wmt on November 15, 2018, 08:42:52 AM
มาสเตอร์การ์ดชี้ กรุงเทพฯ ครองแชมป์อันดับหนึ่งสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกติดต่อกันเป็นปีที่สาม จากผลสำรวจประจำปี 2561 สามเมืองท่องเที่ยวไทย กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา ยกขบวนยึดตำแหน่งใน 20 อันดับต้นกรุงเทพมหานคร - 26 กันยายน 2561 – ผลสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ดฉบับที่ 7 ประจำปี 2561 (Mastercard Global Destination Cities Index, GDCI 2018) ระบุ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในผลการสำรวจทั่วโลกที่มีเมืองท่องเที่ยวถึงสามแห่งติดอยู่ใน 20 อันดับต้น ทั้งนี้อ้างอิงจากผลการสำรวจจากมาสเตอร์การ์ดที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้
ผลการสำรวจล่าสุดระบุว่า กรุงเทพฯ คือเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของโลกที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเยือนและพักแรมมากที่สุด ถือเป็นการครองอันดับหนึ่งครั้งที่ห้าในรอบหกปี (นับจากปี 2555) และเป็นการครองอันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่สามแล้วสำหรับกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทยแห่งนี้ โดยในปีนี้มีภูเก็ตและพัทยาติดโผเข้ามาอยู่ใน 20 อันดับต้นด้วยเช่นกัน ในตำแหน่งที่ 12 และ 18 ตามลำดับ
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ภูเก็ตได้ก้าวเข้ามาอยู่ใน 10 อันดับต้นในแง่ของมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่มีการรวมภูเก็ตและพัทยาเข้าไว้ในการสำรวจส่วนนี้ และมีการเพิ่มเมืองสำรวจจาก 132 เมืองในปี 2559 เป็น 162 เมืองในปี 2560
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพักแรมเป็นจำนวนสูงถึงกว่า 20 ล้านคน ทำให้กรุงเทพฯ สามารถเบียดลอนดอน (19.83 ล้านคน) ให้รั้งอันดับสองอีกครั้งเหมือนปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ชาติที่มาเยือนไทยมากที่สุดยังคงเป็นเหมือนเช่นปี 2560 ซึ่งก็คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
โดนัลด์ ออง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ของมาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “ความจริงที่ว่าไทยเป็นประเทศเดียวที่มีเมืองน่าเที่ยวถึงสามแห่งติดอยู่ในยี่สิบอันดับต้น ตอกย้ำถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่มีเสถียรภาพ การผสมผสานที่ลงตัวทั้งในเรื่องงานและการพักผ่อน รวมไปถึงเสน่ห์ในวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยที่ใครๆ ต่างหลงใหล ยิ่งกว่านั้น ความพยายามจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หรือหน่วยงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาระดับการเติบโตที่เหนือกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้ต่อเนื่องต่อไป”
“ประเทศไทยมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกหลายรายการในปีที่ผ่านมา และรัฐบาลไทยได้ขยายข้อยกเว้นให้แก่นักท่องเที่ยวที่พักระยะสั้น และมีการเพิ่มจุดตรวจคนเข้าเมืองพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ไม่น่าจะแพงเท่าเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น ปารีส สิงคโปร์ หรือกรุงโซล เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้กรุงเทพฯ ยังคงครองอันดับหนึ่งสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลก และเราก็รู้สึกดีใจที่ปีนี้ภูเก็ตได้ก้าวเข้ามาอยู่ในสิบอันดับต้นร่วมกับกรุงเทพฯ เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินจากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว”
ทุกเมืองจุดหมายปลายทางทั้งสิบอันดับต้นในการสำรวจของปี 2560 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักแรมเพิ่มขึ้นทั้งหมด ยกเว้นในกรุงโซลที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่พักแรมลดลง แต่การคาดการณ์ในปี 2561 นั้น ระบุว่าทุกเมืองน่าจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อิสตันบูล ซึ่งน่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากที่สุด
สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลก 10 อันดับต้น
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ค้างคืนในปี 2560 คาดการณ์ความเติบโตในปี 2561 ระยะเวลาพักแรมโดยเฉลี่ย การจับจ่ายใช้สอยโดยเฉลี่ยต่อวัน
กรุงเทพฯ 20.05 ล้านคน 9.6% 4.7 คืน $173
ลอนดอน 19.83 ล้านคน 3.0% 5.8 คืน $153
ปารีส 17.44 ล้านคน 2.9% 2.5 คืน $301
ดูไบ 15.79 ล้านคน 5.5% 3.5 คืน $537
สิงคโปร์ 13.91 ล้านคน 4.0% 4.3 คืน $286
นิวยอร์ค 13.13 ล้านคน 4.1% 8.3 คืน $147
กัวลาลัมเปอร์ 12.58 ล้านคน 7.5% 5.5 คืน $124
โตเกียว 11.93 ล้านคน 1.6% 6.5 คืน $154
อิสตันบูล 10.70 ล้านคน 19.7% 5.8 คืน $108
โซล 9.54 ล้านคน 6.1% 4.2 คืน $181
การใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวในแต่ละเมืองนั้นไม่เท่าเทียมกัน ดูไบยังคงเป็นที่หนึ่งสำหรับเมืองที่นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเงินมากที่สุดเมื่อพักค้างคืนโดยเฉลี่ยต่อวันต่อคนอยู่ที่ 537 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ 17,500 บาท) ตามมาด้วยเมืองเมกกะ ในซาอุดิอาราเบียซึ่งติดอันดับเป็นครั้งแรกในลำดับที่สอง และน้องใหม่อีกสองเมืองคือ ปัลมา เด มายอร์กาในสเปน และภูเก็ตของไทย และในบรรดาเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดนั้น อิสตันบูลกลับเป็นเมืองที่ นักท่องเที่ยวใช้จ่ายต่อวันต่ำสุดอยู่ที่ 108 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (หรือราวๆ 3,500 บาท) เท่านั้น
สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกตามลำดับการใช้จ่าย
ยอดค่าใช้จ่ายรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักแรม ในปี 2560 (เหรียญสหรัฐ) คาดการณ์ความเติบโตในปี 2561 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน(เหรียญสหรัฐ)
ดูไบ $29.70 พันล้าน 7.8% $537
เมกกะ $18.45 พันล้าน 7.4% $135
ลอนดอน $17.45 พันล้าน 13.7% $153
สิงคโปร์ $17.02 พันล้าน 7.4% $286
กรุงเทพฯ $16.36 พันล้าน 13.8% $173
นิงยอร์ค $16.10 พันล้าน 4.1% $147
ปารีส $13.05 พันล้าน 16.0% $301
ปัลมาเดมายอร์กา $11.96 พันล้าน 16.2% $220
โตเกียว $11.91 พันล้าน 7.8% $154
ภูเก็ต $10.46 พันล้าน 12.6% $239
“การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสังคมเมืองยุคใหม่ในหลายๆ แห่ง เพราะช่วยยกระดับเศรษฐกิจและเติมเต็มความพึงพอใจให้ทั้งผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองและผู้มาเยือน หลายๆ เมืองจึงต้องเร่งยกระดับมาตรฐานในการหาสิ่งแปลกใหม่ที่จะมอบให้ทั้งความทรงจำและประสบการณ์ดีๆ แก่นักท่องเที่ยว” มิเกล กามิญโญ จูเนียร์ รองประธานฝ่ายบริหารเมืองสากลของมาสเตอร์การ์ดกล่าว “เราร่วมมือกับหลายๆ เมืองทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้ข้อมูลเชิงลึกและมีเทคโนโลยีที่ช่วยดึงดูดและอำนวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยว พร้อมๆ ไปกับรักษาเอกลักษณ์ที่ทำให้จุดหมายปลายทางนั้นๆ มีความพิเศษที่ดึงดูดให้ผู้คนมาเยือนตั้งแต่แรก”
ไม่ว่าเหตุผลของการเดินทางจะเป็นเรื่องงาน หรือการพักผ่อน มาสเตอร์การ์ดได้ร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย ทั้งในส่วนของ การท่องเที่ยว การวางแผนเมือง ธนาคาร รวมถึงร้านค้าต่างๆ ทั่วโลก และในไทย เพื่อที่จะ
• บ่งชี้และช่วยการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ที่ท้าทายชีวิตคนเมืองด้วยโซลูชั่นด้านดิจิตัลและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เมื่อไม่นานนี้ มาสเตอร์การ์ดได้เปิดตัว City Possible ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับสากลสำหรับเมือง สถาบันวิจัย และองค์กรธุรกิจในภาคเอกชน เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่อาจส่งผลถึงหลายฝ่ายผ่านความร่วมมือและประสานงานกัน
• ให้การเข้าถึงบริการสำคัญๆ ในเมืองต่างๆ เป็นเรื่องง่าย อาทิ บริการขนส่งมวลชน ในกว่า 100 เมือง (และเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ) ที่ให้นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่สามารถใช้บัตรมาสเตอร์การ์ดที่มีอยู่แล้วชำระค่าเดินทางได้ทันทีด้วยเทคโนโลยีของมาสเตอร์การ์ด
• ให้ผู้คนได้เดินทางท่องโลกด้วยความอุ่นใจ โดยมอบแผนการเดินทางที่สะดวกสบาย พร้อมการเชื่อมต่อที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด สู่จุดหมายปลายทางได้อย่างไร้กังวล ด้วยการตอบรับที่ดีจากผู้ค้าหลายล้านแห่งทั่วโลก
• สร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ด้านอาหาร บันเทิง และการช้อปปิ้ง ในเมือง Priceless Cities 42 แห่งทั่วโลก รวมถึง กรุงเทพฯ ลอนดอน ปารีส และอีกมากมายในรายการ
เกี่ยวกับดัชนีผลสำรวจสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางของโลกโดยมาสเตอร์การ์ด
ดัชนีมาสเตอร์การ์ดสำหรับเมืองจุดหมายปลายทางของโลก เป็นการจัดลำดับเมืองต่างๆ โดยวัดจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าที่มีการพักค้างคืนทั้งหมด รวมถึงการใช้จ่ายข้ามพรมแดนในเมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกันนี้ในปี 2560 พร้อมคาดการณ์ถึงจำนวนนักท่องเที่ยวและอัตราการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในปี 2561
การวิเคราะห์ข้อมูลด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าที่มีการพักค้างคืน ตลอดจนข้อมูลด้านการใช้จ่ายข้ามพรมแดนของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในเมืองจุดหมายปลายทางทั้ง 162 แห่ง เป็นการอ้างอิงมาจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
การคาดการณ์นี้อ้างอิงจากพยากรณ์การท่องเที่ยวของแต่ละประเทศและนำข้อมูลที่ได้มาถ่วงน้ำหนักเพื่อหาค่าเฉลี่ย ร่วมกับข้อมูลจริงที่รวบรวมได้ในแต่ละเดือนจากเมืองต่างๆ ในปี 2561 ซึ่งจะเป็นข้อมูลถึงเดือนล่าสุดก่อนเดือนที่มีการออกรายงาน
ดัชนีและรายงานที่มาพร้อมกันนี้มิได้อ้างอิงจากยอดขายหรือข้อมูลทางธุรกรรมของมาสเตอร์การ์ด
เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด
MasterCard (NYSE: MA เว็บไซต์ www.Mastercard.com) เป็นบริษัทเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการชำระเงินระดับสากล เครือข่ายกระบวนการชำระเงินที่ครอบคลุมทั่วโลกของบริษัทฯ เชื่อมต่อผู้บริโภค สถาบันการเงิน ผู้ค้า หน่วยงานรัฐบาล และ ธุรกิจในกว่า 210 ประเทศ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นของมาสเตอร์การ์ดช่วยให้ธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจับจ่ายซื้อสินค้า การท่องเที่ยว การดำเนินธุรกิจ และการจัดการทางการเงิน เป็นเรื่องง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง ติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ ได้ทางทวิตเตอร์ที่ @MastercardNews ร่วมสนทนากับบริษัทฯ ผ่านทาง Beyond the Transaction Blog เพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดผ่าน Engagement Bureau
« Last Edit: November 15, 2018, 08:47:29 AM by wmt »
Logged