YAHOO on November 26, 2018, 03:52:14 PM
“พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” เวทีสร้างฝัน “นักบิดไทย” สู่ “โมโตจีพี”









PTT BRIC Super Bike สนาม 4 2018
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ROzfnYfDb1s" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ROzfnYfDb1s</a>

สัมภาษณ์ คุณ โอ็ต หลังจบการแข่งขัน PTT BRIC 2018
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=3Vi_JIi8iQ8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=3Vi_JIi8iQ8</a>


การจับมือกันของ “สนามข้างฯ” และ “พีทีที” ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในการผลักดันให้การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ขยับขึ้นสู่เรซที่ดีที่สุดของประเทศไทย ขณะที่บอสใหญ่ “บิ๊กเน”เนวิน ชิดชอบ ฝันอยากเห็นเด็กไทยลงบิดในโมโตจีพี เชื่อฝันของคนไทยเป็นจริง ชี้พร้อมยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลุกปั้นทีมแข่งไทย-นักบิดไทยสู่วงการแข่งขันระดับโลกในอนาคต

สนามช้างฯ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สังเวียนความเร็วระดับโลกของคนไทย ประสบความสำเร็จมากมายกับการรองรับเรซชิงแชมป์โลก ไม่ว่าจะเป็น โมโตจีพี หรือ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ รวมถึงรายการระดับทวีปอย่าง เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเรซที่ดีที่สุดของ เอเชีย


นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผู้ก่อตั้งสนามระดับโลกในเมืองไทย ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ให้ก้าวสู่การเป็นเมืองมอเตอร์สปอร์ตแห่งใหม่ของโลก เผยว่า พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนานักบิดไทยให้เติบโตขึ้นตามรูปแบบสากล ซึ่งมีจุดหมายปลายทางสู่การแข่งขันระดับโลก

สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรก กับจำนวนผู้ชมตลอดทั้ง 3 วันสูงที่สุดในฤดูกาล 2018 ด้วยตัวเลข 222,535 คน พร้อมได้รับคำชื่นชมจาก ดอร์น่า สปอร์ต ฝ่ายลิขสิทธิ์ และทีมแข่งทุกทีม โดยมี เรดบูลล์ ริง ประเทศออสเตรีย (206,746 คน) เป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นสังเวียนระดับตำนานของโลกอย่าง เลอ มองส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส (206,617 คน)

“การจัดโมโตจีพีให้ดีที่สุด ไม่ใช่ความฝันสูงสุดของผม แต่ความฝันของผมคือการได้เห็นเด็กไทยในการแข่งขันโมโตจีพี ไม่ใช่รุ่น โมโตทรี หรือ โมโตทู แต่หมายถึงคลาสสูงที่สุดอย่าง โมโตจีพี ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนในรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ จะทำให้ฝันของผมและฝันของคนไทยเป็นจริง” นายเนวิน กล่าว

ขณะเดียวกัน นายใหญ่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เผยถึง การแข่งขันที่ปลุกปั้นขึ้นเองอย่าง พีทีที บีอาร์ไอซซี ซูเปอร์ไบค์ ว่า “สำหรับการแข่งขัน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ใน 3 ปีที่เราเริ่มกันมา เราถือว่าทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน หลายคนไม่คิดว่าเราจะไม่สามารถเติบโตและยิ่งใหญ่ได้ขนาดนั้น วันนี้ถ้าพูดถึงในเรื่องของความเร็ว ความพร้อม การพัฒนาการของวงการสองล้อ ผมเชื่อว่ารายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ คือรายการที่ดีที่สุด คือเบอร์หนึ่งของไทย” นายเนวิน เผย

“ในนามของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ผมขอบคุณที่ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความเหนียวแน่น และก้าวไปด้วยกันเพื่อพัฒนาไปสู่การแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะ ปตท. ที่ก้าวเข้ามาเป็นกำลังสำคัญของการจัดการแข่งขัน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ในอดีตผมเคยพูดว่าเราจะจัดการแข่งขันโมโตจีพี ที่สนามแห่งนี้ให้ได้ หลายคนไม่เชื่อ แต่เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำได้ ซึ่งมันเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของพวกเราทุกคนและยิ่งตอกย้ำแนวทางการพัฒนาการแข่งขันในเมืองไทย”

นายวงศ์สถิต สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดในประเทศและเทคนิคหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ กล่าวว่า “บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีกจำกัด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนรายการนี้ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นพัฒนาการ ของรายการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบประเทศไทย ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น”







SuperBike 1000cc.


Super Stock 1000cc.


Super Sport 600cc.


open400cc


“ในปีนี้เราได้เห็นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ซึ่งถือว่าเป็นมอเตอร์สปอร์ตแบบสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และ พีทีที ก็เป็นผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งเรามองเห็นความสอดคล้องของการแข่งขันในประเทศ ที่จะสามารถสร้างนักบิดไทย ทีมแข่งไทยให้แข็งแกร่ง จนพัฒนาไปสู่การแข่งขันในระดับโลกได้ เราขอยืนยันว่าจะยังคงสานต่อในการร่วมพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง”

ปัจจัยสำคัญที่เป็นแรงขับให้ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบในประเทศไทย คือ การยึดมาตรฐานการแข่งขันในแบบสากล นำรูปแบบหลายอย่างของเรซระดับโลกมาประยุกต์ให้เข้ากับทีมแข่งของไทย และรูปแบบธุรกิจมอเตอร์สปอร์ตของเมืองไทย


นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลทุกโปรเจ็กต์ของสังเวียนแห่งบุรีรัมย์ รวมถึงการริเริ่มจัดการแข่งขัน พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ เชื่อว่าการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายการนี้ จะช่วยให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยนั้นแข็งแกร่งขึ้น ด้วยศักยภาพของทีมแข่งที่เพิ่มสูงขึ้น นักบิดที่เข้าใจวิถีแห่งมอเตอร์สปอร์ตอาชีพมากขึ้น ทำให้มีการวางแผนต้อยอดกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬาความเร็วได้ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา

“ในปี 2018 ของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ เราเห็นได้ชัดว่าการแข่งขันนั้นเข้มข้นทุกสนาม ไม่มีสนามใดเลยที่แพ้ชนะกันแบบขาดลอย ซึ่งในปีนี้เราเห็นได้ชัดว่าการขับเคี่ยวนั้นมีความเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังมีการสลับสับเปลี่ยน การย้ายทีมของนักบิดทีมต่างๆ ทำให้ การต่อสู้ของทีมเล็กๆ หรือทีมที่ไม่ใช่ทีมโรงงานนั้นมีความใกล้เคียงกันมากขึ้น”

ด้วยการนำรูปแบบของเรซระดับโลกมาใช้กับการแข่งขันในเมืองไทย ส่งผลให้สร้างจุดเปลี่ยนให้กับทีมแข่งไทย โดย นายตนัยศิริ ชี้ว่า “สิ่งสำคัญคือหลายทีมมีศักยภาพสูงขึ้น ทีมเล็กๆ สามารถขยับขึ้นมาต่อสู้กับทีมใหญ่ๆ ได้ นี่คือหนึ่งในก้าวสู่เป้าหมายของเราในฐานะผู้จัดการแข่งขัน โดยผู้ชนะสามารถที่จะเป็นใครก็ได้”

นอกเหนือจากการแข่งขันแล้ว วัฒนธรรมการแสดงออกของแต่ละทีมก็ยกระดับขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสีสันต่างๆ ในการฉลองแชมป์ แต่ละทีมมีการผลิตเสื้อฉลองแชมป์เบอร์ 1 ธงฉลองแชมป์ หมวกสีทอง

“นั่นคือเป้าหมายของเราตลอด 3 ปีที่จัดการแข่งขันมา คือเราอยากให้การแข่งขันมีมาตรฐานสูงทึ่สุด ผมเชื่อว่าเราได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว แต่สิ่งที่อยากให้เพิ่มเข้ามาคือเรื่องของสีสันและความบันเทิงที่สามารถสัมผัสกับแฟนๆ ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเกมความเร็วที่ใครๆ ก็ดูได้”

เส้นทางในอนาคตของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ถูกวางไว้อย่างชัดเจน โดย กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างฯ เปิดเผยถึงแนวทางระยะยาวว่า “สิ่งที่เราต้องการรักษาไว้มากที่สุด คือมาตรฐานการแข่งขัน ความรัดกุมของกติกาของรุ่นใหญ่ๆ รุ่นของการแข่งขันหลักๆ เอสบี1, เอสบี2 รวมถึง เอสที 1 จะยังคงไว้เหมือนเดิม เพราะเราต้องการให้คงไว้ซึ่งรุ่นการแข่งขันที่ไม่เยอะมาก เพื่อให้มีคุณภาพสูงที่สุด ส่วนรุ่นอื่นๆ อาจมีการปรับกติกาเทคนิคบ้างเล็กน้อย เพื่อให้มีสีสันและสนุกมากขึ้น ส่วนเรื่องของการจัดในรูปแบบอินเตอร์เนชั่นแนลเรซ จะเห็นได้ว่าในปีนี้เรามีทีมแข่งต่างชาติเริ่มเข้ามาชิมลางและในปีหน้าเชื่อว่าจะมีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญของเราในปี 2019 ด้วย”

ด้าน “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมเปี้ยนในคลาสสูงสุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. เอสบี1 ที่ครองบัลลังก์สูงสุดไว้ได้ 2 ปีติดต่อกัน เปิดเผยว่าปี 2018 เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ยากขึ้นในการชิงแชมป์ประจำปี

“ปีนี้เป็นอีกปีที่การชิงแชมป์ในแต่ละสนามยากขึ้นเรื่อยๆ คู่แข่งจากทีมอื่น และทีมเมทของผมต่างก็พัฒนาตัวเองขึ้นมา ทำให้สร้างความกดดันมากพอสมควร แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถคว้าแชมป์ประจำปี 2 สมัยติดต่อกันได้ คือการมีทีมช่างที่ดี ซึ่งมีส่วนในการพัฒนารถแข่งและเซ็ตอัพได้ดีในทุกๆ สนาม”

“การเทรนนิ่งที่ถูกวิธีและเหมาะสมกับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ ทำให้สามารถควบคุมรถแข่งได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำสิ่งที่แตกต่างซึ่งยากกว่าเดิมได้มากขึ้น และเชื่อว่านี่จะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับนักแข่งรถทุกคน หากอยากประสบความสำเร็จ เพราะนักแข่งรถระดับโลกทุกคนต่างก็มีโปรแกรมการออกกำลังกาย และเทรนนิ่งที่เข้มงวดเพื่อให้สามารถใช้สำหรับการแข่งขันระดับโลกที่โหดมากจริงๆ”

“สำหรับการคว้าแชมป์ประจำปี 2 ปีติดต่อกัน ในรายการนี้ร่วมกับ คอร์ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ ผมมีความสุขมากที่ได้ทำงานร่วมกับทีมที่มีระบบการจัดการแบบมืออาชีพ และพร้อมที่จะพัฒนาไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปีหน้าเราก็จะลงแข่งขันในรายการ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์เช่นเคย แต่จะมีเพิ่มโปรแกรมแข่งขันในรายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ รุ่น เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. ซึ่งจะเริ่มแข่งขันกันในปี 2019”

“ส่วนตัวผมมองว่า พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ คือรายการที่ดีมากๆ นะครับ มาตรฐานสูงและพยายามยกระดับการแข่งขันในไทยไปสู่ระดับสากล ผมเชื่อว่านี่คือหนึ่งในเวทีสำคัญของนักแข่งไทยทุกคน ทีมแข่งไทยทุกคนที่จะได้พัฒนาตัวเอง ก่อนไปสู่เกมในระดับทวีปและระดับโลกต่อไป”

องค์ประกอบสำคัญของ พีทีที บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ นับตั้งแต่การจัดการแข่งขันที่มีมาตรฐานสูง การดึงรูปแบบของเรซระดับโลกจากประสบการณ์รองรับการแข่งขัน โมโตจีพี และ เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มาใช้กับเรซในไทย

กอปรกับการก้าวเข้ามาเดินร่วมเส้นทางเดียวกันของผู้สนับสนุนที่มีศักยภาพ ส่งผลให้ทางสู่ความฝันในการมีนักบิดไทยใน “โมโตจีพี” ที่ไม่เคยถูกเขียนขึ้นมานั้น มีความชัดเจน มีลำดับขั้นที่ชัดเจน และมีความเป็นไปได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย...
« Last Edit: November 26, 2018, 03:58:41 PM by YAHOO »