activity on November 26, 2018, 09:00:50 AM
งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 "THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2018 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

BENZ TTC Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles เบนซ์ ทีทีซี ขนทัพเบนซ์ยูสคาร์ มาตรฐานเยอรมันบุกมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018



          เบนซ์ ทีทีซี ทุ่มงบ 10 ล้านขนทัพรถเบนซ์มือสองคุณภาพสูงมาตรฐานเยอรมัน ร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 หลังได้สิทธิ์เป็นผู้นำร่องจำหน่ายรถเบนซ์มือสองอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles บนพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตร โชว์ยูสคาร์พร้อมจำหน่าย กว่า 30 คัน ชูไฮไลท์รถเด่นราคาโดน C 350e Estate AMG Dynamic ราคาขาย 2.69 ล้านบาท Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC ราคา 3.24 ล้านบาท และสุดยอด สปอร์ต SLC300 Roadster ราคาขายเพียง 3.49 ล้านบาท

          นายอัครินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีซี มอเตอร์ จำกัด ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการสาขาพัฒนาการและอุบลราชธานี เปิดเผยว่า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้มีโอกาสสัมผัสและใช้งานรถยนต์มือสองคัดเกรด คุณภาพเยอรมันได้ง่าย ในฐานะที่ เบนซ์ ทีทีซี มอเตอร์ ได้รับความไว้วางใจจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ให้เป็นผู้ จำหน่ายรถยนต์มือสองคัดเกรด ตามมาตรฐานเบนซ์ เยอรมันในโครงการภายใต้ชื่อ เรียกอย่างเป็นทางการว่า Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles นั้น ในโอกาสงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ประจำปี 2018 ที่จะจัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2561 นี้ บริษัทได้นำรถมือสองตามโครงการดังกล่าวเข้าร่วมโชว์และจัดจำหน่ายภายในงานนี้

          "การออกบูธในงาน Motor Expo 2018 มหกรรมยานยนต์ประจำปีนี้ ทางเบนซ์ ทีทีซี ยังคงได้สิทธิ์ออกบูธในส่วนของรถยนต์มือสองเหมือนเช่นเคยมากว่า 16 ปี สำหรับครั้งนี้ ทีทีซีเป็นผู้นำการจำหน่ายรถยนต์มือสองภายใต้ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตรสามารถจอดรถได้ 17 คัน โดยเราใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาทออกแบบบูธด้วยรูปแบบดีไซน์อันทันสมัยและครบครันตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์" นายอัครินทร์กล่าว

          สำหรับชื่อ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles เปิดตัวขึ้นในประเทศไทย โดยผู้แทนจำหน่ายเบนซ์อย่างเป็นทางการทุกรายที่ต้องการจำหน่ายเบนซ์มือสองจะต้องใช้ชื่ออย่างเป็นทางการแบบเดียวกันคือ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles พร้อมด้วยมาตรฐานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีคุณภาพเทียบเท่ารถใหม่ รถยนต์ทุกคันต้องผ่านการรับรองและตรวจสอบด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยกว่า 200 จุดตลอดทั่วทั้งคัน ปลอดภัยสูงสุดด้วยอะไหล่แท้ และงานซ่อมที่ได้มาตรฐานโดยทีมช่างผู้ชำนาญการ

          รถที่นำมาจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นรถของผู้บริหารจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ,รถเดโมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และรถเดโมจากเบนซ์ ทีทีซี , รถเทรดอินที่คัดสรรมาจำหน่ายในงานนี้ของเบนซ์ ทีทีซี ตามโปรแกรมปกติรถมือสองของ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles ต้องมีอายุไม่เกิน 8 ปีหรือเลขไมล์ไม่เกิน 150,000 กิโลเมตร แต่รถที่ ทีทีซีเราคัดมาจำหน่ายภายในงานนี้อายุไม่เกิน 3 ปี หรือเลขไมล์ไม่เกิน 50,000 กิโลเมตร ซึ่งลูกค้าที่ซื้อรถมือสองจากเราจะได้รับประกัน 1 ปี กรณีหมดรับประกันจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)

          นายอัครินทร์กล่าวต่อว่า ภายในงานนี้มีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ซึ่งถือเป็น ไฮไลท์ราคาน่าสนใจ หลากหลายรุ่น อาทิ C 350e Estate AMG ราคาขาย 2.69 ล้านบาท Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC ราคา 3.24 ล้านบาท และสุดยอดสปอร์ต SLC 300 Roadster ราคาขายเพียง 3.49 ล้านบาท เป็นต้น ภายในงานนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดให้มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองและออกรถในงาน จะได้รับฟรีประกันภัยชั้น 1 ระยะเวลา 1 ปี และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเทียบเท่ารถมือ 1 นอกจากนี้ยังมีรถอีกหลากหลายรุ่น ที่ตอบโจทย์และไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกท่าน อาทิ รถ plug-in hybrid แบบซีดาน , รถอเนกประสงค์ SUV และอื่นๆ พร้อมเงื่อนไขพิเศษ รวมทั้งของที่ระลึกอีกมากมายซึ่งลูกค้าจะต้องพึงพอใจ

          ทั้งนี้มาตรฐานรถ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned Vehicles by TTC นั้นต้องได้รับการรับประกัน 1 ปีหรือ 20,000 กม. รับประกันสูงสุด 2 ปีหรือ 40,000 กม.(เลือกรับโปรแกรมเพิ่มเติมขยายความคุ้มครองยาวนานสูงสุดเป็น 2 ปีหรือ 40,000 กม.หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง) , บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. โดย Star Assist, ผ่านการตรวจสอบ Multi-Point Vehicle Check ตรงตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ,รถยนต์ไม่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงใดๆ, สามารถตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการได้ , บริการทดลองขับจริงก่อนการตัดสินใจซื้อ และบริการข้อเสนอด้านการเงินและการประกันภัยที่ดึงดูดใจ พบกับ Mercedes-Benz Certified Pre-Owned by TTC ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 บูธ C02 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 นี้

          อนึ่งเบนซ์ ทีทีซี มีศูนย์จำหน่ายและบริการ 2 สาขา คือสาขาพัฒนาการ 45 โทร.1274 , 02-322-2222 และ สาขาอุบลราชธานี โทร. 045-745-222 , www.benzttc.com , www.facebook.com/BenzTTC
« Last Edit: December 02, 2018, 12:56:15 PM by activity »

activity on December 02, 2018, 12:56:48 PM
Gossip News: “ประวิชย์” บิ๊กบอสแห่งคิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. สั่งทีมลุยงาน MOTOR EXPO 2018 เต็มที่!



          บิ๊กบอสแห่ง บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. ประวิชย์ ศรีบัณฑิตมงคล งานแน่นไม่ขาดสาย ส่งท้ายปี ด้วยบิ๊กไฮไลท์โปรเจคของประเทศ กับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 Thailand International Motor Expo 2018 ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท สื่อสากล จำกัด มาติดต่อกันกว่า 20 ปี เรียกได้ว่าครองตลาด งานออกแบบ ตกแต่ง ก่อสร้างมาอย่างยาวนาน พร้อมขนทีมงานมือดีระดับท็อป ลุยงานรองรับความต้องการ ของลูกค้าอย่างเต็มที่ ใครอยากรู้ว่าปีนี้ไฮไลท์ของงานเป็นอย่างไร ต้องมาชมในงาน Motor Expo 2018 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 - 10 ธันวาคม 2561 ณ Challenger 1-3 IMPACT เมืองทองธานี ลุยสร้างงานดี งานคุณภาพขนาดนี้ เปิดปี 2019 มาโปรเจคแน่นแน่นอน เพราะบอสแอบกระซิบมาว่า งานทุกงานทำด้วยใจ เน้นคุณภาพ และไม่เคยมองข้ามเรื่องสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

activity on December 02, 2018, 12:57:21 PM
ฟอร์ดจัดทัพรถยนต์ทุกรุ่นมาแสดงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ



          นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เดินหน้าจัดแสดงผลิตภัณฑ์เรือธงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปี ณ งานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561
          - ฟอร์ดมอบข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปีสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป และที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม
          - พบกับ ฟอร์ด มัสแตง รถยนต์ในตำนานในงาน พร้อมแคมเปญ #Mustang1DayChallenge ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ร่วมสนุกในกิจกรรม เพื่อลุ้นเป็นผู้โชคดีเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้มีประสบการณ์สุดเร้าใจกับรถสปอร์ตระดับไอคอน 1 วันเต็ม
          - ฟอร์ดมอบโปรแกรมขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ (Premium Extended Warranty) สำหรับลูกค้าที่ออกรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2561 เป็นเวลา 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

          ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดฉากงานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 จัดแสดงรถยนต์เรือธงรุ่นใหม่ของฟอร์ดที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ ที่มากับข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปี พร้อมพบกับ ฟอร์ด มัสแตง รถสปอร์ตระดับไอคอน ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมนี้ ณ อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
          ฟอร์ดพร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป อีกทั้งยังมีแคมเปญดิจิทัลต้อนรับรถสปอร์ตระดับตำนาน ฟอร์ด มัสแตง ให้แฟนตัวจริงได้ลุ้นขับฟอร์ด มัสแตง ไปทำภารกิจสุดเร้าใจ
          ฟอร์ดนำเสนอ เรนเจอร์ ใหม่ รถกระบะนิยาม "เกิดมาแกร่ง" ที่โดดเด่นที่สุดในเซ็กเมนต์ ครบรุ่น ทั้งสุดยอดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค รุ่นลิมิเต็ด รุ่น XLT XLS และ XL
          นอกจากนี้ ยังมี ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ รถเอสยูวีขนาดกลางที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ และรถสปอร์ตระดับตำนาน ฟอร์ด มัสแตง ที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
          "ฟอร์ด เรนเจอร์ และ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังคงสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ฟอร์ด มัสแตง ก็เข้ามาสร้างความตื่นเต้นให้กับทัพรถยนต์ของฟอร์ดยิ่งขึ้นไปอีก" นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว "ในปีนี้ฟอร์ดได้เตรียมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ตลอดช่วงระยะเวลาของงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ด"

          ทัพรถยนต์ยอดนิยมระดับโลก
          ฟอร์ด จัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ดังนี้
          ฟอร์ด เรนเจอร์: รถกระบะพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่มาพร้อมศักยภาพและสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ทั้งบนทางเรียบและแบบออฟโรด เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างลงตัว ปัจจุบันในประเทศไทย มีทั้งหมด 20 รุ่น ตั้งแต่ รุ่นไวล์ดแทรค XLT XLSและ XL และรุ่นใหม่ 'ลิมิเต็ด' (LTD) และยังรวมถึง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงที่ผลิตจากโรงงานรุ่นแรกและรุ่นเดียวของเอเชีย แปซิฟิก
          ฟอร์ด เอเวอเรสต์: ฟอร์ดนำ เอเวอเรสต์ ใหม่ มาจัดแสดง ทั้ง 4 รุ่น รวมถึง รุ่นเทรนด์ ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีอุปกรณ์ครบครัน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เป็นรถเอสยูวีล้ำสมัยที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ทั้งตัวห้องโดยสาร ประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง แต่ยังคงความแข็งแกร่งสมบุกสมบันอย่างเหนือชั้นเมื่อขับขี่ออฟโรด
          ฟอร์ด มัสแตง: รถสปอร์ตระดับตำนาน เจ้าของฉายาม้าป่าสุดคะนอง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลัง สมรรถนะการขับขี่อันเหนือชั้น และเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ โดดเด่นที่สุดในเรื่องของรูปลักษณ์ ที่จะดึงดูดทุกสายตา สำหรับในประเทศไทย มีวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ รุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack และ รุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack

          ข้อเสนอสุดพิเศษ
          ลูกค้าจะได้พบกับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์มากมายภายในงานและตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ ตลอดช่วงระยะเวลาการจัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ดังนี้
          - ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Wildtrak และ Double Cab Limited ดอกเบี้ย 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
          - ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Double Cab XLT ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
          - ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab XLT ดอกเบี้ย 1.89% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 84 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
          - ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab XL+ ดาวน์เพียง 9,999 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
          - ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น Open Cab XL ส่วนลด 35,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
          - ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่น STD Cab & Open Cab XLS ส่วนลด 23,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
          - ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure

          นอกจากนี้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ดให้แก่ลูกค้า ฟอร์ดมอบโปรแกรมขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ (Premium Extended Warranty) สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ทุกรุ่น เป็นเวลา 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับลูกค้าที่ออกรถตั้งแต่ วันนี้ จนถึง 31 ธันวาคม 2561

          ลุ้นขับฟอร์ด มัสแตง กับแคมเปญ #Mustang1DayChallenge
          ร่วมสนุกกับแคมเปญ #Mustang1DayChallenge ที่บูธฟอร์ด ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 โดยถ่ายภาพคู่กับฟอร์ด มัสแตง พร้อมคำบรรยาย (Caption) ที่บอกเล่าถึงไอเดียว่า "ถ้าคุณมีโอกาสขับ ฟอร์ด มัสแตง 1 วัน คุณจะนำรถมัสแตงของคุณไปทำอะไร" และโพสต์ภาพลงในอินสตาแกรม เปิดเป็นโพรไฟล์สาธารณะ และใส่แฮชแทค #Mustang1DayChallenge รับของที่ระลึก (จำนวนจำกัด) เมื่อร่วมกิจกรรมภายในบูธฟอร์ด และลุ้นเป็นผู้โชคดีเพียงหนึ่งเดียวในแคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้

          เจ้าของภาพและไอเดียสุดล้ำที่นำเสนอความสนุกสนานเร้าใจในแบบของฟอร์ด มัสแตงได้อย่างน่าประทับใจเพียง 1 ท่าน จะได้รับรถยนต์ฟอร์ด มัสแตง ไปขับ และทำกิจกรรมที่ผู้ได้รับคัดเลือกได้นำเสนอไว้ เป็นเวลา 1 วัน และได้รับรางวัลสนับสนุนในการทำกิจกรรมมูลค่า 30,000 บาท สามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้

          ข้อมูลเกี่ยวกับฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี
          ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจของบริษัท ได้แก่ การออกแบบ ผลิต ทำการตลาด และบริการหลังการขาย สำหรับรถยนต์ รถกระบะ รถเอสยูวี รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในแบรนด์ฟอร์ด และแบรนด์ลินคอล์น ซึ่งเป็นแบรนด์ในตลาดรถหรู รวมถึงให้บริการด้านการเงินผ่านบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต และบริษัทกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และแผนการสัญจรอัจฉริยะ ฟอร์ดมีพนักงานรวมประมาณ 201,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟอร์ด ผลิตภัณฑ์ของฟอร์ด และฟอร์ด มอเตอร์ เครดิต โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่www.corporate.ford.com

activity on December 02, 2018, 12:57:56 PM
ภาพข่าว: ฮอนด้า จัดเต็มโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี เปิดตัว “ซีวิค ใหม่” ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018

          - แนะนำ "ซีอาร์-วี ใหม่" รุ่น 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
          - เผยโฉม "แอคคอร์ด ใหม่" ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า
          - จัดแสดง ซูเปอร์คาร์ สปอร์ต ไฮบริด "เอ็นเอสเอ็กซ์" เพื่อตอกย้ำดีเอ็นเอความสปอร์ต



          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ และนายณัฏฐ์ ปฏิภานธาดา (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ พร้อมแนะนำ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่น 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และเผยโฉม ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ครั้งแรกในประเทศไทย อีกทั้งตอกย้ำดีเอ็นเอความสปอร์ต ด้วยการนำซูเปอร์คาร์ สปอร์ต ไฮบริด ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ มาจัดแสดงที่งาน มหกรรม ยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ The 35thThailand International Motor Expo 2018 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ บูทฮอนด้า (A14) อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

activity on December 02, 2018, 12:59:14 PM
มาสด้าส่งตรงรถต้นแบบ VISION COUPE จากญี่ปุ่นสู่เมืองไทย เผยความสง่างามด้านการออกแบบสู่ยานยนต์ในอนาคต









          มาสด้าตอกย้ำความร้อนแรงจากการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018 ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นศูนย์กลางในการจัดงานสำคัญระดับโลกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน โดยเผยปรัชญาการออกแบบอย่างหมดเปลือก ในแบบที่ไม่เคยมีค่ายรถยนต์ใดทำมาก่อน ที่สำคัญในวันนี้มาสด้าได้นำเอาต้นแบบ VISION COUPE ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป เพื่อให้ชาวไทยได้เห็นถึงเส้นสายอันทรงพลังของการออกแบบที่สง่างาม เพื่อนำไปสู่รถยนต์เจนเนอเรชั่นที่ 7 อย่างเต็มรูปแบบ
          นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า พวกเราทุกคนต่างภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานด้านการออกแบบรถยนต์อันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่ายอดขายสะสมรวมทั้งปีจะทะลุเกิน 1,000,000 คัน นับว่าเติบโตเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น ในส่วนของมาสด้าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมนั้น มียอดขายสะสมแล้ว 57,402 คัน เติบโต 43% ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 6.9% และประมาณการณ์น่าจะมากกว่า 65,000 คัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้มาสด้าประสบความสำเร็จ คือ การตอบรับอย่างดีจากลูกค้า การสร้างแบรนให้แข็งแกร่ง ประกอบกับการดำเนินงานด้านการตลาดที่แตกต่าง ผนวกกับการออกแบบที่โดดเด่น เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการขับขี่ที่สนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้า เราจะไปถึงเป้ายอดขายที่เราตั้งไว้โดยไม่ยาก
          พร้อมกันนี้มาสด้ายังได้นำรถต้นแบบ MAZDA VISION COUPE จากประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เพื่อสื่อสารปรัชญาการออกแบบรถยนต์ในเจนเนอเรชั่นใหม่ โดยมาสด้าได้เน้นย้ำในเรื่องของการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว หรือ SUSTAINABLE ZOOM–ZOOM 2030 คือยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสนใจในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างไรก็ตาม มาสด้ามองว่าการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้นั้น ต้องคำนึงถึงแหล่งกำเนิดพลังงานที่สะอาดด้วย มาสด้าจึงมีแนวคิดในเรื่องของ Well-to-Wheel เพื่อเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันมาสด้ายังคงหาทางเลือกที่หลากหลายในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบขับขี่ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีไฮบริด เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีเชื่อมต่อการสื่อสาร และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ลูกค้ามีความสนุกสนานในการขับขี่ นอกจากนี้ยังพัฒนาในเรื่องของความปลอดภัยเพื่อให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น
          นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มาสด้าได้ดำเนินกลยุทธ์การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงพัฒนาโชว์รูม และการขยายโชว์รูมไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมองว่าโชว์รูมมาตรฐานใหม่นี้จะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่แรกเห็น และทำให้กลุ่มลูกค้าอยากที่จะเข้ามาใช้บริการ ในด้านการตลาดมาสด้าได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารให้ลูกค้ามีความใกล้ชิดกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น โดยการสร้าง Mazda Digital Platform ทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ และการสื่อสารที่เชื่อมโยงกันให้เป็น INTEGRATED DIGITAL EXPERIENCE ทั้งในและนอกโชว์รูม นอกจากนี้ยังยกระดับการดูแลของลูกค้าในส่วนของ MAZDA ACTIV SERVICE เพื่อดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ตั้งแต่ก้าวแรกจนกระทั่งลูกค้าซื้อรถคันใหม่ ซึ่งสิ่งที่พัฒนาปรับปรุงมาตลอดนั้นส่งผลให้มาสด้ามียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่างานมหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้และถือเป็นโค้งสุดท้ายของปี จะเป็นกิจกรรมที่ลูกค้าให้ความสนใจและผลักดันให้ยอดขายของมาสด้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
          อย่างไรก็ตาม มาสด้าได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีในการจัดงาน MAZDA ASEAN DESIGN FORUM ไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการที่มีกลุ่มคนจำนวนมากที่ได้สอบถามในเรื่องของรถยนต์ต้นแบบที่ได้นำมาจัดแสดง มาสด้าจึงนำมาจัดแสดงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งนี้ มาสด้าคาดว่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจอย่างล้นหลาม และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มอบความไว้วางใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวมาสด้า มาสด้าได้มอบแคมเปญสุดพิเศษ "MAZDA LOVER เหนือกว่าทุกเซอร์ไพรส์" ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน และสิ้นสุดในวันสุดท้ายของงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ด้วยดอกเบี้ยต่ำสุดเริ่มต้น 0% พร้อมประกันภัยชั้น 1 ฟรีทุกรุ่น
          - มาสด้า2 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
          - มาสด้า3 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
          - มาสด้า CX-3 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
          - All-New Mazda CX-5 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
          - มาสด้า บีที-50 โปร เงินดาวน์ 20% ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,900 บาท/ เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1

          รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นรับฟรีประกันชั้น 1 (Mazda Premium Insurance) ข้อเสนอสุดพิเศษนี้ สำหรับลูกค้ามาสด้าทุกโชว์รูมทั่วประเทศ และที่สำคัญเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อภายในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป รับเพิ่มลำโพงคุณภาพดีแบรนด์ BOSE จากมาสด้า*

          โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางทางโซเชียลมีเดีย
          เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

activity on December 02, 2018, 12:59:38 PM
Mazda flies in VISION COUPE concept from Japan to Thailand featuring futuristic automotive design












          Mazda is following up on the buzz created at the recent MAZDA ASEAN DESIGN FORUM 2018, where Thailand was given the honor to host the important global design event for the first time in the Asean region. It was the first time that the total design philosophy was explained in an unprecedented move. And today, Mazda has brought the VISION COUPE to the public at the Motor Expo, allowing Thais to witness the elegant and powerful lines that lead to the design of the 7th generation Mazda in the near future.
          Mr. Chanchai Trakarnudomsuk, President of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said, "All of us are proud that Thailand was chosen to host one of ASEAN's largest design forums, which also helps the Thai economy and automobile sales. With continuous growth, the Thai automobile market is expected to break the 1-million-unit mark this year, and the growth is higher than many had anticipated at the start of the year. For Mazda during the period of January to October, we have sold 57,402 vehicles, registering a growth rate of 43 per cent and a market share of 6.9 per cent. We expect to deliver 65,000 units in this year."
          According to Mr. Chanchai, factors that will enable Mazda to achieve its goal include strong response from customers, brand-building, unique marketing, along with outstanding design, modern technology and fun-to-drive character of Mazda vehicles. "We should be able to reach our target without difficulty," he added.
          The MAZDA VISION COUPE has been flown in from Japan for the Thai public. It will help communicate the new Mazda design philosophy for the new generation of models to be introduced in the near future. SUSTAINABLE ZOOM-ZOOM 2030 is Mazda's approach to developing new technologies that are eco-friendly. While the world is giving more interest to EVs (electric vehicles), Mazda sees the importance of using clean electricity, reflected in our "well-to-wheel" ideology to effectively reduce carbon dioxide levels. At the same time Mazda still strives to develop engines and drive systems with Hybrid and EV technologies, Connectivity, and is determined in perfecting the internal combustion engine along with offering the latest safety features.
          Mr. Thee Permpongpanth, Vice President for Marketing and Government Affairs, said, "Since the start of the year, Mazda has embarked on a strategy to establish long-term relationship with customers. We started with showroom improvement as well as expanding the showroom network to cover more markets. The new showrooms will create a good first impression and customers will want to come in to use our services. We also created the Mazda digital platform for both online and offline, as well as an INTEGRATED DIGITAL EXPRERIENCE both in and out of the showroom. In addition, we also raised the bar with the MAZDA ACTIV SERVICE to take care of the customers from the first step until it is time to purchase a new vehicle."
          "All these improvements has helped sales of Mazda vehicles to soar continuously and at the Motor Expo which is considered as the last corner of the year, we expect customers will help drive Mazda sales to reach our targets," he said. In mid-November, the MAZDA ASEAN DESIGN FORUM was highly successful, and a large number of inquiries were made regarding the concept vehicles exhibited. As a matter of fact Mazda has decided to show the VISION COUPE at this year's Motor Expo as well.
          "Mazda expects a large turn-up at our booth and in order to thank our customers, we will offer the 'Mazda Lover above every surprise' campaign "MAZDA LOVER" which kicked off on November 7 and lasts until the final day of the Motor Expo with 0-per cent interest and free first-class insurance for every model," Mr. Thee added.
          - Mazda2 – 25% down payment, 2.15% interest, free1-year insurance and 3-year/60,000km maintenance
          - Mazda3 – 25% down payment, 2.15% interest, free1-year insurance and 5-year/100,000km maintenance
          - Mazda CX-3 – 25% down payment, 2.15% interest, free1-year insurance and 5-year/100,000km maintenance
          - All-New Mazda CX-5 – 25% down payment, 0% interest, free 1-year insurance
          - Mazda BT-50 PRO – 20% down payment, monthly payment starting at Bt5,900, free 1-year insurance

          All models come with Mazda Premium Insurance first-class premium. Offers are available at all Mazda showrooms nationwide. Those who place booking at the Motor Expo will received a high-quality BOSE Bluetooth speaker from Mazda.
          http://www.mazda.co.th
          Mazda Thailand Official: Facebook/YouTube/Instagram/LINE

activity on December 02, 2018, 01:00:58 PM
นิสสัน เปิดตัว ลีฟ ใหม่ อย่างเป็นทางการ นำนวัตกรรมระดับโลกสู่ประเทศไทย









          นิสสัน ลีฟ ใหม่ มอบความเรียบง่ายแต่น่าทึ่งหรือ "Simply Amazing" ลีฟ ใหม่ นำเสนอวิสัยทัศน์ของนิสสันเกี่ยวกับการขับเคลื่อนในอนาคต นิสสัน ลีฟ เจนเนอเรชั่นที่ 2 นี้มอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการดีไซน์ที่ปราดเปรียว ผู้ขับขี่จะรู้สึกมั่นใจและตื่นเต้นมากขึ้นด้วย นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของนิสสันในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ยานยนต์ รวมถึงการทำให้ยานยนต์เป็นพลังขับเคลื่อน และเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนก้าวไปสู่โลกที่ดีขึ้น โลกที่มีพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เชื่อมต่อกันมากขึ้น และเป็นอิสระมากขึ้น
          นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ มีสามด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ(Intelligent Integration)
          ทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving)
เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่โดดเด่นในลีฟ ใหม่ คือ อี-เพดัล (e-Pedal) และ นิสสัน เซฟตี้ ชิลด์ (Nissan Safety Shield)
          นิสสัน ยกระดับนวัตกรรมประสบการณ์ขับขี่ให้ลีฟ ใหม่ ด้วย e-Pedal ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกง่ายดายให้ผู้ขับขี่ในการออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว ถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับขี่ได้อย่างสิ้นเชิง
          เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก e-Pedal ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องยกเท้าจากแป้นคันเร่งเพื่อเหยียบแป้นเบรกบ่อยครั้งเมื่อต้องการลดระดับความเร็วหรือหยุดรถ ซึ่งช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่
          ผลสำรวจของนิสสัน ในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าระบบ e-Pedal ของนิสสัน ลีฟ ช่วยลดจำนวนการเหยียบแป้นเบรคขณะเดินทางในการจราจรที่ติดขัด แม้ว่าแป้นเบรกจะได้รับการใช้งานเช่นเดิม เมื่อต้องมีการเบรกอย่างกะทันหัน แต่ e-Pedal ก็สามารถช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้แป้นคันเร่งเพียงหนึ่งเดียวในกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการขับขี่
          นิสสัน ลีฟ ใหม่ ยังติดตั้งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning: FCW) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking: FEB) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor: IAVM) พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection: MOD) เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert: DAA)
          เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power)
          หัวใจหลักของเทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะในลีฟ ใหม่ คือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มอบสมรรถนะที่ต่อเนื่อง และเร้าใจด้วยการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟ เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น 320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที
          ผู้ขับขี่ลีฟ ชื่นชอบการตอบสนองที่ทันท่วงที และสมรรถนะที่เสถียรขณะเดินทางในเมือง ลีฟ ใหม่ ได้รับการพัฒนาเรื่องขุมพลังในการเร่ง ซึ่งจะเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม
          แม้จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ลีฟ ใหม่ ยังเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนไกลมากขึ้นด้วยเช่นกัน ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ให้ระยะทางขับเคลื่อน ตามมาตรฐานการวัดค่าไอเสียและอัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ของยุโรป NEDC ที่ 3111 กิโลเมตร ซึ่งตอบสนองต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าส่วนใหญ่ของนิสสันได้อย่างน่าพึงพอใจแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีความจุพลังงานที่ดีขึ้นโดยยังมีขนาดเท่าเดิม ชุดแบตเตอรี่ดังกล่าวมีมิติเท่าเดิมทุกด้านเหมือนกับลีฟ รุ่นก่อนหน้า การปรับปรุงใหม่เกิดขึ้นภายในโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 อีกหนึ่งพัฒนาการทางวิศวกรรมที่สำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้าพร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น พร้อมกับเพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคลายประจุไฟ
     เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration)
          ระบบ Vehicle-to-grid ของแบตเตอรี่ของนิสสัน ลีฟ ใหม่ สามารถสะสมพลังงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากพลังงานส่วนเกินในเวลากลางวัน เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้งานภายในบ้านช่วงกลางคืน การเชื่อมต่ออัจฉริยะของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านพลังงานอย่างสิ้นเชิง ทำให้เจ้าของรถลีฟ จะได้รับประโยชน์ต่างๆ จากบริษัทพลังงานที่ต้องการสร้างโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความเสถียร เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยผู้ใช้งานลีฟ สามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุดในบางประเทศ เพื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน           
          โครงสร้าง และตัวถังรถยนต์
          ลีฟ ใหม่ เพิ่มสมรรถนะ และความคล่องตัวในการขับขี่ที่ล้ำขึ้นอีกขั้น ทีมวิศวกรของนิสสัน พัฒนาโครงสร้างของลีฟ ใหม่ ให้มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ โดยเฉพาะการขับขี่บนทางด่วน รวมทั้งมีการตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนที่ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบควบคุมทำงานเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์สชั่น บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์
          นอกเหนือจากนี้ชุดยางซับแรงกระแทกที่ใช้วัสดุยูรีเธนสำหรับระบบกันสะเทือนหลังได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุใหม่ที่ผลิตจากยางที่ช่วยลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ โดยลีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่แม่นยำมากขึ้นในการสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง
          การออกแบบภายนอก: รูปทรงที่โฉบเฉี่ยวด้วยแสงเงา และ "กลิ่นอายของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย"
การออกแบบนิสสัน ลีฟ ใหม่ แสดงให้เห็นถึงการออกแบบด้วยแนวทาง "Cool Tech Attitude" ของนิสสันและความพยายามในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดของโลก
          โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ IDS Concept ที่นำเสนอสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2015 ด้วยความสปอร์ต รูปทรงที่ดึงดูดสายตาสะท้อนตัวตนของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ปรัชญาของการออกแบบ คือ ต้องการแสดงถึงเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รวมไปถึงความโฉบเฉี่ยวของการเล่นแสงเงา ให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้เส้นสายหลักในแนวนอน กันชน และความโดดเด่นของตัวถังช่วงล่างเน้นย้ำให้เห็นถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ทำให้สัมผัสได้ถึงการขับขี่ที่สนุกสนาน และคล่องตัว
          การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง "บูมเมอแรง" และการออกแบบแนวเส้นหลังคา แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของนิสสัน เพื่อให้ลีฟ ใหม่ มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของนิสสัน
          ลวดลายตาข่ายสีน้ำเงินสว่างแบบสามมิติโดดเด่นสะกดทุกสายตา เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้าแบบ V-Motion เสริมความพิเศษเฉพาะตัวของลีฟในฐานะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
          นิสสัน ลีฟ ใหม่ ใช้ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์แบบคู่ รองรับการทำงานทั้งไฟต่ำ และไฟสูง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์ของนิสสัน ช่วยสร้างความรู้สึกทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น และเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มระยะการส่องสว่างที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของดีไซน์ และการใช้งาน
          ชุดไฟท้ายมีความโดดเด่นที่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นสามารถจดจำลีฟรุ่นใหม่ได้จากระยะไกล การติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายให้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายกระจกทำให้ลีฟ ใหม่ มีความสปอร์ตและสะดุดตามากยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำผสมผสานอย่างลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา ก่อให้เกิดเส้นเงาที่โฉบเฉี่ยว และทำให้การระบายของอากาศดีขึ้น
          การออกแบบใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ และอากาศที่ยกตัวรถ ช่วยให้รถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น การออกแบบตัวถังตามหลักแอโรไดนามิกส์ รวมถึงกันชนหลังที่เป็นแนวโค้ง และการออกแบบล้อตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้นิสสัน ลีฟใหม่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ (drag coefficient) เพียง 0.28 เท่านั้น
          นอกจากนี้ช่องเสียบสายชาร์จไฟบริเวณด้านหน้ารถได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าของรถสามารถเสียบสายชาร์จโดยไม่ต้องก้มตัวลงมาเหมือนรุ่นก่อน ด้วยหลักการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของนิสสัน แสดงให้เห็นว่าช่องเสียบสายชาร์จไฟใหม่ที่ถูกติดตั้งในระดับ 45 องศา ทำให้ผู้ใช้งานที่มีระดับความสูงต่างกันสามารถเสียบสายชาร์จไฟได้อย่างสะดวก
          การออกแบบภายใน บรรยากาศที่หรูหราแต่แฝงด้วยความเรียบง่าย ผ่อนคลาย และทันสมัย
ภายในห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายมากขึ้น ที่ยึดหลักการออกแบบของนิสสัน Gliding Wing เป็นแนวทางหลัก
          การปรับดีไซน์ให้หน้าจอและรูปแบบของไฟแสดงข้อมูลของคนขับเรียบง่ายขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีความเรียบหรู และตอบสนองด้านพื้นที่และการใช้งาน ผู้ขับขี่ลีฟ ใหม่ สามารถมองเห็นข้อมูลที่จำเป็นในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิกับการขับขี่ที่สนุกและเพลิดเพลิน
          ลูกค้าจะเห็นตะเข็บการเย็บสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้านิสสัน ทั้งบริเวณเบาะนั่ง ด้านข้างประตู ที่วางแขน และพวงมาลัย รวมทั้งการใช้โทนสีน้ำเงินกับปุ่มสตาร์ต และเกียร์ที่ให้ความรู้สึกถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย
          หน้าจอแสดงข้อมูล และสวิตช์ควบคุมต่างๆ ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความฉลาด และใช้งานง่ายขึ้น โดยที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คือ การผสมผสานระหว่างมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกกับหน้าจอแสดงผลแบบ multi-information ด้านซ้าย หน้าจอสีแบบ Thin-film Transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว บอกปริมาณกำลังไฟฟ้าที่ใช้ตามการกำหนดค่ามาตรฐาน โดยคนขับสามารถเลือกแสดงข้อมูลตามที่ต้องการ หน้าจอแสดงผลตรงกลางแบบ Flush-surface ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกต่อการเลือกระบบความบันเทิง รวมทั้งแสดงให้เห็นการทำงานของเทคโนโลยี Safety Shield ระดับการชาร์จไฟของรถ และพลังงานที่เหลืออยู่ รวมถึงระบบเสียง และข้อมูลระบบนำทาง
          ความสะดวกสบายและความเงียบของนิสสัน ลีฟ ใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม แม้ในความเร็วบนทางด่วน ห้องโดยสารของลีฟ ใหม่ยังคงรักษาความเงียบ แรงเสียดทานที่ลดลง การยกระดับระบบอากาศพลศาสตร์และการปรับแต่งภายนอกเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนของลม
          มาตรการลดเสียงรบกวนอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพของความแข็งแกร่งของโครงสร้างอินเวอร์เตอร์ (inverter) และการป้องกันเสียงรบกวนบนโมดูลส่งต่อพลังงาน (PDM) รวมถึงการลดเสียงรบกวนจากตัวมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าจะส่งแรงบิดและมีกำลังมากกว่าเดิม
          คอนโซลด้านหน้าได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ที่รองแก้วแบบคู่จัดวางตามแนวยาวที่นั่งระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นที่ฐานของคอนโซลกลาง ซึ่งเหมาะสำหรับการวางสมาร์ทโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งการใช้งานสวิตช์ไฟฟ้า ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์และพอร์ตยูเอสบีที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น
          เครื่องปรับอากาศและระบบทำความร้อนที่ประหยัดพลังงาน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
          แม้ว่าความจุพลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะเพิ่มขึ้น แต่ขนาดของแบตเตอรี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงดังนั้นห้องโดยสารจึงรองรับผู้โดยสาร 5 คนได้อย่างสบาย นอกจากนี้พื้นที่วางสัมภาระด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่มากขึ้น โดยมีความจุ 435 ลิตร (VDA) พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีการเอาส่วนนูนออกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเพิ่มความสะดวกสบายและการใช้งาน พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ หรือกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง หรือกระเป๋าสัมภาระพกพาขึ้นเครื่อง 3 ใบ
          สีสันใหม่ ตอบโจทย์รสนิยมของลูกค้า
          นิสสัน ลีฟ ใหม่ มีวางจำหน่ายในสีแบบทูโทนภายใต้ตัวถังสีขาว Brilliant White Pearl และด้านบนหลังคาสีดำ Super Black สำหรับการตกแต่งภายใน ออกแบบให้มีความสะอาดตา ใช้สีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรู และเดินเส้นสายสีน้ำเงินที่เบาะนั่ง
          การออกแบบภายในสีดำล้วนช่วยให้บรรยากาศเรียบหรู ยกระดับความสง่างามด้วยการใช้เบาะที่นั่งสีอ่อน ตัดกันกับสีเทาเข้มของคอนโซลกลาง แผงหน้าปัดส่วนล่างและบน และพวงมาลัย ทำให้บรรยากาศโดยรวมเบาสบายและโปร่งสบาย

activity on December 02, 2018, 01:02:32 PM
ฮอนด้า จัดเต็มโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี เปิดตัว “ซีวิค ใหม่” ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018

          - แนะนำ "ซีอาร์-วี ใหม่" รุ่น 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
          - เผยโฉม "แอคคอร์ด ใหม่" ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า
          - จัดแสดง ซูเปอร์คาร์ สปอร์ต ไฮบริด "เอ็นเอสเอ็กซ์" เพื่อตอกย้ำดีเอ็นเอความสปอร์ต









          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ พร้อมแนะนำ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่น 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และเผยโฉม ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ครั้งแรกในประเทศไทย อีกทั้งตอกย้ำดีเอ็นเอความสปอร์ต ด้วยการนำ ซูเปอร์คาร์ สปอร์ต ไฮบริด ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ มาจัดแสดงที่งาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ The 35th Thailand International Motor Expo 2018 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561
ณ บูทฮอนด้า (A14) อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ ยนตรกรรมไฮไลท์ของฮอนด้า ที่นำมาจัดแสดงภายในงาน ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตและความล้ำสมัย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหัวใจในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมฮอนด้า
          ทุกรุ่น ความพิเศษในปีนี้ คือ การเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่พร้อมพาคุณก้าวข้ามขีดสุดทุกความท้าทาย สู่ความมั่นใจอีกระดับ มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า
          เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) มาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยเพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง โดยฮอนด้า ซีวิค เป็นยนตรกรรมซีดานอันดับ 1 ที่อยู่ในใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน และวันนี้มาพร้อมกับดีไซน์และฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ครบครันและเหนือระดับไปอีกขั้น ซึ่งลูกค้าจะได้สัมผัสถึงจิตวิญญาณความสปอร์ตของฮอนด้าในฐานะ
          ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานไอคอนของเมืองไทยได้อย่างชัดเจน"
          เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ยิ่งท้าทาย ยิ่งมั่นใจ
          เพิ่มความเร้าใจไร้ขีดจำกัดกับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ด้วยดีไซน์ภายนอกใหม่ ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความสปอร์ตมากกว่าที่เคย มาพร้อมขุมพลังแห่งนวัตกรรมทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้การขับขี่ที่เร้าใจแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมัน
          ที่ดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนตัวตนของคุณให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยสีใหม่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (Brilliant Sporty Blue)
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ "ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง" (Honda Sensing) ใน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ที่ให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทาง ได้แก่
          ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
          ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning : RDM with LDM)
          ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam)
          ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย เบาะที่นั่งตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ผสานความสปอร์ตในทุกรายละเอียด มาพร้อมความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นที่เหนือระดับ อาทิ ระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น และครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
          ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น TURBO RS ราคา 1,219,000 บาท รุ่น TURBO ราคา 1,104,000 บาท รุ่น 1.8 EL ราคา 964,000 บาท และรุ่น 1.8 E ราคา 874,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และสีขาวแพลทินัม (มุก) สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และจองรถได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ภายในงานฯ หรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ และพบกับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2562 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รายละเอียดเพิ่มเติม www.honda.co.th/civic
          หมายเหตุ: สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
แนะนำ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ รุ่น 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
          ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีระดับพรีเมียม อีกหนึ่งทางเลือกที่พร้อมเติมเต็มทุกพื้นที่จินตนาการในแบบคุณ นำเสนอเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน พร้อมเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้
          ครบครันในทุกรุ่น อาทิ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น และยังคงไว้ซึ่งเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลอีกด้วย
          เผยโฉม ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ครั้งแรกในประเทศ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการต้นปี 2562
          นับเป็นการพลิกโฉม ฮอนด้า แอคคอร์ด อย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ผ่านการออกแบบด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและเฉียบคม สะท้อนความความหรูหราและสปอร์ตมากกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา เสริมด้วย 2 ขุมพลังขับเคลื่อนที่สปอร์ตเร้าใจ ทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ใหม่ ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมัน
          ที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหนือระดับด้วยอีกขั้นของ เทคโนโลยีความปลอดภัยแบบอัจฉริยะ "ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง" (Honda SENSING) ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น
จัดแสดง ซูเปอร์คาร์ สปอร์ต ไฮบริด ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์
          ยนตรกรรมสปอร์ตซูเปอร์คาร์คันแรกของโลก ที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ด้วยระบบ Sport Hybrid SH-AWD(R) ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร DOHC Twin-Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวช่วยขับเคลื่อนที่ล้อหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าอีกหนึ่งตัวที่ล้อคู่หลัง พร้อมระบบเกียร์ 9 สปีดดูอัลคลัตซ์ ให้สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ ดีไซน์ภายนอกสปอร์ต โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ล้ออัลลอยคู่หน้าขนาด 19 นิ้ว และล้ออัลลอยคู่หลังขนาด 20 นิ้ว และเป็นครั้งแรกของโลกที่ออกแบบตัวถังด้วยวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบาแต่คงความแข็งแกร่ง ภายในห้องโดยสารออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นหลัก ให้ความสะดวกสบาย และทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่
          ภายในบูทฮอนด้า ได้จัดแสดงยนตรกรรมทั้งหมดรวม 12 รุ่น พร้อมข้อเสนอพิเศษแห่งปี "ออกรถวันนี้...ลุ้นฟรี อีกคัน" เมื่อลูกค้าซื้อรถยนต์ฮอนด้ารุ่นใดก็ได้ และรับรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลรถยนต์ฮอนด้าเพิ่มอีกคัน เดือนละ 6 คัน 6 รุ่น นาน 4 เดือน รวม 24 คัน พร้อมด้วยแคมเปญสุดพิเศษและข้อเสนอที่แตกต่างกันเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่
          แคมเปญ "Double Smile" ดาวน์ 0 บาท ประกัน 0 บาท
แคมเปญ "ฮอนด้าช่วยผ่อน" โดยฮอนด้าช่วยผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 1,000 บาท และสูงสุดเดือนละ 10,000 บาท นาน 12 เดือน
รถยนต์เก่าแลกซื้อรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี เพียงนำรถยนต์รุ่นใดยี่ห้อใดก็ได้ มาเปลี่ยนเพื่อซื้อรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทุกรุ่น รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เพียงจองรถยนต์ตั้งแต่วันที่
          20 พฤศจิกายน 2561 – 28 กุมภาพันธ์ 2562 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562
ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น (Honda Loyalty) รับดอกเบี้ยพิเศษลดลง 0.15% จากลูกค้าทั่วไป

activity on December 02, 2018, 01:03:14 PM
ภาพข่าว: “แมคลาเรน 600 แอลที ปรากฏโฉมครั้งแรกในไทย”



          วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป (คนกลาง) งานเปิดตัว แมคลาเรน 600 แอลที สุดยอดยนตรกรรมระดับหรูจากประเทศอังกฤษ รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อยกระดับตำนานซูเปอร์คาร์ตระกูลแอลที คลาสสิกให้ก้าวล้ำสู่อนาคต อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ณ อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561
 
 

activity on December 02, 2018, 01:05:51 PM
ฮอนด้า ยกทัพใหญ่ส่งท้ายปีบุกงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018” พร้อมเปิดตัวบิ๊กไบค์ 500 Series โฉมใหม่ และ CBR650R, CB650Rเอาใจสายสปอร์ต ให้คนไทยได้ใช้เป็นประเทศแรกของโลก พร้อมจัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษสุดแห่งปี ดาวน์ 0% หลายรุ่นมากมาย









เอ พี ฮอนด้า เปิดตัวรถ 7 รุ่นในงาน Motor Expo
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Ys_ezHwLldI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Ys_ezHwLldI</a>

          เอ.พี. ฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ระดมทีเด็ดบุกตลาดบิ๊กไบค์ช่วงปลายปี ยึด "มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018" เปิดตัวรถโฉมใหม่ในตระกูล 500 Series ทั้ง CBR500R CB500F และ CB500X เสริมทัพ CBR650R และ CB650R ที่เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่ CBR/CB1000R พร้อมพบกับรถจักรยานยนต์โปรเจ็คพิเศษจาก CUB House กับ Monkey และ C125 Limited Edition จำกัดรุ่นละ 100 คันเท่านั้น
          นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์อันดับ 1 ในเมืองไทย เปิดเผยว่า ภายใต้กลยุทธ์แบรนด์ "WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด" บริษัทนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พร้อมทางเลือกหลากหลายให้ตรงกับความต้องการ หวังเพิ่มความสุขให้ทุกการเดินทาง ในงาน"มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35" หรือ The 35th Thailand International Motor Expo 2018 บริษัทได้นำรถจักรยานยนต์ทั้งกลุ่ม บิ๊กไบค์ และรถรุ่นพิเศษจาก CUB House มาจัดแสดงหลายรุ่น รวมถึงไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัวรถโฉมใหม่ในตระกูล 500 (All New 500 Series) 3 รุ่น และรถใหม่ตระกูล 650 (New 650 Series) 2 รุ่น ให้คนไทยได้ใช้เป็นประเทศแรกของโลกหลังจากเปิดตัวอย่างฮือฮาที่งานจัดแสดงรถจักรยานยนต์นานาชาติชื่อก้องโลกอย่าง อิกมา (EICMA) ประเทศอิตาลี
          สำหรับโฉมใหม่ในตระกูล 500 ทั้งที่เป็นสายสปอร์ต CBR500R, สายเนคเคดไบค์ (Naked Bike) CB500F และสายเอนดูโร ( Enduro ) CB500X เครื่องยนต์ 2 สูบ 500 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง รวมถึงการออกแบบและสีสันใหม่ทั้งคัน โดยรุ่น CBR500R ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสนุกสนานในการขับขี่แบบเรซซิ่งสปอร์ต มีการปรับตำแหน่งที่นั่งและระยะมือจับใหม่ (Handle Bar) ช่วยให้ท่านั่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้คล่องแคล่วและสะดวกสบายมากขึ้น
          นอกจากนี้ยังเพิ่ม Feature ทันสมัยให้ทั้ง 3 รุ่น CBR500R , CB500F และ CB500X อย่างไฟหน้า-หลังแบบ Full LED มาตรวัดดิจิตอลใหม่พร้อมแสดงตำแหน่งเกียร์ และระบบ Emergency Stop Tail Light แสดงไฟฉุกเฉินเมื่อรถเบรกกะทันหัน เหมือนที่ใช้ในกลุ่มรถซูเปอร์สปอร์ต ตลอดจนระบบ Assist & Slipper Clutch ช่วยลดอาการกระชากของล้อหลังในช่วงเปลี่ยนเกียร์สูงลงมาเกียร์ต่ำ เพิ่มความปลอดภัยและขับขี่ได้นุ่มนวล ขณะที่รุ่น CB500X สไตล์เอนดูโร สำหรับคนชอบขี่ออกทริปท่องเที่ยวยังมาพร้อมล้อขนาดใหญ่ขึ้นอีกด้วย
          สำหรับราคาขายปลีกช่วงแนะนำ CBR500R ราคา 217,000 บาท CB500F ราคา 212,000 บาท และ CB500X ราคา 222,000 บาท พร้อมทั้งนำเสนอรถตระกูล 500 กับชุดแต่งพิเศษ CBR500R Racing Addict Edition ในราคา 243,200 บาท และ CB500X พร้อมชุดแต่ง Bordering Edition ในราคา 243,900 บาท
          นอกจากตระกูล 500 Series โฉมใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมแล้ว เอ.พี. ฮอนด้า ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 650 ซีซี ทั้งสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งCBR650R และสไตล์ นีโอ สปอร์ต คาเฟ่ CB650R โดยในรุ่น CBR650R มาพร้อมรูปลักษณ์สปอร์ตแบบเต็มขั้น ขณะที่ CB650R เน้นความเท่แบบมีสไตล์เป็นของตนเอง แต่ทั้ง 2 รุ่น เร้าใจด้วยเทคโนโลยียานยนต์ที่ถอดแบบ DNA มาจากรุ่นใหญ่ CBR1000RR
          ในด้านอุปกรณ์ติดรถ ฮอนด้า 650 Series 2 รุ่นนี้ ยังเท่ด้วยมาตรวัดใหม่แบบดิจิตอลพร้อมไฟแสดงตำแหน่งเกียร์ เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำขึ้น โดยรุ่นCBR650R ยังวางตำแหน่งมือจับ (Handle Bar) และถังน้ำมันใหม่ เพื่อความสมดุลและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม พร้อมไฟหน้าแบบ Duo Head Light ใช้หลอด LED รอบคัน ส่วนรุ่น CB650R ใช้ไฟหน้าทรงกลม ที่โดดเด่นด้วย LED แบบวงแหวน
          ด้านความปลอดภัยทั้ง CBR650R และ CB650R มาพร้อมโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ (Upside down) และ ดิสก์เบรกคาลิปเปอร์ 4 พอร์ต มั่นใจด้วยAssist & Slipper Clutch ช่วยลดอาการกระชากของล้อหลังในช่วงเปลี่ยนเกียร์สูงลงมาเกียร์ต่ำ ระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) เทคโนโลยีจากสนามแข่ง ช่วยปรับกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสมตามสภาพการขับขี่ และป้องกันล้อหมุนฟรี ติดตั้งระบบ Emergency Stop Tail Light แสดงไฟฉุกเฉินเมื่อรถเบรกกะทันหันแบบที่ใช้ในรถระดับซูเปอร์สปอร์ต
          สำหรับราคาขายปลีกช่วงแนะนำ CBR650R ราคา 320,000 บาท และ CB650R ราคา 305,000 บาท พร้อมทั้งนำเสนอรถตระกูล 650 กับชุดแต่งพิเศษCBR650R Furious Edition ในราคา 350,000 บาท และ CB650R Muscular Edition ในราคา 324,500 บาท
          ขณะเดียวกันทาง เอ.พี. ฮอนด้า ยังเปิดตัวโปรเจ็คพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์จาก CUB House ด้วยความร่วมมือระหว่าง H2C for CUB House กับสำนักแต่งระดับโปร MORIWAKI สร้างสรรค์ตำนาน C125 และ Monkey ให้ดูมีชีวิตชีวา มากขึ้น ด้วยสไตล์การตกแต่งพิเศษภายใต้แนวคิด Never Over A hundred และผลิตจำกัดรุ่นละ 100 คันเท่านั้น
          โดย C125 รุ่น Exclusive Limited Edition มาในโทนขาวและฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้คอนเซปต์ VERY SERIOUS BLUE แต้มแต่งชิ้นงานสีน้ำเงินเพิ่มความโดดเด่นให้รถรอบคัน พร้อมปลายท่อไอเสีย Megaphone Black เพิ่มความเป็น Classic Sport ส่วน Monkey รุ่น Exclusive Limited Edition มาภายใต้คอนเซปต์ VERY SERIOUS SPORT จัดจ้านด้วยชุดแต่งสีน้ำเงินและเหลืองรอบคัน เพิ่มพลังแห่งความซุกซนด้วยปลายท่อไอเสีย MORIWAKI ZERO TYPE
          สำหรับราคาช่วงแนะนำ C125 รุ่น Exclusive Limited Edition ราคา 114,900 บาท และ Monkey รุ่น Exclusive Limited Edition ราคา 129,900 บาท
          นอกจากนี้ทาง เอ.พี. ฮอนด้า ได้จัดข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปี เมื่อซื้อรถในกลุ่มบิ๊กไบค์รวมถึงรถจักรยานยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่ยกขบวนมาอวดโฉมเต็มเวที พร้อมจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 10 ธันวาคมนี้

          รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์
          - Honda CB500X , Rebel500 , Africa Twin โมเดลปี 2017, CB650F , CBR650F, CBR500R โมเดลปี 2017 และ CB500F
          o รับรถได้ทันที!
          o โปรโมชั่นสุดพิเศษ ดาวน์ 0%
          o รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมทะเบียน พ.ร.บ.
          o Gift Voucher รวมมูลค่าของแถม 20,000 - 42,000 บาท

          รถจักรยานยนต์ฮอนด้า
          - All New Forza
          o รับรถได้ทันที
          o ราคาพิเศษ 169,000 บาท
          o ดอกเบี้ยเริ่มต้น 5%
          o ดาว์เริ่มต้นที่ 0 บาท
          o จองรถภายในงานเพียง 1,000 บาท รับทันทีแจ็กเก็ตมูลค่า 1,200 บาท ฟรี

          - New PCX150 Hybrid
          o ราคา 98,500 บาท
          o ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 0.9%
          o ดาวน์เริ่มต้นที่ 0 บาท
          o จองรถภายในงานเพียง 1,000 บาท รับทันทีเสื้อโปโลมูลค่า 800 บาท ฟรี

          - CB150R
          o ราคาพิเศษ 96,900 บาท เฉพาะในงาน
          o ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.9%
          o จองรถภายในงานเพียง 1,000 บาท รับทันทีฟรีทันทีเสื้อยืดมูลค่า 300 บาท
          o รับฟรีทันทีกล้อง GoPro มูลค่า 11,900 บาท ในวันที่ออกรถ

          - CB300R
          o ราคาพิเศษ 149,800 บาท เฉพาะในงาน
          o รับฟรีเสื้อยืด 300 บาท และกล้อง GoPro มูลค่า 11,900 บาท
          o รับฟรีทันทีกล้อง GoPro มูลค่า 11,900 บาท ในวันที่ออกรถ

          ทั้งนี้พิเศษสุด CUB House ขอมอบ Gift Voucher มูลค่า 3,000 บาท สำหรับซื้ออุปกรณ์ตกแต่งเมือตัดสินใจเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ระดับตำนาน 2 รุ่น ทั้ง Monkey และ C125
          ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้ที่ บูธ G05 บริเวณ "Motorcycle Zone" ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็คเมืองทองธานี ในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35" ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2561 หรือดูรายละเอียดของรถรุ่นต่างๆ พร้อมข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษได้ที่www.aphonda.co.th และติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านทาง เฟสบุคแฟนเพจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า www.facebook.com/hondamotorcyclethailand.com

activity on December 02, 2018, 01:07:16 PM
“ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เผยโฉม “สตรีท ทวิน” และ “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ปี 2019 ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35”

          - พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษจากไทรอัมพ์ "Triumph Exclusive Surprise" สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ภายในงานนี้เท่านั้น









          ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดไฮไลท์รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ส่งท้ายปีเอาใจสาวกโมเดิร์นคลาสสิกต่อเนื่องด้วยสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลบอนเนวิลล์ ได้แก่ "สตรีท ทวิน" (New Street Twin 2019) โฉมใหม่ปี 2019 ราคา 407,000 บาท และ "สตรีท สแครมเบลอร์" (New Street Scrambler 2019) โฉมใหม่ปี 2019 ราคา 489,000 บาท ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ อุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำ และรายละเอียดการตกแต่งตัวรถที่มีสไตล์สวยงามเฉพาะตัว พร้อมแล้วที่จะให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสอย่างใกล้ชิดรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของครั้งแรกก่อนใครในเอเชียแปซิฟิกภายในงาน"มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35" หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ณ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 10 ธันวาคม 2561
          นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35" หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ในครั้งนี้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้จัดเซอร์ไพรส์ใหญ่เอาใจสาวกโมเดิร์นคลาสสิกต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลบอนเนวิลล์ ได้แก่ "สตรีท ทวิน" (New Street Twin 2019) และ "สตรีท สแครมเบลอร์" (New Street Scrambler 2019) โฉมใหม่ล่าสุดปี 2019 ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ อุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำ และรายละเอียดการตกแต่งตัวรถที่มีสไตล์สวยงามเฉพาะตัว มาให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก
          นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า เริ่มต้นที่ไฮไลท์แรกสำหรับรถ "สตรีท ทวิน" โฉมใหม่ (The New Street Twin 2019) รถมอเตอร์ไซค์ที่สืบทอดความเป็นต้นแบบแท้จริงโดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกที่จะพาไปสู่ความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ที่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยพละกำลังและประสิทธิภาพของรถที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด มาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง ขนาด 900 ซีซี ที่ผ่านการปรับปรุงพัฒนา ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10 แรงม้า โดยให้พละกำลังสูงสุดถึง 65 แรงม้า ที่ 7,500รอบต่อนาที พร้อมมอบแรงบิดสูงสุดระดับมหาศาลถึง 80 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเก็บเสียงท่อคู่ (Twin Upswept) ที่มอบเสียงของเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง เข้ากับภาพลักษณ์ของการขับขี่ สตรีท ทวิน ที่สามารถได้ยินและสัมผัสได้เป็นอย่างดี ส่วนด้านคุณลักษณะเฉพาะตัวยังพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและการควบคุมการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เบรกหน้าใหม่จาก Brembo แบบ 4 สูบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกให้ดียิ่งขึ้น โช้คหน้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายมากกว่าเดิม รวมถึงปรับเปลี่ยนท่วงท่าของผู้ขับขี่ให้ขับขี่สบายขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ รวมทั้งเพิ่มความสบายของเบาะนั่งทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขี่ที่สุดแสนเร้าใจ และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ที่มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย
          นอกจากนี้ด้านเทคโนโลยีชั้นนำอันดับหนึ่งจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ABS อันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อสร้างความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) ตอบสนองการขับขี่ที่แม่นยำมากขึ้น ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้ (Traction Control) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คลัตช์แบบผ่อนแรง (Torque Assist Clutch) เพิ่มระยะทางการขับขี่และเพื่อให้ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ช่วยทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้นานขึ้น พร้อมโหมดการขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ ถนน (Road) และฝนตก (Rain) สำหรับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะ ไฟท้าย LED ใหม่ที่ติดตั้งลงในชุดไฟท้ายแบบเปลือยที่ดูดีมีสไตล์ ช่วยให้ไฟท้ายมีรูปแบบที่เฉพาะตัวและประหยัดพลังงาน กุญแจพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด และช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะที่นั่ง ตลอดจนอุปกรณ์ตกแต่งเสริมใหม่ เช่น ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS – Tyre Pressure Monitoring System) เพื่อประสบการณ์และความมั่นใจในการขับขี่จริงที่ดีกว่าเดิม เป็นต้น ในขณะที่ด้านรูปลักษณ์มาพร้อมสไตล์เฉพาะตัวร่วมสมัยที่มากกว่าเดิม อาทิ ล้อซี่หล่อขึ้นรูปอะลูมิเนียมลายใหม่ลงรายละเอียด พร้อมการตกแต่งคุณภาพสูงที่ช่วยเพิ่มมิติใหม่ ๆ ให้แก่รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงโลโก้ของ สตรีท ทวิน แบบใหม่บนแผงด้านข้าง ช่วยเสริมมุมมองที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น รวมถึงการอัพเกรดการตกแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ
          นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมมากกว่า 140 รายการ ให้สามารถสร้างรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้ง่ายกว่าที่เคย รวมถึงมีชุดตกแต่งรถสร้างแรงบันดาลใจ 2ชุด สำหรับใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากจะออกแบบ สตรีท ทวิน ในรูปแบบของตัวเอง หรืออยากจะตกแต่งแบบเต็มรูปแบบ ได้แก่ ชุด Urban Ride สไตล์ Stripped back และชุด Cafe Custom สไตล์เมืองแบบร่วมสมัยอีกด้วย
          ทั้งนี้ สตรีท ทวิน" โฉมใหม่ (The New Street Twin 2019) มาพร้อม 3 สีให้เลือกได้แก่ Matt Ironstone, Korosi Red และ Jet Black ราคา 407,000 บาท พร้อมเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป
          ส่วนอีกหนึ่งรุ่นไฮไลท์ของงาน คือ "สตรีท สแครมเบลอร์" โฉมใหม่ (The New Street Scrambler 2019) รถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมอิสระและความสนุกสนานไร้ขีดจำกัด ซึ่งได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นทั้งด้านพละกำลัง และประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด จนก้าวขึ้นเป็นรถระดับชั้นนำอย่างแท้จริง โดยมาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง 900 ซีซี ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10 แรงม้า สูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที รวมถึงการปรับปรุง ฝาครอบลูกเบี้ยวใหม่ทำจากแมกนีเซียม เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบา เพลาตาย และเพลาถ่วงดุล ฝาครอบคลัตช์ใหม่ และคลัตช์ใหม่น้ำหนักเบา ตลอดจนระบบท่อไอเสียคุณภาพสูง ที่ช่วยส่งมอบเสียงของเครื่องยนต์สแครมเบลอร์อย่างแท้จริง เข้ากับภาพลักษณ์ของการขับขี่ที่เคยได้ยินและสัมผัส ผสานความคล่องแคล่วว่องไว ส่งมอบความตื่นเต้นเร้าใจได้เป็นอย่างดี
          ด้านคุณลักษณะ "สตรีท สแครมเบลอร์" โฉมใหม่ มาพร้อมคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดยได้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งต่อการควบคุมที่แม่นยำพร้อมมอบความรู้สึกปราดเปรียว ด้วยโครงสร้างรถและระบบกันการสั่นสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาผสมผสานกับไดนามิกการขับขี่และสไตล์ อาทิ เบรกหน้า Brembo 4สูบใหม่พร้อมคาลิปเปอร์ โช้คหน้าใหม่ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงรถแบบใหม่ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของสแครมเบลอร์ ที่มีแฮนด์บังคับกว้างกว่าเดิม ที่พักเท้าโน้มไปด้านหน้าและล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ที่มาพร้อมยางรถที่สามารถให้การยึดเกาะเป็นอย่างดีบนพื้นถนนทางเรียบและบนพื้นผิวแบบ Light off-road ตลอดจนตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำลงทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงทุกระดับ
          ส่วนด้านเทคโนโลยีใหม่ชั้นนำอันดับหนึ่งอัดแน่น ประกอบด้วย โหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ ถนน (Road) ฝนตก (Rain) และออฟโรด (Off-Road) ใหม่ โดยโหมดRoad และ Rain จะช่วยปรับแผนที่และการตั้งค่าการควบคุมการยึดเกาะถนน ส่วนโหมด Off-Road ใหม่นี้จะเป็นการปิดระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control) โดยสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเปิดการใช้งานทั้ง 2 โหมดได้อีกในขณะขับขี่ โดยกดปุ่มโหมดค้างไว้ 1 วินาที ส่วนระบบเบรก ABS ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความปลอดภัย และการควบคุมรถให้กับผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น เป็นลักษณะเด่นของ สตรีท สแครมเบลอร์ โฉมใหม่ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถตามเป้าหมายการใช้งานทั้ง 2 แบบที่แท้จริง ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) ตอบสนองการขับขี่ที่แม่นยำมากขึ้น ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คลัตช์แบบผ่อนแรง (Torque Assist Clutch) เพิ่มระยะทางการขับขี่และเพื่อให้ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่อันจะช่วยทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้นานขึ้น ไฟท้าย LEDส่องสว่างโดดเด่น กุญแจพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด และช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะที่นั่ง เป็นต้น ในขณะที่ด้านรูปลักษณ์ใช้งานได้มากขึ้นและสวยงามมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น โลโก้แบบร่วมสมัยใหม่ การตกแต่งสไตล์พรีเมี่ยมใหม่ ชุดเบาะนั่งแบบแอดเวนเจอร์ใหม่ และโช้คคู่หน้าที่กว้างขึ้นเพื่อการขับขี่สไตล์สแครมเบลอร์ที่มากกว่าเดิมและการทรงตัวที่ดีขึ้น รวมถึงโดดเด่นด้วยสไตล์ stripped back
          ทั้งนี้ "สตรีท สแครมเบลอร์" โฉมใหม่ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างโอกาสที่สมบูรณ์แบบให้แก่นักบิดทุกคนได้ปรับแต่งรถในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยอุปกรณ์เสริมให้เลือกสรรกว่า 120 รายการ จึงทำให้สามารถวิ่งบนเส้นทางออฟโรดได้ รวมทั้งมีสไตล์ของตัวเองเหมาะกับการใช้งานในทุกวัน ตลอดจนการรังสรรค์ชุดแต่งรถสร้างแรงบันดาลใจสุดเร้าใจขึ้นมา เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากจะออกแบบ สตรีท สแครมเบลอร์ ในรูปแบบของตัวเอง หรืออยากจะตกแต่งแบบเต็มรูปแบบ ได้แก่ ชุด Urban Tracker สไตล์ Stripped-back ตกแต่งด้วยตัวเองสุดคูล
          โดย "สตรีท สแครมเบลอร์" โฉมใหม่ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่สี Fusion white, Cranberry Red และ Khaki Green / Matt Aluminum พร้อมเส้นขอบซึ่งวาดด้วยมือ สีJet black สนนราคา 489,000 บาท โดยพร้อมเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 เป็นต้นไป
          ขณะที่ภายในงานยังเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกสายลุยตัวจริงที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดอย่าง "สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี" (Scrambler 1200 XC) และ"สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี'' (Scrambler 1200 XE) รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยที่มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนาด 1,200 ซีซี และเกณฑ์มาตรฐานใหม่ทั้งหมด นำเสนอความสามารถแบบ Dual Purpose และสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์น พร้อมด้วยคุณลักษณะเฉพาะและเทคโนโลยีชั้นนำรวมถึงรูปลักษณ์ซึ่งหลอมรวมเข้ากับ DNAของสแครมเบลอร์ของไทรอัมพ์ที่โดดเด่น ตลอดจนความสามารถของรถสไตล์แอดเวนเจอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างแท้จริง ที่สำคัญเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบควบคุมกล้อง GoPro และระบบนำทางแบบ Turn-by–turn ถือเป็นครั้งแรกของรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกยุคใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
          โดย "สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี" (Scrambler 1200 XC) มาพร้อมกับ 2 สีได้แก่ สี Jet Black / Matt Black และสี Khaki Green / Brooklands Green สนนราคาจำหน่ายประมาณการ 613,000 บาท ส่วน "สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี'' (Scrambler 1200 XE) มีให้เลือก 2 สีสุดพรีเมี่ยมเช่นกัน ได้แก่ Fusion White / Brooklands Green และสี Cobalt Blue / Jet Black สนนราคาจำหน่ายประมาณการ 656,000 บาท
          อย่างไรก็ตาม นอกจากกรถมอเตอร์ไซค์ไฮไลท์ข้างต้นแล้ว บูธไทรอัมพ์ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ยังขนทัพรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ครบทุกเซกเมนต์ทุกรุ่นมาโชว์และให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์รุ่น สปีดมาสเตอร์ (Speedmaster) ที่ถูกคัสตอมด้วยชุดแต่ง 'Maverick' แบบจัดเต็มครบชุดมาโชว์เป็นครั้งแรกพร้อมกันนี้ยังมีโซนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ขนมาให้เลือกชมและซื้อกันอย่างจุใจ พร้อมส่วนลดพิเศษสูงสุด 30% ตลอดจนโปรโมชั่นอีกมากมาย พิเศษสุด ๆ สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกรุ่นทุกคันภายในงานเท่านั้นจะได้รับ "Triumph Exclusive Surprise" ลุ้นรับของขวัญเซอร์ไพรส์สุดพิเศษจากไทรอัมพ์อีกด้วย นายจักรพงษ์กล่าวทิ้งท้าย
          โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 - วันที่ 10 ธันวาคม 2561 สอบถามข้อมูลติดต่อ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

          เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:
          ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 620 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไซร้ ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในประเทศบราซิล และประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 60,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

activity on December 02, 2018, 01:07:50 PM
ภาพข่าว: ยามาฮ่ายกทัพรถจักรยานยนต์ครบซีรี่ส์ร่วม มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 เผยโฉม XMAX 300 ใหม่ และ MT-15 พร้อมโชว์MT Concept Bike ดีไซน์แห่งอนาคต และจัดโปรโมชั่นสุดแรงเว่อร์



          นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ (คนที่ 6 จากซ้าย) รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และนายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ (คนที่ 5 จากขวา) รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ และนางสาววราทิพย์ เชยศักดิ์ (คนที่ 5 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดงาน บริษัท มอเตอร์ไซเคิลเอ็กซ์โป จำกัด ถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิดบูธ Yamaha Unlock Your Style อย่างเป็นทางการ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 หรืองานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 โดยยามาฮ่ายกทัพรถจักรยานยนต์ครบทุกซีรี่ส์ร่วมจัดแสดง พร้อมเปิดขาย New Yamaha XMAX 300 ใหม่ พร้อมกับ MT-15 อย่างเป็นทางการ และนำรถต้นแบบ MT Concept Bike แห่งอนาคตมาร่วมเผยโฉม พร้อมกันนี้ยามาฮ่าได้จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษแบบแรงเว่อร์มาต้อนรับผู้เข้าชมงานทั้งสแตนดาร์ดไบค์ และบิ๊กไบค์ กันแบบจุใจ ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 นี้ ณ บูธ "Yamaha Unlock Your Style" G03อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

activity on December 02, 2018, 01:08:32 PM
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดหนักส่งท้ายปี อวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA พร้อมเปิดตัว 2 รถหรูแรงตระกูลเอเอ็มจี ในมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35









          บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมพร้อมเข้าสู่งานมหกรรมจัดแสดงรถยนต์ สุดยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี 'มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018' ส่งตรงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA จากต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ล่าสุด จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้แก่ CLS 53 4MATIC+ ในราคา 7,090,000 บาท มาเอาใจคนไทยที่ชื่นชอบความหรูหราระดับ พรีเมี่ยม ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเต็มพิกัด ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และน้องใหม่ ในตระกูล AMG GT อย่าง Mercedes-AMG GT S ในราคา 14,900,000 บาท พร้อมขนทัพยนตรกรรม รุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงอีกกว่า 26 คัน ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี
          มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้นำเสนอรถยนต์ที่หลากหลายจากทั้ง 4 แบรนด์ภายใต้หลังคาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด และตอกย้ำความเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยมอันดับหนึ่ง โดยภายในบริเวณบูธเราได้แบ่งโซนการจัดแสดงรถยนต์ออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ภายใต้ แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car และ SUV รวมถึงแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรี อย่างเมอร์เซเดส-มายบัค รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยม อย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง EQ Power เพื่อแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสรถยนต์แต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น"
          "หนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนจะได้พบในปีนี้ คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซ็ปต์ อีคิวเอ รถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์อีคิวที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์กลุ่มคอมแพค โดยรถยนต์รุ่นนี้ได้ผสานความคล่องตัวอันน่าประทับใจเข้ากับระยะทางในการขับขี่ที่ยาวไกล ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ผ่านการใช้สถาปัตยกรรมซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ที่สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มทุกแนวคิดเกี่ยวกับการเดินทางแห่งอนาคต และการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้วางรากฐานไว้เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานไปจนถึงปี 2025"
          "และไฮไลท์ถัดมาคือการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในด้านยนตรกรรมสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ 'เมอร์เซเดส เอเอ็มจี' ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญ และมีอัตราการเติบโตประมาณ 400% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในครั้งนี้นับเป็นการสานต่อความร้อนแรงของรถยนต์กลุ่มเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี หลังจากที่บริษัทฯ ได้จัดทดสอบสมรรถนะรถยนต์กลุ่มนี้ครบทั้งตระกูลเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในเดือนที่ผ่านมา โดยภายในงานบริษัทฯ ได้เปิดตัวยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ล่าสุด จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้แก่ CLS 53 4MATIC+ และน้องใหม่ในตระกูล AMG GT อย่าง Mercedes-AMG GT S เพื่อเอาใจสาวกดาวสามแฉกที่ชื่นชอบรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ" มร. โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม
          มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นอกจากรถยนต์ต้นแบบ EQA ที่ทางบริษัทฯ นำมาจัดแสดงแล้ว เรายังได้ทำการเปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่นใหม่จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่าง Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ผลลัพธ์ของการผสมผสานเครื่องยนต์ที่ให้กำลัง 435 แรงม้ากับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในสร้างสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะให้หรูหรา หลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่เป็นอย่างดี และสุดท้ายกับอีกหนึ่งน้องใหม่ ในตระกูล AMG GT อย่าง Mercedes-AMG GT S รถยนต์แบบคูเป้ที่ใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบาแบบ spaceframe เครื่องยนต์ V8 Biturbo เกียร์คลัทช์แบบ 7 สปีด เพื่อ เอาใจคนรักความเร็วและแรงโดยเฉพาะ"
          "ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เราได้ขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจำนวนกว่า 8 รุ่น ครบทั้งตระกูลครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ในรุ่น 45 ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ รถซาลูนรุ่นประกอบในประเทศ และรถยนต์สไตล์คูเป้ รุ่น 43 หรือรถยนต์รุ่น 53 นำเข้าที่เพิ่งเปิดตัวในครั้งนี้ รวมถึงรถยนต์เครื่องแรงที่สุดในรุ่น 63 และตระกูล AMG GT ครบทั้ง GT S GT C และ GT R มากที่สุดเท่าที่เคยร่วมงานจัดแสดงรถยนต์ เพื่อมาให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด โดยในปัจจุบันหลังจากการเปิดตัวในวันนี้ ทางบริษัทฯ จะมีรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่วางขายในประเทศไทย จำนวนทั้งหมด 13 รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG C 63 S Coupe, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG GT C Roadster, Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT S" มร.ฟรังค์ กล่าวเพิ่มเติม

          ข้อมูลผลิตภัณฑ์
          เมอร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซ็ปต์ อีคิวเอ รถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์อีคิวที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์กลุ่มคอมแพค ด้วยระบบขับเคลื่อนซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งชุดที่เพลาหน้า และอีกหนึ่งชุดที่เพลาท้าย ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้กำลังสูงสุดกว่า 200 กิโลวัตต์ โดยสไตล์การ ขับขี่ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ ผ่านการปรับการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อให้แบ่งกำลังไปยังล้อหน้า และล้อหลังในรูปแบบที่แตกต่างกัน
          โดยคอนเซ็ปท์ อีคิวเอ คือผลจากการนำปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity มาตีความใหม่ พร้อมกับขับเคลื่อนแนวคิด Modern Luxury ให้พัฒนาสู่ความเป็น Progressive Luxury โดย ลบองค์ประกอบที่เป็นสัน และเส้นออกไป และก้าวสู่ความบริสุทธิ์หมดจดในอีกระดับ สัดส่วนที่น่าตื่นตารวมถึงพื้นผิวที่ราบรื่นไร้รอยต่อ เมื่อผสานกับกราฟิกเร้าอารมณ์ที่เกิดจากการใช้ แผงด้านหลังแบบไฮเทคสีดำ บ่งบอกถึงความเป็นที่สุดของการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้รถยนต์คันนี้ดูมีเสน่ห์อย่างแท้จริง นอกจากนี้รถยนต์คันนี้ได้เพิ่มความสวยงามภายนอก ด้วยเทคโนโลยี ไฟส่องสว่างที่โดดเด่นด้วยเลเซอร์ไฟเบอร์ โดยที่ตัวกลางซึ่งถูกกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์ได้ถูกฝังไว้ในแกนกลางของเคเบิ้ลใยแก้ว ไฟรูปทรงขดเกลียวเล็กๆ สวยสะดุดตาช่วยเน้นย้ำแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งด้วยการออกแบบที่ชวนให้นึกถึงขดลวดทองแดงในมอเตอร์ไฟฟ้า และ ภาพการเคลื่อนไหวที่ให้มโนภาพถึงการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้า
          มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบได้เพิ่มกำลังขับเคลื่อนมากขึ้นกว่า 200 กิโลวัตต์ ด้วยผลของระบบแบตเตอรี่แบบเพิ่มขยายส่วนประกอบได้ ตลอดจนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาที่ให้สมรรถนะอันปราดเปรียวอย่างน่าประทับใจ โหมดการขับขี่ 2 รูปแบบ คือ "Sport" และ "Sport Plus" ปรับเปลี่ยนแรงบิดที่ส่งไปยังล้อหน้า และล้อหลังในอัตราที่แตกต่างกัน จึงเลือกบุคลิกการขับขี่ในแต่ละแบบได้ แผงสีดำบริเวณตอนหน้าของรถ ทำหน้าที่เป็นกระจังหน้าแบบเสมือน และจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามโหมดการขับขี่ที่ใช้ โดยในโหมด "Sport" กระจังจะแสดงภาพปีกติดเปลวเพลิงในแนวนอน ส่วนในโหมด "Sport Plus" ภาพที่แสดงจะเป็นเส้นขีดแนวตั้งรูปกระจังหน้าในแบบแพนอเมริกาน่า ด้วยโหมดการทำงานแบบอัจฉริยะของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รถต้นแบบ คอนเซ็ปท์ อีคิวเอ สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ที่ติดตั้งเอาไว้ด้วย ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูงนี้ เป็นแบบเซลล์กระเป๋า (Pouch Cell) ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัทย่อยของเดมเลอร์ คือ บริษัท ดอยท์ช แอคคิวโมทิฟ ซึ่งผลจากการออกแบบในแบบโมดูลาร์ ทำให้ระบบแบตเตอรี่ชนิดนี้มีความจุรวมเฉพาะรุ่นมากกว่า 60 kWh
          คอนเซ็ปท์ อีคิวเอ สามารถชาร์จไฟฟ้าผ่านการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction) หรือ วอลล์บ็อกซ์ และยังรองรับการชาร์จเร็ว (Rapid Charging) อีกด้วย ในส่วนของวิสัยทัศน์ด้านการใช้บริการสถานีประจุไฟฟ้าสาธารณะจะเป็นการมุ่งสู่ "การชาร์จที่ราบรื่นไร้ปัญหาติดขัด" โดยบริการที่ใช้ระบบ Mercedes me นี้ จะทำให้การชาร์จ และการจ่ายค่าบริการในสถานีประจุไฟฟ้าแห่งต่างๆ เป็นเรื่องที่แสนง่ายดาย
          Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล 53 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานเครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตรที่ให้กำลัง 320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) กับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด รถยนต์ตระกูลนี้มีระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) ที่สามารถเสริมกำลังให้เครื่องยนต์ได้ ถึง 16 กิโลวัตต์ รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นอีกถึง 250 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ ระบบอีคิวบูสท์เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วย
          สำหรับดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบแผงบังคับลมคู่สีเงิน ชุบโครเมี่ยม วัสดุเก็บขอบด้านข้างแบบพิเศษ กระโปรงหลังรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดรับกับ ปลายท่อไอเสียทรงกลมทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20" พร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
          ดีไซน์ภายในของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล 53 รุ่นใหม่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะให้หรูหรา หลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และ Controller ที่ผู้ขับขี่จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 รูปแบบได้แก่ "Classic" "Sport" และ "Progressive" อีกทั้งยังสามารถเลือกแสดงข้อมูลต่างๆ ได้เพิ่มเติมตามต้องการอีกด้วย โดยผู้ขับขี่ยังจะสามารถควบคุมรถด้วยพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester(R) surround sound system
          ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่มีมาอย่างมากมายเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE(R) Plus และระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) นอกจากนี้ เทคโนโลยีเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีเลือกใช้เป็นระบบเกียร์ที่ตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+ แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension ที่ทำงานโดยอัตโนมัตินั้นยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกรื่นรมย์มากยิ่งกว่าที่เคย ทั้งนี้ ระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์เป็นระบบที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาให้รองรับกับแนวคิดการปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคของรถยนต์สมรรถนะสูงที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด ระบบไฟฟ้าดังกล่าวจึงรองรับระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ไฮบริด ทั้งโหมดบูสท์ การประจุพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากแรงเบรก (recuperate) การสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า (load point shift) การขับเคลื่อนโดยใช้เพียงแรงเฉื่อยซึ่งเกิดจากการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า (gliding) หรือแม้แต่ การสลับการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยระบบ start/stop ที่เรียบลื่น
รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/

รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(วินาที)

ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

เบนซิน                แถวเรียง 6 สูบ

2,999

435 /               6,100

520 /

1,800-5,800

4.5

250


          Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ราคา 7,090,000 บาท

          Mercedes-AMG GT S น้องใหม่ ในตระกูล AMG GT ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบกันสะเทือน ตลอดจนดีไซน์ทั้งภายในและภายนอก เป็นสปอร์ตตัวล่าสุดจาก เมอร์เซเดส
          ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยการออกแบบฝากระโปรงหน้าแบบ jet wing ที่แสดงให้เห็นถึง ความกว้าง ปราดเปรียว ดูลู่ขนานไปกับพื้นถนน กระจังหน้าแบบเอเอ็มจี สอดรับกับฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ล้อหลังขนาด 20 นิ้ว ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance โครงสร้างตัวรถน้ำหนักเบาแบบ spaceframe ผลิตจากอลูมิเนียม แม็กนีเซียม และเหล็กกล้า ซึ่งทำให้ตัวรถมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีเหล็กคานขวางอลูมิเนียมที่ช่วยปกป้องขณะพลิกคว่ำและยังมีวัสดุดูดซับเสียงรบกวนเพิ่มเติมอีกด้วย
          ดีไซน์ภายใน ตกแต่งเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัย AMG Performance Steering wheel หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะแบบเอเอ็มจีที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน เพิ่มความสปอร์ตแต่หรูหรา ด้วยวัสดุโครเมียมสีเงินบน คอนโซลกลาง ช่องแอร์ และที่พักแขน แผงหน้าปัดกว้าง ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับ ถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะใน การขับขี่
          ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ Mercedes-AMG GT S มีระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน ระบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT 5 โหมด Comfort, Sport, Sport+, RACE และ Individual ประกอบกับระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-Speed Sport transmission ที่ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงโดยเฉพาะเกียร์ 3-7 รองรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตด้วยการติดตั้งปุ่มชิฟท์เกียร์สีเงินที่พวงมาลัยเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แมนนวลได้อย่างสนุกสนาน

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/

รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(วินาที)

ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)

Mercedes-AMG GT S

V8

เทอร์โบคู่

3,982

522/6,250

670/1,900-5,000

3.8

310


          Mercedes-AMG GT S ราคา 14,900,000 บาท

          ซึ่งนอกเหนือจากรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทุกท่านยังจะได้พบกับทัพยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ อีกกว่า 26 คัน ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และเมอร์เซเดส-มายบัค รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยี EQ Power และข้อเสนอพิเศษสุดมากมายเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า อาทิ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท (สินค้ามีจำนวนจำกัด) สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 7 รุ่นที่ร่วมรายการ อย่าง CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ในระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2561
          รวมถึงข้อเสนอจาก บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กับโปรแกรม starPLUS ที่เพิ่มความคุ้มครองให้เต็ม 100% ในกรณีที่รถยนต์สูญหายหรือเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss) มอบให้กับผู้ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำสัญญารถยนต์ใหม่กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง และเลือกซื้อความคุ้มครองจาก Mercedes-Benz Protection (ยกเว้นลูกค้าประเภทฟลีท) เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น และความอุ่นใจในการตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่
          และอีกหนึ่งสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นใดก็ได้ในช่วงงาน Motor Expo พร้อมรับรถและเริ่มต้นสัญญารถใหม่เฉพาะประเภทสัญญาเช่าทางการเงิน (Finance Lease) และมายสตาร์ (mySTAR) กับทางบริษัทฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 16,000 บาท
          ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 สามารถเลือกระหว่าง รับอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน หรือส่วนลดเงินดาวน์สำหรับทุกประเภทสัญญา ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารผ่านช่องทางบัญชีทางการ LINE@ ในชื่อ @mblt ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
          เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดและยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปหรือมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ระหว่าง วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี

activity on December 02, 2018, 01:09:54 PM
Mercedes-Benz Offers Tempting Year-end Highlights, Presents EQA Prototype & Launches 2 Luxury AMG Models at 35th Motor Expo









   Mercedes-Benz (Thailand) Company Limited is exceptionally well-prepared for the big automotive fair "Motor Expo 2018" with the import of the EQA prototype and the launch of two new Mercedes-AMG models, delighting Thai customers who appreciate the blend of premium luxury and powerful performance. CLS 53 4MATIC+ is priced at 7,090,000 baht while Mercedes-AMG GT S is available at 14,900,000 baht. In addition to these two new models, Mercedes-Benz also showcases 26 other vehicles at the 35th Motor Expo from 29 November to 10 December 2018 at IMPACT Challenger Hall, Muang Thong Thani.
          Mr. Roland Folger, President and CEO of Mercedes-Benz (Thailand) Limited, said, "We continue to present our products under all four brands conceived and nurtured by Mercedes-Benz Thailand. We always strive to fulfill the sophisticated needs of our customers and simultaneously strengthen the image of Mercedes-Benz as a prominent brand of premium automobiles. Our pavilion features four zones to cover all categories of Mercedes-Benz vehicles namely Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car and SUV. We even exhibit ultra-luxury vehicles under Mercedes-Maybach premium sports vehicles and plug-in hybrid vehicles under "EQ Power". Customers have the opportunity to get up close with each category of our superior automobiles."
          "This year, a highlighted feature at our pavilion is Mercedes-Benz Concept EQA. This prototype showcases how the exciting EQ strategy will be applied to our future compact vehicles. Suitable for daily use, this EQA has impressive agility and an amazingly long driving range of about 400 kilometers thanks to our well-developed architecture for pure electric vehicles. Its presence reaffirms our commitment to fulfill every future travel concept and comprehensive green lifestyle, which constitutes a strategy that Mercedes-Benz will implement until 2025," he continued.
          "We also proudly emphasize our status as the leader of high-performance vehicles during the expo through our "Mercedes AMG". This important brand has now enjoyed about 400% growth rate when compared with the same period a year earlier. We trust that the Motor Expo 2018 will help maintain the momentum of Mercedes-AMG's growing popularity. As we completed the full range of Mercedes-AMG test drive last month, we can today bring two new models to the expo. They are CLS 53 4MATIC+ and the latest model from AMG GT, Mercedes-AMG GT S. Both promise to impress Mercedes-Benz fans who love high-performance vehicles," concluded Mr. Folger.
          Mr. Frank Steinacher, Vice President of Sales and Marketing of Mercedes-Benz (Thailand) Limited, said, "On top of showcasing the innovative EQA prototype, we launch two new models from Mercedes-AMG. The first, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, combines a powerful 435-hp output with a sporty style and high efficiency. Its interior and exterior design is upgraded and differentiated to deliver the luxury of the latest high-performance car. The second coupe, Mercedes-AMG GT S, is the combination of a lightweight aluminium spaceframe, a V8 biturbo engine, and a seven-speed dual clutch transmission designed especially to please lovers of speed and powerful performance."
          "At Motor Expo 2018, it is the first time that we showcase our 8 high-performance cars under the Mercedes-AMG brand that cover all segments for our customers to be able to take a closer look. It starts from the 45 model Compacts that come with a 4-cylinder engine, the locally produced saloons and the 43 model coupes, the 53 model CBU car that is being launched today, the most powerful 63 model car, and the very first time that we gather the most AMG GT fleets, namely GT S, GT C, and GT R, in a single car show. After the launch of two new models today, we have as many as 13 Mercedes-AMG models in the Thai market. They are Mercedes-AMG A 45 4MATIC, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG C 63 S Coupe, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+, Mercedes-AMG GT C Roadster, Mercedes-AMG GT R, and Mercedes-AMG GT S," Mr. Steinacher added.

          Product Information
          Mercedes-Benz Concept EQA demonstrates how the EQ strategy can be introduced to the compact class. Featuring one electric motor at the front axle and one at the rear, it has a system output of over 200 kW. The drive characteristics can be altered by varying the permanent all-wheel drive's front to rear torque distribution.
          Its exquisite design is a result of reinterpreted Sensual Purity philosophy. The reinterpretation upgrades Modern Luxury to Progressive Luxury for this concept vehicle, with creases and lines eliminated and the next level of purity achieved. Boasting stunning proportions, seamless flowing surfaces, combined with stimulating graphics using high tech black panels, it is definitively a bold design statement of being simply sexy. For extra appeal, it deploys laser- fibre light technology. As a laser-activated medium is embedded in the centre of a fibre-optic cable, the eye-catching spiral-shaped light signet underlines the electric concept with its design evoking the copper windings of an electric motor the animation visualising electrical impulses.
          Backed by two electric motors and scalable battery components, its system output can be increased to over 200 kW. Permanent all-wheel drive, moreover, delivers impressive dynamic performance. The two drive programs "Sport" and "Sport Plus" offer a different front to rear torque distribution, allowing a choice of individual drive characteristics. The black panel at the front-end acts as a virtual radiator grille and changes its look according to the drive program. In the "Sport" drive program the grille depicts a flaming wing in horizontal format, while in "Sport Plus" mode vertical struts in the style of a Panamericana radiator grille are displayed.
          In combination with the intelligent Mercedes-Benz operating strategy, the Concept EQA achieves a range of around 400 kilometres, depending on the battery capacity installed. The highly efficient lithium-ion battery with pouch cells is supplied by the Daimler subsidiary Deutsche ACCUMOTIVE. Thanks to their modular design, the innovative battery systems have a model-specific total capacity of over 60 kWh.
          The Concept EQA can be charged via induction or wallbox and is also ready for rapid charging. The vision for using public charging stations is "seamless charging". So, this Mercedes me-based service makes it easy to charge and pay at different charging stations.
          Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ The 53-series models come with the 6-cylinder in-line 3.0 litre engine which combines a powerful 320 kW (435 hp) output with a sporty style and high efficiency. The EQ Boost starter generator briefly provides an additional 16 kW of output plus 250 Nm of torque and feeds the 48 V on-board electrical system. It unites the starter and alternator in one electric motor and is integrated between the engine and transmission.
          On exterior design, it boasts a unique look with a twin-blade radiator grille in silver chrome. AMG-specific side sill panels also lend a more dynamic silhouette. Viewed from the tail end, it is the restyled rear apron with its classically round tailpipe trims which catches the eye. The model also comes equipped with AMG Sports exhaust system, sporty 20-inch five-twin-spoke alloy wheels, and MULTIBEAM LED which is superior to standard LED (having 19 LED lamps per headlamp) for enabling various practical features to suit driving conditions such as driving at intersections/circles, driving in cities, and driving in harsh weather conditions. Its electric sunroof, moreover, offers a panoramic view.
          On interior design, this new model welcomes its passengers with model-specific, exclusive appointments, and luxurious materials. For extra comfort and convenience, it integrates a 12.3-inch digital screen that works perfectly with MB Audio 20, Touchpad and Controlller. The driver can select the display look in the three styles "Classic", "Sport" and "Progressive" and configure the individually relevant information and views. AMG performance steering wheel is also included to make sure the wheel perfectly fits the driver and boosts driving confidence Road trips can become a true pleasure as this model can adjust lighting and color in as many as 64 patterns to best suit its users. Burmester(R) surround sound system, meanwhile, adds further delight.
          Safety and Technology are well integrated into Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+. Among the prominent features are AMG DYNAMIC SELECT, PRE-SAFE(R) Plus system, and Head-up display. Moreover, the extremely fast-shifting AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission, which allows smooth shift in transmission, the fully variable AMG Performance 4MATIC+ all-wheel drive and the autonomous AMG RIDE CONTROL+ air suspension also help to create the dynamic driving experience. The 48 V on-board electrical system is therefore paving the way for further hybridisation. The functions include boost, recuperate, load point shift, gliding and the virtually imperceptible restarting of the engine with the start/stop function.

Model

Engine

Combustion engine output (kW/hp)

Combustion engine output (kW/hp)

Max. torque

Combustion engine (Nm)

Acceleration

0-100 km/h (s)

Top Speed (km/h)

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

6-cylinder benzene engine

2,999

435 / 6,100

520 /

1,800-5,800

4.5

250


          Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ is priced at 7,090,000 baht
          Mercedes-AMG GT S, the latest model from AMG GT, is a great coupe that enjoys upgraded engine, braking system, suspension system, and interior/exterior design.
          On exterior design, the front apron in jet wing style emphasises the car's width, making it sit flatter on the road, and goes perfectly with the signature AMG front featuring a long and powerful hood. Large outer air inlets, meanwhile, guarantee the greater supply of cooling air to the turbocharger. This model hits the market with 19-inch front wheels and 20-inch back wheels. Its headlamps boast LED High Performance and its lightweight aluminium spaceframe is made from magnesium/steel/aluminium which helps keep the vehicle's centre of gravity low. Additional roll-over protection is provided by an integrated aluminium cross-member, while the inserted acoustic mat minimises noise.
          On interior design, the low Nappa-leather seating position makes the driver feel like sitting inside a cockpit. The model also comes with AMG Performance Steering wheel. The optionally available AMG Performance seats provide even more lateral support with a more heavily contoured backrest and seat cushion side bolsters. This sporty model exudes luxury for featuring silver-chrome centre console surround, air vent bezels and door armrests' trim strips. The dashboard places a firm emphasis on width, creating an impression of a powerful wing. Colors inside the center console can change for maximum driving pleasure.
          Safety and Technology of Mercedes-AMG GT S comes in the form of coveted features. AMG RIDE CONTROL, for example, provides double-layer structure to maintain the balance of wheels and prepares top springs for efficient suspension. Five driving programs of AMG DYNAMIC SELECT, namely Comfort, Sport, Sport+, RACE and Individual, and AMG SPEEDSHIFT DCT 7-Speed Sport transmission ensure the driver takes less time to shift gears particularly between 3 and 7. For fun driving, the driver has the option to activate the manual transmission mode anytime and change gear using the steering-wheel shift paddles instead.

Model

Engine

Combustion engine output (kW/hp)

Combustion engine output (kW/hp)

Max. torque

Combustion engine (Nm)

Acceleration 0-100 km/h (s)

Top Speed (km/h)

Mercedes-AMG GT S

V8

Twin Turbo

3,982

522 / 6,250

670 /

1,900 – 5,000

3.8

310


          Mercedes-AMG GT S is priced at 14,900,000 baht

          Mercedes-Benz Thailand presents not just its new models but also 26 other exciting models at the Motor Expo 2018. Covering all car segments from Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach as well as EQ Power technology brand. Limited amount of iPhone XS Max 256GB, worth 49,900 baht, will also be given to those who purchase any of these 7 Mercedes-Benz model: CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD, and GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, between 13 November – 31 December 2018.
          Moreover, Mercedes-Benz Leasing (Thailand) has just launched a free insurance program under the name "starPLUS" for customers who sign a new contract with Mercedes-Benz Leasing and insure with Mercedes-Benz Protection (fleet customers excluded). Called "starPLUS", the program gives customers ultimate peace of mind with 100% coverage of their vehicle and the exclusive option to switch to a new car in case of an accident deemed as a total loss - all free of charge.
          In addition, customers who book any Mercedes-Benz model at the Motor Expo and have their car delivered and contract started by 31 December 2018 will receive a fuel voucher worth 16,000 baht for a finance lease or mySTAR plan.
          Buyers who purchase the GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD or the GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic by 31 December 2018 will be eligible to choose between 0% interest for a 48-month hire purchase plan or a down payment discount for any plan. Mercedes-Benz Leasing Thailand has also recently launched the official LINE@ account named "@mblt" to provide additional information and updates on our services and products.
          Mercedes-Benz invites you to discover the most innovative automobiles at its pavilion during the 35th Motor Expo between 29 November and 10 December 2018 at IMPACT Challenger Hall 1 Muang Thong Thani.

activity on December 02, 2018, 01:11:34 PM
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดแสดงยานยนต์รุ่นใหม่ที่มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35









          บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดแสดงยานยนต์ใหม่ 2 รุ่น ที่สะท้อนแนวคิดการจัดมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ พัฒนาให้ 'แกร่ง ลุยทุกอุปสรรค' ควบคู่กับความสำเร็จของกระบะมิตซูบิชิตลอดระยะเวลา 40 ปี และ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น สะท้อนความสำเร็จที่แตกต่างด้วยการยกระดับความหรูหรา ภาพลักษณ์ และสมรรถนะ
          "รูปแบบการจัดบูธของเราในปีนี้ได้สะท้อนตามแนวคิดของผู้จัดงานฯ ที่ว่า 'ขับสนุก! ก่อนยุคไร้คนขับ' เพราะ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มิได้คิดค้นแต่เฉพาะเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับและระบบขับขี่อัตโนมัติสำหรับอนาคตเท่านั้น แต่เรายังคงมุ่งมั่นมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้แก่ลูกค้าในปัจจุบันอีกด้วย" มร. โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
          "นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ยนตรกรรมของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สามารถสร้างปรากฎการณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ซึ่งในวันนี้เราได้พิสูจน์อีกครั้งด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ และ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น" มร. ชกกิ กล่าวเพิ่มเติม
          มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ 'แกร่ง ลุยทุกอุปสรรค' ดีไซน์แกร่งถึงขีดสุดด้วยเอกลักษณ์การออกแบบด้านหน้าแบบ Advanced 'Dynamic Shield' และเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะพร้อมลุยบนทุกเส้นทางทั้งบนถนนปกติและเส้นทางขรุขระ ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ เพื่อการตอบสนองและรองรับการใช้งานทุกรูปแบบ นอกจากนี้ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ยังถือเป็นยานยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งทำการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ และนับเป็นการฉลองครบ 40 ปีแห่งความสำเร็จของรถกระบะมิตซูบิชิอย่างยิ่งใหญ่
          ขณะเดียวกัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังจัดแสดง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น ซึ่งได้รับการตกแต่งเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่ "ความสำเร็จที่แตกต่าง" ลูกค้าสามารถเลือกความหรูเหนือระดับได้ 2 สี 2 สไตล์ ทั้ง สีดำ Jet Black Mica และ สีขาวมุก White Pearl มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น ตกแต่งด้วยชุดแต่งพิเศษระดับพรีเมียม เพื่อยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบาย
          มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 654,000 บาท ขณะที่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,459,000 บาท
          ภายในบูธของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังจัดแสดง มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รถยนต์ซิตี้คาร์ มิตซูบิชิ แอททราจ และมิตซูบิชิ มิราจ ตลอดจนรถอเนกประสงค์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รุ่นมาตรฐาน
          พร้อมกันนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังใช้โอกาสดังกล่าวนำเสนอบริการอันเป็นเลิศแก่ลูกค้ารถมิตซูบิชิทั้งเก่าและใหม่ "เราดูแล คุณแค่ขับ" เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกการขับขี่และการใช้งานรถมิตซูบิชิอย่างไร้กังวล ครอบคลุมทั้ง 5 มิติการให้บริการ ได้แก่
          - Genuine Service: บริการด้วยความเป็นเลิศ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
          - Genuine Parts: มั่นใจได้ในอะไหล่แท้ราคามาตรฐานที่ช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น และมีการบริหารจัดการอะไหล่เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการรอ
          - Genuine Technicians: บริการโดยทีมงานผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนโดยตรงจากสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)
          - Genuine Performance: มุ่งมั่นให้บริการ เพื่อคงคุณภาพรถยนต์ให้คงสมรรถนะได้อย่างยาวนาน
          - Genuine Network & Accessibility: สะดวกยิ่งขึ้นด้วย M-Drive แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการจากเครือข่ายผู้จำหน่ายมากกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

          นอกจาก "เราดูแล คุณแค่ขับ" แล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยยังพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษทั้งภายในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 และที่เครือข่ายผู้จำหน่ายมิตซูบิชิทั่วประเทศ อาทิ ชุดแต่ง มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ พร้อมส่วนลดพิเศษ 10% จากราคาปกติ ทั้ง 3 แพคเกจ ประกอบด้วย
          - ชุด Protection: แผงป้องกันด้านหน้า กรอบกระจกข้างและบันไดข้างประตู
          - ชุด Sporty: ชุดแต่งใต้กันชนหน้า ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และหัวเกียร์
          - ชุด Stylish: ชุดกันชนหน้าและราวกันชน
          ลูกค้าที่สนใจ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ สามารถเลือกรับแพคเกจอุปกรณ์ตกแต่งแท้พร้อมส่วนลด 10% จากราคาปกติ เพื่อให้รถครอสโอเวอร์ของคุณโดดเด่นด้วยชุดแต่ง 2 สไตล์ ได้แก่
          - ชุด Decor: โลโก้ ถาดวางของ และคิ้วกันสาด
          - ชุด Aero: แผงช่องดักลมที่ด้านหน้า ด้านข้างและด้านท้าย

          และพิเศษสุดสำหรับเจ้าของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สามารถเลือกแพคเกจชุดแต่งพิเศษ ประกอบด้วย คิ้วซุ้มล้อ ชุดป้องกันมุมตัวถังรถ ชุดแต่งใต้กันชนหลังและด้านข้าง หรือ อีกแพคเกจที่เพิ่มบันไดข้าง โดยชุดแต่งทั้ง 2 แพคเกจ มาพร้อมกับส่วนลดสุดเร้าใจถึง 40% จากราคาปกติ

          ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับการขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปี ด้วยแคมเปญตรวจเช็ครถก่อนเดินทาง "เช็คกับตัวจริง มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง" ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561นี้
          - ฟรีเช็คสภาพรถยนต์ 22 รายการ
          - ฟรีไส้กรองเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้
          - ส่วนลด 10% สำหรับเคมีภัณฑ์
          - ส่วนลด 300 บาท เมื่อนำแบตเตอรี่เก่ามาเปลี่ยนใหม่

          สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสยนตรกรรมคุณภาพจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย พร้อมติดต่อทดลองขับ และรับโปรโมชั่นพิเศษเมื่อจองรถมิตซูบิชิภายในงานฯ ได้ที่บูธ A7 ภายในมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ที่  อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอล์ 1-3 เมืองทองธานี

          เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
          บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์การผลิตที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส และยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์มิตซูบิชิ ไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีคุณภาพสูง เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า ในปี พ.ศ. 2561 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยฉลองการผลิตรถยนต์ครบ 5 ล้านคัน และได้เปิดทำการ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) อย่างเป็นทางการที่ จ. ปทุมธานี ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกอบด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มิตซูบิชิ แอททราจ มิตซูบิชิ มิราจ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพสูงสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยใช้สนามทดสอบสมรรถนะในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพัฒนารถต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตและการผลิตเพื่อจัดจำหน่าย ซึ่งสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด
          สำหรับลูกค้าที่สนใจชม หรือทดลองขับรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่างๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 วันจันทร์ – วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 8:30-17:00 น.
          ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่

          Website: www.mitsubishi-motors.co.th
          Facebook: www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
          Instagram: @MitsubishiMotorsTh
          Youtube Channel: Mitsubishi Motors Thailand
          Line Official Account/ ID: Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh