังจะมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาและเปิดรับการฝึกงานกับบริษัทสตาร์ทอัพมากมาย ซึ่งสนับสนุนโดย tzVentures โครงการบ่มเพาะและสนับสนุนเหล่าสตาร์ทอัพที่สร้างธุรกิจบนเทคโนโลยีบล็อกเชนของเทซอส ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งแรงส่งเสริมสำคัญที่จะช่วยให้ความร่วมมือระหว่าง ER และ ซีมีโก้ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยี ส่งเสริมประสิทธิภาพภายในประเทศจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เข้ากับคนในประเทศ ความสำเร็จจากความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ในระดับภูมิภาค