sianbun on March 15, 2010, 08:55:35 PM
จาก Bloggang “กะว่าก๋า” ที่มีผู้เข้าชมราวพายุหมุน กว่า 48 ล้านครั้ง สู่ปรากฎการณ์หนังสือ “หมื่นตา ธรรมะ” และโครงการเพื่อสังคม สุดแหวกแนว กระตุ้นคนหัน “ปล่อยวาง”





โลกยิ่งหมุนเร็วขึ้นเท่าไหร่ ความสุขของคนก็ยิ่งลดน้อยลงไปเท่านั้น หลายคนเรียนสูง รู้เยอะ แวดล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงในวงสังคม แต่ลึก ๆ ในใจกลับรู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่ ขาดที่พึ่ง และยังต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อรักษา “สถานะตัวตน” ต่อไปไม่รู้จบ ...จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ความสุขจากความมั่งคั่งร่ำรวย เกียรติยศ ชื่อเสียงนั้นใช่ “ความสุขแท้จริง” แน่หรือ?

          การปรากฏตัวของ Blog ที่ชื่อ “กะว่าก๋า” ได้สร้างกระแสฮิตอย่างมากด้วยมุมมองความคิดอันแยบคาย สร้างกำลังใจให้กับผู้คนจำนวนมหาศาล กระทั่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 48 ล้านครั้งแล้ว ! ซึ่งหนึ่งในสาระดี ๆ จาก Blog “กะว่าก๋า” ก็คือเรื่องราวของ “หมื่นตาธรรมะ” ที่ชวนให้ผู้คนหยุดมองไปยังสิ่งภายนอกรอบตัวเอง และบอกให้หันกลับมา “สำรวจข้างในตัวเอง” อย่างจริงจังแทน

          โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการจัดงานเปิดตัวหนังสือ “หมื่นตา ธรรมะ” ขึ้นที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ สาขาสยามพารากอน โดยสำนักพิมพ์ A THING และ ซีเอ็ดบุ๊ค พร้อมกับการเผยโฉมหน้าของนักเขียนหนุ่ม “กะว่าก๋า” เป็นครั้งแรก

          ผู้เขียน Blog กะว่าก๋า เป็นหนุ่มใหญ่วัย 36 ปีชื่อ นายวีระกิจ อัชรีวงศ์ไพศาล หรือ กิจ ซึ่งเพื่อนพ้องใน Blog ต่างเรียก “พี่ก๋า” ทำกิจการเครื่องหนังอยู่ที่อำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยเขาใช้เวลาตี 5 ถึง 8 โมงของทุกวันในการอัพ Blog และตอบกระทู้ของเพื่อน ๆ ที่เข้ามาโพสต์ไว้ รวมทั้งเป็นผู้เขียนการ์ตูนยอดฮิต “หมื่นตาธรรมมะ” ที่มีการ Forward ทางอีเมล์กันจนนับครั้งไม่ถ้วน !! และหมื่นตาธรรมะ นี่เองที่ได้ช่วยให้หลายคนเกิดอาการ ปิ๊งแว๊บ จนสามารถหยุดความเสียใจ ความฟุ้งซ่าน ความทุกข์ และการฆ่าตัวตาย มาได้แล้ว !!! 

          “Blog  กะว่าก๋า เริ่มมีขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน พูดถึงเรื่องราวที่หลากหลาย ทั้งชีวิต ความรัก ภาพถ่าย ปรัชญา การตาย ...จุดกำเนิดของหมื่นตามาจากคำถามของเพื่อนบล็อกชื่อ คุณหมอแมนต้า เขียนคำถามเกี่ยวกับความรักส่งมา ผมจึงคิดวิธีตอบคำถามของคุณหมอแมนต้า เลยดัดแปลงชื่อคุณหมอ “แมนต้า” ให้กลายเป็น “หมื่นตา” และสร้างคาแรกเตอร์หมื่นตาให้มี “ตาเดียว” ซึ่งในที่นี้หมายถึง การรู้จักตัวเอง..” นายวีระกิจ เล่า

“หมื่นตา … อาจเป็นตัวแทนของคนที่เรียนสูง หรือ คนที่ผ่านโลกมาเยอะก็ได้ คนส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองต้องเก่ง ต้องรู้ไปเสียทุกอย่าง แต่แน่ใจหรือว่ารู้จริง ซึ่ง หมื่นตา จะพาให้ทุกคนเดินทางไปรู้จักสิ่งที่ควรรู้มากที่สุด คือ “ตัวเอง”...ซึ่งผมหวังว่าเรื่องในแต่ละตอนของ “หมื่นตา” นั้นน่าจะมีสักตอนหรือสักประโยคที่จุดประกายบางอย่างให้ผู้อ่านได้รู้สึกอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น และมีความสุขในการใช้ชีวิต ซึ่งในวันนี้ หมื่นตา มีมากกว่า 200 ตอนแล้วที่อยู่ใน  Blog ของกะว่าก๋า” 

ทุกวันนี้คนรู้เรื่องข้างนอกดีทุกอย่าง รู้วิธีทำธุรกิจ รู้หนทางสู่ความร่ำรวย การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ การสร้างชื่อเสียงเกียรติยศ ... แต่กลับไม่รู้ว่าทำอย่างไรตัวเองถึงจะมีความสุขจริง ๆ เสียที

“สมัยที่ผมเรียนจบและทำงาน ผมรู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะผมเป็นคนจริงจังกับชีวิตมาก ทำไมทุกคนไม่ทำตามความต้องการของผม ตอนนั้นมันเหมือนว่าผมยืนอยู่ตรงกลาง เพื่อให้โลกมันหมุนตามผม ผมอยากหลุดออกจากทุกข์ เพราะทำงานก็ไม่มีความสุข จะรักใครก็รักไม่ได้ เพราะว่าเรายังไม่รักตัวเอง ทุกข์ที่สุดของคนก็คือทะเลาะกับตัวเอง และส่งผ่านความทุกข์นี้ไปถึงคนรอบข้าง คิดแต่ว่าทำไมคน ๆ นั้นไม่ทำเหมือนเรา ไม่ทำอย่างที่เราต้องการ”

อย่างไรก็ดี ...ยังมีอีกหนึ่งหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง นายชัยพัฒน์ ทองคำบรรจง หรือ หนุ่ย วัยเพียง 27 ปี ได้นำ “หมื่นตา” ไปต่อยอดจนกลายเป็นหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คชื่อ “หมื่นตาธรรมะ” และเพียงวางแผงได้ไม่ถึงเดือน “หมื่นตาธรรมะ” ก็ติดอันดับ Best Seller ของ ซีเอ็ดบุ๊ค ไปแล้ว  นอกจากนี้ “หนุ่ย” ยังได้สร้างโครงการเพื่อสังคมแหวกแนวดี ๆ ที่ชื่อ “มอบข้อคิดเพื่อสังคม เพาะบ่มจิตใจให้ ปล่อยวาง” ขึ้นอีกด้วย 

          นายชัยพัฒน์ หรือ หนุ่ย เล่าว่า “ผมจบเอแบค ด้านวิศวะคอมฯ ไม่เคยสนใจธรรมะ ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งผมได้ไปบวชที่วัดป่าเพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่ จึงได้พบว่าธรรมะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก ๆ โดยช่วยให้ผมได้ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจชีวิต ปล่อยวางและไม่ทุกข์ ...หลังจากนั้นผมได้รับ forward mail เรื่องหมื่นตา พูดถึงธรรมะในแบบที่เข้าใจง่าย จึงอยากจะตอบแทนธรรมะในแบบง่ายๆ ให้สังคมบ้าง ..ผมทำงานเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการที่บริษัท แพคเกจจิ้ง แห่งหนึ่งและผมโชคดีที่ได้กำไรจากการเล่นหุ้นและตลาด       TFEX มามากพอสมควร เลยอยากจะนำเงินที่ได้มานี้ทำหนังสือ“หมื่นตา” ออกเผยแพร่ .. ผมคิดว่าถ้าคนเรามีมากพออยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีมากมาย ดั่งคำที่ว่า พรใด ๆ ในโลกหล้าไม่มีค่าหากไม่รู้จักพอ.. ผมจึงตัดสินใจบินไปหาเขาที่เชียงใหม่เลย เพื่อขอทำหนังสือหมื่นตา” 

“หลังจากผมทำหนังสือ หมื่นตา ธรรมะ ออกมาแล้ว ด้วยความรู้สึกที่อยากเผยแพร่ ผมตัดสินใจเอาตอนที่ผมชอบออกมาพิมพ์แจกเป็นธรรมทานฟรี เพราะอยากให้ทุกๆคนได้มีโอกาสได้รู้จักข้อคิดที่ดีมากๆของตอนนี้ จึงตัดสินใจพิมพ์ออกมาจำนวน 5,000 เล่ม ในชื่อตอน “ช่าง มัน เถิด” นำไปไว้ที่วัด และตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ปรากฏว่ากลายเป็นกระแสที่แรง โรงพยาบาลต่าง ๆ โทรมาขอ บอกว่าผู้ป่วยได้อ่านแล้วชอบกันมาก  มีทั้งโทรศัพท์และอีเมล์จากคนทั่วไปโทรมาสั่งซื้อจนพิมพ์ไปกว่า 53,000 เล่มแล้วภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ บางคนก็บอกว่าจะพิมพ์แจกในงานบวชลูก งานศพ งานต่าง ๆ สำหรับรายได้จากการทำหนังสือ 5 บาท (เล่มเล็กตอนเดียว) และพ็อคเก็ตบุ๊คหมื่นตา ธรรมะนี้ ผมวางแผนว่าจะนำไปใช้ในการพิมพ์หนังสือเพื่อเป็นธรรมทานหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่การทำเพื่อหากำไรทางการค้าครับ”

                โดย หนุ่ย-ชัยพัฒน์ ยังต่อยอดหนังสือ “หมื่นตา” ด้วยการเปิดโครงการเพื่อสังคมในชื่อ“มอบข้อคิดเพื่อสังคม เพาะบ่มจิตใจให้ปล่อยวาง”  เชิญชวนให้คนทั่วประเทศได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การปล่อยวางจนสามารถทำให้ชีวิตพ้นจากความทุกข์ไปได้ “ แนวคิดนี้มาจากการที่ผมได้รับ อีเมล์ จากผู้ได้อ่านหนังสือเล่มเล็ก “หมื่นตา” แล้วเขียนมาขอบคุณบ้าง มาเล่าประสบการณ์ตัวเองหลังจากอ่านหนังสือไปแล้วว่า ช่วยให้พวกเขาเกิดปิ๊งแว๊บ จนผ่านความทุกข์ที่กำลังประสบมาได้อย่างไร ผมจึงคิดรวบรวมเรื่องราวการปล่อยวางของแต่ละคน และจัดทำเป็นหนังสือ แล้วก็ส่งต่อให้ทุกคนได้อ่าน ตั้งใจว่าจะให้เป็น Reality ที่ให้คนได้เข้ามาเรียนรู้ประสบการณ์การปล่อยวางของผู้อื่น เผื่อว่าอาจจะมีสักเรื่องที่ตรงกับชีวิตคุณ และช่วยให้คุณคิดได้ ปล่อยวางเป็นโดยสามารถสมัครร่วมโครงการนี้ได้ฟรี ที่สำนักพิมพ์ A THING หรือติดต่อไปที่ อีเมล์ athingbook@hotmail.com”

          ข้อสำคัญ ทั้ง ก๋า และ หนุ่ย ก็ได้ตกลงกันว่าผลงาน “หมื่นตา” ใน  Blog กะว่าก๋า ยังคงเผยแพร่ให้ผู้สนใจเข้าไปอ่านได้ฟรี ดังนั้นผู้สนใจสามารถเข้าไปที่ บล็อกของ “กะว่าก๋า” http://kawaka.bloggang.com หรือที่ www.athingbook.com 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ในสังคม ผู้ไม่ปล่อยตัวไปตามกระแสโลก พวกเขาได้เรียนรู้และต้องการแบ่งปันแนวคิดให้กับเพื่อนร่วมสังคมว่า ... “หมื่นรู้  มิสู้ปล่อยวาง” ...
« Last Edit: March 16, 2010, 10:39:18 AM by sianbun »