activity on October 22, 2018, 10:05:49 PM






ปอร์เช่มุ่งเน้นลงทุนในภารกิจหลักพัฒนากระบวนการผลิตรูปแบบใหม่พร้อมเพิ่มเติมหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากร

ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างแท้จริงกับ ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ (The new Porsche Taycan)






สตุ๊ทการ์ท.ด้วยการทุ่มงบประมาณลงทุนสูงถึง 6,000 ล้านยูโรพร้อมด้วยบุคลากรคุณภาพกว่า 1,200 ตำแหน่งทั้งหมดนี้เพื่อการถือกำเนิดของปอร์เช่ไทคานน์(Porsche Taycan)เท่านั้น พร้อมกับการมุ่งมั่นปรับปรุงพัฒนาสายการผลิตใหม่ Porsche Production 4.0 ผสานกับแคมเปญเผยแพร่องค์ความรู้ให้กระจายทั่วถึงทุกภาคส่วนภายในองค์กร: ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นต่อพันธกิจการสร้างสรรค์อนาคตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า บริษัทผู้ผลิตยนตรกรรมสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลก กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ และนี่คืออีกหนึ่งครั้งที่หน้าประวัติศาสตร์วงการยานยนต์จะต้องจารึกเอาไว้

“เราคาดการณ์ว่าภายในปี 2025กว่า50เปอร์เซ็นต์ ของรถยนต์ปอร์เช่รุ่นใหม่ที่วางจำหน่าย จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า” ข้างต้นคำกล่าวของ Lutz Meschkeรองประธานและสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้รับผิดชอบกำกับดูแลส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของปอร์เช่งบประมาณดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลงทุนในภาคปฏิบัติอีกด้วยอาทิ การพัฒนาหน่วยงานและปรับปรุงกรรมวิธีการผลิต นอกจากนี้ยังรวมถึงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในแง่ของผลกำไรขั้นต้นซึ่งจะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์นั้นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด"นอกเหนือจากกระบวนการผลิตที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ ในส่วนของรายรับจากผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลควรจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากความสำเร็จของธุรกิจหลักของเรา"Meschke กล่าวเสริม

อีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงศักยภาพระดับสูงของกระบวนการผลิตรถยนต์และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในสายการผลิตปอร์เช่ไทคานน์ใหม่ (The new Porsche Taycan)นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า“factory within a factory” ในโรงงานหลักที่Zuffenhausenปอร์เช่เริ่มส่งสัญญาณที่บ่งบอกถึงการยกระดับตนเองออกจากขั้นตอนการผลิตรูปแบบเดิมAlbrecht Reimoldสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้ดูแลรับผิดชอบสายการผลิตและโลจิสติกส์อธิบายว่า: “ด้วยการนำกระบวนการผลิตแบบยืดหยุ่นมาปรับใช้งาน ปอร์เช่จะกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ใช้ระบบการขนส่งของสายงานแบบ driverless transport systems อย่างต่อเนื่องในสายพานการผลิต” สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการผสมผสานข้อได้เปรียบนานับประการระหว่างวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมอันรวดเร็วและวิธีการผลิตแบบยืดหยุ่นที่เต็มไปด้วยความอเนกประสงค์ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการดังกล่าวยังช่วยเพิ่มจำนวนรอบในการปฏิบัติงานให้สูงขึ้น โดยที่ใช้พื้นที่ในการผลิตเท่าเดิมด้วยแนวคิดที่ยึดตามหลัก“smart, green, lean”ปอร์เช่ยังสามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรสำหรับการผลิตได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วยกระบวนการผลิตปอร์เช่ ไทคานน์ (PorscheTaycan)นั้นไม่ก่อให้เกิดมลพิษจากสารประกอบคาร์บอนสายการผลิตแห่งนี้ตั้งเป้าหมายเพื่อการเป็นโรงงานที่ปราศจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยสมบูรณ์ในอนาคต

การผลิตปอร์เช่ไทคานน์(Porsche Taycan)ช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 1,200 งานให้แก่โรงงานZuffenhausen “ปอร์เช่ ไทคานน์(Porsche Taycan)นับเป็นหนึ่งในโครงการที่สร้างสรรค์ตำแหน่งงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท” Andreas Haffnerสมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนงานทรัพยากรบุคคลและพัฒนาสังคม กล่าวย้ำความสำคัญ พนักงานใหม่ทุกคนจะไม่เพียงทำหน้าที่ผลิตไทคานน์ (Taycan)เท่านั้น; แต่พวกเขายังรับบทบาทในการผลิตรถสปอร์ต 2 ประตูรุ่นอื่นๆอีกด้วยเป้าประสงค์หลักของปอร์เช่สำหรับรองรับการมาถึงของไทคานน์(Taycan)คือการสร้างสรรค์ทีมงานที่เต็มไปด้วยส่วนผสมอันลงตัวระหว่างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการผลิตรถสปอร์ตกับบุคลากรรุ่นใหม่การพัฒนาดังกล่าวประกอบด้วยหลักสูตรการฝึกอบรมพิเศษสำหรับบุคคลจำนวนมากซึ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วยการเนรมิตโถงของโรงงานผลิตZuffenhausenให้กลายเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เพื่อการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลมากกว่า 1,200ช่องทางการฝึกอบรมและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาหลักสูตรได้โดยอิสระและตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรแต่ละคนนอกจากนี้สำหรับพนักงานปัจจุบันสามารถเข้าร่วมการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยแห่งยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าจากปอร์เช่

ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดขององค์ความรู้ที่มีการเคลื่อนไหวและถ่ายทอดระหว่างสายงานมอเตอร์สปอร์ตและสายการผลิตรถยนต์ปกตินั้นจำเป็นต้องได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ รถแข่งปอร์เช่919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid)ผู้พิชิตชัยชนะจากการแข่งขัน Le Mans มาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้นวัตกรรมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้า 800โวลต์ที่ได้รับการติดตั้งใน ไทคานน์(Taycan)คือสิ่งที่ส่งต่อมาจากรถแข่งพลังแรงคันดังกล่าวระบบขับเคลื่อนสุดล้ำที่เป็นหัวใจหลักของปอร์เช่ 919(Porsche 919) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดบรรทัดฐานให้กับแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าในรถยนต์: ไม่ว่าจะเป็นชุดแบตเตอรี่ การจัดวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมไปถึงปริมาณความจุและกระบวนการชาร์จพลังงานทั้งหมดข้างต้นล้วนแล้วแต่ผ่านการค้นคว้า วิจัย พัฒนาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้เหมาะสมกับศักยภาพระดับสูงของระบบ800 โวลต์ปอร์เช่ผลักดันทุกความเป็นไปได้โดยมีจุดมุ่งหมายในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมในด้านเทคนิคให้หมดสิ้นไปโดยแบตเตอรี่แบบ liquid-cooled lithium-ionเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้สามารถสนองตอบต่อเงื่อนไขของการประลองความเร็วบนสนามแข่งขันอันสุดแสนทรหดปอร์เช่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีมากมายมาเป็นระยะเวลายาวนานจนกระทั่งประสบความสำเร็จด้วยการสร้างอุปกรณ์กัก

เก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีความจุมหาศาลอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน สำหรับไทคานน์ (Taycan)ผลจากความล้ำหน้าของสถาปัตยกรรม 800 โวลต์คือเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพชั้นเลิศในการชาร์จพลังงานย้อนกลับมายังแบตเตอรี่lithium-ion ด้วยระยะเวลาเพียง 4 นาทีสามารถชาร์จพลังงานเพียงพอสำหรับการเดินทางไกลถึง 100 กิโลเมตร(ทดสอบตามมาตรฐาน NEDC)การถ่ายทอดข้อมูลความรู้ในลักษณะดังกล่าวจะได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้น หลังจากปอร์เช่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Formula E ตั้งแต่ฤดูกาล 2019/2020

กระบวนการ Quick charging มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบชาร์จพลังงานสำหรับยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั่นคือเหตุผลที่โครงการปอร์เช่ E-Performance ตัดสินใจลงมือพัฒนาในหลากหลายจุดครอบคลุมทั้งระบบสาธารณูปโภคที่สามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาการใช้งานทั้งภายในที่พักอาศัยและระหว่างการเดินทางด้วยปริมาณความจุพลังงานไฟฟ้าสูงสุดกว่า 22กิโลวัตต์ระบบ Porsche Mobile Charger Connect จึงถึงพร้อมด้วยความรวดเร็วสะดวกสบาย และเมื่อทำการชาร์จพลังงานให้แก่ ไทคานน์(Taycan)ในยามจอดข้ามคืนที่บ้านผู้ใช้งานสามารถทำการชาร์จผ่านระบบเทคโนโลยีเหนี่ยวนำ หรือ inductive technology ได้อีกด้วย ในส่วนของการจับมือทำธุรกิจกับพันธมิตรชั้นนำอย่างIonity– ซึ่งร่วมดำเนินงานกับ BMW, Daimler และ Ford – ปอร์เช่จะก่อสร้างและเปิดให้บริการสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้ากำลังสูงซึ่งติดตั้งหัวจ่ายความจุ 350กิโลวัตต์ กว่า 400 แห่งทั่วภาคพื้นยุโรปภายในสิ้นปี 2019ในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกา เครือ VW Groupและบริษัทผู้ให้บริการด้านสถานีพลังงานชั้นนำ Electrify America จะเริ่มทำการติดตั้งจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้า(ความจุสูงสุด 350กิโลวัตต์) ในกว่า300 สถานีตลอดเส้นทางมอเตอร์เวย์ตั้งแต่ปี2019นอกจากนี้ปอร์เช่ยังมีแผนติดตั้งจุดบริการชาร์จพลังงานแบบAC เพิ่มเติมมากกว่า 2000 แห่งอาทิ ภายในบริเวณโรงแรมต่างๆในกว่า20 ประเทศในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับกำหนดการเปิดตัวของปอร์เช่ ไทคานน์ (PorscheTaycan) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเข้าถึงโครงข่ายการชาร์จพลังงานผ่านบริการPorsche charging serviceอย่างทั่วถึง โดยโครงข่ายดังกล่าวจะรับบทบาทในการตอบสนองการใช้งานสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าทั่วทั้งทวีปยุโรป และเป็นการร่วมกันบริหารจัดการจากหลากหลายผู้ให้บริการ ทั้งนี้ปอร์เช่จะรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok  โทร.02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn  โทร.02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
« Last Edit: October 22, 2018, 10:13:02 PM by activity »