อีริคสันจัดแสดงโชว์เคสในงานGSMA - Mobile 360 ระหว่างวันที่ 5-7กันยายน 2561 กรุงเทพมหานคร
อีริคสันจับมือจูนิเปอร์ชูEnd to End 5G Transport
การนำEnd to End 5G Transportมาจัดแสดงในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่จะเผยให้เห็นถึงความร่วมมือกันระหว่างอีริคสันและจูนิเปอร์ในการนำเสนอโซลูชั่นลำเลียงข้อมูลบนเครือข่าย 5GแบบEnd to End ได้อย่างครบวงจร โดยการเชื่อมต่อระบบสัญญาณวิทยุสู่ระบบเครือข่ายหลักเพื่อยกระดับการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความซับซ้อนของข้อมูลอันมหาศาลไปด้วยได้ในเวลาเดียวกัน
ความร่วมมือระหว่างอีริคสันและจูนิเปอร์จะอำนวยความสะดวกอย่างยิ่งแก่ผู้ให้บริการในการเข้าสู่รูปแบบบริการบนโครงข่าย 5G ผ่านโซลูชั่นแบบผสมผสานอย่างรัดกุมชมการสาธิตของโซลูชั่นนี้ได้ที่บูธอีริคสันในงาน GSMA - Mobile 360
5G Core
ระบบ 5G Core ของอีริคสันช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานโครงข่ายสื่อสารไร้สาย 5G ได้ผ่านNetwork Slicing หรือเครือข่ายแบบแยกส่วน ซึ่ง Network Slicing นี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการสามารถจัดสรรพื้นที่สำหรับ virtual networks หรือเครือข่ายเสมือนให้ทำงานบนเครือข่ายปกติ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานสำหรับกลุ่มลูกค้าหรือรูปแบบบริการเฉพาะทางได้อย่างตรงจุด ในวันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าระบบนี้มีส่วนช่วยผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมบางรายให้สามารถบุกเบิกเข้าสู่ตลาดการสื่อสารยุค 5G ได้ก่อนใคร เพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจ
พื้นที่จัดแสดงส่วนนี้จะสาธิตระบบ5G Core รวมถึงงานศึกษาวิจัยล่าสุดว่าระบบนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของผู้ให้บริการในด้านใดบ้าง ทั้งนี้ด้วยความร่วมมือกับ Intelอีริคสันได้แสดงให้เห็นถึงกรณีศึกษาของการนำระบบ 5G Core ไปใช้ในงานด้านความปลอดภัยสาธารณะที่จำเป็นต้องอาศัยระบบ 5G core
กรณีศึกษาการใช้5GและIoT ในงานด้านความปลอดภัยสาธารณะ
5G จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความหลากหลายในภาคอุตสาหกรรม และรูปแบบการใช้งาน อาทิ ด้านเทคโนโลยีความจริงเสริม (Augmented Reality- AR) และความจริงเสมือน (Virtual Reality - VR) ที่ยังคงอยู่ในช่วงต้นๆ ของการพัฒนา รวมถึงการนำไปใช้ในงานด้านอื่นๆ เช่น ด้านความปลอดภัยสาธารณะ
การสาธิตในส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงกรณีศึกษาในงานด้านความปลอดภัยสาธารณะว่าเทคโนโลยี VR และ AR และการใช้งานแบบDistributed Edge นั้นมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านการประสานงานและการตัดสินใจได้อย่างไรเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัยครั้งใหญ่ในโรงแรมที่มีการออกแบบที่ซับซ้อนกลางเมืองท่องเที่ยว โดยจะมีการจำลองเหตุการณ์โดยสาธิตให้มีผู้ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าชุดกู้ภัยที่ต้องคอยประสานงานและออกคำสั่งกระจายหน้าที่ให้กับบุคคลต่างๆ เพื่อช่วยเหลือ
และกู้ภัย ซึ่งเหตุการณ์จำลองต่างๆ ในการสาธิตนี้ จะชี้ให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยี VR และ AR นั้นมีส่วนช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้นเพียงใด และอำนวยความสะดวกในการกู้ภัยได้อย่างไร จากความหลากหลายในการใช้งานผ่านระบบประมวลผลแบบCloud และโครงสร้าง Distributed Cloud Architectures
5 กรณีศึกษาที่เกี่ยวกับMassive IoT
จากรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนมิถุนายน 2561 คาดการณ์ว่า การเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่เพื่อการใช้งาน IoT นั้นจะทะยานขึ้นแตะ 3,500 ล้านเครื่องในปี 2566 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 30นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้งานเทคโนโลยี IoT เพื่อระบบการสื่อสารไร้สายขนาดใหญ่ อาทิ NB-IoT และ Cat-M1 ซึ่งมีส่วนผลักดันให้จำนวนการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่เพื่อการใช้งาน IoT เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ได้เปิดให้มีการใช้งานโครงข่าย IoT สำหรับอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ในเชิงพาณิชย์มากกว่า 60 โครงข่ายผ่านเทคโนโลยี Cat-M1 และ NB-IoT
การที่มีอุปกรณ์ IoT ใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการต้องสร้างระบบนิเวศที่สามารถรองรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นส์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับลดต้นทุนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายลง การสาธิตในส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการว่าจะสามารถใช้ระบบนิเวศได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่ากับการลงทุนได้อย่างไร รวมไปถึงการยกตัวอย่างการใช้งานในธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมและน่าจับตามอง
กรณีศึกษาที่ 1:เป็นเรื่องของ Massive IoT Portal ที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพันธมิตร ผู้ประกอบการ และบริษัทฯ ต่าง ๆ นั้นสามารถซื้อแพ็คเกจAPI ต่างประเภทกันได้ กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ให้บริการจะสามารถขายและทำเงินจากแพ็คเกจต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง
กรณีศึกษาที่ 2:เป็นเรื่องของการใช้งานสำหรับผู้พัฒนาระบบของพันธมิตรและผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการจะสามารถสนับสนุนผู้พัฒนาระบบให้ก้าวผ่านระยะต่างๆ ของ API ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งในหน้าโฮมเพจของ Developer Portalนั้นจะมีการแสดงให้เห็นถึงวิธีเรียนรู้ทำความเข้าใจ เชื่อมต่อ และบริหารทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
กรณีศึกษาที่ 3:จะเน้นในเรื่องของการใช้งาน การรองรับ และจัดการกับอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยี NB-IoT และ CAT-M1
กรณีศึกษาที่ 4:จะเน้นในเรื่องของการเฝ้าระวังผ่านอุปกรณ์ เช่น การตรวจดูพื้นที่ การตรวจดูระดับแบตเตอรี่ ฯลฯ อีริคสันแสดงให้เห็นผ่านกรณีศึกษาจริงว่า SCEF จะสามารถบอกได้อย่างไรว่ากำลังมีคนขโมย UE/Device ออกนอกพื้นที่ และอีกกรณีหนึ่งจะแสดงให้เห็นว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อระดับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ต่าง ๆ กำลังลดต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้
กรณีศึกษาที่ 5:ส่วนนี้จะแสดง API dashboard ให้เห็นว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อแอพพลิเคชั่นส์ต่างๆ ส่งสัญญาณมายัง SCEF รวมถึงแสดงการจัดสรรโควต้าAPI จำเพาะต่างๆ ให้กับพันธมิตร